Wednesday, 21 May 2025
TheStatesTimes

สัตวแพทย์ ยืนยัน ASF ไม่ติดต่อสู่คน ย้ำเนื้อหมูกินได้ปลอดภัย แต่ต้องปรุงสุก 

สัตวแพทย์ ออกมายืนยัน แม้ประเทศไทยจะประกาศพบเชื้อ ASF ในโรงเชือดแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม แต่คนไทยอย่ากังวล ยังสามารถบริโภคเนื้อหมูได้อย่างมั่นใจ เพราะโรคนี้ติดต่อเฉพาะในสุกรเท่านั้น ไม่ติดต่อสู่คนหรือสัตว์ชนิดอื่น เน้นเลือกซื้อสินค้าปลอดภัยจากร้านที่มีสัญลักษณ์ "ปศุสัตว์ OK" ที่สำคัญ หลีกเลี่ยงรับประทานเนื้อหมูที่สุกๆ ดิบๆ ต้องปรุงสุกก่อนรับประทานทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย

วันนี้ (13 ม.ค.) ผศ.น.สพ.ดร.สุเจตน์ ชื่นชม นายกสมาคมสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสุกรไทย กล่าวว่า โรค ASF ไม่ใช่โรคติดต่อระหว่างสัตว์สู่คน แต่เป็นโรคที่ติดต่อร้ายแรงในสุกรที่สามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อการผลิตสุกร และเศรษฐกิจในหลายประเทศทั่วโลก เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มี "วัคซีน" ในการป้องกันและควบคุมโรค ที่สำคัญโรคนี้เป็นโรคที่มีความรุนแรงสูง ทำให้สุกรที่ติดเชื้อมีการตายเฉียบพลันเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' เตือนนักศึกษา มช. ระวังกระแสตีกลับ หากไม่รับพระราชทานปริญญา

'นันทิวัฒน์' สลดใจสโมสรนักศึกษา ม.เชียงใหม่ ไม่ประสงค์จะรับพระราชทานปริญญาฯ เตือน เมื่อตั้งใจจะแสดงปฏิปักษ์ต่อสถาบัน ก็คงต้องยอมรับ หากมีกระแสตีกลับจากสังคมและคนรอบข้าง

14 ม.ค. 65 - นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กมีข้อความว่า
ปฏิปักษ์สถาบัน ?

สลดใจที่สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ออกแถลงการณ์ ไม่ขอร่วมรับเสด็จกรมสมเด็จพระเทพรัตนฯ ในการพระราชทานปริญญาบัตรบัณฑิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ในอดีตการถวายการรับเสด็จเป็นเรื่องของสภามหาวิทยาลัยและผู้บริหารมหาวิทยาลัย แต่สโมสรนักศึกษาเองที่ขอเข้าร่วมในการถวายการรับเสด็จ แต่เมื่อกรรมการสโมสรฯ ไม่ประสงค์จะเข้าร่วม มหาวิทยาลัยก็คงต้องทำหน้าที่ฝ่ายเดียวร่วมกับบัณฑิตผู้ประสงค์จะรับพระราชทานปริญญาฯ ก็เท่านั้น

จะไปยากอะไร นักศึกษาก็บอกผู้บริหารมหาวิทยาลัย ไม่ต้องกราบบังคมทูลเชิญ พระองค์ก็จะได้ไม่ต้องเสด็จ แต่เมื่อบัณฑิตมีความประสงค์จะขอรับพระราชทานปริญญา คนอื่นคนที่ไม่อยากรับก็ไม่เกี่ยว

มรดกแห่งธากา รู้จัก ‘เมราเดีย’ ตลาดเก่าแก่แห่งบังกลาเทศ หล่อเลี้ยงชีพชนถิ่นมากว่า 200 ปี

ธากา/บังกลาเทศ - ตลาดเมราเดีย ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงธากา ประเทศบังกลาเทศ เป็นตลาดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 200 ปี 

