Saturday, 20 April 2024
PoliticsQUIZ

กทม.แอ็คชั่นแล้ว! ‘ผู้ว่าฯ อัศวิน’ สั่งโรงเรียนในสังกัดไม่ต้องให้ นร.เข้าแถวเช้า พร้อมจัดทำ ‘ห้องปลอดฝุ่นส่วนกลาง’ ในทุกโรงเรียน

วันนี้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ระบุว่า ได้สั่งการให้โรงเรียนสังกัด กทม. ทั้ง 437 แห่ง ไม่ต้องทำกิจกรรมเข้าแถวหน้าเสาธงเหมือนที่เคยทำตามปกติ แต่ให้ทำอยู่ภายในห้อง หรือหน้าห้องเรียนแทน พร้อมกันนี้ ยังเตรียมจัดทำ ‘ห้องปลอดฝุ่น’ ในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน 292 ศูนย์ จำนวน 1,000 ห้อง และห้องเรียนเด็กเล็กในสังกัด กทม. ทั้ง 437 แห่ง รวมทั้งจัดทำห้องปลอดฝุ่นส่วนกลางในทุกๆ โรงเรียน สำหรับเป็นสถานที่ให้เด็กๆ ได้รอผู้ปกครองกลับบ้านอีกจำนวนกว่า 1,500 ห้อง

'วราวุธ'​ ส่งกระเช้าปีใหม่ถึงคนไทย ตั้งเป้าปี 64 สำรวจที่ทำกิน​ หวังมอบสิทธิให้ปชช. ใช้ประโยชน์ในปี 65 พร้อมกำชับ ทุกอุทยานดูแลนักท่องเที่ยวช่วงปีใหม่

ที่ทำเนียบรัฐบาล วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึงของขวัญปีใหม่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ว่า 

"เราได้วางแผนสำรวจพื้นที่ของคณะกรรมการนโยบายนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ ทส.ให้จบสิ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ในปี 2564 เพื่อให้ปี 2565 จะได้มีการมอบสิทธิในการทำกินให้กับประชาชน เพื่อดำเนินการให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการดูแลทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การปลูกต้นไม้ภายใต้โครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า ซึ่งปัจจุบันปลูกต้นไม้ไปได้กว่า 30 ล้านต้น โดยปี 2564 หวังว่าจะเพิ่มปริมาณการปลูกต้นไม้ในประเทศเพื่อรักษาคุณภาพป่าไม้ของประเทศ และรักษาคุณภาพของอุทยานที่เป็นสถานท่องเที่ยวสำคัญของประเทศทั้งทางบกและทางทะเลเพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชนได้ท่องเที่ยว"

อย่างไรก็ตาม วราวุธ​ ได้กำชับทุกอุทยานแห่งชาติให้เตือนและฝากข้อระวังกับประชาชนที่ไปเที่ยวในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นจุดที่มีความเสี่ยงและบริเวณที่มีอากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะการเดินทางผจญภัยบนพื้นที่สูงที่อาจจะทำให้เกิดอาการป่วย ซึ่งได้กำชับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ดูแลสวัสดิภาพและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
 

'เอนก' ชวนปชช.มองไทยใหม่​ 'ไม่ด้อยพัฒนา'​ เชื่อรัฐเตรียมสร้างยานอวกาศไปดวงจันทร์ คาดพร้อมส่งไปโคจรอีก 7 ปี ข้างหน้า​

ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มูลนิธิซียูเอ็นเทอร์ไพรส์ โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดโครงการ​ '​วัคซีนเพื่อคนไทย'​ โดยปิดรับบริจาคทุนวิจัย 500 บาท จากคนไทย 1 ล้านคน เป็นเงินจำนวน 500 ล้านบาท เพื่อเร่งวิจัยและผลิตวัคซีนโควิด-19 จากใบพืชเพื่อทดสอบในมนุษย์ได้ทันภายในเดือน มิ.ย.2564

อีกทั้งเปิดตัว 'ทีมไทยแลนด์'​ ร่วมลงนามความร่วมมือวิจัย พัฒนา และผลิตวัคซีนป้องกันโรคจากไวรัสโควิด-19 ระหว่างองค์การเภสัชกรรม กับ บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด และบริษัท คินเจน ไบโอเทค จำกัด

