Saturday, 24 May 2025
NewsFeed

‘พิพัฒน์’ ระดมทีมช่างฝีมือแรงงาน ทั่วภาคเหนือ ซ่อมฟรี! ระบบใช้ไฟฟ้าในบ้าน มอเตอร์ไซค์ อุปกรณ์ประกอบอาชีพ ช่วยบรรเทาผู้ประสบอุทกภัยเชียงราย

เมื่อวันที่ (25 ก.ย. 67) เวลา 10.30น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ในวันนี้ผม พร้อมด้วยนางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และนางบังอร มะลิดิน รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงราย เจ้าหน้าที่เครือข่ายแรงงาน ได้มีโอกาสลงพื้นที่ หมู่3 ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง ในชุมชนทวีรัตน์นี้ มีประมาณ 720 ครัวเรือน ที่ผ่านมาประสบอุทกภัยน้ำท่วมสูงกว่า 2เมตร ซ้ำร้ายกว่านั้นยังมีดินโคลนจำนวนมากไหลเข้าสู่บ้านเรือน และยังคงตกค้าง เมื่อสถานการณ์น้ำลดลงแล้ว ทำให้ ระบบไฟฟ้าในบ้าน อุปกรณ์เครื่องใช้ในการประกอบอาชีพ รถจักรยานยนต์ ฯลฯ ยังคงได้รับความเสียหาย กระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ที่ยังคงต้องประกอบอาชีพ ดูแลครอบครัว ให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้ ซึ่งในวันนี้ ผมได้นำทีมช่างฝีมือของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน ภาคเหนือในจังหวัดลำปาง ลำพูน พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ เชียงใหม่ บูรณาการร่วมกับเครือข่ายการพัฒนาฝีมือแรงงานในพื้นที่เชียงราย วางแผนการช่วยเหลือในระยะสั้น และระยะยาว ซึ่งเบื้องต้นได้มอบสิ่งของอุปโภค บริโภคแก่ประชาชน พร้อมทั้งซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า และให้ความรู้เบื้องต้นสำหรับการซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องทุกคน ซึ่งตั้งเป็นศูนย์แจ้งรับซ่อมฟื้นฟูจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จำนวน 5 แห่ง ตลอดเดือนตุลาคม2567 ในจังหวัดเชียงราย

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานส่งมอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค น้ำดื่มกว่า 90,000 ขวด ข้าวสาร อาหารแห้ง เวชภัณฑ์ บรรจุถุงยังชีพ นำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยแล้ว ทั้งภาคเหนือ และ ภาคอีสาน  ซึ่งยังคงเป็นกำลังใจ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งสิ่งของและความรู้ในการซ่อมแซมสิ่งของเครื่องใช้ไฟฟ้า ดังนั้น ประชาชนที่ประสงค์ขอความช่วยเหลือซ่อมแซมอุปกรณ์   ขอให้แจ้งหน่วยงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานในจังหวัด ได้ทันที 

ด้านของนางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้มอบหมายให้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 20 เชียงรายจัดตั้งจุดบริการในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในแต่ละอำเภอ เพื่อให้บริการซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถสอบถามจุดบริการเพิ่มเติมได้ที่  053152043

'สมัชชาคนพิการแห่งชาติ' จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ภายใต้แนวทาง "ร่วมกันสร้างพลังกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเป็นธรรมและทั่วถึงอย่างมีประสิทธิภาพ"

เมื่อวันที่ (23 ก.ย.67) ณ ห้องประชุมเรสซิเดนซ์ โรงแรมริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ ได้มีพิธีเปิดงานสมัชชาคนพิการแห่งชาติและประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ภายใต้แนวทาง "ร่วมกันสร้างพลังกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเป็นธรรมและทั่วถึงอย่างมีประสิทธิภาพ" โดยมี นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นประธานในพิธี ร่วมด้วย นายสุชาติ โอวาทวรรณสกุล นายกสมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย และคณะกรรมบริหารสมาคมฯ เป็นผู้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ และมีการแสดงพิธีเปิด

- ชุดแสดง 'เภรีมีชัย' โดยวงดนตรีอรุณจันทรา สมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึม(ไทย)
- ชุดแสดง 'แตร๊ดตรึง' และ 'การแสดงละครหุ่นยนต์ โรงงานมหาภัย มหาสนุก' โดยสมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย
- กิจกรรมรำลึกนายมณเฑียร บุญตัน อดีตนายกสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย โดยสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย และรับฟังบทเพลง 'แสงเทียนนำทาง' โดยศูนย์พัฒนาดนตรีคนตาบอด

กิจกรรมการอภิปรายแลกเปลี่ยน "การร่วมกันเสริมพลังกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเป็นธรรมและทั่วถึงอย่างมีประสิทธิภาพ" และรับฟังความเห็น 

กิจกรรมเสวนาเรื่อง 'ผลการดำเนินงานของสภาคนพิการทุกประเภทประจำจังหวัด' โดยผู้แทนสภาคนพิการทุกประเภทประจำจังหวัด 77 จังหวัด 

สำหรับในวันที่ 24 กันยายน  2567 ณ ห้องประชุมเรสซิเดนซ์ โรงแรมริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ  สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยได้จัดงานประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 โดยได้มีการเลือกตั้งนายกและคณะกรรมการบริหาร รวมถึงกรรมการอำนวยการของสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย มีการดำรงตำแหน่งคราวละ 2 ปี 

ทั้งนี้ นายวิทยุต บุนนาค นายกสมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย ที่ได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย และมีกรรมการบริหาร ซึ่งมาจากองค์การคนพิการทุกสมาคม จำนวน 30 คน โดยได้ผ่านการรับรองจากประธานสภาคนพิการจังหวัดในงานสมัชชาคนพิการแห่งชาติในครั้งนี้ด้วย

เปิดสุนทรพจน์เอกอัครราชทูต 'หาน จื้อเฉียง' ในงานเลี้ยงฉลองครบ 75 ปี วันชาติจีน แม้สถานการณ์โลกแปรผัน แต่ 'จีน-ไทย' มั่นคงสัมพันธ์ระดับสูงอย่างใกล้ชิด

(26 ก.ย. 67) เพจเฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่คำปาฐกถาในงานเลี้ยงเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง เมื่อวันที่ 24 ก.ย.67 โดยมีเนื้อหาดังนี้...

