‘เสี่ยง’แลก ‘สวย’ !! รู้จัก 3 สารอันตรายใน ‘ยาลดน้ำหนัก’ กับผลลัพธ์น่ากลัวกว่าที่คิด!!

เชื่อว่าสมัยนี้ใคร ๆ ก็อยากมีหุ่นสวย รูปร่างดี เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง จนทำให้หลายคนเลือกที่จะใช้ทางลัดเพื่อหุ่นสวยด้วย ‘ยาลดน้ำหนัก’ แต่รู้หรือไม่ว่าในยาลดน้ำหนักที่วางขายตามท้องตลาดเหล่านี้ เขาใส่อะไรลงไปบ้างเพื่อให้ได้มาซึ่งหุ่นสวย!! วันนี้ THE STATES TIMES จะพาทุกคนมารู้จักกับ 3 สารอันตราย ภัยร้ายที่มากับ ‘ยาลดน้ำหนัก’ !!!

โดยยาลดความอ้วนทั้งหลายที่วางขายกัน ปกติในตัวยาจะใส่สารต่าง ๆ ลงไปให้เกิดปฏิกิริยาต่าง ๆ กับร่างกาย เพื่อหวังให้น้ำหนักลดนี่แหละ ซึ่งหลัก ๆ ตัวยาก็มี 3 ชนิดด้วยกัน

>> อย่างแรก คือ สารกระตุ้นประสาท 
โดยเมื่อกินเข้าไปแล้วก็จะไปกระตุ้นให้รู้สึกเบื่ออาหาร แต่ยังมีแรงทำงาน เหมือนคำที่วัยรุ่นชอบใช้กัน ฉี่ก็ม่วง ง่วงได้อย่างไร ยากลุ่มนี้กินเข้าไปปุ๊บ นอกจากจะไม่หิวแล้ว บางครั้งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมา เช่น ทำให้เกิดภาพหลอน มีการหลอนประสาท ขณะเดียวกันก็จะทำให้ความดันโลหิตสูง หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ด้วย

>> ต่อมา คือ สารเร่งการเผาผลาญ 
ส่วนใหญ่ก็มักเป็นกลุ่มสารกระตุ้นประสาทดังข้างต้น และยาฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งไทรอยด์เป็นฮอร์โมนช่วยเร่งการเผาผลาญในร่างกายอยู่แล้ว เมื่อเกิดการเผาผลาญมากขึ้น น้ำหนักจึงลดลง แต่ก็มีผลกระทบกับร่างกายตามมา เช่น ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือมีอาการชักได้ด้วยเช่นกัน

>> สุดท้าย คือ กลุ่มยาถ่าย หรือสารขับปัสสาวะ 
พวกนี้ใช้แล้วน้ำหนักจะลดลงฮวบ เพราะว่ามันไปบังคับให้เราปัสสาวะเยอะกว่าปกติ ยกตัวอย่างเช่น ปกติแล้วในหนึ่งวันเราอาจจะปัสสาวะแค่ 1-2 ลิตร แต่พอกินยานี่เข้าไป ก็จะปัสสาวะวันละ 3 ลิตรแทน 

ซึ่งการเอาน้ำออกไปจากร่างกายมากขนาดนี้ ย่อมทำให้น้ำหนักลด แต่สิ่งที่ออกไปคือน้ำล้วน ๆ ส่วนไขมันยังอยู่เท่าเดิมและถ้าร่างกายขาดน้ำ หนัก ๆ เข้าก็วูบหมดสติได้ แถมที่เจ็บปวดใจกว่านั้นคือ ถ้าเราเลิกกินยาแล้วกลับมาดื่มน้ำปกติ น้ำหนักก็จะกลับมาเท่าเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ

ทีนี้หลายคนอาจสงสัยอีก แล้วตกลงไม่มียาลดความอ้วนที่หมอใช้เลยเหรอ คือจริง ๆ มันมีนะ แต่มันมีข้อกำหนดในการใช้ยาร่วมด้วยอยู่ เช่น ต้องน้ำหนักเท่าไร มี BMI เท่าไร ที่สำคัญต้องใช้ภายใต้การดูแลของหมอ และใช้เป็นส่วนเสริมจากการออกกำลังกาย และคุมอาการเท่านั้น ไม่ใช่ว่ากินยาแล้วไปเที่ยวกินบุฟเฟต์มา 4 จ่าย 2 ได้ทุกวันตามใจชอบ กินดุแบบนั้นยาอะไรก็ไม่ช่วยนะ 

ฉะนั้น อย่างที่เราทราบกันมาโดยตลอด ถ้าจะลดน้ำหนักให้ได้ผลและถาวรล่ะก็ ต้องแก้กันที่พฤติกรรมก่อนเลย ออกกำลังกาย คุมอาหาร และปรับพฤติกรรมการกินนั่นแหละ อันนี้ยั่งยืนและได้ผลดีที่สุดแล้ว เพียงแต่ว่าการเอาชนะใจตัวเองก็เป็นเรื่องทำยากที่สุดเช่นกันลุงหมอเข้าใจดีเลย เพราะลุงหมอเองก็ BMI เกินมาตรฐานเช่นกัน


ที่มา : RAMA CHANNEL / ผศ.นพ.สหภูมิ ศรีสุมะ สาขาวิชาเภสัชวิทยา และพิษวิทยาคลินิก ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล