Friday, 9 May 2025
PoliticsQUIZ

‘ทักษิณ’ เกาะติดอภิปราย!! หากฝ่ายค้านยื่น ลั่น!! ไม่กังวล พร้อมโต้เอง หากถูกพาดพิง

(9 ก.พ. 68) ที่บ้านราชวิถี ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจหากมีการพาดพิงมาถึง จะฟ้องร้องหรือไม่ ว่า ตนเข้าไปในสภาไม่ได้ แต่อาจไปอยู่หลังสภาคอยตอบให้ ถ้าใครสงสัยอะไรมาถามได้ ท่าจะดีเหมือนกัน เมื่อถามย้ำว่า หากถูกอภิปรายพาดพิงจริงจะตั้งโต๊ะแถลงตอบโต้อย่างเป็นทางการหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องของพรรค หากพาดพิงจริงก็ตอบได้ ให้มาถามก็แล้วกัน ส่วนจะตอบในรูปแบบใด ไม่มีอะไรต้องกังวล

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเกาะติดการอภิปรายโดยตั้งเป็นวอร์รูมหรือไม่ นายทักษิณหัวเราะและกล่าวว่า ไม่มีปัญหา สบายๆ ไม่มีอะไรต้องกังวล เมื่อถามว่า จะต้องติวให้นายกรัฐมนตรีที่ยังไม่เคยผ่านเวทีอภิปรายหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า วันนี้นายกฯผ่านมาเยอะแล้ว โดนมาเยอะแล้ว สบายๆ และเป็นหน้าที่ของคนเป็นนายกรัฐมนตรีที่ต้องคอยตอบคำถาม ส่วนฝ่ายค้านมีหน้าที่ตั้งคำถาม เรามีหน้าที่ตอบ ไม่มีอะไร เพราะเป็นกติกาประชาธิปไตย

เมื่อถามย้ำว่า ในฐานะคุณพ่อไม่มีความกังวลแทนนายกฯใช่หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่กังวล มั่นใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการนำเรื่องชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจมาอภิปราย และอาจนำไปสู่การเมืองนอกสภา นายทักษิณกล่าวว่า ไม่มีอะไรให้กังวล

เมื่อถามกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ได้ยื่นเอกสารลับชั้น 14 ให้กับผู้นำฝ่ายค้าน นายทักษิณกล่าวว่า “ผมเป็นตำรวจเก่า รู้จักแต่ พล.ต.อ.ที่เป็นเป็นผู้ชาย พล.ต.อ.ผู้หญิงผมไม่รู้จัก” ผู้สื่อข่าวจึงถามขึ้นว่า พล.ต.อ.หญิงหมายความว่าอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่า พล.ต.อ.หญิงไม่มี เลยไม่จัก รู้จักแต่ พล.ต.อ.ชาย”

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ที่ระบุว่า พล.ต.อ.หญิงหมายถึงใคร นายทักษิณกล่าวย้ำว่า ไม่รู้ ในประเทศไทยมีแต่ พล.ต.อ.ชาย เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ที่ระบุว่ารู้จักแต่ พล.ต.อ.ชาย ไม่รู้จัก พล.ต.อ.หญิง เป็นการเปรียบเปรยใช่หรือไม่ นายทักษิณหัวเราะ และกล่าวว่า พล.ต.อ.หญิงยังไม่มี และประเทศไทยยังไม่เคยมี ใครอยากเป็นคนแรกก็เป็น

ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายถึงคนที่ยื่นเอกสารให้กับผู้นำฝ่ายค้านหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า “ไม่รู้นะ ผมเป็นลูกผู้ชาย” เมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับผู้ที่ยื่นเอกสารให้ผู้นำฝ่ายค้านเป็นอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้เคยร่วมรัฐบาล นายทักษิณกล่าวว่า เคยมีสัมพันธ์ที่ดี ขอตอบแค่นี้ เมื่อถามย้ำว่า ความสัมพันธ์ในปัจจุบันเป็นอย่างไร นายทักษิณกล่าวคำเดิมว่า เคยมี เคยมีแปลว่าอะไร เมื่อถามว่า แปลว่าจากนี้จะไม่ดีกันแล้ว นายทักษิณกล่าวว่า เอาเป็นว่าเคยมี

