Monday, 23 June 2025
TheStatesTimes

‘ธนกร’ โต้ ‘เพื่อไทย’ ชี้เศรษฐกิจทรุดเพราะโควิด-19 ลั่น ‘บิ๊กตู่’ ทำดีที่สุดแล้ว แจงยิบทุกมาตรการฟื้นเศรษฐกิจได้แน่ แต่ต้องใช้เวลา แขวะอย่าจ้องแต่จะค้านไปทุกเรื่อง ย้อนเอาเวลาไปประสานรอยร้าวในพรรคก่อนดีกว่า

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่าทำเศรษฐกิจทรุดต่อไปอีก 10 ปีว่า พรรคเพื่อไทยเอาเวลาไปประสานรอยร้าวภายในพรรคก่อนจะดีกว่า เพราะหลังจากคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ลาออกไป ทำให้เกิดรอยร้ายในพรรคถึงขนาดนายพิชัย นริพทะพันธ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่เผาผีกับนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย

ตนบอกหลายครั้งแล้วว่าเศรษฐกิจแย่เพราะผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งกระทบทั่วโลก พล.อ.ประยุทธ์ทำดีที่สุดแล้ว มาตรการเยียวยาต่างๆ ก็สามารถฟื้นเศรษฐกิจได้ แต่ต้องใช้เวลา ข้อเสนอของพรรคเพื่อไทยหลายอย่างรัฐบาลก็ดูอยู่ ไม่ว่าจะเป็น

1.) เร่งปรับโครงสร้างภาษีให้เก็บเงินคนรวยมากขึ้นเพื่อมาช่วยคนจน ในภาวะที่คนจนกำลังลำบากนี้ รัฐบาลได้ศึกษาการปฏิรูปโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการดำเนินการจำเป็นต้องอาศัยช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม หลักความเป็นธรรมทางภาษี พิจารณาข้อดีข้อเสีย ขีดความสามารถในแข่งขันกับประเทศคู่แข่ง และความยั่งยืนทางการคลังประกอบกัน

2.) เร่งหารายได้เข้ารัฐเพิ่มจากทางอื่นนอกจากภาษีนั้น ปัจจุบันมีการดำเนินการหารายได้เข้ารัฐเพิ่มเติมนอกจากรายได้จากภาษีอย่างต่อเนื่อง เพราะคำนึงถึงการพัฒนาประเทศอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

3.) เร่งปรับเปลี่ยนแพลตฟอร์มราชการ หรือ Digitalization รวมถึงการใช้ระบบบล็อกเชน ซึ่งจะแก้ปัญหาได้หลายอย่าง รวมถึงปัญหาระบบศุลกากรที่นักลงทุนต่างประเทศร้องเรียน ปัญหาการลงทะเบียนแรงงานต่างด้าว รัฐบาลมีการปรับปรุงและพัฒนาระบบต่าง ๆ เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมศุลกากร ท่าเรือต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

4.) เร่งส่งเสริมให้เกิดแพลตฟอร์มเอกชน เร่งส่งเสริมการสร้างธุรกิจเทคโนโลยีสมัยใหม่ เร่งสร้างยูนิคอร์น ลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างประเทศ และ เร่งเก็บภาษีแพลตฟอร์มต่างประเทศ สำหรับการเก็บภาษี Platform ต่างประเทศนั้น รัฐบาลได้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ จากต่างประเทศ (e-Service)) (ร่างพระราชบัญญัติฯ) โดยรัฐสภาได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติฯ ในวาระที่ 3 เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2563 ความคืบหน้าล่าสุดร่างพระราชบัญญัติฯ อยู่ระหว่างขั้นตอนการนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้เป็นกฎหมาย

และ 5.) ลดภาษีที่จะช่วยเหลือประชาชนได้ เช่น ภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล รัฐบาลได้ช่วยเหลือโดยการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลในอัตราต่ำกว่าที่ควรจะเป็นอยู่แล้ว ทั้งที่มีการปล่อยความร้อนสูงกว่าน้ำมันเบนซิน แต่มีอัตราภาษีที่ต่ำกว่า เพื่อสนับสนุนราคาน้ำมันดีเซล นอกจากนี้ การจำหน่ายน้ำมันดีเซลในท้องตลาดมีการนำไบโอดีเซลมาผสมในสัดส่วนต่าง ๆ ซึ่งน้ำมันไบโอดีเซลไม่มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลที่ผสมไบโอดีเซลในท้องตลาดถูกลงด้วย

นายธนกร กล่าวด้วยว่า ส่วนนโยบายด้านการเงิน การช่วยเหลือ SMEs ในภาพรวม รัฐบาลได้ให้ความช่วยเหลือ SMEs มาโดยตลอด โดยการให้แหล่งเงินต้นทุนต่ำควบคู่ไปกับการกำหนดกลไก ลดความเสี่ยงด้านเครดิต เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงแหล่งทุนและมีสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ซึ่งกลไกดังกล่าวสอดคล้องกับแนวทางการให้ความช่วยเหลือ SMEs ในต่างประเทศ โดย SMEs ที่ได้รับความช่วยเหลือควรเป็น SMEs ที่มีศักยภาพทางธุรกิจ (Commercial Viability) แต่ประสบปัญหาจาก โควิด-19 เท่านั้น

ทั้งนี้ หากภาครัฐต้องให้ความช่วยเหลือ SMEs ทั้งระบบ ซึ่งรวมถึง SMEs ไม่มีศักยภาพหรือ อยู่ในภาคอุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้าง ก็อาจส่งผลให้ภาครัฐมีภาระทางการคลังในอนาคตที่มากเกินความจำเป็น และ SMEs กลุ่มที่ไม่มีศักยภาพก็ยังคงจะเสียเวลาและต้นทุนไปกับการดำเนินธุรกิจที่ไม่สามารถอยู่รอดได้แทนการใช้เวลาและทรัพยากรไปกับการปรับเปลี่ยนและเริ่มธุรกิจใหม่ที่จะก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต

