Monday, 6 May 2024
Northern

เชียงราย - ทหารผาเมือง รวบ 15 เมียนมา ก่อนข้ามแดนจะไปทำงานกรุงเทพฯ

เวลา 02.30 น.วันที่ 28 เม.ย.64 กำลังทหาร ร้อย.ม.3 บก.ควบคุมที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ภายใต้การอำนวยการของ พ.อ.สัมฤิทธิ์ ฉัตรวัฒนาสุกล ผบ.ฉก.ม.3 นำโดย ร.อ.พิสิฐ อภิเดช ผบ.ร้อย.ม.3 นำกำลัง 1 ชุดปฏิบัติการ ได้เดินลาดตระเวณในพื้นที่รับผิดชอบ จนกระทั่งถึงบ้านสันผักฮี้ หมู่ 3 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงรายได้พบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยกลุ่มใหญ่  ได้เดินผ่านบริเวณดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตนเข้าขอตรวจค้น  โดยพบว่ากลุ่มดังกล่าวมีจำนวน 15 คน  เป็นชาย 6 คน เป็นหญิง 9 คน อายุระหว่าง 19 ถึง 38 ปี โดยเดินทางมาตากรัฐคะฉิ่น และรัฐฉาน ประเทศเมียนมา

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภารภาพว่าได้ลักลอบข้ามพรมแดนมาเพื่อที่จะไป ทำงานที่กรุงเทพฯ โดยมีนายหน้าพาข้ามพรมแดน มาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อมาถึงแล้วจะมีคนมารับ เพื่อไปส่งถึงกรุงเทพฯ แต่ก็มาถูกเจ้าหน้าที่ตรวจพบเสียก่อน หลังจากทำการสอบสวนแล้วทางเจ้าหน้าที่ได้ประสาน เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เชียงราย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สาย ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เทำการเข้าจับกุม และควบคุมตัวนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.แม่สาย เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และคัดกรองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ต่อไป


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์

แม่ฮ่องสอน - สถานการณ์ฝั่งเมียนมายังไม่สงบ มีการบินโจมตีทางอากาศยานทหารเมียนมา และยังได้ยินเสียงปืน เหนือ ’ฐานด๊ากวิน’ ตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง

เมื่อเวลา 10.30 น. หน่วยงานความมั่นคงของไทย ด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า สถานการณ์สู้รบในฝั่งประเทศเมียนมา แถบชายแดนลำน้ำสาละวิน มีการบินโจมตีทางอากาศ โดยอากาศยานทหารเมียนมา จำนวน 2 ลำ ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ที่ฐานด๊าก-วิน ของทหารเมียนมา กองพันเคลื่อนที่เร็วที่ 340  บริเวณด้านตรงข้าม บ้านท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม  อ.แม่สะเรียง  จ.แม่ฮ่องสอน และ ยังได้ยินเสียงปืนเป็นระยะ ผลการปะทะ ยังไม่ทราบรายละเอียดและการสูญเสียของทั้งสองฝ่าย โดยเจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ประจำอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ทุกขณะ และ คาดว่าอาจมีมวลชนกะเหรี่ยงอพยพข้ามมาฝั่งไทยได้ทุกขณะ

ซึ่งทางศูนย์สั่งการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยนายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน   จะสรุปสถานการณ์การสู้รบในฝั่งประเทศเมียนมาอีกครั้งในช่วงบ่ายของวันนี้

ส่วนกรณี หากมีผู้หนีภัยความไม่สงบ ชาวเมียนมา หลบหนีข้ามฝั่งมายังฝั่งไทย จะได้ดำเนินการตามแผนบริหารจัดการ โดยดำเนินการนำผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา พักรอในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว (พื้นที่แรกรับ) ซึ่งอยู่ในการกำกับดูแลของทางทหาร บริเวณชายแดน โดยมีการคัดกรอง COVID – 19 และแยกพื้นที่ ตามมาตรการสาธารณสุขต่อไป และในส่วนกระบวนการทางสาธารณสุขอื่น ๆ ได้มีมาตรการในการเตรียมความพร้อมรองรับไว้ครบถ้วนแล้วตามหลักมนุษยธรรม   กรณีการสู้รบมีความรุนแรงและยืดเยื้อมีแผนดำเนินการเคลื่อนย้ายผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา เข้าไปพักรอในพื้นที่พักรอที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งห่างจากชายแดน ประมาณ 1 กิโลเมตร โดยจะดูแลตามหลักมนุษยธรรม ทั้งนี้ ยังคงยืนยัน เจ้าหน้าที่รัฐไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มุ่งเน้นให้ประชาชนชาวไทย ที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ ที่เกิดเหตุการณ์ได้รับความปลอดภัยสูงสุดและทั้งนี้จะดูแลช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม กับทั้ง 2 ฝ่าย อย่างเท่าเทียมกัน

