Saturday, 24 May 2025
NewsFeed

'พีระพันธุ์' เผย!! 3 กฎหมายสำคัญด้านพลังงาน คืบหน้าไปมาก แก้ปัญหาโครงสร้างพลังงานไทยสะสมยาวนานได้อย่างยั่งยืน

เมื่อวานนี้ (24 ก.ย.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ผมและท่านผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและด้านพลังงานได้มาประชุมร่วมกันเป็นครั้งที่ 4 เพื่อตรวจทานร่างกฎหมายกำกับดูแลการประกอบกิจการค้าน้ำมันและก๊าซ ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าในรายละเอียดไปมากพอสมควรแล้ว และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ได้ภายในปีนี้ครับ

ผมได้ร่างกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมาในเบื้องต้นทั้งหมด 180 มาตรา หลังจากที่ได้ออกประกาศกระทรวงพลังงานที่กําหนดให้ผู้ค้าน้ำมันต้องแจ้งต้นทุนเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี โดยบทนิยามของกฎหมายฉบับนี้จะเป็นตัวกำหนดหลักเกณฑ์สำคัญในหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องหลักเกณฑ์การคิดต้นทุนเฉลี่ยราคาน้ำมันว่าใช้วิธีคำนวณแบบไหน คำนวณอย่างไร เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย

กฎหมายฉบับนี้จะเป็นกลไกสำคัญในการ ‘รื้อ’ ระบบกำหนดราคาน้ำมันให้มีความชัดเจนและเป็นธรรมมากขึ้น ทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย โดยจะนำระบบ Cost Plus ซึ่งเป็นการคำนวณราคาน้ำมันตามต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่แท้จริง มาใช้แทนระบบอ้างอิงราคาน้ำมันต่างประเทศ โดยระบบนี้จะกําหนดราคามาตรฐานอ้างอิงเป็นราคากลางในแต่ละเดือนว่า ราคาน้ำมันเฉลี่ยแต่ละเดือนควรจะเป็นเท่าไร ถ้าหากผู้ประกอบการมีต้นทุนสูงกว่าราคากลางที่กําหนด ก็ต้องมาพิสูจน์ว่ามีต้นทุนที่สูงขึ้นจริงเพราะอะไร จึงจะปรับราคาได้ และให้ปรับได้เดือนละครั้ง ไม่ใช่ปรับรายวัน โดยคิดเป็นราคาเฉลี่ยในระยะเวลาที่กำหนดแทนการปรับราคารายวัน

ผมเชื่อมั่นว่ากฎหมายฉบับนี้จะสร้างความเป็นธรรมให้แก่ทุกฝ่าย โดยประชาชนจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ได้ใช้น้ำมันในราคาที่อิงจากต้นทุนน้ำมันที่แท้จริง ลดภาระการขึ้นลงของราคาน้ำมันรายวัน และหลุดพ้นจากความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก ด้านผู้ประกอบการก็ไม่ขาดทุน ขณะที่ภาครัฐก็สามารถเข้าไปกำกับดูแลราคาน้ำมันได้  

กฎหมายฉบับนี้ยังกำหนดหลักเกณฑ์ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่ง ผู้ให้บริการสาธารณะกุศล รวมไปถึงสหกรณ์การเกษตร การประมง สามารถจัดหาน้ำมันมาใช้เองได้ตามหลักการค้าเสรี ซึ่งจะช่วยลดภาระต้นทุนด้านน้ำมันของผู้ประกอบการ และสามารถส่งผลให้ราคาสินค้าปรับลดลงได้จากต้นทุนด้านน้ำมันที่ลดลง

นอกจากนี้ ผมยังได้เตรียมร่างกฎหมายอีกหลายฉบับ เพื่อสนับสนุนแนวทาง ‘รื้อ ลด ปลด สร้าง’ ระบบพลังงานไทย ให้มีความมั่นคง เป็นธรรม และยั่งยืน เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนชาวไทย ยกตัวอย่างเช่น กฎหมายกํากับดูแลการติดตั้งระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดตั้งระบบ Solar Rooftop และ กฎหมายจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันแห่งชาติ หรือ Strategic Petroleum Reserve (SPR) ที่จะมาดูแลปัญหาราคาน้ำมันแทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งผมจะเรียนความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่องครับ

'แบงก์ชาติ' แถลง!! พร้อมแทรกแซงหากผันผวนเกินไป หลังเงินบาทแข็งลงมาเหลือ 32.6 บาทต่อดอลลาร์

