Saturday, 5 July 2025
Politics

“สมศักดิ์” เผย “บิ๊กป้อม” ขอส.ส.รักกัน อย่าแบ่งก๊วน ชี้ ตั้ง”บิ๊กน้อย” ช่วยยุทธศาสตร์พรรค 

ที่ห้องพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ชั้น6 รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะกรรมการบริหารพรรค
พปชร.กล่าวภายหลังประชุมส.ส. พรรค นานประมาณ 1 ชั่วโมง ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพปชร.โดยขอให้ส.ส.รักกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมกันทำงานทำงาน อย่าเป็นกลุ่มเป็นก้อน 

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการพูดถึงเรื่องการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรค ซึ่งก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวเปลี่ยนเลขาธิการพรรค บ้างหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่มี

เมื่อถามถึงการตั้งพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นกรรมการยุทธศาสตร์พรรค เพื่อเตรียมพร้อมขับเคลื่อนในการเลือกตั้งครั้งต่อไปใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องแล้วแต่ประธานยุทธศาสตร์พรรค จะเป็นผู้กำหนดแนวทางแต่ตอนนี้ยังไม่ได้กำหนดอะไรเพราะเพิ่งตั้งมาทำหน้าที่

เมื่อถามย้ำว่า ซึ่งตนมาทราบตอนที่มีคำสั่งออกมาแล้วและแสดงความยินดีกับประธานยุทธศาสตร์พรรคคนใหม่ ซึ่งตอนแรกพล.อ.ประวิตร จะมอบหมายให้ตนทำหน้าที่นี้ แต่ได้บอกไปว่าให้เอาคนที่มีเวลามากกว่าและไม่ติดขัดอะไร และดีใจที่มีคนมาช่วยทำงาน

เมื่อถามว่าพล.อ.วิชญ์ ไม่ได้มาจากสายการเมือง จะเข้าใจงานทางการเมืองหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็อาจจะทำเรื่องที่นอกการเมือง ซึ่งอาจจะเข้ามาช่วยในมุมอื่นๆที่สมควรต่อไปเพราะเรื่องการเมืองมีคนในพรรคทำอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้มีการส่งสัญญาณปรับครม.หรือยัง นายสมศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่มี

พรเพชรถอนแจ้งความคดีวัชระหมิ่น กรณีปูดเงินหล่นใต้โต๊ะ 500 ล.จากโครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ 

นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 ได้มีหนังสือแจ้งคำสั่ง ขอยุติดำเนินคดีกับตนต่อผู้กำกับสน.พหลโยธิน จากกรณีที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย อดีตประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.ได้แจ้งความดำเนินคดีกับตนในข้อหา "ใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่ 3 โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง จากกรณีที่ได้ออกมาเปิดโปงเรื่องมีเงินหล่นใต้โต๊ะ 500 ล้านบาทจากโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภา" 

กรณีนี้มาจากเมื่อวันที่ 8 ก.ค.63 นายวัชระ ยื่นหนังสือขอให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องการทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ว่า คำพูดของนายพรเพชร “มีเงินหล่นใต้โต๊ะ 500 ล้าน” เป็นความจริงหรือไม่ ? หากเป็นเรื่องจริง ใครคือคนทำเงินจำนวนมหาศาลนี้หล่น ใครเก็บเงินที่หล่นไว้ และการกระทำดังกล่าวผิดกฎหมาย ป.ป.ช.และกฎหมายอาญาอื่นๆ หรือไม่ ขณะเดียวกันก็ขอให้นายกรัฐมนตรีสั่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงิน 500 ล้านบาท สืบหาผู้ร่วมกระทำผิด และติดตามยึดทรัพย์กลับมาเป็นของแผ่นดิน 

