Saturday, 10 May 2025
PoliticsQUIZ

‘วิทยา’ ติดตามโครงการพัฒนา รพ.มหาราชเมืองคอน หลังช่วยประสานงานจนได้งบจาก สนง.สลากฯ 723 ล้าน

เมื่อวันที่ (3 ก.พ. 68) นายวิทยา แก้วภราดัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วยนายนนทิวรรธน์ นนทภักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญประจำตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายวิทยา แก้วภราดัย และคณะ ได้ลงพื้นที่ติดตามโครงการพัฒนาโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เพื่อการพัฒนาขีดความสามารถทางด้านอาคาร และอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ที่ต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการติดตามรักษาโรคมะเร็ง และโรคที่มีความขาดแคลนเครื่องมือ ซึ่งได้รับการอุดหนุนจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในวงเงิน 723 ล้านบาท 

โดยงบประมาณอุดหนุนโครงการดังกล่าวนั้น นายวิทยา แก้วภราดัย ได้ดำเนินการประสานงานกับหลายหน่วยงานเพื่อให้มีการอุดหนุนดังกล่าว ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพของโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ในการดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียง ต่อไป

สำหรับ โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เป็นโรงพยาบาลศูนย์ขนาดใหญ่ของ จ.นครศรีธรรมราช และจังหวัดใกล้เคียง ทั้งยังเป็นโรงพยาบาลศูนย์แม่ข่ายรับการรักษาส่งต่อจากโรงพยาบาลประจำอำเภอของ จ.นครศรีธรรมราช ที่ต้องการเทคโนโลยีการรักษา และการหัตถการชั้นสูง มีประชาชนเข้ามาใช้บริการจำนวนหลายพันคนต่อวัน ซึ่งการได้งบประมาณในการพัฒนาโรงพยาบาลล่าสุด จะช่วยเพิ่มศักยภาพการรักษาพยาบาล โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

‘สรรเพชญ’ จี้ รบ.เร่งโอนเงินเยียวยาน้ำท่วมช่วย ปชช. พร้อมเตรียมยื่นสารพัดปัญหาในสงขลาเข้า ครม. สัญจร

‘สรรเพชญ’ เรียกร้องรัฐบาลเร่งโอนเงินเยียวยาน้ำท่วม พร้อมเตรียมยื่นปัญหาในสงขลาเข้าที่ประชุม ครม. สัญจรเพื่อดันเมืองเก่าสงขลาสู่เมืองมรดกโลก

(5 ก.พ. 68) นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการโอนเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย หลังพบว่าประชาชนจำนวนมากยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือตามที่รัฐบาลประกาศไว้

นายสรรเพชญระบุว่า ตั้งแต่เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ของภาคใต้ รวมถึงสงขลา ประชาชนได้รับผลกระทบหนัก ทั้งบ้านเรือนเสียหาย รายได้ลดลง และภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศมาตรการเยียวยาครัวเรือนละ 9,000 บาท แต่กระบวนการจ่ายเงินล่าช้า ส่งผลให้ประชาชนยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ

“รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการโอนเงินเยียวยาโดยเร็วที่สุด เพราะขณะนี้ประชาชนยังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก และหากล่าช้าออกไป อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ขณะนี้ หน่วยงานในพื้นที่แจ้งว่าต้องรอการพิจารณาอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อนที่ธนาคารออมสินจะสามารถโอนเงินได้ อย่างไรก็ตาม จากการติดตามการประชุม ครม. ล่าสุด ยังไม่มีการนำเรื่องนี้เข้าพิจารณา ทำให้ประชาชนต้องรอการช่วยเหลือต่อไปโดยไม่มีกำหนด" นายสรรเพชญกล่าว

นอกจากนี้ นายสรรเพชญ ได้เตรียมนำเสนอปัญหาในพื้นที่อำเภอเมืองสงขลา ในการประชุม ครม. สัญจร วันที่ 18 กุมภาพันธ์ นี้ โดยประเด็นสำคัญ ได้แก่ ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก บริเวณห้าแยกน้ำกระจาย ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังที่ต้องเร่งแก้ไขโดยเฉพาะ โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบริเวณแยกน้ำกระจาย จังหวัดสงขลา ทางหลวงหมายเลข 407 ตอน ควนหิน - เขารูปช้าง ระหว่าง กม.21+300 - กม.21+800 ระยะทาง 0.500 กิโลเมตร ซึ่งเป็นโครงการที่ตนได้ผลักดันในสภาผู้แทนราษฎรมาโดยตลอด ทั้งการปรึกษาหารือต่อประธานสภาฯ การตั้งกระทู้ถามกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมถึงร่วมลงพื้นที่กับหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นโครงการที่จะช่วยบรรเทาปัญหาของประชาชนได้และสามารถเห็นผลได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองเก่าสงขลา เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริมให้เมืองเก่าสงขลาได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ในอนาคต

