Wednesday, 21 May 2025
TheStatesTimes

รอเลย “สุพัฒนพงษ์” ยันรัฐบาลพร้อมเลื่อน คนละครึ่ง เพส 4 เร็วขึ้น

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า หลังจากมีกรณีของการจัดทำโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 หลังจากกระทรวงการคลังกำลังดูแนวโน้มว่าอยากให้เร่งผลักดันโครงการออกมาเร็วขึ้นจากกำหนดเดิมจะเริ่มต้นในเดือนมี.ค.  – เม.ย.2565 นั้น เรื่องนี้มีแนวโน้มเป็นไปได้ว่าจะผลักดันโครงการออกมาให้เร็วขึ้น แต่คงต้องหารืออีกครั้ง และประเมินสถานการณ์ความเหมาะสม อีกทั้งยังกำลังพิจารณามาตรการอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย ส่วนจะมีการทำโครงการคนละครึ่งไปทั้งปีนี้เลยหรือไม่ คงต้องมาคุยกันก่อน 

ขณะที่สถานการณ์ราคาสินค้าแพงในปัจจุบัน ยืนยันว่า รัฐบาล และนายกรัฐมนตรีก็แสดงความห่วงใยถึงผลกระทบกับประชาชน โดยได้ติดตามสถานการณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตลอด ซึ่งสถานการณ์ราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้นในขณะนี้ เชื่อว่า น่าจะเป็นแค่ปัญหาระยะสั้น หลังจากพิจารณาอัตราเงินเฟ้อตอนนี้ยังอยู่ที่ประมาณ 2% ถือว่ายังอยู่ในกรอบเป้าหมายที่กำหนดไว้ 1-3% 

ตั้งสติ!! “ห้ามโอนเงินโดยเด็ดขาด” โฆษก ตร. เตือนภัยออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกโอนเงิน

13 ม.ค.65 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในห้วงเวลาปัจจุบัน ได้มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงพี่น้องประชาชนในหลายรูปแบบ อาทิเช่น หลอกว่าได้รับรางวัล หลอกว่าเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด หรือปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วให้เพิ่มเพื่อนผ่านแอปพลิเคชันไลน์ โดยปลอมเป็นไลน์ของสถานีตำรวจ เพื่อหลอกเอาข้อมูลส่วนตัว หรือหลอกให้หลงเชื่อว่าทำผิดกฎหมายเพื่อโอนเงินแลกกับการไม่ดำเนินคดี ซึ่งในขั้นตอนสุดท้ายมิจฉาชีพจะโน้มน้าวให้ “โอนเงิน” ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นั้น  ขอให้ท่านตั้งสติ และห้ามโอนเงินเด็ดขาด

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากภัยร้ายทางโลกออนไลน์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความมุ่งมั่นที่จะปราบปรามอย่างจริงจัง จึงได้ตั้ง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เพื่อปฏิบัติภารกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องดังกล่าว อย่างเข้มงวด เพื่อลดความสูญเสียทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็น ผู้อำนวยการศูนย์ฯ

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีนโยบายให้ประชาสัมพันธ์เตือนภัย และให้ความรู้กับพี่น้องประชาชน เพื่อให้รู้เท่าทันมิจฉาชีพ เสมือนเป็นวัคซีนเพื่อป้องกันภัยร้ายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cyber Vaccinated) และได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ปฏิบัติหน้าที่กวาดล้างมิจฉาชีพอย่างเข้มข้น รวดเร็ว เพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพอีกต่อไป จึงอยากขอเน้นย้ำกับพี่น้องประชาชนว่า หากท่านพบว่ามีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และดำเนินการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ให้สันนิษฐานว่าเป็นมิจฉาชีพ ขอให้ท่านตั้งสติ และห้ามโอนเงินโดยเด็ดขาด

 

อาเซียนพร้อมไหม? ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’! | Click on Clear THE TOPIC EP.126

📌เปิดโลก ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ ในอาเซียน!! ไปกับ ‘ดร.ปิติ ศรีแสงนาม’ ผู้อำนวยการศูนย์อาเซียนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย !
📌ใน Topic​ : อาเซียนพร้อมไหม? ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’!

