Friday, 13 June 2025
TheStatesTimes

'รัฐบาล' ขอบคุณผู้ประกอบกิจการขนส่ง เข้าใจและตอบรับความพยายามแก้ปัญหาปรับสูตรไบโอดีเซลเหลือเพียง B7 คุมค่าการตลาด 1.40 บาท/ลิตร มีผลตั้งแต่ 1 ธ.ค.64 – 31 มี.ค.65 กองทุนน้ำมันยังคงตรึงราคาขายดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตร คาดเดือนหน้าเหลือ28 บาท

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีขอบคุณนายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยและผู้ประกอบการขนส่ง ที่ตอบรับความพยายามและพอใจการแก้ปัญหาของรัฐบาลตามมติ กบง. ล่าสุด ถือเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและผู้ประกอบการ ในการแก้ไขปัญหา ด้วยการพูดคุยและเข้าใจซึ่งกันและกัน เพื่อก้าวข้ามสถานการณ์ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญดูแลผู้ประกอบการทุกกลุ่ม เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 สถานการณ์น้ำท่วม รวมทั้งราคาพลังงานโลกที่ปรับตัวสูงและยังมีแนวโน้มไม่แน่นอน 

นายธนกร กล่าวว่า ทั้งนี้  การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมาได้เห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ปรับตัวสูงขึ้น เพิ่มเติม โดยมีแนวทางดำเนินการในช่วงเดือนธันวาคม 2564 – มีนาคม 2565  ดังนี้ 1. ปรับลดสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจากเดิมมีการผสมอยู่ 3 สัดส่วน คือ ร้อยละ 7 (บี7) ร้อยละ 10 (บี10) และร้อยละ 20 (บี20) ให้มีสัดส่วนผสมเดียว คือ ร้อยละ 7 (บี7) 2.ขอความร่วมมือให้ผู้ค้าน้ำมันคงค่าการตลาดกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร 3.ให้กองทุนน้ำมันฯ ชดเชยราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ให้สอดคล้องกับมาตรการบรรเทาผลกระทบฯ โดยยังคอยดูแลราคาขายปลีกกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็วให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร

“บิ๊กตู่” พอใจความคืบหน้าสนามบินเบตง คาดว่าจะสามารถเปิดใช้เต็มรูปแบบภายในเดือนมกราคม 2565 สอดรับนโยบายเปิดประเทศเพิ่มเติม กระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนใต้

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบความคืบหน้าการก่อสร้างท่าอากาศยาน สนามบินเบตง จังหวัดยะลา ตามโครงการ 3 เหลี่ยมเศรษฐกิจ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยท่าอากาศยานเบตง ตั้งอยู่ อ. เบตง จ. ยะลา  มีอาคารที่พักผู้โดยสารขนาด 7,000 ตารางเมตร ที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 300 คนต่อชั่วโมง หรือ กว่า 8 แสนคน/ปี  ปัจจุบันได้มีการให้บริการเพื่อสนับสนุนภารกิจเที่ยวบินของทางราชการ และเที่ยวบินส่วนบุคคลแล้ว  คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบในปี 2565 สอดรับกับมาตรการเปิดประเทศของมาเลเซียในวันที่ 1 มกราคม 2565 รวมทั้งรองรับการท่องเที่ยวภายในประเทศไทยด้วยกันเช่นกัน 

เลขานุการในองค์ "หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ " เชิญ "สิ่งของประทาน" ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.ชุมพร ในโครงการ ‘แสงอาทิตย์อุทัย ช่วยบรรเทาภัย ในอุปถัมภ์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์’

หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ทรงกรุณาให้ "นายยุทธพงษ์  เอี้ยงอ้าย" เลขานุการในองค์ฯ เชิญสิ่งของอุปโภค บริโภค ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (น้ำท่วม) นำไปใช้ในการดำรงชีพเบื้องต้น เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแด่ผู้ประสบภัย ให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ด้วยดี  

