Saturday, 17 May 2025
Region

กาฬสินธุ์ – คิกออฟปูพรหม ฉีดวัคซีนกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่ม 7 โรคเสี่ยง หยุดเชื้อเพื่อชาติ

จังหวัดกาฬสินธุ์คิกออฟปูพรมฉีดวัคซีนแอสตริเซเนก้ากลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้มีโรคประจำตัว 7 โรค สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ฉีดวัคซีนเพื่อชาติ ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 วันเดียวพบผู้ป่วย 8 ราย

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 7 มิถุนายน 2564 ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ (หลังเก่า)  นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ นายเลิศบุศย์ กองทอง รองผวจ.กาฬสินธุ์ นายสนั่น พงษ์อักษร รอง ผวจ.กาฬสินธุ์  นายพิชัย ส่งสุขเลิศสันติ ปลัด จ.กาฬสินธุ์ นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ นพ.ประมวล ไทยงามศิลป์ ผอ.โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ นายสมเจตน์ เต็งมงคล นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมกันเปิดการคิกออฟปูพรมฉีดวัคซีนรอบสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ แอสตร้าเซเนก้า สำหรับประชาชน ในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และ 7 กลุ่มโรคเสี่ยง พร้อมตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจกลุ่มแพทย์ เจ้าหน้าที่ และประชาชนที่เข้ารับการฉีดวัคซีน

โดยบรรยากาศในช่วงเช้ามีบรรดาลูกหลานได้พาพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ซึ่งอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 7 โรคเสี่ยง ที่จองสิทธิฉีดและขึ้นทะเบียนผ่านระบบ “หมอพร้อม” ในเดือนมิถุนายน 2564 เดินทางมารับการฉีดวัคซีนกันจำนวนมาก ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย โดยมีทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ คอยอำนวยความสะดวก ทั้งการตั้งจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ วัดความดัน ซักประวัติ ตรวจสุขภาพความพร้อมก่อนการฉีดวัคซีน

นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ในปัจจุบัน ยังคงมีแนวโน้มการระบาดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รัฐบาลจึงมีการรณรงค์ให้ประชาชน “ฉีดวัคซีนเพื่อชาติ” เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ลดอัตราการเสียชีวิต สร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนคนไทย ให้ประเทศไทยสามารถเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจ และทุกคนสามารถกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติได้

นายทรงพล กล่าวอีกว่า สำหรับ จ.กาฬสินธุ์ มีกลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค อยู่ประมาณ 240,000 คน โดยในเขตอำเภอเมือง มีผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค จำนวน 120,000 คน ซึ่งครั้งนี้จะเป็นการฉีดให้กลุ่มที่ 2 คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ที่จองสิทธิฉีดและขึ้นทะเบียนผ่านระบบ “หมอพร้อม” ในเดือนมิถุนายน 2564 ส่วนการลงทะเบียนเพิ่มเติมอื่น ๆ ก็จะเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ของโรงพยาบาล  และทยอยฉีดตามลำดับการจอง ตามจำนวนวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐบาล ซึ่งในวันที่ 7 มิถุนายน 2564 นี้ จ.กาฬสินธุ์ได้รับจัดสรรวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า (Astrazeneca) จำนวน 3600 โดส โดยจัดสรรในเขตพื้นที่อำเภอเมือง 1000 โดส ที่เหลือได้กระจายไปยังอำเภอต่าง ๆ

ด้าน นพ.ประมวล ไทยงามศิลป์ ผอ.โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับในเขตพื้นที่อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ได้จัดสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลไว้ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ศาลากลางหลังเก่า อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางมาฉีดวัคซีนได้สะดวกมากขึ้น โดยมีทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์คอยอำนวยความสะดวกและบริการ ทั้งการตรวจสุขภาพประเมินก่อนฉีด และสังเกตอาการหลังฉีด ซึ่งสามารถรองรับการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนได้ประมาณวันละ 1,000 คน และในวันนี้ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มประชาชนสูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป และผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค คือ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคอ้วน

