Tuesday, 30 April 2024
ลดน้ำหนัก

‘เสี่ยง’แลก ‘สวย’ !! รู้จัก 3 สารอันตรายใน ‘ยาลดน้ำหนัก’ กับผลลัพธ์น่ากลัวกว่าที่คิด!!

เชื่อว่าสมัยนี้ใคร ๆ ก็อยากมีหุ่นสวย รูปร่างดี เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง จนทำให้หลายคนเลือกที่จะใช้ทางลัดเพื่อหุ่นสวยด้วย ‘ยาลดน้ำหนัก’ แต่รู้หรือไม่ว่าในยาลดน้ำหนักที่วางขายตามท้องตลาดเหล่านี้ เขาใส่อะไรลงไปบ้างเพื่อให้ได้มาซึ่งหุ่นสวย!! วันนี้ THE STATES TIMES จะพาทุกคนมารู้จักกับ 3 สารอันตราย ภัยร้ายที่มากับ ‘ยาลดน้ำหนัก’ !!!

โดยยาลดความอ้วนทั้งหลายที่วางขายกัน ปกติในตัวยาจะใส่สารต่าง ๆ ลงไปให้เกิดปฏิกิริยาต่าง ๆ กับร่างกาย เพื่อหวังให้น้ำหนักลดนี่แหละ ซึ่งหลัก ๆ ตัวยาก็มี 3 ชนิดด้วยกัน

>> อย่างแรก คือ สารกระตุ้นประสาท 
โดยเมื่อกินเข้าไปแล้วก็จะไปกระตุ้นให้รู้สึกเบื่ออาหาร แต่ยังมีแรงทำงาน เหมือนคำที่วัยรุ่นชอบใช้กัน ฉี่ก็ม่วง ง่วงได้อย่างไร ยากลุ่มนี้กินเข้าไปปุ๊บ นอกจากจะไม่หิวแล้ว บางครั้งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมา เช่น ทำให้เกิดภาพหลอน มีการหลอนประสาท ขณะเดียวกันก็จะทำให้ความดันโลหิตสูง หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ด้วย

>> ต่อมา คือ สารเร่งการเผาผลาญ 
ส่วนใหญ่ก็มักเป็นกลุ่มสารกระตุ้นประสาทดังข้างต้น และยาฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งไทรอยด์เป็นฮอร์โมนช่วยเร่งการเผาผลาญในร่างกายอยู่แล้ว เมื่อเกิดการเผาผลาญมากขึ้น น้ำหนักจึงลดลง แต่ก็มีผลกระทบกับร่างกายตามมา เช่น ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือมีอาการชักได้ด้วยเช่นกัน

>> สุดท้าย คือ กลุ่มยาถ่าย หรือสารขับปัสสาวะ 
พวกนี้ใช้แล้วน้ำหนักจะลดลงฮวบ เพราะว่ามันไปบังคับให้เราปัสสาวะเยอะกว่าปกติ ยกตัวอย่างเช่น ปกติแล้วในหนึ่งวันเราอาจจะปัสสาวะแค่ 1-2 ลิตร แต่พอกินยานี่เข้าไป ก็จะปัสสาวะวันละ 3 ลิตรแทน 

‘ยิปซี คีรติ’ เล่าประสบการณ์ จากการหักโหม ‘ลดน้ำหนัก’ ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต เพราะเอาความสุขของชีวิต ไปผูกติดกับตัวเลขตาชั่ง

นับเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่มักจะถูกทักเข้ามาถามไถ่อยู่บ่อยๆ สำหรับ เคล็ดลับการลดน้ำหนัก หรือเทคนิคดูแลรูปร่างให้ฟิตแอนด์เฟิร์มอยู่ตลอด สำหรับ ยิปซี-คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์ นักแสดงสาวมากความสามารถ วัย 35 ปี ที่ยืนหนึ่งเรื่องความแซ่บจนแฟนๆ ต่างยกให้เป็นไอดอล

แต่ใครจะรู้ว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้เจ้าตัวเองก็เคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายจากการหักโหมลดน้ำหนักมาแล้ว ถึงขนาดส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตเพราะเอาความสุขทั้งชีวิตไปผูกติดกับตัวเลขบนตาชั่ง!?
ซึ่งเรื่องราวที่ว่านี้ ยิปซี คีรติ ได้ตัดสินใจนำมาถ่ายทอดผ่านคลิปวิดีโอบนอินสตาแกรม @gypsykeerati เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับหลายๆ คน พร้อมกับระบุแคปชั่นว่า "ขอฝาก ปสก. ของเราไว้ เป็นอีกทางเลือกนึงเพื่อประกอบการตัดสินใจ ของคนที่กำลังพยายามลดน้ำหนัก / ดูแลตัวเองนะคะ.. ถ้ารู้สึกว่าคลิปนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับใคร ฝากแชร์กันน้า"

