Monday, 23 June 2025
TheStatesTimes

2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536 วันแรกแห่งการจดสิทธิบัตร ‘กังหันน้ำชัยพัฒนา’ สิ่งประดิษฐ์ในพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 นับเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการออกสิทธิบัตรให้แก่พระบรมราชวงศ์

2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536 หรือวันนี้เมื่อ 28 ปีก่อน ถือเป็นวันสำคัญของประชาชนชาวไทยอีกวันหนึ่ง เมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงได้รับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ "กังหันน้ำชัยพัฒนา"

โดยเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสีย และช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนลงในน้ำ ทั้งนี้ยังนับเป็นสิ่งประดิษฐ์เครื่องกลเติมอากาศเครื่องที่ 9 ของโลก ที่ได้รับสิทธิบัตร รวมทั้งยังเป็นครั้งแรกของโลก ที่มีการออกสิทธิบัตรให้แก่พระบรมราชวงศ์อีกด้วย

กล่าวถึง "กังหันน้ำชัยพัฒนา" เกิดขึ้นจากการที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหาน้ำเสีย และทรงห่วงใยต่อพสกนิกรที่ต้องเผชิญกับเรื่องราวดังกล่าว จึงมีพระราชดำริให้ประดิษฐ์เครื่องกลเติมอากาศแบบประหยัดค่าใช้จ่าย โดยได้ทรงนำแนวทางของ "หลุก" ซึ่งเป็นอุปกรณ์วิดน้ำเข้านา อันเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน มาเป็นจุดคิดค้นเบื้องต้น ก่อนจะถูกพัฒนาร่วมกับกรมชลประทาน ผลิตออกมาเป็นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำแบบทุ่นลอยขึ้นในเวลาต่อมา และใช้ชื่อว่า "กังหันน้ำชัยพัฒนา"

ด้วยพระอัจฉริยภาพอันเปี่ยมล้น ภายหลังคณะรัฐมนตรีมีมติกำหนดให้วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันนักประดิษฐ์ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ รวมถึงเป็นวันที่ระลึกถึงวันประวัติศาสตร์ของการจดทะเบียนและออกสิทธิบัตรถวาย แด่พระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลก ที่ทรงคิดค้นสิ่งที่เป็นประโยชน์ สามารถแก้ปัญหาและรักษาสิ่งแวดล้อม

หลวงปู่ทวด | The States Times Story เรื่องจริง ฟังเพลิน โดย เจต ณ นคร : EP.6

‘แขวนพระหลวงปู่ทวดแล้วไม่ตายโหง!’ หลายคนอาจจะคุ้นหูกับประโยคนี้กันอยู่บ้าง โดยเฉพาะผู้ที่ศรัทธาและมีข้อมูลของ ‘หลวงปู่ทวด’ ด้วยปาฏิหาริย์ และพลังแห่งศรัทธา The States Times Story จึงขอนำเรื่องราวของพระผู้เป็นหนึ่งในศรัทธาของคนไทย มาย้อนรอยบอกเล่าประวัติศาสตร์ความเป็นมา

รวมถึงหลักคำสอน และแน่นอน รุ่นพระเครื่องของหลวงปู่ทวด ที่ว่ากันว่า เป็นสิ่งบูชาสะสมที่มากมูลค่า มีลักษณะแบบไหน มีอยู่ที่ไหน อย่างไรกันบ้าง ทั้งหมดถูกถ่ายทอดอยู่ในอีพีนี้แล้ว

.

 

เปิดเส้นทาง ‘สรวุฒิ เนื่องจำนงค์’ นักการเมืองสายเลือดใหม่ ที่คนชลบุรี ภูมิใจนำเสนอ พร้อมภารกิจสำคัญ!! หัวโต๊ะประธาน กมธ. วัตถุอันตราย

ย้อนกลับไปช่วงก่อนหน้าเลือกตั้งปี 60 ความต้องการ ‘นักการเมือง’ เข้ามาในสภาฯ เพราะเชื่อว่ามีไฟและแรงตั้งใจในการทำงานการเมืองสร้างสรรค์กว่า ‘คนเก่าๆ’ การเมืองเก่าๆ

นั่นจึงทำให้ประชาชนในหลายเขตพื้นที่ ต่างเฝ้ารอ ‘เลือกกา’ คนรุ่นใหม่ ที่จะมาช่วยเหลือปัญหาพื้นที่ของตนแบบพลิกโฉม!!

วันนี้ The States Times จะพาไปพบกับหนึ่งในนักการเมืองเลือดใหม่ ‘สรวุฒิ เนื่องจำนงค์’ ส.ส.ชลบุรี และ รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ผู้ที่พิสูจน์ตนเองบนเส้นทางแห่งนี้ จนทำให้ผู้ใหญ่หลายคนยอมรับและกล้ามอบหมายหน้าที่สำคัญๆ ให้เพียบ!!

