Wednesday, 24 April 2024
PoliticsQUIZ

"ผู้ว่าฯโคราช" สั่งยกเลิกคอนเสิร์ต "บิ๊กเมาน์เท่น" เหตุเสี่ยงสูง สธ.ยันไม่มีคนติดโควิด-19 ร่วมงาน ด้านทีมงานคอนเสิร์ตยังปฏิบัติงานต่อ รอผลสรุปสุดท้ายเย็นนี้

สืบเนื่องจากกระแสข่าวว่ามีผู้ติดเชื้อเข้าร่วมงานคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่น (Big Mountain) ครั้งที่ 11 ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยจากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า หญิงรายหนึ่งอายุ 43 ปี เดินทางมาจากเชียงใหม่พร้อมเพื่อนอีก 7 คน โดยการนั่งเครื่องบินลงที่สนามบินดอนเมือง และต่อรถตู้ไปยัง จ.นครราชสีมา เพื่อร่วมชมคอนเสิร์ต มีโรคประจำตัวคือกล้ามเนื้ออ่อนแรง มีอาการที่กระทบต่อระบบทางเดินหายใจ เมื่อมาถึงปากช่องก็มีอาการ แต่หลังจากการตรวจหาเชื้อโควิด-19 หญิงรายนี้ พร้อมเพื่อนและคนขับรถตู้แล้วพบว่า มีผลเป็นลบทั้งหมด ซึ่งขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา

แต่อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของคอนเสิร์ตเมื่อคืนวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา พบว่ามีข้อร้องเรียนจำนวนมากเกี่ยวกับมาตรการควบคุม COVID-19 ที่ไม่สามารถจำกัดจำนวนคน และควบคุมการสวมหน้ากาก รวมถึงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมได้

โดยเรื่องนี้ ทางด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การจัดงานเมื่อคืนวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา จากการส่งเจ้าหน้าที่ติดตาม กำกับ พบว่า มีผู้คนหนาแน่น และแออัด โดยเฉพาะจุดเสี่ยงคือหน้าเวที บางคนไม่สวมหน้ากาก ทางสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา จึงเข้าไปตักเตือน ขอให้แก้ไข เนื่องจากการมีผู้คนแออัดหนาแน่นเช่นนี้มีความเสี่ยงสูง ต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ภายหลังจากการตักเตือนแล้ว แต่พบว่าไม่มีการแก้ไข ลดความแออัดแต่อย่างใด ทำให้สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาแล้ว พิจารณาว่า ต้องสั่งยุติคอนเสิร์ตดังกล่าว โดยจะออกประกาศ ให้ยกเลิกการจัดคอนเสิร์ตบิ๊กเม้าท์เท่น ที่จะมีอีกในคืนนี้ เนื่องจาก มีความเสี่ยงสูง

ด้านนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่น (Big Mountain) ครั้งที่ 11 ก่อนจะมีผลสรุปออกมาว่า “ในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อมีมติเอกฉันท์ สั่งปิดคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่น ครั้งที่ 11 หลังพบปัญหาร้องเรียนไม่มีมาตรการควบคุมโควิด-19” ผวจ.นครราชสีมา กล่าว

ภายหลังที่มีการประกาศ และเผยแพร่ข่าวออกไป ขณะนี้ยังไม่ได้รับความชัดเจนจากทีมงานผู้จัดคอนเสิร์ตว่าได้รับทราบในข้อคำสั่งครั้งนี้หรือไม่ เนื่องจากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับการจัดงานแจ้งว่า ทีมงานคอนเสิร์ตก็ยังเตรียมงานสำหรับค่ำคืนนี้ตามปกติต่อไป