เมื่อถามย้ำว่า ฝ่ายค้านย้ำข้อมูลการอภิปราย ทั้งเรื่องฝุ่น กาสิโน การตัดไฟเมียนมา จะทำให้รัฐบาลสะเทือนได้ นายทักษิณกล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่ตอบ เรื่องฝุ่นมีมานาน ไม่ใช่จะหายชั่วข้ามคืน เรามีมาตรการออกมาเรื่อยๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้อย่างอารมณ์ดี โดยพูดไปยิ้มไป

‘ร.ต.อ.หญิง อัยรดา’ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ จี้!! ‘ปูอัด’ ลาออก สส. เร่ง!! หน่วยงานตรวจสอบโดยเร็ว ชี้!! ความยุติธรรมที่ล่าช้า ก็คือความไม่ยุติธรรม

(9 ก.พ. 68) ‘ร.ต.อ.หญิง อัยรดา บำรุงรักษ์’ รองโฆษกและผู้ช่วยผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงกรณีศาลเชียงใหม่ออกหมายจับ ‘นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์’ ถูกกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศนักท่องเที่ยวต่างชาติ ว่า

ตนในฐานะตัวแทน ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะ ความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความไม่ยุติธรรม โดยเร่งดำเนินการ ดังนี้

1. นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ควรแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการลาออก ไม่ใช้เอกสิทธิ์ สส. เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง

2. พรรคการเมืองในสังกัดปัจจุบันควรแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการออกมาแสดงจุดยืนและขอโทษประชาชน

นอกจากนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากยึดตามสโลแกนที่ว่า “พรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค” สะท้อนถึงปัญหาระบบการคัดสรรผู้สมัคร สส. ของต้นสังกัดเดิม จะได้เห็นว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่บุคลากรของพรรคเดิม มีประวัติและการกระทำด่างพร้อย  ดังนั้น ต่อไปนี้อยากฝากพี่น้องประชาชนอย่าเลือกคนลงสมัคร สส.ที่พรรคอย่างเดียวควรพิจารณาถึงผลงาน ประวัติ ความเป็นมาของผู้สมัครเป็นหลัก ดังนั้น คำที่ว่า พรรคเลือกคนประชาชนเลือกพรรค จึงไม่สามารถใช้กับพรรคการเมืองในเมืองไทยได้อีกแล้วเมื่อเกิดเหตุแบบนี้ซ้ำซากกับบุคคลากรของพรรคการเมืองดังกล่าว 

ทั้งนี้ ตนจึงอยากเรียกร้องให้ผู้บริหารอดีตพรรคก้าวไกลที่เป็นคนนำพา สส.คนกล่าวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ล่วงละเมิดทางเพศนักท่องเที่ยวหญิงต่างชาติเข้าสู่การเมืองและได้รับการเลือกตั้งเป็นสส.เพราะความนิยมของพรรค ได้ออกมาขอโทษพี่น้องประชาชนด้วย เนื่องจาก ผู้บริหารพรรคก้าวไกลในอดีตมักพูดเสมอว่า เป็นเพราะกระแสความนิยมพรรรคจึงได้ สส.มาเป็นจำนวนมาก 

ตนขอชื่นชมในความกล้าหาญของนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันที่จะยืดหยัดต่อผู้ถูกกล่าวหาซึ่งมีเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยไม่เกรงกลัวกับอำนาจใดๆ และประเด็นที่สังคมควรให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน คือ มาตรการเยียวยาผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบทางร่างกายและจิตใจ และยิ่งกว่านั้นในสังคมไทยควรจะร่วมมือกันรณรงค์ในการป้องกัน สอดส่องดูแลไม่ให้ผู้ใด โดยเฉพาะเด็กและสตรี ตกเป็นเหยื่อได้อีก #nomorevictims

'เลขาสภาฯ' คาด 20 ก.พ. เปิดโหวตส่ง ‘ปูอัด’ ให้ตำรวจ ยืนยันไม่ล่าช้า เหตุสัปดาห์นี้มีประชุมร่วม 2 สภา