ขณะที่สถานการณ์โรคโควิด-19 ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ศูนย์อำนวยการต้านโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จ.กาฬสินธุ์ ได้รายงานสถานการณ์โรคในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ล่าสุดวันนี้พบผู้ป่วยเพิ่ม 8 ราย โดยมีผู้ป่วยสะสมรวม 129 ราย รักษาหายป่วยแล้ว 99 ราย กำลังรักษาอยู่ 26 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 4 ราย โดยผู้ป่วยรายใหม่ 8 รายล่าสุด อยู่ในพื้นที่ อ.สหัสขันธ์ 7 ราย และอ.ยางตลาดอีก 1 ราย


ภาพ/ข่าว ณัฐพงษ์ ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

กระบี่ - รพ.กระบี่ ส่งนักรบชุดขาว ไปปฏิบัติภารกิจดูแลผู้ป่วยโควิด รพ.สนามบุษราคัม เมืองทองธานี

วันจันทร์ ที่ 7 มิถุนายน  2564  ณ บริเวณหน้าอาคารอำนวยการ โรงพยาบาลกระบี่ นายแพทย์สุพจน์ ภูเก้าล้วน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกระบี่ พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกระบี่ ร่วมส่งทีมนักรบชุดขาว เพื่อแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจทีมบุคลากรทางการแพทย์ไปปฏิบัติภารกิจเพื่อดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ณ โรงพยาบาลสนามบุษราคัม เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 7 – 22 มิถุนายน 2564  โดยได้มี มอบเงินขวัญถุง มอบช่อดอกไม้ และมอบดอกกุหลาบเพื่อเป็นขวัญ และกำลังใจให้แก่ทีมนักรบชุดขาว

โรงพยาบาลกระบี่ ได้จัดทีมบุคลากรด้านการแพทย์ ร่วมปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลสนามบุษราคัม จำนวน 7 คน ประกอบด้วย

1.นางสาวเพ็ญวดี สกลกิติวัฒน์  นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ

2.นางสาวฐิตากร ทิพย์มณี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ

3.นางณัฏฐนันท์ สิงห์บุตรดี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ

4.นางสาวจุรี สาระวารี พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ

5.นางสาวกีรัตติกานต์ จำนงลักษณ์ พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ

6.นางสาวดรุณวรรณ ท่าดี พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ

7.นางสาวชลธิดา มณีสุวรรณ เภสัชกรปฏิบัติการ

โดยทุกคนมีความรู้ ความสามารถ เสียสละ และมีจิตอาสาเพื่อแผ่นดิน จะเดินทางไปเป็นทีมสนับสนุนและผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนให้กับทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในกรุงเทพฯ และหลังจากปฏิบัติหน้าที่ครบกำหนดเวลา บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนจะถูกกักตัวในพื้นที่พิเศษ ตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุขกำหนด พร้อมตรวจหาเชื้อโควิด-19 ถ้าตรวจไม่พบสารพันธุกรรมโควิด-19 จึงจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ

สำหรับโรงพยาบาลสนามบุษราคัม เมืองทองธานี จะรองรับผู้ป่วยที่มีอาการปานกลางกลุ่มสีเหลือง จากพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยจัดตั้งโรงพยาบาลสนามขนาด 3,000-5,000 เตียง ณ อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมเมืองทองธานี สำหรับใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยดังกล่าว


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

ลำปาง - ครม.อนุมัติ เพิ่มค่าตอบแทน อสม.อีก 3 เดือนเริ่ม เดือน ก.ค.-ก.ย. 2564

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแพทย์ประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า ขอแสดงความยินดีกับ อสม.ลำปาง และ อสม.ทั่วประเทศที่ ครม.อนุมัติค่าตอบแทนต่ออีก 3 เดือน โดยจะเริ่มในเดือน ก.ค.2564 นี้ โดยครม. อนุมัติโครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม.อีก 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค. – ก.ย. 2564 วงเงินรวมไม่เกิน 1,575.4950 ล้านบาท เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจที่ดีแก่ อสม. ผู้ปฏิบัติงานในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในชุมชน

ซึ่งที่ผ่านมา อสม. ได้รับค่าตอบแทนเพิ่มเติมอย่างถ้วนหน้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค.2563 – มิ.ย 2564 เป็นระยะเวลา 16 เดือน กรอบวงเงินรวม 8,348.6965 ล้านบาท ทั้งนี้ ในกรณีที่มีเหตุการณ์ไม่ปกติในอนาคตและกระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาเห็นว่ามีความจำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนเพิ่มเติมก็สามารถขอรับเงินค่าตอบแทนเพิ่มเติมให้แก่ อสม. เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจที่ดีให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน อสม. ได้ต่อไป


