Monday, 23 June 2025
TheStatesTimes

‘เพื่อไทย’ เตรียมให้ ส.ส.ลงพื้นที่ช่วยเหลือคนแก่ หลังถูกหน่วยงานรัฐเรียกเบี้ยชราคืนย้อนหลัง ชี้ เหมือนบีบให้คนแก่ต้องรีบอำลาโลก จี้รัฐแก้ระเบียบ - นิรโทษกรรม ให้คนกลุ่มนี้ แขวะ ‘บิ๊กตู่’ และ ‘บิ๊กป้อม’ ยังเคยรับเงินหลายทาง

นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปัญหาการเรียกเงินคืนเบี้ยผู้สูงอายุกับคนชราพร้อมดอกเบี้ย ซึ่งเป็นเรื่องน่าอนาถใจในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนไปบีบให้เขาต้องจากไปก่อนวันที่ต้องอำลาลาจาก ทั้งที่เป็นเรื่องความผิดพลาดของหน่วยงานราชการทั้งสิ้น เพราะผู้สูงอายุไม่รู้เรื่อง นอกจากนี้มีข้าราชการเพียงสองประเภทเท่านั้นที่จะได้รับบำเหน็จบำนาญจากการเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ คือทหาร และตำรวจ เรียกว่าบำนาญตกทอด

กรณีนี้คล้ายกับกรณีของพล.อ.ประยุทธ์ที่อยู่บ้านพักหลวง ถ้าเป็นอาชีพอื่น เช่น ข้าราชการครูคงไม่สามารถออกระเบียบเพื่อให้อยู่บ้านพักต่อได้ เรื่องนี้กรมบัญชีกลาง และข้าราชการที่เกี่ยวข้องต้องออกมายอมรับ และแก้ไขระเบียบ คนแก่เขาไม่รู้ให้เขาเซ็นอะไรเขาก็เซ็นแล้วก็รับไปเรื่อย ๆ กรณีนี้ทำร้ายจิตใจเขามาก ข้าราชการกรมบัญชีกลางไม่มีงานทำหรือทั้งที่เขาก็เป็นคนสูญเสีย แต่นายกฯไม่สูญเสียอะไรเลย ยังได้อยู่บ้านพักใช้น้ำใช้ไฟฟรี

“พวกนี้พิเศษเพราะเป็นข้าราชการที่อยู่ในฝ่ายความมั่นคง เมื่อถึงแก่ชีวิตในหน้าที่ราชการ ก็จะมีเงินต่างๆให้ และมีบำนาญตกทอด แม้แต่วันนี้ลูกคนไหนที่พ่อแม่เสียชีวิตในหน้าที่ราชการ สามารถเข้ารับราชการต่อได้โดยไม่ต้องสอบ ขณะที่ข้าราชการอื่นไม่มีระบบแบบนี้ เช่นเดียวกับที่พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่บ้านพักของทางราชการได้

เพราะไปออกระเบียบว่า บุคคลที่เคยสร้างคุณูปการให้กองทัพ บ้านเมือง สามารถพักอาศัยในบ้านพักได้ วันนี้กรมบัญชีกลาง กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องออกมายอมรับ เพราะคนที่บกพร่องคือข้าราชการทั้งนั้น นายกฯทำร้ายจิตใจคนแก่มาก ถ้านึกถึงตัวเองว่าไม่มีงานทำ ถ้าคิดว่าประเทศไทยจะเสียค่าโง่เหมืองทองอัคราเยอะแยะ เรื่องนี้หยุมหยิมคนเหล่านี้สูญเสีย ผมจึงวิงวอนผ่านสื่อ” นายครูมานิตย์ กล่าว

นายครูมานิตย์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม วันที่ 2 ก.พ.นี้ ตนจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมพรรคให้ ส.ส.แต่ละพื้นที่ลงไปช่วยดูแล และเรียกร้องให้สภาทนายความช่วยดูแลเรื่องนี้ เพราะผู้สูงอายุเขาไม่มีจริงๆ ขอให้แก้ระเบียบหรือออกกฎหมายนิรโทษกรรม ให้นึกถึงตัวเองว่าอยู่บ้านหลวงก็ฟรี ค่าน้ำก็ฟรี เงินประจำตำแหน่ง เงินต่างๆอีกจำนวนมาก จึงอยากให้นายกฯลงมาใส่ใจเรื่องนี้ ขอให้นายกฯตั้งสติหาเวลาว่างๆ หาเวลาสงสารผู้สูงอายุบ้าง เพราะเขารู้เท่าไม่ถึงการณ์จริง ๆ