‘เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร’ คาดบรรจุวาระโหวตไฟเขียวจับ ‘สส. ปูอัด’ ข้อหาข่มขืนสาวไต้หวัน 20 ก.พ.นี้  ยันไม่ล่าช้า เหตุสัปดาห์นี้มีประชุมร่วม

(10 ก.พ.68) เวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา ว่าที่ร้อยตำรวจตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า หมายจับของนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ข้อหาข่มขืนนักท่องเที่ยวหญิงชาวไต้หวัน ยังมาไม่ถึงสภาฯ เพราะตามขั้นตอนสภ. เชียงใหม่จะส่ง หมายจับของศาลไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหนังสือเพิ่งถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา จึงคาดว่ามาถึงสภาฯ ไม่วันที่ 10 ก.พ. ก็ 11 ก.พ. นี้ เพราะต้องผ่านขั้นตอนคือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) หรือรองผบ.ตร. ก็จะทำหนังสือถึงประธานสภาฯ เพื่อขออนุญาต พิจารณาคดีระหว่างสมัยประชุม ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 125 วรรค 1 ทั้งนี้เมื่อหนังสือมาถึงทางสำนักประชุมก็จะนำเสนอประธานสภาฯ เพื่อขออนุญาตบรรจุวาระการประชุมในวันที่ 20 ก.พ.เป็นเรื่องด่วน เพราะวันพุธ เป็นวันพิจารณากฎหมาย 

เมื่อถามว่า หากนายไชยามพวานลาออก ไม่ต้องพิจารณาเรื่องนี้ใช่หรือไม่ ว่าที่ร้อยตำรวจตรีอาพัทธ์ กล่าวว่า ถ้าลาออกก็ถือว่าขาดสมาชิกภาพทางสภาฯก็ไม่ต้องพิจารณา การคุ้มกันต่าง ๆ จะหมดลง แต่ตอนนี้อยู่ในระหว่างชั้นการสอบสวนยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ยังไม่ได้ฟ้องศาล แต่ทันทีที่สภาฯอนุมัติให้จับเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าควบคุมตัวนายไชยามพวาน ได้ทันที

เมื่อถามว่า มองว่าช้าไปหรือไม่ที่บรรจุวาระดังกล่าวในวันที่ 20 ก.พ. กล่าวว่า เป็นขบวนการตามปกติ เนื่องจากสัปดาห์นี้มีประชุมร่วม ยังไงก็บรรจุไม่ได้อยู่แล้ว ต้องรอสัปดาห์หน้า

‘ทักษิณ’ ดึง ‘นาโอมิ’ ที่ปรึกษาทีมซอฟต์พาวเวอร์ ขับเคลื่อนอุตฯแฟชั่น - ปั้นนางแบบไทยสู่เวทีโลก

เมื่อวันที่ (9 ก.พ.68) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรณีจดหมายเปิดผนึกกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม คัดค้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ว่า ยังไม่เห็นเนื้อหาที่ชัดเจน แต่รู้สึกว่าจะมีการตำหนิผู้นำ เท่าที่ได้สอบถามนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรื่องการตั้งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ คาดว่าอีก 2 วันคงจะลงตัว ซึ่งเป็นกลไกที่แบงก์ชาติ และกระทรวงการคลังเสนอ และให้คณะกรรมการสรรหาไปเลือก การเป็นประธานต้องมีความสัมพันธ์ที่ดี และมีความรู้ จึงไม่ทราบเหมือนกันว่านายพิชัยเสนอใคร

เมื่อถามว่า มองว่าใครเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ นายทักษิณ กล่าวว่า พูดตรงๆ คนจะมาทำงานให้กับประเทศโดยส่วนรวมหายาก เพราะต้องมีความพร้อม และต้องมีความเสียสละ บางคนอาจจะพร้อม แต่ไม่เสียสละ บางคนอยากเสียสละ แต่ไม่พร้อมมาช่วยกันทำงานให้บ้านเมือง หรืออาจเพราะตนแก่ไปแล้ว ไม่รู้จักคน เพราะหายไป 17 ปี แต่ก็ช่วยกันมองอยู่