สถานการณ์ทั่วไป เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยังคะปิดกันไม่ให้เข้าพื้นที่การสู้รบ ตั้งแต่ปากเข้าบ้านแม่สามแลบ  ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เนื่องจากยังไม่สามารถคาดการณ์เหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีคำสั่งปิดจุดผ่อนปรนทางการค้า  บ้านแม่สามแลบ และ งดการเดินเรือในลำน้ำสาละวิน  ตั้งแต่ 28 เมษายน 2564 เป็นต้นไป  และห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน 

เชียงใหม่ - เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ต้อนรับสมาชิกใหม่ “ลูกกูดูใหญ่” สัตว์แห่งแอฟริกา

สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ต้อนรับสมาชิกใหม่ “ลูกกูดูใหญ่” สัตว์แห่งแอฟริกา พร้อมเน้นย้ำมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาด COVID – 19 อย่างต่อเนื่อง

นายเบญจพล นาคประเสริฐ กรรมการบริหารพัฒนาพิงนคร ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร กล่าวว่า เนื่องจากเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้ปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน - 4 พฤษภาคม 2564  ตามมาตรการเฝ้าระวังระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ซึ่งในช่วงเวลานี้ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้มีการเตรียมความพร้อมในการเปิดให้บริการอีกครั้ง  รวมทั้งการดูแลสวัสดิภาพของสัตว์กว่า 1,266  ตัว 129 ชนิด  เป็นอย่างดี พร้อมทั้งต้อนรับสมาชิกใหม่ “ลูกกูดูใหญ่”  จำนวน 1 ตัว เกิดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2564 (ยังไม่ทราบเพศ)และได้รับการเลี้ยงดูจากแม่ตามธรรมชาติ ปัจจุบันอาศัยรวมกับฝูงกูดูใหญ่อยู่ภายในส่วนแสดงซาวันนาซาฟารี ซึ่งเป็นส่วนแสดงสัตว์จากทุ่งหญ้าซาวันนา และสัตว์ผู้ถูกล่าในธรรมชาติ และนับเป็นสมาชิกกูดูใหญ่ ตัวที่ 9 ของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

สำหรับ “กูดูใหญ่” (Greater dudu) เป็นสัตว์แอนทีโลปที่มีความสูงที่สุดแห่งแอฟริกา มีจุดเด่นที่ทำให้มันโดดเด่นสะดุดตาคือเขาที่บิดเป็นเกลียวอย่างสวยงาม ซึ่งจะมีเฉพาะในตัวผู้เท่านั้น ซึ่งมีลักษณะคล้ายดอกสว่าน ใช้เวลาในการบิดเต็มที่ประมาณ 5 ปี โดยความยาวเฉลี่ยของเขาจะอยู่ที่ประมาณ 1.2 เมตร (ถ้ายืดตรง) กูดูใหญ่ตัวเมียชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง และจะปลีกตัวออกจากฝูงในช่วงเวลาตกลูก ส่วนตัวผู้บางครั้งอยู่ร่วมกันเป็นฝูงเล็ก แต่ส่วนมากชอบอยู่อย่างสันโดษ สามารถพบในแถบแอฟริกาตะวันออกถึงแอฟริกาใต้ อาศัยอยู่ตามป่าไม้สูง ไม้เตี้ย และป่าโปร่ง กินหญ้าและใบไม้เป็นอาหาร มีอายุเฉลี่ยถึง 23 ปี

และเนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID - 19 ระลอกใหม่ ที่มีการพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีมีความห่วงใยและตระหนักถึงความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงานเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก เพื่อเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว จึงขอแจ้งหยุดให้บริการนักท่องเที่ยวเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน- 4 พฤษภาคม 2564 และระหว่างช่วงปิดให้บริการ ทางเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้ดำเนินการทำความสะอาด Big Cleaning ในทุกพื้นที่ รวมถึงการฆ่าเชื้อบริเวณกรงสัตว์ การฉีดวัคซีน และการดูแลสัตว์อย่างต่อเนื่อง และปรับปรุงส่วนต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการกลับมาให้บริการอีกครั้ง

