Friday, 3 May 2024
PoliticsQUIZ

สหแรงงานฯขสมก. อาศัยช่วงวิกฤตฝุ่นพิษ PM2.5 กระทุ้งรัฐบาล เร่งคลอดแผนฟื้นฟูกิจการ อ้างหากทำตามแผน และได้รถเมล์ใหม่ จะช่วย แก้ปัญหา PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพได้ 100%

สหแรงงานฯขสมก. ระบุถูกยกเลิกใบอนุญาตแล้วราว 30 เส้นทาง เหตุรถเมล์เก่าโดนปลดระวาง พร้อมย้ำหากไม่ได้รับการตอบรับ เตรียมนำทัพ 3,000 คน ทวงถามอีกทีต้นปีหน้า

นายบุญมา ป๋งมา ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (สร.ขสมก.) พร้อมด้วยสมาชิกจำนวน300 คน ยื่นหนังสือ ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องขอให้เร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2562 ดำเนินการแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยมีนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับเรื่อง

นายบุญมา กล่าวว่า ขณะนี้เวลาล่วงเลยมานานมากในการผลักดันแผนฟื้นฟูกิจการฯ ที่ไม่ผ่าน ครม. จึงอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ เร่งผลักดันโดยด่วน เนื่องจากประชาชนได้รับความเดือดร้อนไม่ได้ใช้รถใหม่ และยังทนต่อการใช้รถเก่าเสื่อมโทรมลงทุกวัน หากยังไม่ดำเนินการแผนฟื้นฟูกิจการฯ จะทำให้มีการปลดระวางรถเก่าจำนวนมาก และ กรมขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ยกเลิกใบอนุญาตประกอบการประจำทางของ ขสมก. ประมาณ 30 เส้นทาง และบางเส้นทาง ขบ.ได้อนุญาตให้เอกชนเข้ามาเดินรถแทนขสมก. ส่งผลให้เส้นทางเดินรถของขสมก.ลดลง และประชาชนได้รับความเดือดร้อน

"หากครม.ผ่านแผนฟื้นฟูกิจการฯประชาชนจะได้ใช้รถเมล์ใหม่ และช่วยแก้ปัญหา PM 2.5 ได้เกือบ 100 % ที่บัดนี้ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน และอันตรายต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตามหลังจากยื่นเรื่องไปแล้วจะรอฟังผล ซึ่งหากยังไม่ได้รับการตอบรับ จะมีการพาสมาชิกกว่า 3,000 คนเพื่อทวงถามอีกครั้งในต้นปีหน้า"

นายบุญมา กล่าวว่า สำหรับ มติ ครม. เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2562 เห็นชอบในหลักการของแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก.สำหรับดำเนินการตามกลยุทธ์ และแนวทางต่าง ๆ ภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการฯ ดังกล่าวให้กระทรวงคมนาคม และ ขสมก. เร่งจัดทำรายละเอียดและดำเนินการให้ถูกต้อง

ซึ่งแผนฟื้นฟูกิจการฯ กำหนดให้ ขสมก. จัดหารถโดยสารใหม่ (รถเมล์) รวม 3,000 คัน ดังนี้ ซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) 489 คัน ซื้อรถเมล์ไฟฟ้า (อีวี) 35 คัน ซื้อรถโดยสารปรับอากาศระบบดีเซลและไฟฟ้า (ไฮบริด) 1,453 คัน เช่ารถไฮบริด 400 คัน เช่ารถเอ็นจีวี 300 คัน และปรับปรุงรถเก่า 323 คัน ซึ่งต่อมาองค์การได้จัดซื้อรถใหม่เอ็นจีวี 489 คัน คงเหลือ 2,188 คัน และซ่อมบำรุงรถเก่า 323 คัน ขสมก. ได้ขอปรับปรุงแผนฟื้นฟู ซึ่งมีสาระสำคัญแตกต่างจากแผนเดิม ประกอบด้วย

1.)ขอเช่ารถเมล์ไฟฟ้า จากเอกชน 2,511 คัน

2.)ขอจ้างเอกชนมาเดินรถจำนวน 1,500 คัน

และ 3.) จะจัดเก็บค่าโดยสาร 30 บาท/คน/วัน

ด้านนายสมพาศ กล่าวว่า "สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เคยยื่นเรื่องมาแล้ว2 ครั้ง และ ที่ผ่านมา นายกฯก็ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดเข้าครม.โดยเร็ว ดังนั้นจึงต้องไปตรวจสอบว่าเกิดความล่าช้าจุดไหน อย่างไรก็ตาม วันนี้ สหภาพฯก็มายื่นเรื่องอีกครั้ง ซึ่งก็จะรายงานให้นายกฯรับทราบเพื่อดำเนินการต่อไป"

