ฉีดครบก็ไม่รอด! ‘สหรัฐฯ' วิกฤตยอด ‘ป่วยหนัก-ตาย’ พุ่ง เล็งหาทางออกด้วย ‘เข็มบูสเตอร์’!! | Knowledge Times EP.39
????รอบรู้แบบรู้ลึก ในรายการ ‘Knowledge Times’
????ฉีดครบก็ไม่รอด! ‘สหรัฐฯ' วิกฤตยอด ‘ป่วยหนัก-ตาย’ พุ่ง เล็งหาทางออกด้วย ‘เข็มบูสเตอร์’!!
ในช่วงที่ผ่านสหรัฐอเมริกา ได้ประสบปัญหายอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นรวมไปถึงผู้ที่ป่วยหนักและผู้เสียชีวิต ซึ่งจากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮ็อปกินส์ ได้ระบุว่า มีจำนวนผู้สังเวยชีวิตให้กับโควิด-19 ในปี 2021 แซงหน้าปี 2020 ไปเป็นที่เรียบร้อย และจะยังคงพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง
โดยก่อนหน้านี้ นายแพทย์แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯ ได้กล่าวโทษประชาชนราว 60 ล้านคน ที่มีสิทธิ์ฉีดวัคซีนแต่ไม่เข้ารับวัคซีนว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น
และได้อ้างถึงข้อมูลของอิสราเอลที่บ่งชี้ว่า วัคซีนป้องกันโควิดเข็มบูสเตอร์ช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อและป่วยหนัก ซึ่งทางนักวิจัยในอิสราเอลได้เปิดเผยผลการศึกษาผู้ใหญ่ที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ / ไบออนเทคแล้วเกือบ 4.8 ล้านคน
พบว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนลดน้อยลงเรื่อย ๆ โดยคนทุกกลุ่มอายุที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วในช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีโอกาสติดเชื้อสูงกว่าคนที่ได้รับวัคซีนครบโดสในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ก็สอดคล้องกับเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่กำลังพุ่งสูงขึ้นในสหรัฐฯ
โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเตือนว่า กำลังพบจำนวนคนที่ฉีดวัคซีนครบเข็มแล้ว แต่ยังป่วยหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือต้องเข้าห้องฉุกเฉินเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งยิ่งตอกย้ำความกังวลเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันลดลงในการป้องกันการติดเชื้ออาการรุนแรง
ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่สำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) ถูกคาดหมายว่าจะอนุมัติฉีดเข็มกระตุ้นวัคซีนไฟเซอร์ / ไบออนเทค สำหรับบุคคลอายุ 18 ปีขึ้นไป
โดยแพทย์หญิงโรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) รายงานพบประสิทธิภาพของวัคซีนลดลงในหมู่คนชราและผู้พักอาศัยในสถานดูแลผู้สูงอายุระยะยาว ซึ่งจำนวนมากเป็น กลุ่มแรก ๆ ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 เมื่อฤดูหนาวปีที่แล้ว
โดยเธอได้กล่าวว่า "แม้ความเสี่ยงสูงสุดคือคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน แต่เรากำลังพบเห็นคนชราอายุ 65 ปีขึ้นไป ถูกส่งเข้าแผนกฉุกเฉินเพิ่มขึ้น ซึ่งตอนนี้กลับมาสูงกว่ากลุ่มคนอายุต่ำกว่าอีกครั้ง”
และเธอได้ชี้ให้เห็นถึงข้อมูลเปรียบเทียบ จากอัตราการติดเชื้อโควิด-19 ระหว่างคนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มกับคนที่ฉีดเข็มกระตุ้นแล้ว โดยกล่าวว่า "อัตราการติดเชื้อต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัดสำหรับคนที่ฉีดเข็มกระตุ้น แสดงให้เห็นว่าวัคซีนเข็มกระตุ้นของเรากำลังได้ผล"
อย่างไรก็ตาม แม้เคสฉีดวัคซีนครบเข็มแล้วแต่ยังป่วยหนักถึงเข้าโรงพยาบาล แต่ทั้งเฟาซีและวาเลนสกี เน้นย้ำว่าผู้ป่วยหนักเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและเสียชีวิตในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่แล้วยังคงเป็นกลุ่มคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน
โดยจากข้อมูลของทางซีดีซีระบุว่าจนถึงตอนนี้มีประชาชนชาวสหรัฐฯ อย่างน้อย 31 ล้านคนที่ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นของไฟเซอร์ โมเดอร์นาและจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน แม้อัตราคนฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ แต่ เฟาซีคาดหมายว่าจะมีคนฉีดวัคซีนแล้วเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น เนื่องจากวัคซีนไม่ได้มีประสิทธิภาพ 100% ในการป้องกันการป่วยหนัก
โดยล่าสุดคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบสหรัฐฯ ได้ขยายขอบเขตผู้มีสิทธิ์ฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น แก่ประชากรวัยผู้ใหญ่ทุกคน เปิดทางให้ชาวอเมริกันอีกหลายล้านคนได้รับภูมิคุ้มกันเพิ่มเติม เพื่อต้านทานไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ท่ามกลางเคสผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น สำหรับคนที่ได้รับวัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทค หรือ โมเดอร์นา ครบ 2 เข็ม มาเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน
หลังจากก่อนหน้านี้คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบสหรัฐฯ ได้อนุมัติฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นวัคซีนเข็มเดียวของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 2 เดือนหลังฉีดเข็มแรกไปแล้ว
และที่ผ่านมา สหรัฐฯ อนุมัติฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแก่บุคคลที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ กลุ่มคนชราอายุ 65 ปีขึ้นไปและบุคคลที่มีปัญหาสุขภาพ ที่ทำให้พวกเขามีความเสี่ยงสูงติดเชื้ออาการรุนแรง รวมไปถึงคนที่มีอาชีพหรือสภาพความเป็นอยู่เสี่ยงติดเชื้อไวรัส ซึ่งจนถึงตอนนี้มีชาวอเมริกันเข้าฉีดเข็มกระตุ้นแล้วมากกว่า 32 ล้านคน
ในขณะที่ ปัจจุบันมีชาวสหรัฐฯ ฉีดวัคซีนครบเข็มแล้วคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 60% ซึ่งหมายถึงการฉีดวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทคหรือโมเดอร์นา ครบ 2 เข็ม และฉีดวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเข็มเดียว
ดังนั้นปัญหายอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นในสหรัฐฯ ที่สวนทางกับยอดผู้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ลดลงของวัคซีน ทำให้ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ตระหนักถึงปัญหาและได้ออกนโยบายให้ประชาชนได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อหวังให้ยอดผู้ติดเชื้อและป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลนั้นลดลง ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป ว่าสหรัฐฯ จะสามารถก้าวพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้หรือไม่
.
.
แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ Blockdit : THE STATES TIMES
???? https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32