Thursday, 26 June 2025
TheStatesTimes

'ก้าวไกล'​ ไปต่อ เดินหน้ายุทธการกรีดแผลโรยเกลือ 'นายกฯ-รมต.'​ ไม่ให้มีชีวิตรอดหลังซักฟอก จ่อส่ง ปปช.ถอดถอน 'นิพนธ์'​ คนแรก หลักฐานชัด ผิดจริยธรรมการเมืองร้ายแรง รมต.คนอื่นรอคิวต่อไป

ที่รัฐสภา พรรคก้าวไกล นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงว่า เรายืนยันว่าเราตั้งใจทำใน 4 วันนี้ให้ออกมาอย่างสุดความสามารถ​ แม้ผลที่ออกมาจะเป็นอย่างที่เห็น 

แต่อย่างไรก็ตาม​ เราได้กรีดแผลไปในสภา ซึ่งแผลที่เกิดขึ้น​ ก็ได้สะท้อนปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในสังคม ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาหรือแรงงาน ต่อไปปีนี้จะไม่เหมือนปีที่แล้ว ซึ่งปีนี้ยืนยันจะมียุทธการโรยเกลือย้ำแผลที่เราได้กรีดไว้ โดยจะมีกระบวนการทำงานต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องการยื่นต่อปปช. ต่อศาลในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน 

ด้าน​ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเตรียมข้อมูลของการอภิปรายพรรคก้าวไกล รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง แม้เราสร้างแผล​ ไม่ว่าจะเป็นแผลข่วน ไฟไหม้ และแผลฉกรรจ์ โดยเฉพาะนายกฯ​ ที่หนีภาษีไปจนถึงคอร์รัปชั่นในระดับนโยบาย รถไฟฟ้า อุตสาหกรรม พลังงาน รวมทั้งการเอื้อประโยชน์นายทุนหลายรายให้เข้ามาใช้ทรัพยากรของชาติแบ่งปันผลประโยชน์เพื่อพวกพ้องตัวเองและเครือข่าย แต่อย่างไรก็ตามผลการลงมติครั้งนี้อาจจะสะท้อนว่าเราทำงานยังไม่หนักพอ เพราะคนที่จะตัดสินคือประชาชน ว่าจะยังไว้ใจให้คณะรัฐมนตรี รวมถึงนายกฯ​ ชุดนี้ให้ทำงานต่อไปหรือไม่ 

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า มาตรการโรยเกลือที่เราจะทำต่อคือจะมีการยื่นจดหมาย หนังสือร้องเรียนต่างๆ​ ไม่ว่าจะเป็นการยีนถอดถอนรัฐมนตรีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ดิน กรณีของการผิดจริยธรรมนักการเมืองไปที่​ ป.ป.ช.โดยจะมีการยื่นขอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความชัดเจนในหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นการขอข้อมูลกองทัพบก กรณีการใช้ที่ดินราชพัสดุ เพื่อการปฏิรูปกองทัพ และยื่นตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างทุกกระบวนการโดยเฉพาะกระทรวงกลาโหม สำหรับกระทรวงศึกษาเราจะยื่นตรวจสอบการกลับมติครม. กรณีการลดงบประมาณกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ นี่คือกระบวนการโรยเกลือเพื่อให้แผลที่เราเปิดไว้ในสภาออกไปสู่นอกสภา เพื่อติดตามผลว่านายกฯ​ และรัฐมนตรีต่างๆ​ จะยังมีชีวิตรอดหลังจากอภิปรายไว้ต่อไปหรือไม่ จึงขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่ส่งข้อมูลและสนับสนุนพรรคก้าวไกล เพื่อเป็นเบาะแสในการตรวจสอบนำมาสู่การอภิปรายในครั้งนี้ 

“รัฐมนตรีที่จะยื่นให้ป.ป.ช.​ ถอดถอนคือนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ซึ่งเป็นคนที่มีหลักฐานพร้อมที่จะยื่นเป็นคนแรก กรณีผิดจริยธรรมของนักการเมืองอย่างร้ายแรง

นอกจากนี้ก็ยังมีกรณีนายบอส อยู่วิทยา ที่นายกฯ​ และรองนายกฯ​ ที่มีส่วนแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการเปิดเผยรายงานข้อเท็จจริงที่นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ซึ่งมีรายชื่อและรายละเอียดชัดเจนว่ามีใครบ้างที่พัวพันกับคดีนี้”  น.ส.ศิริกัญญา กล่าว 