‘เต้-มงคลกิตติ์’ โพสต์แขวะ ‘เอนก’ หาเงินเข้าประเทศให้พอรายจ่าย ก่อนคิดจะไปดวงจันทร์ ย้ำ ‘อย่าบอกนะว่าจะกู้อีก’

จากกรณี เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้กล่าวเปิดโครงการ ‘วัคซีนเพื่อคนไทย’ และได้มีการเปิดเผยว่า “เร็วๆ นี้ไทยจะเป็นชาติที่ 5 ของเอเชีย ที่จะสามารถผลิตยานอวกาศและส่งไปโคจรรอบดวงจันทร์ได้ โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการไม่เกิน 7 ปี และอาจมีการขอความร่วมมือและสนับสนุนจากประชาชนในการระดมทุน เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้จะเปลี่ยนวิธีคิดของคนไทย ว่าไทยไม่ใช่ประเทศที่ด้อยพัฒนาอีกแล้ว เราเป็นประเทศที่มีอนาคต มีโอกาส และมีความหวัง”

กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากเลยทีเดียวว่า ไทยสามารถสร้างยานอวกาศในเวลาเพียง 7 ปีได้จริงอย่างที่ เอนก กล่าวไว้จริงหรือ

ทันทีที่ข้อความดังกล่าวจาก เอนก ออกสื่อไปนั้น มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ก็ได้ออกมาโพสต์ ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวถึงกรณีนี้เช่นกัน โดยระบุว่า...

“ก่อนจะผลิตยานอวกาศไปโคจรรอบดวงจันทร์ หารายรับเข้าประเทศให้พอรายจ่ายก่อน หรือ ทำให้คนจนมีชีวิตขั้นพื้นฐานให้ปกติก่อน...อย่าบอกนะว่าจะกู้อีก”

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (16 ธันวาคม พ.ศ.2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 15 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 4,261 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 60 ราย รักษาหายเพิ่ม 28 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,977 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 224 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 15 ราย เป็นคนไทย 11 ราย สัญชาติเ อังกฤษ 1 ราย ฝรั่งเศส 1 ราย อินเดีย 1 ราย บราซิล 1 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 152 ราย รักษาหายแล้ว 147 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 362 ราย รักษาหายแล้ว 319 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 6.29 แสน ราย รักษาหายแล้ว 5.17 แสน เสียชีวิต 19,111 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 34 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 86,618 ราย รักษาหายแล้ว 71,681 ราย เสียชีวิต 422 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.11 แสน ราย รักษาหายแล้ว 89,418 ราย เสียชีวิต 2,319 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.52 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.19 แสน ราย เสียชีวิต 8,812 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,341 ราย รักษาหายแล้ว 58,233 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,405 ราย รักษาหายแล้ว1,252 ราย เสียชีวิต 35 ราย

หลังจากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 กำลังปะทุหนัก โดยบางพื้นที่ค่าฝุ่นทะลุ 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ กทม. มีค่าฝุ่นอยู่ที่อันดับ 6 ของโลก ทำให้ ‘พรรคเพื่อไทย’ ออกมาโจมตีถึงความไม่จริงใจในการแก้ปัญหาของรัฐ

อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า “รัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา ทั้งที่มีแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ที่รัฐบาลได้อนุมัติให้แผนดังกล่าวนี้ผ่านมติ ครม.ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2562 ออกมาตรการแก้ปัญหาสวยหรู

แต่ไม่ตอบโจทย์แม้แต่น้อย ใช้งบประมาณของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติในการจัดการปัญหานี้ มีการออกแผนเฉพาะกิจสวยหรู ทั้งการใช้ภาพถ่ายดาวเทียมรายงานฝุ่นละออง หรือการใช้แอพพลิเคชั่นบัญชาการการดับไฟป่า ที่ควรจะเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา

“แต่ตอนนี้เห็นเพียงผู้นำประเทศอย่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ออกมาบอกให้ประชาชนดูแลตัวเองทั้งที่เป็นหน้าที่ในการดูแลชีวิตและความปลอดภัยของพลเมืองในประเทศ จึงขอตั้งคำถามไปถึงรัฐบาลว่า คนไทยจะมีผู้นำประเทศไว้ทำไม ยิ่งพล.อ.ประยุทธ์อยู่ ยิ่งถ่างความเหลื่อมล้ำในการมีชีวิตอยู่รอดของประชาชนให้กว้างขึ้น ประชาชนต้องดิ้นรนกันเอง

