Sunday, 25 May 2025
NewsFeed

วิเคราะห์!! สถานการณ์ราคาน้ำมัน ตัวแปรดันราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม 'เหตุรุนแรงในตะวันออกกลาง-พายุเฮอร์ริเคน Francine'

เมื่อวานนี้ (18 ก.ย.67) หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ ได้เปิดเผย 4 ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการปรับเพิ่มราคาน้ำมันดิบในปัจจุบัน ดังนี้...

1. ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่กลับมาทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง ภายหลังเครื่องมือสื่อสารถูกแฮกและเกิดระเบิดขึ้นในเลบานอน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้กล่าวโทษอิสราเอลว่าอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดในครั้งนี้และประกาศจะตอบโต้อิสราเอล ในขณะที่อิสราเอลยังคงปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อเหตุการณ์ดังกล่าว

2. การผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกยังคงได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคน Francine โดยยังคงมีการอพยพคนงานออกจากแท่นขุดเจาะน้ำมันอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกปรับลดกว่า 12% จากปริมาณการผลิตปกติ 

3. นักลงทุนยังคงจับตาการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) โดยตัวเลขผลสำรวจล่าสุดของ FEDWATCH ชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนัก 69% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและหนุนความต้องการใช้น้ำมันได้

4. สถาบันปิโตรเลียมแห่งสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 13 ก.ย. 67 ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 1.96 ล้านบาร์เรล

สำหรับราคาน้ำมันดิบ เมื่อวันที่ 17 ก.ย.67 ที่ผ่านมา อ้างอิง เวสต์เทกซัส (WTI) อยู่ที่ 71.19 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล (+1.10) ส่วน เบรนท์ (Brent) อยู่ที่ 73.70 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล (+0.95)

บึ้มอุปกรณ์สื่อสารรอบ 2 ในเลบานอน ตายอีก 20 เจ็บ 450 ผวา!! กระพือสงครามเต็มรูปแบบ 'ฮิซบอลเลาะห์-ยิว'

(19 ก.ย. 67) เอเอฟพี รายงานว่า เกิดระเบิดกับอุปกรณ์สื่อสารระลอก 2 ในฐานที่มั่นของฮิซบอลเลาะห์ ในเลบานอน ในวันพุธ (18 ก.ย.) สังหารผู้คนไป 20 ราย และบาดเจ็บอีกมากกว่า 450 คน หนึ่งวันหลังจากถูกเล่นงานด้วยระเบิดเพจเจอร์ ปลิดชีพนับสิบและบาดเจ็บหลายพัน โหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับสงครามเต็มรูปแบบกับอิสราเอล

แหล่งข่าวใกล้ชิดกับฮิซบอลเลาะห์ ระบุว่าเหตุระเบิดระลอกล่าสุดเกิดขึ้นกับวิทยุสื่อสารระยะสั้น Walkie Talkie ที่ใช้งานโดยสมาชิกของกลุ่มในกรุงเบรุต ขณะที่สื่อมวลชนแห่งรัฐรายงานว่าเหตุระเบิดลักษณะเดียวกันยังเกิดขึ้นในภาคใต้และภาคตะวันออกของเลบานอนด้วย

ภาพข่าวสถานีโทรทัศน์ AFPTV เป็นเหตุการณ์ที่ผู้คนวิ่งหนีหาที่กำบังหลังระเบิดลูกหนึ่งถูกจุดชนวนขึ้น ระหว่างพิธีศพของสมาชิกรายหนึ่งของนักรบฮิซบอลเลาะห์ ทางใต้ของกรุงเบรุต ในช่วงบ่าย "ระลอกระเบิดของศัตรูมีเป้าหมายที่ walkie talkies สังหารผู้คนไป 20 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 450 คน" กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนระบุในถ้อยแถลง

เหตุการณ์นี้มีขึ้น 1 วัน หลังจากเกิดเหตุเพจเจอร์หลายร้อยเครื่องที่ใช้งานโดยพวกฮิซบอลเลาะห์ เกิดระเบิดในเวลาไล่เลี่ยกัน สังหารผู้คนไป 12 ราย ในนั้นรวมถึงเด็ก 2 คน และบาดเจ็บเกือบ 2,800 คน ทั่วเลบานอน ในเหตุโจมตีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล

ยังไม่มีความเห็นมาจากอิสราเอล ซึ่งไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าเหตุโจมตีเมื่อวันอังคาร (17 ก.ย.) ได้แถลงขยายเป้าหมายในการทำสงครามกับพวกฮามาสในกาซา ในนั้นรวมถึงการสู้รบกับพวกฮิซบอลเลาะห์ พันธมิตรของกลุ่มนักรบปาเลสไตน์