นอกจากนี้ ดร.เอนก ได้เปิดเผยอีกว่า "วันนี้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทยกำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้า นอกจากเรื่องการผลิตวัคซีนที่เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญแล้ว เรายังมีบริษัทคนไทยที่สามารถผลิตได้แม้กระทั่งยุทโธปกรณ์อย่างรถถังและเรืออีกด้วย

“นอกจากนี้​ ไทยยังจะเป็นชาติที่ 5 ของเอเชีย ที่จะสามารถผลิตยานอวกาศและส่งไปโคจรรอบดวงจันทร์ได้ ถัดจากจีน อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ฉะนั้นเพื่อให้บรรลุโครงการใน 7 ปี อาจมีการขอความร่วมมือและสนับสนุนจากประชาชนในการระดมทุน เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้จะเปลี่ยนวิธีคิดของคนไทยว่า ไทยไม่ใช่ประเทศที่ด้อยพัฒนาอีกแล้ว เราเป็นประเทศที่มีอนาคต มีโอกาส และมีความหวัง”

'คมนาคม'​ ยัน​ แผนรถเมล์ไฟฟ้า​ แก้​ PM2.5​ชัวร์!! ด้าน​ ​'ศักดิ์สยาม'​ กำชับ​ 'ขนส่ง'​ ไม่พร่องตรวจสภาพรถ​ ขนานจี้​ 'กรมเจ้าท่า'​ เดินเครื่องเรือไฟฟ้าให้ว่อง

ตอนนี้แทบทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ​ PM2.5​ พยายามเข้ารับมือกันอย่างหนัก​ โดยล่าสุด​ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เผยถึงกรณีที่ถูกถามว่า​ หากมีรถเมล์ใหม่จะแก้ปัญหาฝุ่นPM.2.5 ได้หรือไม่? ศักดิ์สยาม ได้กล่าวว่า...

"แก้ได้แน่นอน รถเมล์รุ่นใหม่ใช้ระบบไฟฟ้า ไม่ทำให้เกิดมลพิษ และเราก็พยายามดำเนินการในส่วนที่กระทรวงคมนาคมรับผิดชอบ เพราะรถเมล์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 จึงต้องปรับปรุงสภาพให้พร้อม

"ส่วนในช่วงโควิด ที่มีการชัตดาวน์ ไม่มีปัญหาเรื่องฝุ่น PM2.5 เราไม่ได้ห้ามใช้รถยนต์ แต่ต้องดูแลไม่ให้เกิดมลภาวะ"

อย่างไรก็ตาม​ การแก้ปัญหา​ PM2.5 ในส่วนของคมนาคมนั้น​ ตนได้สั่งการให้กรมขนส่งทางบก ตรวจสอบสภาพรถยนต์อย่างต่อเนื่อง ขณะที่กรมเจ้าท่ากำลังพัฒนาเรือขนส่งในแม่น้ำเจ้าพระยาให้เป็นระบบไฟฟ้าอีกด้วย

ครม. เคาะกฎหมายคุมอาคารเอกชนต้องทำประกันภัย คุ้มครองชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ขั้นต่ำ 1 แสนบาทต่อคน

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดหรือประเภทของอาคาร หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และจำนวนเงินเอาประกันภัย ที่เจ้าของอาคาร ผู้ครอบครองอาคาร หรือผู้ดำเนินการ ต้องจัดให้มีการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร

โดยกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และจำนวนเงินเอาประกันภัย ที่เจ้าของอาคาร ผู้ครอบครอง หรือผู้ดำเนินการ ต้องทำประกันภัย เพื่อคุ้มครองบุคคลภายนอกที่ได้รับความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน อันเนื่องมาจากการก่อสร้างอาคาร สภาพอาคาร การบำรุงรักษาอาคาร หรือการใช้อาคาร โดยยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดชนิดหรือประเภทของอาคารที่เจ้าของอาคารฯ ต้องทำการประกันภัยฯ พ.ศ. 2548

สำหรับสาระสำคัญ คือ กำหนดให้การก่อสร้าง ดัดแปลง เคลื่อนย้าย รื้อถอน หรือการใช้อาคารของเอกชน ต้องทำประกันภัยต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก กำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัย กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ไม่น้อยกว่า 100,000 บาทต่อคน ค่ารักษาพยาบาล ไม่น้อยกว่า 100,000 บาทต่อคน รวมกันแล้วไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาทต่อครั้ง และคุ้มครองทรัพย์สินบุคคลภายนอก ไม่น้อยกว่า 500,000 บาทต่อครั้ง ซึ่งการได้รับค่าสินไหมทดแทน ไม่เป็นการตัดสิทธิ์ผู้เสียหายที่จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือกฎหมายอื่น

นิวเยียร์...เคลียร์สุข!! รัฐบาลขอร้องคนไทย​การ์ดอย่าตก​ ไม่ปิดกั้นกิจกรรมปีใหม่​ แต่ต้องยึดมาตรการป้องโควิด-19​ จริงจัง

อึมครึมแต่ยังคึกคักได้​ เพราะที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการจัดกิจกรรมต่างๆในช่วงปีใหม่ว่า...