‘นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์’ ส.ส.ชลบุรี และ รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เริ่มฉายแววความเก่งฉกาจ จากพลังและความคิดสร้างสรรค์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่นำเสนอนโยบายต่างๆ จนชื่อของ สรวุฒิ กลายเป็นแคนดิเดต ในการรับมอบภารกิจใหม่ๆ บ่อยขึ้น ล่าสุด ก็ถูกวางตัวเป็นมือกระบี่ในการดูแลภารกิจใหญ่ อย่าง ‘การควบคุมวัตถุอันตราย’ ซึ่งการพิจารณาวัตถุอันตรายมีความซับซ้อนทำให้มีความจำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือแม้แต่องค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีความรู้ความสามารถในเชิงลึก เพื่อดำเนินการดังกล่าวกรณีจึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกระบวนการพิจารณาวัตถุอันตราย โดยให้มีผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวเพื่อให้การพิจารณาวัตถุอันตรายมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

โดยเมื่อปลายเดือนมกราคม 64 ที่รัฐสภา ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่...) พ.ศ. ... นัดแรก มีการพิจารณาเลือกตำแหน่งต่างๆ ใน กมธ. และชื่อของ ‘นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์’ ส.ส.ชลบุรี และ รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้รับเลือกเป็นประธานกมธ. ด้านนี้

ภายหลังการเข้ารับบทบาทใหม่ สรวุฒิ เล่าว่า “ตอนนี้อยู่ในหลักการแก้ไขเพิ่มเติมร่างพ.ร.บ.ฯ โดยจะกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาวัตถุอันตรายและกำหนดอำนาจของรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบในการกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขในการได้มา รวมทั้งการขึ้นบัญชี ผู้เชี่ยวชาญองค์กร ผู้เชี่ยวชาญหน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อัตราค่าบัตรขึ้นบัญชีสูงสุดและค่าขึ้นบัญชีที่จะจัดเก็บกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายสูงสุด ประเภทค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอและกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในกระบวนการพิจารณาวัตถุอันตรายรวมทั้งหลักเกณฑ์ในการรับเงินการจ่ายเงินและการเก็บรักษาเงินดังกล่าว ซึ่งเป็นภารกิจที่ท้าทายอย่างมาก”

ทั้งนี้หากมองพื้นเพเดิมของ สรวุฒิ เขาเป็นเด็กกรุงเทพฯ ครึ่งหนึ่ง ต่างจังหวัดครึ่งหนึ่ง เรียนกรุงเทพฯ ตั้งแต่เด็ก โดยพกดีกรีด้านพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือเก่งด้านการเงินและการธนาคาร (ไฟแนนซ์) ติดตัวมา และมีสไตล์การทำงานแบบหัวคิดต่อยอด ทำให้เขาสามารถสานต่อธุรกิจต่างๆ ของครอบครัวได้อย่างรวดเร็ว ทั้งเกษตรกรรม ไร่อ้อย ไร่ยาง ไร่ปาล์ม กิจการตลาด หลังจากเคยได้เข้าร่วมรั้วองค์กรใหญ่อย่าง ‘ซีพี’ สังกัดสำนักบริหารกลางของเครือ ที่ดูแลเซเว่นอีเลฟเว่น การลงทุนในจีนในช่วงระยะหนึ่ง

ในระหว่างที่ดูแลธุรกิจหลากหลายอย่าง เขาก็ได้มีโอกาสคลุกคลีกับประชาชนที่อยู่ในห่วงโซ่นี้ไปในตัว จนหลายครั้งก็ช่วยเข้าไปแก้ปัญหาต่างๆ ของประชาชนได้ด้วย เรียกว่าเก่งทั้งการบริหารธุรกิจและแถมยังเข้าใจระบบนิเวศน์ของปัญหา ‘ประชาชน’ ไปได้พร้อมๆ กันเลยทีเดียว

ย่างก้าวบนเส้นทางการเมืองในวันนี้ของ ส.ส.ต้น สรวุฒิ จึงเรียกได้ว่าเป็นทั้งความภูมิใจของครอบครัว พรรคพลังประชารัฐที่กล้ามอบงานท้าทายๆ ให้ลอง โดยมีกองเชียร์ชาวชลฯ ที่พูดเป็นเสียงเดียวว่า ส.ส.คนนี้ เป็นความภูมิใจที่น่าจับตาจริงๆ...

