Thursday, 12 June 2025
TheStatesTimes

‘แรมโบ้’ กร้าว!! ท้าเดิมพันตำแหน่งฯ ไล่ออกจากไทยไม่ได้ พร้อมลาออก!!

‘แรมโบ้’ ประกาศ ท้าเดิมพันตำแหน่ง หากไล่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ออกจากประเทศไม่ได้ พร้อมลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เพื่อขับเคลื่อนร่วมกับภาคประชาชนที่จงรักภักดีปกป้องสถาบัน

นายนพดล พรหมภาสิต กลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบันและเครือข่ายปกป้องสถาบัน 6 องค์กร ได้มายื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล ขอให้รัฐบาลดำเนินการตรวจสอบการทำงานขององค์กร แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย (Amnesty International Thailand) มีพฤติกรรมการกระทำเข้าข่ายกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและสถาบันพระมหากษัตริย์

เนื่องจากปรากฏเหตุการณ์ว่า แอมเนสตี้ไทย ได้ประกาศแคมเปญเขียนจดหมายล้านฉบับถึงทั่วโลก จี้ทางการไทยให้หยุดดำเนินคดีกับ น.ส. ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ถือว่าองค์กรดังกล่าวเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในประเทศ จงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศไทย เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 64 นั้น ผูกพันทุกองค์กร ซึ่งการกระทำขององค์กรดังกล่าวอาจถือได้ว่า อยู่เบื้องหลังการสนับสนุนบุคคลหรือกลุ่มบุคคลกระทำการจาบจ้วงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้หากพบข้อมูลหลักฐานอันเชื่อได้ว่าองค์กรดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายแทรกแซงกิจการความมั่นคงของประเทศ ขอให้มีมาตรการทางกฎหมายจัดการกับองค์กรนี้ให้พ้นออกไปจากประเทศไทย 

นายเสกสกล กล่าวว่า ตนได้ประกาศเปิดแคมเปญลงชื่อขับไล่แอมเนสตี้ 1 ล้านชื่อ ขณะนี้มีประชาชนมาลงรายชื่อแล้วมากกว่า 5 แสนรายชื่อ และมีเครือข่ายของภาคประชาชนที่ออกมาปกป้องสถาบัน ทั่วประเทศได้ออกมาเคลื่อนไหวตามแต่ละจังหวัด ทั้งนี้ตนเองจะเดินสายไปรับรายชื่อ ในทุกภาค ทุกจังหวัด พร้อมกับล่ารายชื่อประชาชนขับไล่ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เห็นว่าประชาชนคนไทยไม่เอาองค์กรที่มาชังชาติทำลายความสงบสุข ทำลายบ้านเมือง และคิดร้ายต่อสถาบัน ปล่อยเอาไว้ไม่ได้เด็ดขาด   

‘เสี่ยง’แลก ‘สวย’ !! รู้จัก 3 สารอันตรายใน ‘ยาลดน้ำหนัก’ กับผลลัพธ์น่ากลัวกว่าที่คิด!!

เชื่อว่าสมัยนี้ใคร ๆ ก็อยากมีหุ่นสวย รูปร่างดี เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง จนทำให้หลายคนเลือกที่จะใช้ทางลัดเพื่อหุ่นสวยด้วย ‘ยาลดน้ำหนัก’ แต่รู้หรือไม่ว่าในยาลดน้ำหนักที่วางขายตามท้องตลาดเหล่านี้ เขาใส่อะไรลงไปบ้างเพื่อให้ได้มาซึ่งหุ่นสวย!! วันนี้ THE STATES TIMES จะพาทุกคนมารู้จักกับ 3 สารอันตราย ภัยร้ายที่มากับ ‘ยาลดน้ำหนัก’ !!!

โดยยาลดความอ้วนทั้งหลายที่วางขายกัน ปกติในตัวยาจะใส่สารต่าง ๆ ลงไปให้เกิดปฏิกิริยาต่าง ๆ กับร่างกาย เพื่อหวังให้น้ำหนักลดนี่แหละ ซึ่งหลัก ๆ ตัวยาก็มี 3 ชนิดด้วยกัน

