Sunday, 25 May 2025
NewsFeed

'ชัชชาติ' เปิดเกณฑ์ใหม่ 'หาบเร่-แผงลอย' ในกทม. ผู้ค้าต้องเป็นคนไทย และต้องยื่นภาษีเงินได้ด้วย

(19 ก.ย.67) นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ลงนามในประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดพื้นที่ทำการค้าและการขาย หรือจำหน่ายสินค้าบนถนนหรือสถานสาธารณะ โดยมีหลักเกณฑ์การพิจารณากำหนดพื้นที่ทำการค้า ดังนี้

ถนนที่มีช่องทางจราจรตั้งแต่ 3 ช่องทางจราจรขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นการเดินรถทางเดียวหรือสวนทาง เมื่อจัดวางแผงค้าแล้วต้องมีที่ว่างให้ประชาชนสัญจรได้ไม่น้อยกว่า 2 เมตร โดยให้สำนักงานเขตทบทวนความจำเป็นและความเหมาะสมของการเป็นพื้นที่ทำการค้าทุก 2 ปี

ส่วนถนนที่มีช่องทางจราจรน้อยกว่า 3 ช่องทางจราจร ไม่ว่าจะเป็นการเดินรถทางเดียวหรือสวนทาง เมื่อจัดวางแผงค้าแล้วต้องมีที่ว่างให้ประชาชนสัญจรได้ไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร โดยให้เขตทบทวนความจำเป็นและความเหมาะสมของการเป็นพื้นที่ทำการค้าทุก 1 ปี แผงค้าต้องมีขนาดไม่เกิน 3 ตารางเมตร โดยมีความลึกของแผงค้าต้องไม่เกิน 1.5 เมตร ให้จัดวางแผงค้าได้เพียงฝั่งเดียว โดยให้ชิดกับด้านถนนและต้องห่างจากผิวจราจรอย่างน้อย 50 เซนติเมตร เพื่อให้มีระยะปลอดภัยด้านการจราจร

และให้เว้นระยะห่าง 3 เมตร ทุกระยะ 10 แผงค้า เพื่อเป็นทางเข้าออกและทางฉุกเฉิน รูปแบบ ลักษณะแผงค้าและสิ่งประกอบแผงค้า เช่น ร่ม หลังคาแผงค้า ต้องมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมาะสมกับลักษณะพื้นที่นั้น ๆ

สำหรับคุณสมบัติของผู้ทำการค้าและผู้ช่วยจำหน่ายสินค้า ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย โดยมีคุณสมบัติเพิ่มเติม ดังนี้

1.เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
2.เป็นคู่สัญญาในการซื้อบ้านที่อยู่อาศัยกับการเคหะแห่งชาติในโครงการบ้านมั่นคงของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนและยังมีภาระผูกพันในการชำระหนี้
3.เป็นบุคคลที่ได้รับเงินสวัสดิการจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
4.เป็นผู้มีรายได้ไม่เกิน 300,000 บาทต่อปี โดยอ้างอิงจากเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายประกอบธุรกิจตามหลักฐานการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

นอกจากนี้ผู้ทำการค้าต้องลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ต่อสำนักงานเขตที่กำหนดให้มีพื้นที่ทำการค้า ไม่มีแผงค้าอื่นหรือผู้ช่วยจำหน่ายสินค้าในแผงค้าอื่นในพื้นที่ที่กรุงเทพมหานครกำหนดให้เป็นพื้นที่ทำการค้า

'รมว.เอกนัฏ' ปลุก!! 'กนอ.' ตีหลากโจทย์ภาคอุตสาหกรรมไทย 'เศรษฐกิจสีเขียว-ผลักดันอุตฯ ป้องกันประเทศ-สนับสนุน SMEs'

(19 ก.ย. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ย.67 ได้มีโอกาสไปตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายให้กับ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ซึ่งก็ได้รับทราบถึงแผนงาน รวมถึงปัญหาอุปสรรคของ กนอ.หลายเรื่อง โดยได้เน้นย้ำถึงพันธกิจของกระทรวงฯ ที่ กนอ.เป็นหนึ่งในหน่วยงานสำคัญที่ต้องเข้ามาร่วมขับเคลื่อน โดยเฉพาะปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งการยกระดับอุตสาหกรรมเดิมที่มีอยู่ ไปถึงการดึงดูดการลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีศักยภาพ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) ที่เป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีสมัยใหม่ หรืออุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ ที่ผู้ประกอบการในไทยหลายรายมีศักยภาพสูง นอกจากนี้ยังต้องยกระดับเศรษฐกิจไทยไปสู่การเป็นเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ในการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคม และรักษาสิ่งแวดล้อม

นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการจัดการกากอุตสาหกรรม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม และสุขภาพอนามัยของประชาชน ที่ผ่านมา กนอ.ถือว่าทำได้ดีอยู่แล้ว แต่อาจจะต้องวางแนวทางประสานข้อมูลกับทางกระทรวงฯ และต่อยอดองค์ความรู้ของ กนอ.ไปสู่ผู้ประกอบการนอกนิคมฯ เพื่อให้เกิดโรงงานสีเขียวทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้กระทรวงฯ กำลังจัดฐานข้อมูลของแต่ละหน่วยงานในกระทรวงฯ ให้เป็นหนึ่งเดียวตามแนวนโยบายรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) จึงอยากให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่าง กนอ. และกระทรวงฯ ทั้งในเรื่องการจัดการจากอุตสาหกรรม, ขออนุมัติ-อนุญาต และการรายงานผลประกอบการผ่านแพลตฟอร์มเดียวกัน (Single Form) เพื่อให้ฐานข้อมูลที่ทุกหน่วยงานสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้

รมว.อุตสาหกรรม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังได้ฝากให้ กนอ.เข้าไปช่วยเหลือส่งเสริม SMEs ไทยในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทย โดยอาจจะจัดพื้นที่ และสนับสนุนเทคโนโลยีที่มีอยู่ภายในนิคมฯ ให้แก่ธุรกิจ SMEs ทั้งในแง่ของการลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ การเข้าถึงแหล่งทุน และการสร้าง Supply Chain หรือห่วงโซ่อุปทานให้เกิดขึ้นระหว่างผู้ประกอบการภายในนิคมอุตสาหกรรมนั้นๆ 

“ผมเห็นแล้วว่า หน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมเรามีเป้าหมายเดียวกัน และเชื่อมั่นว่าการทำงานของเราจะสำเร็จตามเป้าหมาย เพราะเรามองเห็นภาพเดียวกัน และจับมือและเดินไปด้วยกัน การทำงานร่วมกันเป็นทีม และแสวงหาความร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อเป้าหมายเดียวกันในการปฏิรูปอุตสาหกรรม” นายเอกนัฏ ระบุ

ทั้งนี้ โอกาสเดียวกัน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานกรรมการ กนอ. ได้กล่าวย้ำถึงบทบาทสำคัญของ กนอ. ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม และส่งเสริมภาคอุตสาหกรรม พร้อมนำเสนอข้อมูลการลงทุน (Investment Outlook) และดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในภาพรวมและในนิคมอุตสาหกรรมที่ผ่านมาว่า พื้นที่นิคมฯที่ กนอ.ดำเนินการเอง และพื้นที่ร่วมดำเนินงาน ยังมีความสามารถที่จะรองรับการลงทุน โดยเฉพาะจากนักลงทุนต่างชาติได้อีกมาก

ด้าน นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ กนอ. รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. ได้นำเสนอวิสัยทัศน์ 'นิคมอุตสาหกรรมสู่มาตรฐานสากลด้วยนวัตกรรมอย่างยั่งยืน' ที่มุ่งพัฒนานิคมอุตสาหกรรมครบวงจรอย่างยั่งยืน ยกระดับความได้เปรียบในการแข่งขันแก่นักลงทุน และเพิ่มคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย สังคม และสิ่งแวดล้อมบนหลักธรรมาภิบาล พร้อมรายงานความคืบหน้าของโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ช่วงที่ 1, นิคมอุตสาหกรรม Smart Park, การศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือนิคมฯ Circular, นิคมอุตสาหกรรมเพื่อรองรับโครงการแลนด์บริดจ์ในพื้นที่ จ.ระนองและ ชุมพร, นิคมอุตสาหกรรมฮาลาล และแนวคิดโครงการเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

นายสุเมธ ยังได้นำเสนอแผนงานตามนโยบาย “การปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส 3 ปฏิรูป 3 แนวทาง” ของ รมว.อุตสาหกรรม ด้วยว่า กนอ.ได้วางแนวทางเพื่อสนับสนุนนโยบายไว้ 3 เรื่องสำคัญที่จะเร่งดำเนินการ คือ 

1.การจัดตั้งศูนย์บ่มเพาะ SMEs (I-EA-T Incubation) เพื่อสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันของ SMEs โดยการใช้นิคมฯ เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ SMEs เบื้องต้นจะเริ่มดำเนินการ และพร้อมเปิดนิคมฯที่นิคมฯลาดกระบัง ภายใน 3 เดือน และการผลักดันแก้ไขปัญหาผังเมืองในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจหรือเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่จะดำเนินการภายใน 3 เดือนเช่นกัน

2.การบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมครบวงจร ผ่านความร่วมมือกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ในการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อลดขั้นตอนและเวลา เรื่องนี้จะสามารถดำเนินการได้เต็มรูปแบบภายใน 6 เดือน และ 3.การสร้าง Eco System หรือระบบนิเวศทางธุรกิจใหม่ โดยใช้แพลตฟอร์ม (Platform) ต่างๆ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมยุคใหม่ ให้ง่ายต่อการประกอบกิจการ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ภายใน 1 ปี