นายสรรเพชญเน้นย้ำว่า เมืองเก่าสงขลาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย และยังสามารถเชื่อมต่อไปยังสถานที่สำคัญต่าง ๆ ของจังหวัด เช่น หาดสมิหลา ซึ่งมีน้ำทะเลคุณภาพดีที่สุด ดังนั้น การส่งเสริมการท่องเที่ยวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่และสร้างรายได้ให้ประชาชนมากขึ้น

ทั้งนี้ นายสรรเพชญยืนยันว่าจะใช้กลไกของรัฐสภาและผลักดันให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึงและเป็นรูปธรรมต่อไป

‘ธนกร’ ฝาก รัฐบาลยกระดับคุมเข้มชายแดนเมียนมา หนุนร่วมมือจีนลุยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-ค้ามนุษย์ขั้นเด็ดขาด

‘ธนกร’ ฝาก รัฐบาลยกระดับคุมเข้มชายแดนเมียนมา หลัง สั่งตัดไฟ-เน็ต-น้ำมันแล้ว เชื่อ กระทบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-ค้ามนุษย์หนักแน่ หวั่น เกิด 'เมียวดีเอฟเฟค' โต้กลับ หนุน นายกฯ ถกจีน เร่งตั้งคกก. แก้ภัยข้ามชาติลุยปราบขั้นเด็ดขาดช่วยลดความเดือดร้อน ปชช.

(6 ก.พ. 68) นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคและสส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวหลัง จากที่ทางการไทยได้ตัดกระแสไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และน้ำมัน ไม่จ่ายไปยังพื้นที่ 5 จุด ตามแนวชายแดนในประเทศเมียนมา เพื่อตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า ตนเห็นด้วยและขอสนับสนุนรัฐบาลในการดำเนินการดังกล่าวเพื่อเป็นการตัดช่องทางไม่ว่ามากหรือน้อยก็สามารถสร้างผลกระทบให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่นั้นได้อย่างแน่นอน และขอให้มีการสำรวจในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์จากพวกทุนสีเทาในพื้นที่อื่นๆ เพิ่มเติมด้วยนอกเหนือจาก 5 จุดที่ได้ตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ตและตัดการส่งน้ำมันไปแล้ว เพื่อเป็นการขยายพื้นที่หากพบการกระทำความผิดเพิ่มเติม

นอกจากนี้ ขอฝากกระทรวงกลาโหม เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงตามแนวชายแดนทุกหน่วยงาน เตรียมแผนรับมือสถานการณ์ พร้อมยกระดับการรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดนให้เข้มข้นขึ้น เนื่องจากเกรงว่า มาตรการตัดไฟฟ้าของไทยอาจส่งผลกระทบต่อหลายกลุ่มของฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ไม่อยากให้เกิดปรากฏการณ์ 'เมียวดีเอฟเฟค' เหตุความไม่สงบตามแนวชายแดนตามมา ทั้งนี้เพื่อป้องกันและรักษาความมั่นคงปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทยบริเวณแนวชายแดนอ.แม่สอด จ.ตากและพื้นที่ใกล้เคียงด้วย

“การเยือนประเทศจีนของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ทราบว่ามีวาระความร่วมมือ ระหว่างกันในการตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การปราบปรามเครือข่ายค้ามนุษย์ ร่วมกันทั้งไทยและจีนรวมถึงในอาเซียนด้วย จึงขอให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังเด็ดขาดให้เห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจน เพื่อจะช่วยเหลือลดความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยได้ดีขึ้น“ นายธนกร กล่าว

ศาลขอนแก่นสั่งคุก ‘ไผ่ ดาวดิน’ 2 ปี 8 เดือน ผิด ม.116 ก่อม็อบปี 63 ให้ประกันวงเงิน 7 หมื่นบาท

ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ศาลขอนแก่นพิพากษาจำคุก 'ไผ่ ดาวดิน' 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา ผิด ม.116 จากการเข้าร่วมกิจกรรมหมายที่ไหนม็อบที่นั่น เมื่อปี 2563 ให้ประกันตัวหลังวางหลักทรัพย์เป็นเงินสด 70,000 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ (5 ก.พ. 68) ศาลจังหวัดขอนแก่นได้นัดฟังการอ่านคำพิพากษา นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาฐานความผิด ม.116 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจากการเข้าร่วมกิจกรรม “หมายที่ไหนม็อบที่นั่น” ซึ่งจัดโดยกลุ่ม “ขอนแก่นพอกันที” เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2563 ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ออกหมายเรียกและดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยศาลได้มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี 8 เดือนโดยไม่รอลงอาญา ก่อนที่ทีมทนายจะยื่นขอประกันตัวด้วยเงินสด 70,000 บาท

นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน กล่าวว่า วันนี้เป็นคดีจากการร่วมกิจกรรมชุมนุมหมายที่ไหนม็อบที่นั่น เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งโดนฟ้องในมาตรา 112 และ 116 ร่วมกับนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แต่มีการจำหน่ายคดีออกไปเหลือตนเองที่ต้องสู้คดี ซึ่งศาลได้ตัดสินจำคุก 2 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา จึงได้ทำการยื่นประกันตัวในศาลชั้นต้นระหว่างการอุทธรณ์และจะยื่นอุทธรณ์ต่อไปในคดีนี้

"ผมมีคดีที่กำลังอุทธรณ์อยู่เช่นเดียวกันโทษจำคุกอยู่ที่ศาลภูเขียวศาลตัดสินจำคุก 2 ปี 11 เดือน และมีคดี 116 ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น รวมเป็น 4 ปี 19 เดือน วันนี้ยื่นประกันตัวด้วยหลักทรัพย์เงินสด 70,000 บาท เงื่อนไขห้ามไปกระทำความผิดซ้ำ ห้ามไปพูดถึงเอ่ยถึงอีก ห้ามมีคดีอีก"

นายจตุภัทร์กล่าวถึงแนวทางการต่อสู้หลังจากนี้ พวกเราจะกลับมาอีกครั้งโดยจะเน้นพูดถึงประเด็นปัญหาต่างๆ ในสังคม ภายในเดือนนี้จะเริ่มมีการเคลื่อนไหว ฝากติดตามในเพจทะลุฟ้า เพราะเราคิดว่าปัญหาของสังคมไทยเรื่องรัฐธรรมนูญเป็นต้นตอของปัญหาการเมืองตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน

"ปีนี้เราจะมีการพูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะทำให้อำนาจและหน้าที่สถานะต่างๆ ในสังคมไทยได้ถูกกำหนดร่วมกัน ไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่ถูกกำหนดจากคณะรัฐประหารและเอื้อกลไกผลประโยชน์ต่าง ๆ ให้คณะรัฐประหารหรือฝ่ายอำนาจอนุรักษนิยม เราพร้อมที่จะออกมาและออกมาเรื่อย ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เราจะค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป จะมีข้อเรียกร้องยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวของเราในปีนี้" นายจตุภัทร์กล่าว

‘ลอรี่ พงศ์พล ยอดเมืองเจริญ’ ติง!! สส.ฝ่ายค้าน ฉาวคนเดียว ระวังเหม็นทั้งประเทศ จี้ให้!! ลาออก ก่อนกระทบ ‘การทูต-การท่องเที่ยวไทย’ เสียหายถึงความสัมพันธ์

(8 ก.พ. 68) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงกรณีศาลออกหมายจับ สส.ฝ่ายค้านคดีล่วงละเมิดทางเพศนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน ว่า

ในขณะนี้ สื่อต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศจีนและไต้หวัน ประโคมข่าวใหญ่ 'สส.ฝ่ายค้านไทย' ขืนใจนักท่องเที่ยวไต้หวัน เรื่องดังกล่าวแม้จะเป็นเรื่องผิดส่วนตัว แต่ส่งผลกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กระทบต่อการท่องเที่ยวที่ทุกภาคส่วนร่วมกันช่วยฟื้นฟูกันอย่างแข็งขัน กลับต้องมาเสียหายเพราะผู้แทนของประชาชน ที่กระทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

นายพงศ์พล กล่าวต่อไปว่า พรรคการเมืองไหนยังให้การสนับสนุนถือหางได้ก็ถือไป แต่ไม่ใช่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ พวกเราขอไม่ทนกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ขอให้ สส. คนดังกล่าวพิจารณาตนเองและงดใช้เอกสิทธิ์ สส.ไปพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรม ก่อนประเทศเสียหายกว่านี้

"ผมเสนอให้สภามีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส ไม่ให้มีการใช้อิทธิพลพรรคใหญ่เข้าแทรกแซง พร้อมทั้งเยียวยาเหยื่อ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ" นายพงศ์พล กล่าวทิ้งท้าย

