Saturday, 17 May 2025
Region

ขอนแก่น - กกต.รับรอง “ธีระศักดิ์-พงศ์ธร-โกเมศ” นั่งนายกเล็กขอนแก่นแล้ว หลังมติรับรองเพิ่มเติมภายในระยะเวลา 60 วัน ตามกฎหมาย คาดสัปดาห์หน้าแถลงนโยบายต่อสภาพ และเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชนทันที

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่  28 พ.ค.2564ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. มีหนังสือด่วนที่สุดแจ้งถึง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดขอนแก่น เรื่องการประกาศผลการเลือกตั้งเพิ่มเติมตามกรอบระยะเวลาการพิจาณาภายใน 60 วัน หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง เพื่อให้ กกต.ขอนแก่น ดำเนินการแจ้งทางจังหวัดและเทศบาลต่าง ๆ ได้รับทราบและดำเนินการตามระเบียบและข้อบังคับในด่านต่าง ๆ ต่อไปท่ามกลางความสนใจจากนักการเมือง ทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่นอย่างมาก เนื่องจากการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งเพิ่มเติมในรอบที่ 2 เป็นที่น่าจะตามองอย่างมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ที่ต่างติดตามความคืบหน้าในการประกาศรับรองจาก กกต.มาอย่างต่อเนื่อง

โดยประกาศรับรองครั้งนี้มีการประกาศรับรอง นายกและสมาชิกสภาเทศบาลฯ ในส่วนที่เหลือ อาทิ นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธ์ เป็นนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น,นายพงศ์ธร  พิศาพิทักษ์กุล เป็นนายกเทศมนตรีตำบลพระลับ,นายโกเมศ  ฑีฆธนานนท์ เป็นนายกเทศมนตรีตำบลเมืองเก่า,นายชัชวาล ธีรภานุ เป็นนายกเทศมนตรีตำบลบ้านเป็ด,นายบุญแสง พรนิคม เป็นนายกเทศมนตรีตำบลโนนสะอาด,นายพนม เย็นสบาย เป็นนายกเทศมนตรีตำบลม่วงหวาน,นายชัยดี  รัตนปรีดา เป็นนายกเทศมนตรีตำบลบ้านฝาง,นายฉิน วรปัญญาสถิต เป็นนายกเทศมนตรีตำบลภูเวียง และ นายเสาวฤทธิ์ คามกะสก เป็นนายกเทศมนตรีตำบลโพธิ์ไชย

นายอภินันท์  จันทร์อุปละ ผอ.กกต.ขอนแก่น กล่าวว่า กกต.จะทำหนังสือแจ้งถึงจังหวัดและเทศบาลฯ ที่เกี่ยวข้องในการประกาศรับทราบถึงมติจาก กกต.กลาง ในการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามกรอบระยะเลา 60 วัน หลังเสร็จสิ้นวันเลือกตั้ง โดยที่เทศบาลฯแต่ละแห่งจะทำหนังสือถึงจังหวัดเพื่อจัดประชุมสภาครั้งแรกภายใน 15 วัน เพื่อเลือกประธานสภาเทศบาลและตำแหน่งอื่น ๆ สำหรับเทศบาลฯที่มีการรับรองครั้งแรกและไม่สามารถเปิดประชุมสภาได้ ส่วนเทศบาลฯที่มีการรับรองเพิ่มเติม โดยเฉพาะเทศบาลฯที่มีการรับรองนายกเทศมนตรีฯ สภาเทศบาลฯจะจัดกาประชุมเพื่อให้นายกเทศมนตรีได้แถลงนโยบายเพื่อรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ตามระเบียบที่กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดไว้ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน

สุโขทัย - ส.อบต หญิงน้ำใจงามควักงบส่วนตัวซื้อหน้ากากอนามัยแจกชาวบ้าน 2 หมู่บ้าน

ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่าที่ตำบลบ้านแก่งมีสมาชิก อบต ใจดีใช้งบประมาณส่วนตัวซื้อหน้ากากอนามัยมาแจกให้กับชาวบ้านถึงสองหมู่บ้านในตำบลบ้านแก่ง อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย จึงเดินทางไปยังสองหมู่บ้านดังกล่าว พบนางปัทมา สอนโต อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นสมาชิก อบต. มา 8 ปีถึง 2 สมัย กำลังแจกหน้ากากอนามัยให้กับชาวบ้าน จากการสอบถามนางปัทมา สอนโต ทราบว่าตนเองเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแก่ง มาหลายสมัย จนเป็นที่รู้จักมักคุ้นและเป็นที่รักของพี่น้องในตำบลบ้านแก่ง