เรียน ฯพณฯ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาของประเทศไทยที่เคารพ ท่านสุภาพสตรี สุภาพบุรุษ และเพื่อนทั้งหลาย วันนี้ พวกเราได้มาชุมนุมกันเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 75 ปีของการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อนอื่น ในนามของสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ข้าพเจ้าขอต้อนรับทุกท่านและขอขอบคุณจากใจจริงที่ทุกท่านมาร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ ต้องขอขอบพระคุณ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ที่สละเวลามาร่วมงาน

ตลอด 75 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และบนเส้นทางสังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะของจีน จีนได้รับเอกราชของชาติ ประชาธิปไตยโดยประชาชน และความเจริญรุ่งเรืองของชาติ ในปัจจุบัน บนพื้นฐานของการเข้าสู่สังคมอยู่ดีมีสุขอย่างรอบด้าน ประชาชนจีน 1.4 พันล้านคนกำลังเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ในการสร้างความทันสมัยแบบจีนในสังคมนิยมอย่างครอบคลุม และบรรลุการฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองอันยิ่งใหญ่ของประชาชาติจีน เมื่อมองไปยังอนาคต จีนจะปฏิบัติตามแนวคิดการพัฒนาใหม่โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เสนอ ยึดมั่นในแนวทางที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา เพื่อตอบสนองความปรารถนาที่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของชาวจีน ยึดมั่นในการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงและส่งเสริมนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างจริงจัง เพื่อช่วยให้การเติบโตทางเศรษฐกิจตั้งอยู่บนฐานของกำลังการผลิตคุณภาพใหม่ ยึดมั่นในการพัฒนาแบบเปิดกว้าง สร้างระบบเศรษฐกิจแบบเปิดกว้างระดับสูงใหม่ และแบ่งปันโอกาสและผลสำเร็จในการพัฒนากับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน

เมื่อไม่นานมานี้ การประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 20 ได้มีมติสำคัญและการจัดเตรียมอย่างครอบคลุมเกี่ยวกับการปฏิรูปเชิงลึกยิ่งขึ้น และการส่งเสริมการปรับปรุงความทันสมัยในแบบของจีนเพิ่มมากขึ้น โดยได้เสนอมาตรการปฏิรูปกว่า 300 รายการ ซึ่งชี้ชัดว่าจะดำเนินการให้สำเร็จลุล่วงภายในปี พ.ศ. 2572 โดยเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนของจีนในการปฏิรูปและพัฒนาอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นที่จับตามองของทั่วโลก อนาคตอันกว้างไกลของความทันแบบจีนเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและสร้างแรงบันดาลแก่ประชาชนชาวจีนเป็นอย่างมาก

ขณะที่จีนมุ่งเน้นพัฒนาตนเองนั้น จีนยังคงมีส่วนสนับสนุนที่สำคัญเชิงบวกต่อความเจริญรุ่งเรืองและสันติภาพของโลก จีนเป็นคู่ค้าหลักของกว่า 140 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก ประเทศจีนมีส่วนผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจโลกถึง 30% มานานกว่าสิบปีติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นเครื่องยนต์สำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกที่สมชื่อ เมื่อเผชิญกับปัญหาและความท้าทายที่เกิดขึ้นใหม่ในโลก ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เสนอข้อริเริ่มการพัฒนาระดับโลก ข้อริเริ่มความมั่นคงระดับโลก และข้อริเริ่มอารยธรรมระดับโลกตามลำดับ เพื่อเสนอแนวทางปรับปรุงธรรมาภิบาลระดับโลก การรับมือการเปลี่ยนแปลงของโลก และการแก้ปัญหาสำคัญของมนุษย์ด้วยภูมิปัญญาและวิธีการของจีน

ท่านสุภาพสตรี สุภาพบุรุษ และเพื่อนทั้งหลาย

จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีที่เชื่อมโยงกันด้วยภูเขาและแม่น้ำ เป็นญาติที่ดีด้วยสายเลือด และเป็นหุ้นส่วนที่ดีที่มีอนาคตร่วมกัน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้จะเผชิญกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่สองประเทศได้รักษาการประสานงานระดับสูงอย่างใกล้ชิด ประชาชนของทั้งสองประเทศช่วยเหลือซึ่งกันและกันและทำให้ความร่วมมือในมิติต่าง ๆ ประสบความสำเร็จซึ่งจะทำให้ “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” หยั่งรากลึกในใจของประชาชนทั้งสองประเทศ

ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-ไทย เป็นประโยชน์ร่วมกันและส่งผลดีต่อประชาชนทั้งสอง จีนและไทยเป็นคู่ค้าที่สำคัญของกันและกัน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดจีนได้ดึงดูดการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยมากกว่า 40% ของการส่งออกสินค้าไทย จีนและไทยเป็นหุ้นส่วนการลงทุนที่สำคัญของกันและกัน และการลงทุนของไทยมีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปและเปิดประเทศของจีน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทจีนมีความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียวของประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพ จีนเป็นแหล่งนักท่องเที่ยวต่างชาติหลักของไทย จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนจะทะลุ 7 ล้านคนสำหรับปีนี้ จะสร้างรายได้จากการบริโภคในการท่องเที่ยวทะลุ 3 แสนล้านบาท ในขณะที่การฟื้นตัวและการพัฒนาทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเชื่อมกันระหว่างทั้งสองประเทศดีขึ้น มีการเชื่อมต่อของเส้นทางคมนาคมขนส่ง และการเชื่อมโยงเชิงนโยบาย การอำนวยความสะดวกดีขึ้น เส้นทางแห่งความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างจีนและไทยนับวันจะกว้างขึ้นเรื่อย ๆ

เดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2565 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เยือนประเทศไทยครั้งประวัติศาสตร์ ผู้นำของทั้งสองประเทศเห็นพ้องที่จะร่วมกันสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันจีน-ไทย อันเป็นการเพิ่มเติมเนื้อหาในยุคสมัยใหม่ให้กับคำว่า "จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน" ปีหน้าจะครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ไทย การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศและมิตรภาพระหว่างประชาชนทั้งสองจะเข้าสู่จุดสูงสุดอีกครั้งหนึ่ง เรายินดีทำงานร่วมกับเพื่อนจากทุกสาขาอาชีพในประเทศไทยเพื่อเดินตามเส้นทางที่ผู้นำของทั้งสองประเทศได้กำหนดไว้ สนับสนุนซึ่งกันและกันในการพัฒนาอย่างมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองประเทศ ร่วมกันรักษาการพัฒนาอย่างสันติของภูมิภาคและทั่วโลก ส่งเสริมให้ความสัมพันธ์จีน-ไทยพัฒนาสู่ระดับที่สูงขึ้นอีกก้าวหนึ่ง และนำมาซึ่งความผาสุกให้แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ

สุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าขออวยพรให้ประเทศจีนและประเทศไทยเจริญรุ่งเรือง และมิตรภาพจีน-ไทยสถิตสถาพรตลอดไป

ขอบคุณครับ

เดินหน้าคัดสำมะโนครัว ขจัดกลุ่มต่อต้าน แยกเมียนมา 'น้ำดี-น้ำเสีย' ไทยต้องรับมือ 'พายุไร้สัญชาติ' ให้ดี มีกลุ่มหนุนที่ต้องรีบกำราบ

ดูเหมือนการที่ NGO ฝั่งไทยและบางพรรคที่พยายามหาเรื่องเข้าช่วยชาวเมียนมาที่อพยพเข้ามาอยู่ในไทยแบบโจ่งแจ้ง จะกลายเป็นการเสริมแรงให้แผนของฝั่งกองทัพเมียนมาที่กำลังจะมีการสำรวจสำมะโนประชากรในเดือนหน้า เพื่อคัดแยกคนในชาติตัวจริง ดูจะยิ่งเป็นสิ่งเข้าล็อกยิ่งขึ้น

เพราะมุม เอย่า คาดว่า การทำสำมะโนประชากรครั้งนี้ เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของกองทัพเมียนมาที่จะแยก 'น้ำดี-น้ำเสีย' แบบจริงจัง พูดง่าย ๆ ก็คือ ฝั่งกองทัพฯ เองก็คงจะถือโอกาสนี้กรองจำนวนผู้ไม่รักชอบในกองทัพเมียนมา และตีตราให้เมียนมาชังทหาร กลายเป็นพวกไร้สัญชาติ จนต้องบีบตนเองให้เผ่นหนีออกนอกประเทศไปเอง

ขยายภาพให้...หลังจากที่กองทัพฯ ทำการสำรวจสำมะโนประชากรเสร็จ จะเกิดภาพแบบไหนขึ้น? ตรงนี้ เอย่า เชื่อว่า ทางการจะเริ่มกำหนดให้ว่า ใครคือ คนเมียนมาที่แท้จริง แล้วมีอยู่เท่าจำนวนที่เขาสำรวจหรือไม่ เพื่อจะเตรียมตัวไปสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไป ส่วนเศษที่เหลือจะไม่นับว่าเป็นชาวเมียนมา และความซวยของคนกลุ่มหลัง ก็คือ พาสปอร์ตของคนเหล่านั้นจะต้องหมดอายุลง โดยที่คนเหล่านี้จะไม่สามารถดำเนินการต่ออายุพาสปอร์ตได้อีกต่อไปด้วย

แน่นอนว่า เรื่องนี้เหมือนพวก NGO พม่าในไทยและ NGO ไทยจะรู้ดี จึงพยายามเปิดทางให้ พายุไร้สัญชาติเหล่านี้เข้ามาในอยู่ระบบของประเทศไทย ซึ่งหากไทยตามเกมไม่ทันแล้วล่ะก็ คนเหล่านี้จะค่อย ๆ กลายร่างเป็นประชากรไทยในอนาคตได้ไม่ยาก ผ่านเครื่องมือที่เลื่องลืออย่าง 'ไทยแลนด์คอร์รัปชัน' 

และ ๆ ๆ การคอร์รัปชันนี้ จะเป็นผลดีต่อพรรคการเมืองบางพรรคที่มีแผนการบางอย่างต่อการดึงมวลชนเมียนมาเข้าไทย ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ที่เริ่มเบิกเนตรคงจะเริ่มทราบจุดประสงค์กันดี เพราะมีหลักฐานมากมายที่ 'คน-พรรค' นี้ ไปร่วมกิจกรรมกับเหล่าผู้อพยพและชาติพันธุ์อยู่บ่อยหน

อย่างไรก็ดี ก็ไม่ต้องไปกลัวชาวเมียนมาไร้สัญชาติจนเกินเหตุ เพราะไทยจะเอาจริงก็จัดการได้ เพียงแต่เรื่องนี้ เอย่า แค่อยากมาช่วยกระตุกให้ท่านผู้มีอำนาจในบ้านเมืองวันนี้ ตระหนักถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นไว้เท่านั้น ซึ่งพวกท่านสามารถที่จะช่วยป้องกันแก้ไขสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อยู่แล้ว