จับประเด็น เน้นความรู้ในรายการ Click on Clear THE TOPIC

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา PROGRAM DIRECTOR THE STATES TIMES

.

.

รองเลขาฯ พท. ไม่เห็นด้วยรีดภาษีคริปโต ชี้ไม่ใช่ภัยคุกคาม แนะ ‘ตัดแต่ง’ ไม่ใช่ ‘ตัดตอน’

13 ม.ค. 65 - นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และผู้อำนวยการศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีภาษีคริปโทเคอร์เรนซี (คริปโตฯ) ว่า ปัจจุบันการต่อสู้ทางความคิดระหว่างนโยบายการเงินแบบเดิม กับคริปโทเคอร์เรนซีนั้นยังไม่สะเด็ดน้ำ ธนาคารกลางจำเป็นต้องเรียนรู้อีกมากถึงความเป็นไปได้ของการผสานนโยบายการเงินแบบเดิม ควบคู่กับคริปโตฯ หรือแม้แต่การปล่อยให้คริปโตฯ เป็นส่วนหนึ่งของระบบการเงิน และคริปโตฯ ก็ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมาก ในการทำหน้าที่เป็นเงินตราดิจิทัล เป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยน หรือแม้แต่มีการพูดกันไปไกลถึงการแทนที่ระบบธนาคารกลางเลย ซึ่งปัจจุบันยังเป็นเครื่องหมายคำถามที่ตัวใหญ่มากที่คริปโตฯ ต้องพยายามตอบ

วันนี้ยังไม่มีใครรู้ถึงทิศทางการพัฒนา วันนี้เรารู้แค่ว่าระบบการชำระเงินเดิมมีข้อจำกัด ธนาคารกลางเองก็ไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังเร็วไปมากที่จะสรุปว่าคริปโตฯ เป็นคำตอบ และเร็วไปมากที่ภาครัฐจะตัดสินใจเชิงนโยบายบนความไม่รู้ว่า จะเปิดรับ ต่อต้าน ปิดกั้น หรือสนับสนุนอย่างไร จึงไม่เห็นด้วยกับการเร่งรีบกระโจนเข้าเก็บภาษีคริปโตฯ ของกรมสรรพากร ซึ่งถือเป็นมาตรการที่มีผลในเชิงต่อต้านการพัฒนาการของระบบการเงินรูปแบบใหม่นี้ ทั้งๆ ที่ในภาพใหญ่ในเชิงนโยบายยังไม่ได้ข้อสรุป สรรพากรข้ามไปคุยเรื่องเก็บภาษีอย่างไรแล้ว ทั้งที่ในภาพใหญ่เรายังไม่สะเด็ดน้ำเลยว่าควรจะเก็บหรือไม่ และเก็บเมื่อไหร่

‘หมอเก่ง’ ชี้!! ข้อมูลวัคซีนเป็นความลับ ทั้งที่รัฐควรมีหน้าที่ป้องกันอย่างเข้มงวด 

‘วาโย - ก้าวไกล’ โต้!! ‘อนุทิน’ ข้อมูลวัคซีนและเลขบัตรประจำตัวประชาชนเป็นความลับ ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย รัฐไม่ควรปล่อยให้ใครก็ได้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของประชาชน

จากกรณีที่อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงว่า ข้อมูลของประชาชนที่ฉีดวัคซีนไม่ได้รั่ว และข้อมูลดังกล่าวไม่ได้ถือว่าเป็นความลับ เมื่อกรอกหมายเลข 13 หลักในหมอพร้อมก็จะพบข้อมูลนี้นั้น ทาง นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า ตนรู้สึกตกใจมากที่เจ้ากระทรวงที่ดูแลข้อมูลส่วนตัวของประชาชนทั้งประเทศ ไม่ให้ความสำคัญกับปกป้องข้อมูลของประชาชน