ดังนั้น การเพิ่มวงเงินค้ำประกันหนี้เสียที่พรรคเพื่อไทยเสนอโดยไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับกลไกการดำเนินการนั้น อาจไม่ใช่แนวทางการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดสำหรับ SMEs และประเทศโดยรวม เนื่องจากอาจเป็นเพียงการเพิ่มวงเงินของรัฐบาลเพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่สถาบันการเงิน เช่น หากเสนอให้รัฐบาลเพิ่มวงเงินค้ำประกันหนี้เสียอีกร้อยละ 10 ของวงเงินรวมของโครงการ 900,000 ล้านบาท จะต้องใช้เงินงบประมาณเพิ่มขึ้นอีกถึง 90,000 ล้านบาท เป็นต้น แต่ข้อเสนอนั้นไม่มีกลไกที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพเพื่อยืนยันว่า SMEs กลุ่มเป้าหมายแต่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากโควิด-19 จะได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นจากเงินงบประมาณที่รัฐบาลใช้เพิ่ม ดังนั้น ในการเสนอให้มีการเพิ่มสัดส่วนการค้ำประกันอาจจำเป็นต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อน เพื่อให้แนวทางที่เสนอมาก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศและ SMEs อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ภาครัฐอยู่ระหว่างการพิจารณากลไกเพิ่มเติมในการให้ความช่วยเหลือ SMEs เพิ่มเติม โดยมุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือเป็นไปอย่างตรงจุด (Targeted) คุ้มค่ากับเงินงบประมาณ (Cost Effective) และเห็นผลได้จริง (Effective) และเหมาะสมกับสถานะหรือบริบทของ SMEs นอกจากนี้ สำหรับประเด็นเงิน 900,000 ล้านบาท ภายใต้ พ.ร.ก. Soft Loan และ พ.ร.ก. BSF นั้น หากพรรคเพื่อไทยได้ศึกษา พ.ร.ก. ทั้ง 2 ฉบับแล้ว จะพบว่า เงินจำนวนดังกล่าวไม่ใช้สินทรัพย์ของ ธปท. แต่เป็นเพดานวงเงินที่ ธปท. สามารถใช้อำนาจในฐานะธนาคารกลางเพื่อจัดสรรสภาพคล่องที่มีอยู่ในระบบการเงิน และนำไปดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของ พ.ร.ก. 2 ฉบับเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ข้อเสนออะไรที่เป็นประโยชน์รัฐบาลก็รับฟัง แต่ไม่ใช่ค้านไปทุกเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ทำอะไรก็ผิดไปหมด ตนคิดว่าไม่ถูกต้อง และอยากบอกว่าพล.ประยุทธ์อยู่แล้วประเทศดีขึ้น ไม่ได้อยู่แบบถ่วงความเจริญปล่อยให้มีการทุจริตคอรัปชันเหมือนรัฐบาลในอดีต

‘ยุทธพงศ์’ อัด ‘บิ๊กตู่’ บริหารเศรษฐกิจล้มเหลว ทำราคา ‘พริก - ลอตเตอรี่’ พุ่งสูง เปิดสถิติข้อมูลพาณิชย์พบพริกแพงขึ้น 4 เท่า ซัดรัฐบาลไม่ใส่ใจหามาตรการช่วยดูแลราคาสินค้าให้ประชาชน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 31 ม.ค. ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงว่าวันนี้รัฐบาลล้มเหลวทุกเรื่อง วันนี้มีประเด็นพริกเม็ดละ 1 บาท ตอนเช้าตนไปซื้อพริกจินดาที่ตลาด ราคา 12 บาท ได้ 22 เม็ด และพริกขี้หนูที่คนส่วนใหญ่ใช้บริโภคเป็นหลัก ตนตรวจสอบข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ พบว่า ช่วงเดือน ม.ค.63 ราคาพริกจินดาเฉลี่ยอยู่ที่ขีดละ 4.50 บาท ช่วงเวลาเดียวกันปี 64 ราคาเฉลี่ยขีดละ 17 บาท

ซึ่งราคาพริกสูงขึ้นถึง 4 เท่า คำถามคือรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม บริหารประเทศอย่างไรคนเดือดร้อนไปหมด นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ บอกมีผลงานประทับใจ ตนคิดว่าประทับใจมากจริงๆราคาพริกยังขึ้นมาถึง 4 เท่า แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ใส่ใจ ไม่มีมาตรการอะไรที่มาช่วยดูแลราคาสินค้าให้ประชาชน

นายยุทธพงศ์ ยังกล่าวถึงปัญหาการค้าสลากเกินราคาของผู้ค้ารายย่อย ว่า เกิดจากต้นทางคือยี่ปั๊วที่ขายสลากให้ผู้ค้ารายย่อยในราคา 90 - 93 บาท ทั้งที่ต้นทุนจริงอยู่ที่ 70 บาท ทำให้ผู้ค้ารายย่อยต้องมาขายเอากำไรในราคา 100 บาท พอขายเกินราคาก็ถูกตำรวจล่อซื้อจับปรับ 2,000 บาท ถ้าไม่อยากถูกจับต้องจ่ายเงินค่าส่วยลอตเตอรี่ งวดละ 300 บาท ซึ่งคนขายลอตเตอรี่ไม่ได้ขายพื้นที่เดียว ไม่ว่าจะเดินไปขายในเขตพื้นที่ไหนก็ต้องจ่ายส่วยให้แต่ละพื้นที่

โดยเฉพาะงวดวันที่ 1 ก.พ.นี้ มีเลขดัง คือ 36 และ 63 เลขชุด 5 ใบ ขาย 750 บาท ถามว่าแต่ละงวดกองสลากพิมพ์ลอตเตอรี่ทั้งหมด 1 ล้านเล่ม เล่มละ 100 ใบ ต้นทุนจริงๆ 70 บาท ยี่ปั๊วเอามาขาย 90 บาท งวดหนึ่งจะมีผลประโยชน์ประมาณ 2,000 ล้านบาท