เมื่อถามว่าจะดำเนินการลงโทษส.ส.​ ที่โหวตลงมติสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข อย่างไร? นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคมีคณะกรรมการที่ตรวจสอบวินัยสมาชิกพรรคอยู่แล้ว ซึ่งเราไม่อยากเตะหมูเข้าปากหมา อย่างการไล่ส.ส.​ ออกไปตอนนี้ มีแต่จะไปเข้าทางของผู้มีอำนาจ แต่เราจะมีกระบวนการลงโทษที่ชัดเจน เช่น ไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมของพรรคทั้งหมด รวมถึงการทำงานในสภาในนามพรรคทั้งหมด เราไม่นิ่งนอนใจ ซึ่งยอมรับว่าหากมีส.ส.​ ในพรรคแหกมติจริง ก็ต้องขอโทษพี่น้องประชาชนทุกคะแนนเสียงที่เลือกเรามาแล้วผิดหวัง ประสบการณ์ครั้งนี้จะนำมาสู่การปฏิรูปพรรคอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการทำงานที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเราทำงานเต็มที่ 

เมื่อถามผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แสดงว่ามีการประสานงานกันกับคนในพรรคเพื่อให้ลงมติให้นายอนุทิน เพราะเมื่อครั้งยุบพรรคก็เสียส.ส.​ ไปหลายคน นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้ถ้าเป็นความจริงตนในฐานะหัวหน้าพรรคก็ผิดหวัง แต่ไม่ผิดคาด เพราะเรามีกระบวนการในพรรคเตรียมรับมือไว้อยู่แล้ว

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่นายกฯ​ ได้คะแนนโหวตไม่มาก นายชัยธวัช กล่าวว่า สะท้อนว่าเป็นระบบการเมืองแบบเก่า ที่ยังมีอิทธิพลและผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นปัญหาสภาพแวดล้อมที่เราเคยอยู่พรรคอนาคตใหม่ ก็พยายามต่อสู้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เฉพาะเราที่เป็นพรรคการเมืองเท่านั้นที่ไม่อยากเห็น แต่ประชาชนก็ไม่อยากเห็นการเมืองแบบนี้ ซึ่งถอยย้อนหลังมาเรื่อยๆ ตั้งแต่รัฐประหาร 

กลายเป็นเรื่องตลกร้ายที่ขำไม่ออก กับประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตวัคซีนของโลกอีกแห่งอย่างอินเดีย

โดยปัจจุบันอินเดียก้าวหน้า​ จนสามารถพัฒนาวัคซีน Covid-19 เป็นของตัวเอง และกำลังผลิตพร้อมประกาศเป้าหมายว่าจะฉีดวัคซีนให้ชาวอินเดียได้ถึง 300 ล้านคนภายในเดือนสิงหาคมปีนี้ ซึ่งถือเป็นโครงการฉีดวัคซีนที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ไปๆ​ มาๆ​ กลายเป็นว่าชาวอินเดียส่วนใหญ่กลับเมิน ไม่ยอมมาฉีดกันสักเท่าไหร่

มันเกิดอะไรขึ้น?

อินเดียเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด Covid-19 ระดับรุนแรง แซงหน้าหลายประเทศขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของโลกหากนับจากยอดผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศ

ทว่าตอนนี้ประเทศอินเดียก็ได้พัฒนาตนเอง​ จนจัดกลายเป็นผู้ผลิตยา และวัคซีนรายใหญ่ของโลก โดยมีข้อมูลว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 วัคซีนที่ใช้กันอยู่ทั่วโลกกว่า 60% ผลิตในอินเดีย และยังเป็นฐานการผลิตให้กับบริษัทยาชั้นนำของโลกอีกมากมาย ดังนั้นหากถามเรื่องศักยภาพในการผลิตยา และวัคซีนของอินเดียก็บอกได้เลยว่าหายห่วง

นอกจากนี้ อินเดียยังก้าวหน้าถึงขนาดสามารถพัฒนาวัคซีน Covid-19 เป็นของตัวเองได้สำเร็จอีกด้วย นับเป็นหนึ่งในความก้าวหน้าด้านการแพทย์ที่น่าจับตามองมาก

และทันทีที่มีข่าวว่ามีวัคซีน Covid-19 ในเวอร์ชั่นของอินเดีย รัฐบาลก็ไม่รอช้า ประกาศรับรองวัคซีน Covid-19 ให้ใช้ได้ทันทีถึง 2 ตัว คือ