ภาพ/ข่าว  ภาวินันท์ บุตรหล้า

สมุทรปราการ - ธารน้ำใจ สู้ภัยโควิด “สจ.ชนะ” จับมือ ครอบครัวสายบุญ กลุ่มจิตอาสา ลงพื้นที่มอบอาหาร จำนวนกว่า 1 แสนบาท

ที่ภายในบ้านเอื้ออาทร 1 ซอยนิคมอุตสาหกรรมบางปู ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้มีคณะเจ้าหน้าที่ กลุ่มจิตอาสา และผู้ประกอบการ นำอาหารปรุงสุก จำนวน 1,000 กล่อง อาหารสด ผักสด เจลแอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัยและสิ่งของอื่นๆ อีกจำนวนมาก นำมามอบแก่ประชาชนที่พักอาศัยอยู่ภายในบ้านเอื้ออาทร1 เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ อีกทั้งยังเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน และประชาชนที่ขาดรายได้ รวมถึงประชาชนที่กักตัวอยู่ภายในห้องพักภายในบ้านเอื้ออาทรแห่งนี้

โดยการลงพื้นที่มอบสิ่งของในวันนี้นำโดย นายชนะ หงวนงามศรี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ และรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย นางกัญญดากร เรืองฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท  BR  2020  ProPerTy โดยการลงพื้นที่มอบสิ่งของในครั้งนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากทางครอบครัวสายบุญสายบันเทิง  และร้านข้าวแกงละเวิก  ที่ให้การสนับสนุนมอบอาหารปรุงสุก  จำนวน 1,000 กล่อง พร้อมด้วยนำรถพุ่มพวงที่บรรทุกอาหารสด ผักสด จำนวนมากนำมามอบให้กับพี่น้องประชาชนบ้านเอื้ออาทร 1  เป็นจำนวนเงินกว่า  100,000 บาท

โดยมีนายสมนึก ปานจันทร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.แพรกษา นายละเอียด จักษุกัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ อสม.หมู่ 6  และสมาชิกกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า  ร่วมลงพื้นที่มอบอาหารปรุงสุก อาหารสด ผักสด หน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ แจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจาก นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ และ นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายก อบจ.สมุทรปราการ ที่มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชน และประชาชนที่ขาดรายได้ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ โดยนำสิ่งของจำนวนมากมาแจกจ่ายให้กับประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ระลอก 3 อีกด้วย

โดยอาหารที่ประชาชนได้รับ  และนำกับไปบริโภคที่บ้านได้แก่ ข้าวกล่อง เนื้อหมู เนื้อไก่ ปลาทู ไข่ และผักสดอีกหลายรายการ รวมถึงเจลแอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย ที่มอบให้แบบฟรี ๆ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือนร้อนให้กับประชาชน  อีกทั้งยังได้นำอาหารและสิ่งของต่าง ๆ ไปมอบให้กับผู้ป่วยติดเตียง และประชาชนที่กักตัวเองอยู่ภายห้องห้องพักอีกด้วย


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

นราธิวาส - เลี้ยงจิ้งหรีด 1 เดียวในนราธิวาส สู้ชีวิตเพราะพิษโรค เป็นรายได้เสริมช่วงโควิดระบาด

สำหรับเรื่องราวดังกล่าวเราพาท่านไปยังบ้านเลขที่ 70/1 ม.3 ต.ปูโยะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวยกสูง ที่ปลูกอยู่ใจกลางของสวนยางพารา ซึ่งเราจะพบเห็นกรง 4 เหลี่ยม ที่สร้างด้วยโครงไม้และมีกระเบื้องแผ่นเรียบกรุโดยรอบทั้ง 4 ด้าน ขนาดความกว้าง 1.50 เมตร. ยาว 3 เมตร สูง 0.80 เมตร และมีผ้าพลาสติกสีฟ้าคลุมทับอีกชั้นหนึ่ง