(25 ก.ย. 67) น.ส.พิมพ์พันธ์ เจริญขวัญ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาเงินบาทผันผวนมากขึ้น โดยปรับแข็งค่าขึ้น 3.8% ตั้งแต่ต้นปี และปรับแข็งค่าเร็วอยู่ในกลุ่มนำสกุลภูมิภาคในไตรมาส 3 จากปัจจัยภายนอกโดยเฉพาะการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ. หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่าการคาดการณ์ของตลาด ประกอบกับการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีนที่ส่งผลเชิงบวกต่อทิศทางเงินสกุลภูมิภาค

นอกจากนี้ ค่าเงินบาทยังมีแรงกดดันด้านแข็งค่าเพิ่มเติมจากปัจจัยในประเทศ ทั้งเงินลงทุนต่างชาติที่เริ่มไหลกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ไทยตั้งแต่ช่วงปลายเดือนสิงหาคม รวมถึงราคาทองคำที่ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 2,670 ดอลลาร์ สรอ. ต่อออนซ์

ทั้งนี้ ธปท. ติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด และพร้อมเข้าดูแลเมื่อเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนมากผิดปกติเพื่อลดผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของภาคเศรษฐกิจจริง

'วรพล เพชรขุ้ม' โพสต์ขอบคุณ 'พีระพันธุ์-บิ๊กเล็ก-ผู้ใหญ่ใจดี' ช่วยตามติดจนสมหวัง ได้ประดับยศร้อยตรีที่รอคอย

หากย้อนไปเมื่อปีก่อน กรณี พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมากล่าวถึงประเด็นร้อน เรื่องการบรรจุและดำรงตำแหน่งของ ร.ต.อ.หญิง แคท อาทิติยา เบ็ญจะปัก อายุ 27 ปี ฝ่ายเลขานุการด้านประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการตำรวจแห่งชาติ ที่ผ่านหลักสูตร กอส. สามารถเลื่อนตำแหน่งจากชั้นประทวน ถึง ร.ต.อ.หญิง โดยใช้เวลาแค่ 4 ปี โดยระบุว่า ร.ต.อ.หญิง ดังกล่าว ผ่านการรับสมัครและคัดเลือกบุคคลภายนอกผู้มีวุฒิ ใช้วิธีการคัดเลือกตามกฎ ก.ตร. อีกทั้งการเลื่อนยศเป็น ร.ต.อ.หญิง เป็นไปตามกฎ ก.ตร. ทุกประการนั้น

กลับกันในส่วนของอดีตฮีโร่กำปั้นทีมชาติไทย อย่าง ‘วรพจน์ เพชรขุ้ม’ เจ้าของเหรียญเงินจากโอลิมปิก ได้ออกมาพูดถึงกรณีดังกล่าว หลังจากตนได้เข้ารับราชการและทำชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ แต่แทบไม่ค่อยได้รับโอกาสเลื่อนยศเลย โดยในส่วนของ วรพจน์ ที่ตามประวัติแล้ว จบถึงปริญญาโท แต่ 25 ปีเต็ม ๆ ยศยังอยู่แค่ จ.ส.ต. ทั้งที่น่าจะเข้าข่ายตามกฎ ก.ตร. แต่ก็ไม่ได้รับการเหลียวแลอะไร

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (25 ก.ย. 67) นายวรพจน์ เพชรขุ้ม ก็ได้รับการประดับยศเป็น 'ร้อยตรี' เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ได้รับการติดตามและใส่ใจในเรื่องนี้จากผู้ใหญ่ใจดีของบ้านเมือง โดยงานนี้เจ้าตัวได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กขอบคุณทุกท่านด้วยว่า...

"ขอขอบคุณท่านรองนายกรัฐมนตรี ท่านพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค และท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ (บิ๊กเล็ก) ได้ประดับยศให้, ท่านสามารถ มะลูลีม ที่ช่วยผลักดันให้ผมได้ติดดาว และ #เสธหิ หิมาลัย ผิวพรรณ ที่ช่วยติดตามเรื่อง ขอขอบคุณผู้หลักผู้ใหญ่ทุก ๆ ท่านที่เป็นกำลังใจให้ผมครับ"

ปัจจุบัน ร.ต.วรพจน์ เพชรขุ้ม เป็นครูฝึกกองการพลศึกษา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า/ผู้หมวด วรพจน์ ฮีโร่เหรียญเงิน โอลิมปิก เอเธนส์ 2004 สอนวิชามวยไทยให้กับนักเรียนนายร้อย โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เพื่อเป็นการสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนการสอนศิลปะแม่ไม้มวยไทย

‘คนไทย’ ขอบคุณรัฐ จัด ‘เงินหมื่น’ ยื่นโอกาสกระตุ้นจับจ่าย พร้อมใจแห่กดเงินหน้าตู้ ด้าน ‘ผู้สูงอายุ’ ตื่นเต้นจนเป็นลม