เนื่องจากตนเป็นคนที่ใส่ใจในการพัฒนาชุมชนและชอบช่วยเหลือชาวบ้าน สำหรับเรื่องการแจกหน้ากากอนามัยตนเองมองเห็นว่าขณะนี้จังหวัดสุโขทัยมีการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า2019(โควิด19)เพิ่มขึ้น ตนจึงมีความคิดว่าอยากมีส่วนร่วมในการป้องกันการแพร่ระบาดโรคดังกล่าวตนจึงใช้งบประมาณส่วนตัวซื้อหน้ากากอนามัยมาแจกให้ชาวบ้านสองหมู่บ้านคือหมู่บ้านป่าคาและหมู่บ้านห้วยหยวก ที่ตนเองเลือก 2 หมู่บ้านเนื่องจากอยู่ห่างไกลตัวเมืองประกอบกับชาวบ้านประกอบอาชีพทำไร่ทำสวนไม่ค่อยได้มีเวลาเดินทางไปตัวเมืองบ่อยนักที่สำคัญไม่อยากให้ชาวบ้านออกเดินทางไปต่างพื้นที่เพื่อป้องกันตัวเองในเรื่องโรคโควิด-19 ด้วย โดยมีหน้ากากอนามัยที่ตนนำมาแจกมีจำนวน 350 กล่อง หรือจำนวน 17,500 ชิ้น ซึ่งเพียงพอต่อพี่น้องประชาชนแน่นอน


ภาพ/ข่าว  พงศ์เทพ สาคร สุโขทัย

ชลบุรี – สัตหีบพายุฝนพัดถล่ม หลังคาตลาดปลิว เสาไฟพังเสียหาย แม่ค้าลูกค้าวิ่งหนีตาย

จากกรณีช่วงเช้าของวันที่ 28 พ.ค. 64 ที่ผ่านมาได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง และคลื่นลมแรงครอบคลุมทุกพื้นที่ใน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ส่งผลให้หลังคาร้านค้าขายของสด ในตลาดเช้า อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ถูกแรงลมพัดจนหลังคาปลิวได้รับความเสียหาย และยังพบมีเสาไฟฟ้าหักโค่น 1 ต้น 

โดยล่าสุดนายสิทธิชัย เกียรติมนตรี สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสัตหีบ ได้เข้ามาตรวจสอบและประสานให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมกับแจ้งไปยังเจ้าของพื้นที่ ฐานทัพเรือสัตหีบ กองทัพเรือ เข้ามาดูแลและซ่อมแซมเสาไฟฟ้าที่หักโค่น เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนที่จับจ่ายซื้อสินค้าภายในตลาดต่อไป ซึ่งชาวบ้านได้เล่าเหตุการณ์ว่า ขณะกำลังยืนขายของได้มีลมพายุมาจากทางทะเล ก่อนจะพัดหลังคาร้านค้าในตลาด หลายร้านปลิวไปทั่ว ก่อนที่จะไปเกี่ยวสายทำให้เสาไฟในตลาดหักโค่นอีก ซึ่งตอนนั้นแม่ค้าต่างพากันวิ่งหนีตาย

ซึ่งหลังจากกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศจะมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่เกิดขึ้นในระยะนี้  สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันควรงดการเดินเรือ ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง อนึ่ง พายุไซโคลน “ยาอาส” (YAAS) บริเวณรัฐกัลกัตตา ประเทศอินเดีย ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำในระยะต่อไป


ภาพ/ข่าว  นิราช ทิพย์ศรี /นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

กรุงเทพฯ - ด้วยความห่วงใย ศาลเยาวชนฯ มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและอุปกรณ์ป้องกันโรค ให้แก่กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน

วันที่ 27 พฤษภาคม 2564 นางอโนชา ชีวิตโสภณ อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชน และครอบครัวกลาง นางอุไรรัตน์ น้อยสุวรรณ นางวิรา ยากะจิ ณ พิกุล รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชน และครอบครัวกลาง และคณะผู้พิพากษาสมทบ (โครงการติดตามด้วยความห่วงใย โดย ดร.นิลุบล ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานโครงการฯ และโครงการติดตามด้วยใจ

โดยนางณัฐา อินทวงศ์ คณะทำงานและผู้ประสานงาน) เป็นตัวแทนมอบเครื่องอุปโภคบริโภคและอุปกรณ์ป้องกันโรค ให้แก่กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดยมี พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เป็นผู้รับมอบ เพื่อส่งต่อให้สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนราธิวาส บ้านกรุณา บ้านมุทิตา บ้านอุเบกขา บ้านปรานี บ้านสิรินธร และบ้านกาญจนา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด19 ณ โถงกลาง ชั้น 2 ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง จตุจักร กรุงเทพฯ