“กนอ.ขอรับการสนับสนุนจาก รมว.อุตสาหกรรม ในด้านต่างๆ เช่น การผลักดันกฎหมายผังเมือง EEC, การบูรณาการแก้ไขการจัดการกากอุตสาหกรรมครบวงจร, Fast Track Lane (ช่องทางพิเศษเพื่ออำนายความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ) กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมโยธาธิการและผังเมือง, กรมที่ดิน และ BOI (สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน) เพื่อให้โครงการตามนโยบายของ รมว.อุตสาหกรรม สำเร็จลุล่วง และที่ต้องการใช้กลไกของกระทรวงอุตสาหกรรม ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ” นายสุเมธ ระบุ

‘บิ๊กป้อม-พปชร.’ ลุยหนองคาย ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม มอบถุงยังชีพ 3,000 ชุด พร้อมสั่ง สส.ในพื้นที่ช่วยเหลือใกล้ชิด

(19 ก.ย. 67) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค, นายชัยมงคล ไชยรบ รองหัวหน้าพรรค, นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ รองหัวหน้าพรรค, น.ส.กาญจนา จังหวะ รองเลขาธิการพรรค, พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เหรัญญิกพรรค, นายวราเทพ รัตนากร ผู้อำนวยการพรรค, พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค, นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย เขต 1 และกรรมการบริหารพรรค อาทินาย สุธรรม สุจริตงาม พร้อมด้วยสมาชิกพรรค น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ สส.เพชรบูรณ์ เขต1 และนายวิริยะ ทองผา สส.มุกดาหาร เขต 1 ร่วมลงพื้นที่ประสบอุทกภัย จ.หนองคาย โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.เมือง ที่ได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง จากอิทธิพลของพายุที่เกิดขึ้นในหลายระลอก รวมทั้งปริมาณน้ำจากลำน้ำโขง ที่เพิ่มสูงขึ้นจนเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน ส่งผลให้พี่น้องประชาชนในชุมชนต่างๆ ได้รับความเดือดร้อน ไม่สามารถออกไปประกอบอาชีพได้ตามปกติ

โดย พล.อ.ประวิตร มีความห่วงใยในความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน จึงได้ลงพื้นที่พร้อมกับคณะทีมผู้บริหารพรรคไปพบปะประชาชน และติดตามสถานการณ์ ในพื้นที่ประสบภัย เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล และเตรียมความพร้อมเสนอผ่านระบบสภาฯ โดยระหว่างการลงพื้นที่วันนี้ ได้มีประชาชนฝากข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาลจำนวนมาก ซึ่งพรรคพลังประชารัฐในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ก็ขอเป็นกระบอกเสียงแทนพี่น้องประชาชน ขอให้รัฐบาลใส่ใจในความเดือดร้อนและเร่งหามาตรการที่จะเยียวยาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนด้วย

ทั้งนี้ จากสภาพอากาศ พรรคพลังประชารัฐ เชื่อว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงได้รับอิทธิพลจากมรสุมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงจากสภาพภูมิอากาศ ทำให้ปริมาณฝนตกมากกว่าปกติ ซึ่งปัญหาเรื่องน้ำทั้งภัยแล้งและอุทกภัย เป็นนโยบายหลักของ พปชร.และ พล.อ.ประวิตร ให้ความสำคัญมาโดยตลอด จากที่ผ่านมามีการผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ และวางแนวทางแก้ไขปัญหาให้บริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้ประชาชน และเกษตร มีน้ำกินน้ำใช้ ลดภัยพิบัติอย่างเห็นผลมาแล้วในอดีต สะท้อนภาพจำของ ‘ลุงป้อม’ ที่มีต่อประชาชน เป็นผู้ที่แก้ปัญหาน้ำ และสามารถเข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ไม่ว่าพื้นที่นั้นจะอยู่ห่างไกลแค่ไหนก็ตาม

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร ได้นำถุงยังชีพมากกว่า 3,000 ชุด แจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนในชุมชนหนองบัว ชุมชนสระแก้ว (วัดศรีบุญเรือง) ชุมชนวัดธาตุใต้ ในเขตเทศบาลเมือง เพื่อให้ประชาชนบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงวิกฤตินี้ไปได้ พร้อมทั้งกำชับให้ สส. ในพื้นที่ประสานกับหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าทำการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในด้านต่างๆ การแจ้งเตือน การอพยพ หาแหล่งที่พักพิงให้เพียงพอ และให้นำข้อมูลมาเสนอต่อสภาฯ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณในการเยียวยาพี่น้องประชาชน เพื่อซ่อมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย พร้อมทั้งจัดเตรียมแผนรับมือในการพัฒนาโครงการ เพื่อป้องกันอุทกภัยในอนาคต