บางครอบครัวต้องยอมเป็นหนี้สินเพื่อซื้อเครื่องฟอกอากาศที่มีราคาสูง ซื้อหน้ากากอนามัยราคาแพงมาใช้ ในขณะที่หลายครอบครัว ต้องทนรับสภาพชะตากรรมชีวิต ไม่มีสิ่งป้องกันใด ๆ นอกจากหน้ากากอนามัยเก่า หรือบางคนไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อหน้ากากไว้ใช้ป้องกันตัวเอง”

อรุณี กล่าวอีกว่า "หมดแล้วเวลาที่รัฐบาลจะโยนบาปให้ประชาชน เพราะรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์อยู่ในตำแหน่งมาอย่างยาวนานกว่า 6 ปี และผู้ว่าฯ กทม.ที่ คสช.แต่งตั้งมายังอยู่ในหน้าที่ แต่ไม่เคยแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ถนัดแต่ทำแบบผักชีโรยหน้า เอาละอองน้ำไปฉีดใกล้เครื่องวัดค่าฝุ่นละออง

แม้จะพยายามแก้ปัญหาก็ทำแบบวัวหายล้อมคอก อย่างมาตรการควบคุมจำกัดรถวิ่ง หรือตรวจจับควันดำที่ทำไม่จริงจัง หรือมาตรการควบคุมการก่อสร้าง อาคารและโครงการขนาดใหญ่ ที่ยังปล่อยปละละเลย ไม่มีการป้องกันที่เพียงพอ จนอดสงสัยไม่ได้ว่างบประมาณที่รัฐบาลถืออยู่มีประชาชนอยู่ในนั้นหรือไม่

หรือรัฐบาลนี้ถนัดแต่ดำเนินคดีการเมืองอย่างเดียวจนไม่สนใจปัญหาคุณภาพชีวิตประชาชน ตอนนี้ประชาชนมีทางเลือกไม่กี่ทางว่าจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร จะตายเพราะเศรษฐกิจแย่ ตายเพราะโควิด-19 ตายเพราะฝุ่น หรือตายเพราะมีผู้นำอย่างพล.อ.ประยุทธ์กันแน่ พรรคเพื่อไทยจะขอทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ เราจะทวงถามทั้งในสภาและถึงคณะกรรมาธิการต่าง ๆ จะไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้แน่นอน"

‘เพนกวิน พริษฐ์’ ออกมาโพสต์ปฏิเสธ ‘ผมเป็นสมาชิกของแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ ไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มเยาวชนปลดแอก’ ย้ำยังสู้เพื่อประชาธิปไตย ไร้เงาเผด็จการ-ศักดินาแทรกแทรง

หลังกลุ่มเยาวชนปลดแอก ได้ออกมาเสนอแนวคิดระบอบคอมมิวนิสต์ ดูจะทำให้แนวร่วมหลายฝ่ายเริ่มถอย รวมถึงนักเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่าง ‘เพนกวิน’

โดย พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ ‘เพนกวิน’ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า ตนไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มเยาวชนปลดแอก ข้อความดังนี้

พี่น้องผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน

ผมขอชี้แจงกับทุกท่านว่าผมเป็นสมาชิกของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มเยาวชนปลดแอก (Free Youth) และจุดยืนที่ปรากฏในเพจเยาวชนปลดแอกนั้น เป็นแนวทางของกลุ่มเยาวชนปลดแอกเอง ไม่ใช่แนวทางของผม ไม่ใช่ของแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ และที่สำคัญ ไม่ใช่มติของราษฎร ผมยังคงยึดมั่นในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่ไม่มีเผด็จการหรือศักดินาแทรกแซงครอบงำ เพื่อประชาธิปไตยที่ทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพ และความเท่าเทียม และเพื่อประชาธิปไตยที่มีรัฐสวัสดิการโอบอุ้มชีวิตของทุกคน