เชียงใหม่ - สวพส. เผยแนวทางที่เหมาะสม ในการปลูกพืชผักคุณภาพบนพื้นที่สูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เปิดเผยว่า นางสาวเพชรดา อยู่สุข รองผู้อำนวยการสถาบัน ด้านการพัฒนา และ นายอิทธิพล โพธิ์ศรี นักวิชาการ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ได้ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกพืชของเกษตรกรบนพื้นที่สูง พบว่าพื้นที่สูงของประเทศไทยซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเขตภาคเหนือนั้นมีสภาพพื้นที่และภูมิอากาศต่างจากพื้นที่ราบเป็นอย่างมาก โดยเป็นเทือกเขาที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล ตั้งแต่ 500 ถึงมากกว่า 1,000 เมตร ทำให้มีสภาพภูมิอากาศที่หนาวเย็นและมีฝนตกชุก นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลและอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ประชาชนที่อยู่อาศัยบนพื้นที่สูงส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าต่าง ๆ จึงมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก โดยในอดีตดำรงชีวิตอยู่ด้วยการทำไร่เลื่อนลอย และปลูกพืชเพียงไม่กี่ชนิด คือ ข้าว ข้าวโพด และพืชผักท้องถิ่น เพื่อเป็นพืชอาหารเป็นหลัก ส่วนพืชรายได้มีน้อยมาก จึงเกิดปัญหาการปลูกฝิ่น ซึ่งเป็นพืชเสพติดที่สร้างปัญหาให้กับคนทั้งโลก

ในการนี้พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงทรงก่อตั้ง“โครงการหลวง” เพื่อส่งเสริมให้คนบนพื้นที่สูงปลูกพืชทดแทนฝิ่น โดยพืชส่วนใหญ่ที่ปลูกทดแทนฝิ่นเป็นพืชเมืองหนาว หากปลูกพืชผักเขตร้อนจะไม่สามารถแข่งขันทางการตลาดกับพื้นที่ราบได้ แต่ในอดีตพืชผักเขตหนาวเป็นของใหม่สำหรับประเทศไทย เราขาดองค์ความรู้ว่าจะปลูกพืชผักอะไร วิธีการเพาะปลูกอย่างไร และยังไม่มีตลาด โครงการหลวงเป็นหน่วยงานหลักที่ได้วิจัย ส่งเสริม และสร้างตลาด จนทุกวันนี้เป็นที่รู้จัก มีการปลูกและบริโภคกันอย่างแพร่หลาย ต่อมารัฐบาลได้ตั้ง สวพส. ขึ้นเพื่อสนับสนุนงานโครงการหลวง และขยายผลสำเร็จไปพัฒนาพื้นที่สูงต่าง ๆ ปัจจุบันพืชพันธุ์ใหม่ ๆ และวิธีการเพาะปลูกที่ประณีตและปลอดภัย ได้รับการวิจัยและพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมแก่เกษตรกรอย่างกว้างขวาง 

พืชผักกับการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมบนพื้นที่สูง

พื้นที่สูงเป็นป่าต้นน้ำลำธารที่สำคัญของประเทศ แม้ว่ามีความจำเป็นต้องส่งเสริมอาชีพ เพื่อพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งอาศัยอยู่มากกว่า 4,000 ชุมชน มีประชากรประมาณ 1 ล้านคน ยังต้องคำนึงถึงการไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้น้อยและคุ้มค่าที่สุด และได้ผลตอบแทนเพียงพอต่อการดำรงชีวิต แต่ที่ผ่านมาพืชเศรษฐกิจส่วนใหญ่เป็นพืชไร่ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ใช้พื้นที่และแรงงานจำนวนมาก ถึงจะมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต จึงเป็นสาเหตุของการบุกรุกป่า เกิดการเผาและปัญหาหมอกควัน พืชผักจึงสามารถตอบโจทย์ได้ดี เพราะมีความต้องการของตลาดสูง จึงสามารถสร้างอาชีพให้กับประชาชนได้กว้างขวาง การเพาะปลูกไม่มีปัญหาการเผา สามารถให้ผลตอบแทนสูงในพื้นที่จำกัดและได้ตลอดปี โดยเฉพาะเมื่อปลูกในระบบที่ประณีต จะยิ่งใช้พื้นที่และน้ำน้อยมาก ดังจะเห็นได้ชัดเจนในพื้นที่ดำเนินงานของ สวพส. หลายแห่ง เช่น น่าน เชียงใหม่ ตาก และแม่ฮ่องสอน ที่ปรับระบบเกษตรเป็นพืชผักและพืชอื่น ๆ ที่เหมาะสมแล้ว สามารถลดการบุกรุกป่า และการเผาได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งทำให้เกษตรกรมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

การผลิตพืชผักคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ความยั่งยืนของการประกอบอาชีพปลูกพืชผักนั้น คุณภาพของผลผลิต และวิธีการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งจากการที่โครงการหลวงและสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรบนพื้นที่สูงจำนวนมาก ปลูกพืชผักเป็นอาชีพมาเป็นระยะเวลายาวนาน โดยในปีหนึ่ง ๆ มีผลิตผลที่ผ่านระบบบริหารจัดการด้านการตลาดรวมมากกว่า 25,552 ตัน มูลค่า ประมาณ  646 ล้านบาท โดยมีหลักการและแนวทางที่เหมาะสมในการปลูกพืชผักบนพื้นที่สูง ดังนี้ 

1. การวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดิน และแปลงของเกษตรกร บนพื้นที่สูงพื้นที่ของเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลาดชัน ไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำ จึงต้องวางแผนการใช้พื้นที่ให้มีการทำการเกษตรที่หลากหลาย ตามความเหมาะสมและศักยภาพของพื้นที่ ควบคู่ไปกับการทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ

2. การวางแผนการผลิตและตลาด ความสำเร็จของการทำการเกษตรคือเกษตรกรจะต้องสามารถขายผลผลิตได้และราคาเป็นธรรม การส่งเสริมอาชีพแก่เกษตรกรในพื้นที่ดำเนินงานของสวพส. จะยึดหลักตลาดนำการผลิต หรือเป็นพืชหรือพันธุ์ใหม่ จะเริ่มส่งเสริมจากจำนวนที่ไม่มาก ควบคู่กับการสร้างตลาด สำหรับพืชผักเป็นพืชที่มีช่วงเวลาปลูกสั้น และต้องมีการวางแผนการผลิตและการตลาดให้สัมพันธ์กัน 

3. การเพาะปลูกภายใต้ระบบมาตรฐานอาหารปลอดภัย หรือ พืชผักที่ปลูกภายใต้ระบบการเพาะปลูกที่ดี (GAP) หรือเกษตรอินทรีย์ ซึ่งจะเป็นจุดแข็งและเพิ่มโอกาสทางการตลาด โดยเฉพาะความตระหนักเรื่องสุขภาพ และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในปัจจุบัน

4. การเลือกพันธุ์และผลิตต้นกล้าแบบประณีต ความแม่นยำของปริมาณผลิตผลและช่วงเวลาที่ตลาดต้องการ มาจากพื้นฐานสำคัญ คือ การผลิตต้นกล้าให้ได้ตรงตามพันธุ์ ปริมาณ และช่วงเวลา ซึ่งการผลิตต้นกล้าแบบประณีตในโรงเรือนเพาะกล้าโดยใช้วัสดุปลูกที่ดี ช่วยให้ได้ต้นกล้าที่มีคุณภาพ มีจำนวน และระยะเวลาที่แน่นอน รวมทั้งยังช่วยให้ใช้เมล็ดพืชผักพันธุ์ดีซึ่งมีราคาสูงได้อย่างคุ้มค่า 

5. โรงเรือน คือ หัวใจของคุณภาพและความปลอดภัย การปลูกผักในโรงเรือนช่วยลดผลกระทบจากสภาพอากาศที่มีความแปรปรวนโดยเฉพาะบนพื้นที่สูง และยังใช้พื้นที่น้อยแต่ให้ผลตอบแทนที่สูงมากกว่าการปลูกนอกโรงเรือนประมาณ 2-5 เท่า สามารถควบคุมการผลิตได้ค่อนข้างแม่นยำและผลผลิตมีคุณภาพดี ช่วยลดการใช้สารเคมีในกระบวนการผลิตมากถึง 30-50 % ลดการใช้สารป้องกันและกำจัดวัชพืชได้ร้อยละ 100 ควบคุมการใช้น้ำและปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ และแก้ปัญหาเรื่องของสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมได้

6. การปลูกและดูแลรักษาอย่างประณีต โดยเริ่มจากการปลูกในโรงเรือน ใช้ต้นกล้าที่คุณภาพดีสม่ำเสมอ ปลูกอย่างเป็นระบบระเบียบ เพื่อให้ทุกต้นมีพื้นที่และได้รับสภาพแวดล้อมที่เหมือนกัน ให้น้ำและปุ๋ยอย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอด้วยการให้ปุ๋ยทางระบบการน้ำ และการดูแลและป้องกันกำจัดศัตรูพืชอย่างใกล้ชิด สำหรับพืชผักใบส่วนใหญ่จะปลูกลงแปลง (ดิน) โดยตรง สำหรับผักผลบางชนิด เช่น พริกหวาน และมะเขือเทศ นิยมที่จะปลูกในวัสดุปลูก (Substrate culture)

7. การจัดการหลังเก็บเกี่ยวและการตลาดที่ดี นอกจากการผลิตในแปลงปลูกอย่างประณีตและปลอดภัยแล้ว ต้องมีการเก็บเกี่ยวและการจัดการหลังเก็บเกี่ยวที่ดี ทั้งการรวบรวมและการคัดคุณภาพของผลิตผลให้เป็นไปตามที่กำหนด การบรรจุหีบห่อ และการขนส่งไปสู่ตลาด ซึ่งกระบวนการทั้งหมดต้องทำอย่างประณีตและรวดเร็ว เพื่อให้ผลิตผลถึงตลาดและผู้บริโภคด้วยคุณภาพดีที่สุด นอกจากนี้ยังมีขั้นตอนการตรวจสอบความปลอดภัยของผลผลิต โดยตรวจสารเคมีตกค้างทั้งก่อนและหลังเก็บเกี่ยว การจัดการหลังการเก็บเกี่ยวที่เป็นระบบแบบนี้จำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ เช่น โรงคัดบรรจุ ห้องเย็น ห้องวิเคราะห์สารเคมี หรือรถขนส่งผลผลิต ซึ่งเกษตรกรควรรวมกันเป็นวิสาหกิจชุมชนหรือสหกรณ์ เพื่อให้รัฐสามารถให้สนับสนุนได้ง่าย รวมถึงการขอรับรองมาตรฐาน

“การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ความใส่ใจและห่วงใยสุขภาพของผู้บริโภคในปัจุบันนี้  พืชผักจะเป็นอาหารอันดับแรก ๆ ที่มีความสำคัญ แต่เกษตรกรจะสามารถปลูกพืชผักเป็นอาชีพอย่างมั่นคงได้ ความปลอดภัยของผลิตผล และการเพาะปลูกแบบประณีต เป็นสิ่งที่จะต้องคำนึงถึงอยู่เสมอ เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันทางการตลาด และความพร้อมสำหรับรองรับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เช่น สภาพภูมิอากาศ การเสื่อมโทรมและจำกัดของทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของกฏและกติกาการค้าต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ กล่าวส่งท้าย


ภาพ/ข่าว  นภาพร / เชียงใหม่

กระบี่ - ปชช.ต่อคิวยาว แห่รับของบริจาค สุดเศร้าของบริจาค มีจำกัด บางคนกลับด้วยความผิดหวัง

วันที่ 28 พ.ค.64 การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบการระบาดของไวรัสโควิด 19 ยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ ออนเซน แอนสปา ถ.นาเตย ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ นายกฤชกร ศิลปวิสุทธิ์ปธ.กรรมการ บ.เอทีโคโค่ ฟรุ๊ต จำกัด พร้อมด้วยนายทวัฒพงษ์ หรือครูเดช บุญชิน ผู้บริหารออนเซนกระบี่ และกลุ่มเพื่อน ๆ ได้ร่วมกันแจกถุงยังชีพ สู้ภัยโควิด-19 ให้แก่ประชาชน ที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 235 ชุด โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวมายืนเข้าแถวรอ ยาว กว่า 200 เมตร โดยมี จนท.มูลนิธิประชาสันติสุขกระบี่ มาช่วยเหลือตรวจวัดอุณภูมิ และแจกเจลล้างมือ ก่อนเข้ารับสิ่งของบริจาคทุกคน

นายทวัฒพงษ์ หรือครูเดช กล่าวว่า ทาง ออนเซนกระบี่ และเพื่อน ๆ ได้ร่วมกันเปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยโควิด 19 ขึ้น ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่าน โดยทำข้าวกล่องบริจาค ซึ่งก็มีบรรดาผู้ใจบุญ และเพื่อน ๆ ได้ร่วมกันบริจาคสิ่งของและเงิน สมทุน จำนวนหนึ่ง โดยมีการทำขอ้าวกล่องแจกไปทั้งสิ้นกว่า 1 หมื่นกล่อง และในวันนี้ 28 พ.ค.ครบ 1 เดือนเศษ ทางออนเซนและกลุ่มเพื่อน ๆ ได้จัดชุดยังชีพแจก จำนวน 235 ชุด พร้อมกับปิดศูนย์ฯชั่วคราว และขอขอบคุณผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน จนทำให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นไปด้วยดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้ที่มารับของบริจาคบางคน ไม่ได้ลงทะเบียนไว้ แต่มารับของบริจาคด้วย ทาง จนท.ไม่สามารถให้ได้ เนื่องจากของบริจาคมีจำนวนจำกัด จนท.ต้องจัดให้กับผู้ที่ลงทะเบียนไว้ก่อนทำให้ผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนไว้ ต้องกลับไปด้วยความผิดหวัง เป็นภาพที่เห็นแล้วสุดที่จะน่าสงสาร


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

อยุธยา - เร่งฉีดวัคซีนโควิด เข็มที่ 2 ให้บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ปฏิบัติงานด่านหน้า

วันที่ 28 พฤษภาคม 64 ที่ รพ.พระนครศรีอยุธยา บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปฏิบัติงานด่านหน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจ และสื่อมวลชน ร่วมเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 รวมทั้ง 298 ราย ในภาคเช้า และในภาคบ่ายจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 152 นาย จะเข้ารับวัคซีนสำหรับเข็มที่ 1

สำหรับประชาชนกลุ่มผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และ 7 โรคเรื้อรัง จะเริ่มฉีดในวันที่ 7 มิย 64 กำหนดจะเริ่มฉีดวัคซีน (Astrazeneca) จำนวน 38,000 โดส ให้กับประชาชนที่ลงทะเบียนผ่าน “หมอพร้อม” และลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ฯแล้ว จำนวน 32,942 คนอย่างแน่นอน สำหรับส่วนเกินจากกลุ่มดังกล่าว จะพิจารณาจัดสรรให้กับกลุ่มองค์กรภาครัฐและภาคธุรกิจยุทธศาสตร์ ทั้งใน 16 อำเภอ เพื่อจะได้รับวัคซีนได้ครบตามเป้าหมาย พร้อมทั้งขอให้ทุกหน่วยเชิญชวนประชาชน ร่วมลงทะเบียนจองฉีดวัคซีน โดยการสแกน QR Code “อยุธยาพร้อม”

