Thursday, 26 June 2025
TheStatesTimes

ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางมาถึงอาคารรัฐสภาเพื่อร่วมการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นวันที่สาม

โดยท่านนายกฯ มีสีหน้าที่เรียบเฉย และเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงบรรยากาศการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมาทั้งสองวัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า

ถ้าถามว่าการที่หาว่าตนตอบตรงหรือไม่ตรง ขอบอกว่าเป็นการตอบด้วยหลักการกว้างๆ หลักการใหญ่ๆ และถ้ามีรายละเอียดอะไรออกมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเขาจะชี้แจงเองอีกที นายกฯ มีข้อมูลทั้งหมดอยู่แล้ว แต่บางครั้งตอบไปไม่เกิดประโยชน์ในบางครั้ง

เมื่อถามนักข่าวถามย้ำว่ามีอะไรที่เป็นข้อมูลใหม่บ้าง นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีอะไรใหม่เลย ไม่มีจริงๆ จากที่เคยทราบมาก่อนเลย ถามแล้วถามอีก พูดแล้วพูดอีกก็ยังพูดซ้ำซากอยู่ เมื่อถูกถามว่า สิ่งที่อยากจะขอในการอภิปรายครั้งนี้ นายกฯ กล่าวว่า

ก็อยากขอว่าควรจะพูดจาให้สุภาพเรียบร้อย เป็นคนไทยด้วยกันก็ควรจะมีมารยาทกันบ้าง โดยเฉพาะสภาที่เรียกกันว่าสภาผู้ทรงเกียรติแห่งนี้ ตนให้เกียรติทุกคน ดังนั้นขอให้เกียรติกับสถานที่เขาบ้าง ทำงานก็ดี สะดวกสบายกว่าคนอื่นเขาเยอะ เพราะฉะนั้นก็ควรเป็นสุภาพชน เมื่อเดินเข้ามาในสถานที่แห่งนี้

ผู้สื่อข่าวได้ถามต่อว่า ได้เห็นหลวงพ่อป้อม หรือห้อยหลวงพ่อป้อมเหมือน นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ห้อยหรือไม่ นายกฯ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว ก่อนเข้าลิฟต์เพื่อร่วมประชุมสภาทันที


ที่มา: https://www.thaipost.net/main/detail/93423

เป็นเวลาเกือบ 1 ปี ที่ทั่วโลกต่างพยายามพัฒนาวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส Covid-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ให้มนุษย์สามารถก้าวข้ามวิกฤตินี้ไปให้ได้ และอาจนับได้ว่าเป็นการพัฒนาวัคซีนด้วยระยะเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่เคยมีมา

จนในวันนี้โลกเราก็ประสบความสำเร็จ เริ่มผลิตวัคซีน Covid-19 ออกมาใช้งานได้จริง และมีผลสัมฤทธิ์เป็นที่น่าพอใจมาก จากตัวเลขการติดเชื้อที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดในหลายประเทศที่เริ่มโครงการวัคซีนไปแล้ว

แน่นอนว่าหนึ่งในทีมพัฒนาวัคซีนที่ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าชื่นชมอย่างมาก คือ ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด จับมือร่วมกับ AstraZeneca ซึ่งเป็นบริษัทยาชั้นนำที่ร่วมทุนกันระหว่างอังกฤษและสวีเดน

จุดเริ่มต้นโครงการพัฒนาวัคซีน Oxford/AstraZeneca ริเริ่มโดย ‘ด็อกเตอร์ แอนดี้ พอลลาร์ด’ และ ‘ด็อกเตอร์ ซาราห์ กิลเบิร์ท’ ที่ประจำอยู่ในศูนย์วิจัยวัคซีนของมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด หลังจากพบว่ามีเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดคร้้งแรกที่เมืองอู่ฮั่น ในประเทศจีนเมื่อช่วงปลายปี 2019 และเริ่มแพร่ระบาดในต่างประเทศได้ไม่นาน

ทีมวิจัยอ็อกซฟอร์ดได้เริ่มต้นโครงการพัฒนาวัคซีน เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2020 จากข้อมูลของเชื้อไวรัสของ ‘ด็อกเตอร์ จาง หย่งเจิน’ นักไวรัสวิทยาจากสถาบันวิจัยเซี่ยงไฮ้ที่ได้ถอนรหัสโครงสร้างพันธุกรรมของ Covid-19 ได้เป็นครั้งแรก

และด้วยประสบการณ์ที่เคยทำงานวิจัยวัคซีนป้องกัน ‘ไวรัสอีโบร่า’ และ ‘ไวรัสเมอร์ส’ ที่เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ของไวรัสโคโรน่าเช่นเดียวกัน จึงเป็นเหมือนทุนความรู้เดิมที่ช่วยให้ทีมงานรู้ขั้นตอนในการพัฒนาวัคซีนเป็นอย่างดี

แต่การแพร่ระบาดไปไกลกว่าที่ทีมวิจัยได้คาดคิดไว้มาก ด็อกเตอร์พอลลาร์ด เล่าว่า การแพร่ระบาดที่ขยายวงกว้างและรุนแรงเป็นข่าวร้ายของทีมวิจัยที่ต้องทำงานแข่งกับเวลายิ่งกว่าเดิม และต้องเปลี่ยนแผนการทำงานที่เคยวางไว้ เช่น การเพิ่มบุคลากรในทีม การร่นเวลาในการทดลองในแต่ละเฟส การขยายกลุ่มอาสาสมัครที่มากกว่าเดิม และนั่นก็หมายความว่าทีมงานต้องใช้ทุนวิจัยมากกว่าเดิมหลายเท่า

และก็ได้บริษัทยา AstraZeneca เข้ามาร่วมทุนสนับสนุน ที่ทำให้ทีมงานของทั้ง 2 ด็อกเตอร์จากสถาบันวัคซีนแห่งอ็อกซฟอร์ด สามารถเดินหน้าโครงการวิจัยได้ในที่สุด