นายวัชระ กล่าวว่า ตนได้เบาะแสมาจากการสืบพยานปากที่ 13 ของจำเลยในคดีที่นายชัชวาลย์ อภิบาลศรี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือสนช.ได้ฟ้องคดีหมิ่นประมาทเรื่องการทุจริตงบict.ในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ จำนวน 8,648 ล้านบาท โดยพยานคนดังกล่าวได้ให้การต่อหน้าศาลอาญาห้อง904 ว่า คณะข้าราชการระดับสูงของสภาฯได้เข้าไปรับนโยบายจากนายพรเพชร วิชิตชลชัย เนื่องในโอกาสรับตำแหน่งประธานสนช.โดยนายพรเพชรกล่าวถึงโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ว่า "อะไรก็ไม่พร้อม แต่ให้เดินหน้าต่อไป มีเงินหล่นใต้โต๊ะ 500 ล้าน" ซึ่งคำพูดดังกล่าวออกจากปากของผู้ที่มีตำแหน่งเป็นถึงประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อีกทั้งคำให้การของพยาน ก็ผ่านการสาบานต่อศาลแล้ว จึงน่าเชื่อว่าต้องเป็นเรื่องจริง 

จากนั้นนายพรเพชร ได้แถลงข่าวที่รัฐสภาว่า ตนได้ขอให้ข้าราชการระดับสูงดูแลเรื่องการก่อสร้างอาคารรัฐสภาเป็นไปด้วยความเรียบร้อยจริง แต่ไม่เคยพูดเรื่องเงินหล่นใต้โต๊ะ 500 ล้านบาท จึงถือว่าถูกใส่ความ ประโยคนี้ถือว่าทำร้ายอย่างแสนสาหัส ทำให้เสียหาย ดังนั้น เพื่อเป็นการรักษาเกียรติยศและชื่อเสียง จึงจำเป็นต้องดำเนินคดีกับนายวัชระทั้งคดีอาญา คดีแพ่งและทุกคดีที่ดำเนินการได้  ทั้งที่ในชีวิตไม่เคยคิดฟ้องร้องใคร โดยมอบหมายให้น.ส.ภัณฑิลา กิติโยดม นิติกร สนง.เลขาธิการวุฒิสภาแจ้งความดำเนินคดีหมิ่นประมาทนายวัชระที่สน.พหลโยธิน เมื่อวันที่ 8 ก.ค.63  ซึ่งพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้อง แต่อัยการสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำนายพรเพชรถึง 3 ครั้ง  แต่ไม่มีความคืบหน้า คดีจึงค้างมา 1 ปีเศษ จนกระทั่งล่าสุดได้มีการถอนแจ้งความดำเนินคดีนายวัชระแล้ว เมื่อวันที่ 30 ส.ค.64 และอัยการสั่งให้ยุติคดีเมื่อวันที่ 8 ก.ย.64 

ก่อนหน้านี้ นายวัชระได้ส่งเอกสารราชการเป็นการถอดเทปชวเลขของสำนักรายงานการประชุมและชวเลขของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นเอกสารที่เชื่อถือได้ ต่ออัยการ โดยมีการระบุถึงคำพูดของนายพรเพชร ว่า "รัฐสภาแห่งใหม่เหมือนสิ่งที่หลอกหลอนตน ดูแล้วก็แทบช็อก บอกว่าสร้างได้ 6 เปอร์เซนต์ ก็เลยไปเอาสัญญามาดูก่อนที่สว.สมชายจะอภิปรายว่ามีเงินตกหล่นอยู่500 ล้าน 1 พันล้านบาท ก็เลยตรวจดูสัญญา ไม่เห็นมีสัญญาที่ไหนแย่เท่าฉบับนี้" พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศว่าจะปราบโกงมา 7 ปี ได้ยินหรือไม่ นายวัชระ กล่าว

“วิรัช” รอลุ้น 20 ธ.ค.นี้ ศาลฎีการับคดีฟุตซอลหรือไม่ 

ที่ห้องพรรคพลังประชารัฐ ชั้น6 รัฐสภา นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)และประธานวิปรัฐบาลให้สัมภาษณ์ กรณีอัยการสูงสุดยื่นฟ้อง นายวิรัตน์และพวกรวม 87 คน เป็นจำเลยในคดีทุจริตสนามฟุตซอล โรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่า ศาลได้นัดพิจารณาครั้งแรกในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ ซึ่งต้องไปรับฟังในวันนั้นว่าตนจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.หรือไม่ แต่ระหว่างนี้ยังคงทำหน้าที่ต่อไป โดยเฉพาะงานเอกสารต่างๆ

ซึ่งตนก็คาดการณ์ว่าอยากให้ทุกอย่างดำเนินการไปอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อมีการนัดกำหนดมาเราก็ต้องปฏิบัติตามนั้น ซึ่งต้องรอดูวันที่ 20 ธ.ค.
 