นายทักษิณ กล่าวกรณีเชิญ นาโอมิ แคมป์เบลล์ นางแบบระดับโลก หารือว่า เมื่อคืนวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ได้พูดคุยเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ กับ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ มี น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะกำกับดูแลเรื่องการพัฒนาชุมชนและกองทุนหมู่บ้าน จะให้เด็กรุ่นใหม่อยู่ในชนบท หรือครอบครัวคนที่ไม่ค่อยมีฐานะในการเปลี่ยนแปลง หรือไปศัลยกรรมได้มีโอกาสเข้ามา เท่าที่คุย นาโอมิเห็นด้วย เพราะเขาเองก็มาจากครอบครัวจาไมก้า และได้พูดคุยกันถึงแนวทางการจะคัดคนให้นางแบบประเทศไทยเทรนก่อน แล้วจะส่งไปเรียนต่างประเทศ เพื่อให้มีโอกาสมากขึ้น

“ส่วนจะเชิญนาโอมิมาเป็นทูตวัฒนธรรม หรือเป็นแค่ที่ปรึกษานั้น ผมเชิญมาเป็นที่ปรึกษาในฐานะที่รู้จัก และเขามีประสบการณ์เยอะ อยู่ในวงการนี้มานาน มีสายสัมพันธ์มาก เลยขอคำปรึกษา คำแนะนำ” นายทักษิณกล่าว

ทั้งนี้ มีรายงานว่า นาโอมิมีกำหนดการเข้าพบหารือนายกฯ เรื่องแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่น ในโอกาสเยือนประเทศไทยด้วย ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 10 กุมภาพันธ์ เวลา 15.00 น.

‘นิว จตุพร’ ผู้ต้องหาคดี 112 หนีไปนอก ‘ตั้ง อาชีวะ’ รอรับ!! ประเทศปลายทาง

(12 ก.พ. 68) นางสาวจตุพร แซ่อึง หรือ นิว นักกิจกรรมจากจังหวัดบุรีรัมย์วัย 27 ปี ผู้ถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ

ได้โพสต์เฟซบุ๊กเช็คอินที่เมืองออกแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นรูปนายเอกภพ เหลือราหรือ “ตั้ง อาชีวะ” เป็นผู้มารอรับที่สนามบิน ว่า

“ขอบคุณครับที่มารับถึงสนามบินเลยยยยยย แถวนี้ไม่มีฝุ่นเลยครับ ”

ด้านนายเอกภพ เหลือรา หรือ ตั้ง อาชีวะ ได้แสดงความคิดเห็นด้วยว่า “พี่ช่วยได้เท่าที่ช่วยได้น้องเอ้ย ที่เหลือก็ต้องลุยเองแล้วนะ ขอให้สนุกกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ครับ เพราะ112ทำให้เราได้มาเจอกัน555” “รอดไปถึงฝั่งอีกคนละ ขอให้มีความสุขในการเริ่มต้นใหม่นะ เริ่มต้นชีวิตใหม่ในประเทศที่มอบโอกาสที่มาพร้อมกับความเท่าเทียม และไม่มี112”

ทั้งนี้ คำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ ของคดี น.ส.จตุพร นั้น ศาลได้พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันดูหมิ่น หมิ่นประมาท และอาฆาตมาดร้าย 

พระมหากษัตริย์ พระราชินีฯ ยืนตามศาลชั้นต้น อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี ในข้อหาตามมาตรา 112 และปรับ 1,000 บาท ในข้อหาตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ ต่อมาวันที่ 21 ส.ค. 2567 ศาลฎีกาได้มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวจตุพร โดยเห็นว่า “พิเคราะห์ข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าโทษตามคำพิพากษาไม่สูงมากนัก จำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวตลอดไม่มีพฤติการณ์หลบหนี จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา ตีราคาประกัน 200,000 บาท 

โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยกระทำหรือเข้าร่วมกิจกรรมซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ในลักษณะเดียวกับการกระทำที่ถูกฟ้องร้อง และห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกัน แจ้งเงื่อนไข แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน!!