ด้าน ‘ป๋าเต็ด’ หรือนายยุทธนา บุญอ้อม หัวเรือใหญ่ของการจัดงานบิ๊กเมาน์เท่น ก็ยังไม่มีทีท่าใด ๆ จากคำสั่งที่ออกมา ซึ่งขณะนี้นักข่าวได้พยายามโทรศัพท์เข้าไปสอบถาม แต่เจ้าตัวปิดโทรศัพท์มือถือ ไม่สามารถติดต่อได้ จึงต้องรอผลสรุปสุดท้ายว่า ทีมงานผู้จัดงานจะสรุปเรื่องราวออกมาอย่างไรภายในเย็นวันนี้

“ผู้ว่าฯโคราช” ถกด่วน ฟันผู้จัด บิ๊กเมาท์เท่น ฝ่าฝืนคำสั่ง โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

14 ธันวาคม พ.ศ.2563 ที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับการแสดงคอนเสิร์ต Big Mountain Music Festival เมื่อคืนที่ผ่านมา

เบื้องต้นนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากช่อง เจ้าของพื้นที่ดำเนินคดีกับผู้จัดคอนเสิร์ตที่ฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าว โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนในการลงโทษ

โดยยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้การแสดงคอนเสิร์ต และงานบันเทิงรื่นเริงต่างๆ ในพื้นที่ที่ขออนุญาตแล้ว ยังคงจัดขึ้นได้ตามปกติ แต่ทุกงานที่จัดต้องมีมาตรการป้องกันโควิด-19 ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข โดยทางจังหวัดจะส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบควบคุมอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากพบว่างานใดมีมาตรการบกพร่องก็จะมีคำสั่งให้ยุติเช่นเดียวกัน

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (14 ธันวาคม พ.ศ.2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 28 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 4,237 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 60 ราย รักษาหายเพิ่ม 17 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,940 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 237 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 28 ราย เป็นคนไทย 24 ราย สัญชาติอังกฤษ 1 ราย อินโดนีเซีย 1 ราย สวีเดน 1 ราย จอร์แดน 1 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 152 ราย รักษาหายแล้ว 147 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 359 ราย รักษาหายแล้ว 307 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 6.12 แสน ราย รักษาหายแล้ว 5.01 แสน เสียชีวิต 18,653 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 33 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 82,246 ราย รักษาหายแล้ว 68,084 ราย เสียชีวิต 411 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.07 แสน ราย รักษาหายแล้ว 85,406 ราย เสียชีวิต 2,245 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.48 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.09 แสน ราย เสียชีวิต 8,730 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,313ราย รักษาหายแล้ว 58,197 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,395 ราย รักษาหายแล้ว1,238ราย เสียชีวิต 35 ราย

‘ป๋าเต็ด’ ขอโทษแฟน ปมยุติคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่น หลังโดนร้องมาตรการคุม COVID-19 ไม่เข้ม ฟาก ‘ผู้ว่าฯ โคราช’ ไม่ทนสั่งฟันผู้จัดงานฐานฝ่าฝืน ย้ำไม่ใช่เรื่องการเมือง

จากกรณี เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2563 ที่ได้เกิดวิพากวิจารณ์การจัดงานคอนเสิร์ต ‘บิ๊กเมาน์เท่น’ (Big Mountain Music Festival) โดย วิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประชุมร่วมกับสำนักงานสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สั่งให้ยุติการจัดงานคอนเสิร์ตดังกล่าวที่เขาใหญ่ทันที หลังพบข้อร้องเรียนจำนวนมากเกี่ยวกับมาตรการควบคุม COVID-19 ที่ไม่สามารถจำกัดจำนวนคน และควบคุมการสวมหน้ากาก รวมถึงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมได้ ล่าสุดได้มีการสั่งยุติการจัดงานภายในเวลา 22.00 น.