‘ภูมิธรรม’ เผย!! งบเยียวยาน้ำท่วม 3 พันล้าน ใช้ได้ทันที พร้อมชื่นชมกำลังพลดูแลประชาชนก่อนนึกถึงตัวเอง

(19 ก.ย. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเยียวยาน้ำท่วม ว่า ขณะนี้ได้อนุมัติ 3,000 ล้านบาทแล้ว ใช้ได้เลย ไม่ต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนให้มาก แต่ดูให้รอบคอบ แจกจ่ายได้ตามมติและกฎเกณฑ์เดิม ส่วนสิ่งที่จะทำใหม่ได้มอบหมายปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กฤษฎีกา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง ไปคิดภายใน 1 สัปดาห์ หากมีมติชัดเจนจะเป็นส่วนที่จ่ายเพิ่มเติมจากสิ่งที่ได้โดยปกติ และจะได้ใช้มาตรฐานนี้ในอนาคตข้างหน้า เพราะมาตรฐานเดิมที่วางไว้มาด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง ตรงนี้ต้องไปดูอีกอย่างหนึ่ง เรื่องการเงิน ทำได้เท่าไร เราทำก่อน หากทำได้หมด ก็พร้อมทำ ย้ำว่าเร่งให้เร็วที่สุดภายใน 1 สัปดาห์ แต่ต้องขอดูรายละเอียด 

เมื่อถามว่าอยากพูดอะไรถึงกำลังพลที่ลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วมหรือไม่ เพราะมีบางนายที่ได้รับผลกระทบ? นายภูมิธรรม กล่าวว่า “เมื่อผู้บัญชาการทหารบกได้ไปเยี่ยมแล้ว ส่วนตัวคิดว่าผู้บังคับบัญชาและส่วนต่าง ๆ เห็นใจ เข้าใจกำลังพลที่บ้านตัวเองต้องไปดูแลยังไม่ได้ทำ แต่ต้องไปดูแลประชาชนก่อน อันนี้เป็นน้ำใจอันสูงส่งของกำลังพล ไปทำหน้าที่ของประเทศก่อนจะคิดถึงตนเอง ขอบคุณและให้กำลังพลทุกฝ่าย ขอให้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ช่วยชาติ บ้านเมือง และประชาชน ส่วนรายละเอียดของกำลังพลแม้ว่าจะขาดตกบกพร่อง ยืนยันว่าจะพิจารณาดูแลหาทางออก ซึ่งเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) ได้หารือกับรัฐมนตรีช่วยฯ ว่ากำลังพลส่วนนี้จะทำอย่างไร ซึ่งจะต้องมาหารือกัน มีแนวทางใดบ้าง ต้องมาหารือรายละเอียดและข้อกฎหมายต่อไป” 

ชม ARMY-2024 งานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ EP#5 ระบบอาวุธยุทโธปกรณ์แม่นยำสูง เพื่อการรบทางยุทธวิธี

ยังคงเป็นวันแรกของงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ARMY-2024 (12 สิงหาคม) ทีมงานของบริษัท ROSOBORONEXPORT ก็พาเดินไปยังอาคารแสดงสินค้าของบริษัท High-Precision Weapons holding ซึ่งมี Motto สำหรับปีนี้ว่า '15 ปีแห่งความแม่นยำและความน่าเชื่อถือ' โดยเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับอาวุธยุทโธปกรณ์ที่กลุ่มบริษัท High-Precision Weapons holding ผลิตพอสังเขป เนื่องจากในวันรุ่งขึ้น (13 สิงหาคม) บริษัท High-Precision Weapons holding จะได้พาคณะฯ ไปทดสอบอาวุธยุทโธปกรณ์บางส่วนที่กลุ่มบริษัทฯ ได้ทำการผลิต

ระบบขีปนาวุธต่อต้านรถถัง Kornet

บริษัท High-Precision Weapons holding เป็นบริษัทในเครือของ Rostec State Corporation บริษัทโฮลดิ้งของสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ โดยเป็นผู้ออกแบบและผลิตระบบอาวุธความแม่นยำสูง ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 15 ปีที่แล้วในปี 2009 โดยมีบริษัทในเครือมากกว่า 15 บริษัท อาทิ สำนักงานออกแบบอาวุธยุทโธปกรณ์ Shipunov, สำนักงานออกแบบ-ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ Machine-Building, โรงงานผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ Kurgan, สถาบันวิจัยกลางเพื่อ Automation และ Hydraulics, สำนักงานออกแบบอาวุธยุทโธปกรณ์กลาง ฯลฯ ซึ่งมีขีดความสามารถในการออกแบบ ผลิต และซ่อมบำรุง ทำให้กลุ่มบริษัทมีพนักงานประจำกว่า 25,000 คน

ระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานแบบ Pantsyr S-1

ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มุ่งเน้นไปที่ระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีความแม่นยำสูงและอาวุธยุทโธปกรณ์สำหรับการรบทางยุทธวิธี อาทิ ระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน Pantsyr S-1, ระบบขีปนาวุธต่อต้านรถถัง Kornet, ปืนใหญ่นำวิถี Krasnopol-M2, ระบบขีปนาวุธยุทธวิธีของกองทัพ Iskander-M, ระบบต่อต้านรถถังอัตตาจร Khtizantema-S, ระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานประทับไหล่ Verba, ยานรบทหารราบแบบ BMP-3, BMD-4M และ BMP-2M Berezhok ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์อื่น ๆ ที่พัฒนาและผลิตโดยบริษัทต่าง ๆ ในเครือ

ปฏิบัติการพิเศษทางทหารของสหพันธรัฐรัสเซียในยูเครน ทำให้การปฏิบัติตามแผนจัดซื้อจัดจ้างของรัฐสำหรับกระทรวงกลาโหมของสหพันธรัฐรัสเซียยังคงเป็นภารกิจที่มีความสำคัญสูงสุดของบริษัทฯ โดยในปี 2024 นับตั้งแต่วันแรกที่ก่อตั้ง บริษัทฯ ได้ทำงานร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า รวมถึงกระทรวงกลาโหมแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ตลอดจนหน่วยงานของรัฐบาลกลางอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง แข็งขัน และเข้มข้นขึ้นเป็นอย่างมาก 

บริษัทฯ มีการจัดทำข้อเสนอแนะด้านปฏิบัติการโดยกองทัพ เพื่อปรับปรุงและพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ที่บริษัทฯ ออกแบบและผลิตทุกๆ 3-4 เดือนอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามแผนจัดซื้อจัดจ้างของรัฐและการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ในเงื่อนไขการปฏิบัติการพิเศษทางทหาร 

นอกจากบริษัทต่าง ๆ ภายใต้บริษัท High-Precision Weapons holding จะได้ดำเนินการออกแบบ และพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารขั้นสูงแล้ว บริษัทต่าง ๆ เหล่านั้นก็กำลังพัฒนาสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีสูงอย่างมากมายสำหรับตลาดภาคพลเรือนอีกด้วย อาทิ เครื่องจักรสำหรับถนนและงานก่อสร้าง, อุปกรณ์การเก็บขยะและรถทำความสะอาดถนน, เครื่องจักรสำหรับป่าไม้และการเกษตร วิศวกรรมเครื่องจักรเช่น, การหล่อและการขึ้นรูป และผลิตภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมการก่อสร้าง รวมถึงธุรกิจด้านการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นขีดความสามารถอีกอย่างหนึ่งของบริษัทฯ ในขอบข่ายของสินค้าสำหรับตลาดภาคพลเรือน โดยมีโครงการธุรกิจมากกว่า 20,000 รายการในปี 2023-2024 บนพื้นฐานการออกแบบและผลิตด้วยการ ‘พึ่งพาตนเอง’ (Self-reliance) 

เริ่มปิดไม่มิด!! กลิ่นโชย 'ต่างด้าวผิดกฎหมาย' คลุ้ง มุ้งการเมืองเริ่มสะกิด ติดตรงเก้าอี้ใหญ่เอาไงต่อ

(19 ก.ย. 67) ปัญหาชาวต่างชาติแย่งงานคนไทยดูจะไม่ใช่ปัญหาเล่น ๆ เสียแล้ว เพราะเท่าที่เห็นผ่านสายตา ก็มีดาวดังประจำสภาอย่างน้อย 2 คน หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาถกแบบยกใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น 'กอล์ฟ-ศาสตรา ศรีปาน' ผู้แทนของคนหาดใหญ่ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ กับ 'ไอซ์-รัชนก ศรีนอก' สาวเสื้อส้มตัวแทนคนบางบอน 

ศาสตรา เขย่าเรื่องนี้ โดยยกเอาเรื่องต่างชาติแย่งงานคนไทย และต่างชาติแปลงร่างเป็นนายทุนมาหารือในรัฐสภาแล้วหลายครั้ง เพราะปัญหาดังกล่าวผุดขึ้นในพื้นที่หาดใหญ่เอง โดยมีชาวต่างชาติประกอบอาชีพต้องห้ามหลายอาชีพ รวมไปถึงในเชียงใหม่, ภูเก็ต และเมืองท่องเที่ยวอีกหลายเมืองที่มีชาวต่างชาติแปลงร่างเป็นนายทุนเจ้าของกิจการหลายกิจการ 

เรื่องน่าห่วงที่ผู้แทนหาดใหญ่จากรวมไทยสร้างชาติ คนนี้กลัวและมักจะทิ้งท้ายให้รัฐบาลเปิดรับฟังเยอะ ๆ เพราะเริ่มเห็นช่องการดึงเงินออกนอกประเทศแบบ 100% จากต่างชาติเหล่านี้ คล้าย ๆ กับกรณีที่เกิดขึ้นแล้วแบบทัวร์ศูนย์เหรียญ ก็ต้องดูว่าจะมีประกาศิตจากรัฐบาลที่เริ่มเจอเสียงกดดันดังขึ้นแค่ไหน...