"ผู้ค้ารายย่อยไปรอกดตู้ธนาคารกรุงไทย แต่กดไม่ได้เพราะไม่มีให้กด ทำให้ต้องมาซื้อลอตเตอรี่หน้ากองสลากไปขาย นายกฯบอกว่าจะดูแลกองสลากให้ เคยมอบหมายให้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ดูแลกองสลาก ก็ไม่เห็นแก้ปัญหาได้ วันนี้ทุกคนเดือดร้อน คนขายลอตเตอรี่ไม่มีใครอยากถูกจับหรือต้องจ่ายส่วย เพราะคนเหล่านี้ยากจนลำบากอยู่แล้ว แต่ทุกคนจำเป็นต้องขาย ถามว่านายกฯในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ปัญหาลอตเตอรี่ยังแก้ไม่ได้แล้วจะไปแก้อะไรได้ จึงขอเรียกร้องให้นายกฯแก้ปัญหาเรื่องนี้" นายยุทธพงศ์ กล่าว

ขนส่งฯ เปิดแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue ให้สิทธิผู้ที่จองคิวล่วงหน้าทำใบขับขี่วันที่ 4 - 31 ม.ค. 64 เลือกจองคิวใหม่ได้ตั้งแต่ 1 ก.พ. - 15 มี.ค. 64 ส่วนผู้ที่จองคิววันที่ 1 ก.พ. 64 เป็นต้นไป เข้ารับบริการตามวันและเวลาที่นัดหมายตามปกติ

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กระทรวงศึกษาธิการ และกรุงเทพมหานคร พิจารณาเปิดการเรียนการสอนของสถานศึกษา โดยให้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จึงให้กรมการขนส่งทางบกผ่อนคลายการควบคุมการให้บริการด้านใบอนุญาตขับรถ เพื่อให้สำนักงานขนส่งทุกแห่งกลับมาเปิดให้บริการด้านใบอนุญาตขับรถและผู้ประจำรถได้ตามปกติทุกกระบวนงาน ทั้งการขอรับใบอนุญาตขับรถใหม่ และการต่ออายุใบอนุญาตที่ต้องเข้าอบรมที่สำนักงานขนส่ง แต่จำกัดจำนวนผู้เข้ารับบริการในแต่ละช่วงเวลาตามมาตรการ Social Distancing โดยได้กำหนดช่วงเวลาการให้บริการ ดังนี้

1.) ผู้ที่จองคิวล่วงหน้า ไว้ในวันที่ 4 - 31 มกราคม 2564 ให้สิทธิเข้าจองคิวใหม่ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 09.00 น. ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2564 ทางแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หรือเว็บไซต์ https://gecc.dlt.go.th ของกรมการขนส่งทางบก

2.) ผู้ที่จองคิวล่วงหน้า ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป ให้เข้ารับบริการตามวันและเวลาที่นัดหมายได้ตามปกติ

3.) ผู้ที่ไม่เคยเข้าระบบจองคิวมาก่อน ให้เริ่มจองคิวตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2564 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หรือเว็บไซต์ https://gecc.dlt.go.th ของกรมการขนส่งทางบก

ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่กระจายของโรค ในการต่ออายุใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล ใบอนุญาตขับรถขนส่ง และใบอนุญาตขับรถสาธารณะ แนะนำให้อบรมผ่านระบบ e-Learning ได้ทาง www.dlt-elearning.com และนำผลการอบรมติดต่อสำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ โดยไม่ต้องเข้าอบรมที่สำนักงานขนส่ง

พร้อมกันนี้ ให้สำนักงานขนส่งทุกแห่งติดตามและประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และบริหารจัดการการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์และเป็นไปตามประกาศจังหวัดหรือประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ส่วนการดำเนินการของโรงเรียนสอนขับรถที่กรมการขนส่งทางบกรับรอง ให้เริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการขนส่งทางบกมีมาตรการเยียวยาผู้ที่ใบอนุญาตขับรถและใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถสิ้นอายุเกิน 1 ปี หรือ 3 ปี ในช่วงที่กรมการขนส่งทางบกงดการอบรม ประกอบด้วย 1.) ใบอนุญาตขับรถ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ สิ้นอายุเกิน 1 ปี ระหว่างวันที่ 4 มกราคม - 31 มีนาคม 2564 ได้รับการยกเว้นการทดสอบข้อเขียน 2.) ใบอนุญาตขับรถ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ สิ้นอายุเกิน 3 ปี ระหว่างวันที่ 4 มกราคม - 31 มีนาคม 2564 ได้รับการยกเว้นการทดสอบขับรถ 3.) ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก สิ้นอายุเกิน 3 ปี ระหว่างวันที่ 4 มกราคม - 31 มีนาคม 2564 ได้รับการยกเว้นการทดสอบขับรถ

ส่วนเอกสารประกอบคำขอรับหรือต่ออายุใบอนุญาตขับรถหรือผู้ประจำรถ เช่น ใบรับรองแพทย์ หนังสือรับรองการผ่านการอบรมและทดสอบ คำขอที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จภายใน 90 วัน ผลผ่านการอบรมจากระบบ e-Learning ที่สิ้นอายุ อนุโลมให้ใช้ประกอบการดำเนินการด้านใบอนุญาตขับรถได้จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564 เช่นเดียวกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ผ่อนผันการบังคับใช้กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง กับผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถและใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถที่สิ้นอายุแล้ว ยังสามารถใช้แสดงตนได้ จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวต่อไปว่า ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป การดำเนินการด้านใบอนุญาตขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ต้องดำเนินการภายใต้เงื่อนไขหลักเกณฑ์ใหม่ โดยจะต้องใช้ใบรับรองแพทย์เป็นเอกสารประกอบในการดำเนินการ