"แชร์ประสบการณ์การไดเอทจนกลายเป็นโรคทางจิตค่ะ โอเคทุกคนก็คือยิปอ่ะมีทำคลิปนึงไปก่อนหน้านะคะ ซึ่งเนื้อหาในคลิปนั้นได้มีการเมนชั่นเกี่ยวกับการที่ยิปไม่ชั่งน้ำหนัก ไม่คุมแคล อะไรก็ตามที่เป็นตัวเลขเป๊ะๆ ยิปก็พูดว่ายิปไม่เอา เพราะว่ายิปอ่ะเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีมาก่อน ซึ่งวันนี้ยิปก็จะมาพูดขยายความถึงประสบการณ์นั้นนั่นแหละ

ก็เอ่อ... ทุกคนก็สามารถที่จะไปกูเกิ้ลได้นะคะ คือคือมันเป็นอาการที่เรียกว่า Eating disorder นะคะ มันก็จะมีหลายประเภทมากเลย พวกแบบ Anorexia, Bulimia, Bing eating และเดี๋ยวนี้มันก็คงมีอะไรมาอีกเยอะมาก

ประสบการณ์ส่วนตัวของยิป อันนี้ก็คืออยากจะมาเล่าเพื่อที่จะเรียกว่าให้เป็นทางเลือกในการประกอบการตัดสินใจของคนที่กำลังไดเอท หรือพยายามที่จะดูแลรูปร่างตัวเองอยู่ละกัน

สิ่งที่เราเคยทำก็คือ งดแป้ง งดแบบงด ไม่ใช่ลดนะคะ งดแบบไม่กินแป้งเลย และก็อดข้าวเย็น ก็คือตั้งกฎนั่นแหละค่ะว่าหลัง 6 โมงฉันจะไม่กินอะไรแล้ว คุมแคล เมื่อก่อนตอนวัยรุ่นเคยคุมแล้ว พยายามที่จะแบบวันนึงต้องกินไม่เกิน 800-900 แคล หรือแม้กระทั่งมีช่วงหนึ่งตอนนั้นย้ายไปอยูอเมริกา และก็กลัวมากเพราะว่าแบบของที่อเมริกามีแต่ของอ้วน ชีส พิซซ่า ตอนนั้นก็เลยพยายามกินแต่แอปเปิ้ล และก็ผอมมาก คือป่วยแหละ

ทีนี้ช่วงที่มีอาการทางจิตเป็นยังไง ก็คือเมื่อก่อนยิปจะพยายามอดข้าวเย็น ออกกำลังกายหักโหมแบบหนักๆ คือเรียกได้ว่าเอาแบบเอาอะไรเข้าตัวน้อยที่สุด และก็ออกให้เยอะที่สุด เพื่อที่อยากที่จะชั่งน้ำหนัก ให้ตื่นมาแล้วแบบตัวเลขลดลง

สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นก็คือ จิตเรามันไปจดจ่อเกี่ยวกับว่า 'เฮ้ย วันพรุ่งนี้เช้าที่ฉันจะตื่นขึ้นมาแล้วเหยียบไปบนตาชั่งเลขจะลดลงมั้ย ถ้าฉันพยายามขนาดนี้' อย่างสมมติวันนี้ฉันอดอาหารแบบอย่างดีอ่ะ พรุ่งนี้มันต้องลดลงสิ แต่ทุกคนเชื่อป่ะ บางทีมันไม่ลด และแย่ไปกว่านั้นคือ บางวันข้าวเย็นก็ไม่ได้กิน แต่ตัวเลขมันเพิ่ม

ซึ่งพอมันมาถึงจุดนั้น มันก็เลยกลายเป็นจุดที่เราแบบ... คือเรากลายเป็นประสาทอ่ะ กลายเป็นเครียดมาก และด้วยความที่เราเป็นแบบ Perfectionist คือ คือเราอยากที่จะเอาชนะมัน เราก็เลยคิดไปว่า หรือเราต้องลดอาหารเพิ่ม หรือเราต้องออกกำลังกายเพิ่ม คือตอนนั้นมันแบบ Messed up! ไปหมดเลย แล้วก็นั่นแหละ ก็คือเป็นป่วย

ทั้งเรื่องของการทำอาหารกินเองทุกมื้อ กินคลีนแบบจัดๆ คือเราคิดว่าเราผ่านมาค่อนบ้างเยอะมากๆ ช่วงที่ทำอาหารกินเองทานคลีน มันก็จะมีปัญหาของการที่เราเข้าสังคมไม่ได้เลย เพราะเหมือนเรากลายเป็นคนกลัวอาหารปกติ ซึ่งนั่นมันไม่ใช่ความคิดที่ดีต่อสุขภ่พแล้วอ่ะ เพราะคนเรายังต้องได้ใช้ชีวิต ต้องได้ออกไปกินข้าวกับเพื่อน ต้องเข้าสังคมบ้าง คือช่วงนั้นเราเหมือนเรากลายเป็นว่าเราไม่อยากเข้าสังคม เวลาเพื่อนนัดเรารู้สึกอึดอัดเพราะเรารู้สึกว่าเราต้องไปกินอาหารข้างนอกที่มัน Out of my comfort zone ไม่ใช่อาหารที่เรารู้สึกว่าปลอดภัย เพราะเราควบคุมไม่ได้