ด็อกเตอร์พอลลาร์ดยอมรับว่าการทำงานแข่งกับเวลา และแรงเสียดทานจากกลุ่มคนผู้ไม่หวังดี สร้างแรงกดดัน และบั่นทอนกำลังใจทีมงานอยู่หลายครั้ง เช่นเมื่อคราวที่ทางทีมงานได้เริ่มทดลองฉีดวัคซีนให้กับอาสาสมัครกลุ่มแรก เพียงไม่กี่วัน หลังจากนั้นก็มีข่าวปลอมกระจายทั่วออนไลน์ว่ามีกลุ่มทดลองเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนจากทีมของอ็อกซฟอร์ด

ถึงแม้จะเป็นข่าวปลอม แต่ก็สร้างความกดดันให้กับทีมงาน และกลุ่มอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนชุดแรกไปแล้วไม่น้อย ทางทีมวิจัยต้องแบกรับความรับผิดชอบมากมาย ทั้งยังต้องเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง และต้องทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนให้รายงานข่าวได้อย่างถูกต้อง

ปัญหาของกลุ่มที่ต่อต้านการฉีดวัคซีน ก็สร้างความปวดหัวให้กับทีมวิจัยเช่นกัน ด็อกเตอร์พอลลาร์ดได้กล่าวว่า ค่อนข้างเป็นกังวลกับกลุ่มที่ต่อต้านการฉีดวัคซีน อาจจะด้วยความไม่เข้าใจ ไม่เชื่อมั่น หรือ ไปเชื่อข้อมูลแปลกๆ ที่ทำให้คิดว่าการฉีดวัคซีนเป็นอันตราย และยังไม่ป้องกันตัวเอง ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยง ทำให้เชื้อไวรัสยังคงแพร่กระจายอยู่ ซึ่งก็ต้องเป็นหน้าที่ของทีมวิจัยที่ต้องเร่งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับผู้คนกลุ่มนี้

หลังจากผ่านการทดลองมาหลายขั้นตอน ในที่สุดทีม Oxford/AstraZeneca ก็สามารถบรรลุการทดลองเฟสที่ 3 ซึ่งเป็นขั้นสุดท้าย ที่ได้ประสิทธิภาพในระดับที่น่าพอใจที่จะเริ่มฉีดให้กับคนทั่วไปได้แล้ว แต่งานของทีมวิจัยยังไม่จบเพียงแค่นี้

การได้รับการรับรองจากรัฐบาล และองค์กรสากล เป็นสิ่งที่การันตีความน่าเชื่อถือของวัคซีน ซึ่งที่ผ่านมาวัคซีน Oxford/AstraZeneca ก็เคยได้รับผลตอบในแง่ที่ไม่ดีบ้าง แม้แต่ประธานาธิบดีฝรั่งเศส แอมานูเอล มาครง เคยตั้งข้อสงสัยถึงประสิทธิภาพของตัววัคซีนจากอังกฤษนี้ แต่ในที่สุดวันนี้ วัคซีน Oxford/ AstraZeneca ก็ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากองค์การอนามัยโลกเรียบร้อยแล้ว

ด็อกเตอร์พอลลาร์ดกล่าวว่า ทีมงานของเขามีเป้าหมายชัดเจนในการพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ในราคาไม่สูง บริหารจัดการได้ง่าย ทั้งการจัดเก็บ และการขนส่ง ที่จะทำให้วัคซีนของเราสามารถเข้าถึงได้กับประชาชนทั่วทุกมุมโลก และก็ได้วัคซีนที่ตอบโจทย์ตรงตามที่ตั้งใจไว้ทุกประการ

ปัจจุบันอังกฤษได้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไปแล้วถึง 14 ล้านคน ทั้งจากวัคซีนของอ็อกซฟอร์ด และ Pfizer นับเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในโครงการฉีดวัคซีนเป็นอันดับต้นๆของโลก

แต่นั่นยังไม่ทำให้ทีมวิจัยจากอ็อกซฟอร์ดพอใจ เพราะโอกาสที่จะเกิดโรคระบาดครั้งใหม่จากเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายในอากาศมีความเป็นไปได้ในอนาคต และยังมีเชื้อไวรัสชนิดใหม่ที่เรายังไม่ค้นพบอีกมากมาย

ด็อกเตอร์กิลเบิร์ท จึงได้ผลักดันให้เกิดศูนย์วิจัยนวัตกรรมวัคซีนแห่งชาติขึ้นในอ็อกซฟอร์ดไชร์น ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลอังกฤษถึง 158 ล้านปอนด์ (ประมาณ 6,320 ล้านบาท) เพื่อสร้างความมั่นคงด้านสาธารณสุขให้กับประเทศอังกฤษในการป้องกันภัยจากโรคระบาดชนิดใหม่ คาดว่าศูนย์วิจัยแห่งใหม่นี้จะสร้างเสร็จภายในสิ้นปี 2021 นี้


อ้างอิง:

https://www.theguardian.com/world/2021/feb/14/life-savers-story-oxford-astrazeneca-coronavirus-vaccine-scientists

J&T Express Malaysia ออกประกาศแถลงการณ์ขอโทษ หลังพนักงานขนส่งก่อเหตุประท้วง ขว้างปาพัสดุของลูกค้าและไม่ยอมนำจ่ายในวันถัดมา เหตุไม่พอใจในเรื่องของผลตอบแทนโบนัส

คอลัมน์ สายตรงเคแอล

พนักงานขนส่ง J&T Express Malaysia ก่อเหตุประท้วง

คลิป https://www.tiktok.com/@nonihassan7/video/6926033858936769793?is_copy_url=1&is_from_webapp=v2

วิดีโอบันทึกภาพเหตุการณ์ดังกล่าวแพร่สะพัดไปในโลกโซเชียลทั้ง Facebook, Tiktok และ Twitter ซึ่งมีผู้พบเห็นชายหลายคนแสดงอาการไม่พอใจ โยนพัสดุของลูกค้าอย่างไม่แยแส โดยในคลิปปรากฎภาพกองพัสดุเป็นภูเขาที่ถูกโยนกองรวมกันไว้ไม่ได้ทำการแยกจำแนกแจกจ่ายแต่อย่างใด