ทั้งการขอรับใบอนุญาตขับรถใหม่ การเปลี่ยนชนิด และการต่ออายุ โดยใบรับรองแพทย์ ต้องเป็นไปตามแบบมาตรฐานของแพทยสภา มีสองส่วนคือ ส่วนที่ผู้ขอรับรองสุขภาพตนเองและส่วนของแพทย์ตรวจรับรอง ซึ่งจะต้องแสดงให้เห็นว่าผู้นั้นไม่มีโรคประจำตัวหรือสภาวะของโรคที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเห็นว่าอาจเป็นอันตรายขณะขับรถตามที่แพทยสภากำหนด

ส่องไส้ใน ส่องออกไทย รู้แล้วจะอึ้ง ! พบผู้ส่งออก 50 อันดับแรกของไทย เป็นบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยเพื่อใช้เป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออก ถึง 80% มีบริษัทคนไทยเพียง 20% เท่านั้น ขณะที่จำนวนบริษัทส่งออกในปัจจุบันมีทั้งสิ้น 36,164 ราย

ในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ภาพรวมการส่งออกของไทย เส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี แต่บางปีก็เครื่องสะดุดติดลบบ้างจากหลายเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันของโลก

โดยปี 2563 ล่าสุด ส่งออกไทยสะเทือนจากพิษโควิด-19 ระบาดทั่วโลก ทำตัวเลขส่งออกได้มูลค่า 231,468.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวลดลงจากปีก่อน -6% ส่วนในรูปเงินบาทมีการส่งออก 7.17 ล้านล้านบาท ขยายตัวลดลง -5.9% โดยปี 2563 มีบริษัทส่งออกรวมทั้งสิ้น 36,164 ราย โดยในจำนวนนี้จากการตรวจสอบข้อมูลของ “ฐานเศรษฐกิจ”ที่ได้รับจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร เผยถึง ผู้ส่งออกรายใหญ่ใน 50 อันดับแรก พบสัดส่วน 80% เป็นบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยเพื่อใช้เป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออก ขณะที่สัดส่วน 20% เป็นบริษัทคนไทย โดยรายชื่อบริษัทส่งออก 50 อันดับแรกที่มี่มูลค่าส่งออกสูงสุดตามลำดับ ประกอบด้วย

1.) บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย)จำกัด (บจก.)

2.) บจก.วาย แอล จี บลูเลียน อินเตอร์เนชั่นแนล

3.) บจก.เอชจีเอสที (ประเทศไทย)

4.) บจก.โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย

5.) บจก.เอ็มทีเอสโกลด์ (หรือห้างทองแม่ทองสุก)

6.) บจก.โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิปิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง

7.) บจก.ฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทัช

8.) บจก.ซิเลซติกา (ประเทศไทย)

9.) บจก.มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย)

10.) บจก.เวสเทิร์น ดิติตอล (ประเทศไทย)

11.) บจก.บริงค์ส (ประเทศไทย)

12.) บจก.เอเชียนฮอนด้ามอเตอร์

13.) บริษัทไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (บมจ.)

14.) บจก.ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย)

15.) บจก.เอ็นเอ็มบี-มินีแบ ไทย

16.) บจก.นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย)

17.) บจก.ฟาบริเนท

18.) บจก.ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์

19.) บจก.โซนี เทคโนโลยี (ประเทศไทย)

20.) บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)

21.) บจก.อีซูซุมอเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล โอเปอเรชั่น (ประเทศไทย) 22.) บจก.ไทย ไลอ้อน เมนทารี

23.) บจก.แม็กซิม อินทริเกรดเต็ด โปรดักส์ (ประเทศไทย)

24.) บจก.ไมโครชิพ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์)

25.) บมจ.แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย)

26.) บจก.ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย)

27.) บจก.ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย)

28.) บจก.ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี (ประเทศไทย)

29.) บจก.ยูแทคไทย

30.) บจก.มิตซูบิชิ อีเลคทริค คอนซูมเมอร์ โปรดักส์ (ประเทศไทย)

31.) บจก.พีทีที โพลีเมอร์ มาร์เก็ตติ้ง

32.) บมจ.การบินไทย

33.) บจก.สยามมิชลิน

34.) บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) (สาขา 1)

35.) บจก.บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย)

36.) บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล

37.) บจก.โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์)

38.) บจก.ค้าผลผลิตน้ำตาล

39.) บจก.ไทยรวมสินพัฒนาอุตสาหกรรม

40.) ราชการกองบัญชาการกองทัพไทย

41.) บจก.แอลแอลไอที (ประเทศไทย)

42.) บจก.ซูมิโตโม รับเบอร์ (ไทยแลนด์)

43.) บจก.สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น

44.) บจก.ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม

45.) บจก.ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง

46.) บจก.เอสซีจี เพอร์ฟอร์มานซ์ เคมิคอลส์

47.) บจก.โรม อินทิเกรเต็ด ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย)

48.) บจก.แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย)

49.) บจก.สแนชั่น (ไทยแลนด์)

และ 50.) บจก.แคนนอน ปราจีนบุรี (ประเทศไทย)

ทั้งนี้ในภาพรวมปี 2563 มีบริษัทส่งออกรวมทั้งสิ้น 36,164 ราย ในจำนวนนี้ที่มีมูลค่าส่งออกระดับแสนล้านบาทมีจำนวน 5 ราย มูลค่าการส่งออกรวม 630,687 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 8.79% ของมูลค่าการส่งออกรวม

ส่วนบริษัทที่มีมูลค่าการส่งออกระดับหมื่นล้านบาท มีจำนวน 108 ราย มูลค่าการส่งออกรวม 2.83 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 39.47% บริษัทที่มีมูลค่าการส่งออกระดับพันล้านบาทมีจำนวน 859 ราย มูลค่าการส่งออกรวม 2.28 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 31.85% มูลค่าการส่งออกระดับร้อยล้านบาทมีจำนวน 3,521 ราย มูลค่าการส่งออกรวม 1.13 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 15.76% และมูลค่าการส่งออกระดับน้อยกว่าร้อยล้านบาท มีจำนวน 31,671 ราย มูลค่าการส่งออกรวม 296,655 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 4.13% ของมูลค่าการส่งออกโดยรวม

