Monday, 23 June 2025
TheStatesTimes

ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าร่วมหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และทีมเศรษฐกิจว่า ได้เสนอต่อที่ประชุมให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ได้รับเงินเยียวยาเช่นเดียวกับโครงการเราชนะ

โดยลดเงื่อนไขเกณฑ์อัตราเงินเดือนไม่เกิน 25,000 บาททิ้ง ให้เหลือเพียงเงื่อนไขผู้ที่มีเงินฝากเกิน 500,000 บาท จะไม่ได้รับการเยียวยา โดยหลังจากนี้ตนจะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอีกครั้งที่กระทรวงการคลังในวันเดียวกันนี้ ด้วยวิธีการใช้ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังค์

ดังนั้น จึงคาดว่าจะมีผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ได้รับสิทธิ์เกือบทั้งหมด และคิดว่าอย่างเร็วสุด จะสามารถนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุม ครม. สัปดาห์หน้า หรืออย่างช้าไม่เกินสัปดาห์ต่อไป ส่วนจะเป็นวงเงินที่ได้รับเยียวยาเท่าไรนั้น จะมีการพิจารณากันอีกครั้ง

เจ้ากระทรวงศึกษาฯ นั่งหัวโต๊ะ บัญชาการประชุมบอร์ดชาติ กศน. แนะ ต่อจากนี้ ‘กศน.’ ต้องจัดการศึกษาให้เซ็กซี่ ทิ้งภาพเก่า เรียนแค่เอาวุฒิฯ สู่การเรียนรู้ เพื่อสร้างอาชีพ-รายได้จริง

นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริม สนับสนุน และประสานงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ครั้งที่ 1/2564 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ

อนึ่งในการประชุมฯ ครั้งนี้มีผูบริหารระดับสูง อาทิ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะรัฐมนตรีที่กำกับดูแลขับเคลื่อนงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ร่วมประชุมด้วย พร้อมทั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และคณะกรรมการโดยตำแหน่งเข้าร่วมประชุม และมีนายวรัท พฤกษาทวีกุล เลขาธิการ กศน.เป็นกรรมการและเลขานุการ รายงานผลการดำเนินงานของสำนักงาน กศน. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 และชี้แจงโครงสร้างสำนักงาน กศน.รวมถึงโครงการสำคัญตามพระราชบัญญัติรายจ่ายงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2564

ทั้งนี้ คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ประกอบด้วย คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ นายกล้า สมตระกูล นางวัชรี ปรัชญานุสรณ์ นางสาวพรทิพย์ อึ้งสมรรถโกษา และนายวัชรินทร์ จำปี ด้านผู้แทนภาคเอกชน มีพระครูบูรพาธรรมบัณฑิต ตลอดจนสื่อมวลชนทุกแขนงเข้าร่วม

เจ้ากระทรวงศึกษาฯ กล่าวว่าตอนหนึ่งว่า กศน. ต้องจัดการศึกษาให้ ‘เซ็กซี่’ ต้องน่ามอง น่าเรียนรู้และน่าค้นหา เน้นการขับเคลื่อนการศึกษาตลอดชีวิตเชื่อมต่อศักยภาพคนไทย ภาพในอดีตของ กศน. คือการเรียนเพื่อวุฒิการศึกษา หรือเรียนเพื่อการเทียบวุฒิ ซึ่งก้าวต่อไปของ กศน. ควรจัดการศึกษาด้านวิชาชีพ เพื่อเน้นสร้างงาน สร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น รวมทั้งสอนการค้าออนไลน์เพื่อเพิ่มศักยภาพ และความมั่นคงในการดำรงชีวิตให้แก่ประชาชน

ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ กล่าวว่า จุดเน้นในการจัดการศึกษา กศน. ใน ปีงบประมาณ 2564 ได้วางแผนและเตรียมการ จัดการศึกษาด้านอาชีพไว้แล้ว โดยให้ กศน. ทุกแห่งจัดการศึกษาด้านอาชีพตามบริบทของท้องถิ่นและสำรวจความต้องของประชาชนว่า มีความสนใจ และต้องการเรียนอาชีพอะไร พร้อมเดินหน้าเต็มสูบในการเปิดตลาดการค้าออนไลน์ ของ กศน.ทั่วประเทศ