“ปัจจุบัน ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่ามาก เพราะสามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์และคาดการณ์อะไรได้อีกมาก หลายประเทศที่เขาตระหนักเรื่องนี้ ตนถือว่ามันเป็นความมั่นคงของประชาชนเลยด้วยซ้ำ ทีนี้ของประเทศไทย ควรจะต้องมี พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล หรือ PDPA ออกมาใช้ตั้งนานแล้ว แต่มันก็ยังไม่มีผลบังคับใช้สักที แล้วพอผู้มีอำนาจออกมาบอกว่าข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้เป็นความลับอะไร มันก็แสดงให้เห็นว่ารัฐไทยไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้แบบสุดๆ ไปเลย”

นพ.วาโย กล่าวต่อว่า แม้ PDPA จะยังไม่มีผลบังคับใช้ แต่ปัจจุบันก็มีกฎหมายเฉพาะคุ้มครองข้อมูลสุขภาพของประชาชนบังคับใช้อยู่แล้ว เขาชวนให้ทุกคนคิดตามโจทย์ทางกฎหมายว่า มาตรา 7 ของพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ระบุว่า ข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคลเป็นความลับส่วนบุคคล ใครจะนำไปเปิดเผยในลักษณะที่จะทำให้บุคคลนั้นเสียหายไม่ได้ เว้นแต่คนนั้นจะยินดีเปิดเผยเอง

“แล้วข้อมูลวัคซีนถือเป็นข้อมูลสุขภาพหรือไม่? ก็ต้องย้อนไปดู พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 มาตรา 4 ระบุว่า การประกอบวิชาชีพเวชกรรมมีการรักษา บำบัด หรือป้องกันโรค ดังนั้น การฉีดวัคซีนเพื่อการป้องกันโรค ก็ถือว่าเป็นข้อมูลการรักษา เป็นข้อมูลสุขภาพ ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ผู้ใดจะเปิดเผยไม่ได้”

‘หมอสันต์’ เปิดหลักฐานความรุนแรง ‘โอมิครอน’ ชี้ อัตราตายใกล้ศูนย์ - ต่ำกว่าเดลตา 9 เท่า

13 มกราคม 2565 นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ศัลยแพทย์หัวใจและผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ครอบครัว เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ drsant.com โดยระบุถึง “หลักฐานวิทยาศาสตร์ชิ้นแรกเรื่องความรุนแรงของโอไมครอนในสหรัฐอเมริกา” มีเนื้อหาว่า ความกลัวโอไมครอนทั่วโลกส่วนหนึ่งเกิดจากการที่มีการแพร่ข่าวเรื่องความรุนแรงของโรคนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกาในประเด็นต่างๆ เช่น การที่ยอดผู้ป่วยถูกแอดมิทไว้รักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น การตายเพิ่มขึ้น เด็กป่วยมากกว่าผู้ใหญ่และตายมากกว่าผู้ใหญ่ เป็นต้น ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงแค่ข่าว ไม่ใช่หลักฐานวิทยาศาสตร์ แต่ตอนนี้หลักฐานวิทยาศาสตร์ของจริงออกมาแล้ว เป็นงานวิจัยที่แคลิฟอร์เนียซึ่งสปอนเซอร์โดยศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐฯ (CDC) มีศูนย์ประสานงานการวิจัยอยู่ที่ยูซี.เบอร์คเลย์ ซึ่งผมขอสรุปผลให้ฟังดังนี้

งานวิจัยนี้ทำกับผู้ป่วยติดเชื้อโอไมครอนที่ยืนยันการตรวจด้วยเทคนิค SGTF (S gene target failure) ทำเฉพาะกับผู้ป่วยที่มาโรงพยาบาลจำนวนรวม 52,297 คน พบผลดังนี้

ผู้ป่วยทั้งหมด รวม 52,297 คน หากนับเฉพาะคนที่ติดตามได้อย่างน้อย 5.5 วัน รวมทั้งหมด 288,534 คน พบว่า

ผู้ป่วยถูกรับไว้ในโรงพยาบาล 88 คน (0.48%)

ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 0 คน (0%)

ท้ายที่สุดแล้วมีตาย 1 คน (0.09%)

ประกาศวุฒิสภา ตั้ง 'หมอพรทิพย์' เป็นกมธ.วิสามัญพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันฯ

13 ม.ค. 65 - เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศวุฒิสภา เรื่อง ตั้งกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์แทนตำแหน่งที่ว่าง

ด้วยในคราวประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 4 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2) วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ที่ประชุมได้มีมติตั้ง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ เป็นกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ แทนตำแหน่งที่ว่าง ตามนัยแห่งข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 ข้อ 103

จึงประกาศให้ทราบทั่วกัน
ประกาศ ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564
ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย
ประธานวุฒิสภา


ที่มา : https://www.thaipost.net/general-news/63863/

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน มอบอาชีพ “สร้างชีวิต ” อย่างยั่งยืนแก่ครัวเรือนยากจนจังหวัดพะเยา และเชียงราย 

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดยนางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เป็นประธานในพิธี  พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ และนางศิริพร กระจ่างหล้า รักษาการผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ / หัวหน้าแผนกสังคมสงเคราะห์ นำทีมแผนกสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่มอบอุปกรณ์การประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนในพื้นที่จังหวัดพะเยาจำนวน 8 ครัวเรือน โดยมี นายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา และ นายอาทร พิมชะนก ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานร่วมในพิธี พร้อมด้วย นายนิวัฒน์ ฤทธิ์วิวัฒน์ นายกสมาคมพะเยาและคณะกรรมการ ร่วมในพิธี ณ  บริเวณศูนย์การเรียนรู้บ้านตุ่นใต้ อ.เมือง จ.พะเยา

และในวันเดียวกันนี้ มูลนิธิฯ ได้มอบอุปกรณ์การประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนจังหวัดเชียงราย จำนวน 20 ครัวเรือน โดยมี นายอาทร พิมชะนก ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานร่วมในพิธี พร้อมด้วย นางอำไพ บัวระดก รักษาการแทนพัฒนาการจังหวัดเชียงราย และคณะกรรมการมูลนิธิสาธารณกุศลสงเคราะห์เชียงราย ร่วมในพิธี ณ บริเวณห้องประชุมคชสาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อ.เมือง จ.เชียงราย รวมมอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพ 2 จังหวัด รวม 28 ครัวเรือน รวมงบประมาณทั้งสิ้น 558,800 บาท (ห้าแสนห้าหมื่นแปดพันแปดร้อยบาทถ้วน) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนอาชีพแก่ครัวเรือนยากจนสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้ ”บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ” ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย  โดยมี นางศิริวรรณ โอภาสวงศ์ และ นางศิริพร โอภาสวงศ์ อาสาสมัครกิตติมศักดิ์มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี   

‘มากาวา’ หนูฮีโร่ดมกลิ่นกู้ระเบิดในกัมพูชา ลาโลกแล้วอย่างสงบในวัย 8 ปี

เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 65 - องค์กรการกุศลอาโปโป (APOPO) เผยว่า “มากาวา” หนูยักษ์แอฟริกา ฮีโร่ผู้ทำหน้าที่ดมกลิ่นตรวจจับกับระเบิดในกัมพูชา ที่ได้รับรางวัลเหรียญทองด้านความกล้าหาญ เสียชีวิตแล้วในวัย 8 ปี 

อาโปโป ได้ระบุแถลงการณ์ดังนี้

1.) ฮีโร่หนูมากาวาจากเราไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้มันมีสุขภาพแข็งแรงและยังเล่นสนุกตามปกติ แต่เริ่มเชื่องช้าลง งีบหลับมากขึ้น และกินอาหารน้อยกว่าเดิมในช่วงหลังมานี้

2.) มากาวาปฏิบัติภารกิจนาน 5 ปี มันตรวจจับกับระเบิดและวัตถุระเบิดกว่า 100 ชิ้น กลายเป็นฮีโร่ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของอาโปโป ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่ฝึกหนูยักษ์แอฟริกาให้สามารถดมกลิ่นหากับระเบิดและเชื้อวัณโรคเพื่อช่วยชีวิตผู้คน