และเราได้พบกับนายคุณากร อนุพันธ์ อายุ 41 ปี ซึ่งกำลังเดินแบกกระสอบอาหารไก่และเปลือกผลไม้เข้าบ้าน เมื่อสอบถามทราบว่าไปซื้ออาหารกระสอบ และนำเปลือกผลไม้มาให้จิ้งหรีดสายพันธุ์ทองดำที่เลี้ยงไว้ในกรงรับประทาน จึงถือโอกาสสอบถามเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดสายพันธุ์ทองดำขาย ที่ถือว่าเป็นแห่งเดียวของ จ.นราธิวาส

โดยนายคุณากร ได้พาไปชมขั้นตอนต่าง ๆ ที่เพาะเลี้ยงจิ้งหรีดขาย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องแปลก แท้จริงแล้วจิ้งหรีดเป็นอาหารสุดโปรดของคนภาคอีสาน คนภาคใต้จะไม่คุ้นเคยรับประทานมากนัก โดยปัจจัยสำคัญที่หันมาเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดขาย อันเนื่องมาจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ซึ่งตนประกอบอาชีพเร่ขายผลไม้กับรถจักรยานยนต์ 3 ล้อ และในช่วงโควิด-19 ระบาด ส่งผลทำให้รายได้ตกต่ำแถมเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

จนกระทั่งรัฐบาลมีโครงการช่วยเหลือประชาชน เมื่อตนได้สิทธิ์คนละครึ่ง จึงได้นำเงินก้อนนั้นมาลงทุนซื้อพันธุ์จิ้งหรีดทองดำจาก จ.ศรีสะเกษ ที่เป็นภูมิลำเนาเกิดจากเพื่อนให้ส่งมา และตนเริ่มเพาะเลี้ยงเพราะคิดว่าอาชีพดังกล่าวนี้ไม่มีคนทำ ซึ่งมันท้าทายดีและมีโอกาสได้เปิดตลาดจิ้งหรีด แถมต้นทุนที่ใช้จ่ายก็ไม่มากนัก

ซึ่งการเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดก็ไม่ได้ยากมากนัก เพียงแต่อาศัยการเอาใจใส่ เริ่มแรกต้องไปหาซื้อรังไข่ที่ท้องตลาด ซึ่งขายกิโลกรัมละ 5 บาท มาใส่ไว้ในกรงเรียง 1 แถวจนครบทั้ง 4 ด้าน จากนั้นนำพันธุ์จิ้งหรีดที่ใส่ถาดไว้เรียงบนรังไข่ทั้ง 4 ด้าน โดยให้อาหารกระสอบที่ใช้สำหรับเลี้ยงไก่ รวมทั้งใบหม่อนใบกล้วยที่ปลูกข้างบ้าน และเปลือกผลไม้ที่ตนขายผลไม้เป็นประจำอยู่แล้ว มาใส่ให้จิ้งหรีดกินช่วงเช้าและช่วงเย็น เลี้ยงผ่านไปประมาณ 35 ถึง 40 วัน ก็สามารถจับขายได้ โดยขายกิโลกรัมละ 200 บาท แถมส่วนที่เหลือก็จะแปรรูปนำไปทอดปรุงรส และนำมาแพ็คใส่ถุง ขายถุงละ 20 บาท ตระเวนขี่รถจักรยานยนต์ 3 ล้อ ขายคู่กับผลไม้ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก และสุไหงปาดี ที่ถือว่าเป็นรายได้เสริมในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 เป็นอย่างดี

และจากการสอบถามผู้บริโภคครอบครัวหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นขาประจำสำหรับจิ้งหรีดทอดปรุงรส รายหนึ่ง ที่เด็กน้อยวัยประมาณ 2 ขวบ กำลังรับประทานจิ้งหรีดอย่างเอร็ดอร่อย 3 คนแม่ลูก พบว่า เป็นที่ถูกปากของคนทั้งครอบครัวและหาซื้อมารับประทานยากมาก

ด้านนายคุณากร อนุพันธ์ ผู้เพาะเลี้ยงจิ้งหรีดพันธุ์ทองดำ กล่าวว่า หลังจากได้เกิดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาด ตนได้เงินจากรัฐโครงการคนละครึ่ง ผมจึงได้เงินส่วนนั้นซื้อพันธุ์จิ้งหรีดจาก จ.ศรีสะเกษ มาเพาะเลี้ยงดูเพื่อว่าที่จะเป็นรายได้อีกทางหนึ่งเสริมขึ้นมา เมื่อทำขึ้นมาประสบความสำเร็จ จึงวางขายกฺดลกรัมละ 200 บาท อีกส่วนหนึ่งก็จะนำไปแปรรูปขายในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก และสุไหงปาดี จ.นราธิวาส