"รัฐบาลไม่ได้ปิดกั้น แต่ขอให้ปฎิบัติตามมาตรการสาธารณสุข ที่รัฐกำหนดขึ้น ซึ่งการจัดงานต้องวางแผนและแจ้งคณะกรรมการควบคุมโรคประจำจังหวัด โดยขอให้ประชาชนที่เข้าร่วมงานให้ความร่วมมือด้วย โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต้องการให้มีการทำความสะอาด (บิ๊ก คลีนนิ่ง) ก่อนจัดกิจกรรม สร้างความมั่นใจว่ามีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และฉลองปีใหม่อย่างมีความสุข"

เด็กถิ่นย่าโม!! โชว์​ ‘ป๋าเต็ด’ ฮีโร่เศรษฐกิจ ดันเม็ดเงินเพียบป้อนปากช่อง ปวดใจปมปิด​ Big Mountain​ สะเทือนศก.วงกว้าง แต่ยันคน​ '​โคราช-ปากช่อง' ยังต้อนรับป๋าเสมอ

จากกรณี ผู้ว่าฯ นครราชสีมา สั่งปิดการแสดงคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่น ในวันสุดท้ายของการแสดง เนื่องจากถูกร้องเรียนเรื่องมาตราการป้องกันโควิด-19 และ ยุทธนา บุญอ้อม หรือ ‘ป๋า เต็ด’ ได้ทำหนังสืออุทธรณ์ แต่ไม่เป็นผล

ล่าสุด มารุต ชุ่มขุนทด ผู้ก่อตั้งร้านกาแฟ Class Cafe (คลาส คาเฟ่) ในจังหวัดนครราชสีมา ได้มีการแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ผ่านทางเฟซบุ๊กว่า

“เรื่อง Big Mountain ดูจะเลยเถิด สิ่งที่พวกเราอาจจะลืมว่า​ สิ่งที่มหกรรม ดนตรีอันยิ่งใหญ่นี้เป็นเครื่องจักรเศรษฐกิจ ตัวสำคัญ ตัวนึงของเมืองโคราช เมื่อคืนวันที่ 13 ธ.ค. คนที่หนักใจที่สุดคงไม่พ้นป๋าเต็ด ยุทธนา ผู้จัดงาน ที่ตลอดสิบปีที่ผ่านมา ปีนี้ Big Mountain เป็นปีที่​ 11 ผมเป็นคนนึงที่เคยเป็นผู้สนับสนุนหลักเมื่อครั้งที่จัดครั้งแรกสนับสนุนโดย Nokia presented Big Mountain ภาพ ป๋าเต็ดโดนรุมสกัมเมื่อวาน ฝั่งพ่อค้าดูแล้วช่างเจ็บปวด เหมือนเชือดไก่ให้ลิงดู ถ้าเล่นเทศกาลที่ใหญ่อันดับ 1 ของเมืองไทยได้ ตรงไหนก็สั่งปิดได้

“ภาพช่างน่าเจ็บปวด เพราะเราลืมไปว่า ภาคการท่องเที่ยว เราพังพินาศ มาตั้งแต่เริ่มโควิด แต่วันนี้ปากช่อง โคราช โรงแรมคนแน่นไปหมด ร้านอาหารที่หงอยเหงากลับมาเต็มแน่น โรงแรมไม่ต้องโปรทิ้งขาดทุนย่อยยับ ร้านรวงข้างทาง ปั๊มน้ำมัน ซุปเปอร์ คนแน่นเอียด …. ฮีโร่ทางเศรษฐกิจ คนนี้กำลังโดน ทำร้าย อย่างน่าเศร้าโดนผลักไปเป็นจำเลย อย่างเจ็บปวด