(25 ก.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานที่บริเวณหน้าตู้ ATM ธนาคารกรุงไทย สาขาท่ามะเขือ-คลองขลุง ต.ท่ามะเขือ อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ประชาชนกลุ่มแรกที่ได้รับเงินหมื่น ได้เดินทางมารอกดเงินสด 10,000 บาท กันตั้งแต่เช้าโดยเงินก็ทยอยเข้าบัญชีของผู้พิการและผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกันอย่างต่อเนื่อง โดยบางรายยังสับสนอยู่ว่าตนเองได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับธนาคารใดกันแน่ ก็ขับรถวนไปวนมาเพื่อเช็กยอดเงินในแต่ละธนาคาร ซึ่งก็มีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำอยู่หน้าธนาคาร 

ทั้งนี้ ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่ได้รับเงินในวันนี้ ต่างพากันดีใจที่รัฐบาลทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้ โดยส่วนใหญ่จะนำไปซื้อข้าวสารอาหารแห้ง จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ พร้อมนำเงินไปซ่อมแซมต่อเติมบ้านที่ชำรุด และนำเงินไปใช้หนี้ที่หยิบยืมมา นับว่าเป็นวันโชคดีของหลายคนที่ได้เงินครั้งนี้ โดยส่วนใหญ่บอกว่าจะกดเงินทั้งหมดออกจากบัญชีเพื่อไปใช้จ่ายทันที โดยบางรายตื่นเต้นจนเป็นลมต้องหยิบยาดมขึ้นมาดมระหว่างรอกดเงินหน้าตู้ ATM

นางจำเนียร เงินงาม อายุ 50 ปี ผู้พิการชาวบ้าน ม.4 ต.วังบัว อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร เล่าว่า เมื่อตนได้เงินแล้วจะนำไปซื้อของใช้ในครัวเรือนตุนเก็บไว้ในบ้านตนดีใจมากที่รัฐบาลได้แจกเงิน 10,000 บาทครั้งนี้

นางแมค วงษ์มี อายุ 64 ปี ผู้พิการ ชาวบ้าน ม.4 ต.ท่ามะเขือ อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร เล่าว่า หลังจากที่ตนได้เงินแล้วจะนำไปซื้อข้าวสารและหม้อหุงข้าวเนื่องจากหม้อหุงข้าวเสียพอดี โดยจะกดเงิน 10,000 บาทออกจากบัญชีทั้งหมด ซึ่งสามีก็ป่วยติดเตียงก็ได้รับเงินเช่นเดียวกันดีใจมากที่ได้เงินจากรัฐบาลที่ให้สัญญาไว้

นางบุญ สาระอุม อายุ 74 ปี คนพิการชาวบ้าน ม.1 ต.วังยาง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร เล่าว่า หลังจากได้เงินแล้วตนจะนำไปซื้อข้าวสาร ของใช้ในบ้านที่จำเป็น จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่าปุ๋ย รู้สึกดีใจมากที่ได้เงินจากรัฐบาลก้อนนี้ ซึ่งก็จะกดเงินทั้งหมดทันที โดยวันนี้ตนได้มารอตั้งแต่เช้าและขอให้คนอื่นช่วยกดเงินให้

นางฉะลอ คำสิงค์ อายุ 61 ปี คนพิการชาวบ้าน ม.2 ต.ท่ามะเขือ อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร เล่าว่า ตนให้ลูกสาวพามาต่อแถวกดเงินที่หน้าตู้ตั้งแต่เช้า ซึ่งหากได้เงินแล้วจะนำไปต่อท่อประปาภายในบ้านและซ่อมแซมต่อเติมบ้านที่ชำรุด ซึ่งตนตื่นเต้นและดีใจมากที่ได้เงิน 10,000 บาท จนเป็นลมเมื่อเช้าที่บ้านไป 1 รอบ ไม่คิดว่าจะได้เงินจากรัฐบาลก้อนนี้จริง ๆ ดีใจอย่างมากจนเป็นลมรอบ 2 หน้าธนาคาร อยากขอบคุณนายกฯ อุ๊งอิ๊งที่เข้ามาช่วยเหลือคนยากคนจนคนพิการครั้งนี้

‘สุริยะ’ เผย!! รถไฟเส้นทางสายเหนือเปิดให้บริการแล้ว หลังเร่งเข้าซ่อมแซมเส้นทางที่เสียหายตลอด 24 ชม.