แหล่งที่มา:

https://www.matichon.co.th/prachachuen/interview/news_1264827

https://www.naewna.com/politic/549136

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลั่นจัดการม็อบประท้วงเมียนมาไม่ใส่แมส ฝ่าฝืนมาตรการควบคุมโควิด-19 ย้ำปัญหาบ้านโน้น อย่าเอามายุ่งบ้านนี้ ส่วนปมได้วัคซีนโควิดช้า เพราะไม่อยากให้คนไทยเป็นหนูทดลอง ต้องได้ของที่ผ่านมาตรฐานเท่านั้น

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณี มีการรัฐประหารในประเทศเมียนมาร์ประเทศไทยต้องเฝ้าระวังตามแนวชายแดนหรือไม่ว่า ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขในพื้นที่ ที่มีพื้นที่ติดชายแดนไทย และเมียนมาเฝ้าระวังเกี่ยวกับการลักลอบเข้ามาอย่างเต็มที่โดยจะให้ความร่วมมือกับฝ่ายความมั่นคง

เมื่อถามว่าปัจจุบันมีการชุมนุมหน้าสถานทูตเมียนมาร์ประจำประเทศไทยกังวลจะมีการแพร่ระบาดโรคโควิด -19 ได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า "ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมสถานการณ์อย่างเต็มที่เพราะความกังวลเกี่ยวกับแพร่ระบาดโควิด -19 มีทุกวัน จึงต้องดูถ้ามีการชุมนุมแล้วไม่ใส่หน้ากากอนามัยก็ต้องจัดการ ปัญหาบ้านโน้น จะมายุ่งอะไรกับบ้านนี้"

นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังได้กล่าวถึงการจัดหาวัคซีนกำหนดการส่งมอบยังเป็นเช่นเดิมหรือไม่ ว่า "เราพยายามอย่างเต็มที่แต่คำว่าคงเดิมนั้นคือเดือนมิ.ย. จะพยายามอย่างเต็มที่ ให้ได้เร็วที่สุด ถ้ามาก่อนเดือนมิ.ย.คือความพยายาม อย่าเอาประเทศไทย ไปเทียบกับประเทศอื่น"

"คนที่ชอบพูดว่าประเทศอื่นได้รับแล้วต้องไปดูรายละเอียดของแต่ละประเทศ เพราะบางประเทศได้รับในฐานะที่ยอมให้ประชาชนของเขาได้รับการทดลองวิจัยวัคซีน ไม่ใช่เป็นผู้ซื้อ และเขามีผู้ป่วยเพียงพอในการทดลอง ซึ่งประเทศไทยมีผู้ป่วยไม่พอ และไม่เคยอยู่ในหัวของรมว.สาธารณสุขคนนี้ ที่จะเอาคนไทยมาเป็นผู้ที่จะถูกการทดลอง เราไม่ได้อยู่ในสภาพนั้น เพราะประเทศไทยควบคุมได้ ลองนึกสภาพดูว่าหากฉีดแล้วเหมือนในยุโรป และ สหรัฐอเมริกา ที่เมื่อฉีดแล้ว ปากเบี้ยว กล้ามเนื้ออ่อนแรง ใครจะเป็นผู้อธิบาย เมื่อเรามีเวลาและโอกาสเลือกสิ่งที่ปลอดภัย ทำไมจะไม่ทำ"

ส่วนจังหวัดสมุทรสาครที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงอยู่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า "เป็นเพราะการตรวจเชิงรุก คนป่วยก็แยกออกมารักษาและควบคุมอย่างดี ไม่ใช่กระจายไปทุกจังหวัด และดีที่สังคมช่วยกันดูแล พวกจัดปาร์ตี้ก็น้อยลง ใครที่ทำอยู่ก็ไม่มีใครออกมาสรรเสริญและตรงกันข้ามเป็นสิ่งที่ทำความเสื่อมเสียให้กับตัวเอง รัฐบาลก็พยายามผ่อนปรนมาตรการให้มากที่สุดที่จะทำได้"

ขณะที่การแพร่ระบาดจากเหตุโต๊ะแชร์ที่จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งถือว่าเป็นคลัสเตอร์ใหม่ นายอนุทิน กล่าวว่า "อย่างที่บอกเวลาเหล้าเข้าปาก ก็เป็นเช่นนี้ บางจังหวัดไม่ได้ห้ามดื่มเหล้า แต่ต้องเว้นระยะห่าง บางคนบอกว่าถ้ากินเหล้าแล้วใครจะมีระยะห่างได้ ก็อย่ากิน ส่วนการดำเนินคดีผู้ปกปิดข้อมูลกับเจ้าหน้าที่สอบสวนโรคนั้นนายอนุทิน กล่าวว่า ก็ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่กทม.ได้ไปแจ้งความไปแล้ว"