ทั้งนี้ ในช่วงเวลานี้นักท่องเที่ยวสามารถติดตามข่าวสารและชมภาพบรรยากาศ พร้อมคลิปน่ารักๆ ของเหล่าบรรดาสมาชิกสัตว์ป่าของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ได้ในช่องทาง TIKTOK: https://vt.tiktok.com/ZSJdBmEAR/, IG : https://bit.ly/3nhUqs0, LINE@ : nightsafari และ Facebook : เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี Chiang Mai Night Safari


ภาพ/ข่าว  นภาพร / เชียงใหม่

แม่ฮ่องสอน - ชายแดนสาละวินเสียงปืนยังดัง ราษฎรเมียนมาอพยพข้ามาฝั่งไทยแล้ว 179 ราย ทหารตรึงกำลังคุม ขณะที่ราษฏรไทยบ้านท่าตาฝั่งและแม่สามแลบ หวั่นโดยกระสุนลูกหลงอพยพออกจากหมู่บ้านไปอยู่พื้นที่ปลอดภัย

ศูนย์สั่งการชายแดน ไทย - เมียนมา ด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดย นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย -เมียนมา จ.แม่ฮ่องสอน ประจำวันที่ 29 เม.ย. 64 น. ว่า จากสถานการณ์ของเมื่อวานที่ผ่านมา ยังมีเสียงปืน ชนิด ค.60 จำนวน 2 ลูก ทางทิศใต้ของ ฐานฯ แม่สะล็อก รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 1 กม. คาดว่า ทหารเมียนมา พบความเคลื่อนไหวของ กองกำลังKNU จึงทำการยิงอาวุธปืน ค.60 เพื่อป้องกันการลอบโจมตี ฐานฯ ต่อมาช่วงเย็นได้ยินเสียงปืน ค.60 จำนวน 2 ลูก ทางด้านทิศใต้ ฐานฯ ด๊ากวิน ของทหารเมียนมา ด้านตรงข้าม ฐานฯ บ.ท่าตาฝั่ง ฯ ห่างจากชายแดนไทย ประมาณ 1 กม. คาดว่า ทหารเมียนมา เห็นความเคลื่อนไหว กองกำลัง KNU จึงทำการยิงอาวุธเพื่อป้องกันการลอบโจมตีฐาน ผลการยิงทั้งสองช่วงไม่ทราบความเสียหาย ต่อมาในเย็นวันเดียวกัน  เวลา 17 .00 - 17.12 น ทหารเมียนมา ได้นำเครื่องบินปีกหมุน (ไม่ทราบแบบ) จำนวน 2 ลำ ปฏิบัติการทางทหาร จำนวน 6 ครั้ง เข้าโจมตีด้วยปืนกลทางอากาศ จำนวน 6 ชุด และสลับกับยิงลูกจรวดอากาศสู่พื้น บริเวณทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของฐานฯด๊ากวิน ต้านตรงข้าม บ.ท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 1.5 กม เพื่อสกัดและป้องกันรอบฐานที่มั่น ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางฝ่ายความมั่นคงตามแนวชายแดนยังสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้        

      

ทั้งนี้หลังเกิดเหตุการณ์สู้รบในฝั่งประเทศเมียนมา มีราษฎรชาวเมียนมา ข้ามมายังฝั่งไทยจากเหตุความไม่สงบในเมียนมา อาศัยอยู่ใน พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 3 แห่งรวมทั้งสิ้น 179 คน กระจายในพื้นที่ 3 จุด คือ บริเวณตรงข้ามฐานฯดาข่วย ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จำนวน 68 คน  บริเวณห้วยอีนวล ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จำนวน 39 คน  และ บริเวณห้วยโกเฮ ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จำนวน 72 คน