จากการประชุมครั้งนี้ ทางเจ้ากระทรวงฯ ได้มอบหมายให้คณะทำงานชุดย่อยรับหัวข้อต่างๆ ไปดำเนินการ แล้วนำเสนอกลับมาเร็วที่สุดภายใน 1 เดือน ส่วนบางประเด็นต้องใช้เวลามากประมาณ 2 เดือน โดยหวังว่าจะช่วยให้แนวทางการขับเคลื่อน กศน.มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ในด้านของงบประมาณที่เตรียมไว้ แบ่งเป็น 2 ส่วน ทั้งของผู้สูงวัยและวัยรุ่นหรือวัยทำงาน เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับการเปลี่ยนอาชีพ ส่วนเรื่องของการปรับหลักสูตรให้ทันสมัยนั้น คณะอนุกรรมการที่ดูแลเรื่องนี้ได้เสนอว่าหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดิจิทัล หรือเรื่องทักษะภาษา จะต้องเชื่อมโยงสอดคล้องกับการศึกษาขัเนพื้นฐานและอาชีวศึกษาด้วย

ส่วนกรณีที่มีการกล่าวถึงการแยกตัวของ กศน. นั้น เจ้ากระทรวงศึกษา กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นในการแยกกรมออกมา ในทางกลับกันต้องการให้หน่วยงานมารวมกันเพื่อความกระชับในการทำงาน และเดินไปในทิศทางเดียวกัน ถึงแม้ว่างบประมาณจะแยกออกมา แต่ก็ยังอยู่ภายใต้ ศธ. ดังนั้นหากสามารถทำให้เกิดประสิทธิภาพผ่านกระบวนการพัฒนาโรงเรียนคุณภาพประจำชุมชน จะทำให้มีโรงเรียนเครือข่ายที่ปรับตัวเป็นศูนย์การเรียนรู้ ซึ่งเป็นการใช้งบประมาณและทรัพยากรอย่างคุ้มค่ามากขึ้น

‘ผบ.ทบ.’ ลงเยี่ยมให้กำลังใจทหารที่บาดเจ็บ ชี้!! กองทัพบกไม่ทอดทิ้งกำลังพล ‘บาดเจ็บ – เสียชีวิต’ พร้อมวอนคนไทย ร่วมระลึกวีรกรรมทหารกล้าใน ‘วันทหารผ่านศึก’

พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ในโอกาสวันทหารผ่านศึก ตั้งใจที่จะมาให้กำลังใจกับผู้ได้รับบาดเจ็บในระหว่างพักรักษาตนเอง พร้อมชื่นชมในความเสียสละ ทุ่มเท ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ เพื่อแสดงให้เห็นว่ากองทัพบกมีความห่วงใยไม่ทอดทิ้งกำลังพลไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่หรือผู้ที่เสียชีวิตรวมถึงญาติของผู้ที่เสียชีวิต ที่ทบ.ได้ให้การดูแลอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดคือกรณีของ ยายบวน โล่ห์สุวรรณ มารดาของกำลังพลที่เสียชีวิต ทางมณฑลทหารบกที่ 21 (มทบ.21) เข้าไปช่วยเหลือและวันนี้ ส่วนกรณีนายเอี้ยง นาคสิงห์ อดีตทหารผ่านศึก กองทัพภาคที่ 3 จะไปช่วยเหลือเรื่องที่พักอาศัย ซึ่งก็เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่ให้หน่วยทหารในทุกพื้นที่เข้าไปดูแลกำลังพลหรือทหารผ่านศึกที่ได้รับบาดเจ็บ อย่างต่อเนื่อง

จากนั้น ผบ.ทบ.เข้าเยี่ยมกำลังพลที่บาดเจ็บจากเหตุการสู้รบในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) 4 รายคือ ส.อ.วัชรา ไชยแก้ว ถูกยิงที่ใบหน้าด้ายซ้ายกระดูกใบหน้าแตก ได้รับการผ่าตัดแล้ว, ส.ท.อนุชา ดาลาด ถูกยิงบริเวณกระดูกต้นคอทับเส้นประสาทไม่สามารถขยับร่างกายได้, ส.ท.สุพจน์ เจริญสุข บาดเจ็บจากการถูกสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะไม่รู้สึกตัว อยู่ระหว่างการบำบัดฟื้นฟู, จ.ส.อ.ชัยวัตน์ จันทร์เอ้ย กระดูกสันหลังทับเส้นประสาทขาอ่อนแรงอยู่ระหว่างกายภาพบำบัด โดยอาการบาดเจ็บที่เป็นอยู่ ทางทีมแพทย์จะให้การรักษาพยาบาลให้ทุเลาหรือสามารถกลับมาเป็นปกติและดูแลอย่างเต็มที่ ซึ่งในระหว่างพักรักษาอาการในโรงพยาบาลได้รับเงิน ช่วยเหลือบำรุงขวัญเป็นรายเดือน และผู้บังคับบัญชาหมุนเวียนกันเข้าเยี่ยมเยียนรวมถึงสมาคมแม่บ้านทหารบก โดยหากแพทย์ลงความเห็นว่าเป็นทหารผ่านศึกที่ปลดพิการ นอกเหนือจากจะได้รับสิทธิเงินช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการและจากมูลนิธิต่างๆ แล้วยังจะได้รับการบรรจุทายาททดแทนเข้ารับราชการอีกด้วย