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

กรุงเทพฯ - พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติของจุดบริการฉีดวัคซีนกองบัญชาการกองทัพไทย

วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เวลา 09.00 น. พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติของจุดบริการฉีดวัคซีนกองบัญชาการกองทัพไทย ณ อาคาร 15 กองบัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ จากที่รัฐบาลได้มีการกำหนดฉีดวัคซีนป้องกัน covid -19 ให้กับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปและกลุ่มผู้ป่วย 7 โรค โดยเริ่มการฉีดพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 7 มิถุนายน 2564 

กองบัญชาการกองทัพไทย ได้จัดให้มีการฉีดวัคซีนให้กับกำลังพลกลุ่มเสี่ยงที่ปฏิบัติงานด่านหน้าในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้การสนับสนุนรัฐบาลในการฉีดวัคซีนให้กับกำลังพล ครอบครัว และประชาชนทั่วไป เพื่อสนับสนุนการกระจายวัคซีนและสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้ กองบัญชาการกองทัพไทยมีความพร้อมทั้งในส่วนของสถานที่และบุคลากร สำหรับเป็นพื้นที่ให้บริการในการฉีดวัคซีนได้อย่างทั่วถึง และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป


ภาพ/ข่าว ทีมข่าว v.13 รายงาน

สมุทรปราการ - “พระครูแจ้” เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง จับมือ นายอำเภอบางพลี ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพภายในชุมชนประสานสัมพันธิ์

ภายในชุมชนประสานสัมพันธิ์ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี  พร้อมด้วย ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง นำข้าราชการตำรวจ สภ.บางพลี  ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชนภายในชุมชนประสานสัมพันธิ์ พร้อมทั้งนำถุงยังชีพและเงินสดไปมอบแก่ประชาชนที่พักอาศัยอยู่ภายในชุมชนแห่งนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยเหลือประชาชนที่ขาดรายได้รวมถึงช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง

ด้านท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง กล่าวว่า ด้วยในวันนี้ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง พร้อมด้วยนาย สมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางพลีและบริเวณใกล้เคียง ทางวัดบางพลีใหญ่กลางจึงพร้อมด้วยท่านนายอำเภอบางพลี ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชน โดยได้นำถุงยังชีพพร้อมเงินอีกจำนวนหนึ่งไปมอบให้กับประชาชน และครอบครัวผู้ยากจนภายในชุมชนประสานสัมพันธิ์แห่งนี้

ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ยังกล่าวต่ออีกว่า ถุงยังชีพที่นำมามอบให้กับพี่น้องประชาชนนั้น ประกอบไปด้วย ข้าวสารอาหารแห้ง มาม่า ปลากระป๋อง นม และของใช้ที่จำเป็นเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน อีกทั้งยังได้มอบเงินแก่เด็กที่อยู่ในชุมชนแห่งนี้คนละ 100 บาท และมอบเงินให้ทุกครอบครัวอีกครอบครัวละ 500 บาท เพื่อไว้ใช้จ่ายหรือนำไปซื้อของใช้ที่จำเป็น

จากนั้นได้เดินเท้าเข้าไปภายในชุมชนประสานสัมพันธิ์ นำข้าราชการตำรวจนำถุงยังชีพอีกจำนวนหนึ่งไปมอบให้กับผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ภายในชุมชนแห่งนี้ พร้อมทั้งได้มอบเงินสดอีกจำนวนหนึ่งแก่ผู้ป่วยติดเตียง โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง ตลอดจนท่านนายอำเภอบางพลี มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางวัดบางพลีใหญ่กลางก็ให้ความอนุเคราะห์เอื้อเฟื้อเผาศพผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิดให้ฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วยและนับว่าผู้เสียชีวิตที่ป่วยด้วยโรคโควิดนั้น ทางวัดบางพลีใหญ่กลางได้สงเคราะห์เผาให้ฟรีเป็นรายที่ 11 แล้ว จึงขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนอย่าประมาทดูแลรักษาสุขภาพ ดูแลบุคคลในครอบครัว เว้นระยะห่าง และลงทะเบียนฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเราเอง


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

อุทัยธานี – คึกคัก !! ฉีดวัคซีนวันแรก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นให้กำลังใจชาวจังหวัดอุทัยธานี

เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 7 มิ.ย. 64 ณ บรรยากาศศูนย์กีฬาเยาวชนเทศบาลเมืองอุทัยธานี สถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชน และผู้สูงอายุ ประกอบด้วยโรคทางเดินหายใจ เรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตเรื้อรัง ระยะ 5 โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคอ้วน โดยการจัดลำดับขั้นตอนเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรังโดยเริ่มจากการตรวจสอบเอกสารซักประวัติ วัดความดัน รับบัตรคิว ฉีดวัคซีนและรออีก 30 นาที หลังฉีดวัคซีน เพื่อดูอาการก่อนอนุญาตให้ประชาชนกลับบ้าน และรับใบนัดหมายฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ต่อไป

บรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบร้อย ผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนให้ความร่วมมือปฏิบัติตามขั้นตอนและตามมาตรการอย่างเคร่งคัด เพื่อให้กับประชาชน ทุกคนทุกกลุ่มเป้าหมายได้เข้าถึงวัคซีนที่มีคุณภาพปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรครวมทั้งช่วยลดความรุนแรงของโลก โดยแบ่งการฉีดวัคซีนเป็น 3 ระยะ ตามกลุ่มเป้าหมาย ระยะ 1 ปกป้องระบบสาธารณสุขของประเทศ ระยะ 2 ป้องกันการติดเชื้อและลดความรุนแรงของโรคในกลุ่มเสี่ยงสูง ระยะ 3 ฟื้นฟูขับเคลื่อนเศรษฐกิจสังคมและความมั่นคงของประเทศโดยกำหนด Kick Off การฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างเป็นทางการพร้อมกันทั่วประเทศไทย

ทั้งนี้ภายในงานได้มี นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาเป็นประธานการดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 พร้อมหน่วยข้าราชการ คณะแพทยของจังหวัดอุทัยธานี ได้มาให้กำลังใจกับประชาชนชาวจังหวัดอุทัยธานีในครั้งนี้


ภาพ/ข่าว ภาวิณี ศรีอนันต์

ขอนแก่น - ทหารพันธุ์ดี ค่ายสีหราชเดโชไชย รับมอบไก่พันธุ์ประดู่หางดำ และกบพันธุ์ทุ่งกุลา พระราชทานจากกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ นำไปกระจายพันธุ์ แจกจ่าย และช่วยเหลือประชาชน

กองทัพบกได้ดำเนินโครงการทหารพันธุ์ดีมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่หน่วยทหารทั่วประเทศ โดยเป็นศูนย์การเรียนรู้ เป็นแหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ และเพาะพันธุ์สัตว์ เพื่อการบริโภคให้กับกำลังพลและครอบครัว ตลอดจนประชาชนรอบค่าย ตามแนวทางพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 64 พ.อ.ณรงค์ วิชญาณวรวุฒิ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 8 เป็นประธานพิธีรับมอบไก่พันธุ์ประดู่หางดำ และกบพันธุ์ทุ่งกุลา พระราชทาน เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้กับโครงการเศรษฐกิจพอเพียง และโครงการทหารพันธุ์ดี ณ กองร้อยเครื่องยิงหนัก กรมทหารราบที่ 8 ค่ายสีหราชเดโชไชย ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น

พิธีรับมอบไก่พันธุ์ประดู่หางดำ และกบพันธุ์ทุ่งกุลา พระราชทานฯ ครั้งนี้ ประกอบด้วยไก่พันธุ์ประดู่หางดำ จำนวน 50 ตัว และกบพันธุ์ทุ่งกุลา จำนวน 2,020 ตัว ให้กับโครงการเศรษฐกิจพอเพียง และโครงการทหารพันธุ์ดี กรมทหารราบที่ 8 เพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ให้กับกำลังพล,ครอบครัว และทหารกองประจำการ รวมถึงให้นำไปขยายพันธุ์ และสามารถนำไปเป็นอาหารและจำหน่ายได้ตามแนวเกษตรพอเพียง พอมี พอกิน และดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข ขยายผลสู่ประชาชนรอบค่าย ในโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง”และส่งเสริมการสร้างรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกร และเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับชุมชนที่อยู่รอบค่ายฯ มาศึกษา นำไปปฏิบัติใช้ในชุมชนต่อไป