นายแพทย์พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวถึง ข้อห้ามสำหรับผู้ที่ไม่ควรรับวัคซีนคือ 1.ผู้ที่รับวัคซีนแล้วเกิดแพ้วัคซีนอย่างรุนแรง ถึงขั้นช็อก แต่วัคซีนนี้เป็นวัคซีนใหม่ทุกคนจึงไม่อยู่ในข้อนี้ แต่ถ้าให้เข็มแรกแล้วแพ้รุนแรง เข็ม 2 ให้ไม่ได้แน่นอน ต้องเปลี่ยนชนิดวัคซีน รวมถึงผู้ที่รู้ว่าแพ้ส่วนประกอบในวัคซีน ก็ไม่สมควรให้ 2. ผู้ที่เจ็บป่วย มีไข้ หรือเป็นโรคปัจจุบันที่ต้องการการรักษา ผู้ป่วยวิกฤต ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะสุดท้ายของโรค และผู้ป่วยที่รักษา โดยเฉพาะนอนในโรงพยาบาล ก็ให้เลื่อนการฉีดไปก่อน จนกว่าทุกอย่างอยู่ในสภาพคงที่และกลับบ้านแล้ว จะเห็นว่าจะมีข้อห้ามเด็ดขาดน้อยมาก ดังนั้น ผู้ที่มีโรคประจำตัวและดูแลรักษาอยู่มีภาวะคงที่ ถึงจะกินยาประจำอยู่ ก็สามารถให้วัคซีนได้ เบาหวาน ความดัน ก็สามารถฉีดวัคซีนได้ ถ้ารักษาและดูแลอยู่ตลอดอยู่แล้ว ยกเว้นเสียแต่ความดันที่ไม่สามารถควบคุมได้ หรือเบาหวานที่ยังควบคุมไม่ได้มีน้ำตาลสูงมาก ขนาดมีอาการที่ต้องรักษาในโรงพยาบาลก็ให้เลื่อนการฉีดไปก่อน


ภาพ/ข่าว  สุจินดา  อุ่นขาว รายงานจากอยุธยา

ประจวบคีรีขันธ์ - ตำรวจประจวบฯ วางกำลังอุดช่องทางธรรมชาติ หลังพม่าหลายร้อยคนจ่อทะลักเข้าประเทศ

วันที่ 28 พฤษภาคม พ.ต.อ.นิรันดร ศิริสังข์ไชย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด( รอง ผบก.)ประจวบคีรีขันธ์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองประจวบฯ สภ.คลองวาฬ สภ.อ่าวน้อย ร่วมกับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานลาดตระเวนที่ช่องทางธรรมชาติชายแดนไทยพม่า พร้อมตั้งจุดตรวจสกัดบริเวณช่องทางเข้าออกจากแนวชายแดน ที่หมู่ 9 ต.เกาะหลัก อ.เมืองฯ สกัดกั้นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง หลังจากมีรายงานทางการข่าว ระบุว่า มีนายทุนพร้อมนำชาวพม่าหลายร้อยคนจากบ้านมูด่องตรงข้ามชายนแดนด่านสิงขร เดินเท้าผ่านช่องทางธรรมชาติเข้าประเทศ เพื่อไปขายแรงงานตามใบสั่งของนายทุนในโรงงานอุตสาหกรรมทั้งใน จ.ประจวบฯและหลายจังหวัดทั่วประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรได้วางกำลังคุมเข้มช่องทางธรรมชาติที่ช่อง 10 ศพ หมู่ 3 บ้านหนองขาม ช่องทางธรรมชาติหุบตาหลี หมู่ 9 บ้านมะขามโพรง ต.เกาะหลัก อำเภอเมืองฯ หลังจากจับแรงงานเถื่อนหนีเข้าเมือง 11 ราย โดยใช้เส้นทางธรรมชาติเดินเท้าข้ามแดน ขณะเดียวกันพบว่าที่ช่องทางธรรมชาติมีเส้นทางหลบหลีกได้หลายเส้นทางและมีการขยายเส้นทางใหม่ ขณะที่การวางรั้วลวดหนาม 3 ชั้น การติดตั้งกล้องวงจรปิด การติดตั้งไฟส่องสว่างจากระบบโซล่าเซลล์ หรือมีการติดตั้งสัญญาณกันขโมย ไม่สามารถป้องกันปัญหาได้จริง

พ.ต.อ.นิรันดร กล่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใยพื้นที่ตามแนวชายแดนจากปัญหาหลบหนีเข้า จึงเข้มงวดกวดขันเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจค้นจับกุมแรงงานต่างด้าวและกำชับห้ามเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือเรียกรับผลประโยชน์โดยเด็ดขาด ขณะนี้ได้มอบหมายให้ชุดสืบสวนภูธรจังหวัด สืบสวนหาข่าวกลุ่มนายหน้าขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว อยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน แต่ยอมรับว่ามีกลุ่มนายหน้าค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติเป็นขบวนการใหญ่ทั้งฝั่งไทย และพม่า สำหรับจุดหมายปลายทางที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรม หากจะตัดตอนเพื่อแก้ไขปัญหา ต้องเป็นนโยบายของผู้บริหารในระดับสูง เนื่องจากโรงงานยังมีความต้องการใช้แรงงาน