(25 ก.ย. 67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่ได้สั่งการให้การรถไฟฯ เข้าดำเนินการซ่อมแซมทางรถไฟที่ได้รับความเสียหายอย่างเร่งด่วน เพื่อกลับมาให้บริการแก่ประชาชนให้สามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุดนั้น ล่าสุดทางการรถไฟฯ สามารถซ่อมแซมทางที่เสียหายได้สำเร็จ และพร้อมกลับมาเปิดเดินรถเส้นทางสายเหนือตั้งแต่สถานีลำปาง-เชียงใหม่ได้ตามปกติแล้ว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา การรถไฟฯ เร่งระดมเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรเข้าดำเนินการซ่อมแซมทางรถไฟที่ได้รับความเสียหายอย่างเร่งด่วนตลอด 24 ชั่วโมง โดยทำการปักรางเหล็ก เพื่อป้องกันดินสไลด์เพิ่มเติม พร้อมนำดินและหินมาเกลี่ยอัดลงใต้พื้นทางให้เต็มจนเสมอระดับทาง จากนั้นจะใช้หน่วยรถบีบอัดหินอีกครั้ง เพื่อเสริมความมั่นคงของทางรถไฟ พร้อมกับทำการตรวจสอบสภาพทางเพื่อความปลอดภัย ก่อนกลับมาเปิดให้บริการเดินรถในเส้นทางสายเหนือได้ตามปกติอีกครั้ง

ขณะที่นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตามที่การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ประกาศงดเดินขบวนรถ ระหว่างสถานีลำปาง-เชียงใหม่เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา เนื่องจากเหตุดินสไลด์บริเวณหน้าปากทางเข้าอุโมงค์ขุนตาน และน้ำป่าเซาะหินรองรางระหว่างสถานีแม่ตานน้อย-ขุนตาน-ทาชมภู นั้น ขณะนี้พร้อมกลับมาเปิดเดินรถได้ตามปกติแล้ว อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมดูแลการเดินทางของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ และเตรียมแผนป้องกัน ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งตรวจสอบเส้นทางรถไฟเพื่อความปลอดภัยในการเดินรถด้วย 

สำหรับผู้โดยสารที่ประสงค์จะเดินทาง สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 หรือ เฟซบุ๊กแฟนเพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย ตลอด 24 ชั่วโมง

เชียงใหม่-คณะพยาบาลศาสตร์ มช. ร่วมกิจกรรมวันมหิดล ประจำปี 2567

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธานี แก้วธรรมานุกูล คณบดี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร คณาจารย์และนักศึกษา คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมพิธีวางพวงมาลาถวายบังคมพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในรัชกาลที่ 9 เพื่อน้อมรำลึกและเทิดพระเกียรติในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีคุณูปการอันใหญ่หลวงต่อปวงชนชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้ ณ ลานพระราชานุสาวรีย์ฯ อาคารสุจิณโณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่

หลังจากเสร็จพิธีคณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ เป็นประธานมอบโล่รางวัลศิษย์เก่าดีเด่น สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เนื่องในวันมหิดล ประจำปี 2567 แด่ รองศาสตราจารย์ ดร.ธนารักษ์ สุวรรณประพิศ (รหัสประจำตัวนักศึกษา 197819) อดีตคณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ และ ผู้อำนวยการสำนักงานหอพักนักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในพิธีเทิดพระเกียรติสมเด็จพระมหิตลธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในรัชกาลที่ 9  พร้อมกันนี้ได้มอบทุนการศึกษา 'กองทุนหมอเจ้าฟ้า 2' ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ แก่นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารเรียนรวม คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

โดยคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้จัดพิธีแสดงความยินดีแด่รองศาสตราจารย์ ดร.ธนารักษ์ สุวรรณประพิศ ในโอกาสที่ได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ (คณะพยาบาลศาสตร์) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เนื่องใน 'วันมหิดล' ประจำปี  2567 โดยมีอดีตคณบดี อาจารย์อาวุโส ตลอดจนผู้แทนหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกคณะฯ เข้าร่วมแสดงความยินดีอย่างอบอุ่น ณ ห้องประชุมชั้น 5 อาคาร 4 คณะพยาบาลศาสตร์ เมื่อวันอังคารที่ 24 กันยายน 2567

'รัฐมนตรี อว.' เยี่ยมชมนวัตกรรมคนไทย หม้อแปลง Low Carbon ประหยัดค่าไฟฟ้า, ลดค่าไฟฟ้าและลดคาร์บอนเครดิต พร้อม Platform บริหารจัดการพลังงานสะอาด Solar , Energy Storage สู่ Net Zero สนับสนุนส่งเสริมโดย NiA, BOI ด้านการประหยัดพลังงานและอนุรักษ์พลัง

บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด นำโดยคุณประจักษ์ กิตติรัตนวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ รู้สึกเป็นเกียรติจาก คุณศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, ผู้แทนประธานคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่ง ประเทศไทย ที่ให้เกียรติเยี่ยมชมบูธ หม้อแปลง Low Carbon ประหยัดค่าไฟฟ้า, ลดค่าไฟฟ้าและลดคาร์บอนเครดิต พร้อม Platform บริหารจัดการพลังงานสะอาด Solar , Energy Storage  สู่ Net Zero สนับสนุนส่งเสริมโดย NiA, BOI ด้านการประหยัดพลังงานและอนุรักษ์พลัง ในงานมหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรมประจำปี 2567 (TRIUP FAIR 2024)’ 

ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 กันยายน 2567 ณ พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เพื่อผลักดันผลงานวิจัยและนวัตกรรมของไทยให้ถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม และช่วยยกระดับความสามารถของภาคอุตสาหกรรม สร้างรายได้ สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ

 

'เด็กจุฬาฯ' 3 นิ้ว ติดป้ายป่วนมหาลัยฯ กล้องพร้อมจับภาพนิ่ง-เคลื่อนไหว หลังหนังสือโจมตี 'กองทัพ' ถูกสั่งห้ามจัดงานเปิดตัวในรั้วมหาลัยฯ

(25 ก.ย. 67) จากกรณี กอ.รมน.ออกมาท้วงติง หนังสือที่มีชื่อว่า 'ในนามของความมั่นคงภายใน : การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย' ที่เขียนโดย รศ.ดร.พวงทอง อาจารย์ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เพราะมีข้อมูลในลักษณะที่เป็นเท็จ ส่งผลให้เกิดความเสียหาย ทำให้สังคมเข้าใจผิด และกระทบภาพลักษณ์ขององค์กรหน่วยงาน และจะประสานทางมหาวิทยาลัยต้นสังกัด พิจารณาเรื่องการละเมิดข้อบังคับจริยธรรม ของมหาวิทยาลัยอย่างร้ายแรง รวมถึงอาจจำเป็นต้องอาศัยขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมต่อไป

งานนี้สะเทือนถึงต้นสังกัด อย่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต้องออกมาเคลื่อนไหวทันที โดยล่าสุด รศ.ดร.พวงทอง เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า ดิฉันได้รับทราบจากท่านคณบดี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ว่าผู้บริหารมหาวิทยาลัย ไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่ของจุฬาฯ จัดงานเปิดตัวหนังสือ 'ในนามความมั่นคงภายใน : การแทรกซึมสังคมไทยของกองทัพ' โดยไม่ได้เหตุผลที่ชัดเจน ทั้ง ๆ ที่ต้นฉบับภาษาอังกฤษของหนังสือเล่มนี้ ได้รับรางวัลจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 66

ส่วนคณะรัฐศาสตร์ ยังคงให้การสนับสนุนด้านการเงิน ในการจัดงานครั้งนี้ และภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ยังยินดีเป็นเจ้าภาพจัดงานต่อไป จึงขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ อย่างไรก็ตาม คณะรัฐศาสตร์ไม่สามารถให้ใช้สถานที่ได้ เพราะผู้บริหารมหาวิทยาลัย ถือว่าตนเป็นเจ้าของสถานที่ทั้งหมดในรั้วจุฬาฯ สอนเรื่องกระจายอำนาจการปกครองไปทำไม

รศ.ดร.พวงทอง ระบุอีกว่า ขอขอบพระคุณอย่างสูง ต่อผู้บริหารของหอศิลป์บ้านจิม ทอมป์สัน ที่ยินดีให้พื้นที่เสรีภาพแก่งานวิชาการ ที่ตกเป็นเป้าของอำนาจรัฐ ทั้ง ๆ ที่รับทราบความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ อันที่จริงคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นอีกที่หนึ่งที่ ที่แสดงความยินดีให้เราใช้สถานที่ได้ แต่เราติดต่อกับทางบ้านจิมเรียบร้อยก่อนแล้ว และการเดินทางมาบ้านจิม ก็ค่อนข้างสะดวก จึงขอขอบคุณคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มา ณ ที่นี้ด้วย ย้ายแค่สถานที่ แต่เวลาเดิม ศุกร์ที่ 27 กันยายน 15.30-17.30 น. แล้วพบกันค่ะ รศ.ดร.พวงทอง ทิ้งท้ายด้วยว่า ประเทศที่เสรีภาพทางวิชาการ เป็นเรื่องตลก
.
ล่าสุด เว็บไซต์ประชาไท ได้เปิดเผยว่า ช่วง 11.20 น. ที่บริเวณคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นิสิตจุฬาฯ และเพื่อนอีก 1 คน ได้ทำกิจกรรมแปะป้ายเรียกร้องเสรีภาพวิชาการ ในพื้นที่มหาวิทยาลัย ที่คณะรัฐศาสตร์ หน้าอาคารจุลจักรพงษ์ และอาคารของคณะนิเทศศาสตร์ หลังมหาวิทยาลัยไม่ให้ใช้สถานที่จัดงานเสวนาเปิดตัวหนังสือเล่มดังกล่าว