ด้าน นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ขณะผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ยังเคยรับเงินหลายทาง ไม่ว่าจะจากตำแหน่งนายกฯ หัวหน้าคสช. และผบ.ทบ. ขณะที่พล.อ.ประวิตร รับเงินจากการเป็นรมว.กลาโหม และรองหัวหน้าคสช. ตนเรียกร้องให้ท่านนำเงินที่รับไปหลายทางมาคืน และนำไปช่วยคนชราที่ถูกเรียกเบี้ยยังชีพคืนจะดีกว่า

ออกบัตรโดยสารฟรี! ขสมก.ส่งเสริมการชำระค่าโดยสารแบบไร้เงินสด ลดเสี่ยงติดโรคโควิด-19 ประกาศยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียม ออกบัตรโดยสารล่วงหน้าอิเล็กทรอนิกส์ ดีเดย์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. - 31 พ.ค. 64

นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ด้วยปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ระลอกที่ 2 ได้ทวีความรุนเเรงเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยง

การสัมผัสเหรียญกษาปณ์ และธนบัตรในการชำระสินค้าในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 เนื่องจากธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ ถูกเปลี่ยนมืออย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจมีเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย ติดอยู่เป็นเวลานานหลายวัน ทำให้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคดังกล่าว ขสมก.จึงมีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนผู้ใช้บริการ เปลี่ยนวิธีการชำระค่าโดยสารเป็นแบบไร้เงินสดมากขึ้น

โดยได้รับความร่วมมือจากธนาคารกรุงไทย ในการยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียมออกบัตรโดยสารล่วงหน้าอิเล็กทรอนิกส์ บุคคลทั่วไป และบัตรโดยสารนักเรียน นิสิต นักศึกษา อิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564

นอกจากนี้ ผู้ใช้บริการยังสามารถชำระค่าโดยสารแบบไร้เงินสดผ่านบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (แบบรายเที่ยว) บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรเดบิต/เครดิต ที่มีสัญลักษณ์ Contactless และชำระค่าโดยสารผ่านทางแอปพลิเคชันของธนาคารต่าง ๆ (QR Code) ได้อีกด้วย

ผนึกประสบการณ์ - พลังคนรุ่นใหม่ ! ‘คณะก้าวหน้า’ เปิดตัว ‘ประยูร วงศ์ปรีชากร’ ชิงนายกฯ ‘หาดใหญ่’ - ‘สมบูรณ์ พงศ์เลิศนภากร’ ร่วมทีมเศรษฐกิจ เปิดวิสัยทัศน์ แรกใช้ 200 ล้าน ต่อเนื่อง 2 ปี สร้างอาชีพฝ่าวิฤตโควิด

"คณะก้าวหน้า สงขลา" เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ และประกาศความพร้อมในการลงสนามเลือกตั้งเทศบาลนครหาดใหญ่ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 28 มีนาคม นี้ พร้อมชูสโลแกน "ร่วมสู้ ร่วมสร้าง ร่วมฝัน" โดยจะเป็นการผลึกกำลังของคนที่มีประสบการณ์และคนรุ่นใหม่ที่มีพลังความคิดสร้างสรรค์ ร่วมกับเปลี่ยนแปลงให้เมืองหาดใหญ่กลับมาเป็นเมืองโอกาส เมืองศูนย์กลางของภาคใต้อีกครั้งหนึ่ง

นายประยูร วงศ์ปรีชากร ว่าที่ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ กล่าวว่า ปีนี้ตนเองอายุ 73 ปี เกษียณและปล่อยวางใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาระยะหนึ่ง ก่อนที่จะได้มาฉุกคิดว่า สติปัญญาเรายังดี สุขภาพยังดี ความรู้ความสามารถประสบการณ์มากมาย จะปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เลือนหายไปไปพร้อมกับการแก่แล้วแก่เลยอย่างนั้นเหรอ

และเมื่อได้เห็นคนหนุ่มคนสาวตื่นตัวทางการเมือง กล้าออกมาแสดงความคิดเห็น ก็รู้สึกประทับใจ จนทำให้ตัดสินใจมาลุยการเมืองท้องถิ่นในครั้งนี้ ตนพร้อมเดินไปกับชาวหาดใหญ่ทุกคน เพื่อนำสิ่งที่ดี ที่ยั่งยืน ที่มีอนาคตให้กับลูกหลานของเรา คืนสิ่งเหล่านี้มาบ้านเกิดหาดใหญ่ของเรา