ภาพ/ข่าว  นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์ / 4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

พังงา – ปิดจ๊อบโรงพยาบาลสนามพังงา หลังส่งผู้ป่วย 2 รายสุดท้ายกลับบ้าน ไม่พบผู้ป่วยใหม่ 12 วันต่อเนื่อง

เมื่อเวลา10.00 น.วันที่ 30 พฤษภาคม 2564 ที่โรงพยาบาลสนามพังงา 1 โรงยิมเนเซี่ยมสนามกีฬา อบจ.พังงา พญ.สิรินาฏ พัฒนพิชัย ผอ.โรงพยาบาลสนามฯพร้อมด้วยทีมแพทย์-พยาบาล ร่วมมอบหน้ากากอนามัย ข้าวสาร ของที่ระลึกและคู่มือการปฏิบัติตัวให้กับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จากคลัสเตอร์ อบต.มะรุ่ย 2 รายสุดท้ายของจังหวัดพังงา ที่เข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสนาม โดยทั้งคู่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ได้กักตัวอยู่ที่โรงแรมพังงา เบย์ รีสอร์ท และที่ อบต.มะรุ่ย และได้ตรวจพบเชื้อจากการตรวจครั้งที่2 เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 เป็นผู้ป่วยรายที่ 66-67 ของจังหวัดพังงา ที่ได้รับเชื้อจากที่ทำงานใน อบต.มะรุ่ย ซึ่งทั้ง 2 รายเป็นผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ

 

โดยแพทย์ได้ให้คำแนะนำการปฏิบัติตนในการกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านและการใช้ชีวิตประจำวัน โดยให้กักตัวเองที่บ้านอีก1อาทิตย์ ต้องสวมหน้ากาก หมั่นล้างมือ หลีกเลี่ยงไปที่ชุมชน หลังจากนั้นก็ออกไปทำงานได้ตามปกติ และหลังจากนี้ประมาณ3-6 เดือนให้เข้ารับวัคซีนได้ ทางผู้ป่วยได้กล่าวขอบคุณทีมแพทย์-พยาบาลที่ให้การดูแลรักษาเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาลสนาม ตอนแรกเข้ามานั้นรู้สึกตื่นเต้นมาก แต่ได้รับการดูแลจนรู้สึกอบอุ่น อาหารก็อร่อยทุกมื้อ โดยทางทีมแพทย์พยาบาลได้มอบดอกกุหลาบแสดงความยินดีกับผู้ป่วย2รายสุดท้ายพร้อมกับเดินไปส่งขึ้นรถและโบกมือส่งเสียงอำลากันอย่างอบอุ่น

พญ.สิรินาฏ พัฒนพิชัย เปิดเผยว่า โรงพยาบาลสนามพังงา1 ได้รับผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการและมีอาการเล็กน้อยมาดูแลรวม 26 ราย เป็นผู้ชาย6ราย ผู้หญิง 20 ราย หลังจากนี้ทางโรงพยาบาลสนามจะปิดดำเนินการ แต่จะเตรียมพร้อมต่อไว้อีก 1 เดือน เผื่อจะมีผู้ป่วยรายใหม่ขึ้นมาอีก สำหรับบุคลากรที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสนามจะต้องกักตัวเองประมาณ5วัน ก่อนจะทำการตรวจหาเชื้ออีกครั้งเพื่อไปปฏิบัติงานตามปกติ ในส่วนของการรับวัคซีนนั้นจะช่วยลดความรุนแรงของโรค จึงขอเชิญชวนให้ทุกคนที่มีสิทธิฉีดวัคซีนไปลงทะเบียน ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน

สำหรับสถานการณ์การเกิดโรคโควิด-19 ของจังหวัดพังงา ประจำวันที่  30 พฤษภาคม 2564  ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 12 วันต่อเนื่อง มีผู้ป่วยสะสมรวม 67 ราย  รักษาตัวหาย จำนวน 66 ราย  เสียชีวิต 1 ราย


ภาพ/ข่าว  อโนทัย งานดี

ระยอง - ศรชล.ร่วม ศวทอ.สำรวจปะการังฟอกขาว สร้างความสนใจนักท่องเที่ยว

จากกรณี เกิดปะการังฟอกขาวพื้นที่บริเวณชายฝั่งในพื้นที่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง สร้างความแตกตื่นให้กับพี่น้องชาวประมงในพื้นที่เกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อวิถีชีวิตของสัตว์น้ำในทะเล นั้น