‘เจี๊ยบ-อมรัตน์’ แจงด่วน!! หลังโดนทัวร์ลง กรณีพยายามแบก ‘สส.ปูอัด’ เผย!! ไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ตำรวจไทย ทั้งมั่วทั้งผิดพลาด

(8 ก.พ. 68) จากกรณี 'สส.ปูอัด' นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ถูกศาลจังหวัดเชียงใหม่ออกหมายจับ ฐานข่มขืนกระทำชำเรานักท่องเที่ยวต่างชาติที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จนเกิดกระแสเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง

หนึ่งในผู้ที่ออกมาแสดงความเห็นคือ 'เจี๊ยบ' นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.พรรคก้าวไกล ซึ่งโพสต์ว่า “ทุกกรณีที่อยู่ในชั้นถูกกล่าวหาแล้วถูกกดดันให้รับผิดชอบลาออก เวลาผ่านไปสุดท้ายพิสูจน์ตัวเองได้ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จะชดเชยกันยังไง”

ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์นางอมรัตน์พยายามปกป้องและแบก สส.ปูอัด

ต่อมานางอมรัตน์โพสต์อธิบายเพิ่มเติมว่า “ดิฉันไม่ได้ชอบพฤติกรรม สส.ปูอัดที่ผ่านมา แต่เร็วเกินไปที่จะไปกดดันให้ต้องลาออกเดี๋ยวนี้เดี๋ยวนั้น”

“มันต่างกรรมต่างวาระก็ต้องมีใจเป็นธรรมและใช้ความรอบคอบตามสมควรก่อนจะไปเร่งกดดันให้ใครลาออก เพราะทุกคนก็ยังไม่เห็นสำนวนหลักฐานและข้อต่อสู้ของผู้ถูกกล่าวหา อย่างน้อยก็น่าจะไปให้ถึงชั้นให้อัยการมีคำสั่งฟ้องเสียก่อน”

“นี่เพิ่งชั้นตำรวจ และส่วนตัวก็ไม่ได้ไว้ใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่าไหร่ ได้ข่าวว่าออกเป็นหมายจับเลย ข้ามขั้นตอนการออกหมายเรียกให้ผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาก่อน และปูอัดก็ควรไปรับทราบข้อกล่าวหาและต่อสู้คดีโดยไม่ใช้เอกสิทธิ์ สส.”

ล่าสุด เช้าวันที่ 8 ก.พ. 68 นางอมรัตน์โพสต์ข้อความชี้แจงเพิ่มอีก โดยบอกว่า “ตอบเรื่องแบกสักหน่อย เอาจริง ๆ ดิฉันก็เหมือนทุกท่าน อยากเห็นคนมีตำแหน่งทางการเมืองทำผิดแล้วออกมาแสดงความรับผิดชอบโดยเร็วและต้องถูกลงโทษ”

“ควรรีบเข้ามาสู่กระบวนการโดยเร็วไม่ควรใช้เอกสิทธิ์ สส.ประวิงเวลา”

“ความต้องการความเป็นยุติธรรมเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์”

“แต่ดิฉันมีพื้นฐานไม่เคยเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมไทยที่มันเหลวแหลกเป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะในชั้นต้นคือชั้นตำรวจที่ไม่เคยมีความน่าเชื่อถือ ทั้งมั่วทั้งผิดพลาด”

“เมื่อถูกใครหรือองค์กรไหนกดดันหน่อยก็เร่งรัดสำนวนมั่ว ๆ ให้พ้นตัวรีบส่งศาลส่งอัยการ เขียนสำนวนรวบรวมหลักฐานให้ผิดเป็นถูก ถูกเป็นผิดก็มีให้เห็นนับไม่ถ้วน อย่างเรื่องบอสกระทิงแดง และอื่น ๆ มากมาย”

“หลายคดีในเบื้องต้นศาลก็ฟันไปตามสำนวนที่ตำรวจชงมา จับขังไม่ให้ประกันแล้วก็หลุดภายหลัง”

“ผู้บริสุทธิ์กี่คนแล้วเสียอนาคตกับความอยุติธรรมโดยไม่ได้รับชดเชยเยียวยา เรือนจำก็เต็มไปด้วยแพะ อาชญากรตัวจริงกี่คนแล้วที่ลอยนวลและยังเดินลอยหน้าในสังคม”

“อันที่จริงดิฉันก็ไม่ไว้ใจศาลด้วยทั้งเรื่องสองมาตรฐานและความเป็นอิสระ แต่ก็ไม่รู้จะทำไง ได้แค่เรียกร้องให้ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว”