การเสนออุดมการณ์ไม่ว่าจะแนวคิดใดมิใช่เรื่องผิดบาป ถือเป็นเสรีภาพของผู้เสนอ แต่ในเชิงการเคลื่อนไหวต่อสู้นั้น จะต้องประเมินให้ดีว่าแนวคิดที่จะเสนอนั้นสอดคล้องกับเจตจำนงของมวลชนหรือไม่ ในขณะที่เราตัดสินใจจะพังเพดานในเวทีธรรมศาสตร์ในวันที่ 10 สิงหาคมนั้น เราได้วิเคราะห์และประเมินสถานการณ์อย่างถี่ถ้วนแล้วว่าปัญหาของสถาบันฯ คือสิ่งที่อยู่ในใจของพี่น้องที่ร่วมต่อสู้ ดังจะเห็นว่านับแต่การชุมนุมครั้งแรก เราเห็นป้ายกล่าวถึงปัญหาของสถาบันฯ ปรากฎอยู่ทุกแห่งหนในการชุมนุม เราจึงลุกขึ้นพูดเพื่อประกาศเจตจำนงของมวลชน เพราะถึงที่สุด การต่อสู้จะสำเร็จได้มิใช่ด้วยเจตจำนงของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่จะสำเร็จด้วยเจตจำนงร่วมของพี่น้องทุกท่าน

ในประเด็นเรื่องสามข้อหรือข้อเดียวนั้น เรายังยึดมั่นในข้อเสนอสามข้อซึ่งจะนำไปสู่การปฏิรูป แต่ตามธรรมชาติแล้ว การปฏิรูปจะเกิดขึ้นก็เมื่อชนชั้นนำยอมปรับเปลี่ยนตัวเองให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน หากชนชั้นนำไม่ยอมปรับตัวก็จะไม่เกิดการปฏิรูป และเมื่อไม่เกิดการปฏิรูปก็จะเกิดการปฏิวัติ เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ทั่วโลก ดังนั้น ขณะนี้ ถ้าเปรียบประเทศไทยเป็นรถยนต์ก็เหมือนอยู่ที่สามแยก ทางหนึ่งเลี้ยวไปหาการปฏิรูป ทางหนึ่งเลี้ยวไปหาการปฏิวัติ ประชาราษฎรได้ขับรถมาถึงหน้าสามแยกแล้ว แต่จะเลี้ยวไปทางไหนนั้น สถาบันฯ และองคาพยพจะเป็นผู้ตัดสินใจ ถ้าเลือกปรับปรุงตัวรถก็เลี้ยวเข้าถนนปฏิรูปสามข้อ แต่ถ้ายังดื้อด้าน รถก็เลี้ยวเข้าทางปฏิวัติข้อเดียวก็เท่านั้น

จึงเรียนมาเพื่อแถลงไขเพนกวิน

วัคซีนโควิด-19 ยังคงเป็นความหวังของมนุษยชาติที่จะใช้ต่อกรกับไวรัสโคโคน่าสายพันธุ์ใหม่ ขณะที่ประเทศจีนประกาศคำมั่นสัญญาจะช่วยประเทศกำลังพัฒนาเข้าถึงวัคซีนอย่างปลอดภัยและเท่าเทียม

วัคซีนโควิด-19 ยังคงเป็นความหวังของมนุษยชาติที่จะใช้ต่อกรกับไวรัสโคโคน่าสายพันธุ์ใหม่ ขณะที่ประเทศจีนประกาศคำมั่นสัญญาจะช่วยประเทศกำลังพัฒนาเข้าถึงวัคซีนอย่างปลอดภัยและเท่าเทียม

วังเหวินปิน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน แถลงว่า ปัจจุบันจีนกำลังดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อปฏิบัติตามพันธสัญญาในการทำให้ประเทศกำลังพัฒนา สามารถเข้าถึงและจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโคน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทวัคซีนจีน ทุ่มเทความพยายามสุดกำลังในการยกระดับการวิจัยและพัฒนาวัคซีน โดยวัคซีนหลายตัวเข้าสู่การทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 แล้ว ซึ่งจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน

รัฐบาลจีนสนับสนุนความร่วมมือระหว่างบริษัทจีนและนานาประเทศ ในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนอย่างแข็งขัน โดยจีนได้ปรึกษาหารือและร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับองค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีน (GAVI)

โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ระว่า รัฐบาลจีนจะดำเนินงานร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศต่อไป เพื่อรับประกันว่าทุกประเทศสามารถเข้าถึงวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพอย่างเท่าเทียม อีกทั้งสนับสนุนประเทศด้อยพัฒนาหรือประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศในการเข้าถึง และจัดซื้อวัคซีนผ่านมาตรการที่หลากหลาย