วิเคราะห์ต่ออีกนิด หากการเลือกตั้งในเมียนมาเกิดขึ้นได้แบบสำเร็จลุล่วง เอย่า เชื่อว่าประเด็นหลาย ๆ อย่างในเมียนมาจะเบาลง แต่กลุ่มชาวเมียนมาไร้สัญชาติที่อยู่นอกประเทศตัวเอง จะทวีความเคลื่อนไหวแบบรุนแรง เพื่อหาทางมอบสัญชาติให้ตัวเอง ซึ่งถ้าไทยเล่นไม้แข็งก็จบเห่ ไอ้ครั้นจะหนีไปยุโรปก็ยาก เพราะขณะนี้ยุโรปต่างก็ออกนโยบายไม่เอาผู้อพยพลี้ภัยถ้วนหน้าแล้ว 

ฉะนั้น จุดนี้คงจะเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่ เอย่า แค่อยากมากระตุ้นรัฐบาลและผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไทยให้ช่วยหาทางจัดการกับคนพวกนี้ไว้แต่เนิ่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่าปล่อยให้บรรดา NGO และพรรคการเมืองหนึ่งที่พยายามดิ้นรนแบบสุดลิ่ม กรุยทางลากคนไร้สัญชาติเข้ามาล้นแผ่นดินสยาม 

เพราะฐานคนไร้สัญชาติ ที่พร้อมกลายเป็นสัญชาติไทยเหล่านี้ อาจเขย่าอำนาจการเมืองและความมั่นคงของไทยในระยะยาวได้ ถึงตอนนั้นไม่รู้ด้วย...

ใครได้ ใครเสีย? ค่าเงินบาทแข็ง VS ค่าเงินบาทอ่อน ภายใต้ 'แบงก์ชาติ' ที่ไม่อาจปล่อยเอียงข้างใดข้างหนึ่ง

จากกรณีค่าเงินบาทที่เริ่มแข็งตัว และมีแนวโน้มที่จะแข็งตัวต่ออย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้เกิดคำถามว่าจะส่งผลอย่างไรต่อภาพรวมของประเทศไทย และใครที่จะได้ประโยชน์ หรือใครจะได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ หากมองในเชิงของประโยชน์ จะพบว่า...
- ผู้นำเข้า : จะช่วยลดต้นทุนการนำเข้าสินค้า เพราะราคาสินค้าจากต่างประเทศถูกลง
- ประชาชน : จะซื้อสินค้าและบริการจากต่างประเทศได้ถูกลง
- ผู้ลงทุน : จะนำเข้าสินค้าทุนได้ถูกลง เช่น เครื่องจักร อุปกรณ์ต่าง ๆ
- ผู้เป็นหนี้กับต่างประเทศ : จะมีภาระหนี้ลดลง เพราะใช้เงินบาทน้อยลงในการชำระหนี้สกุลเงินต่างประเทศ

ทีนี้ถ้ามองในเชิงของผลกระทบหรือใครที่จะเสียประโยชน์จากค่าเงินแข็งตัว พบว่า...
- ผู้ส่งออก : จะนำรายได้ที่เป็นเงินสกุลต่างประเทศมาแลกเป็นเงินบาทได้น้อยลง
- คนทำงานต่างประเทศ : จะนำรายได้ที่เป็นเงินสกุลต่างประเทศมาแลกเป็นเงินบาทได้น้อยลง
- ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว : จะได้รับเงินสกุลต่างประเทศนำรายได้มาแลกเป็นเงินบาทได้น้อยลง

ทีนี้ ถ้ามองมุมกลับ หากค่าเงินบาทอ่อนลง สิ่งที่พอจะอธิบายในเบื้องต้นได้ง่ายที่สุด คือ เราก็จะต้องใช้เงินบาทมากขึ้น เพื่อแลกเงินสกุลอื่นในจำนวนเท่าเดิมนั่นเอง

แต่ทั้งนี้ หากมองในเชิงของประโยชน์ จะพบว่า...
- ผู้ส่งออก : จะนำรายได้ที่เป็นเงินสกุลต่างประเทศมาแลกเป็นเงินบาทได้มากขึ้น
- คนทำงานต่างประเทศ : จะนำรายได้ที่เป็นเงินสกุลต่างประเทศมาแลกเป็นเงินบาทได้มากขึ้น
- ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว : จะได้รับเงินสกุลต่างประเทศ เพื่อนำรายได้มาแลกเป็นเงินบาทได้มากขึ้น

ส่วนในแง่ของผลกระทบหรือใครที่จะเสียประโยชน์จากค่าเงินอ่อนตัว พบว่า...
- ผู้นำเข้า : ต้องเพิ่มต้นทุนการนำเข้าสินค้า เพราะราคาสินค้าจากต่างประเทศแพงขึ้น
- ประชาชน : ต้องซื้อสินค้าและบริการจากต่างประเทศแพงขึ้น
- ผู้ลงทุน : ต้องนำเข้าสินค้าทุนแพงขึ้น เช่น เครื่องจักร อุปกรณ์ต่าง ๆ
- ผู้เป็นหนี้กับต่างประเทศ : ต้องมีภาระหนี้เพิ่มขึ้น เพราะใช้เงินบาทมากขึ้นในการชำระหนี้สกุลเงินต่างประเทศ

ดังนั้น หากกล่าวโดยสรุปแล้ว ไม่ว่าจะค่าเงินบาทอ่อนหรือแข็ง ก็จะมีทั้งกลุ่มคนที่ได้และเสียเสมอ และแบงก์ชาติเอง ก็ไม่สามารถฝืนกลไกตลาดให้เงินบาทอ่อนค่าหรือแข็งค่าไปข้างใดข้างหนึ่งได้ 

ทว่า แบงก์ชาติก็อาจจะมีการแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนจะทำเท่าที่จำเป็น เพื่อไม่ให้อัตราแลกเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนผู้เกี่ยวข้องปรับตัวไม่ทันได้ด้วย เช่น ในกรณีที่เราส่งออกสินค้าได้มากกว่าการนำเข้า รวมถึงมีผู้ลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทยมาก ๆ ก็จะส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น ซึ่งก็เป็นไปตามกลไกตลาดที่ควรจะเป็น 

ตรงนี้ >> ไม่มีความจำเป็นที่แบงก์ชาติจะต้องเข้าไปแทรกแซง 

อย่างไรก็ตาม ถ้าการแข็งค่าดังกล่าว เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินกว่าความสามารถในการปรับตัวของผู้ส่งออกและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมขนาดเล็ก แบงก์ชาติก็อาจเข้าไปแทรกแซงได้บ้างตามสมควร เพื่อซื้อเวลาให้ผู้เกี่ยวข้องเหล่านี้ปรับตัวได้ทัน เช่น...