ภายหลังพบข้อมูลเพิ่มเติมว่าเป็นศูนย์คัดแยกพัสดุของ J&T Express ในเขตเปรัค เหตุจากพนักงานเกิดความไม่พอใจในเรื่องของผลตอบแทนโบนัส จึงก่อเหตุรุนแรงขว้างปาพัสดุของลูกค้าและไม่ยอมนำจ่ายในวันถัดมา ทาง J&T Express Malaysia ได้ออกประกาศแถลงการณ์ขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

พร้อมกับปรากฎวิดีโอความยาว 57 วินาที พนักงานชายที่ก่อเหตุทั้ง 7 คนยืนเรียงแถวเพื่อแสดงการขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น และทาง J&T จะดำเนินการจัดส่งพัสดุให้กับลูกค้าโดยเร็วที่สุด ส่วนพัสดุที่เกิดความเสียหายหรือสูญหายทางบริษัทก็จะแสดงความรับผิดชอบตามขั้นตอนต่อไป

ทั้งนี้ทางบริษัท J&T ไม่ได้ระบุว่าจะมีบทลงโทษอย่างไรกับพนักงานที่ก่อเหตุพวกนี้ แต่คงเดาได้ไม่ยาก ต้องชดใช้หัวโต ไม่ก็หางานใหม่เร็ว ๆ นี้แน่นอน!


Credit info news

https://www.nst.com.my/news/nation/2021/02/663924/seven-perak-jt-workers-apologise-violent-sorting-parcels

https://www.therakyatpost.com/2021/02/07/jt-express-protests-whats-going-on-how-to-claim-your-money-back/

Tiktok nonihassan7


"ผิงกั่ว"

สาวเมืองชล ตั้งรกรากอยู่ชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ ตามสามีชาวจีนมาเลย์ ชีวิตท่ามกลางคนจีน แขกมาเลย์ และแขกอินเดีย พหุวัฒนธรรม ส่องมุมมองจากประเทศเพื่อนบ้านด้านล่างแผ่นดินแม่ มาเล่าสู่กันฟัง

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า อาจมีปัญหาเรื่องเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจมีปัญหา จึงไม่แน่ใจว่าการอภิปรายจะเสร็จทันหรือไม่ ส่วนคืนนี้คาดว่าจะจบกันอภิปรายในเวลาเที่ยงคืนเศษ ซึ่งก็ประเมินไว้ตั้งแต่ต้นว่าอาจมีการต่อเวลา

เมื่อถามถึงการประท้วงในการอภิปรายที่ฝ่ายค้านโจมตีว่ารัฐบาลบางคนตอบไม่ตรงคำถาม ประธานสภาฯ กล่าวว่า ความจริงแล้วไม่เหมือนกระทู้ถาม ที่ต้องคาดคั้นให้ตอบได้ ยิ่งไม่ตอบก็แสดงว่ารัฐมนตรี ไม่สามารถตอบคำถามได้ ไม่จำเป็นต้องไปคาดคั้น ถ้าไม่ตอบเลยประชาชนก็จะเห็นว่ารัฐมนตรีตอบไม่ได้ ความผิดพลาดก็จะอยู่ที่รัฐมนตรีเอง เขาไม่ตอบก็เป็นสิทธิ์ของเขา

ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีรู้สึกผิดหวังกับการอภิปรายในสภา ที่มีการเสียดสี ดูถูก เหยียดหยาม มากขึ้น นายชวน กล่าวว่า เข้าใจว่าเป็นความรู้สึกของนายกฯ ก็เห็นว่าวิธีการอภิปรายบางคน มีถ้อยคำ ก้าวร้าว รุนแรงดูถูกเหยียดหยาม ก็มีมูลความจริงอยู่ สำหรับบางคน ไม่ใช่ทั้งหมด ต้องยอมรับว่าเหมือนบางคนมีเจตนาจะมาแข่งกัน ใช้ถ้อยคำที่แรงกว่ากัน ก็ดีที่ว่าห้ามแล้วฟัง แต่คำเหล่านั้นก็บันทึกอยู่ในที่ประชุมสภาว่าคำใดไม่เหมาะสม

ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย อย่างไรก็ตาม ขออย่ามองว่าส.สในสภาจะเหมือนกันทุกคน พื้นฐานแต่ละคนก็ต่างกัน นิสัยใจคอ กิริยา มารยาท ก็ต่างกัน บางอย่างคุมไม่ได้ ระเบียบข้อบังคับคุมได้ แต่กิริยามารยาทคุมไม่ได้


ที่มา: https://siamrath.co.th/n/221265

ผศ.ดร.วาสนา วงศ์สุรวัฒน์ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พี่สาวของ จอห์น วิญญู พิธีกรชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความว่า...

ประกาศ: ขอความร่วมมือในการ call out ผู้บริหารมหาวิทยาลัย

ด้วยเหตุที่นับวันก็ยิ่งมีนิสิตนักศึกษาถูกหมายเรียก หมายจับ หมายศาล สารพัดหมายเรียกไม่ถูกอันเนื่องมาจากประมวลกฎหมายอาญา ม.112 มากขึ้น และเกิดความสงสัยไม่แน่ใจในจุดยืนของสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยควรเดินเรื่องประกันตัวหรือไม่ หรือเป็นหน้าที่ของคณะ หรือองค์กรเห็นด้วยกับ ม.112 จึงปล่อยให้อาจารย์ที่ไม่เห็นด้วยไปประกันในฐานะปัจเจกและค่อนข้างตามมีตามเกิด อิฉันจึงเห็นสมควรต้อง call out ผู้บริหารมหาวิทยาลัยทุกมหาวิทยาลัย และทุกคณะให้ออกมาให้คำตอบกับสังคมว่า “เอา” หรือ “ไม่เอา” ม.112

คำถามนี้มีคำตอบให้เลือกแค่ 2 อย่างคือ “เอา” หรือ “ไม่เอา” ไม่ต้องมาบอกว่าองค์กรมีความหลากหลาย เพราะเราอยากรู้ว่าตัวอธิการบดีแต่ละมหาวิทยาลัย และคณบดีแต่ละคณะ “เอา” หรือ “ไม่เอา” แค่นั้น และถ้าจะบอกว่า “เอา แต่ไม่อยากให้ใช้พร่ำเพรื่อ” สิ่งนี้ก็มีความหมายแค่เท่ากับ “เอา” หรือถ้าบอกว่า “ไม่เอาแต่ไม่ได้แปลว่าไม่รักเจ้า” ก็แค่แปลว่า “ไม่เอา” อยู่ดี เอาแค่นี้เบสิคมากไม่ต้องการคำอธิบาย แก้ตัว disclaimer เหยียดยาว เป็นถึงระดับผู้บริหารแล้วคำถามเบสิคแค่นี้ต้องตอบได้