ข้ามมาฟากบางบอน 'ไอซ์ รัชนก' ออกลูกอึ้ง!! หลังเจอพม่าครองแผงตลาดบางบอน พร้อมจี้ให้รัฐบังคับใช้กฎหมาย-เก็บภาษีให้คุ้มนั้น ก็ต้องบอกว่างวดนี้น้องไอซ์ออกเชิงสวนกระแส สส.พรรคส้มเขตปทุมวัน ที่รายนั้นดอดออกตัวปกป้องคนต่างชาติบางประเทศ จนถูกประชาชนโซเชียล ติดแฮชแท็ก #พรรคประชาชนพม่า #สสพรรคประชาชนพม่า 

จะว่าไปแล้ว กระแสต่างด้าวสาวไส้ไปสักคืบ ก็จะพบว่า มีประเด็นที่ถูกจุดติดมาจาก AYA IRRAWADEE หนึ่งในคอลัมนิสต์ของ THE STATES TIMES ที่กัดไม่ปล่อยกับขบวนการต่างด้าวยึดบางกอก ซึ่งว่ากันว่า พอลอกคราบออกมาแล้ว มีเลือดสีส้มเจือปนอยยู่ในระดับอนุบาล พาลกระทบไปถึงคนทำงานในหน่วยงานภาคราชการต้องร้อน ๆ หนาว ๆ 

แน่นอนว่า 'ข้าของประชาชน' ตัวจริง ที่รู้ข่าวก็ใช่ว่าจะเงียบกริบ โดยล่าสุดหนึ่งในข้าราชการประจำของกรุงเทพมหานคร อย่าง 'อุ๊-วรชล ถาวรพงษ์' ผู้อำนวยการเขตบางกอกน้อย ก็ขยับตัวออกมาตรวจสอบเขตพื้นที่ต่าง ๆ เอง โดยเฉพาะตลาดวังหลัง ซึ่งผลคือพบ 'คนต่างด้าว-ต่างชาติ' ทั้งมีบัตรและไม่มีบัตรเดินขายของกันว่อน แถมคนพวกนี้ยังมีการอัปเดตผลงานให้แฟนคลับติดตามชมเป็นระยะ ๆ ใน Tiktok เสียด้วย...

ย้อนไปอีกนิดกับ 'อุ๊-วรชล' ถือเป็นข้าราชการฝีมือดีคนหนึ่ง ที่มักจะขยับตัวได้อย่างรวดเร็วเวลาเกิดประเด็นดรามาต่าง ๆ ในสังคม ครั้นตั้งแต่การเริ่มแจกผ้าอนามัยฟรีที่เขตบางขุนเทียน / 'แคมเปญคุณกั๊กเราเก็บ' ที่ไล่จัดการกับการกั๊กที่จอดรถหน้าบ้าน รวมถึงจัดการปัญหาหาบเร่โบ๊เบ๊ที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และล่าสุดก็กับต่างด้าวบางกอกน้อย 

สุดท้าย มีตัวเลขมาฝากให้คิดตามจาก 'กรมการจัดหางาน' กระทรวงแรงงาน ที่ได้รายงานผลปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบ จับกุม และดำเนินคดีนายจ้าง/สถานประกอบการ และคนต่างชาติ ที่ลักลอบทำงานผิดกฎหมายระหว่างวันที่ 5 มิถุนายน - 11 กรกฎาคม 2567 รวม 36 วัน

โดยมีการเข้าตรวจสอบสถานประกอบการที่จ้างแรงงานข้ามชาติทั่วประเทศ 8,776 แห่ง ดำเนินคดีแล้ว 280 แห่ง และตรวจสอบพบคนต่างชาติ จำนวน 108,875 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 80,913 คน, กัมพูชา 16,507 คน, ลาว 7,804 คน, เวียดนาม 104 คน และสัญชาติอื่น ๆ 3,547 คน ซึ่งในนี้มีการดำเนินคดีทั้งสิ้น 726 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 473 คน กัมพูชา 74 คน ลาว 101 คน เวียดนาม 14 คน และสัญชาติอื่น ๆ 64 คน

นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นของแรงงานต่างชาติที่ถูกตรวจตราในช่วงครึ่งปี ยังไม่นับก่อนหน้าที่มีอยู่อีกเท่าไรต่อเท่าไรที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยโดยไม่เคารพกฎหมายและอยู่ภายใต้กรอบแรงงานต่างชาติ เช่น ใบอนุญาตทำงานถูกต้อง และทำงานตามสิทธิ (ทำได้-ทำไม่ได้) ตามประกาศกระทรวงแรงงาน เพื่อให้สามารถทำงานและอยู่ในราชอาณาจักรอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แบบไม่ต้องหลบซ่อนและได้รับการคุ้มครองตามสิทธิที่พึงมี

ก่อนไทยแลนด์จะกลายเป็นแดนต่างด้าว...จะรัฐบาลหรือจะใคร หากรีบโชว์พาวไว ๆ กระแสเลือดรักชาติอาจเทให้กระจุยเชียวนะ...ทำเป็นเล่น!!