ล่าสุด ทางด้าน ยุทธนา บุญอ้อม หรือ ป๋าเต็ด ได้ออกมาขอโทษผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยระบุข้อความสั้นๆ ว่า “ขอโทษที่ทำได้แค่นี้ครับ” พร้อมทั้งได้แชร์ลิงค์ของเพจ บิ๊ก เมาท์เท่น รายละเอียดของการขอคืนตั๋ว

อย่างไรก็ตามด้านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย ศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับการแสดงคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่น โดยเบื้องต้นทางผู้ว่าฯ วิเชียร ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากช่อง เจ้าของพื้นที่ดำเนินคดีกับผู้จัดคอนเสิร์ตที่ฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าว โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนในการลงโทษ

ทั้งนี้ ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย โดยทางจังหวัดนครราชสีมายังเปิดให้มีการจัดแสดงคอนเสิร์ต และงานบันเทิงรื่นเริงต่าง ๆ ในพื้นที่ที่ขออนุญาตได้ตามปกติ แต่ทุกงานที่จัดต้องมีมาตรการป้องกันโควิด-19 ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งทางจังหวัดจะส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบควบคุมอย่างใกล้ชิด หากพบว่างานใดมีมาตรการบกพร่องก็จะมีคำสั่งให้ยุติเช่นเดียวกัน

สิ้น ‘ไชยา สะสมทรัพย์’ อดีต รมว.พาณิชย์/นักการเมืองดัง หลังไตวายเฉียบพลันในวัย 68 ปี

วันนี้ ไชยา สะสมทรัพย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง ได้เสียชีวิตลงในวัย 68 ปี ด้วยโรคไตวายเฉียบพลัน หลังจากป่วยด้วยโรคหลายโรคมานานหลายปี โดยทางญาติจะทำการจัดพิธีรดน้ำศพ ไชยา สะสมทรัพย์ ที่ศาลาใหญ่ วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครปฐม

สำหรับ ไชยา สะสมทรัพย์ เกิดวันที่ 18 กันยายน พ.ศ.2495 ประวัติการเมืองเคยเป็น อดีต ส.ส.นครปฐม มาหลายสมัย และยังเคยเดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในยุครัฐบาลนายชวน หลีกภัย พ.ศ.2542-2544, ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช พ.ศ. 2551 และ ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ.ศ. 2551เริ่มทำงานการเมืองจากการเมืองท้องถิ่น แล้วเข้ามาเป็น ส.ส. สังกัดพรรคเอกภาพ เมื่อ พ.ศ.2538-2539 ก่อนย้ายมาสังกัดพรรคไทยรักไทย ในการเลือกตั้ง พ.ศ.2544 และ พ.ศ.2548 และพรรคพลังประชาชน พ.ศ.2551

โดยไชยา มีพี่น้องที่เล่นการเมือง ทั้ง เผดิมชัย สะสมทรัพย์, ไชยยศ สะสมทรัพย์ และอนุชา สะสมทรัพย์ ซึ่งตระกูลสะสมทรัพย์ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ค้าวัสดุก่อสร้าง ทำธุรกิจรับเหมาขนขยะจากโรงงานกำจัดขยะ รวมถึงธุรกิจอีกหลายอย่าง และถูกยกให้เป็นผู้กว้างขวางในจังหวัดนครปฐมมาอย่างยาวนาน

‘ธนาธร’ อวยหนัก ‘อวยชัย จาตุรพันธ์’ ชิงเก้าอี้ ‘นายก-อบจ.’ เชื่อเสียสละ – มุ่งมั่น เข้ามาทำการเมืองเพื่อเปลี่ยน ‘สมุทรสาคร’ หลัง 10 ปีตลาดงานหด ธุรกิจประมงพังจากกฎรัฐตู่ที่เข้มงวดเกินเหตุ