ภาพจำของตลาดดังกล่าวในอดีต คือ ร่มเงาภายใต้ ‘ต้นไทรขนาดใหญ่’ ที่เติบโตแต่เก่าก่อนมากมาย ซึ่งได้รับความนิยมต่อลูกค้าที่ได้พบเห็นในแต่ละวัน ถึงแม้ในปัจจุบันภาพเหล่านั้นจะเริ่มจางหายไปตามกาลเวลาก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ความคลาสสิกของตลาดเมราเดีย คือ เส้นทางสู่ตลาดแห่งนี้ ผ่านทาง ‘แม่น้ำนารายณ์’ (คลองรามปุระ) ซึ่งสมัยก่อนเคยเป็นทางเดียวที่จะมาที่แห่งนี้ และลูกค้าหลายๆ คนต่างก็ยืนยันว่าพวกเขาเคยไปเดินทางมายังตลาดนี้ทางเรือกันด้วย

สำหรับ ตลาดเมราเดีย นั้น ถือว่าเป็นตลาดโบราณของธากา ที่เรียกว่ารวมไว้ด้วยทุกสิ่งที่มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวันของผู้คน 

“ฉันคิดว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับสินค้าประจำวัน อาหาร หรือเสื้อผ้า มีทุกอย่างที่คุณต้องการในตลาดนี้ อีกหนึ่งความงามของสถานที่แห่งนี้คือบรรยากาศรื่นเริงและผู้คนจากทุกระดับชั้นสามารถมาที่นี่เพื่อซื้อของได้ เป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม” ลูกค้าท่านหนึ่งได้กล่าว

ผบช.ภ.3 สั่งจับสถานบันเทิง เปิดเกินเวลา ปล่อยนักเที่ยวมั่วสุม ตามมาตรการป้องกันโควิด ร้านดังสละโสดก็โดน

พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 3(ผบช.ภ.3) เปิดเผยว่า พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รอง ผบก.สส.ภ.3 นำกำลังพร้อม พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.โพธิ์กลาง ,  นายชณะพนธ์ เพชรประยูร    ปลัดอำเภอเมืองนครราชสีมา , จ.ส.อ.ธรรมรัตน์ พิทักษ์นอก กอ.รมน.จว.นครราชสีมา ร่วมกันกวดขันเรื่องมาตรการในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโควิด -19 สำหรับพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ของจังหวัดนครราชสีมา ตามคำสั่ง จว.นครราชสีมา ที่ 290/2564 ลงวันที่ 10 ม.ค. 65  โดยกำชับสั่งการให้หน่วยในสังกัด กวดขัน ให้เป็นไปตามประกาศดังกล่าวอย่างเคร่งครัด  พร้อมจับกุม 1.นายภมร พัทธนันทพงศ์ (ร้านแอร์ไลน์) 2.นายธนพงศ์ ตั้งสิทธิประเสริฐ (ร้านบีทบาร์ )3.นายประภพ ขุมสันเทียะ (ร้านละเมอ ) 4.นายกิตติศักดิ์ หมูสี (ร้านพราวด์ ) 5.น.ส.จันทิมา ทานประสิทธิ์ (ร้านตั้งวง ) นายพัลลภ มะเริงสิทธิ์ (ร้านแจ่วฮ้อน) โดยกล่าวหาว่า ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดนครราชสีมาที่ 390/2565ข้อ 3 โดยยินยอมให้ลูกค้าบริโภคสุราเกินเวลาที่ประกาศกำหนด ( 21.00) ผู้ต้องหาทั้ง 6 คนให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ท.สมประสงค์  กล่าวอีกว่า พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ ศรีสุนทร  รอง ผกก.ป.ฯ พ.ต.ท.ยุทธพงษ์ โคขุนทด สวป.ฯ กับพวก ร่วมกันจับกุม นายประชุม ลองแย้ม อายุ 48 ปี ผู้ประกอบการร้านยอดบัณฑิต จิ้มจุ่ม พร้อมของกลาง สุรา 1 แบน,เบียร์ 1 ขวด แจ้งข้อกล่าวหา ยินยอมให้ลูกค้าบริโภคสุราเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดนครราชสีมาฯ และนายทรงพล เกิดมงคล อายุ 34 ปี ผู้ประกอบการร้าน ป.ปลาตากลม พร้อมของกลาง สุรา  1 ขวด กล่าวหา ยินยอมให้ลูกค้าบริโภคสุราเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดนครราชสีมา ฯ นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี 

เปิดข้อมูลตำรวจไทยเป็นหนี้สินบาน 3.2 แสนล.