"บริษัทวัคซีนจีนทำการวิจัยและพัฒนาโดยสอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์และระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด อีกทั้งร่วมมือกับนานาชาติในการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล ตลอดจนกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง" พร้อมระบุว่า บางประเทศได้อนุมัติการใช้งานวัคซีนฝีมือจีนแล้ว ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนจีนได้เป็นอย่างดี

"เราพร้อมทำงานร่วมกับนานาประเทศ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีน รวมถึงมีส่วนสนับสนุนการเข้าถึงและการจัดซื้อวัคซีนโลก โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา เพื่อให้โลกของเราสามารถยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ในเร็ววัน" โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน กล่าวทิ้งท้าย


ที่มา : https://www.xinhuathai.com/china/161009_20201216

"อนุทิน ชาญวีรกูล" เผยไม่มีปัญหาหาที่นั่งคณะกรรมการสมานฉันท์ เพราะ "เป็นเรื่องของแต่ละพรรค" ยัน "พรรคภูมิใจไทย" ยังยึดหลัก "สามัคคี - ปรองดอง - ปกป้องสถาบัน"

อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ ในส่วนของรัฐบาล โดยได้กล่าวว่า

"พรรคภูมิใจไทยไม่มีปัญหา เป็นเรื่องของแต่ละพรรคการเมือง สำหรับพรรคภูมิใจไทยเสนอชื่อ สรอรรถ กลิ่นประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย เป็นตัวแทนไปเข้าร่วม สำหรับตัวแทนของรัฐบาลนั้นยังไม่ได้มีการหารือ ส่วนจะเป็นใครนั้นเราไม่มีปัญหา เป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรค ขณะที่รายละเอียดเป็นเรื่องของรัฐสภา ซึ่งพรรคภูมิใจไทยมีคนทำงานในส่วนของสภาอยู่แล้ว

ทั้งนี้ รายชื่อที่ออกมา ส่วนใหญ่ตนเห็นด้วย เพราะเป็นคนกันเองทั้งนั้น กรณีที่มีข่าวว่า ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ไม่พอใจกับกระแสข่าวที่มีชื่อของ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรัฐบาลนั้น เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเลย จึงยังไม่ทราบ"

เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะทำให้การทำงานของคณะกรรมการสมานฉันท์สะดุดจนไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า "ในส่วนของผมไม่มีปัญหาแน่นอน เพราะผมต้องการสมานฉันท์อยู่แล้ว พรรคภูมิใจไทยเน้นการสมานฉันท์ เน้นความสามัคคีปรองดอง ปกป้องสถาบัน นี่คือแนวทางของพวกผม"

อนุทิน ชาญวีรกูล ไฟเขียว "อีเว้นท์ปีใหม่" แต่ต้องขออนุญาตและปฏิบัติตามกฏ ขณะเดียวกันได้เผยในส่วนของสถานการณ์โควิด-19 ชายแดน โดยตอนนี้รัฐควบคุมสถานการณ์ได้ดี

จากกรณีคอนเสิร์ตที่ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า ปีใหม่นี้จะยังสามารถจัดกิจกรรมปีใหม่ได้อยู่ไหม งานนี้ "อนุทิน ชาญวีรกูล" รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า

"ยังสามารถจัดได้ ซึ่งภาครัฐ มีมาตรการอยู่แล้ว ส่วนผู้จัดต้องมาขออนุญาต นำเสนอแผน เมื่อได้รับการอนุญาต เวลาจัดงาน ต้องทำตามแผน แต่ถ้าผิดจากนั้น ก็ต้องรับผิดชอบ หากภาครัฐสั่งยุติกิจกรรม ก็ต้องหยุด เพราะถ้ายังจัดต่อ แล้วเจ้าหน้าที่เพิกเฉย เจ้าหน้าที่จะมีความผิด"

"สำหรับประชาชน มั่นใจว่าทุกคนเรียนรู้มามาก รู้ว่าจะจัดการตัวเองอย่างไร เช่น สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่างตามสมควร ก็ต้องปฏิบัติต่อไป"

"ส่วนสถานการณ์ตามชายแดน ตอนนี้ ดีขึ้นมาก กลุ่มที่มาจากท่าขี้เหล็ก ภาครัฐควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ผู้ติดเชื้อ ผู้มีความเสี่ยง ได้รับการรักษา ได้รับการกักตัว เข้าสู่กระบวนการควบคุมโรคแล้ว ขณะที่ฝ่ายความมั่นคง ก็เข้มแข็งในการปฏิบัติหน้าที่"