“ลองคิดดูสิ ว่าเค้าสร้างเม็ดเงินกี่พันล้านให้กับเมืองปากช่องมาเท่าไหร่ ตลอดสิบปี … งานเมื่อวาน ลองนึกดูว่าคนหลายหมื่นเดินทางมาจากทั่วประเทศ จ่ายค่ารถ ค่าเดินทาง มาหมดแล้ว ค่านักแสดง นักดนตรี จ่ายหมดแล้ว ยังไม่นับ เหล้าเบียร์ อีกมหาศาล … ระหว่างที่ผมนึกถึงเรื่องนี้ ผมเห็น วินมอเตอร์ไซค์ ที่คอยโบกให้คนจอดรถอย่างคึกคักฟันค่าวิ่งกันมหาศาล…. ถ้าหยุด การประท้วงครั้งใหญ่คงระเบิดขึ้นแน่ๆ เพราะทั้งอารมณ์ร่วม ของวัยรุ่น มารวมกันและให้หยุดกลางทาง ต้องบอกว่า หยุดไม่ได้ ….

“เชื่อเหอะ การปิดกลางอากาศ แบบที่คำสั่งออกมาช่างดูง่าย แต่เอาจริงๆ ความเสียหายมันเยอะเหลือเกิน … เหมือนป๋ากำลังขับเรือไททานิคแล้วสั่งให้เบรค … ยังไงก็พัง แต่ทำไงให้กระทบน้อยที่สุด ผมว่าออกมาแบบเมื่อวานผมว่าสวยมากๆ จบแบบ “ป๋ายอมเจ็บ แกรมมี่ยอมพัง” เป็นจุดที่ทำได้ดีอย่างเหลือเชื่อ… และเชื่อว่า ปีหน้า คนยังจะจดจำป๋าในฐานะ ฮีโร่คนเดิม ที่อยากให้จัดงานดีๆ ที่นี่อีกครั้ง

“แน่นอนคนที่เป็นจำเลยอีกคนนึงก็ไม่พ้นผู้ว่า ที่ถืออำนาจสูงสุดของเมือง… แต่เราอย่าลืมนะครับ ที่ตัดสินใจอะไรก็โดนด่า ไม่ให้จัดก็โดน จัดมาก็โดน มีคนติดก็โดน ก่อนหน้านั้นมี รมต.คนนึงที่ออกข่าว ว่า “โควิดนั้นกระจอก คอนเสิร์ต จัดได้” พ่อค้า แม่ค้า คนจัดงาน นักดนตรี ต่างตาลุก เมื่อคิดว่าครั้งนี้จะกลับมาคึกคักได้ซะที

“… แต่ดูหมือน งานนี้คนส่งสัญญาณ ไฟเขียวคนนั้นจะลอยตัวไปแล้ว ปล่อยผู้ว่าฯ​ กลายเป็นจำเลยไปอีกคนนึง...ประชาชนคนโคราชไม่ห่วงเพราะทีมหมอรพ.มหาราชโคราชก็พร้อมมากและแข็งแรงมาก เราน่าจะเอาอยู่ แต่สภาพเศรษฐกิจ แบบที่ทั้งเมืองยังไม่มีขอทานข้างถนนมาหากินเลย แสดงว่ามันแย่มากๆ แล้ว ต้องการการขับเคลื่อน ทางเศรษฐกิจ ครับ

“โคราช ปากช่อง ยังต้อนรับป๋าเสมอ…. เอาใจช่วยทีมงานทุกคนครับ อดทนไว้ครับ"


เครดิตภาพ : BRAND BUFFET

ปลดล็อก 'กัญชา'​ หลุดพ้นยาเสพติด มีผลวันนี้​ (15 ธ.ค.63)​

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2563​ ความว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 วรรคหนึ่ง และมาตรา 8 (1) และ (2) แห่งพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ควบคุมยาเสพติดให้โทษออกประกาศไว้ดังนี้

ข้อ 1. ให้ยกเลิก (1) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ.2561(2) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 ลงวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ข้อ 2 ให้ยาเสพติดให้โทษที่ระบุชื่อดังต่อไปนี้ เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม

หมายความว่า 'กัญชา'​ (cannabis) พืชในสกุล Cannabis และวัตถุหรือสารต่างๆ ที่มีอยู่ในพืชกัญชา เช่น ยาง น้ำมัน ยกเว้นวัตถุหรือสารดังต่อไปนี้ เฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้ผลิตในประเทศ ไม่จัดเป็น ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5​ ตั้งแต่...