สุดท้ายก็คือ ทำไม่ได้ ก็คือเคยโยโย่เพราะว่ากินคลีนจัดๆ ด้วยนะ ร่างกายเรามันช็อก เหมือนพอเรากินคลีนสะอาดมากเลยโนโซเดียมอะไรก็ตาม แต่พอกินอาหารปกติแค่ไม่กี่มื้อ... บวม โยโย่ขึ้นมาเลย
เราก็เลยรู้สึกว่า โอเค อะไรก็ตามที่มันเป็นวิถีชีวิตที่สุดโต่งจนเกินไป อะไรก็ตามที่ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่สามารถที่จะทำสิ่งนี้ไปได้ตลอดชีวิตจริงๆ เราว่าอย่าทำเลย อะไรก็ตามที่สร้างความกดดันหรือความเครียดให้กับร่างกายมากเกินไป เราไม่ค่อยแนะนำ

มีคน DM มาเรื่องนี้เยอะมาก 'พี่ยิปต้องกินนั่นเท่าไหร่ ต้องโปรตีนเท่าไหร่ แคลเท่าไหร่ ' คือมันทำให้เรารู้แหละว่า โอเค คนยุคปัจจุบันนี้สนในเรื่องการดูแลตัวเอง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเป็นไปได้เราก็ไม่อยากให้เขาจะต้องมาอยู่ในจุดที่เราเคยอยู่ ซึ่งมันไม่ใช่จุดที่ดีเลยอ่ะทุกคน

เราใช้เวลานานมากกว่าที่จะก้าวออกมาจากจุดนั้นได้ กว่าจะตัดใจแล้วโยนเครื่องชั่งน้ำหนักทิ้ง เพราะว่าเราติดมาก ติดดูตัวเลขมาก ทุกเช้าถ้าเหยียบขึ้นไปแล้วเลขไม่ได้เป็นแบบที่ตัวเองพอใจเราร้องไห้นะ วันนั้นทั้งวันไม่มีความสุข เริ่มต้นทั้งวันไม่มีความสุขเลยเพราะว่าตัวเลขไม่ใช่แบบที่เราต้องการ
เราไม่อยากให้ความสุขของคุณมันมาถูกกำหนดเอาไว้ด้วยตัวเลขบนตาชั่ง หรือแม้กระทั่งรูปร่างหรืออะไรก็ตาม หาจุดสมดุลให้ดี เลือกอะไรที่เหมาะกับร่างกายของตัวเองจริงๆ และสุดท้ายดูแลสุขภาพจิตของตัวเองด้วย สำคัญมากๆ นะคะ

‘อั้ม พัชราภา’ ลั่น!! หนักมากสุดในชีวิต หลังเห็นตัวเลขบนตาชั่ง เหตุพุ่งขึ้นมาถึง 6 กิโลฯ สัญญา!! เตรียมลดจริงจังอาทิตย์หน้า

(21 ก.ย.66) ซุปตาร์ชื่อดังอย่าง ‘อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ’ ที่สวยครบเป๊ะปังตั้งแต่หัวจรดเท้าก็ไม่วายมีปัญหาเรื่องน้ำหนักเหมือนกันหรือนี่ หลังโพสต์สตอรี่ในอินสตาแกรมโชว์เลขน้ำหนักบนตาชั่งแบบชัด ๆ บ่นยาวหนักที่สุดในชีวิตแล้ว ขึ้นมา 6 กิโลกรัมจากตอนผอม บังคับตัวเองให้ลดด่วน

เรื่องหุ่นดีทุกคนมั่นใจว่าแม่อั้มติดทุกโผ กว่าเรียบรางวัลคนหุ่นดีศรีสยามแน่นอน แต่ล่าสุดซุปตาร์สาวของเราเพิ่งโพสต์รูปตนเองขณะชั่งน้ำหนัก เผยข้อความว่า “น้ำหนักมากสุดในชีวิตละ” โดยตัวเลขที่ปรากฏในภาพอยู่ที่ 54.8 กิโลกรัม ถึงกับเซ็งสุด ๆ เพราะเพิ่มขึ้นมาจากเดิมมากถึง 6 กิโลกรัม

อย่างไรก็ตาม แม่อั้มให้สัญญากับตัวเองและเทรนเนอร์ประจำตัวซึ่งได้แท็กชื่อไว้ในสตอรี่ให้มาเป็นพยานว่าหลังจากนี้จะตั้งใจลดน้ำหนักจริงจังแล้วจ้า

การเป็นดารานักแสดงแน่นอนว่าเป็นอาชีพที่ใช้รูปร่างหน้าตาในการทำงาน จึงต้องหมั่นดูแลและรักษาสุขภาพให้ดีอยู่สม่ำเสมอ อาจเป็นเพราะเมื่ออยู่หน้าจอโทรทัศน์ภาพอาจทำให้นักแสดงดูมีน้ำมีนวลมากขึ้นได้ ทั้งนี้ การลดน้ำหนักควรทำอย่างถูกวิธี อยู่ในการดูแลของเทรนเนอร์ผู้เชี่ยวชาญ และรูปร่างที่ดีอาจขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top