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะหนี้ข้าราชการตำรวจและครู ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รายงาน สถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับข้าราชการตำรวจ จากข้อมูล ณ 15 พ.ย. 2564 มีกำลังพลทั้งสิ้น 205,448 ราย มีหนี้สินจำนวน 164,291 คน คิดเป็น 80 % ของกำลังพลทั้งหมด รวมจำนวนเงินหนี้ทั้งสิ้นกว่า 322,032 ล้านบาท ประกอบด้วยหนี้สหกรณ์ 231,435 ล้านบาท และหนี้สถาบันการเงินจำนวน 90,596 ล้านบาท 

ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้มีการดำเนินโครงการแก้หนี้สินข้าราชการตำรวจเป็นระยะ ๆ รวมมีผู้เข้าร่วมโครงการแล้ว 7,333 ราย สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินได้ จำนวน 2,778 ราย เป็นเงินจำนวน 4,041 ล้านบาท ขณะนี้ยังคงค้างอยู่ในโครงการ อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 4,555 ราย

แรงงานคนบันเทิงกลางคืน วันนี้วันสุดท้าย! รีบสมัคร ม.40 ด่วน! ก่อนชวดเงินเยียวยา 5,000 บาท

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึง มาตรการเยียวยาประกันสังคม คนบันเทิงกลางคืน หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.64 เห็นชอบอนุมัติโครงการเยียวยาผู้ประกันตน ในกิจการสถานบันเทิง คลับ ผับ บาร์ คาราโอเกะ และผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ของสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ให้ได้รับเงินเยียวยาคนละ 5,000 บาท เป็นระยะเวลา 1 เดือน ว่า ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงแรงงานซึ่งกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ฝากความห่วงใย พี่น้องแรงงานกลุ่มคนทำงานกลางคืน หรือกลุ่มตกหล่น ที่ยังไม่ได้สมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ตามคุณสมบัติมีสิทธิรับเงินเยียวยา 5,000 บาท ให้รีบสมัครพร้อมชำระเงินสมทบให้ทันภายในวันนี้ 14 มกราคม 2565 เป็นวันสุดท้าย เท่านั้น หลังจากนั้นให้ทางสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมถ์ หรือสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงที่จดทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทยหรือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า รับรองว่าทำงานในสถานบันเทิงกลางคืนจริง ภายในวันที่ 28 มกราคม 2565 ที่จะถึงนี้ พร้อมย้ำ ไปยังกลุ่มคนทำงานกลางคืนที่ตกหล่น ซึ่งยังมีปัญหาไม่ได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยา ให้เร่งตรวจสอบบัญชีธนาคารดังกล่าว ว่า ผูกพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชนไว้หรือไม่ หรือบัญชีธนาคาร ได้ปิดไปแล้ว หากยังขอให้รีบดำเนินการโดยด่วน! จึงขอให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระ คนทำงานกลางคืน จะได้รับได้รับสิทธิเยียวยาอย่างครบถ้วน ทั่วถึง โดยรัฐบาลจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังอย่างแน่นอน

‘อ.ไชยันต์’ งัดเอกสารโต้ ปม ‘เสรีไทย’ ใส่ร้าย ร.9 กรณี ร.8 สวรรคต แต่ ‘ณัฐพล ใจจริง’ จงใจแปลบิดเบือน!