'เพจดัง' สรุปดรามา 'ใส่เสื้อส้ม พูดอีสาน' ม้วนเดียวจบ มีเอี่ยวพรรคส้ม ชี้!! เป็นก๊วนแกล้งรักสถาบัน แล้วปั่นให้คนเกลียดด้วยตรรกะเพี้ยนๆ

(19 ก.ย. 67) เพจ 'วันนี้พรรคส้มโกหกอะไร' ได้โพสต์บทสรุปประเด็นภาคต่อดรามา 'ใส่เสื้อส้ม พูดอีสาน' จนไม่ผ่านการทดลองงานไว้ดังนี้...

เริ่มจากอิพลอยนำแชตไลน์มาโพสต์ว่าน้องชายไม่ผ่านงานเพราะบริษัทไม่ชอบที่ใส่เสื้อส้มและพูดอีสาน จากนั้นไอ้เลิศออกตัวว่าเป็น HR คนนั้น เรื่องถูกตีฟูจากสื่อและอินฟลูบางคนจนเป็นกระแส

ทีมงานตรวจสอบพบว่า อิพลอย เป็นเฟสปลอม เป็นแอดมินกลุ่มคอยปั่นให้สังคมทะเลาะด้วยเรื่อง Fake news หลายกลุ่ม โดยมี ไอ้เลิศคือ หนึ่งในนั้น

ไอ้เลิศ (คนซ้าย) ที่สถาปนาตัวเองเป็น หัวหน้า HR จะคอยเสี้ยมและปั่นตามกลุ่มต่าง ๆ โดยเฉพาะแกล้งทำตัวรักสถาบัน แต่คอยทำหน้าที่ยุให้คนเกลียดด้วยตรรกะเพี้ยน ๆ ให้ดูกลุ่มรักสถาบันเป็นคนบ้า

ไอ้เลิศมันใช้เฟสจริงแต่ล็อกไม่ให้คนเข้าไปดูโปรไฟล์ แต่มันลืมไปว่าเพื่อนมันชอบแท็กเวลาไปงาน และหนึ่งในเพื่อนสนิทมันคือ 'เจอรี่' เป็นผู้สมัคร สส. พรรคก้าวไกล (คนขวามือภาพบน)

ไอ้เลิศและเจอรี่ โพสต์อวย พรรคก้าวไกลมาตลอด ปัจจุบัน เจอรี่เป็นทีมงานพรรคส้มในจังหวัดปทุมธานี

#คำถามที่ ไอ้เลิศ และ เจอรี่ ต้องตอบ...

1. ข่าวปลอมที่ พนักงานไม่ผ่านโปร เพราะใส่เสื้อส้มและพูดภาษาอีสาน ถูกปั่นไปถึงอินฟลูและสื่อใหญ่ได้อย่างไร ใครเป็นคนส่งข้อมูลให้พวกเขา

2. ทำไมถึงจุดประเด็นขึ้นมาอย่างเป็นระบบ ชง ตบ ปั่น ขึ้นมาเมื่อวาน ต้องการเบี่ยงประเด็นหรือกลบข่าวอะไร

แต่ถ้าทำสนุก ๆ สื่อและอินฟลูงับข่าวไปเล่นเอง ไปงับได้อย่างไร และจะออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมที่เสนอข่าวบิดเบือนกี่โมง

ขอคำตอบด้วยค่ะ

‘ชัยวุฒิ พปชร.’ ชี้!! งบเยียวยาน้ำท่วม 3 พันล้าน ไม่เพียงพอ อย่าประเมินความทุกข์ ปชช. ต่ำ แนะ!! จ่ายครัวเรือนละ 1 หมื่น

(19 ก.ย. 67) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวระหว่างการลงพื้นที่จังหวัดหนองคายร่วมกับคณะกรรมการบริหาร และ สส.พรรคพลังประชารัฐ เพื่อมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัยว่า…

วันนี้ได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนที่ประสบเหตุอุทกภัยที่จังหวัดหนองคาย พบว่า ความช่วยเหลือของรัฐบาลยังมาถึงประชาชนได้ล่าช้า โดยเฉพาะเงินงบประมาณที่รัฐบาลเพิ่งอนุมัติมา 3,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนกว่า 50 จังหวัดไม่น่าจะเพียงพอ  