จากข้อมูลแสดงให้เป็นว่าบริษัทที่มีมูลค่าการส่งออกสูง ๆ ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยรวมถึงบริษัทส่งออกแถวหน้าของไทย ขณะที่บริษัทส่งออกของไทยโดยรวมมีมูลค่าส่งออกน้อยกว่าร้อยล้านบาทเป็นส่วนใหญ่

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ให้ความเห็นกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า การที่บริษัทส่งออกในกลุ่ม 50 อันดับแรกที่ส่วนใหญ่เป็นบริษัทจากต่างประเทศ หรือบริษัทข้ามชาติสะท้อนให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วประเทศไทยเป็นฐานผลิตให้กับประเทศอื่น

ซึ่งแม้จะช่วยเพิ่มตัวเลขส่งออกให้กับประเทศก็จริง แต่ถ้าพูดถึงเม็ดเงินที่ตกถึงคนไทยเองก็ไม่ได้มาก แต่ตัวเลขส่งออกส่วนใหญ่จะไปตกกับบริษัทแม่ต่างชาติเสียส่วนใหญ่ หากในอนาคตบริษัทแม่เหล่านี้พิจารณาลงทุนหรือขยายฐานการลงทุนในประเทศอื่นที่มีข้อได้เปรียบด้านต่าง ๆ ดีกว่าไทย การส่งออกที่เป็นของประเทศไทยหรือผู้ประกอบการไทยจริง ๆ จึงอยู่ในสถานการณ์ที่น่าห่วง

ด้านดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การที่ภาคการส่งออกของไทยส่วนใหญ่อยู่ในมือของบริษัทต่างชาติแม้จะช่วยสร้างงานและสร้างเงินให้กับประเทศ แต่อีกด้านหนึ่งสะท้อนให้เห็นในหลายประเด็น เช่น การผลิตและส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมของบริษัทไทยยังใช้เทคโนโลยี หรือใช้นวัตกรรมในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้ายังไม่มาก

ทำให้มูลค่าการส่งออกยังไม่สูง, ในสินค้าเกษตร หรือเกษตรแปรรูป ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้ใช้เทคโนโลยี หรอนวัตกรรมในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้ามาก ส่วนใหญ่ยังส่งออกในรูปวัตถุดิบ หรือแปรรูปเล็กน้อย และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(FDI) ที่เข้ามาลงทุนในไทยไม่ได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับคนไทย ผิดกับ FDI ที่ไปลงทุนในจีนจะถูกบังคับเงื่อนไขให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีหรือนวัตกรรม ทำให้จีนมีการพัฒนาสินค้ารุดหน้าไปกว่าไทยมาก เป็นต้น

"สิ่งที่ผู้ประกอบการไทยต้องเร่งทำเพื่อผลักดันมูลค่าการส่งออกให้เพิ่มขึ้น ได้แก่

1.) ประเมินตัวเองว่าอยู่ตรงไหนของอุตสาหกรรม 4.0 เพราะบางคนอาจจะยังอยู่ 1.0 2.0 หรือ 3.0 ยังไม่ได้ใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมเข้ามาช่วยมาก ซึ่งต้องเร่งปรับตัว

2.) ปรับโครงสร้างการการผลิตให้ตอบโจทย์เทรนด์ของโลกในเรื่องเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy หรือเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว)

3.) บริหารจัดการต้นทุนให้ต่ำสุดและประสิทธิภาพการผลิตสูงสุด และ

4.) รัฐบาลต้องประกาศตัวเองว่าจะผลักดันสินค้าใดของไทยบ้างให้เป็นสินค้าโปรดักส์แชมป์เปี้ยนของโลก และมีแผนงานยุทธศาสตร์ในการผลักดันอย่างเป็นรูปธรรม

ซีแอตเติลอลหม่าน ตู้แช่เก็บสต็อควัคซีน Covid-19 เสียกลางดึก! ต้องเกณฑ์คนอเมริกันมาเข้าคิวฉีดวัคซีนด่วนตอนเที่ยงคืน ขณะที่ประชาชนฝ่าลมหนาวออกจากบ้านเข้าคิวฉีดหมดภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง

งานเข้าโรงพยาบาลในซีแอตเติล เมื่อมีข่าวด่วนแจ้งเข้ามาว่าตู้แช่วัคซีนมาเสียเอาตอนกลางดึกของคืนวันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตู้แช่ที่เก็บสต็อควัคซีน Covid-19 ของ Moderna มากถึง 1,650 โดส

หลังจากที่รับแจ้ง เวลาเริ่มนับถอยหลังทันที เนื่องจากวัคซีนของ Modern ต้องเก็บในตู้เย็นอุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส หากอุณหภูมิไม่ถึง วัคซีนก็จะเสีย เมื่อคำนวนเวลาแล้ว ก็ประเมินได้ว่าจะสามารถคงความเย็นได้ถึงแค่ตี 5 ของเช้าวันศุกร์

บริษัทตู้แช่ Kaiser Permanente จึงต้องรีบกระจายวัคซีนทั้งหมดไปยังศูนย์การแพทย์ในเมืองซีแอตเติล 2 แห่ง ได้แก่ UW Medical Center วิทยาเขต Northwest และ Montlake กับ Swedish Medical Center ซึ่งก็สร้างความโกลาหลไปทั้งโรงพยาบาล ที่ต้องเกณฑ์แพทย์ พยาบาล หน่วยกู้ภัย ตำรวจดับเพลิง อาสาสมัคร กระจายข่าวทั้งทางทวิตเตอร์ และโทรศัพท์ตามกลุ่มเป้าหมายที่กำลังรอรับวัคซีน ให้มาเข้าคิวฉีดวัคซีนกันตอนเที่ยงคืน

ซึ่งชาวซีแอตเติลก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีคนติดต่อเข้ามาจองคิวหมดภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง และรีบออกจากบ้านมาต่อคิวฉีดวัคซีนทั้งชุดนอน แม้อากาศจะหนาวจัด