โดย เชิญ "สิ่งของประทาน” ให้แก่ ผู้ใหญ่บ้าน และตัวแทนผู้ประสบภัย จากหมู่ที่ 9 หมู่ที่ 2 ณ ศาลาหมู่บ้าน หมู่ที่ 9 หมู่ที่ 10 ณ ศาลาหมู่บ้าน หมู่ที่ 10  หมู่ที่ 4 ณ ศาลาหมู่บ้าน หมู่ที่ 4 ตำบลชุมโค อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร 

ทั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจาก เจ้าหน้าที่สำนักงานเลขานุการในหม่อมเจ้า อุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ /โรงเรียนนิรมลชุมพร / สมาคมแรงงานคนพิการไทย / นายอนัน รามพันธุ์ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดชุมพร / นายสุรินทร์ เหล่าพัทรเกษม ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนศูนย์ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจ ( CSR ) จังหวัดชุมพร ได้ร่วมนำสิ่งของอุปโภค บริโภค ช่วยเหลือหมู่บ้านผู้ประสบอุทกภัย และได้รับความเมตตาจาก พระมหาขวัญชัย อคฺคชโย เจ้าอาวาสวัดคีรีวงก์ ได้นำยาสมุนไพร(ตำรับยาวัดคีรีวงก์) เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ไข้พิษ ไข้กาฬ ร่วมมอบให้ประชาชน ในครั้งนี้ด้วย

"จุรินทร์" สั่งลุย "ตลาดข้าวส่งออก" เร่งส่งเสริมการขายในต่างประเทศ เน้นเชิงรุก ทั้ง "เจรจา-โปรโมชั่น-OBM"

นางมัลลิกา บุญมีตระกูลมหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ติดตามรายงานสถานการณ์ตลาดข้าวโซนใกล้ โดยสำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ 1 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศรายงาน พร้อมนายจุรินทร์ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เร่งดำเนินการตามแผนโครงการและกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกสินค้าข้าวประจำปี 2565 เพื่อให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ข้าวไทย ปี 2563-2567 โดยยึดหลักการ “ตลาดนำการผลิต” โดยอาศัยเครือข่ายของทูตพาณิชย์ในฐานะเซลส์แมนประเทศที่กระจายอยู่ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก เพื่อให้การส่งออกข้าวไทยบรรลุเป้าหมายปริมาณ 6 ล้านตันตลอดปี 2564

นางมัลลิกา ระบุว่า ทั้งนี้ตลาดส่งออกข้าวไทยบางประเทศที่ประสบความสำเร็จในการขยายตลาด เห็นได้จากอัตราการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ตลาดญี่ปุ่น นำเข้าข้าวจากไทยช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 ปริมาณ 215,580 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 คิดเป็นมูลค่า 3,364 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 23.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้ ญี่ปุ่นนำเข้าข้าวขาว 100% เป็นหลัก รองลงมา ได้แก่ ข้าวเหนียวและข้าวหอมมะลิ ตามลำดับ ส่วนใหญ่นำไปใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหาร เช่น ขนมเซมเบ้ ผลิตเหล้าอาวาโมริ ซึ่งเป็นเหล้าพื้นเมืองของจังหวัดโอกินาวา ข้าวหอมมะลิของไทยเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคญี่ปุ่นที่นิยมอาหารไทย และชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในญี่ปุ่นซึ่งนิยมบริโภคข้าวเมล็ดยาวมากกว่าข้าวเมล็ดสั้น