“อ.ไชยันต์” เปิดเอกสารชี้ชัด “จอมพลผิน ชุณหะวัณ” เผยว่า “เสรีไทยวางแผนใส่ร้าย ในหลวง ร.9 ว่า สังหารพี่ชาย เพื่อให้ประชาชนยอมรับสาธารณรัฐ” แต่ “ณัฐพล ใจจริง” ที่อ้างอิงเอกสารดังกล่าว กลับจงใจไม่พูดถึงเลย แล้วยังแปลบิดเบือนเป็นว่า “เสรีไทยมีแผนการจะประกาศว่าใครคือบุคคลที่สังหารรัชกาลที่ 8” จนเกิดการเอาไปขยายผลแบบผิดเพี้ยน สร้างความเสียหายอย่างมหาศาล

วันที่ 13 ม.ค. 65 ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า ...

อีกแล้วครับ ท่าน !

“ทุ่นดำ-ทุ่นแดง” กับ “กรณีจอมพลผิน ชุณหะวัณ รัฐประหาร พ.ศ. 2490 ตัดหน้า เพราะเสรีไทยกลุ่มปรีดีที่มีแผนจะประกาศว่าใครสังหารรัชกาลที่ 8 และจะประกาศตั้งสาธารณรัฐขึ้น” ในงาน ของ ณัฐพล ใจจริง

กรณีที่พวกเรา ทุ่นดำ-ทุ่นแดง จะกล่าวถึงต่อไปนี้ คือ

เหตุการณ์ช่วงเกิดการรัฐประหาร พ.ศ. 2490 โดยคณะรัฐประหารที่นำโดยกลุ่มราชครู ที่มี จอมพลผิน ชุณหะวัณ เป็นแกนนำ

ซึ่งหนึ่งในข้ออ้างในการทำการรัฐประหารดังกล่าว คือ กรณีสวรรคตของรัชกาลที่ 8 ที่รัฐบาลเก่าของหลวงธำรงฯ มิอาจสามารถคลี่คลายได้ (และไม่ปรากฏความคืบหน้าใดๆ หากยึดตามเอกสารต่างประเทศที่พอจะพูดถึงไว้บ้าง)

อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบเอกสารย้อนหลัง พวกเรากลับพบเจอกับความ “ไม่ซื่อสัตย์ทางด้านวิชาการ” ของ ณัฐพล ใจจริง อีกครั้งโดยบังเอิญ

ซึ่งในครั้งนี้เป็นประเด็นสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการใช้เอกสารชั้นต้นที่ ณัฐพล “จงใจบิดเบือน” หรือ “แปลงสาส์น”

ข้อความต่อไปนี้คือข้อความที่ณัฐพลได้บรรยายไว้ทั้งในวิทยานิพนธ์ และ หนังสือ ขุนศึกฯ

1.) ข้อความที่เกี่ยวข้อง
ข้อความที่ปรากฏในวิทยานิพนธ์ของ ณัฐพล ใจจริง ในวิทยานิพนธ์หน้า 65 ณัฐพลได้ระบุข้อความไว้ว่า “ราว 1 สัปดาห์หลังการรัฐประหาร จอมพลผิน ชุณหะวัณ แกนนำคนสำคัญในคณะรัฐประหารได้กล่าวอ้างว่า เขาได้ทำรัฐประหารตัดหน้าเสรีไทย “กลุ่มปรีดี” ที่มีแผนการจะประกาศว่า ใครคือบุคคลที่สังหารพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกฐ [รัชกาลที่ 8/ ทุ่นดำทุ่นแดง] และจะทำการสถาปนาสาธารณรัฐขึ้น”

ข้อความที่ปรากฏใน ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี และในหนังสือก็ปรากฏข้อความนี้เช่นเดียวกันในหน้า 61 ดังข้อความว่า

“ราวหนึ่งสัปดาห์หลังการรัฐประหาร พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ แกนนำคนสำคัญในคณะรัฐประหาร กล่าวว่า เขาได้ทำรัฐประหารตัดหน้าเสรีไทยกลุ่มปรีดี ที่มีแผนการจะประกาศว่าใครคือบุคคลที่สังหารสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ และจะทำการสถาปนาสาธารณรัฐขึ้น”