>> อย่างแรก คือ สารกระตุ้นประสาท 
โดยเมื่อกินเข้าไปแล้วก็จะไปกระตุ้นให้รู้สึกเบื่ออาหาร แต่ยังมีแรงทำงาน เหมือนคำที่วัยรุ่นชอบใช้กัน ฉี่ก็ม่วง ง่วงได้อย่างไร ยากลุ่มนี้กินเข้าไปปุ๊บ นอกจากจะไม่หิวแล้ว บางครั้งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมา เช่น ทำให้เกิดภาพหลอน มีการหลอนประสาท ขณะเดียวกันก็จะทำให้ความดันโลหิตสูง หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ด้วย

>> ต่อมา คือ สารเร่งการเผาผลาญ 
ส่วนใหญ่ก็มักเป็นกลุ่มสารกระตุ้นประสาทดังข้างต้น และยาฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งไทรอยด์เป็นฮอร์โมนช่วยเร่งการเผาผลาญในร่างกายอยู่แล้ว เมื่อเกิดการเผาผลาญมากขึ้น น้ำหนักจึงลดลง แต่ก็มีผลกระทบกับร่างกายตามมา เช่น ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือมีอาการชักได้ด้วยเช่นกัน

>> สุดท้าย คือ กลุ่มยาถ่าย หรือสารขับปัสสาวะ 
พวกนี้ใช้แล้วน้ำหนักจะลดลงฮวบ เพราะว่ามันไปบังคับให้เราปัสสาวะเยอะกว่าปกติ ยกตัวอย่างเช่น ปกติแล้วในหนึ่งวันเราอาจจะปัสสาวะแค่ 1-2 ลิตร แต่พอกินยานี่เข้าไป ก็จะปัสสาวะวันละ 3 ลิตรแทน 

คลังหนุนรถยนต์ไฟฟ้า เล็งลดภาษี-ตั้งกองทุน หวังดึงราคาต่ำลงคนจับต้องได้

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เตรียมพิจารณามาตรการส่งเสริมการใช้และการลงทุนสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในทุกมิติ เพราะปัจจุบันราคารถไฟฟ้ายังมีราคาสูง อาจไม่จูงใจให้คนมาใช้ จึงต้องทำให้กลไกราคาใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมัน ส่วนของสถานีชาร์จไฟฟ้า อาจต้องใช้กลไกของสถาบันการเงินรัฐ เข้าไปช่วยปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อสนับสนุนให้มีการลงทุนมากขึ้น 

ทั้งนี้ในส่วนของกระทรวงการคลัง พร้อมสนับสนุน ทั้งด้านภาษีสรรพสามิต ผ่านการปรับลดโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ว่าจะสามารถเข้าไปช่วยอย่างไรได้บ้าง รวมทั้งการหากลไกเข้าไปสนับสนุนราคารถยนต์ไฟฟ้าให้ราคาถูกลง ผ่านการสนับสนุนของภาครัฐ เช่น การจัดตั้งกองทุน ซึ่งขณะนี้ภาครัฐอยู่ระหว่างการพิจารณา และเรื่องการส่งเสริมลงทุนสถานีชาร์จไฟฟ้า  ให้มีสถานีชาร์จกระจายทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น 

จิตอาสาพัฒนา “เราทำความดีด้วยหัวใจ” เนื่องในวันพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

ภายในลานอเนกประสงค์ เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นางสาวทัสนันทร์ ภมรพล ปลัดอำเภอ รักษาราชการแทน นายอำเภอเมืองสมุทรปราการ ประธานจัดกิจกรรม จิตอาสาพัฒนา “เราทำความดีด้วยหัวใจ” นำหัวหน้าส่วนราชการ จิตอาสาพระราชทาน ข้าราชการตำรวจและประชาชน ร่วมถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้ง ถวายความเคารพพระฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี เนื่องในวันพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

โดยมี นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ นำคณะผู้บริหารเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ร่วมให้การต้อนรับคณะเจ้าหน้าที่ จิตอาสาพระราชทาน ตลอดจนเข้าร่วมในกิจกรรม จิตอาสาพัฒนา “เราทำความดีด้วยหัวใจ” โดยมี นายบุญธรรม อินทรแย้ม รองนายกเทศมนตรี นางสาวศิริพร ทับคล้าย รองนายกเทศมนตรี นายธนสัน วสันต์ กำนันตำบลแพรกษาใหม่

 

‘อธิบดีผู้พิพากษา ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง’ เป็นประธานในพิธีอบรมและปฏิญาณตนของผู้พิพากษาสมทบ ในศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดสงขลา - ปัตตานี - สตูล และนครศรีธรรมราช