“กรณีปูอัดแนวโน้มอาจจะผิดจริงแต่ก็อยากให้ใจเย็น ๆ กันนิดนึงเท่านั้น ข่าวใหญ่พาดหัวอะไรตูมตามขึ้นมาก็อย่าพึ่งด่วนบ้าจี้ตาม”

“ดิฉันรังเกียจกลุ่มนางแบกลูกจ้างที่ได้รับผลประโยชน์ พรรคจะตระบัดสัตย์ผิดสัญญาประชาคมอย่างไรก็ยังหน้าด้านแบกอย่างไร้สติส่งผลให้พรรคตกต่ำลงทุกวัน”

“ถ้าพรรคประชาชนผิดพลาดจากที่สัญญาไว้ก็จะวิจารณ์และช่วยตรวจสอบอย่างเข้มข้นเท่าที่ทำได้ ให้ปรับปรุง จะได้เป็นความหวังของประชาชน ไม่ดันทุรังแบก”

“แต่กรณี สส.ปูอัด ไม่รู้จะไปแบกให้เมื่อยเพื่ออะไร”

“เพราะปูอัดเป็น สส.พรรคไทยก้าวหน้าไม่ใช่พรรคประชาชน เขาถูกขับออกไปตั้งแต่สมัยเป็นพรรคก้าวไกลแล้ว”

“ตัวดิฉันเองก็ไม่ชอบพฤติกรรมที่ผ่านมาของเขา ปูอัดเป็นสส.รุ่น 2 ที่ดิฉันไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัว ไม่เคยมีเบอร์โทรหรือไลน์กัน”

“ตอนเลือกตั้งปี 66 ก็ไม่เคยไปช่วยหาเสียง รู้แต่ว่าเป็น สส.กทม.จำไม่ได้ว่าเขตไหน เพราะ สส.รุ่นใหม่มีตั้ง 151 คน แก่แล้วจำไม่หมด”

“แค่ดิฉันไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดตามมาถ้าเราไปด่วนประหารชีวิตใครสักคนทางสังคมและทางการเมืองด้วยเรื่องพาดหัวข่าวสั้น ๆ โดยยังไม่ทันได้ให้โอกาสอีกฝ่ายโต้ตอบข้อกล่าวหาก็เท่านั้น”

“การไปด่วนชี้หน้าใครถูกผิด หรือประณามหยามเหยียดน่าจะต้องรอให้เรื่องสะเด็ดน้ำกันบ้าง และต้องมีใจเป็นธรรมไม่ใช้อคติที่มีในใจไปแล้วจากประวัติของเขาด้วย”

“เพราะแม้แต่คนทำผิดครั้ง 1,2 มาแล้ว ก็อาจไม่ใช่คนผิดในครั้งที่ 3 คนเรามีแนวโน้มจะผิดซ้ำได้ แต่ก็ไม่ใช่จะ 100 %”

“รอเวลานิดให้เรื่องเขยิบจากชั้นตำรวจ ไปช่วยกันไล่ออกตอนที่ชั้นอัยการเห็นว่ามีมูลสั่งฟ้องคงจะดีกว่า คงยังไม่ได้สายเกินไป”

“อาจไม่ได้ต้องรอถึงชั้นศาลตัดสินก็ได้เพราะมันคงจะนานเกินไป”

“เขียนมาน่าจะครบถ้วนแล้ว รู้สึกเสียเวลาและเมื่อยนิ้วนิดหน่อย แต่คิดว่าควรตอบเพื่อบันทึกไว้ก่อนจะ move on”

‘นิด้าโพล’ เผยผลสำรวจ!! ผู้สูงอายุรับเงินสด 10,000 บาท ชี้!! มีแนวโน้ม ทำให้สนับสนุนรัฐบาล เกือบ 45%