การเข้าเยี่ยมทหารบาดเจ็บเนื่องในโอกาส ‘วันทหารผ่านศึก’ ในวันนี้เป็นไปตามนโยบายของทบ.ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลทหารผ่านศึก ที่ถือว่าเป็นผู้ที่เสียสละประโยชน์สุขส่วนตนปฏิบัติหน้าที่เพื่อส่วนรวมและประเทศชาติจนได้รับบาดเจ็บ พิการหรือเสียชีวิต จึงนับเป็นวาระสำคัญที่คนไทยจะได้ร่วมกันระลึกวีรกรรมของทหารกล้าจากทุกสมรภูมิรบและร่วมกันเชิดชูเกียรติทหารผ่านศึกในคุณความดีที่ยอมสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องแผ่นดินไทยไว้ให้เราได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขมาจนทุกวันนี้

ม.อุบลฯ ลงพื้นที่ ‘โคกหนองนา’ เป็นพี่เลี้ยงนำองค์ความรู้ สู่เด็กนักเรียนในพื้นที่

มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โดยนายพรนเรศ มูลเมืองแสน หัวหน้าสำนักงานพัฒนาคุณภาพการศึกษา พร้อมบุคลากร ลงพื้นที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้โคกหนองนา ณ โรงเรียนศรีแสงธรรม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ภายใต้โครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการพัฒนาท้องถิ่นโดยมีสถาบันอุดมศึกษาเป็นพี่เลี้ยง

โดยกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง โดยในช่วงเช้า ได้จัดให้มีการเรียนรู้และฝึกปฏิบัติการลงแขกปลูกทานตะวัน ดาวกระจายและมันม่วง โดยมีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีเป็นพี่เลี้ยง ในการสอน ทั้งการปลูกพันธุ์ไม้ และการดูแลรักษาพันธุ์ไม้ อีกทั้งกิจกรรมการในช่วงบ่าย จัดให้มีการเรียนรู้ทฤษฎีและการปฏิบัติในการเพาะเมล็ดพันธุ์ดอกทานตะวัน ดาวกระจาย และถั่วลิสง พร้อมนี้นักเรียนจะได้สามารถลงมือปฏิบัติจริงและเรียนรู้ ฝึกทักษะวิธีการเพาะปลูกจริงอีกด้วย เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา

โดยทาง มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีได้สนับสนุนพันธุ์ไม้ และบุคลากรในการเป็นวิทยากร ให้ความรู้ในการเพาะปลูกและการขยายพันธุ์ไม้ต่าง ๆ และได้ลงพื้นที่จัดกิจกรรมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนักเรียนและครูที่เข้าร่วมกิจกรรมจะได้เรียนรู้โดยตรงกับผู้เชี่ยวชาญจากทางมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ทางมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้นำองค์ความรู้ถ่ายทอดได้จริงสำหรับด้านการเกษตร เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ชุมชนและสังคม ซึ่งมหาวิทยาลัยดำเนินการตามพันธกิจมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายที่สำคัญคือการเป็น “มหาวิทยาลัยในดวงใจของชุมชน” และสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่จะเป็น “มหาวิทยาลัยชั้นนำในอาเซียนที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและนวัตกรรม”


กิตติภณ เรืองแสน / ข่าว

ครม. ไฟเขียว ลดค่าธรรมเนียมส่งออกหรือนำผ่านราชอาณาจักร สัตว์หรือซากสัตว์ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน พร้อมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. เห็นชอบปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตการนำเข้า ส่งออกหรือนำเข้าราชอาณาจักร ซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ มีสาระสำคัญ คือ

1. ลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนำสัตว์ ประเภทแพะ แกะ เข้ามาในราชอาณาจักร เหลือตัวละ 25 บาท จากเดิมตัวละ 250 บาท

2. ลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนำสัตว์ ประเภทแพะ แกะ ออกนอกราชอาณาจักร เหลือตัวละ 20 บาท จากเดิมตัวละ 200 บาท

3. ลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนำซากสัตว์ เพื่อการบริโภคของคนหรือสัตว์ ออกนอกราชอาณาจักร ประเภทจิ้งหรีด เหลือกิโลกรัมละ 3 บาท จากเดิมกิโลกรัมละ 5 บาท

4. ลดค่าที่พักซากสัตว์ที่นำเข้าหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ประเภทจิ้งหรีด เหลือกิโลกรัมละ 2 บาท จากเดิมกิโลกรัมละ 5 บาท

5. ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนำสัตว์ ประเภทม้า โค กระบือ แพะ แกะ ที่นำออกนอกราชอาณาจักร โดยผ่านด่านศุลกากรบูเก๊ะตา

6. ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนำสัตว์ผ่านราชอาณาจักรทางอากาศยานประเภทสุนัข แมว ไก่ เป็ด ห่าน สัตว์ปีกชนิดอื่น หรือไข่สำหรับใช้ทำพันธุ์ เฉพาะกรณีที่สัตว์นั้นยังอยู่ในเขตปลอดอากร จนกระทั่งมีการเปลี่ยนถ่ายอากาศยานแล้วขนส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ภายในระยะเวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมง และ

7. ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนำซากสัตว์ผ่านราชอาณาจักรทางอากาศยาน กรณีไม่มีการเปิดตรวจตู้สินค้าหรือแบ่งถ่ายโอนสินค้า และยังอยู่ในเขตปลอดอากร จนกระทั่งมีการเปลี่ยนถ่ายอากาศยานแล้วขนส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ภายในระยะเวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมง

‘ทักษิณ - มินอ่องหล่าย’ รู้จักกันเป็นอย่างดี!! เปิดปมสัมพันธ์ (ไม่) ลับ ที่จับแต่ผลประโยชน์ทางธุรกิจล้วนๆ

เปิดสัมพันธ์ ‘ทักษิณ’ นักโทษหนีคดี กับ ‘มิน อ่อง หล่าย’ ผู้ทำรัฐประหารเมียนมา พบลึกซึ้งตั้งแต่ยุค ‘ยิ่งลักษณ์’ เป็นนายกฯ สนิทถึงขั้นเรียก ‘ไอ้’ ได้ในคลิปถั่งเช่าฉาว และสามารถบุกไปดูโครงการท่าเรือทวาย พักบ้านหรูเชิงเขามัณฑะเลย์ ก่อนจะยกที่ดินใจกลางเมืองย่างกุ้งให้ แถมสุดท้ายได้บ่อน้ำมันสมใจ หลังเคยปล่อยเงินกู้ 4 พันล้าน ดอกเบี้ยต่ำกว่าต้นทุน ในยุคตัวเองเป็นผู้นำ จนถูกตัดสิน 3 ปี และหนีคดี

หลังเกิดเหตุรัฐประหาร ยึดอำนาจในประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา นำโดย ‘พล.อ.มิน อ่อง หล่าย’ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา ที่อยู่ในอำนาจ มานานถึง 10 ปี ด้วยวัย 64 ปี เข้าทำการยึดอำนาจจากนางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมา และประธานาธิบดีวิน มินต์ พร้อมกับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปี เพื่อจัดระเบียบต่างๆ ก่อนจะให้มีการเลือกตั้งใหม่นั้น ชื่อของ ‘พล.อ.มิน อ่อง หล่าย’ ก็โดดเด้งขึ้นมาในสายตาของใครหลายๆ คน

สำหรับ ‘พล.อ.มิน อ่อง หล่าย’ นั้นปรากฎพบชัดว่ามีความสนิทชิดเชื้อกับประเทศไทยในหลายมิติ โดย เพจ ‘Wassana Nanuam’ ของน.ส.วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวอาวุโสสายทหาร ระบุว่า พล.อ.มิน อ่อง หล่าย มาเยือนไทยหลายครั้ง อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อมาประชุม GBC คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-เมียนมา ในฐานะแขกของผบ.ทหารสูงสุดของไทย และก่อนหน้านี้ เมื่อมาไทย ก็มักจะไปพบกับพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ โดยมีความสนิทสนมกันมากถึงกับ ขอเป็นลูกบุญธรรมพล.อ.เปรม เพราะรู้สึกว่า เหมือนพ่อของตนเอง เนื่องจากพล.อ.เปรมอายุห่างจากพ่อของพล.อ.มิน อ่อง หล่าย เพียง 1 ปี กระทั่งพล.อ.เปรม ถึงแก่กรรม พล.อ.มิ่น อ่อง หล่าย ก็ยังเดินทางมาเคารพศพ ที่วัดเบญจมบพิตร และไปลงนาม ที่วังสราญรมย์ด้วย