โดยมีการนำป้ายกระดาษที่ระบุข้อความว่า ‘เสรีภาพทางวิชาการ = Fake News ผลิตโดยจุฬาฯ’ / ‘เสรีภาพทางวิชาการกี่โมง’ / ‘ผู้บริหารจุ เป็นอะไรกับทหาร’ ติดที่ป้ายคณะรัฐศาสตร์ แต่ระหว่างนั้น ได้เกิดเหตุชุลมุนเล็กน้อย เมื่อพนักงานมหาวิทยาลัย ได้รีบเข้ามาดึงป้ายกระดาษดังกล่าวออกไปทันที พร้อมนำโทรศัพท์มาถ่ายคลิปของนิสิตดังกล่าวที่มาทำกิจกรรมป่วน และสอบถามว่าอยู่คณะอะไร แต่เจ้าตัวไม่ฟัง และยังดำเนินกิจกรรมต่อไป โดยได้ไปติดป้ายกระดาษที่อาคารจุลจักรพงษ์ และอาคารของคณะนิเทศศาสตร์ด้วย ซึ่งระหว่างการติดป้ายข้อความดังกล่าว จะเห็นว่ามีผู้ชาย 1 คน ทำหน้าที่ถ่ายภาพตลอดเวลา ส่วนอีกคนทำหน้าที่ถ่ายคลิปวิดีโอ

นิสิตคนดังกล่าว อ้างว่า ที่ทำกิจกรรมนี้ ไม่ได้ต้องการทำเพื่อใครเป็นการเฉพาะ แต่เพราะว่ามหาวิทยาลัย ควรจะเป็นสถานที่จะจัดงานวิชาการแบบนี้ได้ จุฬาฯ ไม่เคยเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับเสรีภาพการแสดงออก แล้วเธอก็ยังตั้งคำถามด้วยว่า การที่ก่อนหน้านี้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน. ออกมาแบนหนังสือเล่มนี้ ทำไมจะต้องให้มีอิทธิพลเหนือผู้บริหารมหาวิทยาลัยด้วย ทั้งที่คณะรัฐศาสตร์ก็ยังอนุญาตให้จัดได้ แต่ทำไมทางมหาวิทยาลัย กลับเข้ามาแทรกแซงการทำงานของคณะ

ทั้งนี้ ที่น่าตกใจยิ่งกว่า เมื่อพบว่า รศ.ดร.พวงทอง ได้ใช้เฟซบุ๊กแชร์คลิปข่าวดังกล่าวของประชาไท พร้อมระบุแคปชันว่า “ขอบคุณนิสิตมากๆ ค่ะ ด้วยความนับถือ”

อย่างไรก็ตาม เพจ 'นักเรียนดี' ได้โพสต์ถึงกรณีนี้ด้วยว่า "ล่าสุด!! จุฬาฯ ไฟเขียวให้ใช้พื้นที่จัดงานเสวนาหนังสือ ฟ้าเดียวกัน 'ในนามของความมั่นคงภายใน' ได้ อธิการบดีจุฬาฯ ยันมหาวิทยาลัยให้เสรีภาพ"

‘สุชาติ’ มอบตรา ‘Thai SELECT’ แก่ร้านอาหารไทยในเกาหลีใต้ ส่งเสริมการรับรู้-ยกระดับภาพลักษณ์ ‘อาหารไทย’ ในต่างประเทศ

(25 ก.ย. 67) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังมอบตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ณ กรุงโซล ให้แก่ร้านอาหารไทย 4 แห่งในเกาหลีใต้โดยมี Mr.Stanley Park ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์การค้าระหว่างประเทศ และ น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ร่วมด้วย ว่า…

กระทรวงพาณิชย์มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกตามนโยบายรัฐบาล และผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ของไทยผ่านอาหารไทยและร้าน Thai SELECT ซึ่งจะช่วยยกระดับภาพลักษณ์และขยายการรับรู้ในตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ของกลุ่มผู้บริโภคในตลาดเกาหลีใต้ ภายใต้นโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ในเรื่องของแผนงาน ‘อาหารไทย อาหารโลก’ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการกระตุ้นการบริโภคอาหารไทยในต่างประเทศผ่านตราสัญลักษณ์ Thai SELECT เพื่อยกระดับการให้บริการอาหารไทยของร้านอาหารไทยในต่างประเทศ ส่งเสริมให้ร้านอาหารไทย สร้างมูลค่าให้แก่อาหารไทยสู่ผู้บริโภคที่มีอยู่ทั่วโลก อันเป็นการส่งเสริมธุรกิจบริการร้านอาหารไทยและยกระดับอาหารไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลอย่างต่อเนื่องและกว้างขวาง 