ในส่วน กรณีราษฎรไทย ได้รับผลกระทบจากการสู้รบในประเทศมียนมา ใน 2 พื้นที่ รวมทั้งสิ้น 278 คน ได้จัดให้พำนักในพื้นที่รวบรวมพลเรือน 2 แห่ง คือ ราษฎรไทยพื้นที่ บ.แม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย ได้อพยพไปยังพื้นที่รวบรวม พลเรือนโรงเรียนบ้านห้วยกองก้าด ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 450 คน เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 64 ที่ผ่านมา ณ ปัจจุบันบางส่วนได้ไปพักอาศัย ในบ้านญาติ ขณะนี้คงเหลือในพื้นที่พักรอ จำนวน 208 คน และ ราษฎรไทยในพื้นที่ บ.ท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จำนวน 70 คน ได้อพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย ที่พักริมห้วยกองคา ต.ท่าตาฝั่ง อ.แม่สะเรียง ซึ่งชาวบ้านที่อพยพออกมาส่วนใหญ่หวั่นกระสุนลูกหลงของการสู้รบในฝั่งประเทศเมียนมา

ขณะที่พื้นที่บ้านแม่สามแลบยังถูกห้ามไม่ให้สื่อมวลชนและบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องข้าเด็ดขาดเนื่องจากต้องป้องกันความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของสถานการณ์การณ์โควิด และ การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และ ยังคง ตรึงกำลังมิให้มีการละเมิดหรือรุกล้ำอธิปไตย และ คอยช่วยเหลืออำนวยความสะดวกแก่ ผู้หลบหนีภัย และให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บตามหลักมนุษยธรรม


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร  อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอน - นายอำเภอแม่ลาน้อย สนธิกำลังป่าไม้ ตำรวจร่วมจับกุม 6 ผู้ต้องหา ฐานร่วมกันมีไม้สักท่อนไว้ในครอบครอง

เมื่อเร็ว ๆ นี้  นายชูชาติ คำมา นายอำเภอแม่ลาน้อย  ได้ร่วมกับทาง  นายนิพนธ์ วรนาม เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน พ.ต.ท.เดชา วิบูลกิจ สว.สส.สภ.แม่ลาน้อย นายวัชรพงศ์ จันทิมา ปลัดอำเภอแม่ลาน้อย พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่ ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 6 คน ตรวจยึดไม้สักท่อนจำนวน 7 ท่อน ปริมาตร 9.7 ลบ.ม. และรถยนต์ 3 คัน กระทำความผิดฐานร่วมกันมีไม้สักท่อนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และฐานร่วมกันทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต 

ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ได้รับแจ้งจาก ผู้หวังดี ว่ามีการลักลอบตัดไม้ บริเวณในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ยวมฝั่งขวา ท้องที่บ้านแม่แลบ ต.แม่ลาน้อย อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน คณะเจ้าหน้าที่ จึงได้สนธิกำลังวางแผนและเดินทางมาถึงบริเวณตามที่ได้รับแจ้ง ได้พบชาย จำนวน 6 คน อยู่ในบริเวณที่มีการตัดไม้ ห่างออกไปจากบริเวณที่ไม้ถูกโค่นล้มออกไปประมาณ 30 เมตร พบรถบรรทุก 2 คันและรถเก๋ง 1 คัน ในบริเวณข้างเคียง ตรวจพบไม้ถูกโค่นล้มตัดทอนแล้ว จากการสอบถามชายทั้ง 6 คน ได้ให้การว่าไม้ดังกล่าวมีการซื้อขายตามพระราชบัญญัติป่าไม้ คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ปรากฏว่าเป็นไม้สัก จึงทำการจับพิกัดตอไม้ ปรากฏว่าไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่กรรมสิทธิ์แต่อย่างใด ซึ่งไม้ดังกล่าวขึ้นอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ยวมฝั่งขวา

สำหรับไม้สักท่อนของกลางได้ขออนุมัติพนักงานสอบสวนนำมาเก็บรักษาไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มส. 25 (ท่าผาปุ้มเดิม) ตามระเบียบต่อไป คณะเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแม่ลาน้อย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยมีนายชูชาติ คำมา นายอำเภอแม่ลาน้อย เข้าร่วมเป็นผู้สอบสวนในครั้งนี้ด้วยตนเอง


ภาพ/ข่าว สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอน - ทพ.36 ออกลาดตระเวนทางน้ำทางบก เพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตย การกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนชาวไทยริมฝั่งลำน้ำสาละวิน ขณะที่สถานการณ์ฝั่งเมียนมายังไม่สงบ