- Covishield ที่เป็นชื่อเรียกของ วัคซีน Oxford-AstraZeneca ที่ผลิตในบริษัทยาของอินเดีย

- Covaxin วัคซีนของอินเดียแท้ ๆ ที่พัฒนาโดยบริษัท Bharat Biotech

และได้เริ่มโครงการฉีดวัคซีนไปแล้วเมื่อกลางเดือนมกราคม 2021 ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลอินเดียประกาศเป้าหมายว่าจะต้องฉีดวัคซีนในได้ 300 ล้านคนภายในเดือนสิงหาคม นับว่าเป็นโครงการวัคซีนใหญ่ที่สุดของโลกในช่วงเวลานั้น

แต่หลังจากที่เดินหน้าโครงการไปได้เพียงแค่เดือนเดียว กลับพบว่าชาวอินเดียมารับวัคซีนเพียงแค่ 8.4 ล้านคน ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ถึง 1 ใน 4 ที่คาดว่าต้องฉีดให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 37.5 ล้านคน เพื่อบรรลุเป้าหมายในเดือนสิงหาคม

แม้ว่ารัฐบาลอินเดียจะสร้างแอปพลิเคชันบนมือถือ เพื่อแจ้งเตือนและติดตามกลุ่มเป้าหมายให้มารับวัคซีน ทำแคมเปญเชิญชวนสารพัด แต่ก็ยังมีคนมาไม่ถึงเป้า และที่รัฐบาลต้องกลุ้มใจหนักกว่านั้นคือ หลังจากที่ฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว มีเพียง 4% เท่านัันที่กลับมารับวัคซีนเข็มที่ 2

สาเหตุดังกล่าง​ เมื่อถามจากความเห็นของกลุ่มเป้าหมายที่จะต้องเข้ารับวัคซีนเป็นกลุ่มแรก ที่เป็นบุคลากรการแพทย์ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่ต้องสัมผัสกลุ่มเสี่ยงนั้น หลายคนยังลังเลที่จะไปรับวัคซีน ผลัดไปก่อน ไม่รีบ ไม่ร้อน โดยอ้างว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อในอินเดียก็ลดลงเรื่อยๆ หากเป็นเช่นนี้ สถานการณ์คงไม่น่ากลัวแล้ว ไม่ต้องรีบก็ได้ ซึ่งจุดนี้อาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ชาวอินเดียตื่นตัวที่จะไปฉีดวัคซีนน้อยลง

อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ​ ความเชื่อมั่นในวัคซีนที่ผลิตในอินเดียเอง ที่หลายคนยังกังขาในประสิทธิภาพ เนื่องจากการพัฒนาวัคซีน Covaxin ทำอย่างเร่งรีบ และมีตัวเลขผลการวิจัยออกมาค่อนข้างน้อย บางกระแสบอกว่าวัคซีนยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบในเฟส 3 อยู่เลย รัฐบาลอินเดียก็เซ็นอนุมัติรับรองให้ใช้วัคซีนได้แล้ว

นิตยการ Time ได้สำรวจความเห็นของบุคลากรการแพทย์ในอินเดีย และพบว่าหลายคนยังไม่ค่อยเชื่อมั่นในวัคซีนของอินเดีย ยิ่งศูนย์วัคซีนบางแห่งมีเพียงวัคซีนในประเทศให้เลือก บางคนก็ขอเลือกที่จะไม่ฉีด เมื่อชาวบ้านทั่วไปเห็นว่าขนาดหมอ พยาบาล ยังไม่ยอมไปฉีด ก็ยิ่งสร้างความไม่เชื่อมั่นในตัววัคซีนยิ่งขึ้นไปอีก

เลยทำให้ตอนนี้อินเดียกลายเป็นประเทศที่กำลังเผชิญกับปัญหาที่ไม่เหมือนใครในโลก คือ มีวัคซีน Covid-19 เหลือเฟือ​ แต่ไม่มีคนยอมมาฉีด

สถานการณ์เช่นนี้​ อาจจะเกิดขึ้นในหลายประเทศในอนาคต​ เมื่อวัคซีนเริ่มมีเพียงพอกับความต้องการในท้องตลาด แต่พอตัวเลขการติดเชื้อที่ลดลงอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ก็จะทำให้คนมีความตื่นตัวที่จะไปฉีดน้อยลง เพราะเข้าใจว่าว่าการระบาดกำลังจะจบลงในไม่ช้า ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด และยังมีโอกาสที่จะเกิดการระบาดระลอกใหม่ได้ทุกเมื่อ