นับเป็นแผนการฉีดวัคซีนที่แปลกประหลาดที่สุดครั้งหนึ่งที่เคยเห็น ซึ่งทางบริษัทตู้แช่ก็ไม่ได้อธิบายสาเหตุที่ตู้แช่มาขัดข้องอย่างกระทันหันนั้นเกิดจากอะไร แต่ขออย่าให้เกิดบ่อยก็แล้วกัน

และก็ถือเป็นกรณีศึกษา หากเกิดเหตุฉุกเฉินลักษณะนี้ในอนาคต และไม่สามารถจัดการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างทันท่วงที ก็อาจหมายถึงความเสียหายของวัคซีนมูลค่ามหาศาลได้


อ้างอิง

https://www.seattletimes.com/seattle-news/health/late-night-freezer-failure-in-seattle-sends-hundreds-scrambling-to-get-a-fast-expiring-covid-19-vaccine/

https://www.q13fox.com/news/seattle-hospitals-rush-out-covid-19-vaccines-overnight-after-freezer-failure

https://www.dailymail.co.uk/news/article-9202437/Hundreds-rush-Washington-state-clinic-overnight-vaccines-freezer-broke.html

‘วอร์รูมรัฐบาล’ ถกรับมือซักฟอกนัดแรกพรุ่งนี้! ‘ชาญกฤช เดชวิทักษ์’ เก็งข้อสอบฝ่ายค้าน คาดพุ่งเป้าปมเศรษฐกิจ จากผลพวงวิกฤติโควิด-19

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรากฎชื่อเป็นหนึ่งในทีมวอร์รูมรัฐบาลว่า ตนได้ตอบรับเข้าร่วมเป็นทีมงานแล้ว ซึ่งทราบว่าคณะทำงานชุดนี้จะทำหน้าที่สนับสนุนข้อมูลชี้แจงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้าน โดยมีทั้งการเก็งข้อสอบว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายประเด็นใดบ้าง และควรหาข้อมูลมาชี้แจงตอบโต้อย่างไร เพื่อรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายสามารถชี้แจงได้ทันท่วงที

โดยคณะทำงานชุดดังกล่าวจะประชุมหารือและแบ่งหน้าที่ร่วมกันในวันพรุ่งนี้ (1 ก.พ.) เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล โดยคาดว่าตนน่าจะได้รับมอบหมายให้ดูแลสนับสนุนข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้เกิดผลกระทบกับเศรษฐกิจรุนแรง รวมถึงมาตรการที่รัฐบาลออกมาช่วยเหลือประชาชนที่เห็นผลเป็นรูปธรรม

รมว.แรงงาน เผย รัฐบาลเร่งช่วยลูกจ้างแมรีกอท บางปูทุกมิติ ล่าสุด บริษัทฯ โอนเงินชดเชยและช่วยพิเศษรวมกว่า 470 ล้านบาท ให้ครบทุกคนแล้ว

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการการจ่ายเงินค่าชดเชยและเงินช่วยเหลือพิเศษกรณี บริษัท แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกัด ยุติการดำเนินกิจการที่สาขาบางปู และย้ายไปสาขาพระนครศรีอยุธยา รัฐบาลเร่งติดตามช่วยเหลือแรงงานทุกมิติ ล่าสุด บริษัทโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของชื่อลูกจ้างทุกคนเรียบร้อยแล้ว รวมมูลค่ากว่า 470 ล้านบาท

นายสุชาติ ยังกล่าวอีกว่า จากการติดตามการจ่ายเงินค่าชดเชยตามกฎหมาย และเงินช่วยเหลือพิเศษล่าสุดได้รับแจ้งจากนางสาวกรรณิกา ฯ รองหัวหน้าแผนกทรัพยากรมนุษย์ ของบริษัท แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ที่บริษัทได้มอบหมายให้ดำเนินการ ในวันที่ 30 ม.ค.64 ว่าบริษัทได้จ่ายเงินค่าชดเชยตามกฎหมายและเงินช่วยเหลือพิเศษ โดยโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของชื่อลูกจ้างทุกคนเรียบร้อยแล้ว รวมจำนวนเงินทั้งสิ้น 470,628,497 บาท และขณะนี้ลูกจ้างสามารถถอนเงินดังกล่าวได้แล้ว

ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ของนางสาวโสภา เกียรตินิรชา รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน พบว่า นายจ้างยืนยันว่าไม่ได้เลิกจ้างลูกจ้างแต่ขอความร่วมมือให้ลูกจ้างทั้งหมดย้ายไปปฏิบัติงานที่สำนักงานแห่งใหม่ จ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากบริษัทสาขาบางปูได้รับผลกระทบมียอดสั่งซื้อสินค้าลดลง จึงต้องปรับแผนธุรกิจไปยุบรวมกับสำนักงานที่พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีลูกจ้างที่ประสงค์จะย้ายไปทำงานที่ใหม่จำนวน 101 คน

สำหรับลูกจ้างที่ไม่ประสงค์จะย้ายไปจำนวน 1,610 คน บริษัทจะจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย เงินโบนัสประจำปี ค่าจ้างวันหยุดพักผ่อนประจำปี และเงินช่วยเหลือพิเศษนอกเหนือกฎหมาย รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 470 ล้านบาท ในส่วนของกระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสมุทรปราการ จะเข้าไปตรวจสอบเพื่อจ่ายเยียวยาสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน สำนักงานจัดหางานจังหวัดสมุทรปราการเตรียมตำแหน่งงานว่างรอบรับกว่า 1,000 อัตรา

นอกจากนี้ ฝ่ายบุคคลของบริษัทแจ้งว่า มีสถานประกอบการที่ดำเนินกิจการลักษณะเดียวกันแสดงความประสงค์ที่จะรับลูกจ้างของบริษัทแมรีกอทฯ ด้วย เนื่องจากลูกจ้างส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่มีทักษะฝีมือในการผลิตจิวเวลรี่