ถ้าต้องการให้เงินบาทอ่อนค่า แบงก์ชาติจะใช้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ เพื่อปล่อยเงินบาทเข้าสู่ระบบมากขึ้น โดยการนำเงินบาท ไปแลกเป็นเงินสกุลต่างประเทศกลับเข้ามาเก็บไว้ หรือแบงก์ชาติออกคำสั่งหรือประกาศนโยบายให้ธนาคารพาณิชย์ ขายเงินสกุลต่างประเทศให้แก่ธนาคารกลาง เพื่อแลกกับเงินบาท ทำให้ธนาคารพาณิชย์ มีเงินบาทในมือมากขึ้น และเมื่อปริมาณเงินบาทไหลอยู่ในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ค่าเงินบาทก็จะอ่อนลง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม มาตรการต่าง ๆ เหล่านี้ มักจะถูกนำมาใช้ควบคู่กันอย่างเหมาะสม เพื่อบริหารจัดการค่าเงินบาท ให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ และมีเสถียรภาพ โดยจะต้องพิจารณาภาวะเศรษฐกิจ การเงินการคลัง และสถานการณ์โดยรวมในขณะนั้นเป็นตัวกำหนดทิศทาง

'แฟนคลับ' ซูฮก!! 'Eminem' ของแท้!! ยืนหยัดซัด ‘Diddy’ ร่วม 20 ปี หลากข้อคิดผ่านงานเพลง บรรเลงความดาร์กใต้หน้ากากคนดัง

(26 ก.ย. 67) MGROnline Live ออกบทความที่มีเนื้อหาถึง 'พี.ดิดดี' (P. Diddy) หรือ ฌอน ดิดดี คอมบ์ส (Sean Diddy Combs) นักร้องรุ่นใหญ่ที่ถูกจับกุมและถูกตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดฉ้อโกง ค้ามนุษย์ทางเพศ และขนส่งเพื่อจุดประสงค์ในการค้าประเวณี ว่า...

ความยิ่งใหญ่ของ 'Diddy' ทั้งชื่อเสียงและเงินทาง ทำให้ตลอดเวลาต่างมีเซเลบ-คนดังทุกวงการวิ่งเข้าหาทั้งที่ข่าวฉาวของเขาคนนี้ก็ปรากฏออกมาเรื่อย ๆ

เรียกว่าน้อยคนนักที่คิดจะยืนตรงข้ามและไม่มีสัมพันธ์ดี ๆ ร่วมกับเขา หนึ่งในจำนวนที่นับหัวได้เลยก็คงจะเป็น 2 นักร้องดังอย่าง 'ฟิฟตีเซนต์' (50 cent) รวมถึง 'เอ็มมิเน็ม' (Eminem)

โดยเฉพาะในรายหลังนั้นเรียกว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานานนาน ซึ่งตอนแรก ๆ หลายคนเชื่อว่าความไม่ลงรอยของทั้งสองมันอาจจะเกิดขึ้นเพราะการเรียกร้องความสนใจในเชิงสร้างภาพในการเป็นอริกันของการเป็นแรปเปอร์ที่จะต้องมีการแต่งเพลงแขวะหรือด่าคนนั้นคนนี้

แต่สุดท้ายด้วยระยะเวลาที่นานกว่า 20 ปีที่เอ็มมิเน็มทำเพลงด่า Diddy มาโดยตลอดก็ยืนยันว่าเจ้าตัวนั้นเกลียดอีกฝ่ายจริง ๆ แน่นอนว่าเมื่ออีกฝ่ายมาเจอคดีสุดฉาวโฉ่อยู่ตอนนี้เรื่องทั้งสองก็เลยถูกพูดถึงอีกครั้ง

ทั้งนี้สิ่งที่ เอ็มมิเน็ม ด่าทาง Diddy นั้นมีแฝงเนื้อหาบางช่วงบางตอนอยู่ในหลาย ๆ บทเพลง ไม่ว่าจะเป็น Antichrist ที่เล่าถึงรายละเอียดที่อีกฝ่ายถูกฟ้องข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเหยื่อหลายราย

หรือจะเป็นเพลง killshot ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับคดีการเสียชีวิตของ 'ทูพัค ชาเคอร์' (tupac) ในการถูกลอบยิงนั้นซึ่งก็ว่ากันว่ามาจากการของ Diddy นั่นเอง

ยังมีเพลง Godzilla ที่เล่าถึงความยิ่งใหญ่ความอหังการ์ของ Diddy ที่ใครต่างก็ต้องเข้ามาซูฮกเขาผ่านรายการโชว์ในการคัดเลือกศิลปินเข้าสังกัดที่มีภารกิจโหด ๆ และแปลก ๆ ซึ่งบางอย่างก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการร้องเพลงเลย เช่น ให้คนที่อยากเป็นนักร้องเดินไกลกว่า 6 ไมล์ เพียงเพื่อไปซื้อเค้กมาให้เขากิน