เพราะเด็กรุ่นใหม่ที่กำลังจะต้องเลือกเข้าเรียนในสถาบันอุดมศึกษาทั้งหลายเขามีสิทธิที่จะรู้ เขาจะได้ใช้ประกอบการตัดสินใจ ถ้าเขาชอบ ม.112 เขาจะได้ไม่ไปเข้าที่ที่ผู้บริหารบอกว่า “ไม่เอา” ม.112 หรือถ้าเข้าไปแล้วผู้บริหารเกิดจะไปประกันนักศึกษาทีโดนคดี ม.112 เขาก็จะได้ไม่ต้องมาประท้วงโวยวายให้มันมากความเพราะได้บอกจุดยืนไว้อย่างชัดเจนแล้ว ในทางกลับกันเด็กที่ “ไม่เอา” ม.112 และรู้สึกว่าในระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัยอาจจะมีเหตุให้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายนี้ก็จะได้เลือกเข้าได้ถูกคณะ หรือถ้าจำเป็นต้องเข้าคณะที่ผู้บริหาร “เอา” ม.112 ก็จะได้เตรียมหาลู่ทางที่จะไม่ต้องรบกวนผู้บริหารมาประกันตัวเวลาที่เขาเกิดมีคดีขึ้นมา เราคิดว่ามันแฟร์สำหรับทุกฝ่าย

และที่สำคัญ สำหรับเราซึ่งเป็นนักประวัติศาสตร์ เราอยากได้หลักฐานลายลักษณ์อักษรที่บ่งชี้จุดยืนต่อกฎหมายนี้จากปัญญาชนชั้นนำระดับผู้บริหารมหาวิทยาลัยในประเทศ ณ เวลานี้ เพราะมันจะเป็นข้อมูลสำคัญในการวิเคราะห์ประวัติศาสตร์การเมืองไทยในยุคนี้ สำหรับนักประวัติศาสตร์ในอนาคตชั่วลูกสืบหลานแน่นอน

แน่นอนว่าสิ่งนี้เราทำเองไม่ได้ แต่เราคิดว่ามันเป็นแคมเปญที่จะมีประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม เราจึงอยากชี้ชวนให้นิสิตนักศึกษา ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน ตลอดจนน้องๆ นักเรียนชั้นประถมมัธยมที่จะกลายเป็นนิสิตนักศึกษาในอนาคตทั่วประเทศช่วยกันออกมาผลักดัน call out ผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่ท่านรักหรือสนใจโดยพร้อมเพรียงกัน จักเป็นพระคุณยิ่ง


ที่มา: https://www.thaipost.net/main/detail/93405

ในขณะที่หลายประเทศในอาเซียนยังคงสงวนท่าทีต่อ “มาตรการตอบโต้การรัฐประหารในเมียนมา” หลังจากที่ทางสหรัฐฯได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าเตรียม “คว่ำบาตรพม่า” พร้อมเชิญชวนชาติพันธมิตรให้ร่วมทำตาม เพื่อตอบโต้การกระทำดังกล่าวของกองทัพ

สิงคโปร์ได้กลายเป็นชาติแรกของอาเซียนที่ออกมาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนถึงเรื่องนี้ โดยรัฐบาลสิงคโปร์ได้ชี้ว่า “ผู้ที่ได้รับผลกระทบย่างแท้จริง" จากมาตรการคว่ำบาตรต่อเมียนมาคือประชาชนทั่วไป ซึ่งเราไม่ขอสนับสนุนแนวทางนี้

รัฐมนตรีต่างประเทศของสิงคโปร์กล่าวเมื่อวานนี้ว่า “แม้ว่าสถานการณ์ในเมียนมาจะเป็นที่น่าตกใจ แต่เราไม่สนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรเพื่อตอบโต้การรัฐประหารที่นั่น เพราะอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนทั่วไป”

วิเวียน บาลากริชนัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสิงคโปร์กล่าวกับรัฐสภาว่า เขาหวังว่าผู้ถูกคุมขังรวมถึงอองซาน ซูจี จะได้รับการปล่อยตัว เพื่อให้พวกเขาสามารถเจรจากับทางทหารได้

สิงคโปร์ถือเป็นนักลงทุนรายใหญ่ในเมียนมาร์ และเรามีความกังวลเกี่ยวกับการปะทะกันอย่างรุนแรงในการประท้วง รวมถึงการตัดอินเทอร์เน็ต และการใช้กองกำลังและรถหุ้มเกราะตามท้องถนนในเมือง

“เราหวังว่าพวกเขาจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อยุติสถานการณ์ที่บานปลาย ไม่ควรมีการใช้ความรุนแรงกับพลเรือนที่ไม่มีอาวุธ และเราหวังว่าจะมีการแก้ปัญหาอย่างสันติ”

“การใช้มาตรการคว่ำบาตรในวงกว้างจะส่งผลกระทบต่อประชากรในเมียนมาซึ่งยังมีความยากจนอยู่เต็มไปหมด” เขากล่าวเสริม

แม้ว่าสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ จะเป็นหนึ่งในประเทศที่ประกาศหรือขู่ว่าจะคว่ำบาตรเพื่อตอบโต้การรัฐประหารของเมียนมาร์ รวมถึงเชิญชวนนานาชาติให้มาคว่ำบาตรเมียนมาร่วมกัน

แต่เขากล่าวว่า “เราไม่ควรดำเนินมาตรการคว่ำบาตร เพราะคนที่จะได้รับความเดือดร้อนมากที่สุดคือประชาชนคนธรรมดาในเมียนมา ไม่ใช่เหล่าผู้มีอำนาจ” เขากล่าวย้ำ

คำกล่าวของเขาเป็นหนึ่งในคำกล่าวจากรัฐมนตรีของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ซึ่งมีนโยบายไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศสมาชิก


Source : เพจ Thailand State

https://www.reuters.com/.../us-myanmar-politics-singapore...