อย่างไรก็ตาม ในโลกออนไลน์ กลับมีเรื่องที่น่าสนใจหนึ่ง โดยมีการขุดคุ้ยความสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา และหัวหน้าคณะรัฐประหาร กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้หนีคดีของไทย โดยนำ ‘คลิปถั่งเช่า’ ในอดีตที่โด่งดัง เมื่อปี 2556 ในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ มาถอดความ ซึ่งในนั้นมีเสียงสนทนาของชายที่เสียงคล้ายพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม (ในขณะนั้น) กับนายทักษิณ ชินวัตร

ช่วงหนึ่งในคลิปถั่งเช่านี้ มีการพูดถึงคนชื่อ ‘มิน อ่อง หล่าย’ ว่า “…เรื่องของพม่า ผมบอกกับนายกฯ ไปแล้วนะครับบอกว่าใช้ ‘ผบ.สูงสุด’ ให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุดเลย เพราะ “ไอ้มิน อ่อง หล่าย” ซึ่งเป็น ผบ.สูงสุด ของพม่า มันเป็นมือหนึ่งของท่านประธานาธิบดีเต็งเส่งเลย แล้ว ‘เต็งเส่ง’ ให้ความเกรงใจมากที่สุด และทีนี้ ‘ไอ้ผบ.สูงสุด’ เขากับ ‘ผบ.สูงสุดไทย’ นี่ มันมาเป็นเคาน์เตอร์พาร์ตกัน ผลัดกันกินข้าวคนละเดือน คนละเดือน เพราะฉะนั้นถ้าจะบีบอะไรเรื่อง ‘ทวาย’ นายกฯ เรียกผบ.สูงสุดมาใช้ได้อีกงานหนึ่ง เป็นงานต่างประเทศ

ชายที่เสียงคล้ายนายทักษิณ กล่าวตอบหลายประโยคที่สะท้อนถึงความแนบแน่นว่า “ผมก็ไปสงกรานต์กับมัน กับ ไอ้เนี่ย ผบ.สูงสุด!! … พวกผมทั้งนั้นแหละ มันยกที่ให้ผมแปลงนึง ใจกลางเมืองย่างกุ้ง

ชายที่เสียงคล้ายพล.อ.ศศิประภา ตอบว่า “ไอ้นี่ต้องเอาไว้นะครับ ถ้าได้ พม่านี่เสร็จเราหมดเลย ต้องเอาให้ได้ … ไอ้มิน อ่อง หล่าย และไอ้รัฐมนตรีกีฬากับโฮเต็ลอีกคนหนึ่ง ไอ้นี่ก็มหาศาลเหมือนกันนะ ผมจะเรียกให้มาพบท่าน มันสร้างทำเนียบรัฐบาลให้ประธานาธิบดี มันสร้างรัฐสภาให้ ขณะนี้มันกำลังสร้าง Sport Complex ให้ มันรวยมหาศาลเลย เจ้าของบ่อหยก

อีกด้านหนึ่ง เพจ Dr.X ได้แฉถึงสายสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.มิน อ่อง หล่าย กับ นายทักษิณ ชินวัตร โดยอธิบายว่า…”ย้อนดูข่าวช่วงปี 2556 พบว่า นายทักษิณเดินทางเข้าพม่า 2 ครั้ง ครั้งแรก…เดือนมีนาคม 2556 และ ช่วงสงกรานต์ปี 2556 โดยในเดือนมีนาคม 2556 สำนักข่าวประเทศพม่า Eleven media group รายงานว่า นายทักษิณเดินทางไปที่เมืองทวายเพื่อเข้าดูท่าเรือของโครงการทวาย ขณะที่ในช่วงสงกรานต์ ปี 2556 นายทักษิณก็เดินทางไปยังเมืองเมย์เมียว โดยพบกับ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของพม่า ที่บ้านพักหรูเชิงเขาในเขตมัณฑะเลย์ และปี 2557 ก่อนการรัฐประหารในไทย นายทักษิณก็ปรากฏตัวที่เมียนมาอีกครั้ง ข่าวว่าไปทำบุญแก้กรรม โดยเข้าพักที่ชั้น 10 โรงแรมชาเทรียม ในย่างกุ้ง แล้วแกนนำพรรคเพื่อไทย, รัฐมนตรีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และข้าราชการระดับสูง แห่ไปพบกันเพียบ”