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินหน้าหาเสียงให้ ‘อวยชัย จาตุรพันธ์’ ผู้สมัครในถิ่นสมุทรสาคร โดยระบุว่า “เราตั้งใจมาเขย่าการเมืองท้องถิ่น พวกเราตั้งใจทำและเชื่อว่า จ.สมุทรสาครดีกว่านี้ได้ ทั้งนี้ 10 ปีที่ผ่านมา ประชาชนชาวสมุทรสาคร ไม่เคยรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงเลย  ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาแทบไม่มีการสร้างงานให้กับคนสมุทรสาครเลย โดยเฉพาะธุรกิจประมงที่พังไม่เป็นท่าจากการออกกฎหมายที่เข้มงวดเกินไปของรัฐบาลชุดนี้

“นอกจากนี้ภาคอุตสาหกรรมทั้งหมดยังอยู่ในภาวะถดถอย ซึ่งเมื่อตนไปที่ไหนก็มีแต่คนบอกว่ากระเป๋าหนักขึ้น เหตุเพราะแบงก์ไม่เหลือแล้ว ในกระเป๋ามีแต่เหรียญ โดยวิสัยทัศน์ของคุณอวยชัย จาตุรพันธ์ ผู้สมัครนายก อบจ. สมุทรสาคร มีหลายเรื่องที่ตนชอบมาก หนึ่งในนั้นคือ นโยบายที่จะมีการเชื่อมโยงคมนาคมขนส่งสาธารณะทั่วถึงทั้งจังหวัด และการสร้างเส้นทางสัญจรทางน้ำในคลองภาษีเจริญ แก้ปัญหา ลดอุบัติเหตุ

“ทั้งนี้คุณอวยชัย ยังมีความกล้าหาญเป็นอย่างมาก เพราะมีผู้สมัครกี่คนที่ไม่เคยทำงานการเมืองจริงๆ แต่เสียสละเข้ามาลงแข่งขัน ซึ่งค่าตอบแทนของนายก อบจ. นั้นไม่ได้สามารถทำให้ใครรวยขึ้นได้ โดนภาษีสังคม งานแต่ง งานศพ งานบวชไปก็หมดแล้ว นักบริหารรุ่นใหม่ที่เข้าใจเทคโนโลยี เข้าใจโลกโลกาภิวัตน์อย่างคุณอวยชัย หากเขาดำเนินธุรกิจ เขาสามารถมีความมั่นคงกว่าการเป็นนายก อบจ.หลายเท่า แต่เขากล้าหาญและอาสาเข้ามาทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน

"นอกจากนี้ การที่อวยชัยโดนกดดันจากกลุ่มอิทธิพล แต่เขากล้าหาญขนาดนี้ พี่น้องประชาชนชาวสมุทรสาครจะไม่สนับสนุนเขาหรือ และถึงแม้อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ของจังหวัดสมุทรสาครคนหนึ่งจะเป็นงูเห่า แต่อวยชัยเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น แน่วแน่ และไม่มีทางสยบยอมต่ออำนาจเผด็จการอย่างแน่นอน และหากพี่น้องประชาชนเลือกคุณอวยชัยเข้าไปบริหาร หนึ่งเสียงของท่านกำหนดสมุทรสาครได้ ขึ้นอยู่กับการกระทำของทุกท่านเป็นหัวคะแนนธรรมชาติให้กับคณะก้าวหน้าหรือไม่ ซึ่งนอกจากจะได้สมุทรสาครที่น่าอยู่แล้ว จะเป็นการส่งเสียงของท่านกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน

“การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ทำได้โดยการออกไปเลือกตั้ง เริ่มได้ในวันที่20 ธันวาคมนี้ แล้วเลือกผู้สมัครจากคณะก้าวหน้าให้ถล่มทลาย ผมขอโอกาสจากทุกท่าน เลือกคุณอวยชัยเข้าไปบริหารสมุทรสาคร เข้าไปพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของทุกท่าน 20 ธันวาคม นี้ ออกไปกำหนดอนาคตของท่านเอง" ธนาธร กล่าว