(12 ก.พ. 68) จากการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ช่วงการหาเสียงเลือกตั้งปี 2566 ในวันที่ 27 เมษายน ณ สนามหน้าเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช มีข้อความตอนหนึ่งในคำปราศรัยของผม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวถึงนายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราชหลายสมัย ว่าเป็นผู้คัดค้านการก่อสร้างถนนเลียบชายฝั่งทะเลเขาพลายดำ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช และล่ารายชื่อประชาชนเพื่อขัดขวางโครงการดังกล่าว

ข้อมูลการปราศรัยผมอ้างอิงจากบันทึกรายงานการประชุมคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ต่อมาได้ตรวจสอบพบว่ามีความเข้าใจคลาดเคลื่อน นายวิทยาไม่ได้คัดค้าน และล่ารายชื่อประชาชนเพื่อขัดขวางโครงการดังกล่าวแต่อย่างใด 
ผมจึงขออภัยต่อนายวิทยา แก้วภราดัย ในความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และคำปราศรัยที่ทำให้เกิดความเสียหายไว้ ณ ที่นี้

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย

‘เท่าพิภพ’ สนับสนุน!! ‘นายกฯ อิ๊งค์’ แก้กฎหมาย ยกเลิกวันห้ามขาย ‘เหล้า-เบียร์’ อธิบายละเอียด มีมาตรายกเลิก แต่ต้องเหนื่อย!! ตอนคุยกับข้าราชการสายสุขภาพ

(12 ก.พ. 68) นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับกฎหมายควบคุมการจำหน่ายเเอลกอฮอล์ ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษาข้อมูลการแก้กฎหมาย เรื่องการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่าง ๆ ในช่วงเวลา 14.00 – 17.00 น. รวมทั้งเรื่องการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระ
.
นายเท่าพิภพ ระบุว่า สนับสนุนครับ ประเทศเราต้องควบคุมเเอลกอฮอล์ด้วยการเคร่งครัดการบังคับใช้กฎหมายโดยเฉพาะเรื่องเยาวชนครับ แต่กฎหมายเราไปเข้มเรื่องอื่นออกทะเล จนทำให้กฎหมายดูไปเป็นสากลไปซะมาก ต้องแก้เเบบนายกฯ ว่าเเหละครับ
.
การศึกษาผลกระทบท่านก็ลองทำดู แต่เรื่องข้อกฎหมายผมศึกษาให้เเล้ว ไม่มีอะไรมากครับ
.
เรื่องเวลาขาย
.
1. ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 253 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2515 เรื่องเวลาขายอันนี้ต้องยกเลิก ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่กมธ.พิจารณาเสร็จ มีมาตรายกเลิกครับ
.
2. หลังจากยกเลิกตามข้อ 1 เเล้ว พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับปัจจุบัน) ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชงให้ รมต.สาธารณสุข เห็นชอบครับ ย้ำว่ารัฐมนตรีไม่มีอำนาจชงเอง คณะกรรมการจะมีข้าราชการสายหมอ สายสุขภาพเยอะหน่อย จะอนุรักษ์นิยมหน่อยครับ
.
3. ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมฯ ฉบับใหม่จะตัดอำนาจรัฐมนตรีออก เป็นอำนาจของคณะกรรมการโดยตรง ซึ่งเเม้ รมต.สาธารณสุข จะเป็นประธาน เเต่ก็จะตีโต้คัดค้านไม่เซ็นเห็นชอบได้เเบบเดิม
.
เรื่องวันพระ หรือห้ามขายออนไลน์ เป็นผลงานจากคณะกรรมการดังกล่าวด้วย
.
ข้อเสนอที่สงวนไว้เป็นเสียงข้างน้อยนั้นเห็นว่าควรยกเลิก หรือลดอำนาจการออกกฎประกาศของคณะกรรมการดังกล่าวแล้วเปลี่ยนเป็นการออกกฎกระทวงด้วยอำนาจรัฐมนตรีแทนครับ ยังไงฝากท่านนายกในฐานะหัวหน้ารัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ช่วยให้ สส.ฝ่ายรัฐบาลสนับสนุน คำสงวนของผมในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อยด้วยครับ
.
สิ่งนี้จะทำให้ท่านนายกได้ทำตามที่อยากทำได้ครับ ไม่งั้นถึงเเม้เป็นนายกก็จะบังคับคณะกรรมการควบคุมให้แก้เเค่เรื่องวันเวลาขายเหล้านี้บอกเลยยากครับ

