ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ในวันจันทร์ ขู่คว่ำบาตรพม่ารอบใหม่ หลังกองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจและจับกุมเหล่าผู้นำรัฐบาลพลเรือน ในนั้นรวมถึงนางอองซานซูจี เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ

ไบเดน กล่าวโจมตีกองทัพพม่าต่อการทำรัฐประหาร เรียกมันว่าเป็นการจู่โจมโดยตรงต่อกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย และหลักนิติรัฐของประเทศ หลังจากก่อนหน้านี้เหตุรัฐประหารในเมียนมาเรียกเสียงประณามดังกึกก้องในระดับสากล

“สหรัฐฯ ปลดมาตรการคว่ำบาตรพม่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา บนพื้นฐานของความคืบหน้าสู่ประชาธิปไตย” ไบเดนระบุในถ้อยแถลง “การก้าวถอยหลังของกระบวนการดังกล่าวทำให้เป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องทบทวนกฎหมายและอำนาจคว่ำบาตรของเราในทันที ตามด้วยการดำเนินการอย่างเหมาะสม สหรัฐฯ จะยืนหยัดเพื่อประชาธิปไตย เมื่อว่าที่ไหนก็ตามที่มันถูกโจมตี”

ขณะเดียวกัน ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภสหรัฐฯ เปิดเผยในวันจันทร์ (1 ก.พ.) ว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดน เตรียมให้ข้อมูลสรุปแก่สภาคองเกรส ตามหลังข่าวคราวอันปั่นป่วนอย่างมากเกี่ยวกับเหตุรัฐประหารในพม่า และบอกว่าสภาคองเกรสพร้อมทำงานกับรัฐบาลในการคลี่คลายสถานการณ์

“ผมหวังว่าเราสามารถทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ในแบบร่วมมือกันทั้งสองพรรค เพื่อสรุปมาตรการที่ดีที่สุดสำหรับผลประโยชน์ของอเมริกาและเพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวพม่า” ชูเมอร์กล่าวระหว่างเปิดประชุมวุฒิสภา

พม่าอยู่ภายใต้โครงการส่งเสริมประชาธิปไตยของตะวันตกมานานหลายทศวรรษและเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จบางประการ อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมามีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการก้าวถอยหลังสู่ระบอบเผด็จการ ขณะเดียวกันก็มีความผิดหวังใหญ่หลวงต่อตัวของนางอองซานซูจี อดีตผู้นำฝ่ายค้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เธอไม่ยอมขัดขวางห้ามปรามกองทัพปราบปรามชาวมุสลิมโรฮิงญาทางตะวันตกของประเทศ

ทั้งนี้ พม่ากำลังหลุดพ้นการปกครองโดยทหารที่เข้มงวดนานหลายทศวรรษ และถูกนานาชาติโดดเดี่ยวที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 1962 แต่เหตุการณ์เมื่อวันจันทร์ (1 ก.พ.) ถือเป็นการร่วงจากอำนาจอันสุดช็อกของอองซานซูจี ที่เคยคว้ารางวัลโนเบลสันติภาพในปี 1991 ต่อกรณีที่เธออุทิศตัวส่งเสริมประชาธิปไตยและมนุษยชน

อองซานซูจี อยู่ภายใต้คำสั่งกักบริเวณอยู่แต่ในบ้านพักมานานหลายปี ในขณะที่เธอพยายามผลักดันประเทศของเธอมุ่งหน้าสู่ประชาธิปไตย จากนั้นก็กลายเป็นผู้นำโดยพฤตินัยของพม่า หลังจากพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งปี 2015

สำหรับการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ถือเป็นการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยครั้งที่ 2 ของพม่า นับจากที่ประเทศนี้หลุดพ้นจากการปกครองของทหารอย่างยาวนานถึง 49 ปีในปี 2011

เอ็นแอลดีชนะการเลือกตั้งครั้งล่าสุดด้วยคะแนนเสียงกว่า 80% มากกว่าการเลือกตั้งครั้งแรกเมื่อสิบปีที่แล้ว

ทว่า ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านา กองทัพออกมาโวยว่ามีความผิดปกติหลายอย่างในการเลือกตั้ง รวมทั้งยังอ้างว่ามีการโกงคะแนนกว่า 10 ล้านคะแนน


ที่มา: https://mgronline.com/around/detail/9640000010262