"ส่วนทางโรงแรมที่ถูกฟ้องก็ส่งข้อมูลยืนยันว่าไม่มีการเสิร์ฟแอลกอฮอล์ แต่มีการเสิร์ฟน้ำแอปเปิล น้ำส้มคั้น น้ำบ๊วย ทุกอย่างสั่งปิดก่อนเวลา 3 ทุ่ม ก็ต้องไปดูว่าผิดหรือไม่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจ ถ้าเป็นตามนั้นก็ให้สังคม ประชาชนตัดสิน ถ้าจะปาร์ตี้จริง ๆ จะกินน้ำส้มคั้น น้ำแอปเปิล น้ำบ๊วย ก็กินกันไป อย่ากินเหล้าก็แล้วกัน" รองนายกฯ กล่าว

ส.ส.ก้าวไกล ‘เบญจา แสงจันทร์’ เผยไม่แปลกใจ พล.อ. ประยุทธ์เข้าข้างทหารเมียนมา เพราะมาจากการยึดอำนาจเหมือนกัน

เบญจา แสงจันทร์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ก่อนอื่น ขอแสดงออกเพื่อยืนหยัดต่อสู้เคียงข้างประชาชน และนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยชาวเมียนมา ไม่มีเหตุผลใดมีความชอบธรรมเพียงพอในการใช้กำลังโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนตามครรลองประชาธิปไตย

โดยเบญจากล่าวเพิ่มเติมว่า “อย่างไรก็ตาม สำหรับรัฐบาลไทยนั้น การนิ่งเฉยต่อการรัฐประหารในเมียนมา และการใช้กำลังสลายการชุมนุมและจับกุมดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมต่อต้านการรัฐประหารหน้าสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาเมื่อวานนี้(1 กุมภาพันธ์ 2564) ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นเลือกปกป้องและยืนอยู่ข้างระบอบเผด็จการ และการรัฐประหารในเมียนมา ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด เพราะในปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์ ก็เข้าสู่อำนาจโดยการใช้กำลังยึดอำนาจ ทำรัฐประหารในประเทศไทยเช่นกัน”

เบญจากล่าวเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าเหตุการณ์การชุมนุมหน้าสถานเอกอัคราราชทูตเมื่อวานว่า ได้มีการนัดรวมตัวทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เพื่อต่อต้านการรัฐประหารเมื่อช่วงเย็นเวลา 15.00 น. ซึ่งมีผู้เข้าร่วมทั้งคนไทยและชาวเมียนมา โดยภาพรวมของการแสดงออกเป็นไปอย่างราบรื่น มีการปราศรัยถือป้ายผ้าสัญลักษณ์ของพรรค NLD พร้อมชู 3 นิ้วเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐประหาร

หลังจากนั้นช่วงเวลา 17.00 น. ตำรวจประกาศให้ยุติการชุมนุมและให้ตำรวจควบคุมฝูงชนเดินตั้งแถวขยับเข้าหาผู้ชุมนุม จากนั้นก็เดินหน้าสลายการชุมนุมทันที ทำให้เกิดความแตกตื่น ชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้น ก่อนที่ตำรวจจะใช้ความรุนแรงและท่าทีที่เกินกว่าเหตุในการเข้าควบคุมตัวผู้ชุมนุม 3 คน และถูกพาตัวไปที่ สน. ยานนาวา โดยมี เคท ครั้งพิบูลย์ อาจารย์คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ขึ้นรถตำรวจ ไปด้วย ผู้ชุมนุม 3 รายถูกนำตัวมาถึง สน. ยานนาวา เวลาประมาณ 18.00 น. และถูกนำตัวเข้าไปคุมขังทันที โดยไม่ให้พบทนาย

จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น .มีผู้ถูกจับกุมมาเพิ่มอีก 1 รายถูกนำตัวมาที่ สน. ยานนาวา เพื่อเปรียบเทียบปรับข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.บ. จราจร จากการนำน้ำมาแจกในที่ชุมนุม บริเวณหน้าสถานทูตเมียนมา รวมมีผู้จับกุมจากการชุมนุมครั้งนี้ 4 คน

ตำรวจควบคุมตัวผู้ชุมนุมไว้เกือบ 4 ชั่วโมง ในขณะที่ทนายและญาติ ร้องขอสิทธิในการเข้าพบผู้ที่ถูกควบคุมตัวเป็นระยะ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่อนุญาต โดยเบี่ยงเบนว่าไม่ให้พบผู้ถูกจับกุมโดยอ้างว่าผู้ชุมนุมหน้า สน. อาจจะก่อความไม่สงบ และอาจจะขอนำผู้ถูกควบคุมตัวไปทำการสอบสวนที่ ตชด.ภาค1 จนกระทั่งเวลา 21.50 น. ผู้ถูกควบคุมตัวจึงได้พบทนาย และญาติ และเริ่มสอบคำให้การ เวลา 23.00 น.