รวมทั้งข้าวเหนียวจากไทยยังได้รับการยอมรับจากชาวญี่ปุ่นว่า มีคุณภาพดีและสามารถนำมาผลิตเหล้าสาเกได้รสชาติดีเยี่ยมอีกด้วย โดยทีมเซลส์แมนที่โตเกียวได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายข้าวหอมมะลิและข้าวไรซ์เบอรี่ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ Rakuten การร่วมกับทีมเซลส์แมนจังหวัดจัดเจรจาการค้าออนไลน์ การประชาสัมพันธ์ร้านอาหาร Thai SELECT โดยใช้อินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียง รวมทั้งแพลตฟอร์มแนะนำร้านอาหาร “Tabelog” ซึ่งเป็นที่นิยมมากในญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับซูปเปอร์มาเก็ต Beisia ในเมืองรอง การใช้การ์ตูนคาแรคเตอร์มาประชาสัมพันธ์ข้าวไทย การส่งเสริมการจำหน่ายอาหารไทยผ่านรถอาหารเคลื่อนที่หรือฟู้ดทรัค เป็นต้น

ตลาดจีน นำเข้าข้าวจากไทยปริมาณ 339,177 ตันในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 เพิ่มขึ้นร้อยละ 89.15 คิดเป็นมูลค่า 5,716.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ39.19 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยทีมเซลส์แมนประเทศที่จีนได้ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมสินค้าข้าวไทยทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ อาทิ การจำหน่ายข้าวไทยผ่านร้านขายสินค้าไทยบนแพลตฟอร์มเถาเป่า การจัดกิจกรรม In-Store Promotion การร่วมมือกับร้านอาหารที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ส่งเสริมการใช้ข้าวไทยในเมนูอาหารและให้ Key Opinion Leader (KOL) รีวิว รวมถึงการจัดทำคลิปวิดีโอสั้นเพื่อประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ข้าวไทยให้เพิ่มขึ้น

ตลาดมาเลเซีย นำเข้าข้าวจากไทยในช่วงไตรมาสที่ 3 (ก.ค. - ก.ย. 64) มูลค่ารวม 30.97 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ร้อยละ 5,239.66 และเพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาสที่ 2 ร้อยละ 594.39 ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้การนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มมากขึ้นในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ได้แก่ ความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นจากความต้องการซื้อเพื่อกักตุนหรือสำรองไว้ที่บ้านช่วงที่มีมาตรการ Lockdown รวมถึงการได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในหลายรัฐซึ่งแหล่งปลูกข้าวสำคัญของประเทศ อาทิ เคดาห์ กะลันตัน ตรังกานู (ฝั่งตะวันตก) ซาบาห์ และซาราวัก (ฝั่งตะวันออก)ตลาดฟิลิปปินส์ ปริมาณนำเข้าข้าวจากไทย 95,999 ตันในช่วง 3 ไตรมาสของปี 2564 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ร้อยละ 51.09 และคาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีโดยมีปัจจัยบวกทั้งจากผลผลิตข้าวไทยในปีนี้ที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาข้าวไทยที่มีแนวโน้มลดลงในระดับที่แข่งขันได้ รวมทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง โดยที่ผ่านมา ทีมเซลส์แมนประเทศที่กรุงมะนิลาได้จัดกิจกรรมขยายตลาดข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจัดประชุมหารือกับผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ และจัดกิจกรรมส่งเสริมข้าวไทยผลิตภัณฑ์ข้าวไทยภายใต้แคมเปญ Think Rice Think Thailand ร่วมกับซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ซึ่งช่วยกระตุ้นการจำหน่ายและการบริโภคข้าวไทยในตลาดฟิลิปปินส์เป็นอย่างดี เป็นต้น 

‘แอปเปิล’ ส่งข้อความเตือน "การโจมตีที่รัฐสนับสนุน" พุ่งเป้าแฮกไอโฟน นักเคลื่อนไหว - นักวิชาการไทย

แอปเปิลส่งข้อความแจ้งเตือนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือไอโฟนหลายรายว่า พวกเขาอาจตกเป็นเป้าหมายการโจมตีที่ได้รับการสนับสนุนโดยรัฐ สำหรับในไทย ผู้ที่ได้รับข้อความเตือนดังกล่าวส่วนหนึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและนักวิชาการ ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล