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 เวลา 08.45 – 16.00 น. ที่ผ่านมา ณ โรงแรม บีพี สมิหลา บีช สงขลา นายประกอบ ลีนะเปสนันท์ อธิบดีผู้พิพากษาภาค 7 ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่ง อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เป็นประธานในพิธีอบรมและปฏิญาณตนของผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสงขลา จำนวน 42 คนจังหวัดปัตตานี 26 คน จังหวัดสตูล 21 คน และจังหวัดนครศรีธรรมราช 36 คน รวมทั้งสิ้น 125 คน 

โดยได้รับเกียรติจากมี นางสาววิไล จิวังกูร ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 9 นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา/ นายปัญญา ช่อมณี อธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 / นายก่อเกียรติ สุพลพงษ์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานภาค 9 / นายประคอง เตกฉัตร อธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 / นายสถาพร ประสารวรรณ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 / นางวิรา ยากะจิ ณ พิกุล รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งผู้แทนเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่องค์การตำรวจสากล ครั้งที่ 89 (89th Interpol General Assembly) ณ เมืองอิสตันบูล สาธารณรัฐตุรกี

เมื่อ​ 21 พ.ย.64 พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ต.เขมรินทร์ หัสศิริ ผบก.ตท./รองโฆษก ตร. พร้อมคณะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมในฐานะผู้แทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่องค์การตำรวจสากล ครั้งที่ 89 (89th Interpol General Assembly) ณ เมืองอิสตันบูล สาธารณรัฐตุรกี ซึ่งจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 23 – 25 พ.ย.64 

พล.ต.ต.เขมรินทร์ หัสศิริ ผบก.ตท./รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า การประชุมดังกล่าว เป็นการประชุมครั้งแรกขององค์การตำรวจสากล หลังจากที่ทุกประเทศทั่วโลกได้เผชิญกับความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ภายใต้หัวข้อ ความท้าทายด้านความมั่งคงของโลก (Global Security Threats) โดยมีผู้เข้าร่วมการประชุมมากกว่า 470 คน ทั้งในระดับรัฐมนตรี หัวหน้าหน่วยงานตำรวจ และผู้บังคับบัญชาระดับสูงของหน่วยงานตำรวจ จาก 161 ประเทศทั่วโลก 

และเมื่อวันที่ 23 พ.ย.64 ที่ประชุมสมัชชาใหญ่ฯ ได้มีมติให้สหพันธรัฐไมโครนีเซีย เข้าร่วมเป็นสมาชิกใหม่ขององค์การตำรวจสากล ส่งผลให้มีประเทศสมาชิกองค์การตำรวจสากล รวมทั้งสิ้น 195 ประเทศ 

นอกจากนี้ การประชุมดังกล่าว มีวาระการประชุมที่สำคัญหลายหัวข้อ อาทิ การร่วมลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานองค์การตำรวจสากลคนใหม่ รวมทั้งคณะกรรมการบริหารระดับสูงขององค์การตำรวจสากล, นโยบายและการบริหารงานในการเสริมสร้างเครือข่ายประเทศสมาชิกองค์การตำรวจสากลเพื่อเพิ่มความปลอดภัยด้านความมั่งคงของโลกแบบไร้พรมแดน (Borderless Management), แผนงานยุทธศาสตร์ขององค์การตำรวจสากล 2022-2025 และการเสริมสร้างความร่วมมือในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเป็นภัยคุกคามร่วมของประเทศสมาชิก

รัฐมนตรีเกษตรห่วงเพชรบุรีสั่งชลประทานเร่งช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันล่าสุด

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยวันนี้ภายหลังลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมแบบฉับพลันล่าสุดในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีว่า ได้ประสานการทำงานกับนายณัฐวุฒิ เพ็ชรพรหมศร รักษาราชการผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายสันต์ จรเจริญ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี นายมีชัย ปฏิยุทธ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแก่งกระจาน นายสมเกียรติ แจ่มจันทร์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเพชรบุรีและหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งให้การช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีโดยเร็วที่สุดตั้งแต่เกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลันเมื่อคืนวันวานที่ผ่านมาตามข้อสั่งการของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งมีความห่วงใยในพี่น้องชาวจังหวัดเพชรบุรี