ขณะที่ลูกจ้างที่ไม่ประสงค์จะย้ายไปทำงานที่ใหม่ กล่าวว่า ทำงานกับบริษัทแห่งนี้มานานหลายปี และมีแผนอยู่แล้วที่จะขอเกษียณที่นี่ ซึ่งเป็นช่วงพอดีที่บริษัทมีแผนย้ายไปประกอบกิจการที่แห่งใหม่ สิ่งที่บริษัทให้มาถือว่าคุ้มค่ามากพอแล้ว เพราะเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและคิดว่าจะนำเงินส่วนนี้ไปใช้ดำเนินชีวิตต่อที่บ้านเกิด และลูกจ้างบางส่วนที่ไม่ประสงค์ย้ายไปที่แห่งใหม่ บริษัทยังได้ฝึกอบรมอาชีพให้เพื่อนำความรู้ไปต่อยอดในการประกอบอาชีพต่อไป

‘บิ๊กตู่’ ยึดหลักการกระจายวัคซีนโควิด-19 อย่างเป็นธรรมให้ทุกกลุ่ม แบ่งฉีดเป็น 3 ระยะ ตามมาตรฐานสากล คาดจะเริ่มฉีดวัคซีนให้ประชาชนคนไทยคนแรกได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ วอนคนไทยตั้งการ์ดสูง ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มอบแนวทางเกี่ยวกับการบริหารวัคซีนโควิด-19 ให้ยึดหลักกระจายวัคซีนอย่างเป็นธรรมและเป็นไปตามมาตรฐานสากล มีคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ บริหารแผนการฉีดวัคซีน

โดยกระทรวงสาธารณสุข จะติดตามประเมินผลการฉีดวัคซีนอย่างใกล้ชิด คาดว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนให้ประชาชนคนไทยคนแรกได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ นอกจากนั้นนายกฯมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการแผนปฏิบัติงานในทุกมิติ ทั้งรายละเอียด การขนย้าย การขนส่งและการจัดเก็บวัคซีนเพื่อรักษาประสิทธิภาพวัคซีน โดยเฉพาะแผนปฏิบัติการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนแต่ละกลุ่ม และเร่งประชาสัมพันธ์ สื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องให้กับประชาชนในพื้นที่

"นายกฯวอนให้คนไทย ตั้งการ์ดสูง และใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง ไม่ไปในสถานที่เสี่ยงและสถานที่แออัด"

นายอนุชา กล่าวว่า "ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือศบค.ได้การรายงานลำดับกลุ่มเป้าหมายการให้วัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ช่วงที่วัคซีนมีปริมาณจำกัด ดำเนินการในพื้นที่ที่มีการระบาด เพื่อลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต รักษาระบบสาธารณสุขของประเทศ จะดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ผู้มีโรคประจำตัว 6 โรคกำหนด คือ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวาน และโรคอ้วน ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด 19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย"

"ระยะที่ 2 ช่วงที่มีวัคซีนเพิ่มขึ้น ขยายพื้นที่ครอบคลุมทั้งประเทศ เพื่อรักษาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ โดยกำหนดฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่นอกเหนือจากด่านหน้า เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสซื้อโควิด 19 ผู้ประกอบอาชีพที่มีโอกาสสัมผัสกับคนจำนวนมาก และผู้เกี่ยวข้องกับการเดินทางระหว่างประเทศ และระยะที่ 3 ช่วงที่วัคซีนมีปริมาณเพียงพอ"

"เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในระดับประชากร จะดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนทั่วไป เพื่อฟื้นฟูให้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้รัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณการวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด 19 ภายในประเทศ โดยกลุ่มที่ก้าวหน้ามากที่สุดมี 3 ชนิด คือ ชนิด mRNA โดยศูนย์วิจัยวัคซีนแห่งจุฬาลงกรณ์ ชนิด Protein subunit (Plant-based) ของบริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และชนิด DNA โดยบริษัทไบโอเนท เอเชีย อยู่ระหว่างการแสวงหาความร่วมมือ หรือพัฒนาศักยภาพการขยายขนาดการผลิต เพื่อผลิตวัคซีนต้นแบบสำหรับทดสอบในอาสาสมัคร"

“ไพบูลย์” เผย กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ พิจารณาเนื้อหาเสร็จแล้ว รอโหวตบางประเด็น 4 ก.พ. นี้ ยันเดินหน้าไม่ถอนญัตติส่งศาลรัฐธรรมนูญ แต่หากเสียงข้างมากเห็นว่าไม่ควรส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตนก็ไม่ติดใจ

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ.... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่) รัฐสภา กล่าวว่า กมธ.ฯ พิจารณาเนื้อหาทั้งฉบับเสร็จแล้ว และในวันที่ 4 ก.พ. จะพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง รวมถึงการลงมติในประเด็นที่รอพิจารณา ได้แก่ มาตรา 256 ว่าด้วยมติของสมาชิกรัฐสภา ในชั้นรับหลักการ ที่มีผู้สงวนความเห็น ใน 3 ประเด็น คือ ใช้เสียง 3 ใน 5 , ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง และใช้เสียง 2 ใน 3

นอกจากนั้นยังมีประเด็นว่าด้วยการส่งทำประชามติ ในมาตรา 256(8) ตามร่างของส.ส.รัฐบาล ที่ระบุให้นำไปทำประชามติ หากเนื้อหาแก้ไขหมวด 1 บททั่วไป หมวด2 พระมหากษัตริย์ หมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรืออำนาจหน้าที่ศาลหรือองค์กรอิสระหรือเรื่องที่ทำให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติหน้าที่หรืออำนาจได้

นายไพบูลย์ กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภา ในวันที่ 9 ก.พ. เพื่อพิจารณาญัตติขอให้รัฐสภามีมติส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 210(2) ของรัฐธรรมนูญ ที่ตนและนายสมชายแสวงการ ส.ว.เป็นผู้เสนอนั้น ว่ายังไม่มีบุคคลใดขอให้ตนถอนญัตติดังกล่าวและเชื่อว่ารัฐสภาจะพิจารณาในรายละเอียดและลงมติตัดสิน