ทั้งนี้หากจับปรากฏการณ์ดังกล่าวจะพบว่า สายสัมพันธ์ของทั้ง พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้หนีคดีของไทยนั้น พบว่า หลังเดือนมีนาคม 2556 ที่นายทักษิณเดินทางไปดูโครงการท่าเรือทวาย และช่วงสงกรานต์ 2556 ที่มีการเจรจาลับกันที่บ้านพักหรู เชิงเขาในเขตมัณฑะเลย์นั้น จากปากคำของนายทักษิณ ยอมรับเองว่า มีการยกที่ดินใจกลางเมืองย่างกุ้งให้ตนเอง ขณะเดียวกันมีการวิจารณ์กันด้วยว่า หลังเหตุการณ์ดังกล่าว คาดว่านายทักษิณจะมีบ่อน้ำมันในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย สมความตั้งใจที่ต้องการได้สิทธิมานาน

สำหรับโครงการลงทุนในทวายนั้น ตั้งอยู่ทางตอนใต้ประเทศเมียนมาร์ และอยู่ทางตะวันตกจากกรุงเทพฯ โดยมีระยะทางประมาณ 350 กิโลเมตร รัฐบาลสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาได้ให้สิทธิในการพัฒนาพื้นที่ของโครงการทวายแก่บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งแบ่งเป็น 6 เขตอุตสาหกรรม ได้แก่ เขตที่อยู่อาศัย เขตการค้าและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องภายในนิคมอุตสาหกรรม ถนนและทางรถไฟเชื่อมโยงไปสู่ประเทศไทย รวมไปถึง น้ำมันและท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากอ่าวมะตะบันไปยังชายแดนไทย-สหภาพเมียนมา

ท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย ตั้งอยู่ห่างจากจังหวัดทวายประมาณ 28 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ในตอนเหนือของอ่าวเมืองมะกัน มีการลงทุนสร้างท่าเรือน้ำลึก นิคมอุตสาหกรรม ปิโตรเคมี ถนนเชื่อมโยงจากทวายไปยังประเทศไทย และด้วยการสนับสนุนของรัฐบาลสหภาพเมียนมาร์ในการเชื่อมโยงทางรถไฟจากทวาย ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ มูเซ เชื่อมต่อไปยังทางรถไฟจีนที่คุนหมิง ทำให้โครงการนี้ได้รับการเสนอให้เป็นจุดศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญของภูมิภาค

ทั้งนี้จะเห็นว่า นายทักษิณพยายามสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับเมียนมามาโดยตลอด โดยเมื่อครั้งตัวเขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีการสั่งการให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank) อนุมัติเงินกู้สินเชื่อจำนวน 4,000 ล้านบาท แก่รัฐบาลสหภาพพม่า โดยมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าต้นทุน เพื่อนำเงินกู้ดังกล่าวไปใช้ในการซื้อสินค้าและบริการของบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) อันเป็นการเอื้อประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น ซึ่งในเวลาต่อมา นายทักษิณถูกศาลตัดสินพิพากษา เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2562 ว่า มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 (เดิม) ให้จำคุก 3 ปี

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (‘OR’) ประกาศราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 18 บาทต่อหุ้น และจัดสรรหุ้นเพิ่มเติมให้ผู้จองซื้อรายย่อย ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของหุ้น OR อย่างทั่วถึง

โดยการจองซื้อหุ้นในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากผู้จองซื้อรายย่อยในประเทศ และนักลงทุนสถาบันชั้นนำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของการขายหุ้น IPO ของบริษัทไทย และมูลค่าเสนอขายหุ้น OR ในครั้งนี้ นับเป็นหุ้น IPO ที่มีมูลค่าสูงเป็นลำดับต้นๆ ของตลาดหุ้นไทย และคาดว่าจะได้รับการจัดเข้าไปรวมอยู่ในดัชนี SET50 และ SET100 ด้วยเกณฑ์ Fast-track ภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ โออาร์ เปิดเผยว่า การจองซื้อหุ้นสำหรับผู้จองซื้อในประเทศครั้งนี้ โออาร์ เปิดให้มีระยะเวลานานเกือบ 10 วัน เพื่อให้นักลงทุนที่สนใจได้มีโอกาสเข้ามาจองซื้ออย่างเต็มที่ โดยภายหลังการปิดจองซื้อ พบว่ามีผู้จองซื้อรายย่อยแสดงความสนใจลงทุนเป็นจำนวนมาก มีจำนวนรายการที่จองซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายหุ้น 3 ธนาคาร ทั้งช่องทางการจองซื้อที่สาขาและช่องทางออนไลน์รวมกว่า 530,000 รายการ นับว่าเป็นการทำรายการจองซื้อหุ้นที่สูงที่สุด

ทั้งนี้ การจัดสรรหุ้นสำหรับผู้จองซื้อรายย่อยนั้น จะดำเนินการโดยใช้วิธี Small Lot First ซึ่งเป็นวิธีจัดสรรหุ้นให้แก่นักลงทุนทุกคนที่ต้องการอย่างทั่วถึงที่สุด โดยในรอบแรกจัดสรรที่กำหนดจองซื้อขั้นต่ำ ซึ่งทุกคนจะได้หุ้นตามจำนวนขั้นต่ำ 300 หุ้น และในรอบถัดๆไป ผู้จองซื้อทุกคนได้รับการจัดสรรเพิ่มครั้งละ 100 หุ้นจนหุ้นหมด ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ของ บริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม จำกัด (บริษัทย่อยของตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทย) ซึ่งมีความโปร่งใส น่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบได้

“การจัดสรรวิธีดังกล่าว ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้จองซื้อรายย่อยทุกรายที่สนใจจองซื้อ และปฏิบัติตามเงื่อนไขการจองซื้อจะมีโอกาสเป็นเจ้าของหุ้น OR อย่างแน่นอน โออาร์ ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจเข้าจองหุ้น และเป็นส่วนสำคัญในการร่วมสร้างประวัติศาสตร์การ IPO ด้วยกันในครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นแรงสนับสนุนที่สำคัญที่จะทำให้ โออาร์ เติบโตร่วมกับสังคมไทยได้อย่างยั่งยืน” นางสาวจิราพรกล่าว

สำหรับผู้จองซื้อรายย่อยที่จองผ่านธนาคารตัวแทนจำหน่ายหุ้นทั้ง 3 ธนาคาร สามารถตรวจสอบผลการจัดสรรหุ้น ได้ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไปที่ www.settrade.com

ส่วนผู้ถือหุ้นของ ‘PTT’ เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้น OR ในครั้งนี้ สามารถตรวจสอบผลการจัดสรรหุ้น ได้ตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป ที่ www.kasikornbank.com/kmyinvest

ส่วนผู้จองซื้อที่ไม่ได้รับการจัดสรรหุ้นเต็มตามจำนวนที่จองซื้อ จะได้รับการคืนเงินในส่วนที่ไม่ได้รับการจัดสรรภายใน 7-10 วันทำการ ตามวิธีการที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน จะเริ่มทำการคืนเงินในส่วนที่ไม่ได้รับการจัดสรรนับแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 และคาดว่า โออาร์ จะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเร็วๆ นี้

4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ย้อนที่มา ‘ม็อบกู้ชาติ’ ของ สนธิ ลิ้มทองกุล สู่ ‘พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย’ การรวมมวลชนครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

เอ่ยคำว่า "ม็อบ" อาจเป็นคำหนึ่งที่อยู่คู่กับเมืองไทยมากว่า 15 ปีให้หลังมานี้ แต่หากจะย้อนเวลาไปหา "จุดแรกเริ่ม" ของม็อบในช่วงตลอด 15 ปีที่ผ่านมา มันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 หรือวันนี้เมื่อ 15 ปีก่อนนี่เอง

สนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าของสื่อในเครือผู้จัดการ คือผู้นำมวลชนเมื่อ 15 ปีก่อน ให้ออกมารวมตัวกันเรียกร้อง "กดดันให้ ทักษิณ ชินวัตร" ในฐานะนายกรัฐมนตรีในตอนนั้น ลาออก!

สืบย้อนกลับไป สนธิ ลิ้มทองกุล ดำเนินรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" ที่ช่อง 9 อสมท. โดยวิพากษ์วิจารณ์ และแสดงความไม่ชอบมาพากลในการบริหารประเทศของ ทักษิณ ชินวัตร มาตลอด กระทั่งรายการถูกถอดออกจากผังของสถานี แต่เมืองไทยรายสัปดาห์ยังเดินหน้าต่อในรูปแบบของการสัญจรจัดรายการไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งกลายเป็นว่า มีผู้คนติดตามมากขึ้นเรื่อย ๆ

สถานการณ์เดินทางมาจนถึงเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 เมื่อนายสนธิประกาศนัดชุมนุมใหญ่ที่ใช้ชื่อว่า "กู้ชาติ" เพื่อกดดันทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี โดยชนวนสำคัญมาจากการขายหุ้น 49.6% ของทักษิณในบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้กับบริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ ของทางการสิงคโปร์ ในราคา 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีความไม่โปร่งใส และเข้าข่ายหลีกเลี่ยงภาษี!