นักทวีตปั่นราคาเหรียญดิจิทัลสกุล MarsCoin (MARS) กันสุดมันส์ หลังจาก Elon Musk ได้ออกมากล่าวถึงเหรียญตัวนี้ จนส่งผลทำให้ราคาของเหรียญ MarsCoin ที่มีอยู่ในตลาด ราคาพุ่งขึ้นกว่า 1,000%

ทั้งนี้ ย้อนกลับไปในปี 2014 เหรียญดิจิทัล Marscoin ได้ถือกำเนิดขึ้นโดยนักพัฒนาซอฟต์แวร์อิสระนามว่า Lennart Lopin มีวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์บนดาวอังคาร เพื่อให้มนุษย์อาศัยและเจริญรุ่งเรืองนอกโลก อีกทั้งยังให้ความช่วยเหลือโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอวกาศ

โดยจะมีการนำเทคโนโลยี Blockchain ไปใช้บนดาวอังคารไม่ว่าจะเป็น ระบบการเงิน การสื่อสาร การลงคะแนนโหวต การใช้ Smart contract เป็นต้น ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะตอบสนองความต้องการตั้งถิ่นฐานใหม่ของมนุษย์บนดาวอังคาร ที่สำคัญอาจมีการนำ MarsCoin ไปเป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกบนดาวอังคาร

ทว่าเหรียญดังกล่าวก็ยังไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก จนกระทั่งเกิดแรงปั่นจากผู้รวยที่สุดในโลกอย่างนาย ‘Elon Musk’ ผู้ก่อตั้ง SpaceX ที่มีความมุ่งมั่นจะนำพามวลมนุษยชาติไปดาวอังคาร หลังจากได้มีการทวิตเตอร์บทสนทนาระหว่าง CEO ของ Binance นาย Changpeng Zhao กับนายElon Musk ซึ่งนาย Zhao ได้ถามนาย Musk ว่าจะมีเหรียญดิจิทัลที่ถูกนำไปใช้บนดาวอังคารหรือไม่ หรือมันอาจจะถูกเรียกว่าเหรียญ MarsCoin

ภายหลังจากนั้นไม่นาน Musk ก็ตอบกลับว่า...“มันจะต้องมีเหรียญ MarsCoin แน่นอน”

ทวิตฯ ดังกล่าวทำให้เหรียญ Marscoin ที่อยู่ในตลาดมาแล้วตั้งแต่ปี 2014 และมีราคาซื้อขายอยู่ต่ำกว่า 0.2 ดอลลาร์มาเป็นเวลาหลายปี ได้พุ่งไปแตะ 2.5 ดอลลาร์ในช่วงคืนที่ผ่านมา ก่อนที่จะร่วงกลับไปอยู่ที่ 1.02 ดอลลาร์

ทีมนักพัฒนาเหรียญ Marscoin นั้นดูเหมือนว่าจะมีเป้าหมายเดียวกับ Musk คือช่วยให้ทุนแก่มนุษย์ที่ไปตั้งรกรากบนดาวอังคาร โดยมีการเสนอให้ผู้คนทำการขุดเหรียญ Marscoin บนโลกนี้ก่อน และเมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมแล้ว ก็จะมีการส่งตัวสำเนา Blockchain ของ Marscoin ไปยังดาวอังคาร

อย่างไรก็ตาม Elon Musk ก็ไม่ได้มีเกียวข้องกับเหรียญดาวอังคารอย่าง Marscoin แต่อย่างใด เพียงแต่การกล่าวถึงเหรียญดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมาทำให้ผู้คนและนักวิเคราะห์คาดการณ์กันไปต่างๆ นาๆ ว่าเป็นผู้สร้างเหรียญบ้าง เป็นผู้ถือเหรียญบ้าง และส่งผลให้ราคามีการพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง เมื่อเขาออกมาพูดถึงนั่นเอง


ที่มา: https://siamblockchain.com/2021/02/17/marscoin-elon-musk-tweet/?fbclid=IwAR0GOSWghr_VwdGplH93o_vDTrMjSUrpc6GAyiZ5swgbyGnhmSGiU7SxOiU

https://siamblockchain.com/2021/02/17/is-elon-musk-behind-marcois/

‘อันวาร์’ ส่งคลิปเข้าไลน์กลุ่ม ปชป.กระตุกเพื่อน ส.ส.โหวตข้างประชาชน ไม่ต้องสนมารยาททางการเมือง ยัน ‘จุรินทร์’ รู้แล้ว

นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ทำจดหมายเปิดผนึกแสดงจุดยืนเกี่ยวกับการลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ว่าไม่ควรเอาคำว่ามารยาททางการเมืองมาผูกมัดการตัดสินใจโหวต และควรตัดสินตามอุดมการณ์ในการรักษาระบอบประชาธิปไตยอย่างที่ควรจะเป็น โดยนายอันวาร์ได้ส่งจดหมายในไลน์กลุ่มของพรรค ซึ่งมีทั้ง ส.ส.และอดีต ส.ส.อยู่ด้วย จนทำให้ผู้ใหญ่ในพรรคบางส่วนเกิดความกังวลต่อการเคลื่อนไหวของนายอันวาร์ว่า เหตุใดจึงออกมาช่วงนี้

รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์แจ้งว่า เมื่อช่วงเย็นวาน (18 ก.พ.) นายอันวาร์ได้ส่งไฟล์คลิปวิดีโอในไลน์กลุ่มพรรค ที่มีเนื้อหาตอกย้ำแนวทางของตัวเอง รวมถึงให้ข้อคิดแก่เพื่อน ส.ส.ว่า...