สถานการณ์การสู้รบในฝั่งเมียนมา บริเวณริมน้ำสาละวิน ตลอดค่ำคืนที่ผ่านมา ทางฝ่ายความมั่นคงระบุ ยังได้ยินเสียงปืนจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านต่อเนื่อง บริเวณฐานด๊ากวิน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ บ้านท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน  ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยได้มีการเตรียมความพร้อมในการรองรับสถานการณ์ กรณีที่จะมีการอพยพของราษฏรกะเหรี่ยงเพิ่มเติม หากทางทหารเมียนมายังใช้การปฏิบัติการทางอากาศโจมตี

ขณะที่ทาง เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36   ฐานปฎิบัติการบ้านแม่สามแลบ ออกลาดตระเวนทางน้ำ ตั้งแต่ท่าเรือจุดผ่อนปรนแม่สามแลบ  ถึง ท่าเรือบ้านสบเมย  อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน โดยทำการลาดตระเวนทั้งทางบกและทางน้ำ เพื่อตรวจสอบ/สกัดกั้น ป้องกันการรุกล้ำอธิปไตย  การลักลอบลำเลียงยาเสพติด การลักลอบขนอาวุธสงคราม  หรือ การกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ และ การ ติดตามสถานการณ์เพื่อความปลอดภัยของประชาชนชาว การป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตามแนวริมฝั่งลำน้ำสาละวิน  

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ยังคง ตั้งจุดตรวจบริเวณหน้า ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ ห้ามบุคคลภาพนอก และสื่อมวลชน เข้าไปในพื้นที่ บ้านแม่สามแลบ ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย ที่ผ่านมา พร้อมปิดจุดผ่อนปรนการค้านบ้านแม่สามแลบ และ ห้ามเดินเรือในแม่น้ำสาละวิน  ขณะที่ราษฏรไทยบ้านแม่สามแลบที่อพยพอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย บ้านห้วยกองก๊าด ยังคงได้รับความดูแลจาก องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ ในการเปิดรับบริจาคสิ่งของช่วยเหลือ การทำอาหารแจกจ่ายให้ราษฏรในพื้นที่ปลอดภัย นอกจากนี้ทางหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 36 นำรถโมบายเคลื่อนที่มาให้บริการแจกจ่ายน้ำอุปโภคให้แก่ราษฎร จากยอดที่เดินทางเข้าครั้งแรก เมื่อวันที่ 27 เมษายน  450 คน ปัจจุบันเหลือเพียง 208 คน ส่วนหนึ่งกลับไปอาศัยอยู่กับญาติพี่น้อง


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร  อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอน - องค์กรภาคประชาสังคมบรรเทาทุกข์กะเหรี่ยง เร่งให้ความช่วยเหลือผู้อพยพหนีภัยสงครามการสู้รบตามแนวชายแดนริมฝั่งลำน้ำสาละวิน

คณะทำงานองค์กรภาคประชาสังคมบรรเทาทุกข์กะเหรี่ยง ได้แจ้งจำนวนผู้หนีภัยจากการสู้รบล่าสุด ว่ามีจำนวนผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่กองพล 5 มือตรอ รัฐกะเหรี่ยง อย่างน้อย 1,193  ครัวเรือน 7,389  คน ในจำนวนนี้มีที่หนีภัยมายังฝั่งไทย 3,112 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ และผู้หญิง ในขณะที่ชาวบ้านกะเหรี่ยงส่วนใหญ่พยายามซ่อนตัวอยู่ตามป่าและลำห้วยในรัฐกะเหรี่ยง และทนให้ได้มากที่สุดเพื่อไม่ให้ต้องหนีมายังฝั่งไทย แต่หากทหารพม่าโจมตีหนักขึ้นก็อาจจำเป็นต้องข้ามเข้ามาอยู่ทางฝั่งไทย

คณะทำงานเฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชายแดนไทย-เมียนมา ได้ทำงานอย่างหนักเพื่อส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปยังพี่น้องร่วมโลกกลุ่มนี้ เนื่องจากเส้นทางขนส่งทุรกันดารมาก เพราะไม่สามารถส่งทางเรือได้ สำหรับความต้องการเร่งด่วนคือข้าวสาร อาหารแห้ง เวชภัณฑ์ เต้นท์ ผ้าใบที่ไม่มีสีสดที่เห็นชัดเจน (สำหรับกางกันแดดและฝน) เป้สะพายสำหรับเด็ก (ใช้สำหรับใส่สิ่งของให้เด็กสะพายหากต้องหนีภัย) ป้ายชื่อ (สำหรับเขียนชื่อเด็ก พ่อแม่ และชื่อหมู่บ้าน ในกรณีพลัดหลง) ท่านใดต้องการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสามารถสนับสนุนทุนได้ที่ บัญชี ศูนย์พัฒนาเครือข่ายเด็กและชุมชน ธ.กรุงไทย สาขาแม่สะเรียง 509-0-07563-8  โดยที่เงินทุนจะนำไปซื้อสิ่งของบรรเทาทุกข์และค่าใช้จ่ายในการขนส่งหรือส่งข้าวสาร อาหารแห้ง เวชภัณฑ์ ฯลฯ ตามรายการข้างบน (งดรับเสื้อผ้า) โดยส่งไปที่  ศูนย์พัฒนาเครือข่ายเด็กและชุมชน 7 หมู่ 2 ต.สบเมย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน 58110


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

เชียงราย - สกัดแก๊งรถกระบะซิ่งขนยาเสพติดยึดยาบ้า 5 ล้านเม็ด

ตำรวจภาค 5 ติดตามสกัดแก๊งกระบะแต่งซิ่ง ขนยาบ้า 5 ล้านเม็ด พบมีหมายจับติดตัว ทำงานเป็นขบวนการ รับยาเสพติดจากชายแดน แม่ฟ้าหลวง ปลายทาง พระนครศรีอยุธยา ติดตามเครือข่ายตั้งแต่ปี 62 จนจับได้ในที่สุด

เวลา 10.00 น.วันที่ 5 พ.ค.64  ที่กองบังคับการตำรวนภูธรจังหวัดเชียงราย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงข่าวการสกัดกั้นจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 3 คน คือ นายชลธาร เมืองพรม อายุ 20 ปี ชาว ต.ป่าสัก อ.เมือง จ.ลำพูน นายอนันทชัย สมบุญ อายุ 28 ปี ชาว ต.สันมหาพน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ นายสุพจน์ ไชยเดช อายุ 30 ปี ชาว ต.เขื่อนผาก อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 5 ล้านเม็ด ในข้อกล่าวหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

โดยการจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 ก.ค.62 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจท่าก๊อ สภ. แม่สรวยได้ทำการตรวจยึดไอซ์น้ำหนักรวมประมาณ 50 กิโลกรัมพร้อมรถยนต์กระบะ 1 คัน และได้มีการขยายผลการจับกุมจนทราบว่านายสุพจน์ ไชยเดช มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด แต่ไม่มีพยานหลักฐานดำเนินคดี จึงได้ติดตามพฤติการณ์อย่างต่อเนื่อง  และต่อมาเมื่อวันที่ 7 มี.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย ได้จับกุมเครือข่ายยาเสพติด พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 6,230,000 เม็ด ยาไอซ์ประมาณ 12 กิโลกรัม โดยคดีนี้ทางศาลจังหวัดหนองคายได้ออกหมายจับนายสุพจน์ ไชยเดชในความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท1  (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครองครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายตามหมายจับของศาลจังหวัดหนองคายที่ 65/2564

ทางเจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนติดตามพฤติการณ์มาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่ง วันที่ 5 พ.ค.2564 ชุดสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค5  โดย พ.ต.อ.วรพงษ์ คำลือรอง ผบก.สส.ภ.5  พ.ต.อ.พงษ์สวัสดิ์  ไชยบาล รอง ผบกภ.จว.เชียงราย ได้ร่วมกันติดตามจนกระทั่งทราบว่านายสุพจน์ ใช้รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุสีเทาทะเบียน ยข 5535 เชียงใหม่ เข้าพักที่รีสอร์ท ในพื้นที่ ต.ดงมะดะ อ.แม่ลาว จ.เชียงรายจึงได้เฝ้าสังเกตการณ์จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. พบรถยนต์กระบะสี่ประตูยี่ห้ออีซูซุสีขาวทะเบียน งพ 5339 เชียงใหม่ขับเข้ามารับนายสุพจน์  แล้วขับมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองเชียงรายจึงได้สะกดรอยติดตามไป