โดยได้มอบให้แก่ ร้านอาหารไทย 4 แห่ง ในเกาหลีใต้ ได้แก่ 
1) ร้านครัวไทย (Krua Thai) 
2) ร้านเลมอนกราส ไทย สาขา Isu (Lemongrass Thai) 
3) ร้านนานา แบงคอก (Nana Bangkok) 
4) ร้านสุขุมวิท 19 (Sukhumvit 19) 

นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารไทยที่เคยได้รับ Thai SELECT แล้วอีก 3 ร้านได้แก่ ร้าน คนไทย ร้าน ครับผม และร้าน สยาม มาร่วมในการมอบตราสัญลักษณ์ด้วย

ตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ที่มอบให้แก่ร้านอาหารไทยในต่างประเทศมี 3 ประเภท ตามเกณฑ์รูปแบบของร้าน การตกแต่งร้าน คุณภาพของอาหารและการบริการ คือ

1. Thai SELECT Signature มอบให้ร้านอาหารไทยในต่างประเทศที่ให้บริการอาหารไทยแท้คุณภาพยอดเยี่ยม มีการตกแต่งร้านสวยงาม และการให้บริการที่เป็นเลิศ เป็นร้านที่มีความโดดเด่นในภาพลักษณ์และเอกลักษณ์ของอาหารไทย

2. Thai SELECT Classic มอบให้ร้านอาหารไทยในต่างประเทศที่ให้บริการอาหารรสชาติตามมาตรฐานอาหารไทย คุณภาพอาหารรวมถึงการให้บริการและการตกแต่งร้านในระดับที่ดี

3. Thai SELECT Casual มอบให้ร้านอาหารไทยในต่างประเทศที่ให้บริการอาหารที่มีรสชาติไทย แต่มีข้อจำกัดในด้านบริการ (Limited Service Restaurant) หรือเป็นร้านที่มีขนาดเล็ก และ/หรือมีความเรียบง่าย ให้ความรู้สึกสะดวกสบายในการใช้บริการ เช่น ร้านอาหารไทยในฟู้ดคอร์ท ร้าน Fast Food ร้านอาหารที่มีที่นั่งจำกัดหรือไม่มีที่นั่งหน้าร้าน Food Truck หรือเป็นร้านอาหารไทยที่มีเมนูไม่มากแต่ล้วน เป็นอาหารไทยที่มีรสชาติตามต้นตำรับไทย หรือเป็นร้านที่ให้บริการอาหารไทยแนว Street Food เป็นต้น

ปัจจุบัน มีร้านอาหารไทยถึง 320 แห่งในเกาหลีใต้ โดยเป็นร้านอาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT จำนวน 50 แห่ง เป็นร้านอาหารแบบ signature 9 ร้าน แบบ classic 37 ร้าน และแบบ casual 4 ร้าน ซึ่ง สคต. ณ กรุงโซล ตั้งเป้าที่จะขยายจำนวนร้านอาหาร Thai SELECT ให้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการบริโภคในร้านอาหาร Thai SELECT อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเชิญ Influencers ที่เป็นที่รู้จักในเกาหลีใต้ มารับประทานอาหารที่ร้านอาหารไทยเพื่อสร้างกระแสความนิยมในอาหารไทยมากยิ่งขึ้น

รมช.พณ. ได้เน้นย้ำถึงนโยบายของรัฐบาลไทยที่มุ่งส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งอาหารไทยเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ศักยภาพของไทย และการมอบตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ให้กับร้านอาหารไทยโดยกระทรวงพาณิชย์ เป็นการการันตีคุณภาพและมาตรฐานของการประกอบกิจการอาหารไทย รวมถึงเป็นการส่งเสริมการส่งออกวัตถุดิบและเครื่องปรุงไทยไปยังต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งหากร้านอาหารไทยมีความนิยมจากผู้บริโภคมากขึ้น ก็อาจจะส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานพ่อครัว/แม่ครัวไทยมากขึ้นเช่นกัน 

ดังนั้น รมช.พณ. จึงเห็นว่า อาหารไทยและร้านอาหารไทยเปรียบเสมือนทูตวัฒนธรรมที่ทำให้คนเกาหลีใต้ ตลอดจนนักท่องเที่ยวต่างชาติในเกาหลีใต้ได้ลิ้มลองและสัมผัสความเป็นไทย วิถีชีวิต และวัฒนธรรมต่าง ๆ ของไทยอีกด้วย ดังนั้น จึงขอฝากให้ร้านอาหารไทยทั้งที่ได้รับรางวัล Thai SELECT และร้านที่ยังไม่ได้รับในเกาหลีใต้คงรักษามาตรฐานและความเป็นอัตลักษณ์ของอาหารไทยไว้ต่อไป เพื่อให้ร้านอาหารไทยเป็นที่แพร่หลายและนิยมไปทั่วโลก