“ส.ส.ประชาธิปัตย์ ควรจะยึดหลักเกณฑ์ในการโหวตว่ารัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายสามารถตอบคำถามได้ชัดเจนหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นข้อกล่าวเรื่องการบริหาร ปัญหาการทุจริต รวมถึงขอให้ฟังเสียงประชาชนข้างนอกเป็นหลัก เพราะประชาชนเป็นผู้เลือก ส.ส.เข้ามาทำหน้าที่และพรรคประชาธิปัตย์อยู่ได้ด้วยเสียงประชาชน มาประกอบการตัดสินใจด้วย โดยไม่ต้องไปมองเรื่องมารยาททางการเมือง และความไม่มั่นคงของรัฐบาล จึงขอให้เพื่อน ส.ส.พิจารณาตัดสินใจอย่างตรงไปตรงมา”

ทั้งนี้ แกนนำพรรค โดยเฉพาะนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับทราบเรื่องและเห็นคลิปดังกล่าวแล้ว ขณะเดียวกัน ส.ส.พรรคมีการแบ่งแนวคิดเป็นสองฝ่าย โดย 1.) เห็นว่าควรให้ ส.ส.ตัดสินใจเอง และ 2.) เห็นว่าควรคำนึงเรื่องการเมือง และการอยู่ร่วมรัฐบาลต่อไป อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์จะมีการเรียกประชุม ส.ส.ก่อนวันลงมติเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจในการลงมติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ขณะที่ นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนได้เห็นจดหมายและคลิปวิดีโอของนายอันวาร์แล้ว ตนยอมรับแนวคิดของนายอันวาร์ เพราะตนยังยึดมั่นอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์ และการจะลงมติดังกล่าวจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรับฟังการชี้แจงของรัฐมนตรี และการตัดสินใจของ ส.ส.ถือเป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัว ขณะเดียวกันตนก็เชื่อว่าไม่มี ส.ส.ของพรรคคนไหนที่กระทำการขัดมติพรรค แต่ก็ต้องรักษาจุดยืน อะไรผิดก็คือผิด เพราะเราทุกคนต้องรับผิดชอบการตัดสินใจของตัวเอง ทั้งนี้ ส่วนตัวขอดูข้อมูลของฝ่ายค้านและการชี้แจงของรัฐมนตรีทุกคนเสียก่อน โดยขณะนี้ ส.ส.และผู้ใหญ่ของพรรคยังไม่มีการพูดคุยกันว่าจะตัดสินใจอ่างไร ต้องรอประชุม ส.ส.อย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่งข้อความโดยเป็นเอกสารผ่านไลน์กลุ่ม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ระบุถึงหลักเกณฑ์การตัดสินใจลงอภิปรายไม่ไว้วางใจขอยึดหลักถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด และอยากบอกเพื่อนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หลายท่านที่มาพูดคุยกับตนและมาปรึกษาเชิงด้วยความไม่สบายใจ ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้พวกเราจะยกมืออย่างไร ตนก็ตอบไปว่าสำหรับตน ได้รับฟังเสียงสะท้อนจากสื่อมวลชนและสังคมว่าครั้งที่แล้วเราถูกยกมือให้ไว้วางใจรัฐมนตรีบางคนทั้งๆ ที่ไม่น่าไว้วางใจ

นายอันวาร์ระบุต่อว่า ตนเชื่อว่าทุกท่านจำใจต้องลงมติสวนความรู้สึกของตนเอง เพราะผู้บริหารพรรคอ้างว่าเป็นมารยาททางการเมือง จึงทำให้นักการเมืองอย่างพวกเราถูกผูกมัดไว้ด้วยคำนี้ แต่วันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประกาศแล้วว่ามารยาททางการเมืองนั้นไม่มี เป็นประชาธิปไตย ที่จะต้องแข่งขันการทำประโยชน์เพื่อประชาชน มีคำถามว่าพวกเราพรรคประชาธิปัตย์จะยอมให้มีการถูกบังคับต่อหรือไม่นั้น ตนหวังว่าทุกท่านจะพิจารณาตัดสินใจในแนวทางที่รักษาระบอบประชาธิปไตย ที่ควรจะเป็นเพื่อรักษาภาพพจน์ของพรรคต่อไป


ที่มา: https://www.matichon.co.th/politics/news_2585757

คุยเศรษฐกิจปีหน้ากับ "ไหม - ศิริกัญญา" ส.ส.พรรคก้าวไกล | The States Times Click on Clear EP.1

บทสัมภาษณ์ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจไทยปี ‘2021’ จาก ‘คนหัวใหม่’ ไหม - ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่ใครๆ ก็ยกให้เธอเป็น ‘เพชรแท้’ แห่งแวดวงการเมือง

.

 

.

 

.

 

.

 

.

 

.

รายการ : คุยเศรษฐกิจปีหน้ากับ "ไหม - ศิริกัญญา" ส.ส.พรรคก้าวไกล | The States Times Click on Clear EP.1

 

.

มุมมองต่อเศรษฐกิจปี 2564 

เพราะบทสัมภาษณ์ที่เน้นพูดคุยถึงเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก จึงเปิดเรื่องด้วยประเด็นที่น่าสนใจอย่างมุมมองต่อเศรษฐกิจปี 2564  โดยคุณไหมมองว่าเศรษฐกิจในปีหน้าเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของปี 64 คงโตได้ไม่เกิน 4% สิ่งที่เห็นคือเศรษฐกิจลงมาตั้งแต่ปี 62 และคาดว่าจะกลับมาได้ในปี 65 เพราะผลกระทบหลักจากพิษโควิด อีกทั้งหลายภาคธุรกิจยังคงไม่สามารถกลับคืนมาได้ เช่น อุตสาหกรรมท่องเที่ยว จนกว่าจะถึงวันที่วัคซีนครอบคลุมทั่วทั้งโลก

ซึ่งในการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบแรกนั้น รัฐบาลยังเตรียมตัวไม่พร้อม แต่ในครั้งสองตนมั่นใจว่าไม่เหมือนรอบแรก เนื่องจากมีการเตรียมพร้อมที่ดีกว่า โดยสิ่งสำคัญคือรัฐบาลต้องสื่อสารกับประชาชนว่ามีความสามารถในการรับมือกับโควิดได้เต็มที่ สร้างความมั่นใจว่าเอาอยู่