จนกระทั่งทำบันทึกจับกุม และสอบคำให้การเสร็จเรียบร้อยเวลา 00.40 น. จึงใช้ตำแหน่ง ส.ส. และอาจารย์ ม.ธรรมศาสตร์ ยื่นประกัน แต่พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกัน

ผู้ชุมนุมถูกแจ้งข้อหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคฯ 1 ราย จะถูกนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลแขวงพระนครใต้

อีก 2 ราย ถูกแจ้งข้อหามั่วสุมเกินกว่า 10 คน - ขัดขวางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ -ใช้กำลังทำร้ายเจ้าพนักงาน - ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะถูกนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ต่อไป

ทำให้ผู้ถูกจับกุมทั้ง 3 ราย ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สน. ยานนาวา ตลอดคืน

โดยในวันนี้ มี ส.ส. จากพรรคก้าวไกลเดินทางไปที่ศาลแขวงพระนครใต้และศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อรอใช้ตำแหน่ง ส.ส. ขอประกันตัวผู้ถูกดำเนินคดี โปรดติดตามความคืบหน้าต่อไป เบญจากล่าวทิ้งท้าย

เรื่องเล่าของหนึ่งในบุคลากรทางการแพทย์ไทย ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด – 19 ของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค เธอเป็นสาวไทยที่ใช้ชีวิตที่ประเทศฟินแลนด์ มาเปิดเผยเรื่องราวหลังการฉีดวัคซีน และเล่าถึงบรรยากาศประเทศฟินแลนด์กับมาตรการป้องกันโควิด -19

เรื่องเล่าของหนึ่งในบุคลากรทางการแพทย์ไทย ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด – 19 ของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค เธอเป็นสาวไทยที่ใช้ชีวิตที่ประเทศฟินแลนด์ มาเปิดเผยเรื่องราวหลังการฉีดวัคซีน และเล่าถึงบรรยากาศประเทศฟินแลนด์กับมาตรการป้องกันโควิด -19

ดิฉันเป็นคนไทย ทำงานอยู่ที่เมืองโปริ ประเทศฟินแลนด์ ด้วยอาชีพคือเป็น Nursing home มีหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุตามบ้าน ซึ่งก็จัดว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดโควิด – 19 อยู่พอสมควร ทำให้ทางการจัดให้เป็นกลุ่มบุคคลกลุ่มแรกๆ ที่ได้สิทธิ์รับวัคซีนป้องกันโควิด – 19 แต่ทางต้นสังกัดของดิฉันก็ไม่ได้บังคับว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนจะต้องฉีดแต่อย่างใด . ก่อนเข้ารับการฉีดวัคซัน ดิฉันตัดสินใจอยู่นานพอสมควร เพราะกลัวผลข้างเคียงที่จะตามมาหลังจากที่ฉีดไปแล้ว เพื่อน ๆ ร่วมงานหลายคนก็มีความวิตกเช่นเดียวกัน เพราะอย่างที่ติดตามข่าวกันมาตลอด วัคซีนต่าง ๆ ที่มีในตอนนี้ ใช้ระยะเวลาในการวิจัยไม่นาน แต่สุดท้ายตนเองก็ตัดสินใจเข้ารับการฉีด เพราะคิดว่าเป็นการป้องกันในเบื้องต้น และส่วนตัวก็เข้ารับการฉีดวัควีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นประจำอยู่แล้ว

วัคซีนที่ใช้ฉีดคือ วัคซีนไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค ระหว่างที่ฉีดรู้สึกหนักและหน่วงแขนเหมือนการฉีดยาทั่วไป แต่หลังจากฉีดเสร็จ เจ้าหน้าที่ให้นั่งพัก 15 นาที เพื่อรอดูอาการข้างเคียง ผลปรากฎว่า ไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างใดค่ะ . หลังจากที่ฉีดเข็มแรกจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ตามมา ส่วนตัวก็หวังว่าจะไม่เกิดความปกติใด ๆ เกิดขึ้น แม้ว่าที่ฟินแลนด์จะเคยมีข่าวว่า มีผู้เสียชีวิตจากการรับวัคซีนมาแล้วถึง 3 ราย แต่ผู้ที่เสียชีวิตโดยรวมก็เป็นคนสูงอายุและมีโรคประจำตัว

ดิฉันค่อนข้างเคร่งครัดเรื่องความปลอดภัยอย่างมาก แม้จะไม่ได้ทำงานที่โรงพยาบาลเป็นหลัก แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องไปโรงพยาบาลกับคนไข้ที่ดูแลบ้าง เราจึงมีการป้องกันอย่างเต็มที่ ซึ่งที่นี่ หากคนไข้มีประวัติเคยเดินทางไปโรงพยาบาลมาก่อน เวลากลับบ้านจะต้องกักตัวเป็นเวลาอย่างน้อย 3 วันอีก

อย่างที่บอกไป ถึงตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างยังเป็นปกติดี และกำลังรอระยะเวลาการฉีดวัคซีนเข็มที่สอง ซึ่งเราก็ขอให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีค่ะ...