บิ๊กตู่ ยันปิดบิ๊กเมาท์เท่นไม่เกี่ยวการเมือง ย้ำเป็นอำนาจ ‘สสจ.- ผู้ว่าฯ โคราช’ ส่วนเคาท์ดาวน์ปีใหม่ ‘ไม่ติด’ แต่ต้องยึดกติกา ‘สธ.’ หากฝืนกฎ ชัตดาวน์ลูกเดียว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาสั่งงดกิจกรรมเทศกาลดนตรีบิ๊กเมาน์เท่น มิวสิค เฟสติวัลว่า เป็นเรื่องของสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.) ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดมีสิทธิ์ และมีอำนาจพิจารณา โดยรัฐบาลมีหน้าที่ปลดล็อคต่างๆ เพื่อให้มีการจัดคอนเสิร์ตหรือกิจกรรมต่างๆ แต่ถ้าไม่ดำเนินการตามกติกา ก็ต้องปิด เพราะสิ่งสำคัญคือการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด -19 ถ้าหากมีคนเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดใครจะรับผิดชอบ ซึ่งก็เป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องรับผิดชอบอีก

ทั้งนี้เป็นหน้าที่ของแต่ละพื้นที่ที่ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกัน เพราะช่วงระยะเวลาต่อจากนี้จะมีการจัดงานคอนเสิร์ตการแสดงกิจกรรมมากมายก็ขอให้ปฏิบัติตามกติกาและทำให้ได้ตามนั้นซึ่งตนไม่ได้ขัดข้องกับใครและไม่ใช่การเมือง ตนไม่ต้องสั่ง ทุกคนทำหน้าที่ของตนเองอยู่แล้วและตนขอชมเชยสสจ.จังหวัดนครราชสีมา

นายกฯกล่าว ว่า “ผมทราบว่ามีการแสดงคอนเสิร์ตแล้วสั่งให้ยุติไปก็เพื่อความปลอดภัยของพวกเรา"

เมื่อถามว่า การจัดงานเคาต์ดาวน์ในช่วงเทศกาลปีใหม่จะสามารถทำได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องทำตามกติกา โดยเมื่อช่วงเช้าตนได้ประชุมศบค.วงเล็ก หารือว่าการจัดงานในช่วงต่อจากนี้จะต้องทำอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุด คือการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด เพราะถ้าหากมีการแพร่ระบาดในกรุงเทพฯมันจะหนัก ต้องไปดูว่าแต่ละงานจะมีมาตรการอย่างไร ถ้าเราทำแบบเดิมๆแล้วเกิดการแพร่ระบาดขึ้นมา รัฐบาลก็รับอีก แต่เรามีมาตรการการควบคุมและมีเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานเขาพร้อมอยู่แล้ว เพียงแต่ทุกท่านต้องให้ความร่วมมือ ต้นไม่ได้ขัดข้องอะไร

เมื่อถามย้ำว่า มีการนำเรื่องนี้ไปเชื่อมโยงกับเรื่องการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็พูดไปเมื่อกี้ ว่ามันมีการเมืองอะไร จะไปเกี่ยวอะไร แล้วผมก็ไม่รู้ว่าจะมีกิจกรรมอะไรในคอนเสิร์ต เขาก็ไปดูคอนเสิร์ตกันไม่ใช่หรือ ใครที่ทำก็ไปถามคนทำสิ ผมไม่ได้ไปตามเขาด้วยซ้ำไป”

ผู้สื่อข่าวถามว่า การชุมนุมยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง จะมีการแก้ปัญหาอย่างไรเพื่อไม่ให้เป็นการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องใช้มาตรการที่รัดกุม ทำตามกฎหมาย และอย่าทำผิดกฎหมายเท่านั้นเอง เพราะกฎหมายอยู่เฉยๆแต่หากคนไปละเมิดกฎหมายก็ต้องถูกลงโทษ