หากก้าวไกลได้ดูแลเรื่องเศรษฐกิจ 4 ภารกิจที่จะทำ

ปัญหาที่เป็นคอขวดของรัฐบาลมายาวนาน คุณไหมมองว่า คือ

1.) สินเชื่อที่จะให้กับธุรกิจ SME สภาพคล่อง SME เป็นปัญหาที่เห็นได้ชัดและรัฐบาลพยายามอย่างมาก เห็นได้จากนโยบายต่าง ๆ ที่ออกมา เช่น พ.ร.ก.ซอฟต์โลน 5 แสนล้าน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ แต่ผลการอนุมัติสินเชื่อเป็นไปอย่างช้ามาก รวมถึง SME ที่ติดข้อกำหนดต่าง ๆ

โดยวิธีแก้ปัญหาในเรื่องนี้อาจเป็นการพูดคุยเพื่อผ่อนคลายเงื่อนไข ทำให้ SME ที่รอความช่วยเหลือได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ไม่ควรปล่อยจนต้องปิดกิจการไป

2.) เรื่องของตลาดแรงงาน กลุ่มแรงงานในระบบที่ยังคงเปราะบางอยู่มาก ตัวเลขการว่างงานสูงขึ้นเป็นสองเท่า แต่ด้วยภาคเกษตรที่ค่อนข้างใหญ่จึงมีส่วนช่วยดูดซับแรงงานที่ต้องตกงานไปได้บางส่วน แต่อย่างไรตัวเลขก็ยังคงเป็นสองเท่ากว่าปกติ โดยตัวเลขตกงานในวันนี้นั้นอยู่ที่ 8 แสนคน ที่ยังทำงานอยู่ก็โดนลดชั่วโมงการทำงาน ทำให้รายได้น้อยลงไปด้วย

จึงต้องกำหนดมาตรการออกมาช่วยเหลือ อาทิ โครงการ Co-Payment ไม่ควรจำกัดการจ้างงานเฉพาะเด็กจบใหม่ แต่ควรขยายวงออกไปให้คนที่มีสกิลหรือทักษะพิเศษด้วยเช่นกัน สิ่งนี้จะสามารถคงการจ้างงานไว้ได้

3.) หนี้ที่เป็นไปแล้วและกำลังจะกลายมาเป็นหนี้เสีย เนื่องจากหนี้ครัวเรือนขณะนี้สูงเป็นประวัติการณ์ของเศรษฐกิจไทย โดยขณะนี้อยู่ที่ 84% ของ GDP ซึ่งถือว่าสูงมาก เมื่อไหร่ที่คนมีหนี้เพิ่มขึ้น โอกาสในการจับจ่ายใช้สอยยิ่งน้อยลง 

วิธีการแก้ปัญหาในเรื่องนี้สำหรับลูกหนี้รายย่อย คุณไหมมองว่าควรได้โอกาส โดยขณะนี้กำลังดำเนินการร่างพ.ร.บ.ล้มละลายโดยสมัครใจของหนี้รายย่อย เพื่อให้โอกาสครั้งที่สองกับลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว แต่ยังไม่อยากเข้าสู่กระบวนการศาลล้มละลาย ช่วยให้สามารถขอฟื้นฟูกับศาลเพื่อให้เกิดใหม่ได้ก่อน เป็นอีกทางออกให้แก่ประชาชน

4.) การคลัง คุณไหมมองประเด็นนี้ไว้ว่า หากหนี้สาธารณะจำเป็นจะต้องเกินเพดานจริง สามารถเคาะกรอบขยับขึ้นไปได้ เพราะสิ่งนี้ไม่ใช่ปัญหา เนื่องจากรายได้ของรัฐบาลมาจากการเก็บภาษีซึ่งเพียงพอจะจ่ายค่างวดที่รัฐบาลไปกู้มา แต่ที่มีปัญหาคือกฎหมายที่กำหนดเพดานว่าในแต่ละปีรัฐบาลจะกู้ได้ไม่เกินเท่าไหร่ สิ่งนี้จะเป็นปัญหาในปี 64 เนื่องจากรายได้ของรัฐบาลตกลงมาก เพราะในปี 63 และ 64 จะเก็บภาษีไม่ได้ ทำให้โอกาสที่รัฐบาลต้องกู้เพิ่มนั้นมีสูงขึ้น แต่ทั้งหมดทั้งมวลดันมาติดสิ่งค้ำคอคือเพดานหนี้สาธารณะที่ห้ามกู้เกิน 20%  ในการนี้ต้องหาวิธีที่จะปลดเพดานนี้ออก หรือใช้เทคนิคใดมาแก้ปัญหา 

มุมมองต่อโครงการคนละครึ่งของรัฐบาล

ในส่วนของโครงการคนละครึ่ง โครงการยอดฮิตของรัฐบาล คุณไหมถือว่าออกแบบมาได้ค่อนข้างดี ทั้งการซอยค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน การเลือกร้านค้ารายย่อย เป็นภาคต่อของชิม ช้อป ใช้ ที่มีการแก้ไขปัญหาหลักก่อนหน้าได้ค่อนข้างดี ซึ่งขณะนี้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา 3 มาตรการ ได้แก่ บัตรคนจน ช้อปดีมีคืน และคนละครึ่ง หากมองดี ๆ ตนมองว่าการดำเนินการคนละครึ่งมุ่งไปที่การช่วยเหลือด้านค่าครองชีพมากกว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจอาจเป็นเรื่องที่รองลงมา 

ซึ่งสามเรื่องที่ตนคิดว่าจะต้องมีการจัดการในส่วนของรัฐคือ วิธีคิดของราชการ โครงสร้างการบริหารงานที่ซับซ้อน การสื่อสารกับประชาชนที่ไม่ค่อยมีความชัดเจนและตรงไปตรงมา

เด็กจบใหม่กับสถานะทางการเงินที่ไม่พอใช้ 

หากพูดถึงปัญหาของเด็กจบใหม่ก็มักจะพ่วงสถานะทางการเงินที่ไม่พอใช้มาด้วย ในประเด็นนี้ คุณไหมได้แบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งรายจ่าย และรายได้ โดยในเรื่องของรายจ่าย รู้กันดีว่าค่าครองชีพในกรุเทพมหานคร ยกตัวอย่างขนส่งสาธารณะ รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน ประกาศราชการออกมาพาช็อคกันถ้วนหน้ากับราคาที่แพง เรื่องนี้นั้นเป็นปัญหาที่รัฐต้องออกมาแก้ เนื่องจากการบริหารโครงสร้างมีความขาดทุน ทำให้รัฐไม่สามารถเก็บค่าโดยสารราคาถูกให้กับประชาชนได้ จึงต้องมานั่งวิเคราะห์ระบบขนส่งสาธารณะและเรื่องของการขาดทุนที่เกิดขึ้นเป็นปกติ โดยในส่วนนี้เองรัฐสามารถเข้าไปอุดหนุนได้  