'โทนี่' ปัดจ้าง 'ธรรมนัส 2 พันล้าน' ล้มบิ๊กตู่ เบื่อข่าวลือว่อน ลั่น! หาเงินเอง ใช้เงินเป็น

15 ก.ย. 64 นายทักษิณ ชินวัตร "โทนี่ วู้ดซัม" กล่าวใน CARE Talk x CARE Clubhouse หัวข้อ ‘อดีต ปัจจุบัน อนาคต ของการเมืองไทย : ตอนหนึ่งถึงข่าวดีลรวมเสียงสมาชิกสภาผู้แทนราาฎร (ส.ส.) ของ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ต้องการโหวตไม่ไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าที่มีปัญหาเรื่อง ร.อ. ธรรมนัส มีคนปล่อยข่าวว่าผมเอา 2,000 ล้านบาทไปให้ธรรมนัส แล้วทำไม่สำเร็จว่า

“...มีคนปล่อยข่าวว่าผมเอาเงิน 2,000 ล้านให้ธรรมนัส ผมไม่โง่ใช้เงินแบบนั้นหรอก...”

“...ที่มีปัญหาเรื่อง ร.อ.ธรรมนัส เพราะมีคนปล่อยข่าวว่าผมเอาเงิน 2,000 ล้านไปให้ธรรมนัส แล้วทำไม่สำเร็จ กลายเป็นดีลล่ม คือ ผมจะบอกว่า ผมเริ่มจากศูนย์ ผมหาเงินเอง ดังนั้นผมไม่โง่เรื่องใช้เงิน 

รัฐบาลคุณประยุทธ์นะ ถ้าใช้อีก 28 เสียง เพื่อให้ล้มรัฐบาล หารมาคนละ 70 ล้านก็ซื้อได้แล้ว เพราะเขาวิ่งกันแค่คนละ 5 ล้าน แต่ผมไม่ทำไง ผมเกลียด เพราะผมเคยเห็นอะไรแบบมาก่อน ผมไม่ทำแบบนั้นแน่นอน

คนที่ปล่อยข่าวแบบนี้นะ คือ ควายทั้งนั้น ข่าวปลอมทั้งนั้น ถ้าหลายคนอยากรู้ว่าผมดีลอะไรหรือเปล่า ให้มาถามผมที่ clubhouse นี่ ผมจะได้ตอบให้ชัด ๆ ผมรำคาญมากเรื่องการปล่อยข่าว เราเป็นคนนะ จะให้ควายจูงไม่ได้ ถ้าท่านสงสัยในตัวผม ท่านถามผมตรง ๆ เลย ถ้าผมพูด ไม่มีคำว่าโกหกหรอกครับ ถ้าผมคิดว่าสิ่งนั้นไม่ควรพูด ผมจะไม่พูด ไม่มีหรอกครับดงดีลอะไร...”

"....คนที่ปล่อยข่าวแบบนี้คือควายทั้งนั้น มาถามผมใน Clubhouse นี้ ผมตอบ ผมนี่รำคาญมากเรื่องการปล่อยข่าว ถ้าท่านเป็นคนจะให้ควายจูงไม่ได้ ท่านมาถามผมตรง ๆ เลย ถ้าผมพูด ไม่มีคำว่าโกหก ถ้าผมคิดว่าสิ่งนั้นไม่ควรพูด ผมจะไม่พูด ไม่มีหรอกครับดีลล่ม ผมคิดว่าทุกวันนี้นายกฯ โกรธ ปลดธรรมนัส ปลดนฤมล กล่องดวงใจพี่ป้อมเขานะ เขาเป็นหัวหน้าพรรคเขาก็โกรธ...."