3.) การเสียสละของ “มากาวา” ทำให้คนในหลายชุมชนในกัมพูชาสามารถดำเนินชีวิต ทำงาน และเล่นสนุกโดยไม่ต้องหวาดกลัวว่าจะเสียชีวิตหรือสูญเสียอวัยวะ" 

กลุ่มหนุนจะนะ บุกศาลากลาง แสดงจุดยืน เรียกร้องรัฐบาลเดินหน้านิคมจะนะ เพื่อการพัฒนาเมืองสงขลา และรองรับการทำงานของเด็กรุ่นใหม่ในอนาคต

กลุ่มผู้สนับสนุนนิคมอุตสาหกรรมจะนะจาก 3 ตำบล กว่า 500 คนเดินทางมายื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา  โดยมีนายไพโรจน์ และสูบ  ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสงขลา เป็นตัวแทนรับหนังสือเรียกร้องจากตัวแทนกลุ่มสนับสนุนในอำเภอจะนะ ณ หน้าศาลากลางจังหวัดสงขลา (หลังเก่า) 

ทั้งนี้ตัวแทนภาคประชาชนจากผู้สนับสนุนจาก ตำบลตลิ่งชัน ตำบลนาทับ และตำบลสะกอม ได้กล่าวถึงเจตนารมณ์ในครั้งนี้ของชาวอำเภอจะนะ ที่เดินทางมายื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลว่า เพื่อต้องการที่จะพัฒนาบ้านตนเอง โดยการมีส่วนร่วมจากประชาชนใน 3 ตำบล และร่วมอีก 9 ตำบลของขอบเขตผังเมืองที่กำหนดไว้ จึงอยากสะท้อนปัญหาให้เห็นว่าคนจะนะ คิดกันเองว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องบุกขึ้นมาบอกกับคนทั่วประเทศว่า วันนี้จังหวัดสงขลาพี่น้องอำเภอจะนะ ต้องการผลักดันโครงการนี้ เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์กับจังหวัดสงขลา โดยดูจากอัตราการเจริญของจังหวัดระยองที่เป็นหนึ่งในการพัฒนาประเทศไทย และ รายได้ถัวเฉลี่ย 1 คนต่อ 1 ล้านบาทต่อคนต่อปี แต่เมื่อมาดูจังหวัดสงขลา ที่อำเภอจะนะที่รับผิดชอบโดย ศอ.บต.วันนี้คนจะนะใน 4 อำเภอยังอยู่เหมือนเดิม เพราะถูกขัดขวางโดยกลุ่ม NGO ที่เห็นต่าง ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่จะลุกขึ้นมาเพื่อต้องการที่จะกำหนดทิศทางในการพัฒนาในครั้งนี้ให้เกิดขึ้น

ซึ่งวันนี้ ทุกคนพยายาม จะปฏิบัติตามตัวบทกฏหมาย แต่ ทุกฝ่ายก็ใช้ แรงกดดันรัฐบาล  และวันนี้รัฐบาลเองก็อยากให้มีการจ้างงานเกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจที่จะขับเคลื่อนไปได้ ดังนั้นพวกเราจึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะช่วยรัฐบาล ในเรื่องของการสร้างงานในอำเภอจะนะ ดังนั้นจึงต้อง การขับเคลื่อนโครงการนี้ต้องให้เกิดขึ้น อย่าชะลอโครงการ วันนี้จึงต้องมาทวงถามรัฐบาลว่าทำไม เมื่อมติครม.ผ่านไปแล้ว พอถึงเวลาคนไปเพียง 50 คนท่านก็หยุด แล้วจะทำอย่างไร จึงต้องมาแสดงจุดยืนว่า เราอยากพัฒนาบ้านเราให้เหมือนกับจังหวัดที่เจริญแล้ว จึงมาเรียกร้องในวันนี้โดย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top