จนกระทั่งเวลา 22.00 น. พบรถยนต์อีซูซุสีขาวทะเบียน งพ 5319 เชียงใหม่ขับขี่มาตามถนนพหลโยธินขาล่องก่อนถึงแยกวัดร่องขุ่นโดยมีรถยนต์กระบะมีโครงเหล็กเสริมกระบะข้างยี่ห้อโตโยต้าสีเทาทะเบียน ยต 3655 เชียงใหม่บรรทุกสิ่งของในกระบะท้ายขับตามกันมาแล้วเลี้ยวขวาสามแยกแม่สรวยมุ่งหน้าไปทาง จ.เชียงใหม่โดยรถยนต์อีซูซุสีขาวทะเบียน งพ 434 เชียงใหม่ได้จอดที่บริเวณหน้ารีสอร์ท และพบนายสุพจน์ เดินลงจากรถเข้าไปในภายรีสอร์ท ส่วนรถยนต์อีซูซุสีขาวทะเบียน งพ 5319เชียงใหม่ได้ขับออกไปอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าไปทาง จ.เชียงใหม่โดยมีรถยนต์กระบะทะเบียน ยต 3685 เชียงใหม่ขับขี่ตามไป

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต่านตรวจ ท่าก๊อ สภ. แม่สรวย จึงได้ทำการสกัดรถยนต์กระบะทะเบียน ยต 3685 เชียงใหม่เอาไว้ได้ โดยมีนายชลธาร เป็นผู้ขับขี่และพบยาบ้าจำนวน 5 ล้านเม็ดซุกซ่อนอยู่บริเวณกระบะท้ายโดยมีผ้าใบปกคลุมอยู่ระหว่างตรวจนับยาเสพติด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เวียงป่าเป้าได้ทำการสกัดและเรียกตรวจค้นรถยนต์ทะเบียน งพ 5319 เชียงใหม่ได้ที่บริเวณริมถนนสายเชียงราย-เชียงใหม่ก่อนถึงตลาดสดเวียงป่าเป้าโดยมีนายอนันทชัย เป็นผู้ขับและเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกส่วนหนึ่งจึงได้เข้าควบคุมตัวนายสุพจน์ พร้อมรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุสีเทาทะเบียน ยข 5535 เชียงใหม่ที่บริเวณรีสอร์ท  จึงร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสามพร้อมของกลางส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดตามขบวนการค้ายาเสพติดรายนี้มานานแล้ว เพราะมีพฤติกรรมไปพัวพันกับการขนยาเสพติดเข้าสู่ขั้นในของประเทศ มีหมายจับศาล จ.หนองคาย และพัวพันกับการลำเลียงยาเสพติดหลายครั้ง โดยครั้งนี้ได้ลำเลียงยาเสพติดเข้ามาทางชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย แล้วนำไปพักในพื้นที่ อ.แม่สรวย โดยมีผู้ต้องหาหลัก 1 คนที่เป็นผู้จ้างวานพรรคพวกอีก 2 คนเป็นเงิน 200,000 บาท เพื่อนำไปส่งที่จุดหมาย จ.พระนครศรีอยุธยา แต่ครั้งนี้เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนสกัดและจับกุมตัวเอาไว้ได้ในที่สุด


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์

เชียงราย – พายุลูกเห็บถล่มแม่สาย ต้นไม้หักโค่นขวางถนน เร่งเปิดเส้นทาง นายอำเภอสั่งเร่งตรวจสอบความเสียหาย

วันที่ 5  พ.ค.64 นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย อ.แม่สาย ตรวจสอบความเสียหายในพื้นที่ หลังจากเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมาได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมพัดแรง รวมถึงมีลูกเห็บตกในพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยพายุฝนได้พัดกระหน่ำอย่างหนักเป็นเวลาประมาณ 30 นาที ทำให้พื้นที่หลายแห่งได้รับความเสียหาย มีต้นไม้หักโค่นลงมาทับขวางถนน  ต้นไม้ภายในโรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ได้รับเสียหาย

โดยจุดที่ต้นไม้ล้มขวางถนนเป็นเส้นทางจากบ้านสายลมจอย ไปด่านตรวจป่าสัก ซึ่งเป็นเส้นทางลัดเลาะตามชายแดน โดยทางเจ้าหน้าที่ทหารจากกองร้อยทหารม้าที่ 3 บก.ควบคุมที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ภายใต้การอำนวยการของ พ.อ.สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผู้บังคับกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง  ได้นำกำลังเครื่องมือ ร่วมกับชาวบ้าน ฝ่ายปกครอง ทำการเปิดเส้นทางเพื่อให้สัญจรไปมาได้ตามปกติ