นายอลงกรณ์กล่าวว่า น้ำหลากน้ำท่วมฉับพลันครั้งนี้เกิดจากฝนตกหนักเหนืออ่างเก็บน้ำและใต้อ่างเก็บน้ำทั้ง3แห่งคือแก่งกระจาน แม่ประจันต์ ห้วยผากและห้วยสงสัยในช่วงวันที่23-24พ.ย. ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่บางหมู่บ้านของอำเภอแก่งกระจาน หนองหญ้าปล้อง ท่ายางและชะอำเป็นภาวะน้ำท่วมแบบฉับพลันมาเร็วไปเร็ว ซึ่งจังหวัดเพชรบุรี ปภ.จังหวัด กำนันผู้ใหญ่บ้าน หน่วยงานชลประทานและเครือข่ายจิตอาสาได้ร่วมกันช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจนขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายเป็นปกติโดยส่วนใหญ่เหลือเพียงพื้นที่ลุ่มต่ำที่มีน้ำท่วมขังโดยมอบหมายให้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา ชลประทานจังหวัดเพชรบุรีและสำนักงานชลประทานที่14ระดมเครื่องจักกลและเครื่องสูบน้ำเร่งแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด

สำหรับการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนเพชรบ่ายวันนี้ได้ระบายลงแม่น้ำเพชรบุรี100ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีและคลองระบายน้ำ4สายหลักในปริมาณเท่าๆกันซึ่งด้วยปริมาณน้ำดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่ใต้เขื่อนเพชรได้แก่อำเภอท่ายาง อำเภอบ้านลาดและเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี แต่อาจมีน้ำท่วมขังในตำบลบ้านกุ่ม ท่าแร้งและบางครกซึ่งชลประทานจะเร่งสูบน้ำและผลักดันน้ำออกจากพื้นที่
ภายในไม่มีวันข้างหน้า

ฉะเชิงเทรา-รวมพลังบุญ 27 บริษัทยักษ์ใหญ่ ระดมทุน มอบเงินบริจาค ให้กับโรงพยาบาล พนมสารคามจังหวัดฉะเชิงเทรา กว่า 6 แสนบาท 

ที่โรงพยาบาลพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้จัดงานต้อนรับ พลังบุญกว่า 27 บริษัท ที่ระดมเงินซื้ออุปกรณ์และครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ให้กับโรงพยาบาลพนมสารคามจังหวัดฉะเชิงเทรา เนื่องด้วยยังขาดแคลน ครุภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์  

นำทีมโดย คุณ อนันต์ ทัพธานี ที่ปรึกษาบริษัท civil engineering มหาชน และคุณ สนธยา หิมะวัน ประธานบริษัทสนธยาการช่าง สื่อมวลชน และแขกเข้าร่วมงาน อีกจำนวนหลายท่าน โดยมีผู้อำนวยการโรงพยาบาล ให้การต้อนรับ

 

“วันสาธารณสุขแห่งชาติ” โดย ‘พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว’ รัชกาลที่ 6 ทรงประกาศตั้งกรมสาธารณสุขในวันนี้ 

วันสาธารณสุขแห่งชาติ 27 พฤศจิกายน ของทุก ๆ ปี เป็นวันสถาปนาการสาธารณสุข ความเป็นมาของวันสาธารณสุขแห่งชาติ สืบเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งกรมสาธารณสุข โดยทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นชัยนาทนเรนทร อธิบดีกรมมหาวิทยาลัย เป็นอธิบดีกรมสาธารณสุขคนแรก 

ในวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2461 นับเป็นวาระแรกที่มีการใช้คำว่า "สาธารณสุข" จึงทำให้กรมสาธารณสุขอยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทยเรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ. 2485 ก็ได้มีการสถาปนาขึ้นเป็น "กระทรวงสาธารณสุข" โดยถือเอาวันที่ 10 มีนาคม เป็นวันสถาปนา "กระทรวงสาธารณสุข"

'โฆษกรัฐบาล' เผย นายกฯ กำชับ ฝ่ายความมั่นคง-มหาดไทย-แรงงาน คุมเข้มแรงงานต่างด้าวทะลักเข้าไทย  เร่ง MOU แก้ปัญหาขาดแรงงานและการลักลอบเข้าเมือง เปิดลงทะเบียน  1 ธ.ค. นี้