ตอนนี้รัฐบาลหลายประเทศกำลังเร่งกว้านซื้อวัคซีนในท้องตลาด​ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด แต่หากพิจารณาจากสถานการณ์ในอินเดีย​แล้ว อาจพบว่า​ การสร้างความเชื่อมั่น และจูงใจให้คนออกมารับวัคซีนให้ครบตามจำนวน​ อาจเป็นเรื่องที่ท้าทายยิ่งกว่าก็ได้


ที่มา: https://time.com/5940963/india-covid-19-vaccine-rollout/

https://www.bbc.com/news/world-asia-india-55748124

ควันหลงซักฟอก​ 'ธนาธร' สะใจอย่างแรง!! หลังลูกน้องในสภาฯ เปิดคลิปแฉไอโอกองทัพ

ควันหลง​ หลังจากนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยเปิดคลิปวิดีโอ อ้างว่า​ กองทัพปฏิบัติการไอโอ เพื่อทำลายฝ่ายตรงข้ามที่เห็นต่างทางการเมือง

ซึ่ง พรรคก้าวไกล ได้นำการอภิปรายของนายณัฐชา โพสต์เป็นคลิปพร้อมข้อความลงบนทวิตเตอร์ ระบุว่า "แหกแรกของวัน! @Nattacha_mfp เปิดคลิป #คอนคอล ของทีม IO กองทัพ เรียกคนในประเทศว่า "ฝ่ายตรงข้าม" และชัดเจนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีและประชาสัมพันธ์ให้ร้ายฝ่ายดังกล่าวในวันยุบพรรคอนาคตใหม่"

ขณะที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้าได้แชร์ข้อความและคลิปดังกล่าว พร้อมโพสต์ข้อความว่า "55555555555555"

นายธนาธร ยังโพสต์อีกด้วยว่า...

เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ เผื่อทุกท่านลืมนะครับ ทหารในคลิปนี้พยายามกลบเกลื่อน "เหตุร้าย" ที่ผ่านมา และเตรียมตัวรับมือการยุบพรรคอนาคตใหม่

"เหตุร้าย" นั่นคือเหตุ #กราดยิงโคราช

สุดยอดจริงๆ พยายามลบลืมความผิดตัวเองแล้วรอไปป้ายสีให้คนอื่น เพียงไม่กี่วันหลังเหตุกราดยิงโคราช สุดยอดจริงๆ


ที่มา: https://www.thaipost.net/main/detail/93532

.

นักอนุรักษ์และยูเนสโกหวั่นรัฐบาลกัมพูชาเดินเครื่อง​ ปล่อยเอกชนสร้างสวนสนุกใกล้นครวัด​ หวั่นทำลายมนต์ขลังมรดกโลก

องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ออกแถลงการณ์ถึงแผนการก่อสร้างสวนสนุกใกล้กับนครวัดของกัมพูชาว่า “ความใกล้เคียงกันของโครงการกับพื้นที่ที่ได้รับการปกป้องของนครวัด รวมทั้งขนาด ขอบเขต และแนวคิดของกิจกรรมต่าง ๆ อาจส่งผลกระทบต่อความโดดเด่นของนครวัดที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก”

และยังระบุอีกว่า บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์และการพัฒนาที่ยั่งยืนต่างแสดงความกังวลและแนะนำให้ยกเลิกการก่อสร้างสวนสนุกดังกล่าว

เช่นเดียวกับชาวกัมพูชาบางส่วนที่ไม่ต้องการให้มีการก่อสร้าง โดย Leng Chentha ชาวกัมพูชาในกรุงพนมเปญเผยกับ Radio Free Asia ว่า ไม่สนับสนุนการก่อสร้างหากสวนสนุกทำลายความงดงามของนครวัด

เมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว รัฐบาลกัมพูชาตกลงให้บริษัท NagaCorp ที่ตั้งอยู่ในฮ่องกง​ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินกิจการคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในกัมพูชา เช่าที่ดินใกล้กับนครวัดเป็นเวลา 50 ปี

โดยบริษัทมีแผนสร้างสวนสนุกและโรงแรม Angkor Lake of Wonder ขนาด 750,000 ตารางเมตร ซึ่งอยู่ห่างจากนครวัดเพียง 500 เมตร