"เพราะวันนี้ เรากำลังเผชิญกับวิฤตการณ์ความเสียหายที่งกระทบทั้ง เศรษฐกิจ การเมือง และสังคม กำลังก่อเกิดสิ่งที่เรียกว่าอาการ 3 ประการ ได้แก่ 1.) อาการหนี้สิน ปัจจุบันเรามีหนี้สินเพิ่มทุกวันจะโดยรู้หรือไม่รู้ตัวก็ตาม เป็นหนี้ทั้งระดับชาติ ครัวเรือน และส่วนตัว 2.) อาการตกงาน พ่อค้าแม่ขายไม่มีรายได้ ไม่พอจ่ายค่าที่ ถูกไล่ที่ โรงแรมที่พักไม่มีลูกค้า ฯลฯ และ 3.) อาการคนรุ่นใหม่ไม่กลับบ้าน เราส่งลูกหลานส่งร่ำเรียน แต่ไม่มีใครกลับมาขยายหรือสืบสานธุรกิจของบรรพบุรุษ เพราะกลับมาแล้วไม่มีอนาคต ไม่รู้จักปักหลักปักฐานครอบครัวตัวเองให้มั่นคงได้อย่างไร เมืองกำลังจะสูญพันธุ์ ซึ่งจะเหลือแต่คนแก่และคนติดยาเสพติด นี่คือสภาพการณ์ที่เลวร้าย ถ้าเราไม่คิดอ่านทำอะไรสักอย่าง" นายประยูร กล่าว

นายประยูร กล่าวว่า "กำลังเกิดอะไรขึ้นกับเมืองนี้ เราคงต้องมาร่วมกันคิด ร่วมกันสร้าง ร่วมกันฝันว่าเราจะทำอย่างไรดี ที่จะเรียกคืนความเชื่อมั่น เมืองแห่งโอกาส เมืองแห่งประสบการณ์ เมืองอัจฉริยะ เมืองศูนย์กลางการค้า เมืองชุมทางที่คนอยากมาลงหลักปักฐาน เรียกคืนบรรยากาศอย่างนั้นกลับมาให้ได้ ซึ่งมีทางเดียวคือ พวกเราต้องลงมือช่วยกัน บ้านเมืองนี้ให้มีทิศทางชัดเจนในการพัฒนามานาน ที่ผ่านมาผู้นำท้องถิ่นไม่ได้กำหนดทิศทาง วิสัยทัศน์ เป้าหมายหรือนโยบาย

ดังนั้น เราจะสร้างการเมืองใหม่ เราจะชูนโยบาย เราจะมีนโยบายเด็ดๆ ที่จะทำให้เมืองนี้มีทิศทางที่ชัดเจนยั่งยืน ถึงเวลาแล้วที่พวกเราต้องเลิกกลัวการเมือง เพราะการเมืองคือเรื่องดี คือเรื่องการสร้างสรรค์ เราจะปล่อยอย่างนี้ไม่ได้ ต้องเปลี่ยน พลิกโฉมการเมือง เอาน้ำดีเข้าไป แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น เรื่องการเมืองคิดต่างกันได้ แต่ไม่แตกแยก "

ด้าน นายสมบูรณ์ พงศ์เลิศนภากร ที่ปรึกษาและหัวหน้าทีมบริหารเศรษฐกิจ กล่าวว่า "ภัยโควิดที่เราเผชิญอยู่แสนสาหัส หาดใหญ่เองก็โดนหนัก เพราะเศรษฐกิจเราพึ่งท่องเที่ยว การส่งออก และเรายังเป็นศูนย์กลางค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ที่ผ่านมาเคยรองรับนักท่องเที่ยวปีละ 5-6 ล้านคน มีรายได้ 5-6 หมื่นล้านบาทต่อปี กระจายไปทั่วทุกภาคธุรกิจ หากแต่วันนี้ แสนสาหัส หลายกิจการเริ่มปิดตัว ล้มหายตายจาก จึงต้องคิดกันว่าจะทำอย่างไร จะกอบกู้เศรษฐกิจหาดใหญ่ภายใต้ภาวะแบบนี้อย่างไร

ซึ่งตนได้รับมอบหมายภารกิจนี้จากคุณประยูร และด้วยประสบการทำงานตั้งแต่อายุ 22 ปี มีโรงแรมเป็นของตัวเองตอนอายุ 26 ปี เชื่อว่าสามารถทำได้ โดยเริ่มต้น เทศบาลนครหาดใหญ่ต้องจัดงบประมาณ ปีละ 200 ล้านบาทเป็นเวลา 2 ปี เพื่อใช้ในการสร้างงานให้กับประชาชนหาดใหญ่ เพราะตอนนี้จะมีคนหาดใหญ่ตกงานเป็นหมื่นคน เทศบาลจะต้องยื่นมือเข้าช่วย 2 ปีงบประมาณต่อเนื่อง เชื่อว่าสร้างงานให้กับประชาชน ทำให้ประชาชนตั้งหลักได้"