รศ.ดร. ประจักษ์ ก้องกีรติ รองคณบดี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, สฤณี อาชวานันทกุล นักเศรษฐศาสตร์อิสระ, รศ. ดร. ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า, เอเลียร์ ฟอฟิ นักสร้างภาพยนตร์ที่ร่วมเรียกร้องประชาธิปไตย, เดชาธร "ฮ็อกกี้" บำรุงเมือง ศิลปินกลุ่มแร็ปต้านเผด็จการ, ชยพล ดโนทัย แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และนักศึกษาที่ร่วมเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลอีก 2-3 ราย ต่างก็ได้รับอีเมลจากแอปเปิลแจ้งเตือนว่ากำลังตกเป็นเป้าหมายของ "หน่วยโจมตีไซเบอร์ที่สนับสนุนโดยรัฐ" (state-sponsored attackers) โดยได้รับอีเมลช่วงเวลาต่าง ๆ กันตั้งแต่เมื่อคืนที่ถึงเช้าวันนี้ (24 พ.ย.)

อีเมลแจ้งเตือนที่แต่ละคนได้รับ มีข้อความตรงกันว่า "คำเตือน : ไอโฟนของคุณอาจกำลังตกเป็นเป้าโจมตีของหน่วยโจมตีไซเบอร์ที่สนับสนุนโดยรัฐ"

แอปเปิลระบุว่าส่งอีเมลฉบับนี้ถึงผู้ใช้งานเพราะเชื่อว่าเจ้าของแอปเปิลไอดีดังกล่าว "กำลังตกเป็นเป้าหมายของนักโจมตีทางไซเบอร์ที่มีรัฐสนับสนุนซึ่งพยายามเข้าถึงไอโฟนของคุณ"

"นักโจมตีเหล่านี้อาจมุ่งเป้าที่คุณโดยตรงเพราะตัวตนของคุณหรือเพราะสิ่งที่คุณทำ หากนักโจมตีเข้าถึงไอโฟนของคุณได้ เขาก็อาจเข้าถึงข้อมูลที่อ่อนไหว การสื่อสาร รวมทั้งกล้องและไมโครโฟนได้" แอปเปิลระบุ พร้อมกับให้คำแนะนำในการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์

อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่าแอปเปิลใช้หลักเกณฑ์ใดในการระบุการโจมตีดังกล่าวว่ามีความเชื่อมโยงกับรัฐ หรือมีการโจมตีเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เนื่องจากแอปเปิลยังคงแบ่งรับแบ่งสู้ว่าการแจ้งเตือนดังกล่าวอาจเป็นข้อผิดพลาดได้ หรือการโจมตีบางอย่างระบบของแอปเปิลก็อาจจะตรวจจับไม่ได้เช่นกัน และแอปเปิลไม่สามารถให้รายละเอียดได้มากกว่านี้ เนื่องจากอาจกลายเป็นการให้ข้อมูลแฮกเกอร์เพื่อใช้ปรับพฤติกรรมการโจมตีเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับในอนาคต

วันเดียวกัน แอปเปิลแถลงด้วยว่าได้ยื่นฟ้องที่ศาลแคลิฟอร์เนียต่อเอ็นเอสโอ (NSO) บริษัทผู้ผลิตสปายแวร์สัญชาติอิสราเอล และบริษัทแม่ กล่าวหาเอ็นเอสโอว่าใช้เครื่องมือแฮกระบบของผู้ใช้ไอโฟน

วิทยาลัยสารพัดช่างบรรหาร- แจ่มใส จังหวัดสุพรรณบุรี จัดฝึกอบรมส่งเสริมอาชีพให้ "คนพิการ"