“งบประมาณ 3,000 ล้านบาท ยังน้อยกว่างบประมาณในโครงการซอฟต์พาวเวอร์ งบประมาณกว่า 5,000 ล้าน ยังทำประโยชน์ไม่ได้ เหมือนเอาเงินไปละลายน้ำแต่ความเดือดร้อนของประชาชนกับตีค่าแค่เงิน 3,000 ล้าน จะไปช่วยอะไรชาวบ้านทั้งประเทศได้พออย่างไร ผมมองว่ารัฐบาลต้องอนุมัติงบประมาณมาเพิ่ม อย่างน้อย 30,000-40,000 ล้านบาท เพื่อการเยียวยาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน การที่รัฐบาลจะให้ครัวเรือนละ 5,000 บาท มันไม่เพียงพอ ขนาดโครงการดิจิทัลวอลเล็ตยังให้คนละ 10,000 บาท อย่างน้อย ก็ต้องให้ครัวเรือนละ 10,000 บาท รัฐบาลต้องเพิ่มการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้มากกว่านี้” นายชัยวุฒิ กล่าว

'โซเชียล' แห่อาลัยฮีโร่ผู้กล้า 'ปูเป้' เจ้าหน้าที่อาสา ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตหลังไปช่วยน้ำท่วมเชียงราย

เมื่อวานนี้ (19 ก.ย. 67) เฟซบุ๊ก ‘NattyRescue ChiangRai’ เผยเรื่องราวสุดเศร้า ระบุว่า

“ร่วมไว้อาลัย ฮีโร่ ผู้กล้าที่มาช่วยชาวจังหวัดเชียงรายบ้านเรา ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวพี่อาสาท่านนี้ด้วย ที่สูญเสียฮีโร่ คุณจันทิมา ครุฑหมื่นไวย (พี่ปูเป้) สมาชิกอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยแห่งประเทศไทย หน่วยธน 19-146 รถกู้ภัยเดินทางกลับจากช่วยน้ำท่วมเชียงราย เกิดประสบอุบัติเหตุที่พิจิตร เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา คุณงามความดีที่สร้าง ขอให้สู่สุคติในชั้นที่สุขสงบและดียิ่งขึ้นไป ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวและเพื่อนร่วมงานกู้ภัยด้วยครับ…

“หลับให้สบาย บุญกุศลแห่งการเป็นจิตอาสา ขอให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี เป็นเทวดานางฟ้าบนสรวงสวรรค์ ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เท่ากับการช่วยเหลือ ‘เพื่อนมนุษย์’ ”

ทั้งนี้ ร่างของคุณปูเป้ถูกนำมาประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดมหาบุศษ์ ซอยอ่อนนุช 7 ถนนสุขุมวิท 77 กทม. ก่อนจะมีการฌาปนกิจในวันที่ 21 กันยายน 2567

'บุ๋ม ปนัดดา' ขอแรงคนไทยช่วยตักดินออกจากบ้านชาวเชียงราย พบพลเมืองดีให้ความช่วยเหลือกันเพียบ ขอเพียงแค่หนุนค่าน้ำมัน

ความคืบหน้าน้ำท่วมใน จ.เชียงราย หลังน้ำลดได้ทิ้งความเสียหายไว้ให้ชาวบ้านเป็นจำนวนมาก ล่าสุดบรรยากาศหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ยังคงวุ่นวายตลอดทั้งวันเนื่องจากเจ้าหน้าที่เทศบาล ต.แม่สาย และหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งชาวบ้าน ห้างร้าน ฯลฯ ต่างออกมาทำความสะอาดตามท้องถนนและอาคารต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากขาดแคลนน้ำประปา และทางเทศบาล ต.แม่สายต้องแบ่งช่วงเวลาจ่ายน้ำตามจุดต่าง ๆ

ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (19 ก.ย. 67) บุ๋ม ปนัดดา ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กขอความช่วยเหลือตักดินออกจากบ้าน โดยได้ระบุข้อความว่า…

“มีจิตอาสา หรือใครที่อยู่เชียงราย ที่รับตักดินออกจากบ้านคนไหมคะ บุ๋มมีโครงการช่วยทำความสะอาดบ้านให้กับประชาชนที่โดนน้ำท่วมและบ้านเต็มไปด้วยโคลน บางบ้านมีแต่คนแก่และผู้หญิง บางบ้านก็มีคนไข้ติดเตียง บุ๋มเห็นใจค่ะ เลยอยากหาคนไปช่วยทำความสะอาด โดยทางมูลนิธิจะเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายให้ แค่คราบฝุ่นก็เหนื่อยแล้ว เจอสภาพแบบนี้เครียดแทนเลย ซึ่งบ้านแรกที่อยากให้ไปอยู่ผามควาย เหมืองแดงค่ะ”

ทั้งนี้ พบว่ามีจิตอาสาจำนวนมากพร้อมให้ความช่วยเหลือ โดยต้องการเพียงค่าน้ำมันในการเดินทางเพียงเท่านั้น ทำชาวเน็ตจำนวนมากแห่คอมเมนต์ขอบคุณจิตอาสาเหล่านี้ที่พร้อมช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top