"นอกจากนั้น ต้องจัดงบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนสนับสนุน ให้ประชาชนสามารถเสนอกิจกรรมความคิดที่จะมาพัฒนาสังคมหาดใหญ่ได้ ไม่ว่าจะเป็นด้าน ประเพณีวัฒนธรรม ส่งเสริมการท่องเที่ยว และนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเทศบาลใช้วิธีสมัครผ่านออนไลน์ แอพลิเคชั่นต่างๆ ซึ่งตรงนี้เราเชื่อว่าคนหนุ่มสาวเรามีความสามารถ แต่พวกเขาเพียงแต่ไม่มีโอกาส ไม่มีพื้นที่ เราจะได้นำเอาความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขานี้มาพัฒนาเมืองหาดใหญ่" นายสมบูรณ์ กล่าว

ขณะที่ นายกตัญญู จิตตะกาญจน์ ตัวแทนคณะก้าวหน้า จ.สงขลา กล่าวว่า คณะก้าวหน้าสืบเนื่องมาจากพรรคอนาคตใหม่ เรามีนโยบายสำคัญคือ ยุติรัฐราชการรวมศูนย์กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพาะปัจจุบันโครงสร้างทับซ้อนระหว่างราชการส่วนภูมิภาคกับท้องถิ่นนั้นทำให้เกิดปัญหา คือ คนกำหนดงบประมาณนั้นอยู่ส่วนกลาง แต่คนรู้ปัญหาคือท้องถิ่น

ดังนั้น ด้วยเป้าหมายของนโยบายนี้ เราจึงตั้งใจที่จะส่งผู้สมัครลงสนามเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทีมงานคณะก้าวหน้าจังหวัดสงขลา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ ได้ไปในพื้นที่ทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อรับฟังปัญหาประชาชน รวมถึงเฟ้นหาตัวผู้สมัคร และเมื่อมีการประกาศเปิดรับผู้สนใจต้องการเปลี่ยนแปลงหาดใหญ่ให้ดีขึ้น

โดยบุคคลนั้นต้องเชื่อในคุณค่าอนาคตใหม่เดิม คือ จุดยืนหนักแน่นประชาธิปไตย ไม่ใช้เงินซื้อเสียง ไม่เป็นผู้มีอิทธิพล และไม่เป็นผู้ทุจริตคอรัปชัน ก็ปรากฏว่ามีผู้กล้าอยากเข้าเปลี่ยนแปลงเมืองหาดใหญ่ คือคุณ ประยูร วงศ์ปรีชากร

ซึ่งเป็นผู้ยึดมั่นประชาธิปไตย มีประสบการณ์ และเป็นผู้รับฟังความเห็นที่แตกต่าง สามารถแลกเปลี่ยนกันด้วยเหตุผล อาสาเข้ามาลงสมัคร นี่เป็นการผนึกกำลังกันของคนมีประสบการณ์กับคนร่นใหม่มีพลัง เป็นการเมืองของคนธรรมดาที่จะเปลี่ยนบ้านเกิดหาดใหญ่ของเราให้ดีขึ้น

"เทศบาลนครหาดใหญ่ มีงบประมาณต่อปีสูงถึง 1,700 ล้านบาท เราเป็นเมืองที่อยู่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นชุมทางการคมนาคม เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ มีสถานบันการศึกษาทุกระดับ ฯลฯ เราศักยภาพอยู่อีกมาก แต่น่าเสียดายที่ติดขัดในข้อกฎหมาย เช่น ขนส่งสาธารณะที่ไม่ดีเลยในเมืองหาดใหญ่

ทั้งที่เรามั่นใจว่าทำให้ดีได้ ทั้งนี้ วิกฤตเศรษฐกิจและโควิดล่าสุดได้ซ้ำเติมเมืองหาดใหญ่ ทำให้เมืองเหงียบเหงา เป็นความท้าทายอย่างยิ่งของเราคณะก้าวหน้าหาดใหญ่ และทีมผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ที่จะคิดนำโจทย์นี้มาแก้ไขปัญหาให้กับชาวหาดใหญ่" นายกตัญญู กล่าว

‘บิ๊กตู่’ โพสต์เฟซบุ๊ก ย้ำ ประชาชนต้องช่วยกันฝ่าโควิด อย่าฝากความหวังแค่วัคซีน หลังส่อเค้าแผนจัดส่งสะดุด แต่ยังยืนยันจะพยายามทำทุกวิถีทางให้ประเทศไทยได้รับวัคซีนตามแผน

พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha’ ว่า ช่วง 2 - 3 วันที่ผ่านมา มีความวุ่นวายเกิดขึ้นกับกำหนดการส่งมอบวัคซีนของหลายประเทศทั่วโลก