"....ท่านนายกฯ ตัดขาตัวเองตีนลอยนะ เพราะฉะนั้นการเมืองต่อไปนี้ราคาแพงนะ การเมืองเบี้ยหัวแตกแบบนี้ราคาแพง เมื่อไม่กี่วันนี้ใช้กล้วยเป็นหวี แต่ผมไม่เสียสักใบ เพราะผมเชียร์ฝ่ายค้าน คราวที่แล้วสู้กันเป็นหวี แต่นี่จะสู้กันเพื่ออยู่นานต้องเป็นเครือ การคอร์รัปชันก็เต็มที่เลย ประเทศฉิบหายหมด ผมคิดว่าไม่นานนายกฯ ต้องยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ถ้าท่านมั่นใจวิธีการกู้มาแจกเงิน..." 

“...ผมทำนายว่าเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคมปีหน้าเลือกตั้งใหม่ แต่ผมว่าเร็วกว่านั้น ถ้าอยู่ครบเทอมคือต้องแจกกล้วยทีละเครือ หมดสวนแน่ การเมืองที่มันเน่าเพราะไม่คิดปฏิรูป จะสืบทอดอำนาจอย่างเดียวเป็นกรรมของประเทศ บ้านเมืองจะแย่...” โทนี่ วู้ดซัม กล่าว


ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/116751

“วิรัช”เผย บิ๊กป้อม” คอนเฟิร์ม ไม่ทิ้งหน.พปชร สั่ง รมต.ประกบ ส.ส.ลงพื้นที่ เตรียมลต.ปีหน้า ปิดช่องยุบสภา ด้าน “ธรรมนัส” กลับลำ ยังอยู่พปชร.ต่อ

ที่ห้องพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ชั้น6 รัฐสภา นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพปชร.และประธานวิปรัฐบาลให้สัมภาษณ์หลังประชุมส.ส.พรรค ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าไม่มีเรื่องการปรับกรรมการบริหารพรรค และยืนยันว่าจะไม่ลาออกจากหัวหน้าพรรค เพราะรักพรรคพปชรมากและจะอยู่กับพรรค โดยขอให้พวกพร้อมเราวาในช่วงหนึ่งปีเศษจากนี้ให้เตรียมลงพื้นที่และเข้าหาและช่วยเหลือประชาชน 
อะไรที่พรรคจะเข้าไปดูแลและช่วยเหลือ พล.อ.ประวิตร ก็จะเข้าช่วยเหลือ พร้อมฝากรัฐมนตรีในพรรคให้ลงพื้นที่คู่กับสมาชิกพรรคด้วย ส่วนการแต่งตั้งพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นประธาน กรรมการยุทธศาสตร์พรรค เพื่อดูแลช่วยเหลือในการวางแผนต่างๆในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

และจากนี้ไปภายในพรรคพปชร.จะไม่มีก๊วนไม่มีกลุ่ม และมีกลุ่มเดียวคือกลุ่มประวิตร คือกลุ่มหัวหน้าพรรคเท่านั้น ปละเวลาพล.อ.ประวิตร พูดก็จะได้ยินเสียงปรบมือของส.ส.เป็นระยะส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรค ร.อ.ธรรมนัสผมเผ่ส พะเยาและเลขาธิการพรรค ยืนยันในที่ประชุมว่ายังทำหน้าที่เป็นเลขาฯพรรค ยังช่วยเหลือประชาชนเต็มที่ วันนี้ยังลงพื้นที่และเป็นผู้แทนอยู่ ยังทำงานประสานกับหน่วยงานต่างๆ และยังอยู่กับพรรค
พปชร.ต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าพล.อ.ประวิตร ได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรี รับทราบถึงการเตรียมความพร้อมเรื่องตั้งในช่วงหนึ่งปีที่เหลืออยู่นี้หรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร พูดหมดแล้ว และน้ำให้ผู้แทนดูแลพื้นที่และเข้าหาประชาชนในการเลือกตั้งต่อไปผู้สื่อข่าวถามว่าการให้ส.ส.ลงพื้นการให้ลงพื้นที่เป็นสัญญาณว่าจะไม่มีการยุบสภาใช่หรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรยืนยันว่าจะไม่มีการยุบสภา