ขณะนั้นบริษัทระบุว่า จะโปรโมทโครงการสวนสนุกมูลค่าการลงทุน 350 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดการเปิดให้บริการในปี 2025 ร่วมกับนครวัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวคู่แฝดของกัมพูชา

ส่วน พาย สีพัน โฆษกรัฐบาล ยืนยันว่าสวนสนุกแห่งใหม่จะไม่กระทบกับนครวัด

หลังจากนี้ ยูเนสโกมีแผนจะพิจารณาตรวจสอบแผนการก่อสร้างสวนสนุกดังกล่าวในที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่จะจัดขึ้นในเดือน มิ.ย.นี้ และจะติดต่อประสานงานกับทางการกัมพูชาเพื่อให้แน่ใจว่าการปกป้องนครวัดคือเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่สุด

ทั้งนี้ นครวัดสร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 12 ในยุคจักรวรรดิเขมร และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโกเมื่อปี 1992


ที่มา: https://www.posttoday.com/world/645881

Photo by TANG CHHIN Sothy / AFP

'มาดามเดียร์' แจงชัด!! งดออกเสียง 'ศักดิ์สยาม'​ เพราะไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ปมเปลี่ยนเงื่อนไข (TOR) และล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม พร้อมทั้งไม่ปกป้องและเรียกคืนที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย เขากระโดง จ.บุรีรัมย์

'มาดามเดียร์ - วทันยา วงษ์โอภาสี'​ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว 'เดียร์ วทันยา วงษ์โอภาสี'​ ว่า...

การที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร 'กลุ่มดาวฤกษ์'​ ใช้สิทธิ 'งดออกเสียง'​ ในการลงคะแนน ญัตติไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีเป็นรายบุคคลกับรัฐมนตรีท่านหนึ่ง ด้วยเหตุผลว่า ตลอดการอภิปรายและการชี้แจง 4 วัน (16 - 19 กพ.) ที่ผ่านมา ไม่พบคำชี้แจงที่ชัดเจนเพียงพอ ในการตอบคำอภิปรายของพรรคฝ่ายค้าน

ทำให้สังคมตั้งข้อกังขา และข้อสงสัยใน 2 ประเด็นหลัก ที่ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน กล่าวคือ เรื่องการเปลี่ยน เงื่อนไข (TOR) และการล้มการประมูล โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และข้ออภิปรายเรื่องการไม่ปกป้องหรือเรียกคืนที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในพื้นที่ เขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์

ทั้ง 2 ประเด็นที่ยังไม่ได้รับคำตอบอย่างชัดเจน เป็นสองประเด็นที่ สองรัฐวิสาหกิจอยู่ในการกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมโดยตรง คือ รฟท. และ รฟม.

ส.ส. ในกลุ่มดาวฤกษ์ ได้พยายามอย่างที่สุดในการปฏิบัติตามมติพรรค ด้วยการไม่ลงคะแนนไม่ไว้วางใจ

อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องปฏิบัติตามจิตวิญญาณ ความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ด้วยการ 'งดออกเสียง'​ ส่วนผลที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากการลงมติครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านใด ส.ส. ในกลุ่มทั้งหมด พร้อมน้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น โดยถือว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนปวงชน อย่างดีที่สุดแล้ว

สำหรับ​ ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ นั้น​ มีอยู่​ 6 คน ได้แก่

1.) น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ

2.) นายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.เขตหนองจอก

3.) นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.เขตคลองเตย-วัฒนา

4.) น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.เขตราชเทวี-พญาไท-จตุจักร

5.) น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส.เขตบางกะปิ-วังทองหลาง

6.) น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.เขตดุสิต-บางซื่อ

'รุุ้ง' ออกตัว​ ไม่มีการ์ดคนไหนพกระเบิดปิงปองมาที่ชุมนุม​ มั่นใจชุมนุมหน้าสภาฯ วันนี้ยึดสันติ

น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำม็อบคณะราษฏร โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊กระบุว่า...

ด่วน! มีคนปล่อยข่าวเท็จว่าแนวร่วมมธ. และ We Volunteers จะนำระเบิดปิงปองมา 40 ลูก เพื่อสร้างภาพความรุนแรงในม็อบ

เราขอยืนยันตรงนี้ว่า ไม่จริง และไม่มีทางเป็นไปได้ พวกเราไม่สนับสนุนความรุนแรงทุกรูปแบบ และเรายึดถือแนวทางสันติวิธีมาโดยตลอด

และขอความร่วมมือจากทุกคนมา ณ ที่นี้ว่ารบกวนไม่พก/นำอาวุธทุกชนิดมาที่ม็อบอย่างเด็ดขาดนะคะ เราต้องการสร้างสังคมที่เป็นมิตรต่อกัน หาใช่การรบกันไม่

และขอให้ทุกคนช่วยกันเป็นหูเป็นตา และคอยห้ามปรามกันด้วยหากมีใครที่พยายามจะสร้างความรุนแรงในม็อบ

สำหรับหัวข้อที่จะเน้นในวันนี้​ คาดว่าจะเกี่ยวกับการปราศรัย​ ที่สุดท้ายแล้วผลการอภิปรายในสภาก็ไม่สามารถตอบโจทย์ และแก้ปัญหาอะไรให้ประชาชนได้ ซึ่งการที่ประชาชนออกมาเคลื่อนไหว ก็เป็นเพราะเหตุนี้

ทั้งนี้​ รุ้ง​ ยังเผยอีกว่า​ คาดว่าผู้ชุมนุมจะเดินทางมาเรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ตาม​ ส่วนตัวอยากให้จบการชุมนุมในเวลา​ 21.30 น. เพราะค่าบริการสาธารณะในบริเวณนี้ไม่เอื้ออำนวยต่อการเดินทางของประชาชน

ส่วนการปิดถนน จะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งจากจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุม ขณะที่เวทีอื่นๆ​ ซึ่งมีการประกาศนัดรวมมวลชนต่างๆ ตน​ ก็เพิ่งทราบ แต่ตนเองจะเป็นหลักอยู่ที่หน้ารัฐสภา


ที่มา: https://siamrath.co.th/n/221675

https://www.nationtv.tv/main/content/378816462

พลังประชารัฐเตรียมลงดาบ 7 ส.ส. ฝืนแนวทางพรรค งดออกเสียงโหวต ‘ศักดิ์สยาม’ ส่วนข่าวลือคนในพรรคไม่พอใจ ‘ธรรมนัส’ คาดแค่หวังเสี้ยมก่อความขัดแย้ง

แหล่งข่าวจากกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า จากผลคะแนนการลงมติของ ส.ส.ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรี ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ทางพล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค ในวันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อประเมินผลการอภิปรายไม่ไว้วางใจและนำมาพิจารณาในภาพรวม

ทั้งนี้ประเด็นสำคัญในเรื่องของการโหวตลงมติต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ พบว่ามี ส.ส. จำนวน 7 คน ที่ไม่ปฏิบัติตามแนวทางของพรรคที่วางไว้ โดย "งดออกเสียง" ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในส่วนของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมดังนั้นในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค จะพิจารณามาตรการลงโทษด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความขัดแย้งภายในพรรค

นอกจากนี้ที่มีรายงานข่าวว่าสมาชิกพรรคหลายคนไม่สบายใจกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่ารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้คะแนนโหวตไว้วางใจมากกว่านายกรัฐมนตรีนั้น ไม่เป็นความจริง ซึ่งผู้ใหญ่ในพรรครู้สึกไม่สบายใจและข้องใจที่มีข่าวแบบนี้ออกมา และไม่พอใจอย่างยิ่งต่อผู้ที่ให้ข่าวเช่นนี้ ถือเป็นการเสี้ยมให้เกิดความขัดแย้งภายใน ทั้งที่มันไม่เป็นความจริง ยิ่งไปกว่านั้น


ที่มา: https://mgronline.com/politics/detail/9640000017042

ตั๋วช้างนิทานหลอกเด็ก ! ดร.นิวแฉฝ่ายค้านปั้นขบวนการสร้างปมเท็จปรับยศตำรวจ โยงข้อมูลเก่าปัดฝุ่นเล่าจนเป็นนิทานหลอกเด็ก

แม้จะจบศึกอภิปรายซักฟอกรัฐบาลประยุทธ์ 2 โดยมีผลลัพธ์ลงเอยด้วยการสอบผ่านทั้ง 10 รัฐมนตรีไปแล้วแต่ดูเหมือนว่าจะยังมีอีกหลายประเด็น ที่ฝ่านค้านน่าจะยังเดินหน้าตอแยต่อ

หนึ่งในปมประเด็นที่ถูกทิ้งไว้สังคมสงสัยต่อ คือ ‘ตั๋วช้าง’

‘ตั๋วช้าง’ คืออะไร?