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ในวันจันทร์ ขู่คว่ำบาตรพม่ารอบใหม่ หลังกองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจและจับกุมเหล่าผู้นำรัฐบาลพลเรือน ในนั้นรวมถึงนางอองซานซูจี เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ

ไบเดน กล่าวโจมตีกองทัพพม่าต่อการทำรัฐประหาร เรียกมันว่าเป็นการจู่โจมโดยตรงต่อกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย และหลักนิติรัฐของประเทศ หลังจากก่อนหน้านี้เหตุรัฐประหารในเมียนมาเรียกเสียงประณามดังกึกก้องในระดับสากล

“สหรัฐฯ ปลดมาตรการคว่ำบาตรพม่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา บนพื้นฐานของความคืบหน้าสู่ประชาธิปไตย” ไบเดนระบุในถ้อยแถลง “การก้าวถอยหลังของกระบวนการดังกล่าวทำให้เป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องทบทวนกฎหมายและอำนาจคว่ำบาตรของเราในทันที ตามด้วยการดำเนินการอย่างเหมาะสม สหรัฐฯ จะยืนหยัดเพื่อประชาธิปไตย เมื่อว่าที่ไหนก็ตามที่มันถูกโจมตี”

ขณะเดียวกัน ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภสหรัฐฯ เปิดเผยในวันจันทร์ (1 ก.พ.) ว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดน เตรียมให้ข้อมูลสรุปแก่สภาคองเกรส ตามหลังข่าวคราวอันปั่นป่วนอย่างมากเกี่ยวกับเหตุรัฐประหารในพม่า และบอกว่าสภาคองเกรสพร้อมทำงานกับรัฐบาลในการคลี่คลายสถานการณ์

“ผมหวังว่าเราสามารถทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ในแบบร่วมมือกันทั้งสองพรรค เพื่อสรุปมาตรการที่ดีที่สุดสำหรับผลประโยชน์ของอเมริกาและเพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวพม่า” ชูเมอร์กล่าวระหว่างเปิดประชุมวุฒิสภา

พม่าอยู่ภายใต้โครงการส่งเสริมประชาธิปไตยของตะวันตกมานานหลายทศวรรษและเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จบางประการ อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมามีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการก้าวถอยหลังสู่ระบอบเผด็จการ ขณะเดียวกันก็มีความผิดหวังใหญ่หลวงต่อตัวของนางอองซานซูจี อดีตผู้นำฝ่ายค้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เธอไม่ยอมขัดขวางห้ามปรามกองทัพปราบปรามชาวมุสลิมโรฮิงญาทางตะวันตกของประเทศ

ทั้งนี้ พม่ากำลังหลุดพ้นการปกครองโดยทหารที่เข้มงวดนานหลายทศวรรษ และถูกนานาชาติโดดเดี่ยวที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 1962 แต่เหตุการณ์เมื่อวันจันทร์ (1 ก.พ.) ถือเป็นการร่วงจากอำนาจอันสุดช็อกของอองซานซูจี ที่เคยคว้ารางวัลโนเบลสันติภาพในปี 1991 ต่อกรณีที่เธออุทิศตัวส่งเสริมประชาธิปไตยและมนุษยชน

อองซานซูจี อยู่ภายใต้คำสั่งกักบริเวณอยู่แต่ในบ้านพักมานานหลายปี ในขณะที่เธอพยายามผลักดันประเทศของเธอมุ่งหน้าสู่ประชาธิปไตย จากนั้นก็กลายเป็นผู้นำโดยพฤตินัยของพม่า หลังจากพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งปี 2015

สำหรับการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ถือเป็นการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยครั้งที่ 2 ของพม่า นับจากที่ประเทศนี้หลุดพ้นจากการปกครองของทหารอย่างยาวนานถึง 49 ปีในปี 2011

เอ็นแอลดีชนะการเลือกตั้งครั้งล่าสุดด้วยคะแนนเสียงกว่า 80% มากกว่าการเลือกตั้งครั้งแรกเมื่อสิบปีที่แล้ว

ทว่า ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านา กองทัพออกมาโวยว่ามีความผิดปกติหลายอย่างในการเลือกตั้ง รวมทั้งยังอ้างว่ามีการโกงคะแนนกว่า 10 ล้านคะแนน