ข้อความทั้ง 2 ส่วนนี้ ณัฐพลอ้างเอกสารฉบับเดียว คือ NARA, RG 59 Central Decimal file 1945-1949 Box 7250, Stanton to Secretary of State, 16 November 1947 (16 พฤศจิกายน พ.ศ.2490) ซึ่งพวกเรา ทุ่นดำ-ทุ่นแดง ได้มีโอกาสถือครองสำเนาของเอกสารดังกล่าวเช่นกัน

2.) ข้อค้นพบ
จากการตรวจสอบเอกสารฉบับดังกล่าวอย่างละเอียด อาจกล่าวได้ว่าเนื้อหาในเอกสารจริงๆ ที่ผู้เขียน คือ Edwin Stanton ทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ที่มีไปถึงกระทรวงการต่างประเทศอเมริกา อาจถือได้ว่าเนื้อความที่ณัฐพลยกมานั้นเป็นการ “พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ” เลยก็ว่าได้ เนื่องจากข้อความเหล่านั้นปรากฏเนื้อหาคนละแบบ อีกทั้ง ณัฐพล ยังอาจจะจงใจแปลไม่ครบถ้วนอีกด้วย

ทั้งนี้ เอกสารระบุเนื้อความเพียงว่า

“เหตุการณ์ทางการเมืองที่ยังคงมีความสับสนในปัจจุบัน... ‘การเปิดเผยที่น่าตกใจ’ ของพลโท ผิน ชุณหะวัณ ผู้เป็นแกนหลักของฝ่ายหลวงพิบูล ซึ่งทางกองทัพได้ทำการรวบรวมรายชื่อ (rounding up) ของผู้เกี่ยวข้องกับการปลงพระชนม์รัชกาลที่ 8 ผินเล่าว่า ... เขา ทางกองทัพได้ทำการสกัดกั้นคำสั่งจากโทรเลขลับถึง ... ชี้ว่า พวกเสรีไทยกำลังวางแผนสมคบคิดจะล้มรัฐบาลหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ... ซึ่งจะทำการยึดอำนาจแล้วประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐ ยิ่งกว่านั้น การที่จะทำให้ประชาชนยอมรับสาธารณรัฐ บรรดาเหล่าผู้สมรู้ร่วมคิดได้วางแผนที่จะดิสเครดิต (discredit) ในหลวงองค์ปัจจุบัน โดยกล่าวหาว่าพระองค์คือผู้ที่สังหารพี่ชายของพระองค์เอง ทั้งนี้ ผินได้เล่าสืบไปว่า พล็อตเช่นนี้ (เรื่องที่ใส่ร้าย ร.9/ทุ่นดำ-ทุ่นแดง) เพิ่งจะเกิดขึ้นก่อนการรัฐประหารนี้เอง...”

ข้อความต้นฉบับ คือ “Confused political situation still further … “startling revelation” made yesterday General Pin Chunhavan, who is Phibun’s principal lieutenant chat Army policy rounding up those who participated in ‘assassination’ late King.

Pin told … Army intercepted orders issued by secret radio to secret … all … country indicating Free Thai conspiracy overthrow Thamrong Government November 30, seize power declare republic. Further that in order make people accept republic, conspirators planned discredit present King by alleging he killed his brother. According … Pin, this plot hatched before present coup.”