ณ หอประชุมวิทยาลัยสารพัดช่างบรรหาร- แจ่มใส จังหวัดสุพรรณบุรี "นายวีระ ทวีสุข" ศึกษาธิการจังหวัดสุพรรณบุรี  ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานประชุมคณะกรรมการดำเนินงานโครงการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพคนพิการ และโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการจัดทำแผนการขับเคลื่อนการจัดการอาชีวศึกษา และกล่าวให้โอวาทแนวทางการทำงานอย่างบูรณาการร่วมกัน ระหว่างอาชีวศึกษา และองค์กร สมาคม มูลนิธิ คนพิการ เพื่อบรรลุความสำเร็จตามเจตนารมณ์ของโครงการฯอย่างมีประสิทธิภาพ

จากนั้น "นายไพบูลย์ คำภาพักตร์ " ผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่างบรรหาร- แจ่มใส จังหวัดสุพรรณบุรี ได้ดำเนินการจัดการประชุม "คณะกรรมการดำเนินงานโครงการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพคนพิการ" โดยทางวิทยาลัยฯได้จัดเตรียมหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น 30 ชั่วโมง เพื่อคนพิการ และผู้ดูแลคนพิการ อาทิเช่น หลักสูตรดนตรีบำบัด สำหรับคนพิการทางสติปัญญา / หลักสูตรเครื่องดนตรีสากล สำหรับคนพิการทางสติปัญญา / หลักสูตรการเพาะเห็ดฟาง สำหรับผู้เรียนพิการ / หลักสูตรงานมุ้งลวดอลูมิเนียม สำหรับผู้เรียนพิการ / หลักสูตรศิลปะการตกแต่งเสื้อด้วยมือ สำหรับผู้เรียนพิการ / หลักสูตรสร้างงานกราฟิกดีไซน์ด้วย Photoshop สำหรับผู้เรียนพิการ / หลักสูตรนวดหน้า สำหรับผู้เรียนพิการ

หลักสูตรจัดดอกไม้ในงานพิธีต่างๆ สำหรับผู้เรียนพิการ / หลักสูตรขนมเปี๊ยะ สำหรับผู้มีความบกพร่องทางร่างกาย / หลักสูตรธุรกิจกาแฟสด สำหรับผู้เรียนพิการ / หลักสูตรพื้นฐานเครื่องยนต์เล็ก สำหรับผู้เรียนพิการทางการเคลื่อนไหว / หลักสูตรอาหารไทยยอดนิยม สำหรับผู้มีความบกพร่องทางร่างกาย  ซึ่ง "คนพิการ" หรือผู้ดูแลคนพิการ สามารถเข้ารับการฝึกอบรมฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น สำหรับคนพิการที่มีความสนใจ อยากจะเข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตรต่างๆสามารถติดต่อได้ที่ "วิทยาลัยสารพัดช่างบรรหาร- แจ่มใส จังหวัดสุพรรณบุรี"

นาซา ส่งยานพุ่งชนดาวเคราะห์น้อย ทดสอบแผนปฏิบัติการปกป้องโลก

รอยเตอร์/เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - นาซาส่งยานอวกาศ "เดอะ ดาร์ท" โปรเจกต์มูลค่า 330 ล้านดอลลาร์ที่เกาะหลังจรวด Falcon 9 ของบริษัทสำรวจอวกาศ สเปซเอ็กซ์ ของ "อีลอน มัสค์" ถูกปล่อยออกไปจากฐานกองกำลังอวกาศแวนเดนเบิร์ก (Vandenberg Space Force Base) ในรัฐแคลิฟอร์เนียเวลา 22.21 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันพุธ (23 พ.ย.) มีเป้าหมายเพื่อในการส่งยานอวกาศดาร์ทพุ่งเข้าชนไปที่ดาวเคราะห์น้อยคู่เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนเส้นทางวิถีโคจรไม่ให้เป็นปรากฏการณ์อาร์มาเก็ดดอนดาวแอสเตอรอยด์พุ่งเข้าชนโลก