(สภา) กมธ.ปปง. ‘เลิศศักดิ์’ เร่งแก้ปัญหาระบบทุนต่างชาติ นำเข้าสินค้าถูกหลบภาษีแฝงนอมินีฟอกเงินเขย่าความมั่นคงของชาติ

(25 ก.ย. 67) ที่ห้องประชุม 407 ชั้น 4 อาคารรัฐสภาเกียกกาย นายเลิศศักดิ์ พัฒนาชัยกุล ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ปปง.) ได้เรียกประชุมคณะ กมธ.ปปง. ครั้งที่ 36  พิจารณาเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบขบวนการฟอกเงินข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอันเข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน และการฟอกเงินข้ามชาติผ่าน Payment Gateway ซึ่งเป็นการ(พิจารณาต่อเนื่อง)จากการประชุม ครั้งที่ 35 ที่ผ่านมา ตามคำร้องเรียนสงสัยการนำเข้าสินค้า แฝงปัญหาการฟอกเงิน ”ครั้งนั้น“ มีผู้แทนจากธนาคารแห่งประเทศไทย และผู้แทนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นำข้อมูล กฏหมาย หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตในการดำเนินธุรกิจ กรณีนิติบุคคลหรือมีฐานะเป็นนิติบุคคลต่างด้าว รวมถึงการถือหุ้นคนต่างด้าว ทำการค้าในระบบอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มหรือแพลตฟอร์มการทำธุรกิจจากต่างประเทศ เป็นข้อมูลประกอบคำร้องเรียน ครั้งนี้ได้เชิญ อธิบดีกรมศุลกากร และสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ที่ได้ส่งผู้แทนเข้าให้ข้อมูล 

“ข้อมูลที่ได้จึงเป็นรูปแบบการหลีกเลี่ยงภาษีและการนำเข้าที่กระทบความมั่นคงของชาติ ผ่านเครือข่ายการขนส่งที่หลบเลี่ยงกฏหมาย (พ.ร.บ.ศุลกากร 2560) เกี่ยวพันทั้งทาง บก น้ำ และอากาศ ใน 3 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบ 1.อีคอมเมิร์ซ (ยกเว้นภาษี) 2. นำเข้าโดยสิทธิพิเศษ FTA  ยกเว้นภาษีนำเข้าเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศ (ยกเว้นภาษี)3. การนำเข้าแบบปกติ คือการนำเข้าจ่ายภาษีปกติ รวมไปถึงการขนส่ง ที่ผู้รับจ้างขนส่งจะไม่รู้ว่าสินค้าที่นำส่งนั้นภายในตู้คอนเทนเนอร์ไม่สามารถตรวจสอบได้ ดังนั้นหากนำส่งสินค้าที่มียาเสพติดหรือสินค้าที่ละเมิด ไม่เสียภาษี ผู้รับจ้างขนส่งก็จะตกเป็นจำเลยสังคมทันที ทุนต่างชาติใช้นอมินีในการเป็นตัวแทนทุนจีนข้ามชาติ ปัญหาจึงเด่นชัดที่ทุนจีนเข้ามาสร้างผลกระทบให้กับธุรกิจภายในประเทศไทย ที่ต้นทางคือการนำเข้าสินค้าก็คือด่านศุลกากร จนไปเกี่ยวพันปัญหาข้อสงสัยถึงการฟอกเงิน”

นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ป.กมธ.ปปง. กล่าวว่า ข้อมูลที่ได้ทำให้รู้ว่ารูปแบบการค้าขายของกลุ่มทุนจีนหรือทุนต่างชาติ เข้ามากระทบเศรษฐกิจของคนไทย สินค้าราคาถูกทำให้นักธุรกิจไทยไม่สามารถแข่งขันได้ยังลามไปถึงปัญหาการนำเข้าของกรมศุลกากร ข้อมูลที่ได้จาก ผู้แทนศุลกากร และสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย  ถือเป็นประโยนช์ในการตรวจสอบ จะมีการศึกษาแนวทางการแก้ไขต่อไปในอนาคตในส่วนกรณีข้อสงสัยไปถึงกระบวนการฟอกเงิน เรื่องนี้จะยังมีการพิจารณาเพื่อสรุปผลหาแนวทางการตรวจสอบอีกครั้ง ทั้งนี้ กมธ.ปปง. จะร่วมหาแนวทางการศึกษาเพื่อหาทางออกในมาตรการแก้ไขเพื่อความถูกต้องให้ลดปัญหาการเอาเปรียบของกลุ่มทุนต่างชาติเพื่อนักธุรกิจพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top