(ก) เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่งก้าน และราก

(ข) ใบ ซึ่งไม่มียอดหรือช่อดอกติดมาด้วย

(ค) สารสกัดที่มีสารแคนนาบิไดออล (cannabidiol, CBD) เป็นส่วนประกอบและต้องมี สารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (tetrahydrocannabinol, THC) ไม่เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนัก (ง) กากหรือเศษที่เหลือจากการสกัดกัญชาและต้องมีสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (tetrahydrocannabinol, THC) ไม่เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนัก นอกจากนี้ยังมียาเสพติดอีก 4 ชนิดโดยให้มีผลวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ.2563

ในยุคที่ระบบโลจิสติกส์มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ การพัฒนาฝีมือแรงงานให้มีสกิลด้านนี้ จึงเป็นหนึ่งในนโยบายของกระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่ต้องเร่งดำเนินการ

ล่าสุดกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเปิดโครงการฝึกอบรมต่อยอดในสายงาน Logistics Service Provider หลักสูตร การขนส่งทางทะเลและทางอากาศ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันการเปิดการค้าเสรี และการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ทำให้การค้าและการทำธุรกิจเป็นแบบไร้พรมแดน มีการแข่งขันสูง ซึ่งระบบโลจิสติกส์เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะด้านการขนส่งทั้งทางบก ทางอากาศและทางทะเล

ถือว่าเป็นต้นทุนที่เป็นตัวแปรสำคัญต่อความอยู่รอดและความก้าวหน้าของธุรกิจในปัจจุบัน หากมีการจัดการระบบโลจิสติกส์ที่ดี ผนวกเข้ากับแรงงานที่มีฝีมือมีการพัฒนาตนเองเพื่อยกระดับฝีมือให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีและความเปลี่ยนแปลงของโลกจะสามารถลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสในการแข่งขันได้อย่างแน่นอน

รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงแรงงาน โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน มีนโยบายยกระดับฝีมือแรงงานให้มีคุณภาพ

ซึ่ง กพร. ดำเนินงานภายใต้การบูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่ายตามแนวทางประชารัฐซึ่งเป็นการขับเคลื่อนแรงงาน ด้านการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาศักยภาพแรงงานทุกระดับ ทั้งด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ ให้มีผลิตภาพแรงงานสูง สอดคล้องกับความต้องการตลาดแรงงานทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก และก้าวทันเทคโนโลยี 4.0

นายธวัช กล่าวต่อไปว่า กพร.ได้บูรณาการร่วมกับสมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (TIFFA) โดยโรงเรียนธุรกิจการขนส่งและการค้าระหว่างประเทศ (ITBS) จัดฝึกอบรมโครงการพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์รองรับธุรกิจขนส่งและการค้าระหว่างประเทศ หลักสูตร การขนส่งทางทะเลและทางอากาศ (Seafreight & Airfreight) จำนวน 3 รุ่น ๆ ละ 50 คน ระยะเวลาการฝึก 60 ชั่วโมง รุ่นที่ 1/2564 ฝึกอบรมระหว่างวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2563 – 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564 (อบรมเฉพาะวันอังคาร และวันพฤหัสบดี)

เป้าหมายเป็นบุคคลทั่วไปที่มีประสบการณ์การทำงานในสายงานโลจิสติกส์ ไม่ต่ำกว่า 2 ปี วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป ผู้เข้าอบรมจะได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติเกี่ยวกับ ธุรกิจผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เงื่อนไขและเอกสารที่ต้องใช้ในธุรกิจการขนส่ง การประกันภัยเกี่ยวกับการขนส่ง พิธีการศุลกากร การขนส่งทางทะเล และทางอากาศ การบรรจุและขนถ่ายสินค้า การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ โลจิสติกส์และซัพพลายเชน ณ โรงเรียนธุรกิจการขนส่งและการค้าระหว่างประเทศ (ITBS) ผู้ผ่านการฝึกอบรมสามารถเข้ามาทำงานในสายงานโลจิสติกส์ การขนส่งสินค้าทั้งทางเรือและทางอากาศ และด่านศุลกากร

สำหรับผู้สนใจสามารถกรอกใบสมัครได้ที่เว็บไซต์ของโรงเรียนธุรกิจการขนส่งและการค้าระหว่างประเทศ (ITBS) http://www.itbslogistics.com/course/Training.html หรือโทรศัพท์ 0-2018-2800 ต่อ 8901-8902, 095-759-8058, 095-174-2589 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4