ที่มา: https://mgronline.com/around/detail/9640000010262

'บิ๊กตู่' โพสต์รัวๆ รับปากหาทางออก เรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุ ‘อ้อน’ ขอคุณตาคุณยายไม่ต้องห่วง ยันเข้าใจความรู้สึกดีไม่ได้ทำอะไรผิด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โพสต์ ข้อความบน Facebook ส่วนตัวถึงความคืบหน้า หลังเกิดปัญหาเรื่องเบี้ยผู้สูงอายุถูกเรียกคืนว่า เรื่องเบี้ยผู้สูงอายุนั้น ทางกระทรวงมหาดไทยได้แจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ชัดเจนก่อน และให้ชะลอการเรียกคืนหรือฟ้องร้องเอาไว้ก่อนแล้ว ตอนนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบและแก้ไขความคลาดเคลื่อนของข้อมูลต่าง ๆ กันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพัฒนาสังคมที่ดูแลเรื่องผู้สูงอายุ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นคนจ่ายเงิน และกรมบัญชีกลางที่ดูเรื่องการเบิกจ่ายให้ถูกต้องตามกฎหมาย ทุกฝ่ายกำลังคุยกันว่าจะมีทางออกอย่างไร

“ขอให้คุณตาคุณยายไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมรับปากจะดูแลให้ ผมเข้าใจความรู้สึกของท่านดี ท่านไม่ได้ทำอะไรผิด ทางเจ้าหน้าที่ก็ทำตามระเบียบ อย่างไรก็ดี ทางออกมีอยู่แล้วโดยไม่มีใครต้องเดือดร้อน รอสักหน่อยนะครับ และไม่ต้องกังวลว่าจะต้องไปหาเงินมาใช้คืนหลวงหรือจะต้องขึ้นศาล ผมจะจัดการให้ทุกอย่างเรียบร้อยครับ”

อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ‘ณฐพร โตประยูร’ ยื่น กกต. ยุบพรรคก้าวไกล ปมประกันตัวม็อบแก้ ม.112 ระบุเป็นพฤติกรรมปฏิปักษ์ต่อการปกครอง ยันหลักฐานชัดเจนครบถ้วน

นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นคำร้องให้กกต. พิจารณาวินิจฉัยกรณีพรรคก้าวไกลมีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 จากกรณีการแสดงความเห็นทางการเมือง การเข้าร่วมกับผู้ชุมนุม และการประกันตัวผู้ต้องหาในคดีชุมนุมทางการเมือง ถือเป็นการกระทำการ หรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

รวมทั้งกรณีพรรคก้าวไกลยื่นร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ในฐานความผิดเกี่ยวกับการหมิ่นประมาททั้งหมด รวมถึงมาตรา 112, ร่างแก้ไข พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560, และร่างแก้ไข พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 ตลอดจนการลงมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับไอลอว์ ซึ่งการกระทำของพรรคก้าวไกล ถือเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 45 และมาตรา 92 (2) (3) จึงขอให้ กกต.พิจารณาวินิจฉัย และเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค

นายณฐพร กล่าวว่า ที่มายื่นร้องเนื่องจากพรรคก้าวไกลมีการกระทำใน 2 ประเด็น ยุยงส่งเสริม สนับสนุนให้มีการชุมนุม ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง และมีการประกันตัวผู้ต้องหาในคดีมาตรา 112 มีการเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งการกระทำเหล่านี้ตนได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานมานาน และมีหลักฐานครบทั้งหมด จึงมายื่นให้ กกต.พิจารณา และศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้วินิจฉัยว่าหลักฐานดังกล่าวเป็นความผิดที่สามารถสั่งยุบพรรคได้หรือไม่

ยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้เป็นการตรวจสอบการทำงานของพรรคการเมือง ในฐานะประชาชนตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 51 กำหนด ส่วนที่ ส.ส.พรรคก้าวไกลยืนยันว่าการประกันตัวผู้ต้องหาและการเสนอแก้ไขกฎหมายเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ตนขอถามกลับว่าหากตนไปหมิ่นประมาท แม่ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.พรรคก้าวไกลจะประกันตัวให้ตนหรือไม่ ส่วนการแก้ไขมาตรา 112 การเป็นนักการเมืองจะทำอะไรก็ต้องศึกษา ว่ามาตราดังกล่าวมีผลร้ายต่อประเทศและประชาชนอย่างไร และกฎหมายมาตรานี้ไม่ใช่เพิ่งมีแต่มีมานานแล้ว และทั่วโลกก็มีกฎหมายคุ้มครองประมุข เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเอามาชุมนุมกัน ซึ่งการเสนอแก้ไขมาตรา 112 ไม่ใช่เพียงเรื่องการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเพื่อขอแก้ไขกฎหมายเท่านั้น แต่ยังมีการโยงใยไปถึงการล้มล้างระบอบการปกครองซึ่งเรามีหลักฐาน