‘ตั๋วช้าง’ นั้นเป็นแฮชแท็กที่เกิดจาก รังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล ซึ่งอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรองนายกรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ปมอ้างว่ามีตั๋วในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ รวมทั้งมีการซื้อขายตำแหน่งอีกด้วย พร้อมโชว์เอกสารลับ ตั๋วช้าง จนทำให้นายสุชาติ ตันเจริญ ประธานในที่ประชุม ต้องสั่งให้สรุปจบ โดยนายรังสิมันต์ยอมรับว่าเรื่องที่อภิปรายเป็นเรื่องอันตราย แต่ตนได้ทำหน้าที่ในฐานะ ส.ส.

รังสิมันต์ โรม กล่าวอ้างว่า การมีอยู่ของตั๋วช้าง ทำให้เกิดความสมยอมในการกระทำผิด ดังนั้นพลเอกประยุทธ์และพลเอกประวิตรจะรับผิดชอบอย่างไร เนื่องจากที่ตนเองได้ข้อมูลมานั้นตั๋วเหล่านี้มีมูลค่าหลักล้านหรือหลายล้าน ก็เท่ากับว่าสุดท้ายตำรวจต้องลงเอยด้วยการเรียกเก็บผลประโยชน์จากบ่อน จากธุรกิจผิดกฎหมาย หรือจากการค้ามนุษย์

อย่างไรก็ตาม ได้มีข้อมูลอีกด้านของ ‘ตั๋วช้าง’ ที่น่าสนใจ และดูเหมือนจะเป็นการหักล้างข้อมูลของ รังสิมันต์ โรม จาก ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ (ดร.นิว) นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ซึ่งได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyanไว้ว่า...

ข้อเท็จจริง "นิทานเรื่องตั๋วช้าง"

ได้ด้วยหรือ? อยู่ๆ ก็ยัดเยียดเอกสารฉบับหนึ่งเป็นตั๋วช้างได้หรือ? คำว่าตั๋วช้างก็โยงมาจากข่าวเก่าๆ ด้วยความมั่ว

นิทานเรื่อง #ตั๋วช้าง เป็นการเชื่อมโยงแบบมั่วๆ ปั้นน้ำเป็นตัวแต่งนิทานหลอกเด็ก เพื่อปั่นกระแสแหกตาประชาชน หวังหลอกใช้เป็นเบี้ยในการทำผิดกฎหมายและสร้างความแตกแยก

1.คำว่า "ตั๋วช้าง" มาจากข่าวแฉตำรวจใน https://mgronline.com/specialscoop/detail/9600000061278 วันที่ 15 มิ.ย. 2560

2.ตั๋วลดราคาตำแหน่ง 8 ล้าน ลดเหลือ 4 ล้าน มาจากคำพูดของอดีตผู้การวิสุทธิ์ใน https://www.posttoday.com/politic/report/444162 วันที่ 21 ก.ค. 2559

3.เอกสารที่นายโรมและขบวนการล้มเจ้านำมาปั่นกระแสบิดเบือน ถูกนำมาโยงกับ ข้อ 1-2 แบบมั่วๆ ทั้งๆที่เป็นการปรับตำแหน่งตามปกติให้กับตำรวจที่มีผลงานโดดเด่น และอาจเคยถวายงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาท

ขนาด ส.ส.พรรคล้มเจ้าที่ความดีไม่เคยมีปรากฏ ยังอยากได้เครื่องราชฯ

แล้วทำไมตำรวจดีๆที่มีผลงาน จะขอเกียรติยศให้กับการปรับตำแหน่งของตัวเองที่เป็นไปตามระบบไม่ได้?