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความเป็นห่วงคือปัญหาการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าว ผิดกฎหมาย ซึ่งยังคงได้รับรายงานการจับกุมแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองอย่างต่อเนื่อง  จึงกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวด สกัดกั้นขบวนการขนย้าย ค้าแรงงานต่างด้าวที่แอบลักลอบเข้าประเทศไทยตามแนวชายแดนและจุดเสี่ยงช่องทางธรรมชาติรอบด้านทุกช่องทาง

ล่าสุด กองกำลังสุรสีห์หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้าร่วมกับชุดปฏิบัติการข่าวกองกำลังสุรสีห์หมวดป้องกันชายแดนที่ 1 กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 134 อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี  จับกุมแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาที่ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย จำนวน 47 คน กองกำลังบูรพา กรมทหารพรานที่ 12 กรมทหารพรานที่ 13 หน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ  หน่วยเฉพาะกิจตาพระยา จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายชาวกัมพูชาได้ 35 คน  ทั้งหมดต้องการไปทำงานในกรุงเทพฯ สมุทรสาคร นครปฐม ปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา   

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาล เร่งแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยหนึ่งในสาเหตุหลัก คือ การขาดแคลนแรงงานในโรงงาน ก่อสร้าง ภาคอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงานดำเนินการตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี  นำเข้าแรงงานตาม MOU แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ได้แก่  เมียนมา ลาว กัมพูชา  อย่างถูกกฎหภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อให้นายจ้างและสถานประกอบการในประเทศมีแรงงานในกิจการเพียงพอ ซึ่งจะเริ่มเปิดลงทะเบียนในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ ทั้งนี้ 8 ขั้นตอนนำเข้าแรงงานต่างด้าวตามเอ็มโอยู ดังนี้ 

1.นายจ้างยื่นแบบคำร้องกับสำนักงานจัดหางานในพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ พร้อมด้วยเอกสารและหลักฐาน 

2.การจัดส่งคำร้องความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว โดยกรมการจัดหางาน สจจ. สจก. 1-10 มีหนังสือแจ้งความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวผ่านสถานเอกอัครราชทูตประเทศต้นทางประจำประเทศไทยไปยังประเทศต้นทาง 

3.ประเทศต้นทางดำเนินการรับสมัคร คัดเลือก ทำสัญญา และจัดทำบัญชีรายชื่อคนงานต่างด้าว (Name List) ส่งให้กรมการจัดหางานผ่านสถานเอกอัครราชทูตประเทศต้นทางประจำประเทศไทย และกรมการจัดหางานส่งให้นายจ้าง

4. นายจ้างที่ได้รับบัญชีรายชื่อคนต่างด้าว (Name List) แล้วยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว 

5.กกจ.มีหนังสือถึงสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ ประเทศต้นทางของคนต่างด้าวเพื่อพิจารณาออกวีซ่า (Non – Immigrant L-A) ให้แก่คนต่างด้าวตามบัญชีรายชื่อ และหนังสือแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่ออนุญาตให้คนต่างด้าวเดินทางเข้าประเทศผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองตามที่นายจ้างได้แจ้งไว้ 

6.เมื่อคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรต้องแสดงหนังสือยืนยันการอนุญาตให้เข้ามาทำงาน ใบรับรองแพทย์ที่แสดงว่าไม่เป็นโรคโควิด-19 โดยวิธี RT-PCR และ ATK (ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง) หลักฐานการได้รับวัคซีนโควิด-19 หรือใบรับรองแสดงประวัติการเคยติดเชื้อในช่วงไม่เกิน 3 เดือน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จะตรวจลงตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เป็นระยะเวลา 2 ปี 

7.คนต่างด้าวต้องเข้ารับตรวจสุขภาพ 6 โรคเป็นขั้นตอนแรก หากพบเป็นโรคต้องห้ามจะส่งกลับประเทศต้นทาง เพราะไม่สามารถอนุญาตให้ทำงานได้ตามกฎหมาย หากไม่พบเป็นโรคต้องห้ามจะเข้าสู่กระบวนการกักตัว และตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ด้วยวิธี RT – PCR 

8.คนต่างด้าวรับการอบรมผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอร์เร้นซ์ ณ สถานประกอบการ เมื่อผ่านการอบรมแล้ว คนต่างด้าวรับใบอนุญาตทำงาน โดยการอนุญาตให้ทำงานจะเริ่มจากวันที่คนต่างด้าวได้รับการตรวจลงตรา (วีซ่า) ให้เดินทางเข้ามาในประเทศ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top