"บิ๊กตู่"นำถก กนย. ย้ำโควิดกระทบเศรษฐกิจทั้งการค้า-ส่งออก กำชับทุกหน่วยงานดูแลครบทั้งระบบ 

ที่ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ครั้งที่ 1/2564 ผ่านระบบวิดิโอคอนเฟอเรนซ์ โดยกล่าวก่อนการประชุมว่า สิ่งสำคัญที่สุดคืออยากให้ทุกคนทราบว่าวันนี้สถานการณ์เกิดปัญหาอย่างมาก โดยเฉพาะสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ โดยมีผลต่างๆในทุกกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นการค้าและการส่งออก จึงขอฝากให้ทุกหน่วยงานดูแลให้ครบทั้งระบบของเรา ทั้งต้นทาง กลางทางและปลายทาง

“บิ๊กตู่” เคาะประกันรายได้สวนยางหมื่นล้าน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาและเห็นชอบหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 3 เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนยาง ในกรณี ที่ราคายางตกต่ำในช่วงโควิด-19  รวมทั้งเพื่อเพิ่มรายได้และสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง วงเงินรวมทั้งสิ้น 10,065 ล้านบาท โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการยางแห่งประเทศไทย แต่งตั้งคณะกรรมการ/คณะทำงาน ดำเนินโครงการชุดต่าง ๆ ตามที่การยางแห่งประเทศไทยเสนอ และดำเนินการจัดทำรายละเอียดโครงการเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป

สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 3 ราคายางที่ประกันรายได้ ได้แก่  (1) ประกันรายได้ราคายางแผ่นดิบคุณภาพดี 60.00 บาท/กิโลกรัม  (2) ประกันรายได้ราคาน้ำยางสด (DRC 100%) 57.00 บาท/กิโลกรัม (3) ประกันรายได้ราคายางก้อนถ้วย (DRC 50%) 23.00 บาท/กิโลกรัม

“ได้กำชับการรับรองการเป็นเกษตรกรชาวสวนยางของเกษตรกรที่แจ้งข้อมูลการปลูกยางกับการยางแห่งประเทศไทย ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังรอบคอบ โดยรัฐบาลจริงจังกับการปลูกยางในพื้นที่บุกรุกและย้ำไม่ให้ปลูกยางในพื้นที่ที่ไม่ถูกต้อง รวมถึงโครงการประกันราคายาง ต้องมีมาตรการที่เข้มงวดและให้เงินถึงมือเกษตรกรโดยตรงอย่าให้มีการทุจริตเด็ดขาด รวมทั้ง ให้พิจารณามาตรการอื่นๆ ในการยกระดับราคายางเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาลในการประกันราคาและแก้ไขปัญหาราคายางที่ตกต่ำอย่างถาวร” 

ศบค. จ่อเปิด ท่องเที่ยวภูเขา ทะเล นายกฯ สั่ง สธ.-ทท.-มท. เล็ง พื้นที่นำร่อง ย้ำ เงื่อนไข มาตรการรองรับ