การกระทำของเอ็มมิเน็มต่าง ๆ เหล่านี้แม้จะก่อกระแสได้บ้างแต่ก็ไม่มีผลอะไรกับ Diddy เลย เพราะขนาดคดีใหญ่ ๆ เจ้าตัวก็รอดมาหมดแล้ว ในขณะที่ความรวยความดังของเขายังคงทำให้เขามีคนเข้าหาตลอด

อย่างไรก็ตามหลังจากแรปเปอร์คนดังถูกจับกุม แฟนคลับของเอ็มมิเน็มหลายคนต่างก็ชื่นชมศิลปินที่ตนเองชื่นชอบว่าเป็นของแท้ที่กล้าจะพูดถึงเรื่องนี้มาโดยตลอด

'กองทุนน้ำมัน' เร่งเก็บเงิน เคลียร์หนี้สะสมกว่า 1 แสนล้านบาท หลังดึงกลไกกองทุนพยุงราคาดีเซลไม่ให้สูงเกิน 33 บาทต่อลิตร

(26 ก.ย. 67) แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงฯ อยู่ระหว่างการจัดทัพการทำงานของข้าราชการภายในกระทรวงฯ ซึ่งน่าจะเริ่มเข้าที่เข้าทางในเดือนต.ค. 2567 นี้ เพื่อเร่งแก้ปัญหาด้านพลังงาน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ที่ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 22 ก.ย. 2567 ยังคงติดลบระดับ 101,343 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันติดลบ 53,875 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ติดลบ 47,468 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในการแก้ปัญหากองทุนน้ำมันฯ ที่ยังติดลบกว่า 1 แสนล้านบาท จะต้องจับตาว่ารัฐบาลโดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะไว้วางใจให้ใครมารับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) คนใหม่ แทนนายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ที่ครบวาระการดำรงตำแหน่งไปแล้วช่วงกลางเดือนส.ค. 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดกระบวนการสรรหาผอ. สกนช. ได้ปิดรับสมัครไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา

“ตอนนี้ต้องรอคณะอนุกรรมการสรรหาฯ รวบรวมรายชื่อผู้สมัคร และตรวจคุณสมบัติก่อนเรียกผู้ที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกมาสัมภาษณ์ โดยครั้งนี้ได้มีการเปิดเกณฑ์อายุผู้สมัครจากเดิมห้ามไม่ให้เกิน 61 ปี เป็นห้ามไม่ให้เกิน 65 ปี จึงมองว่าน่าจะมีผู้ที่มีความรู้ความสามารถสมัครมากกว่าครั้งที่ผ่านมา” แหล่งข่าว กล่าว

ทั้งนี้ จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าในขณะนี้ แม้จะส่งผลดีต่อต้นทุนการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศ แต่ก็ยังมีปัจจัยเรื่องของปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะตะวันออกกลางที่ยังคงสู้รบกันอย่างดุเดือด อีกทั้งขณะนี้จีนได้เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่าจะมีการบริโภคน้ำมันในประเทศมากขึ้น ซึ่งจีนถือเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันสูงสุดจะทำให้ราคาน้ำมันตลาดโลกยิ่งผันผวนขึ้น

อย่างไรก็ตาม โดยขณะนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกจะไม่สูงมากส่งผลให้สามารถเก็บเงินเข้าบัญชีกองทุนน้ำมันเฉลี่ยเดือนละ 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเก็บจากน้ำมันเบนซินราว 4,200 ล้านบาท ดีเซล 6,100 ล้านบาท และ LPG ราว 160 ล้านบาท ซึ่งในช่วงนี้ราคาน้ำมันดูไบอยู่ที่ 74.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่น้ำมันดีเซล (Gas Oil) ตลาดโลกอยู่ที่ 85.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้ว่าในช่วงนี้ราคาจะไม่สวิงมากแต่ก็ยังคงผันผวน ซึ่งยังมาจากหลายปัจจัย

“ตอนนี้คณะอนุกรรมการสรรหาผอ.คนใหม่จะต้องเร่งหาผอ. เพื่อเข้ามาบริหารจัดการสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมันฯ เพราะการเก็บเงินเข้าบัญชีเฉลี่ยขณะนี้ถือว่าไม่มาก อีกทั้ง กองทุนฯ จะต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยเดือนละ 200-250 ล้านบาท ซึ่งช่วงเดือนพ.ย. 2567 จะต้องเริ่มทยอยจ่ายเงินต้นที่กู้มางวดแรกครั้งละ 5,000-10,000 ล้านบาท ช่วงปลายปี 2565 จากยอดรวม 105,333 ล้านบาท ดังนั้น เงินต้นจะเริ่มจ่ายคืนตามสัญญาภายใน 2 ปี และมีกรอบสิ้นสุดระยะเวลาคืนหนี้ภายใน 5 ปี โดยเงินกู้ทั้งหมดจะต้องคืนครบภายในปี 2571-2572”

รายงานข่าว ระบุว่า สำหรับการบริหารงาน 4 ปี ของนายวิศักดิ์ ได้ดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมันในช่วงวิกฤติ ซึ่งจะเห็นได้ว่าตลอด 4 ปีที่ผ่านมา กองทุนฯ ต้องเข้าไปช่วยดูแลราคาน้ำมัน และ LPG หลังเผชิญกับสถานการณ์วิกฤติราคาพลังงาน, การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ทำให้กองทุนฯ ติดลบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1.3 แสนล้านบาทในปี 2565 โดยราคาน้ำมันดิบในขณะนั้นสูงถึง 120-130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

ทั้งนี้ รัฐบาลจึงต้องอนุมัติให้กู้เงินได้ในกรอบวงเงิน 1.5 แสนล้านบาท โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ซึ่งสกนช. ได้กู้เงินร่วม 105,333 ล้านบาท จากความผันผวนของราคาน้ำมันตลาดโลก ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศก็ต้องปรับขึ้นจาก 30 บาทต่อลิตร มาอยู่ในเพดานที่ 35 บาทต่อลิตร และปรับลดลงเมื่อมีรัฐบาลใหม่เข้ามาเหลือ 30 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ ปัจจุบันนายพีระพันธุ์ ใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ พยุงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้สูงเกิน 33 บาทต่อลิตร