หลังจากที่บริษัทผู้ผลิตวัคซีนออกมาเปิดเผยว่าการผลิตวัคซีนไม่เป็นไปตามแผน ถึงขั้นที่บางบริษัทออกมาชี้แจงว่าจำนวนวัคซีนที่จะส่งมอบให้ผู้สั่งจอง จะได้ไม่ถึงครึ่งนึงของจำนวนที่วางแผนไว้ด้วยซ้ำ ส่งผลให้หลายประเทศต้องรื้อแผนการฉีดวัคซีน และหลายประเทศจะอาจไม่สามารถดำเนินการฉีดวัคซีนได้ถึงเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ในปีนี้

ท่ามกลางสถานการณ์ใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ทั่วโลก ผมอยากให้ทุกท่านทราบจุดยืนของผม

เราต้องยึดแนวทางที่ทำมาตั้งแต่ต้น ที่พิสูจน์ชัดเจนแล้วว่าเป็นแนวทางที่ได้ผลถูกต้อง คือ ดำเนินการเชิงรุกอย่างเข้มงวด ตั้งแต่ต้น ควบคุมและป้องกันไม่ให้โควิดเข้ามาในประเทศไทย และหากเจอเล็ดลอดเข้ามา เราต้องจัดการโดยทันที คนไทยทุกคนต้องร่วมมือกัน แบบนี้คือหนทางที่จะช่วยทำให้เราอยู่ในสถานการณ์ที่พอจะสามารถใช้ชีวิตและทำมาหากินกันได้บ้างในระดับหนึ่ง แทนที่จะเลือกใช้ชีวิตกันแบบสบาย ๆ แล้วฝากความหวังไว้ว่าวัคซีนจะมาแก้ปัญหา

นี่คือแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเห็นแล้วว่าสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมถึงการมีโควิดสายพันธุ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ และอาจเกิดขึ้นใหม่ได้อีก ผู้เชี่ยวชาญในหลายประเทศยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าวัคซีนปัจจุบันจะสามารถปกป้องเราจากโควิดทุกสายพันธุ์ใหม่ที่อาจจะเกิดขึ้น

อาวุธสำคัญที่จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดอยู่ในมือของเราครับ นั่นคือทุกคนต้องทำหน้าที่เพื่อชาติ คือ สวมหน้ากากอนามัย ปฏิบัติตามแนวทางสาธารณสุข และอย่าปกปิดข้อมูล ขอให้ทุกท่านอย่าคิดว่าการไม่ทำตามมาตรการบ้างนิดๆ หน่อยๆ จะไม่เป็นอะไรนะครับ สิ่งเล็กๆ ที่ทุกคนทำมีผลต่อประเทศทั้งสิ้น

สิ่งที่พวกเราได้ทำกันมา ช่วยทำให้วันนี้ พวกเราไม่ต้องเจอกับปัญหาแบบที่ประเทศอื่นยังต้องเผชิญกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการล็อกดาวน์ ปิดร้านค้า หรือห้ามออกจากบ้าน ผมขอให้ทุกคนตระหนัก และร่วมมือกันต่อไปครับ ในขณะเดียวกัน รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ และจะยังคงต้องพยายามทำทุกวิถีทางให้ประเทศไทยได้รับวัคซีนตามแผนครับ

#รวมไทยสร้างชาติ

‘รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์’ ขอผู้สูงอายุ ที่รับเบี้ยซ้ำซ้อน ไม่ต้องกังวล เตรียมส่งนักกฎหมายช่วยเจรจากับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและกรมบัญชีกลาง ให้ทุกกรณี ยันจะร่วมหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับทุกฝ่าย

จากกรณีที่มีการตรวจสอบพบว่า มีผู้สูงอายุบางคนได้รับเบี้ยผู้สูงอายุซ้ำซ้อนจากบำเหน็จบำนาญของญาติที่เสียชีวิต และมีการเรียกเงินคืนนั้น

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ จะขอให้ กรมกิจการผู้สูงอายุ ขอความร่วมมือจากสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายและพัฒนาสังคมจังหวัด ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ส่งนักกฎหมายไปให้คำปรึกษาหารือกับผู้สูงอายุทุกคน

โดยจะต้องดูรายละเอียดด้วยว่า การให้ข้อมูล ทำโดยสุจริตหรือไม่ ได้รับทราบคุณสมบัติข้อนี้มาก่อนไหมและจะช่วยเจรจากับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและกรมบัญชีกลางต่อไป

นายจุติ กล่าวว่า "ขอให้คลายความกังวล ทุกอย่างมีทางออก ซึ่งทั้งรัฐบาลและกระทรวง พม.จะร่วมหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับทุกฝ่าย"

1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 วันนี้ในอดีต รัฐบาลโดยการนำของ ทักษิณ ชินวัตร ประกาศปราบปรามยาเสพติดในประเทศไทยชนิดเข้มข้น หลังการประกาศเพียง 3 เดือน เกิดคดีการฆ่าตัดตอนขึ้นนับพันราย