รอยเตอร์รายงาน เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมาว่า ยานอวกาศเดอะ ดาร์ท (The DART) ที่มาจากชื่อปฏิบัติการทดสอบเปลี่ยนวิถีโคจรดาวเคราะห์น้อยคู่ (Double Asteroid Redirection Test) ถูกปล่อยออกจากฐานกองกำลังอวกาศแวนเดนเบิร์ก (Vandenberg Space Force Base) ในรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อเวลา 22.21 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันพุธ (23 พ.ย) สามารถดำเนินการได้ตามเวลากำหนด โดยภาพการปล่อยถูกเผยแพร่ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ขององค์การนาซาสหรัฐฯ

เดอะ ดาร์ท น้ำหนักราว 1,344 ปอนด์ ถูกปล่อยออกไปจากฐานมุ่งสู่อวกาศสำหรับการเดินทางระยะเวลา 10 เดือนไปสู่ห้วงอวกาศที่ไกลโพ้นที่มีระยะ 6.8 ล้านไมล์ห่างจากโลก

และเมื่อไปถึงจุดหมายยานอวกาศ เดอะ ดาร์ท จะทดสอบความสามารถในการเปลี่ยนวิถีการโคจรของดาวเคราะห์น้อยหรือดาวแอสเตอรอยด์ในภาษาอังกฤษด้วยการใช้ความเร็วสูงพุ่งชนไปที่ดาวเคราะห์น้อย โดยทางนาซาตั้งความหวังว่าแรงการพุ่งชนจะทำให้ดาวแอสเตอรอยด์เปลี่ยนแปลงวิถีการโคจรที่จะไม่เป็นอันตรายต่อโลก

‘ดร.วรัชญ์’ ยกเคสโควิดระลอกใหม่ในยุโรป เชื่อ AstraZeneca ช่วยอังกฤษตายน้อยกว่าปท. อื่น

ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศบค. โพสต์เฟซบุ๊ก ระบว่า ยุโรประบาดหนัก คนป่วยหนัก เสียชีวิตเพิ่มสูง ไทยจะเป็นอย่างไร? 

สถานการณ์ของไทย หากต้องเจอกับการระบาดระลอกใหม่ จะเป็นอย่างไร อาจดูสัญญาณจากอังกฤษ ซึ่ง Pascal Soriot CEO ของ AstraZeneca ได้ให้สัมภาษณ์ BBC เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า แม้สถานการณ์ในยุโรปจะระบาดหนัก รวมถึงในอังกฤษเอง แต่อังกฤษกลับมีผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตน้อยกว่าประเทศอื่น ๆ ในยุโรป 

เหตุผลคือ เขาเชื่อว่าวัคซีน AstraZeneca สามารถปกป้องผู้สูงอายุได้นานกว่าวัคซีน mRNA ทำให้ไม่ป่วยหนักและเสียชีวิต

โดย Soriot ได้อธิบายว่า ประชาชนใน UK ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ จะฉีดวัคซีน AZ แต่ในยุโรป ในช่วงแรก ๆ เกิดกระแสความเชื่อว่า วัคซีนไวรัลเวกเตอร์นั้นกระตุ้นภูมิได้ไม่ดีเท่า mRNA โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุที่กระตุ้นภูมิยาก ทำให้รัฐบาลในยุโรปหลายประเทศเลือก mRNA โดยเฉพาะไฟเซอร์ให้กับผู้สูงอายุ

ฉีดครบก็ไม่รอด! ‘สหรัฐฯ' วิกฤตยอด ‘ป่วยหนัก-ตาย’ พุ่ง เล็งหาทางออกด้วย ‘เข็มบูสเตอร์’!! | Knowledge Times EP.39

????รอบรู้แบบรู้ลึก ในรายการ ‘Knowledge Times’
????ฉีดครบก็ไม่รอด! ‘สหรัฐฯ' วิกฤตยอด ‘ป่วยหนัก-ตาย’ พุ่ง เล็งหาทางออกด้วย ‘เข็มบูสเตอร์’!!