และเมื่อได้ทำการเปรียบเทียบข้อความของณัฐพลทั้ง 2 แห่ง (ทั้งในวิทยานิพนธ์และหนังสือ) กับ เอกสารต้นฉบับของ E. Stanton ทูตสหรัฐ

หากผู้อ่านมีใจที่เป็นกลางและเป็นธรรม จะพบข้อเท็จจริงเพียงว่า
1.) รายงานฉบับวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 นี้ Stanton ทูตสหรัฐ ได้รายงานเพียงความเห็นของจอมพลผินในฐานะหัวหน้ารัฐประหารเท่านั้น โดยเฉพาะความเชื่อที่ว่าพวกเสรีไทย (กับจีนคอมมิวนิสต์) ได้สุมหัวกันเพื่อจะยึดอำนาจจากรัฐบาลหลวงธำรงฯ แล้วจะประกาศตั้งสาธารณรัฐไทยขึ้นมาแทน และเพื่อให้การสถาปนาสาธารณรัฐเป็นไปได้ พวกเขาจึงต้องวางแผนที่จะถอดพระมหากษัตริย์ออกด้วยการ “ดิสเครดิต” โดยกล่าวหาว่า รัชกาลที่ 9 เป็นผู้ปลงพระชนม์รัชกาลที่ 8

อย่างไรก็ดี Stanton ได้กล่าวถึงกองกำลังเสรีไทยเท่านั้น และไม่มีข้อความในส่วนใดกล่าวถึง “เสรีไทยกลุ่มปรีดี” ตามที่ณัฐพลระบุเลย

‘ทีมกฎหมายพรรคกล้า’ ร้อง กกต. สอบ ‘เจ๊หลี’ หากปมดราม่ากระทบพรรค ฝ่ายกม. พร้อมลุย

ไม่นานมานี้ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม จตุจักร-หลักสี่ เบอร์ 2 พรรคกล้า ได้ลงพื้นที่เดินพบปะพี่น้องประชาชนตั้งแต่ช่วงเช้าในตลาดย่านหลักสี่ เดินหน้าหาเสียงให้ความรู้กับประชาชนเรื่องเศรษฐกิจและการจัดการภาษีกับพ่อค้าแม่ค้า รวมถึงรับฟังปัญหาต้นทุนสินค้าราคาแพง ทั้งหมู ไก่ ไข่ และเป็ด ซึ่งได้รับผลกระทบทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย 

ขณะเดียวกัน ก็ได้มอบหมายให้นายณัฐนันท์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมายพรรคกล้า เป็นผู้แทนยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร ให้ตรวจสอบการกระทำของนางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม หมายเลข 7 พรรคพลังประชารัฐ ว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73(5) กรณีใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมหรือไม่

โดยนายณัฐนันท์ กล่าวว่า ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ มีการพูดพาดพิง นายอรรถวิชช์ ผู้สมัครพรรคกล้า ที่มีข้อความไม่ตรงกับความจริง กล่าวหาว่าดูถูกเพศแม่ มีพฤติกรรมที่ดูถูกผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งไม่เป็นความจริง จึงจำเป็นต้องมายื่นเรื่องให้ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานครตรวจสอบ ส่วนประเด็นที่ระบุว่าผู้สมัครของเรามีการดูหมิ่นนั้น ทีมกฎหมายได้มีการตรวจสอบอย่างละเอียด และไม่พบข้อความลักษณะดังกล่าว รวมถึงเนื้อหาอื่นๆ ก็ไม่พบว่ามีการกระทำความผิดใด แต่ในทางตรงข้าม การขยายความต่อเรื่องนี้ มีการนำข้อเท็จจริงขยายความไปเกินความจริง ซึ่งเมื่อไม่ตรงกับความจริง เราต้องยื่นเรื่องให้ กกต. ตรวจสอบ 

ผช.รมว.แรงงาน เปิดประชุมทวิภาคี ระหว่างประเทศไทยและประเทศกัมพูชา เพื่อส่งเสริมการสรรหาแรงงานอย่างมีจริยธรรมและยุติธรรม ช่วงระหว่างและหลังการระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19