หลายคนจดจำ ‘รัฐบาลทักษิณ’ ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2544 - 2547 กับสโลแกน ‘คิดใหม่ ทำใหม่’ กันได้ดี แต่หนึ่งในเหตุการณ์ที่ต้องถือว่าเป็นไฮไลท์ในยุคที่ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ นั่นก็คือ การปราบปรามยาเสพติด

โดยเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 อดีตนายกรัฐมนตรีคนนี้ ได้ประกาศตัวอย่างชัดเจนว่า จะทำสงครามกับขบวนการค้ายาเสพติดในประเทศไทยชนิดเด็ดขาด! และนับจากเดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึงเมษายนของปีนั้น เกิดการฆาตกรรมที่เชื่อมโยงมาจากการปราบปรามยาเสพติดกว่า 2 พันราย!

ในภาพของการณรงค์อย่างจริงจังนั้น กลับมีข้อมูลอีกด้านหนึ่งสะท้อนออกมา เนื่องจากการปราบปรามดังกล่าว พบว่ามีผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเสียชีวิตในจำนวนที่สูงจนน่าตกใจ จนนำมาซึ่งประโยคอันร้อนแรงในตอนนั้น นั่นคือ ‘การฆ่าตัดตอน’

แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความรุนแรง และความเข้มข้นของมาตรการปราบปราม แต่เหรียญมักมีสองด้านเสมอ เพราะในข่าวความรุนแรงเหล่านั้น ต่อมากลับมีการทำผลสำรวจถึงความพึงพอใจ ในเรื่องการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล พบว่า กว่าร้อยละ 66.77 พอใจกับการปราบปรามปัญหายาเสพติดในยุครัฐบาลทักษิณ ซึ่งสูงกว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างชัดเจน

ปัญหายาเสพติดถือเป็นปัญหาร้ายแรงที่อยู่กับสังคมไทยมาเนิ่นนาน แต่มาตรการที่เข้มข้นก็นำมาซึ่งการสูญเสีย ที่สุดคงยากจะหาความพอดี แต่ที่ทำได้แน่ๆ คือสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง และคนรอบข้าง เมื่อมีชีวิตที่ดี ผู้คนมีความคิด อย่างน้อยก็จะเป็นตัวช่วย ‘ตัดตอน’ ปัญหาเรื่องยาเสพติด ไม่ให้มันมาเข้าใกล้ ไม่ว่าจะในชีวิตของเราหรือคนรอบตัวเราก็ตามที

'ทิพานัน’ สวน ‘ช่อ’ บิดเบือน!! โยง EU ขัดแอสตราฯ ปมส่งวัคซีนสะดุด

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึง กรณีที่ศาลอาญามีคำสั่งให้ระงับการเผยแพร่เว็บไซต์ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ไลฟ์สดเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด เพราะมีเนื้อหาอันเข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงในราชอาณาจักรตามมาตรา 14(3) พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

แต่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช และคณะก้าวหน้า ตอบโต้ว่า สิทธิ เสรีภาพ และผูกขาดการใช้กฎหมาย เฉพาะประโยชน์ของตนเอง ไม่ใช้หลักการ แต่ใช้เพียงหลักกูว่า น.ส.พรรณิการ์ ไม่ควรนำประเด็นของอียู มากล่าว อ้างสนับสนุนการกระทำของคณะก้าวหน้าว่ามีสิทธิทำได้ โดยสาเหตุหลักคืออียูขัดแย้งเรื่องการได้รับวัคซีนล่าช้า ไม่เป็นไปตามกำหนด จึงได้เปิดเผยสัญญาจัดซื้อที่เป็นความลับ และในข้อ16 ของสัญญากำหนดไว้เกี่ยวกับการรักษาความลับ ทางอียูได้เผยแพร่สัญญา โดยทำเครื่องหมายปิดข้อความบางส่วน 24 หน้า จาก 42 หน้า เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับ ราคา วิธีการปรับขึ้นราคา กำหนดวันส่งมอบ การให้ทุนสนับสนุนต่างๆ ลิขสิทธิ์ เพื่อสนับสนุนข้อขัดแย้งเรื่องความล่าช้า ซึ่งทั้งหมดไม่ได้เกิดจากประเด็นต้องการตรวจสอบหรือเรียกร้องความโปร่งใสของรัฐบาลอียู ตามที่ น.ส. พรรณิการ์เข้าใจผิดและเอามาปะติดปะต่อ แบบอ่านไม่แตกแล้วนำไปบิดเบือน

“สิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นของนายธนาธรเกี่ยวกับวัคซีน ในเบื้องต้นศาลได้พิจารณาจากคำฟ้องและหลักฐาน เห็นว่ามีเนื้อหาเข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงในราชอาณาจักร ฝ่าฝืนกฎหมายแล้ว จึงขอให้ยุติการเผยแพร่ และแสดงให้เห็นว่าการใช้สิทธิตั้งคำถามของนายธนาธรไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตเพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐ ไม่ได้เป็นการใช้กฎหมายมาปิดปาก แต่เป็นเพราะการใช้ สิทธิที่เกินส่วนของนายธนาธร ทำให้ผู้อื่นเสียหาย เป็นการกระทำที่เข้าข่ายละเมิดผู้อื่น ขอให้ น.ส.พรรณิการ์ทำความเข้าใจและฝึกจิตเคารพคำสั่งศาล” น.ส.ทิพานัน กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ส่วนที่กล่าวหาว่าถูกกฎหมายปิดปากในการแสดงความคิดเห็นทั้งที่ตั้งคำถามเพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐนั้น ขอให้ย้อนดูตัวเองว่าเคยใช้กฎหมายฟ้องคดีเพื่อปิดปากประชาชนที่ใช้สิทธิโดยสุจริต ในการตรวจสอบความโปร่งใสของการใช้เงินโครงการ MaydayMaydayโดยเรียกร้องให้ประชาชนลบข้อความ ให้หยุดเผยแพร่โดยที่ไม่ได้ฟ้อง และได้รับคำสั่งศาล หรือไม่ ทำไมถึงใช้กฎหมายแบบผูกขาดเข้าข้างเฉพาะกรณีของตัวเองฝ่ายเดียว

‘แรมโบ้’ ดักทาง “ก้าวไกล" ชี้หากขับไล่ 2 ส.ส.สวนมติพรรค ไม่ลงชื่อแก้ ม.112 พ้นพรรค นับเป็นพรรคที่อ้างประชาธิปไตย แต่มีหัวใจเผด็จการ ยุส่ง 2 ส.ส.ย้ายพรรค หากยังอยากอยู่ในใจประชาชน

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ โพสต์ข้อความแสดงจุดยืนของพรรคต้องแก้ไข มาตรา112 ว่า ขอชื่นชมนายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ไม่ร่วมลงชื่อแก้ไข

ที่มีจุดยืนปกป้องสถาบัน มิให้ใครมาคิดร้ายหรือทำลายและมีความคิดเห็นว่าอะไรควรทำ หรือไม่ควรทำ ไม่ได้ทำตามมติหัวหน้าหรือมติพรรคเพียงอย่างเดียว ส่วนพรรคก้าวไกล ควรเอาเวลาไปช่วยเหลือและคิดถึงปากท้องของประชาชน ไม่ใช่คิดแต่เรื่องแก้ไขมาตรา 112 จนประชาชนคิดว่าพรรคการเมืองนี้กระทำการก้าวล้วง จาบจ้วงสถาบัน ทำร้ายสถาบันเพียงอย่างเดียว

นายสุภรณ์ กล่าวว่า "หากพรรคก้าวไกลคิดจะขับส.ส.2คนที่ไม่ร่วมลงชื่อแก้ไข คือพรรคการเมืองที่อ้างว่าเป็นพรรคประชาธิปไตยแต่หัวใจคือเผด็จการ และอาจจะเป็นโชคดีของส.ส.ที่จะได้ย้ายไปอยู่พรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติเพื่อประชาชนโดยแท้จริง ถ้ายังอยู่พรรคก้าวไกล ประชาชนจะเลือกอีกหรือไม่ เพราะมีตัวอย่างคณะก้าวหน้า ที่แกนนำลงพื้นที่หาเสียง อบจ.จังหวัดใดก็โดนโห่ไล่ทุกที่"

"ทั้งนี้การแก้ไขมาตรา 112 อาจเป็นเพราะว่าอยู่เบื้องหลังม็อบ 3 นิ้ว มีหัวหน้าทีมหลักคือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำพรรคก้าวหน้า สั่งการให้มีการเคลื่อนไหวจ้าบจ้วงสถาบัน ทำการบิดเบือนใส่ร้ายสถาบัน"

"แต่ไม่อยากให้ลูกสมุนมีความผิดและถูกดำเนินคดีเข้าคุกเข้าตาราง มีเป้าหมายต้องการล้มล้างสถาบันเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นประธานาธิบดี ซึ่งแนวความคิดที่เป็นกบฏชัดเจน และเชื่อว่าส.ส. ส.ว.และคนไทยที่รักสถาบันคงไม่ยอม"

‘อาร์เอส กรุ๊ป’ ล่าธุรกิจ ‘กัญชง’ ดันส่วนประกอบ ‘แปรรูป’ สร้างมูลค่าเพิ่มใหม่ให้เครือธุรกิจ