“พฤติกรรมหลายๆอย่างที่ทำมา มันไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างเช่น หัวหน้าพรรคก้าวไกลยื่นประกันตัวนายอานนท์ นำภา ทนายความที่ละเมิดต่อมาตรา 6 ของกฎหมายอาญา ซึ่งการไปประกันตัวบุคคลพวกนี้ถือว่าละเมิดหรือไม่ แม้จะอ้างว่าศาลยังไม่ตัดสินแต่ความผิดซึ่งหน้ามันชัดเจนว่าทำผิด และยังมีการละเมิดสิทธิบุคคลอย่างกรณีสถาบันถูกละเมิดอย่างแรง กรณีการฉีกรูปพระบรมฉายาลักษณ์ อย่างไรก็ตามบอกได้เลยที่มายื่นวันนี้หลักฐานชัดเจน ไม่มีหลักฐานที่คลุมเครือ อันไหนที่ต้องตีความกันเราไม่ยื่น เอกสารหลักฐานต่างๆเราขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างเรื่องการโอนเงินก็มีหลักฐานว่าพวกที่ชุมนุมได้เงินจากใคร ใครโอนเงินให้ ใครจ่ายเงินให้ จ่ายเงินที่ไหน เรามีหลักฐานครบทุกอย่าง ทั้งนี้เราเชื่อว่าเราจะพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่าที่เรายื่นไม่ได้กลั่นแกล้ง แต่มีหลักฐานเพียงพอ” นายณฐพร กล่าว

นายณฐพร ยังยืนยันว่า การยื่นยุบพรรคก้าวไกลในวันนี้ไม่ได้โกรธแค้นส่วนตัวกับใคร แต่ทำในฐานะประชาชนที่มีหน้าที่ ที่รวบรวมพยานหลักฐานมานาน ซึ่งก่อนหน้านี้ก่อนการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญตนก็ยื่นเสนอศาลรัฐธรรมนูญทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล เราเอากฎหมายเป็นหลัก บ้านเมืองมีกฎหมายถ้าเรายกการบังคับใช้กฎหมายให้คนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด ก็จะทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่ครบถ้วน ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้ต้องจ้องยุบพรรค แต่มีกฎหมายชัดเจนว่าการทำหน้าที่ส.ส. ไม่ใช่จ้องล้มล้างสถาบันเพื่อจะเอาใจคนใดคนหนึ่ง

3 กุมภาพันธ์ ‘วันทหารผ่านศึก’ วันแห่งการรำลึกถึงทหารผู้กล้า ที่เสียสละปกป้องแผ่นดิน

ประเทศไทยเป็นปึกแผ่นมั่นคงมาจนถึงวันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีเหล่าทหารหาญที่เป็นเสมือนแนวหน้า คอยปกป้องแผ่นดินยามเมื่อมีวิกฤติ และวันนี้ ก็ถือเป็นวันสำคัญของเหล่าทหารผู้เสียสละ เพราะถูกยกให้เป็น "วันทหารผ่านศึก"

ที่มาของวันสำคัญนี้ เกิดขึ้นเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศไทยได้ส่งกำลังทหารเข้าร่วมรบในสงครามมหาเอเชียบูรพา แต่เมื่อสงครามสิ้นสุดลง พบว่าทหารที่ไปร่วมรบประสบกับอาการบาดเจ็บ บางคนถึงกับพิการ ส่งผลให้ได้รับความเดือดร้อนในการดำรงชีพ รัฐบาลจึงได้มอบหมายให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาในการช่วยเหลือ

โดยใน พ.ศ. 2490 กระทรวงกลาโหมได้จัดตั้งหน่วยงานขึ้น เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ทหารที่กลับจากปฏิบัติการรบ และช่วยเหลือครอบครัวทหารที่เสียชีวิตในการรบ แต่ก็ยังเป็นหน่วยงานที่ไม่เป็นทางการ เวลาผ่านไปไม่นาน

จึงได้เสนอเป็นพระราชบัญญัติจัดตั้งองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกขึ้น โดยผ่านการเห็นชอบจากรัฐบาล และได้มีการประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 ด้วยเหตุนี้ จึงได้ยึดเอาวันที่ 3 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันทหารผ่านศึก ด้วยนั่นเอง

ในต่างประเทศนั้นมี ‘วันทหารผ่านศึก’ เช่นเดียวกัน แต่แตกต่างกันในการกำหนดวันที่ โดยเป็นวันที่เชิดชูเกียรติแก่เหล่าทหารหาญที่ปกป้องแผ่นดิน ซึ่งจะมี ‘ดอกป๊อปปี้สีแดง’ เป็นสัญลักษณ์ประจำวันสำคัญนี้ โดยในวันนี้ จะมีการรณรงค์ซื้อดอกป๊อปปี้เพื่อเป็นกำลังใจ รวมทั้งนำรายได้กลับไปช่วยครอบครัวเหล่าทหารผ่านศึกอีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top