'ผู้จัดแอน' แจง!! 'โลกหมุนรอบเธอ' โดนถล่มบทป่วย เพราะตั้งใจให้ตัวละครเป็นสีเทา หวัง!! สะท้อนการเติบโต-เรียนรู้ของคนในแต่ละช่วงวัย ที่มักเปลี่ยนไปตามเวลา

(26 ก.ย. 67) หลังจากที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก สำหรับละครช่องดัง 'โลกหมุนรอบเธอ' ของผู้จัดคนดัง 'แอน ทองประสม' ซึ่งเป็นละครแนว Coming of age การเรียนรู้ชีวิตและก้าวผ่านวัย บนเส้นทางความรัก มิตรภาพ และการเติบโต โดยฉากที่ดรามาหนักใน EP.18 เป็นฉากที่นางเอก 'ตะวัน' รับบทโดย 'โบว์ เมลดา' ที่มีสามีแล้ว เป็นชู้กับพระเอก 'มานะ' รับบทโดย 'เจมส์ จิรายุ' ซึ่งชาวโซเชียลระบุถึงความไม่สมเหตุสมผล อีกทั้งตัวพระ-นางยังทำผิดศีลธรรมรวมไปถึงวิจารณ์ถึงความไม่สมเหตุสมผลของบทละครหลาย ๆ จุด

ซึ่งทางด้านผู้จัดละครอย่าง 'แอน ทองประสม' ได้ออกมาเปิดเผยครั้งแรกในงานแถลงข่าวละครเรื่องใหม่ 'หนึ่งในร้อย' ว่าในฐานะผู้จัดก็มีภาวะเสี่ยงต่าง ๆ จัดการยังไง ก็อย่างที่บอกว่าบางทีเราคาดการณ์ก่อนด้วยว่า เราตั้งใจอยากไปเวย์นี้ ถ้าไปอย่างนี้คนดูน่าจะรับได้ น่าจะเข้าใจ เราก็ต้องคิดในเวย์นี้ก่อน แต่พอทำออกมามันจะมีก้อนบางก้อนที่รับได้มาก ๆ บางจุดรับไม่ได้ มันก็เป็นการเรียนรู้ ถ้าคุยกันด้วยเหตุผลก็จับความคิดเขามาและได้เรียนรู้ว่าต่อไปทำชิ้นงานอะไรจะได้ปรับ แต่ถ้าอันไหนดีอยู่แล้ว แสดงว่าการตัดสินใจของเราเฉียบคมแล้ว แอนก็เอามาประเมินตัวเองไปเรื่อย ๆ เพราะแอนไม่ได้ทำละครให้ตัวเองดูคนเดียว เราก็ต้องฟังความคิดเห็นที่มีเหตุผล แอนก็เอามาใช้ปรับตัวเองไปค่ะ

>>แสดงว่าเราก็ยอมรับทุกคอมเมนต์ที่แนะนำ?

คือจะมีคอมเมนต์ที่เขาให้มุมมองที่ชอบเพราะอะไร อันนี้ก็เป็นคอมเมนต์บวก เราก็เก็บไว้ เราถือว่าอันนี้เราได้แล้ว แต่ถ้าคอมเมนต์ไม่ชอบเลยเพราะเหตุนี้ ๆ เราเข้าใจว่าเขาสงสัยอะไร แต่ถ้าคอมเมนต์ลักษณะโจมตี เกลียดชัง อันนี้แอนจะถือว่าเราไม่สามารถไปควบคุมตรงนั้นได้ ก็ต้องละไว้ ถามว่ามีมั้ยที่รู้สึกว่าทำไม ก็ต้องมีบ้าง คนเรามี on off อยู่แล้ว บางทีเราเหมือนว่าเราโดนผลักออกไปแล้วมีเซ แล้วเราก็ต้องกลับมายืนให้ได้ ชีวิตต้องไปต่อ

>>พอเป็นแอน ทองประสม คนก็คาดหวังมาก?

แอนว่าเขาคาดหวังกับทุกคนนะคะ แต่ของแอนอาจจะโดนเล่นข่าวเยอะหน่อย ก็ไม่แปลก เพราะแอนเป็นนักแสดงด้วย แอนเข้าใจบริบทตรงนี้มาก ๆ

>>ที่ผ่านมาโดนวิพากษ์วิจารณ์เยอะเรื่องบทละคร ‘โลกหมุนรอบเธอ’?

อ๋อ ใช่ จริง ๆ โลกหมุนรอบเธอคือด้วยความตั้งใจโจทย์แรกของทางทีมเราคือเราต้องการนำเสนอตัวละครที่เป็นสีเทา ตัวละครที่มีการเติบโต เรียนรู้ในแต่ละช่วงวัย เช่น เราเป็นเด็ก เราคิดได้เท่านี้ พออีกช่วงวัยหนึ่งเราเติบโต เราเรียนรู้ไปอีกแบบนึง การคิดในแบบวันนั้นมันไม่ใช่แล้ว มันส่งผลลัพธ์อะไรในตอนที่เราโตขึ้น ตัวละครมีความหมุนเวียนเป็นมนุษย์ปกติ แต่พอออกมาบางทีบางการตัดสินใจของตัวละครคนก็จะคิดว่าไม่อยากให้ตัดสินใจแบบนี้ ก็จะไม่ถูกใจเขา เราก็เข้าใจตรงนี้ได้ ถ้าเขาถามและเปิดโอกาสให้เราอธิบาย เราก็จะอธิบายไปว่าเพราะอะไรเขาถึงทำแบบนี้

>>เราคาดการณ์ไหมว่ากระแสสังคมจะตีกลับมาแบบนี้?