ที่ศบค.ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงข่าวตอนหนึ่ง ว่า ในศปก.ศบค. หาลือกันว่าตอนนี้ใกล้ถึงฤดูกาลท่องเที่ยวแล้ว และได้รับรายงานเรื่องการทำงานของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ พบว่า ยอดการจองที่พัก ช่วง 1 ก.ค. - 14 ก.ย.นี้ สะสม 76 วัน ประมาณ 524,221 คืน จำนวนคน 32,005 คน และพบว่าจากการตรวจหาเชื้อในครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง พบผู้ติดเชื้อเพียง 91 คน ส่วนใหญ่พบเชื้อเดลต้า ส่วนการติดเชื้อใหม่ในพื้นที่ มีรายงานว่า 229 ราย มีทั้งคนไทยและแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในพื้นที่ภูเก็ต แต่ชาวต่างประเทศนั้นเป็นศูนย์ โดยทางนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ที่ได้คอนเฟอร์เร้นท์มาร่วมประชุม ได้รายงานว่ารับมือไหว มีสมรรถนะในการรักษาที่รองรับได้ ถึงแม้จำนวนของคนป่วยและเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่ง 90% แข็งแรงดี มีอาการไม่มาก อยู่ในกลุ่มสีเขียว ส่วนกลุ่มสีเหลืองสีส้มนั้นมีประมาณ 4% สีแดงประมาณ 6% สำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางมาประเทศไทย ที่ภูเก็ตอันดับสูงสุดได้แก่ สหรัฐอเมริกา อิสราเอล ยูเออี ยูเค เยอรมันนี อื่นๆ 

ส่วนโครงการ 7+7 ใน 3 จังหวัด เช่น สุราษฎร์ธานี ที่เกาะสมุย เกาะพงัน เกาะเต่า นั้น รายงานว่า มีการเข้าพักประมาณ 3,900 กว่าคืน พังงาน ที่ เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ เขาหลัก ประมาณ 1,900 กว่าคืน กระบี่ ที่ เกาะพีพี ไร่เลย์ เกาะไหง อีก 1,263 คืน รวม 3 จว. 7, 135 คืน นี่คือช่องทาง ของการทำให้เศรษฐกิจของคนที่พึ่งพาทางด้านการท่องเที่ยวพอจะหายใจหายคอออกบ้าง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ศบค. มีแผนการรับการท่องเที่ยวที่จะเปิดประเทศในวันที่ 1 ตุลาคมนี้อย่างไรบ้าง นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะผอ.ศบค. สั่งการ ว่า ให้มองไปถึง ในช่วงที่เรามีฤดูกาลท่องเที่ยวในภาคปกติคือไตรมาส 4 ของทุกปี หรือ ไฮซีซั่น เพื่อที่จะดูว่าเราจะต้องเตรียมตัวอะไรกันอย่างไร  ในขณะที่จะต้องอยู่กับ โควิด-19 ไปเรื่อยๆอย่างนี้ ก็จำเป็นที่ต้องปรับตัว จึงได้ให้นโยบายมา เป็นข้อสั่งการว่าขอให้เตรียมความพร้อม ให้กับนักท่องเที่ยวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อที่จะได้ท่องเที่ยวกันในช่วงไฮซีซั่นนี้ โดยให้ไปดูในพื้นที่ เพื่อที่จะประกาศพื้นที่นำร่อง คือ 1.พื้นที่นำร่องท่องเที่ยวปลอดภัยจาก โควิด-19 หรือโควิดฟรี ทัวริสต์แอเรีย แซนด์บ็อกซ์ ที่มีภูเก็ตแซนบ็อกซ์ทำเป็นตัวอย่างมาแล้ว จึงได้มอบให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย ไปร่วมกันพิจารณา เช่น พื้นที่เกาะ พื้นที่ที่มีสนามบิน

และ2.ต้องมีมาตรการป้องกันและควบคุม โควิด-19 ในพื้นที่นั้นๆ และต้องได้รับความเห็นชอบในการดำเนินการ โดยดูความพร้อมของประชาชนในพื้นที่ด้วยว่าพร้อมหรือไม่ ตัวเลขผู้ติดเชื้อมีไม่มาก สามารถควบคุมได้ จำนวนการฉีดวัคซีนเหมาะสม 3. มีขีดความสามารถในการรักษา มีเตียงมีทรัพยากรทางการแพทย์และพยาบาลเพียงพอหรือไม่ หากเกิดการระบาดขึ้นมาจะสามารถควบคุมโรค สามารถให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลนั้นๆได้อย่างเพียงพอ ทั้งนี้ ให้พิจารณา ระยะแรกเป็น พื้นที่นำร่อง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป หากมีความพร้อมให้เปิด ทดลองดำเนินการ