(9 ก.พ. 68) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ ของประชาชน เรื่อง ‘ผู้สูงอายุรับเงินสด 10,000 บาทแล้วจะสนับสนุนรัฐบาลไหม’ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ทั้งตนเอง และ/หรือคนในครอบครัว ที่ได้รับเงิน 10,000 บาท จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการได้รับเงินสด 10,000 บาท จากรัฐบาล การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ ‘นิด้าโพล’ สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนด
ค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงการนำเงินไปใช้จ่ายของผู้ที่ได้รับเงิน 10,000 บาท ไม่ว่าจะเป็นตนเอง และ/หรือ คนในครอบครัวที่ได้รับเงินจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 86.18 ระบุว่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน (รวมค่าน้ำ ค่าไฟ น้ำมันเชื้อเพลิง) รองลงมา ร้อยละ 26.26 ระบุว่า ใช้จ่ายเพื่อสุขภาพ (เช่น ซื้อยารักษาโรค หาหมอ) ร้อยละ 13.66 ระบุว่า ใช้หนี้ ร้อยละ 11.98 ระบุว่า เก็บออมไว้สำหรับอนาคต ร้อยละ 9.24 ระบุว่า ใช้ลงทุนการค้า ร้อยละ 8.70 ระบุว่า ใช้จ่ายเพื่อการศึกษา ร้อยละ 4.35 ระบุว่า ใช้ซื้อหวย สลากกินแบ่งรัฐบาล ร้อยละ 1.76 ระบุว่า ใช้ซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ร้อยละ 0.53 ระบุว่า ใช้ซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มือถือ และเครื่องมือสื่อสาร ร้อยละ 0.46 ระบุว่า ใช้จ่ายเพื่อการเดินทางท่องเที่ยว และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ใช้จ่ายเพื่อการบันเทิง (เช่น เลี้ยงสังสรรค์ ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ เป็นต้น)

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการสนับสนุนรัฐบาลของผู้ที่ได้รับเงิน 10,000 บาท ไม่ว่าจะเป็นตนเอง และ/หรือ คนในครอบครัวที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 44.89 ระบุว่ามีส่วนทำให้สนับสนุนรัฐบาล รองลงมา ร้อยละ 30.69 ระบุว่า จะมีหรือไม่มีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็สนับสนุนรัฐบาลอยู่แล้ว ร้อยละ 14.35 ระบุว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สนับสนุนรัฐบาล และร้อยละ 10.07 ระบุว่า ยังไม่แน่ใจว่าจะตัดสินใจอย่างไร 

‘เทพไท’ เย้ย!! 'นายกฯอิ๊งค์' เยือนจีน ได้แต่ภาพ ไม่ได้ผล ชี้!! แค่การลงนามใน ‘MOU’ แบบพื้นๆ ตามธรรมเนียมปฏิบัติ

(9 ก.พ. 68) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ‘เทพไท – คุยการเมือง’ เรื่อง อุ๊งอิ๊ง เยือนจีน ได้ภาพมากกว่าผล?

หลังจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กลับจากการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 5 – 8 กุมภาพันธ์ 2568 แล้ว ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านบัญชีโซเชียลมีเดียส่วนตัว ถึงความสำเร็จที่ได้เซ็นเอ็มโอยู 13 ฉบับ ซึ่งน่าจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทางการทูต ที่ผู้นำประเทศเดินทางไปเยือนกัน จะมีพิธีการลงนามในเอ็มโอยูกันเป็นปกติ

แต่อย่าลืมว่าการเดินทางไปเยือนประเทศจีนของนางสาวแพทองธารในครั้งนี้เป็นการเดินทางเยือนในโอกาสครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งเป็นวาระสำคัญ น่าจะมีประเด็นสำคัญเป็นกรณีพิเศษมากกว่าการลงนามในเอ็มโอยูแบบพื้นๆ

ในขณะเดียวกันการเดินทางเยือนประเทศจีนครั้งนี้ ก็ไม่มีประเด็นข่าวที่สื่อมวลชนในต่างประเทศเสนอ และให้ความสำคัญเลย แม้แต่สำนักข่าวซินหัวของจีน ก็ลงข่าวแค่ภาพที่นางสาวแพทองธารจับมือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิงเท่านั้น ไม่มีเนื้อข่าวประกอบ หรือคำอธิบายเพิ่มเติมเลย

ส่วนการเสนอข่าวของสื่อไทย ก็เป็นการเสนอข่าวการสัมภาษณ์ของรัฐมนตรีที่ติดตามคณะของนางสาวแพทองธาร ทุกคนจะเน้นในประเด็นที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ชื่นชมนางสาวแพทองธารและรัฐบาลไทย ที่ได้ตัดกระแสไฟฟ้าชายแดนพม่า 5 จุด เพื่อสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และ นางสาวแพทองธารเองก็รู้สึกปลื้มกับคำชมนี้มากด้วยเช่นกัน

จึงไม่แปลกใจว่า ทำไมรัฐบาลจึงเร่งการตัดไฟชายแดนพม่าอย่างเร่งด่วนให้ได้ ก่อนที่นางสาวแพทองธารจะออกเดินทางไปเยือนประเทศจีน ทำให้นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เร่งตัดไฟตอนเวลา 9 โมง ก่อนที่นางสาวแพทองธารขึ้นเครื่องบินไปประเทศจีน 3 ชั่วโมง  ถ้าหากว่าไม่มีประเด็นการตัดไฟก่อนไปเยือนประเทศจีน คงไม่มีประเด็นอะไรไปอวด ให้นายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้ชื่นชมและขอบคุณ