ในวันนี้ 30 พ.ค.64  ผอ.ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดระยอง (ศรชล.จว.รย.) โดย นาวาเอก อนุพงค์ จันทร์พฤกษ์ รอง ผอ.ศรชล.จว.รย.) และนาวาเอก พิศาล หาญภักดี หัวหน้าศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดระยอง (ศคท.จว.รย.) ให้ น.ต.จารึก พรเจริญ จนท.ส่งกำลังบำรุง ศรชล.จว.รย. บูรณาการร่วมกับ ศวทอ. ลงพื้นที่สำรวจปะการังสีขาวบริเวณหาดพลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง

เบื้องต้นได้สอบถามชาวบ้านและชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่แจ้งว่าปะการังสี ขาวชนิดนี้เกิดขึ้นปีละครั้ง จะเห็นอยู่ประมาณ 4-5 วัน และจะเกิดขึ้นประมาณเดือน เม.ย.ถึง มิ.ย. จากการสำรวจของศูนย์วิจัยฯ ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า ประการังฟอกขาว ได้แก่ ปะการังโขด ปะการังช่องเหลี่ยม ปะการังผึ้ง และปะการังวงแหวน จะพบเห็นก็ต่อเมื่อน้ำทะเลลดต่ำระดับน้ำลึกประมาณ 10-30 ซม. ในช่วงน้ำลงเต็มที่ของทุกปี และมีอูณภูมิประมาณ 30-31 องศาเซลเซียส เป็นภาวการณ์สูญเสียสาหร่ายขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ใน เนื้อเยื่อของปะการังออกไป ทำให้มองเห็นก้อนปะการังที่เป็นหินปูนสีขาวด้านใน แต่ในระหว่างปล่อยอาจเห็นปะการังมีสีซีดจาง สีชมพู ฯลฯ ขึ้นกับระยะของการฟอกขาว อาจไม่ฟอกจนขาวก็ได้เมื่อน้ำเย็นลงหรือแดดน้อยลง

นอกจากนี้แล้ว ยังได้ดำเนินการติดตามสถานการณ์ปะการังฟอกขาว ภายใต้โครงการประเมินสถานการณ์ปะการังฟอกขาว โรคและภูมิคุ้มกันแนวปะการัง อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บริเวณหาดพลา อำเภอบ้านฉาง  จังหวัดระยอง อุณหภูมิน้ำทะเล 32.2 องศาเซลเซียส ความเค็ม 33 ppt ความลึกน้ำ 0.5-1.0 เมตร (ช่วงน้ำลงต่ำสุด) และปะการังโผล่พ้นน้ำ พบว่าปะการังฟอกขาว พื้นที่ประมาณ 6 ไร่ ปะการังมีสีซีดจางประมาณ 80% และฟอกขาวประมาณ 10% ของปะการังมีชีวิต ปะการังที่มีสีซีดจาง ได้แก่ ปะการังโขด (Porites lutea) ปะการังช่องเหลี่ยม (Favites spp.) และปะการังวงแหวน (Favia sp.) ลักษณะการฟอกขาวของแนวปะการังบริเวณนี้เป็นปรากฏการณ์ปกติ ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี เนื่องจากเป็นแนวปะการังน้ำตื้น และน้ำทะเลลดลงต่ำในเวลากลางวัน (เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน) จากการสำรวจในปี 2563 การฟอกขาวบริเวณนี้จะฟื้นตัวได้หลังกลางเดือนมิถุนายน ทั้งนี้ศูนย์วิจัยฯ จะติดตามการฟื้นตัวของปะการังนี้ต่อไป

น.ส.ประไพ สาธิตวิทยา อายุ 65 ปี ประธานกลุ่มอนุรักษ์ประมงสามัคคีบ้านพลา ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เปิดเผยว่า ขณะนี้ประชาชน และชาวประมงพื้นบ้าน เกิดความตื่นตระหนกกับปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวเป็นพื้นที่วงกว้าง เพราะเมื่อไม่นานนี้พบว่า มีตะกอนสีชมพูจำนวนมาก ติดอวนปูขึ้นมาจากใต้ทะเล ที่ยังหาข้อสรุปแท้จริงไม่ได้ ซึ่งการเกิดปะการังฟอกขาวไม่ใช่เรื่องดีกับทะเลแต่อย่างใด จะต้องเกิดผลกระทบห่วงโซ่อาหารของสัตว์ทะเลอย่างแน่นอน

และยังได้กล่าวต่ออีกว่า การเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ในทะเลที่เป็นแหล่งทำมาหากินของชาวบ้าน รู้สึกไม่ค่อยดีอาจส่งผลกระทบกับห่วงโซ่อาหารของสัตว์ แต่ปัญหานี้ยากต่อการแก้ไข จึงได้ร่วมกันปรับเปลี่ยนวิถีใหม่ พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยการชักชวนนักท่องเที่ยวมาถ่ายภาพปะการังสีขาว เพื่อให้การค้าหรือการท่องเที่ยว กลับมาคึกคักอีกครั้ง


ภาพ/ข่าว ศรชล.ภาค 1 / นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top