วันที่ 14 มกราคม 2565 เวลา 09.00 น. นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานกล่าวต้อนรับพิธีเปิดการประชุมทวิภาคีเพื่อส่งเสริมการสรรหาแรงงานอย่างมีจริยธรรมและยุติธรรมระหว่างประเทศกัมพูชาและประเทศไทยในช่วงระหว่างและหลังการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผ่านระบบการประชุมทางไกล Zoom โดยกล่าวว่า แรงงานข้ามชาติจากประเทศเพื่อนบ้านมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในปัจจุบันแรงงานข้ามชาติจากประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่ขึ้นทะเบียนมีจำนวนกว่า 2.1 ล้านคน โดยแรงงานกัมพูชามีจำนวน 448,492 คน ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานในภาคการก่อสร้าง การเกษตร งานบริการต่าง ๆ การผลิตหรือจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม การค้าส่ง ค้าปลีก และแผงลอยในตลาด

ประเทศไทยและกัมพูชามีการลงนามใน MOU ฉบับแรก ว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างกัน เมื่อปี พ.ศ. 2546 ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการส่งเสริมให้การโยกย้ายถิ่นฐานของแรงงานชาวกัมพูชามาทำงานในประเทศไทยเป็นปกติและปลอดภัย ส่งเสริมให้มีการจ้างงานอย่างมีจริยธรรมได้อย่างครอบคลุม สามารถป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ และขจัดการแสวงหาผลประโยชน์จากแรงงานข้ามชาติได้จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานได้พัฒนากฎหมายและข้อบังคับอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมการสรรหาแรงงานอย่างมีจริยธรรมและยุติธรรม โดยมีนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ซึ่งเป็นการดำเนินการภายใต้ พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2561 กำหนดห้ามการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจัดหางานจากแรงงานข้ามชาติ และควบคุมให้กระบวนการจ้างแรงงานข้ามชาติเป็นไปอย่างโปร่งใสและยุติธรรม ตลอดจนเคารพสิทธิของแรงงาน และการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน และจากการระบาดของโรคโควิด-19

ประเทศไทยจำเป็นต้องชะลอการนำแรงงานเข้ามาทำงานตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2563 กระทรวงแรงงานจึงได้กำหนดมาตรการและแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวภายในประเทศตามมติคณะรัฐมนตรี เพื่อบรรเทาภาวะการขาดแคลนแรงงานของนายจ้างและสถานประกอบการ รวมถึงมีการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวให้อยู่ต่อและทำงานในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวได้ต่อไป ตลอดจนผ่อนผันให้คนต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมายให้สามารถทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีมาตรการช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติภายใต้สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นมาตรการเดียวกันกับที่ใช้ช่วยเหลือแรงงานไทย โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ เช่น การให้บริการฉีดวัคซีน การให้คำแนะนำในการป้องกันและดูแลตนเอง การบริจาคอาหารกรณีแรงงานภาคก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสถานประกอบการ

ปัจจุบันกระทรวงแรงงานได้บูรณาการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรมการปกครอง รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการพิจารณากำหนดแนวทางการนำแรงงานต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศไทยตามระบบ MOU ภายใต้สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อให้นายจ้างและสถานประกอบการมีแรงงานที่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนกิจการตลอดจนเศรษฐกิจของประเทศ แก้ไขปัญหาการลักลอบเข้าเมือง สามารถควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างเป็นระบบ และเพื่อให้แรงงานข้ามชาติเข้าสู่ระบบการจ้างงานที่ถูกกฎหมายอันจะเกิดประโยชน์แก่ประเทศไทย ทั้งด้านเศรษฐกิจ สาธารณสุข ความมั่นคง และระบบการจ้างงานของประเทศ ทั้งนี้ นายจ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายการดำเนินการ เช่น ค่ากักตัว ค่าตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นต้น

 

'บลูเทค ซิตี้' ร่วมสนับสนุนโครงการสร้างเสริมสุขภาพและตรวจคัดกรองโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในกลุ่มผู้สูงอายุ

ที่ศาลาการเปรียญวัดท่าสะอ้าน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ทีมงานฝ่ายความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) โครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ ลงพื้นที่ร่วมกิจกรรมพร้อมสนับสนุน น้ำดื่ม 50 แพ็ค ,หน้ากากอนามัย จำนวน 50 กล่อง ,แผ่นรองซับ จำนวน 20 แพ็ค ให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top