หลังจากกระทรวงสาธารณสุขประกาศปลดล็อคกัญชงให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์โดยไม่จัดเป็นยาเสพติดนั้น บริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด ในฐานะผู้ผลิตนวัตกรรมด้านสุขภาพและความงามระดับโลก และ อาร์เอส มอลล์ (RS Mall) แพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าและบริการเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีแบบองค์รวมของทุกคน บริษัทในเครือ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์เอส กรุ๊ป ประกาศความพร้อมจับมือพันธมิตร บริหารจัดการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในหมวดสกินแคร์ เครื่องดื่ม และอาหารเสริม ที่มีสารสกัดจากกัญชง ผ่านทุกช่องทาง ช่วยผลักดันรายได้ให้เป็นไปตามเป้าของบริษัท

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในเรื่องของกัญชงนั้น บริษัท ไลฟ์สตาร์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอาร์เอส กรุ๊ป มีความสนใจและมีการศึกษาเรื่องของงานวิจัยมาอยู่ตลอด โดยเฉพาะการนำส่วนต่างๆ ของกัญชงไปแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ

เช่น ช่อดอกนำไปผลิตยา สารสกัดจากกัญชง ใบนำไปผลิตอาหาร ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องสำอาง น้ำมันจากเมล็ดกัญชงนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องสำอาง สารสกัดจาก กัญชงนำไปผลิตเป็นเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์สมุนไพร เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาเราได้เตรียมความพร้อม โดยร่วมมือกับสถาบันวิจัยชั้นนำศึกษาและคิดค้นสูตรเพื่อนำกัญชงมาพัฒนาและต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ทั้งในส่วนของสกินแคร์ เครื่องดื่ม และอาหารเสริม รวมถึงมีการพูดคุยกับพันธมิตรที่เป็นผู้ปลูกกัญชงเชิงพาณิชย์ โรงสกัด และผู้ผลิตไว้เรียบร้อยแล้ว ยืนยันว่าทางเราและพันธมิตร ได้มีการเตรียมการมานานและมีความพร้อมทั้งการผลิตและการจำหน่ายในทันที

ในขณะที่ อาร์เอส มอลล์ แพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าและบริการเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีแบบองค์รวมของทุกคน ก็เตรียมรุกตลาดพร้อมต่อยอดการขายอย่างเต็มสูบ ภายใต้กลยุทธ์ดังนี้

บังคับใช้แล้ว! ใช้น้ำมัน - สารสกัดเมล็ดกัญชงในเครื่องสำอางได้ ปลดล็อก"กัญชา" พ้นยาเสพติดใช้ได้เฉพาะทางการแพทย์

1.) อาร์เอส มอลล์ มีจุดเด่นและความเชี่ยวชาญในการเล่าเรื่องที่แตกต่าง ซึ่งกัญชงมีรายละเอียดและสรรพคุณที่ซับซ้อน จึงสามารถสร้างรูปแบบการนำเสนอได้หลากหลาย อาทิ การไลฟ์สดสาธิตวิธีการใช้ หรือการนำผู้มีประสบการณ์ในการใช้งานจริงมาร่วมให้ความคิดเห็นและแบ่งปันข้อมูล เป็นต้น

2.) จำหน่ายในทุกช่องทาง ทั้งออนแอร์ ผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 และพันธมิตรช่องดิจิทัลทีวีจากหลากหลายช่องชั้นนำ และออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์ www.rsmall.co.th และ Line @rsmall

3.) อาร์เอส มอลล์ มีทีมเทเลเซลล์ กว่า 500 คน ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของสุขภาพ สามารถนำเสนอสินค้าและให้บริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงการใช้ Data and Voice Analytics มาวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า

“ปัจจุบัน อาร์เอส มอลล์ มีฐานข้อมูลลูกค้ากว่า 1.6 ล้านราย จำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพเป็นจำนวนมาก ทำให้ที่ผ่านมา เราได้รับคำถามและความสนใจจากลูกค้าเกี่ยวกับกัญชงจากทุกช่องทางและมีการเก็บข้อมูลเพื่อนำมาใช้ประโยชน์และต่อยอดในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสุขภาพที่ดี เพียงแต่ยังต้องรอรายละเอียดจากทางภาครัฐในการผลิตและจัดจำหน่ายให้ถูกต้องและปลอดภัย หากมีการปลดล็อกในส่วนนี้ เราก็มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์จากกัญชงจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าส่วนใหญ่ของเราอย่างแน่นอน” คุณสุรชัย กล่าว


ที่มา:

https://www.posttoday.com/economy/news/644176


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top