แอนคิดว่าเขาคงมีถาม แต่เราไม่ได้คิดถึงความรุนแรงว่าเป็นเบอร์ไหน เราไม่ได้คิดว่าความรุนแรงเบอร์ 10 เรารู้แล้วว่าอาจจะต้องมีสงสัย มีคำถามแน่นอน (พี่แอนบอกแต่วันแรกแล้วว่าตัวละครเป็นสีเทา?) ใช่ค่ะ แต่อย่างที่บอกว่าบางคนอาจจะบอกว่าไม่อยากเห็นคนนี้ตัดสินใจแบบนี้ เข้าใจสุดๆ เลย เพราะว่าเราก็รู้ว่าเขารักของเขา

>>หลายคนบอกว่าอยากให้พระเอกนางเอกเป็นสีขาว ทำถูกต้อง?

ก็ถ้าเราจะทำละครเรื่องต่อไป แอนก็ต้องหาละครที่เป็นเฉดนี้ที่เป็นไปในทางนั้นเลย ก็จะชัดเจนไปเลย ไม่ต้องนำเสนอแบบเทาแค่นั้นเองค่ะ เพราะว่าอันนี้ทำแล้ว มันไปแบบของมันแล้ว ให้มันไปจนจบตรงนั้นไป

>>อยากบอกอะไรกับคนดู ?

อย่างที่บอกว่าแอนเข้าใจและเคารพทุกความคิดเห็นที่เขามีเจตนาที่ดีในการจะฟีดแบ็ก แอนก็จะได้เรียนรู้และจดจำว่าทิศทางแบบนี้เขาอาจจะไม่ค่อยปลื้ม เราในฐานะคนทำก็ต้องการคนดูอยู่แล้ว เราก็ก็จะเอาไว้ปรับตัวเองว่าต่อไปเรานำเสนอก็เลือกเวย์นี้ อาจจะเซฟกว่า วันนึงเราอยากจะทำละครที่เป็นมุมที่ไม่เซฟอีก เราก็ทำการบ้านอีกรูปแบบหนึ่ง ณ เวลานั้นเดี๋ยวมันจะบอกเราเองว่าเราต้องเตรียมตัวยังไง แต่ว่าเราต้องให้เกียรติ ให้พื้นที่กับคนที่เขาชอบด้วย อันนี้เราก็ต้องขอบคุณที่หลายคนยังเข้าใจทิศทาง แต่สำหรับคนที่มีคำถาม แอนก็ได้แต่ค่อย ๆ ย่อยสิ่งที่เขาฟีดแบ็กมาแล้วจดจำไว้ อันไหนปรับได้เราปรับ อันไหนที่เรารู้สึกว่าเป็นกำลังใจแล้วไปต่อแอนก็ไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทีมงานทุกคนตั้งใจทำงานกันร้อยเปอร์เซ็นต์ นักแสดงทุกคนใช้หัวใจเล่นอย่างเต็มที่

‘จีน’ เผย!! สถานีฐาน 5G ทะลุ 4 ล้านแห่งแล้ว เตรียมขยายคลุมสถานที่สำคัญทั่วประเทศต่อ

(26 ก.ย. 67) สำนักข่าวซินหัว เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน ได้รายงานจำนวนสถานีฐาน 5G ในจีนสูงเกิน 4.04 ล้านแห่ง เมื่อนับถึงสิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาแล้ว

รายงาน ระบุว่า จำนวนข้างต้นคิดเป็นร้อยละ 32.1 ของจำนวนสถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งหมดของประเทศ ส่วนจำนวนผู้สมัครใช้งานสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5G ในจีนอยู่ที่ 966 ล้านราย

ทั้งนี้ เครือข่ายสัญญาณ 5G และการใช้งานสัญญาณ 5G เชิงพาณิชย์ของจีนได้พัฒนาอย่างรวดเร็วตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันเครือข่ายสัญญาณ 5G ครอบคลุมทุกเมือง รวมถึงหมู่บ้านมากกว่าร้อยละ 90

ขณะการแสดงความเป็นเจ้าของสิทธิบัตรที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม 5G ของจีนครองสัดส่วนร้อยละ 42 ของทั้งหมดในโลก

กระทรวงอุตฯ เสริมอีกว่า จีนจะเดินหน้าการพัฒนา 5G และขยายความครอบคลุมของเครือข่ายสัญญาณ 5G ในสถานที่ต่าง ๆ เช่น สถานที่ทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สถานดูแลสุขภาพ มหาวิทยาลัย ศูนย์กลางการขนส่ง และระบบรถไฟใต้ดินต่อไป

‘กลุ่มไทยออยล์’ ร่วมผลักดันวงการกีฬาคนพิการสู่ระดับสากล มอบเงินสนับสนุน ‘สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย’

(26 ก.ย. 67) กลุ่มไทยออยล์ โดยคุณถิรยุทธ ลิมานนท์ ผู้จัดการฝ่ายกิจการสัมพันธ์ เป็นตัวแทนมอบเงินสนับสนุนให้กับสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในโอกาสงานเลี้ยงแสดงความยินดีกับทัพนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ที่ผ่านการแข่งขันมหกรรมกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 17 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ที่อาคารอเนกประสงค์ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดยมีคุณไมตรี คงเรือง นายกสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นผู้รับมอบ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาคนพิการไทย

การสนับสนุนในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งในความตั้งใจของกลุ่มไทยออยล์ในการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจต่อสังคม ผ่านการสนับสนุนโอกาสทางการกีฬาแก่นักกีฬาผู้พิการไทย และพัฒนาศักยภาพนักกีฬาคนพิการให้สามารถแข่งขันในระดับนานาชาติและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ตามวิสัยทัศน์องค์กร ‘สร้างสรรค์คุณภาพชีวิตด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน’


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top