ต่อมาเป็นเรื่องของรายได้ สิ่งนี้ต้องมาดูที่ทักษะหรือสกิล ซึ่งหากทักษะที่มีเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน เป็นปกติที่ต้องได้เงินเดือนที่สูงกว่าคนอื่น สิ่งนี้ต้องดูที่คุณภาพของบัณฑิตจบใหม่ว่าตรงกับที่ตลาดต้องการหรือไม่ เพราะฉะนั้นต้องมีโปรแกรมที่จะปรับทักษะใหม่ เพิ่มทักษะอื่น ๆ เพื่อไปทำงานที่ตลาดแรงงานต้องการ 

ค่าครองชีพที่สูง และการควบรวมกิจการระหว่างซีพี-เทสโก้โลตัส

ประเด็นของการควบรวมกิจการระหว่างซีพี-เทสโก้โลตัส สองยักษ์ใหญ่ที่เป็นกระแสว่าใครได้ใครเสียนั้น คุณไหมมองว่าต้องเกิดผลกระทบในธุรกิจค้าปลีกอย่างแน่นอน และทางฝั่งผู้บริโภคเองก็มีทางเลือกที่น้อยลง จากเดิมที่มีสองเจ้าแข่งกัน อาจคาดหวังว่าราคาจะถูกลง หรือมีการแข่งขันทางด้านคุณภาพ แต่การควบรวมโดยไม่มีเงื่อนไขจะทำให้ประชาชนเจอกับปัญหาราคาข้าวของที่แพงอยู่แล้วซ้ำไปอีก  

ขณะที่ฝั่งที่ได้รับผลกระทบมากกว่านั้น คือ คู่แข่งและผู้ค้า ร้านโชห่วยที่ต้องต่อสู้กับทุนขนาดใหญ่ แต่จะทำอย่างไรให้การแข่งขันรายเล็กจิ๋วกับรายใหญ่สุดเป็นไปในทิศทางที่สามารถอยู่ร่วมกันได้ ส่วนที่สามที่ต้องเดือดร้อน คือ ผู้ค้า หากธุรกิจยักษ์ใหญ่ควบรวมกันก็จะมีอำนาจต่อรองมากขึ้น บีบกรอบของผู้ผลิตลงต่ำได้อีก ทำให้ผู้ผลิตอยู่ยากเพราะไม่มีเงินไปต่อยอดพัฒนาสินค้าของตัวเอง เพราฉะนั้นสิ่งที่พยายามจะผลักดันคือ ทำให้เกิดการแข่งขันระหว่างตัวเล็กกับตัวใหญ่ได้

ทฤษฎีสองสูง

ทิ้งท้ายประเด็นทางเศรษฐกิจ มีการหยิบยกทฤษฎีสองสูง ของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ขึ้นมาพูด โดยคุณไหมอธิบายว่า ทฤษฎีดังกล่าวเป็นช่วงเดียวกับที่มีการขึ้นค่าแรง 300 บาท เป็นเรื่องดีที่พยายามช่วยเหลือแรงงานให้มีรายได้สูงขึ้น แต่ค่าอาหารก็แพงขึ้นเช่นกัน สิ่งนี้ทำให้กลับมาย้อนคิดว่าสุดท้ายแล้วทั้งสองอย่างที่สูงขึ้น ส่วนเกินที่เกิดขึ้นจะเข้ากระเป๋าใคร ตนมองว่าทฤษฎีสองสูงเกิดได้จริง แต่ต้องเป็นในขอบข่ายที่เศรษฐกิจมีการกระจายตัว ไม่เหลื่อมล้ำอย่างทุกวันนี้ จึงจะได้ผล  

 

เทพไท ระบุ เลือกตั้งซ่อมเมืองคอน ยังหงอย ชาวบ้านให้ความสนใจการอภิปรายไม่ไว้วางใจมากกว่า ชี้ กระแสนอกสภาเปลี่ยนการเมืองได้

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง บรรยากาศการเลือกตั้งซ่อมเขต3 จังหวัดนครศรีธรรมราช ว่าการเลือกตั้งได้เดินมาถึงครึ่งทางแล้ว ผู้สมัครจาก 4 พรรคการเมือง ได้ลงพื้นที่แนะนำตัว กับประชาชนในตลาดนัดเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังไม่มีการจัดเวทีปราศรัยย่อย จึงทำให้บรรยากาศการหารเสียงยังไม่คึกคักเท่าที่ควร คงจะหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้นแล้ว น่าจะมี ส.ส.ของแต่ละพรรคการเมือง ระดมสมาชิกพรรคลงพื้นที่กันมากขึ้น

สำหรับตนในฐานะเจ้าของพื้นที่เดิม ยังลงพื้นที่พบปะประชาชนเหมือนเดิม และทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้น วันละหลายพื้นที่ จนต้องทานอาหารบนรถยนต์ระหว่างเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีประชาชนติดตามการถ่ายทอดสดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรอย่างใกล้ชิด

ในบางพื้นที่ได้ติดตามรับฟังข้อมูลและประมวลผลการอภิปรายด้วย ทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจของ ส.ส.ฝ่ายค้าน และการตอบของรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย เป็นการให้คะแนนของภาคประชาชนว่าจะขัดแย้งกับการลงมติไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ และยิ่งเป็นยุคโลกสังคมโซเชียลด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้มาก

ฉะนั้นไม่ว่ามติในสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นเช่นใดก็ตาม แต่มติของประชาชนนอกสภา ก็มีความสำคัญไม่น้อยเช่นเดียวกัน กระแสการเมืองนอกสภา อาจมีผลทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของรัฐบาลได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top