ในช่วงที่ผ่านสหรัฐอเมริกา ได้ประสบปัญหายอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นรวมไปถึงผู้ที่ป่วยหนักและผู้เสียชีวิต ซึ่งจากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮ็อปกินส์ ได้ระบุว่า มีจำนวนผู้สังเวยชีวิตให้กับโควิด-19 ในปี 2021 แซงหน้าปี 2020 ไปเป็นที่เรียบร้อย และจะยังคงพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง

โดยก่อนหน้านี้ นายแพทย์แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯ ได้กล่าวโทษประชาชนราว 60 ล้านคน ที่มีสิทธิ์ฉีดวัคซีนแต่ไม่เข้ารับวัคซีนว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น 

และได้อ้างถึงข้อมูลของอิสราเอลที่บ่งชี้ว่า วัคซีนป้องกันโควิดเข็มบูสเตอร์ช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อและป่วยหนัก ซึ่งทางนักวิจัยในอิสราเอลได้เปิดเผยผลการศึกษาผู้ใหญ่ที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ / ไบออนเทคแล้วเกือบ 4.8 ล้านคน

พบว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนลดน้อยลงเรื่อย ๆ โดยคนทุกกลุ่มอายุที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วในช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีโอกาสติดเชื้อสูงกว่าคนที่ได้รับวัคซีนครบโดสในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ก็สอดคล้องกับเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่กำลังพุ่งสูงขึ้นในสหรัฐฯ 

โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเตือนว่า กำลังพบจำนวนคนที่ฉีดวัคซีนครบเข็มแล้ว แต่ยังป่วยหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือต้องเข้าห้องฉุกเฉินเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งยิ่งตอกย้ำความกังวลเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันลดลงในการป้องกันการติดเชื้ออาการรุนแรง 

ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่สำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) ถูกคาดหมายว่าจะอนุมัติฉีดเข็มกระตุ้นวัคซีนไฟเซอร์ / ไบออนเทค สำหรับบุคคลอายุ 18 ปีขึ้นไป

โดยแพทย์หญิงโรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) รายงานพบประสิทธิภาพของวัคซีนลดลงในหมู่คนชราและผู้พักอาศัยในสถานดูแลผู้สูงอายุระยะยาว ซึ่งจำนวนมากเป็น กลุ่มแรก ๆ ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 เมื่อฤดูหนาวปีที่แล้ว

โดยเธอได้กล่าวว่า "แม้ความเสี่ยงสูงสุดคือคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน แต่เรากำลังพบเห็นคนชราอายุ 65 ปีขึ้นไป ถูกส่งเข้าแผนกฉุกเฉินเพิ่มขึ้น ซึ่งตอนนี้กลับมาสูงกว่ากลุ่มคนอายุต่ำกว่าอีกครั้ง”

และเธอได้ชี้ให้เห็นถึงข้อมูลเปรียบเทียบ จากอัตราการติดเชื้อโควิด-19 ระหว่างคนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มกับคนที่ฉีดเข็มกระตุ้นแล้ว โดยกล่าวว่า "อัตราการติดเชื้อต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัดสำหรับคนที่ฉีดเข็มกระตุ้น แสดงให้เห็นว่าวัคซีนเข็มกระตุ้นของเรากำลังได้ผล" 

อย่างไรก็ตาม แม้เคสฉีดวัคซีนครบเข็มแล้วแต่ยังป่วยหนักถึงเข้าโรงพยาบาล แต่ทั้งเฟาซีและวาเลนสกี เน้นย้ำว่าผู้ป่วยหนักเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและเสียชีวิตในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่แล้วยังคงเป็นกลุ่มคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน

โดยจากข้อมูลของทางซีดีซีระบุว่าจนถึงตอนนี้มีประชาชนชาวสหรัฐฯ อย่างน้อย 31 ล้านคนที่ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นของไฟเซอร์ โมเดอร์นาและจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน แม้อัตราคนฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ แต่ เฟาซีคาดหมายว่าจะมีคนฉีดวัคซีนแล้วเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น เนื่องจากวัคซีนไม่ได้มีประสิทธิภาพ 100% ในการป้องกันการป่วยหนัก

โดยล่าสุดคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบสหรัฐฯ ได้ขยายขอบเขตผู้มีสิทธิ์ฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น แก่ประชากรวัยผู้ใหญ่ทุกคน เปิดทางให้ชาวอเมริกันอีกหลายล้านคนได้รับภูมิคุ้มกันเพิ่มเติม เพื่อต้านทานไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ท่ามกลางเคสผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น สำหรับคนที่ได้รับวัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทค หรือ โมเดอร์นา ครบ 2 เข็ม มาเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน

หลังจากก่อนหน้านี้คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบสหรัฐฯ ได้อนุมัติฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นวัคซีนเข็มเดียวของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 2 เดือนหลังฉีดเข็มแรกไปแล้ว 

และที่ผ่านมา สหรัฐฯ อนุมัติฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแก่บุคคลที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ กลุ่มคนชราอายุ 65 ปีขึ้นไปและบุคคลที่มีปัญหาสุขภาพ ที่ทำให้พวกเขามีความเสี่ยงสูงติดเชื้ออาการรุนแรง รวมไปถึงคนที่มีอาชีพหรือสภาพความเป็นอยู่เสี่ยงติดเชื้อไวรัส ซึ่งจนถึงตอนนี้มีชาวอเมริกันเข้าฉีดเข็มกระตุ้นแล้วมากกว่า 32 ล้านคน

ในขณะที่ ปัจจุบันมีชาวสหรัฐฯ ฉีดวัคซีนครบเข็มแล้วคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 60% ซึ่งหมายถึงการฉีดวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทคหรือโมเดอร์นา ครบ 2 เข็ม และฉีดวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเข็มเดียว 

ดังนั้นปัญหายอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นในสหรัฐฯ ที่สวนทางกับยอดผู้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ลดลงของวัคซีน ทำให้ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ตระหนักถึงปัญหาและได้ออกนโยบายให้ประชาชนได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อหวังให้ยอดผู้ติดเชื้อและป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลนั้นลดลง ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป ว่าสหรัฐฯ จะสามารถก้าวพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้หรือไม่

จีนยก ‘การทูตปิงปอง’ ร่วมมือกันได้ แม้แตกต่าง สูตรเติมสัมพันธ์ ‘จีน-สหรัฐฯ’ ขจัดมิติสงครามเย็น

กระทรวงการต่างประเทศจีน เน้นย้ำ ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ไม่มีแนวคิดแบบสงครามเย็นมาเกี่ยวข้อง พร้อมยก ‘การทูตปิงปอง’ เป็นตัวอย่างการทูตครั้งประวัติศาสตร์สองประเทศ ร่วมมือกันได้ แม้แตกต่าง

สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CMG) รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 จ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน แถลงการณ์ถึงวาระครบรอบ 50 ปี การทูตปิงปองระหว่างจีน-สหรัฐอเมริกา โดยระบุว่า...

“จีนและอเมริกาเริ่มต้นสัมพันธ์ทางการทูตฉันมิตรผ่านการแข่งขันกีฬาปิงปอง เมื่อ 10 เมษายน ค.ศ. 1971 หรือกว่า 50 ปีที่แล้ว โดยจีนได้เชิญทีมนักกีฬาปิงปองจากสหรัฐอเมริกาไปเยือนจีนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อปี 1949 ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือเป็นเครื่องเตือนใจให้สหรัฐฯ ทราบว่าความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ไม่ควรถูกครอบงำด้วยความคิดแบบสงครามเย็นและจะต้องไม่มีการวาดเส้นทางอุดมการณ์แบบแบ่งพรรคแบ่งพวก”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top