สำหรับประเด็นข่าวที่เสนอกันในสื่อโซเชียลมากที่สุด ไม่ใช่ประเด็นวาระงานการเยือนประเทศจีน แต่เป็นเรื่องการแต่งตัวของนางสาวแพทองธาร ที่ถูกวิจารณ์เรื่อง หมวก เสื้อผ้า และกางเกง รวมไปถึงรองเท้าที่สวมใส่ ว่ามีความเหมาะสมกับภาวะผู้นำประเทศหรือไม่

สรุปได้ว่าการเดินทางไปเยือนประเทศจีนของนางสาวแพทองธารในครั้งนี้ ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญ ได้เพียงแค่การสร้างภาพการเดินทางไปเยือน แต่ผลสัมฤทธิ์ของเนื้องานกลับไม่มีเลย นับว่าเป็นการเสียโอกาสของประเทศชาติอีกครั้งหนึ่ง

‘เนเน่ รัดเกล้า’ โพสต์เเนะ!! กรณี ‘สส.ปูอัด ไชยามพวาน’ ชี้!! ควรมีจิตสำนึก ยืดอก ลาออก เป็นแบบอย่างที่ดีให้สังคม

(9 ก.พ. 68) นางสาวรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี หรือ ‘เนเน่’ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ กรณี ‘สส.ปูอัด ไชยามพวาน’ โดยมีใจความว่า …

สิ่งที่ #สสปูอัด ต้องทำ และทำทันทีคือ ‘ลาออก’ ...เพราะประชาชนคนไทยสมควรที่จะมีผู้แทนที่มีคุณภาพ เป็นแบบอย่างที่ดีให้สังคมและคนรุ่นหลัง ไม่มีมลทินทั้งในด้านกฏหมายและจริยธรรม

แม้ว่ากฏหมายและแนวปฏิบัติโดยปรกติ สภาจะไม่ส่งตัว สส.ที่ถูกออกหมายจับไปให้ตำรวจระหว่างสมัยประชุม เพื่อไม่ให้การทำหน้าที่สมาชิกผู้แทนราษฎูรในฝ่ายนิติบัญญัติสะดุดลง และคดีอาจจะเกิดขึ้นจากการถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง... แต่! แต่!! นายไชยามพวาน (ปูอัด) เป็นบุคคลที่มีคดีทางเพศ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ในระยะเวลาเพียงไม่ถึง 2 ปี!

แม้จะออกตนว่าโดนกลั่นแกล้ง โดนใส่ร้าย (อีกแล้ว) แต่ควรมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อบทบาทหน้าที่อันทรงเกียรติของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร... คุณยืดอก ลาออก สู้คดี พิสูจน์ตัวเอง ในฐานะบุคคลธรรมดา เถอะค่ะ

‘อ.สุริยะใส’ มอง!! ต้องวางกรอบภารกิจให้ชัดเจน ‘การเมืองท้องถิ่น-การเมืองระดับชาติ’ ชี้!! หากขาดสมดุล สุดท้ายก็สูญเปล่า ทำให้การเมืองไทย อยู่ในแค่วังวน การเลือกตั้ง

(9 ก.พ. 68) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดี วิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และ ผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ การเลือกตั้ง ‘นายก อบจ.’ โดยมีใจความว่า ...

ภูมิทัศน์การเมืองไทย หลังเลือกตั้งนายก อบจ.

ผลการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ ชี้ให้เห็นถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของพรรคการเมืองระดับชาติในเวทีการเมืองท้องถิ่น ซึ่งอาจส่งผลต่ออนาคตของการเมืองไทยในหลายด้าน