เมื่อถามว่า จำเป็นต้องกลับมาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง เพื่อห้ามการชุมนุมเกิน 5 คน หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ยกเลิกไปตั้งนานแล้ว แต่หากถึงจุดนั้นก็ต้องกลับมาแบบเดิม ต้องย้อนกลับมาใหม่ แต่วันนี้ยังไม่มีสถานการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ซึ่งผมก็กังวลว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อย่างเช่น การไปจัดคอนเสิร์ตที่โคราช หากมีการแพร่ระบาดโควิด ออกมาข้างนอกจะทำอย่างไร หรือหากในกรุงเทพฯจัดงานคอนเสิร์ตแล้วมีแพร่ระบาดกันในกรุงเทพฯจะทำอย่างไร ทุกอย่างก็ต้องกลับไป ชัตดาวน์ใหม่ทั้งหมด ฉะนั้นทุกคนต้องช่วยกัน นายกฯไม่ได้เข้าไปทุกงานเพราะรัฐบาลบริหารในภาพรวม การใช้พรก.ฉุกเฉินต้องใช้ในสิ่งที่จำเป็น”

วัคซีนโควิด-19 ไทยเดินเครื่อง!! หลัง สธ.-จุฬาฯ ลงนามผลิตวัคซีนโควิดจากใบยาสูบ พร้อมทดสอบในคนปี 64 เพิ่มเติมอีกทางเลือก หลังรัฐจองวัคซีน ‘แอสตร้าเซนเนก้า’ ไว้ก่อนหน้า

เดินเครื่องเต็มตัวสำหรับวัคซีนโควิด-19 จากฝีมือคนไทย ภายหลัง อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ แพทย์วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ลงนามความร่วมมือพัฒนาและผลิตวัคซีนป้องโรคโควิด-19 โดยวัคซีนต้นแบบชนิดดังกล่าวพัฒนาจากใบยาสูบ เทคโนโลยีประเภท โปรตีน ซับยูนิต

การร่วมมือกันครั้งนี้ ประกอบด้วย องค์การเภสัชกรรม บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด และบริษัท คินเจน ไบโอเทค จำกัด ที่ได้ร่วมมือกัน ค้นคว้า วิจัย พัฒนา วัคซีนป้องกันโควิด-19 จากใบพืชได้สำเร็จ เป็นครั้งแรกและเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้คนไทยสามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างเท่าเทียม

โดยต่อจากนี้ทาง บริษัท ใบยาไฟโตฟาร์ม จะเป็นผู้ค้นคว้า วิจัยและพัฒนาผลิตวัคซีนตั้งต้น ส่วนบริษัท คินเจน ไบโอเทค จะเป็นผู้ทำวัคซีนให้บริสุทธิ์ และองค์การเภสัชกรรมจะทำหน้าที่ตั้งตำรับและบรรจุวัคซีนสำเร็จรูป สำหรับการทดสอบทางคลินิกเฟส 1 - 2 ในมนุษย์ คาดว่าจะเริ่มได้ในปีหน้า

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลได้จองซื้อวัคซีนจาก บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า จำกัด ไว้แล้วจำนวน 26 ล้านโดส สำหรับคนไทยกลุ่มแรก 13 ล้านคน แต่ก็ยังได้วางแผนจัดหาวัคซีนจากแหล่งอื่น เพราะหากไทยสามารถผลิตวัคซีนได้เองตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จะลดการพึ่งพาต่างชาติได้อย่างมาก

‘โฆษกปชป.’ ชวนประชาชน ‘เลือกคนดีจริง’ ปกครองท้องถิ่น 20 ธ.ค. ย้ำอย่าหลงเหลี่ยมก๊วนจัดตั้งโจมตีผู้สมัคร เชื่อมั่นทุกเสียงสำคัญ อย่าถูกซื้อ

จากการติดตามการหาเสียงในแต่ละจังหวัด สิ่งหนึ่งที่ปรากฏตามสภาวะสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปคือการใช้วิธีการหาเสียงผ่านช่องทางโซเชียลมากขึ้นก็ถือว่าได้ประโยชน์ แต่อีกมุมหนึ่งก็ใช้ไปในทางที่เป็นโทษด้วยเช่นกัน 