‘สส.วิทยา แก้วภราดัย’ แสดงสปิริต ถอนแจ้งความ ไม่ติดใจเอาความทั้ง ‘แพ่ง-อาญา’ ที่ ‘ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ’ ปราศรัยใส่ร้าย ด้วยข้อมูลเท็จ ล่าสุดเจ้าตัวยอมรับผิด โพสต์ขอโทษ

(12 ก.พ. 68) นายวิทยา แก้วภราดัย สส. บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ตัดสินใจถอนแจ้งความ ไม่ดำเนินคดีกับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ช่วยหาเสียงและนักปราศรัยจากพรรคเพื่อไทย หลังเจ้าตัวยอมรับว่าให้ข้อมูลผิดพลาดบนเวทีปราศรัย และโพสต์ขอโทษผ่านโซเชียลมีเดีย

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2566 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงที่ สนามหน้าเมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยพาดพิงว่านายวิทยาเป็นผู้คัดค้านโครงการก่อสร้างถนนเลียบชายฝั่งทะเล เขาพลายดำ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช และรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อขัดขวางโครงการ ซึ่งนายวิทยา ยืนยันว่าเป็นข้อมูลเท็จ และส่งผลให้เขาตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2566

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด นายณัฐวุฒิ ได้ติดต่อมาขอโทษเป็นการส่วนตัว และโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในวันนี้ ยอมรับว่าการกล่าวหานั้นเกิดจาก ความเข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากข้อมูลที่อ้างอิงมาจากรายงานการประชุมของคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งต่อมาได้ตรวจสอบพบว่านายวิทยาไม่ได้คัดค้านหรือขัดขวางโครงการดังกล่าวแต่อย่างใด

ในโพสต์ขอโทษ นายณัฐวุฒิระบุว่า “ผมขออภัยต่อนายวิทยา แก้วภราดัย ในความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และคำปราศรัยที่ทำให้เกิดความเสียหายไว้ ณ ที่นี้”

ด้วยเหตุนี้ นายวิทยาจึงพิจารณาแล้วว่า ณัฐวุฒิได้แสดงความรับผิดชอบและสำนึกผิดอย่างจริงใจ จึงตัดสินใจ ถอนคำร้องทุกข์ และไม่ติดใจดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญาอีกต่อไป

การตัดสินใจของนายวิทยาถือเป็น อีกหนึ่งกรณีที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการเมืองที่พร้อมเปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามยอมรับผิดและขอโทษโดยไม่จำเป็นต้องต่อสู้กันทางกฎหมาย ขณะเดียวกัน กรณีนี้ก็เป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลบนเวทีปราศรัยที่ต้องรอบคอบและตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนจะกล่าวถึงบุคคลอื่น

ประชุมร่วมรัฐสภา ถกวาระแก้รธน.เริ่มแล้ว ‘ไชยชนก’ แจ้งประธานฯ ‘ภท.’ ขอไม่ร่วมพิจารณา ด้าน ‘หมอเปรมศักดิ์’ เสนอญัตติด่วนขอสมาชิกโหวตส่งศาลรธน.ตีความอำนาจหน้าที่

เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ (13 ก.พ.68) ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระ นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นอภิปรายในฐานะตัวแทนพรรคว่า วาระที่กำลังจะพิจารณาค่อนข้างผิด และขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ พรรคภูมิใจไทยจึงขอไม่เข้าร่วมพิจารณา

จากนั้น ประธานรัฐสภา กล่าวว่า นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. ได้เสนอญัตติด่วนขอให้รัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 250 วรรคหนึ่ง (2) ทำให้นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า แน่นอนว่าการเข้าชื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญไม่น่าจะเป็นญัตติด่วนด้วยวาจา แต่ต้องเป็นการยื่นญัตติด่วนด้วยหนังสือ และมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่า 40 คน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครเห็นตัวญัตติ และหากมีการเสนอเพิ่มเติมหรือการบรรจุระเบียบวาระเพิ่มเติมเป็นอำนาจประธานรัฐสภา แต่ต้องแจ้งไม่น้อยกว่าวันประชุม 1 วัน ดังนั้น ระหว่างมีการแจกเอกสารให้สมาชิกพิจารณาเนื้อหา ขอให้พักการประชุม 15 นาที ได้หรือไม่เพื่อให้วิปแต่ละฝ่ายได้หารือกัน   