หลังจากประเทศไทยได้รับการจัดระดับให้อยู่ ระดับ Tier 2 ในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

ล่าสุด “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องย้ำชัดต้องป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ มุ่งความยั่งยืน และต้องร่วมหยุดการล่วงละเมิดทางเพศกับเด็ก พร้อมตั้งเป้าปี 64 ยกระดับ สู่ Tier 1 ให้ได้

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ประจำ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี. ได้เรียกประชุม คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ 2 คณะ เข้าประชุมต่อเนื่องกัน ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และคณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนและติดตามการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ณ ห้องประชุมทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุมรับทราบ การแลกเปลี่ยนความร่วมมือการต่อต้านการค้ามนุษย์ ไทย - สหรัฐฯ โดยไทยเสนอความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากรและเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน

พร้อมทั้งรายงานความคืบหน้าของคดีการค้ามนุษย์และคดีการบังคับใช้แรงงานที่สำคัญให้สหรัฐฯทราบ และรับทราบแนวทางความร่วมมือกับองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) โดยมีคณะทำงานร่วมกันในด้านคุ้มครอง ด้านการเพิ่มศักยภาพทีมสหวิชาชีพ และด้านการป้องกัน

และแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและปราบปรามเพื่อลดอุปสงค์การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก การบังคับใช้แรงงานหรือบริการและการค้ามนุษย์ทุกรูปแบบ รวมทั้งรับทราบการขับเคลื่อนโครงการอาเซียน - ออสเตรเลีย เพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ ที่มุ่งเน้นความเชื่อมโยงของแผนระดับประเทศและภูมิภาค

พร้อมกันนี้ ได้เห็นชอบการปรับปรุง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 เพิ่มเติมในกรณีการยึด/อายัดทรัพย์คดีค้ามนุษย์ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ รวมทั้งเห็นชอบกรอบการดำเนินงานขับเคลื่อนโครงการอาเซียน - ออสเตรเลีย เพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ และรับทราบความก้าวหน้า การจัดตั้งหน่วยงานถาวร ภายใต้สังกัด ตร.ในด้านการปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต (TICAC)

รวมทั้งเห็นชอบการจัดทำระบบสารสนเทศเพื่อบูรณาการข้อมูลด้านการป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย เพื่อเป็นระบบฐานข้อมูลร่วมกันแก้ปัญหาของทุกส่วนราชการ

ต่อจากนั้น ได้ร่วมกันพิจารณาการจัดทำรายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทยประจำปี 63 เสนอต่อสหรัฐฯ โดยสรุป ได้ชี้แจงถึงสถานการณ์และผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทยรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นการดำเนินนโยบายต่อต้านการค้ามนุษย์ของรัฐบาล เน้นเสนอความก้าวหน้าและผลการดำเนินงานที่สำคัญใน 3 ด้าน คือ

1.) ด้านการดำเนินคดีและบังคับใช้กฎหมาย

2.) ด้านการคุ้มครองช่วยเหลือ

และ 3.) ด้านการป้องกัน

พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นและจุดยืนของรัฐบาล ต้องการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์อย่างจริงจังโดยมุ่งความยั่งยืน การขับเคลื่อนกลไกปฏิบัติการในทุกระดับทั้งในประเทศและต่างประเทศจึงมีความสำคัญยิ่ง ขอให้ทุกคณะทำงานต้องกำหนดตัวชี้วัดความคืบหน้าให้ชัดเจนในทุกมิติ และดำเนินการตามคำแนะนำของสหรัฐฯ

โดยเฉพาะต้องร่วมกันหยุดความรุนแรงและการล่วงละเมิดทางเพศกับเด็ก ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงให้ได้ และให้เพ่งเล็งการแก้ปัญหาแรงงานกลุ่มประมงมากขึ้น โดยมุ่งแก้ปัญหายึดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง และร่วมกันผลักดันกฎหมาย กรณีการยึด/อายัดทรัพย์คดีค้ามนุษย์ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ให้เป็นผล

พร้อมทั้งกำชับเข้มกับทุกส่วนราชการว่า ต้องกำกับไม่ให้มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์โดยเด็ดขาด หากมีจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุดโดยไม่มีละเว้น ทั้งนี้เพื่อขจัดการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย และร่วมกันยกระดับประเทศไทยสู่ Tier 1 ให้ได้ในปี 64


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top