ส่วนระยะที่สอง ก็อาจจะเป็นพื้นที่อื่นๆ ซึ่งอาจจะเป็นในช่วงระยะเวลา 15 ตุลาคม หรือ 1 พฤศจิกายน ไปแล้ว ที่อาจจะเปิดพื้นที่ที่มีความพร้อมอื่นๆ เช่น ทะเลในภาคตะวันออก ภูเขาในภาคเหนือ หากพร้อมก็ให้ทดลองดำเนินการ

มท. จ่อชง ครม. ขอต่ออายุ คก.พัฒนาตำบลแบบบูรณาการ คงสภาพ จ้างงานบัณฑิตป.ตรี 14,510 คน ใน 7,255 ตำบล บรรเทาความเดือดร้อนจากโควิด-19 

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รัฐบาลได้ผลักดันหลายโครงการที่เป็นการจ้างงานเพื่อให้ผู้ได้รับผลกระทบยังมีรายได้ ซึ่งรวมถึงโครงการพัฒนาตำบลแบบบูรณาการ (Tambon Smart Team) โดยกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นการจ้างงานเพื่อจัดเก็บข้อมูลและบันทึกข้อมูลในระดับตำบลในทุกมิติทั้ง 12 ด้าน เพื่อนำข้อมูลมาประมวลผล และสร้างแพลตฟอร์มให้หลายภาคส่วนสามารถเข้ามาดูข้อมูลแต่ละพื้นที่ เช่น แต่ละตำบลมีพืชเศรษฐกิจอะไรบ้าง มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจยังไงบ้าง ซึ่งมีการประมวลผลทุกเดือน โดยโครงการดังกล่าวมีกรอบระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ 1 ต.ค.2563 - 30 ก.ย. 2564 โดยได้จ้างงานประชาชนที่จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี หรือเทียบเท่า จำนวน 7,255 ตำบล ตำบลละ 2 อัตรา รวม 14,510 อัตรา (ครอบคลุม 878 อำเภอ ในพื้นที่ 76 จังหวัด) อัตราจ้างเหมา 15,000 บาทต่อเดือน  

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวได้ช่วยบรรเทาความเดือนร้อนให้กับประชาชนที่หางานทำได้ยากในช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาด รวมถึงได้เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือนผ่านมาตรการการจ้างงาน ผู้ร่วมโครงการเกิดสร้างทักษะ ประสบการณ์การทำงาน ที่สามารถนำไปต่อยอดใช้ประโยชน์ในชีวิต กระทรวงมหาดไทยจึงได้พิจารณาต่อโครงการฯ จากที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2564 นี้ ออกไปอีก

เพื่อให้ประชาชนยังมีงานทำ และสานต่อการจัดทำฐานข้อมูลระดับตำบลให้เสร็จสมบูรณ์ เป็นกลไกสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากผลกระทบของโควิด-19 ต่อไป สำหรับความคืบหน้าล่าสุดนั้น กระทรวงมหาดไทยได้เสนอเรื่องการต่ออายุโครงการไปยังสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) หรือสภาพัฒน์ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ โดยสภาพัฒน์อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียด เร็วๆนี้คาดว่าจะได้เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาอนุมัติ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า โครงการพัฒนาตำบลแบบบูรณาการ ซึ่งดำเนินการในปีงบประมาณ 2564(ต.ค.63-ก.ย.64) จ้างประชาชนเก็บข้อมูลระดับตำบล 12 ด้าน เช่น โครงสร้างพื้นฐานและกายภาพ ,การปกครองและความมั่นคง,สาธารณภัย,สาธารณสุข,ที่ดิน,การผังเมือง,ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม,เศรษฐกิจ,เกษตรกรรม,อุตสาหกรรม,การบริการและการท่องเที่ยว และสังคมและการศึกษา รวมเป็นฐานข้อมูลแบบบูรณาการ (Data Base) สามารถใช้สำหรับการวางแผนพัฒนาพื้นที่ในทุกระดับ และเป็นฐานข้อมูลกลางที่เปิดเผยต่อสาธารณชน (Single opened-data system) ให้ทุกภาคส่วนของรัฐ เอกชน ภาคประชาสังคมต่างๆ สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ร่วมกันในข้อมูลชุดเดียวกัน การจ้างแรงงาน 14,510 อัตรา ใช้จ่ายงบประมาณจาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563  อยู่ภายใต้ภายใต้แผนงานส่งเสริมและกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือนและเอกชน งบประมาณ 2,701.87 ล้านบาท