นอกจากนี้ยังพบว่ามีต้นเสากาแลรูปทรงศิลปะที่ตั้งบนถนนพหลโยธินขาเข้าและออกเมืองแม่สาย ได้ล้มลงมาบนผิวจราจรแต่ช่วงเกิดเหตุไม่มีรถสัญจรผ่านไปมาทำให้ไม่มีผู้ได้รับอันตราย ด้านนายวรรณศิลป์ จิระกาศ ปลัดเทศบาล ต.แม่สาย เปิดเผยว่า พายุลูกเห็บดังกล่าวเป็นพายุฤดูร้อนทำให้เทศบาลได้สำรวจความเสียหาย พบว่ามีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 7 จุด เบื้องต้นได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ออกไปช่วยเหลือตามจุดต่าง ๆ โดยเฉพาะการตัดกิ่งไม้ต้นไม้ที่ล้มขวางถนน ส่วนกรณีต้นเสากาแลที่ล้มบนถนนก็จะได้รีบเก็บกู้และซ่อมแซมให้แล้วเสร็จโดยเร็ว


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์ / เชียงราย

หมายเหตุ  : ขอบคุณภาพจาก กุลธิดา คาแคร์

แม่ฮ่องสอน - ชายแดนสงบต่อเนื่อง ชาวบ้านรอให้ทางการเปิดพื้นที่ จุดผ่อนปรนจะได้ทำมาค้าขายได้ หลังประสบความเดือดร้อนทั้งพิษโควิด-19 และภัยสงคราม ไม่สามารถค้าขายได้

ภายหลังจากที่สถานการณ์สู้รบริมฝั่งลำน้ำสาละวิน แนวโน้มดีขึ้น การสู้รบเริ่มสงบ ทั้งด้านฝั่งตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ  ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย  และ ฝั่งตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน และฝ่ายความมั่นคงได้ประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยยอมให้ชาวบ้านแม่สามแลบและบ้านท่าตาฝั่งกลับเข้าพักอาศัยบ้านตามเดิม  หลังจากย้ายไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยตั้งแต่เกิดความไม่สงบ วันที่ 27 เมษายน  ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงที่อพยพมาจากฝั่งประเทศเมียนมา 2,318 คน ยังกระจายอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 4 จุด คือ บริเวณห้วยอีนวล  320 คน บริเวณห้วยโกเฮ 72 คน บริเวณหอยอูมปะ 1,767 คน บริเวณ 159 คน  ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง  

ขณะที่ราษฏรบ้านแม่สามแลบ ที่เดินทางกลับไปอยู่บ้านเรือน ร้านค้าริมน้ำ ได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ร้านค้าบางร้านเริ่มเปิดขายแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายร้านที่ยังรอดูท่าที เนื่องจากคนน้อย ประกอบกับ ทางเจ้าหน้าที่ยังปิดพื้นที่บ้านแม่สามแลบ ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าเนื่องจากป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  อย่างไรก็ตามชาวบ้านแม่สามแลบอยากให้ทางหน่วยงานพิจารณาเรื่องการเปิดพื้นที่ และ การเปิดจุดผ่อนปรนการค้า เพื่อที่จะได้มีรายได้ มีงานมีอาชีพ ร้านค้าจะได้เปิดขายได้ เพราะที่ผ่านมา จุดผ่อนปรนได้ปิดมาเป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้ราษฏรที่มีอาชีพรับจ้างบริเวณท่าเรือตกงานไม่มีงานทำมานานนับปี นอกจากปัญหาการแพร่ระบาดโรคคิด19 แล้ว ยังมาประสบปัญหาเรื่องการสู้รบของประเทศเพื่อนบ้านอีกที่ผ่านมา ทำให้ราษฏรแม่สามแลบไม่เป็นอันทำมาหากิน ต้องระวังทั้งโรคต้องระวังทั้งสงคราม หากทางฝ่ายความมั่นคงได้พิจารณาเรื่องความปลอดภัยแล้ว อยากเร่งพิจารณาเรื่องการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าด้วย

ขณะที่ทางฝ่ายความมั่นคงยังคงปิดพื้นที่บ้านแม่สามแลบไม่ให้บุคคลภายนอกเข้า เนื่องจากเกรงปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร  


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top