ในเวลาต่อมา จากกลุ่มกู้ชาติ ก็ได้กลายเป็นการจัดตั้ง "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" หรือที่ผู้คนเรียกติดปากว่า "ม็อบเสื้อเหลือง" ซึ่งการต่อสู้ของกลุ่มพันธมิตรฯ ในช่วงแรกสิ้นสุดลง ภายหลัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ทำการรัฐประหารล้มรัฐบาลทักษิณในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 แต่เมื่อพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2551 สนธิและแกนนำพันธมิตรฯ ก็ได้กลับมาชุมนุมอีกครั้ง

การชุมนุมของพันธมิตรฯ และสนธิ จบลงเมื่อ "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชนและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี ถือเป็นอันยุติ "ม็อบเสื้อเหลือง" ที่ยืดเยื้อมากว่า 3 ปีลง


ที่มา: https://www.posttoday.com/politic/analysis/452915

 https://th.wikipedia.org

แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งธุรกิจ อี-คอมเมิร์ชยักษ์ใหญ่ อาลีบาบา และเคยได้ชื่อว่าเป็นอภิมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของจีน ถูกถอดชื่ออกจากทำเนียบรายชื่อผู้ประกอบการชั้นนำของจีน ที่ตีพิมพ์ใน Shanghai Securities News ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลที่ทรงอิทธิพลอย่างมากในแวดวงนักธุรกิ

นอกจากจะไม่ปรากฏชื่อของ หม่า หยุน หรือ แจ็ค หม่า แล้ว ยังไม่ลงตัวเลขรายได้ของเครือบริษัทอาลีบาบา อีกด้วย ทั้งๆที่ยังปรากฏชื่อผู้ประกอบการรายใหญ่แถวหน้าของจีนยังอยู่ครบ ไม่ว่าจะเป็นโทนี่ หม่า ผู้ก่อตั้งบริษัท Tencent คู่แข่งของแจ็ค หม่า เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้ง Huawei หรือ เหลย จุน ผู้ก่อตั้ง Xiaomi

ทางสำนักข่าว Shanghai Securities News ลงความเห็นไว้ว่า ผู้ประกอบการบางคนที่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็น ฮีโร่ ที่กล้าเดินออกจากกรอบระบบเศรษฐกิจเก่าๆ แต่วันนี้เขาก็ยังคงต้องเป็นผู้นำในองค์กร ที่ต้องปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด

ซึ่งก็อาจเป็นการส่งสัญญาณให้กับแจ็ค หม่า ที่ตอนนี้ไม่ใช่ลูกรักของรัฐบาลจีนอีกต่อไป และกับผู้ประกอบการบริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าอื่นของจีน อย่าง Tencent หรือ Pinduoduo ที่กำลังจะดำเนินตามรอยแจ็ค หม่า ขึ้นท้าทายระบบเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมโลกการเงิน ที่รัฐบาลจีนยังถืออำนาจควบคุมอยู่

ทางฝ่าย อาลีบาบา ก็ไม่ได้ออกมาให้ความเห็นว่าทำไมถึงไม่มีข้อมูลบริษัท และชื่อของ แจ็ค หม่า ตีพิมพ์ในสื่อของรัฐบาลเหมือนอย่างเคย แม้ว่าจะได้ส่งรายงานตัวเลขรายได้ของบริษัทไปให้แล้วก็ตาม

และก็ยังคงไม่อาจคาดเดาได้ถึงอนาคตของแจ็ค หม่า ซึ่งยังคงเก็บตัวเงียบ และ อาลีบาบา ที่กำลังโดน รัฐบาลจีนสั่งตรวจสอบทั้งเครือว่าเข้าข่ายผิด กฏหมายต่อต้านการผูกขาดตลาดหรือไม่

แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายคาดการณ์ว่ารัฐบาลจีนมีแผนที่จะหั่นซอย อาลิบาบา ออกมาเป็นบริษัทเล็กๆ ที่จะมีอำนาจในการกำหนดทิศทางตลาดในจีนน้อยลง และก็อาจสร้างปรากฏการณ์ อาลีบาบา เอฟเฟค ที่กระทบไปยังอีกหลายเครือบริษัทยักษ์ใหญ่ในจีนได้ในอนาคตเช่นกัน


อ้างอิง

https://www.reuters.com/article/us-china-alibaba-jack-ma-idUSKBN2A20E1

https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-02-02/china-state-media-celebrate-top-entrepreneurs-except-jack-ma

https://www.straitstimes.com/asia/east-asia/jack-ma-omitted-from-china-state-medias-top-entrepreneurs-list


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top