กรุงเทพฯ - รมต.กีฬา เปิดศูนย์ฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ให้แก่นักกีฬา บุคลากรกีฬา และบุคลากรในกระทรวง

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้แก่นักกีฬา บุคลากรกีฬา และบุคลากรในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยมี นายโชติ  ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายแพทย์อดินันท์  กิตติรัตนไพบูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์, ดร.ก้องศักด  ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เข้าร่วมในพิธี ณ บริเวณด้านหน้าอาคารอินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก การกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ภายในประเทศ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง และภาพลักษณ์ของประเทศเป็นอย่างมาก ทำให้การจัดกิจกรรมกีฬาต่าง ๆ ต้องงดหรือมีการเลื่อนจัดการแข่งขันออกไป ทำให้เศรษฐกิจเกิดการชะลอตัว รัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วน ในการเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั่วไป สามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างสะดวกรวดเร็ว มากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้ตามเป้าหมาย 100 ล้านโดส หรือประมาณ 50 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งการจัดตั้งศูนย์บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้แก่ นักกีฬา บุคลากรกีฬา และบุคลากรในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ครั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ การกีฬาแห่งประเทศไทย และกระทรวงสาธารณสุข ได้เล็งเห็นความสำคัญของการดำเนินงานการบริการทางการแพทย์ ให้กับนักกีฬาและบุคลากรกีฬาที่เกี่ยวข้อง โดยการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวขึ้น ณ อินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก การกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งมีการทดสอบระบบการให้บริการฉีดวัคซีน ตั้งแต่วันที่ 1, 2 และ 4 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี

ผู้ว่าการ กกท. กล่าวว่า การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้รับมอบนโยบายจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ดำเนินการด้านบริการทางการแพทย์ ให้แก่ นักกีฬา บุคลากรทางการกีฬา ให้ได้รับการเข้าถึงการบริการฉีดวัคซีนเป็นการเร่งด่วน เพื่อให้นักกีฬา สามารถเดินทางเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาในเกมส์ระดับนานาชาติต่าง ๆ อาทิ การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 กีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 16 ณ ประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังมีนักกีฬาทีมชาติไทย ที่ต้องเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือก เพื่อให้ได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ พาราลิมปิกเกมส์ และการแข่งขันในระดับนานาชาติอีกหลาย ๆ รายการ รวมถึง นักกีฬาอาชีพ และบุคลากรที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและกีฬา ที่จะทำให้เกิดความมั่นคง แข็งแรง ให้แก่ประเทศต่อไป ดังนั้น การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้นำนโยบายดังกล่าวมาปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

โดยการจัดตั้งสถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล เพื่อรองรับในการฉีดวัคซีนให้บริการแก่ นักกีฬา บุคลากรกีฬา และบุคลากรในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ณ อินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก การกีฬาแห่งประเทศไทย และได้ขอรับความอนุเคราะห์วัคซีนจากทางกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 10,000 โดส ในเบื้องต้นได้รับมาแล้ว 2,000 โดส ซึ่งได้เริ่มทดสอบระบบการให้บริการฉีดวัคซีน ตั้งแต่วันที่ 1, 2 และ 4 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา และจะมีการทยอยส่งวัคซีนมาให้อีกในสัปดาห์หน้า ซึ่ง กกท.ได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ในการเป็นโรงพยาบาล คู่ปฏิบัติการในการฉีดวัคซีนโควิด -19 ในครั้งนี้  อย่างไรก็ดี หลังจากที่ดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่นักกีฬา บุคลากรกีฬา และบุคลากรในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กลุ่มดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว การกีฬาแห่งประเทศไทย มีแผนจะเปิดบริการให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นลำดับถัดไป

ทั้งนี้ มีนักกีฬา บุคลากรกีฬา และบุคลากรในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีนแล้ว รวมจำนวน 5,500 คน ในช่วงเข็มแรก โดยสามารถเข้ามารับวัคซีนได้ตั้งแต่วันที่ 8-15 มิถุนายน 2564 ในวันจันทร์-ศุกร์  เวลา 8.30-15.30 น. ยกเว้นวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top