ซึ่งตนไม่ติดใจในผลการลงมติ หากเสียงข้างมากเห็นว่าไม่ควรส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าหากมติรัฐสภาไม่ส่งเรื่องดังกล่าวไปยังศาลรัฐธรรมนูญ จะทำให้ส.ว. ไม่สบายใจ และส่งผลต่อการลงมติในวาระสองและวาระสามได้

"ผมยืนยันว่าญัตติดังกล่าวไม่มีผลกระทบให้รัฐสภายุติการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้การลงมติจะอย่างไร ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของรัฐสภา แต่ผมมองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอำนาจที่รัฐสภาต้องดำเนินการ

และการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบรายมาตราของรัฐสภานั้นจะทำให้เวลาการแก้ไขรัฐธรรมนูญรวดเร็ว ไม่ต้องใช้เวลามากเหมือนกับการให้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)ดำเนินการ เชื่อว่าจะใช้เวลาเกือบ 2 ปี เพราะหลังจากมีส.ส.ร. ต้องทำรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องทำประชามติ และเมื่อรัฐธรรมนูญผ่านแล้วต้องออกกฎหมายลูก ซึ่งรัฐธรรมนูญใหม่ จะไม่ทันใช้ในการเลือกตั้งรอบที่จะมาถึงแน่นอน" นายไพบูลย์ กล่าว

กระทรวงกลาโหม ย้ำการปกครองบังคับบัญชาทางทหาร ต้องยึดแบบธรรมเนียมทหารและหลักกฎหมาย ยืนยันไม่ใช้ความรุนแรงโดยเด็ดขาด

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า กระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญกับการปกครองบังคับบัญชา และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกำลังพลในทุกระดับอย่างต่อเนื่อง โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันท์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ย้ำเป็นนโยบายสำคัญในการประชุมสภากลาโหม กับ หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพ ถึงการปกครองบังคับบัญชาของทุกเหล่าทัพ

ต้องดำรงความยุติธรรม และเป็นไปตามแบบธรรมเนียมทหาร ยึดระเบียบและหลักกฎหมาย บนพื้นฐานของหลักเมตตาธรรม มนุษยธรรมและหลักสิทธิมนุษยชน โดยต้องไม่มีการใช้ความรุนแรงเด็ดขาด ทั้งนี้ให้ผู้บังคับหน่วยทุกระดับถือปฏิบัติและกำกับดูแลตามสายการบังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด และต้องรับผิดชอบหากปล่อยปละละเลย

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีการบาดเจ็บและเสียชีวิตของกำลังพลจากการฝึกและการปกครองบังคับบัญชาที่ผ่านมาในทุกกรณีที่เกิดขึ้นกับหน่วยงานของกองทัพ ได้ตั้งกรรมการสอบสวนจากหน่วยเหนือของทุกเหล่าทัพถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและดำรงความยุติธรรมกับทุกฝ่ายตามระเบียบและหลักกฎหมาย โดยสรุปภาพรวมความเสี่ยงหลักของเหตุเกิดจากทั้งปัญหาของกำลังพลทหาร รวมถึงผู้ฝึกหรือผู้ปกครอง

โดยกำลังพลทหารบางรายมีปัญหาพื้นฐานเดิมส่วนตัวและด้านสุขภาพ ส่งผลต่อพฤติกรรมและความสามารถทางร่างกาย ซึ่งมีมาตรการดูแลเป็นพิเศษในทุกกรณี ในขณะที่ผู้ฝึกและผู้ปกครองบางราย ไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่กำหนด ขาดสำนึกและความรับผิดชอบในการใช้อำนาจหน้าที่ มีการลงโทษไม่เป็นไปตามแบบธรรมเนียมทหารและขัดต่อหลักมนุษยธรรม

ถือเป็นทั้งความผิดทางกฎหมายและความผิดทางวินัยร้ายแรง ซึ่งทุกเหล่าทัพ ได้ลงโทษทางวินัยผู้กระทำผิดในทุกราย หนักเบาตามมูลฐานความผิดจากผลการสอบสวน และหากมีความผิดตามกฎหมาย ต้องได้รับโทษทุกรายไม่มีละเว้น ทั้งนี้ กองทัพไม่ได้ละเลยในการแสดงความเสียใจและเยียวยากับครอบครัวกำลังพลทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ทุพลภาพหรือเสียชีวิตจากเหตุที่เกิดขึ้นในทุกกรณี

เหล่านี้ ถือเป็นบทเรียนของการปกครองบังคับบัญชาทางทหาร ที่ กระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพตระหนักและให้ความสำคัญร่วมกัน โดยไม่ต้องการให้เกิดปัญหาในลักษณะเช่นนี้ขึ้นอีก

ทั้งนี้ได้ศึกษาและร่วมกันกำหนดมาตรการป้องกัน แก้ปัญหาการปกครองบังคับบัญชาในทุกระดับชั้นให้รัดกุมมากขึ้น บนพื้นฐานของการใช้อำนาจหน้าที่อย่างถูกต้องตามแบบธรรมเนียมทหารและหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งได้ร่วมกันกวดขันการฝึกทหารใหม่ รวมทั้งการปกครองบังคับบัญชาระดับหมู่ หมวดและชุดปฏิบัติการใกล้ชิดมากขึ้นควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตกำลังพล

พร้อมกันนี้ได้เปิดช่องทางการร้องเรียนกับกำลังพลทุกระดับตามแบบธรรมเนียมทหารหากไม่ได้รับความเป็นธรรม ขณะเดียวกันได้เปิดศูนย์รับเรื่องราวร้องเรียนร้องทุกข์ของ กระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ ให้ประชาชน หรือครอบครัวกำลังพลที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเข้าร้องเรียน เพื่อดำรงความยุติธรรมและความโปร่งใสขององค์กร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top