ขอยกตัวอย่างบุคคลชื่อแรกที่ปรากฏในเอกสารดังกล่าว พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ได้รับการขนานนามว่าเป็น “มือปราบอาชญากรออนไลน์” มีผลงานรับใช้ประชาชนที่โดดเด่นมากมายดังที่ได้พบเห็นในข่าวสารอยู่เป็นประจำ ช่วยเหลือประชาชนในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บรรเทาทุกข์ให้กับพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนจากเหล่ามิจฉาชีพต่างๆ ในโลกออนไลน์ จับกุมฉ้อโกง แฮคเกอร์ และเฟคนิวส์ได้เป็นจำนวนมาก เป็นวิทยากรให้ความรู้เพื่อป้องกันตนเองจากอาชญากรรมไซเบอร์มาหลายเวที

นอกจากนี้ยังเคยเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายจนถูกยิงจากการปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนอีกด้วย จึงไม่น่าแปลกที่คนดีๆมีผลงานโดดเด่นแบบนี้ จะได้รับการพระราชทานเกียรติยศประกอบการเลื่อนตำแหน่งตามที่สมควรได้โดยชอบธรรมอยู่แล้ว ซึ่ง พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง 1 ระดับจาก “ผกก.3 บก.ปอท.” เป็น “รอง ผบก.ปอท”

การเชื่อมโยงแบบมั่วๆ ปั่นกระแสบิดเบือนของนิทานตั๋วช้างในครั้งนี้ ทำให้ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศได้เห็นแล้วว่า พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า และม็อบ รวมถึงขบวนการล้มเจ้า เป็นกลุ่มเครือข่ายเดียวกัน ที่เคลื่อนไหวปั่นกระแสร่วมกันอย่างเป็นระบบ อยู่เบื้องหลังการยุยงปลุกปั่นสร้างความแตกแยก หมกมุ่นอยู่กับการบิดเบือนให้ร้ายหวังบ่อนทำลายความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์

ที่มา:

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=3912616712134271&id=100001579425464


อ้างอิง...

https://mgronline.com/specialscoop/detail/9600000061278

https://www.posttoday.com/politic/report/444162

https://provincialnewscenter.com/?p=6373

ดอกเหลืองอินเดีย บริเวณเกาะกลางถนนอำเภอท่าวังผาบานเหลืองอร่ามทั้งเส้น ด้านนักท่องเที่ยวแห่เก็บภาพเป็นที่ระลึก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต้นเหลืองอินเดียมากกว่า 300 ต้น ที่ปลูกบริเวณเกาะกลางถนน ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 ช่วงอำเภอท่าวังผากำลังออกดอกเบ่งบานเหลืองสะพรั่ง มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ทราบข่าวมาถ่ายภาพแล้วโพสต์ - แชร์ภาพ ในโลกออนไลน์

จึงลงพื้นที่ จากเกาะกลางถนนด้านหน้าตลาดสดเทศบาลท่าวังผาไปตามถนนสาย 101 หรือ น่าน - ทุ่งช้าง พบต้นเหลืองอินเดียมากกว่า 300 ต้นเรียงรายแถวคู่ยาวเหยียดระยะทางกว่า 4 กิโลเมตร กำลังออกดอกเหลืองอร่ามเบ่งบานสะพรั่งสวยงามเต็มต้น ท่ามกลางนักท่องเที่ยวจากใกล้-ไกล พากันมาถ่ายภาพความงดงามไว้ก่อนดอกไม้ร่วงโรย ดอกเหลืองออกดอกปีละ 1 -2 ครั้ง ๆ ละ 4 - 5 วัน ประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ ต้นเดือนมีนาคม แต่ปีนี้ออกเร็ว ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาชมความงามและบันทึกภาพ จำนวนมาก จึงขอเชิญชวนมาชมความงดงามก่อนดอกร่วงโรย

สำหรับเหลืองอินเดีย มีชื่อวิทยาศาสตร์: Handroanthus chrysanthus เป็นไม้ประดับในวงศ์แคหางค่าง เป็นต้นไม้ประจำชาติเวเนซุเอลา มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลางและอเมริกาใต้

เหลืองอินเดียเป็นไม้ต้นผลัดใบสูง 5 - 9 เมตร ใบเป็นใบประกอบแบบนิ้วมือ ประกอบด้วยใบย่อยรูปรีแกมขอบขนาน 5 ใบ ปลายใบเรียวแหลมเป็นติ่งสั้น ๆ โคนใบมน ดอกออกเป็นช่อสีเหลือง ช่อละ 3 - 10 ดอก กลีบเลี้ยงรูปถ้วยสีน้ำตาลมีขน กลีบดอกโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดรูปแตร ปลายแยกเป็น 5 กลีบ มีเกสรตัวผู้ 4 อัน ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน ผลเป็นฝักยาว 10 - 15 เซนติเมตร


ปฏิญญา เรือนงาม รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top