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรายหนึ่งในรัฐอะแลสกา สหรัฐฯ ก่ออาการแพ้รุนแรง หลังเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค แต่ตอนนี้อาการทรงตัวแล้ว

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า บุคคลรายดังกล่าวเข้ารับการฉีดวัคซีนเมื่อวันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ.2563 และทาง ไฟเซอร์ ยืนยันว่า กำลังร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ในการสืบสวนกรณีดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในสหราชอาณาจักร 2 คน ก็เกิดอาการแพ้คล้ายๆ กัน เป็นเหตุให้ทางรัฐบาลต้องแจ้งเตือนกับประชาชน ให้หลีกเลี่ยงเข้ารับวัคซีน หากมีประวัติเกี่ยวกับอาการแพ้รุนแรง

คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบของสหรัฐฯ อนุมัติใช้วัคซีนตัวดังกล่าวภายใต้คำเตือนว่า ประชาชนคนใดที่รู้ตัวว่ามีอาการแพ้ต่อส่วนผสมที่อยู่ในวัคซีน ไม่ควรเข้ารับการฉีดวัคซีน

"เรายังไม่มีข้อมูลครบทุกรายละเอียดเกี่ยวกับรายงานข่าวจากอะแลสกา ในเรื่องที่ว่าอาจมีอาการแพ้อย่างรุนแรงในคนไข้ แต่เรากำลังทำงานอย่างขมีขมันร่วมกับบรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่น เพื่อประเมินกรณีดังกล่าว" โฆษกของไฟเซอร์ระบุ

โฆษกของไฟเซอร์บอกต่อว่า "เราจะจับตาอย่างใกล้ชิดต่อรายงานข่าวทั้งหมดที่บ่งชี้ว่ามีคนเกิดอาการแพ้รุนแรงหลังเข้ารับการฉีดวัคซีน และจะอัพเดทคำเตือนเป็นสลากยาถ้ามีความจำเป็น"

ในส่วนของอาสมัคร 44,000 คน ที่เข้าร่วมการทดลองทางคลินิกของไฟเซอร์ ใครก็ตามที่มีประวัติแพ้วัคซีนหรือส่วนผสมของวัคซีนโควิด-19 จะถูกกันออกไป

อย่างไรก็ตาม ทางโฆษกยืนยันว่า โดยรวมแล้วการทดลองไม่พบประเด็นด้านความปลอดภัยร้ายแรงใด ๆ แต่ทางคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบและทางบริษัทจะเดินหน้าเฝ้าสังเกตการณ์ในกรณีที่อาจเกิดผลร้ายใดๆ หลังได้รับวัคซีน

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ กำลังฉีดวัคซีนให้กับประชาชนราวๆ 3 ล้านคนในสัปดาห์นี้ และหวังว่าจะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนแตะระดับ 20 ล้านคน ภายในเดือนนี้ หากว่าวัคซีนอีกตัวที่พัฒนาโดยโมเดอร์นา ผ่านการอนุมัติจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบ


ที่มา: เฟซบุ๊ก คุยทุกเรื่องกับสนธิ / เอเอฟพี

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน ( 17 ธันวาคม พ.ศ.2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 20 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 4,281 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 60 ราย รักษาหายเพิ่ม 12 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,989 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 232 ราย
ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 20 ราย เป็นคนไทย 14 ราย สัญชาติอังกฤษ 2 ราย อินเดีย 1 ราย เยอรมัน 1 ราย ปากีสถาน 1 ราย เนเธอร์แลนด์ 1 ราย


ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้
ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 152 ราย รักษาหายแล้ว 148 ราย เสียชีวิต 3 ราย
ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 362 ราย รักษาหายแล้ว 324 ราย  ไม่มียอดผู้เสียชีวิต
ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 6.36 แสน ราย รักษาหายแล้ว 5.22 แสน เสียชีวิต 19,248 ราย
ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 36 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต
ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 87,913 ราย รักษาหายแล้ว 72,733 ราย เสียชีวิต 429 ราย
ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.12 แสน ราย รักษาหายแล้ว 90,453 ราย เสียชีวิต 2,346 ราย
ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.53 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.19 แสน ราย เสียชีวิต 8,833 ราย
ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,353 ราย รักษาหายแล้ว 58,238 ราย เสียชีวิต 29 ราย
ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,405 ราย รักษาหายแล้ว1,252 ราย เสียชีวิต 35 ราย
 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top