“เสกสกล”ย้อน"ทักษิณ" กินปูนร้อนท้อง ปัดจ่ายดีลล้มบิ๊กตู่” เย้ย โจรย่อมดินปูนร้องท้อง” ชี้ ยัน ปชช.รู้ดี บ้านเมืองวุ้นวายเพราะใคร

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร หรือโทนี่ วู้ดซั่ม กล่าวใน CARE Talk x CARE ClubHouse ถึงการรวมเสียง ส.ส.ของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เพื่อโหวตไม่ไว้วางใจนายกฯโดยมีการปล่อยข่าวว่านำเงิน 2,000 ล้านจากนายทักษิณ ไปดีลล้มนายกฯแต่ไม่สำเร็จ พร้อมบอกว่าคนอย่างทักษิณ ไม่โง่ทำแบบนั้น ว่า เรื่องนี้จะปล่อยหรือไม่ปล่อยข่าว ไม่มีใครทราบนอกจากนายทักษิณเอง  แต่อยากเตือนสติให้สังคมได้รับรู้ ถ้าไม่มีมูล หมาไม่ขี้  เมื่อการดีลล่ม จะพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้น  แต่นายทักษิณ อย่าลืมว่าประชาชนคนไทยเขารู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร ที่การเมืองในบ้านยังคงวุ่นวายเพราะยังมีคนที่แค้นใจ ที่ต้องเร่ร่อนไปอยู่ต่างประเทศ ไม่มีโอกาสให้กลับแผ่นดินไทย ที่เป็นแผ่นดินเกิด 

นายเสกสกล กล่าวว่า นายทักษิณ เป็นอดีตนายกฯ ไม่คิดที่จะทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณประเทศ หรือตอบแทนเพื่อลบล้างในสิ่งที่ตัวเองทำความผิดกับประเทศมาบ้างหรือ ที่ประเทศชาติเสียหายเพราะอะไรจน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯต้องมาเก็บกวาดทุกอย่างที่พวกพ้องทำไว้กับประเทศชมากมาย เรื่องที่เกิดขึ้นพล.อ.ประยุทธ์ รู้ดี ถึงได้ตัดสินใจดำเนินการขั้นเด็ดขาด และที่ผ่านมาย้ำอยู่เสมอว่าจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องที่ไม่ดี ไม่ถูกต้องเด็ดขาด ตนยืนยันว่า
นายกฯไม่จำเป็นที่ต้องแจกกล้วย เหมือนที่นายทักษิณ บอกเพราะทำทุกอย่างด้วยความจริงใจ เพื่อเดินหน้าแก้ปัญหาที่ประชาชนต้องประสบความเดือดร้อน ไม่ได้หวังผลทางการเมือง โดยเฉพาะแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด และเตรียมที่จะเปิดประเทศให้ทุกคนได้กลับมาทำมาหากินตามปกติ  

“นายทักษิณ สามารถช่วยคนไทย และประเทศไทยได้โดย หยุดพูด หยุดแซะ หยุดให้ร้ายคนโน้น คนนี้เสียที ไม่ว่าจะเป็นเบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง ก็ช่วยประเทศและประชาชนได้มาก และอย่าพูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ส่วนที่ว่าไม่มีความคิดโง่ๆที่จะใช้เงิน2,000 ล้านบาท มาดีลล้มนายกฯ นายโทนี่อาจจะไม่ได้ลงมือทำ แต่อาจจะมีเจ้ ด.สั่ง นักการเมืองชื่อ ว. มาดีลก็ได้ใครจะไปรู้ และ "โจรส่วนใหญ่ที่กลัวความผิด มักจะกินปูนร้อนท้องเสมอ" นายเสกสกล กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top