1.ผลการเลือกตั้งและการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
จากผลการนับคะแนนจากทั้ง 47 จังหวัดที่มีการเบือกตั้ง นายก อบจ.พบว่า ผู้สมัครที่สังกัดและประกาศตัวในนามพรรคการเมืองระดับชาติสามารถคว้าชัยชนะในระดับท้องถิ่นได้มากกว่าร้อยละ 90 
ส่วนผู้ที่ อ้างว่าลงนามอิสระที่ได้รับเลือกตั้งก็ไม่ได้อิสระจริงทั้งหมด แสดงถึงการขยายอิทธิพลของพรรคการเมืองระดับชาติเหล่านี้เข้าสู่การเมืองท้องถิ่นอย่างชัดเจน
ก่อนหน้านี้ การเมืองท้องถิ่นมักขับเคลื่อนโดย นักการเมืองท้องถิ่นที่มีฐานเสียงจากประชาชนในพื้นที่ แต่การเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้ เห็นชัดว่าพรรคการเมืองระดับชาติเป็นผู้กำหนดทิศทางของการเลือกตั้ง
เมื่อนักการเมืองระดับชาติลงมามีบทบาทในการชี้นำผลการเลือกตั้ง เช่น คุณทักษิณ ชินวัตร ที่แสดงออกชัดเจนในการสนับสนุนผู้สมัครพรรคเพื่อไทย หรือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ใช้เครือข่ายของพรรคภูมิใจไทยในการสนับสนุนผู้สมัครของพรรค
ผู้สมัครที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองระดับชาติ แทบไม่มีโอกาสได้รับเลือก เพราะกระแสพรรคการเมืองมีอิทธิพลมากกว่าตัวบุคคล

2.บทบาทของนักการเมืองระดับชาติในเวทีท้องถิ่น
การที่พรรคการเมืองระดับชาติใช้การเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นเวทีเผชิญหน้าหรือแข่งขันทางการเมือง ส่งผลให้ปัญหาท้องถิ่นอาจถูกบดบังด้วยประเด็นการเมืองระดับชาติ ผู้สมัครหลายคนมุ่งเน้นการนำเสนอนโยบายที่สะท้อนถึงทิศทางของพรรคมากกว่าการแก้ไขปัญหาเฉพาะของพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้ความต้องการและปัญหาที่แท้จริงของชุมชนไม่ได้รับการแก้ไขอย่างตรงจุด

3.ดาบ 2 คม อนาคตของการเมืองท้องถิ่น
การเข้ามามีบทบาทของพรรคการเมืองระดับชาติในเวทีท้องถิ่น อาจทำให้การเมืองท้องถิ่นสูญเสียความเป็นอิสระ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของเกมการเมืองระดับชาติ 
อย่างไรก็ตาม หากพรรคการเมือง สามารถผสานนโยบายระดับชาติให้สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่นได้ ก็อาจเป็นโอกาสในการพัฒนาพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ

4.นัยยะต่อ การเมือง ระดับชาติ
ผลการเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้ อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงแนวโน้มในการเลือกตั้ง สส. ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พรรคที่ประสบความสำเร็จในระดับท้องถิ่นสามารถใช้โครงสร้างและเครือข่ายที่มีอยู่เพื่อสนับสนุนผู้สมัคร สส.ของพรรค 
นอกจากนี้ การที่พรรคการเมืองระดับชาติได้รับชัยชนะในระดับท้องถิ่น ยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้สนับสนุน และเพิ่มโอกาสในการได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมในการเลือกตั้ง

5. อนาคตผู้นำและขั้วการเมือง
ต้องยอมรับว่าบารมีทางการเมืองของคุณทักษิณ ชินวัตร หดหายไปมากพอสมควร เพราะในพื้นที่ที่มีความแน่นอนกลับไม่มีความแน่นอนอีกต่อไป การคาดหวังจำนวนสส. ในการเลือกตั้งครั้งหน้าในระดับ 200 ขึ้นไปจึงเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ ในขณะที่ค่ายสีน้ำเงินบทบาทของคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ได้เพิ่มมาในพื้นที่สำคัญหลายจังหวัด ก็จะส่งผลให้ฐานะทางการเมืองของคุณอนุทิน เข้าใกล้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากขึ้น เพราะมีต้นทุนเดิมจากสภาสูงอยู่แล้วและจำนวน สส. รอบหน้าก็มีแนวโน้มทะลุ 100 ยิ่งถ้ากระแสแดงและส้มอ่อนลง ก็ยิ่งเป็นประโยชน์โดยตรงกับค่ายสีน้ำเงินอยู่แล้ว

6.บทสรุป 
สังคมไทยต้องตอบและวางกรอบให้ชัดถึงบทบาท และภารกิจของการเมืองท้องถิ่นกับการเมืองระดับชาติและยุทธศาสตร์กระจายอำนาจต้องวางสมดุลให้ชัดเจนกว่านี้ ไม่เช่นนั้นการเลือกตั้งบ่อยๆ ถี่ๆ ทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นแต่ไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ขับเคลื่อนการเมืองไทยได้อย่างมีรูปธรรมและเกิดการพัฒนา ทางการเมืองอย่างแท้จริงสุดท้ายก็อาจสูญเปล่า ทำให้การเมืองไทยอยู่ในวังวนแค่การเลือกตั้งเท่านั้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top