ขณะที่ นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า ระเบียบของการเสนอญัตติด่วนตนทราบดี และได้รวบรวมรายชื่อของสมาชิกรัฐสภาทั้งสส.และสว. เนื่องจากเห็นความสำคัญว่าเป็นเรื่องใหญ่จึงควรมีสมาชิกทั้ง 2 สภา โดยรวมรายชื่อกันแล้วเกินกว่า 40 รายชื่อ และเอกสารนั้นเราดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่าง และท่านสมาชิกที่อภิปรายสักครู่ไม่ต้องห่วงใย ตนเป็นสมาชิกสภามานาน ท่านสมาชิกที่เพิ่งมาใหม่อาจจะมองว่าทำถูกระเบียบหรือไม่ ซึ่งตนเป็นคนมีวุฒิภาวะทำอย่างไรก็ต้องให้ถูกต้องตามระเบียบ รวมถึงตนได้เข้าหารือกับประธานก่อนที่จะเข้าประชุมวันนี้เพื่อทราบว่าการประชุมจะมีการดำเนินการอย่างไร และวันนี้ตนอยากให้การประชุมมีความเรียบร้อยเพราะประชาชนทั่วประเทศกำลังเฝ้ามองเราอยู่ว่าสมาชิกรัฐสภาจะมีแนวคิดในเรื่องนี้อย่างไร จึงขอให้สมาชิกอย่าได้กังวลเรื่องรายละเอียดญัตติ ตนคิดว่าได้บรรจงเขียนสุดยอดในชีวิตแล้วและคิดว่าขอให้มีการพิจารณาตามขั้นตอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวันมูหะมัดนอร์ จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่แจกเอกสารแก่สมาชิก จากนั้น เวลา 09.48 น. ได้สั่งพักการประชุม 15 นาที เพื่อให้วิป 3 ฝ่ายหารือร่วมกัน

‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ เคลียร์ปมร้อนถูกพาดพิงกรณี ‘แตงโม’ ตกเรือเสียชีวิต ยอมรับ ‘ปอ’ ยกหูโทรหาในคืนเกิดเหตุจริง ยันไม่เคยยุ่งเกี่ยวคดี แต่แนะนำให้แจ้งความ

จากกรณีที่ นาย สนธิ ลิ้มทองกุล สื่อมวลชนอาวุโส ไลฟ์ในรายการ 'สนธิเล่าเรื่อง' ในช่องยูทูบ 'sondhitalk' ตอนหนึ่งถึงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา หรือ นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นิดา นักแสดงชื่อดังว่า โดยมีการกล่าวตอนหนึ่งว่า คุณปอได้โทรศัพท์ไปที่คน ๆ หนึ่ง อ้างว่าคือนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน และมีการพูดคุยกันประมาณ 10 นาทีนั้น

ล่าสุด นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนเป็นคนทำงานการเมืองที่ต้องดูแลประชาชน  จึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนโทรหาตลอดเวลา ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักเป็นคนที่มีปัญหาเดือดร้อน เมื่อมีสายโทรศัพท์เข้ามา ตนก็รับตลอด แต่ถ้ารับไม่ทัน ก็โทรกลับไปเป็นเรื่องปกติ ส่วนผู้ที่ถูกกล่าวหานั้น ตนรู้จักในฐานะที่เขาเป็นคนทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์และเปิดอู่ซ่อม ในวันที่เกิดเหตุ เขาได้เล่าให้ฟังว่าเพื่อนของเขาประสบอุบัติเหตุตกน้ำและขอคำแนะนำว่าเขาต้องทำอะไร ตนจึงบอกให้ไปแจ้งตำรวจเป็นอันดับแรก  และหลังจากนั้นตนก็ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้อีกเลย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top