โดย ราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาให้มุมมองเกี่ยวกับการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดว่า 

“การใส่ร้ายโจมตีกันผ่านช่องทางสื่อโซเชียล เป็นเรื่องที่น่ากังวลมากต่อกระบวนการเลือกตั้งในทุกระดับ บางจังหวัดทำเป็นกระบวนการจัดตั้งกลุ่มบุคคลเพื่อให้ไปแสดงความคิดเห็นที่เป็นการใส่ร้ายโจมตีผู้สมัคร คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงต้องตั้งรับกับเรื่องดังกล่าวแก้ไขป้องกันด้วยความรวดเร็ว เพราะหากล่าช้าก็จะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อผู้สมัครได้” 

ราเมศ กล่าวต่ออีกว่า “ขอให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 20 ธ.ค. ที่จะถึงนี้ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึงเวลา 17.00 น. เลือกคนดี คนที่ทุ่มเท ตั้งใจ มีนโยบายที่ดี เข้าไปทำหน้าที่ในสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความสำคัญในการดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชนในแต่ละจังหวัด 

“ประชาชนมีหนึ่งเสียงที่สำคัญในการส่งเสริมคนดีให้ได้เข้าไปทำหน้าที่ดังกล่าว และที่สำคัญคือไม่ควรส่งเสริมคนที่ซื้อสิทธิ์ซื้อเสียงเข้าไปทำหน้าที่ เพราะสิ่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำพาไปสู่ความไม่สุจริตในการทำหน้าที่ ดังนั้นหากต้องการให้การเมืองสุจริตประชาชนต้องช่วยกันป้องกันเรื่องดังกล่าว”

‘ลุงตู่’ แจงเหตุฝุ่นพิษ PM2.5 โจทย์หินระดับโลก อ้อนคนไทยช่วยลดปัญหาที่ต้นตอ งดเผาในที่โล่ง - ตรวจถี่รถเก่า ชี้รัฐบาลไม่เคยปล่อยปละ เร่งแก้ปัญหาระยะสั้น - ยาวตลอด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayuth Chan-o-cha’ ถึงปัญหาฝุ่น PM2.5 ว่า...

“ช่วงนี้ของทุกปีประเทศไทยจะเข้าสู่วังวนปัญหาฝุ่นละอองเล็กPM10และPM2.5ปกคลุมทั่วท้องฟ้า ซึ่งเกิดจากไอเสียรถยนต์ การเผาขยะเผาเศษวัสดุภาคเกษตรกรรมและควันจากโรงงานอุตสาหกรรมประกอบกับสภาพอากาศปิด ไม่มีลม เป็นสิ่งที่เราต้องประสบกันมานาน เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน และทุกรัฐบาลก็พยายามแก้ไขทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ยังถือเป็นปัญหาระดับโลกที่ต้องร่วมมือกันอีกด้วย”

นอกจากนั้น นายกฯ ยังระบุอีกว่า “ที่ผ่านมาได้มีการหารือ ทำความเข้าใจ และรับฟังข้อคิดเห็นจากทุกส่วนมาอย่างต่อเนื่อง เพราะการแก้ไขจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกคน ทุกภาคส่วน รวมถึงการขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน และการปรับปรุงข้อกฎหมายให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดยั่งยืน

“เราทุกคนสามารถช่วยลดปัญหาได้ที่ต้นตอด้วยตนเอง เช่น งดการเผาวัชพืชหรือขยะในที่โล่งแจ้ง หมั่นตรวจเช็คสภาพรถเก่าอยู่เสมอ โดยภาครัฐก็จะเคร่งครัดและเพิ่มการตรวจแหล่งเกิดฝุ่นควัน และควันดำในหลายจุดทั่วทุกพื้นที่”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top