อิสราเอลยังคงปิดปากเงียบเกี่ยวกับเหตุระเบิด ที่กลายเป็นข่าวใหญ่ตามสถานีโทรทัศน์ต่าง ๆ เช่นเดียวกับเป็นข่าวพาดหัวตามหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ

อามอส ฮาเนรล จากหนังสือพิมพ์เอียงซ้าย Haaretz ชี้ว่าเหตุเพจเจอร์และ Walkie Talkie ระเบิด ได้ผลักอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์อยู่บนขอบเหวของสงครามเต็มรูปแบบ

ความกังวลดังกล่าวกระตุ้นให้ทำเนียบขาวออกมาเตือนทุกฝ่ายต่อสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายใด ๆ "เราไม่เชื่อใด ๆ เลยว่า หนทางที่จะคลี่คลายวิกฤตนี้คือการยกระดับปฏิบัติการทางทหารเพิ่มเติม" จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าว

พวกฮิซบอลเลาะห์ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน และเป็นพันธมิตรกับพวกฮามาส เปิดฉากยิงปะทะกับกองกำลังอิสราเอลแทบทุกวัน นับตั้งแต่พวกนักรบปาเลสไตน์บุกโจมตีเล่นงานอิสราเอลในวันที่ 7 ตุลาคม โหมกระพือสงครามในกาซา

อับดุลเลาะห์ บัว ฮาบิบ รัฐมนตรีต่างประเทศเลบานอน เตือนว่าการโจมตีอธิปไตยและความมั่นคงของเลบานอนอย่างโจ่งแจ้ง เป็นสถานการณ์ที่อันตราย ที่อาจกลายเป็นการส่งสัญญาณยกระดับสงคราม

ฮิซบอลเลาะห์บอกว่าอิสราเอลต้องรับผิดชอบโดยสิ้นเชิงต่ออาชญากรรมรุกรานนี้ และประกาศแก้แค้น

พวกนักวิเคราะห์เชื่อว่าฝ่ายปฏิบัติการน่าจะซุกวัตถุระเบิดไว้ในอุปกรณ์เพจเจอร์ตั้งแต่ก่อนส่งมอบให้แก่ฮิซบอลเลาะห์ "ระเบิดพลาสติกขนาดเล็ก สามารถปิดซ่อนไว้อยู่ข้าง ๆ แบตเตอรี่ เพื่อจุดชนวนระเบิดระยะไกลผ่านทางสายเรียก" ชาร์ลส์ ลิสเตอร์ จากสถาบันตะวันออกกลางให้ความเห็น

ในบรรดาผู้เสียชีวิตนั้น มีเด็กหญิงวัย 10 ขวบรายหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกสาวของสมาชิกรายหนึ่งของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ เธอเสียชีวิตในหมู่บ้านเบคา ทางตะวันออกของเลบานอน หลังเพจเจอร์ของพ่อระเบิด

การถูกโจมตีด้วยระเบิดระลอกล่าสุด ก่อความเสียหายใหญ่หลวงแก่ฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งกังวลอยู่ก่อนแล้วต่อความปลอดภัยของการสื่อสาร หลังจากก่อนหน้านี้ได้สูญเสียเหล่าผู้บัญชาการคนสำคัญหลายราย ที่ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีทางอากาศในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

แหล่งข่าวใกล้ชิดกับฮิซบอลเลาะห์ บอกว่าเพจเจอร์เพิ่งถูกนำเข้ามาเมื่อเร็ว ๆ นี้และดูเหมือนว่าถูกลอบวางระเบิดมาตั้งแต่ต้นทาง

นิวยอร์กไทมส์ เป็นรายแรก ๆ ที่รายงานเมื่อวันอังคาร (17) โดยอ้างพวกเจ้าหน้าที่อเมริกันและเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ที่ต่างขอสงวนนาม ระบุว่า อิสราเอลได้แอบฝังวัตถุระเบิดเข้าไปในเพจเจอร์หลายพันเครื่องที่ส่งมายังเลบานอน โดยบริษัทโกลด์ อะพอลโล แห่งไต้หวัน

อย่างไรก็ดี ในวันพุธ ชู ชิงฮวง ผู้ก่อตั้งบริษัทไต้หวันแห่งนี้ออกคำแถลงยืนยันว่า บริษัทของตนไม่ได้เป็นผู้ผลิตเพจเจอร์เหล่านี้ แต่ผู้ผลิตตัวจริงคือ บีเอซี ที่ตั้งอยู่ในกรุงบูดาเปสต์ เมืองหลวงของฮังการี ซึ่งได้รับสิทธิให้ใช้แบรนด์ของบริษัท

ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายไปทั่วภูมิภาค หลังสงครามกาซาลากยาวมานานเกือบ 1 ปี สายการบินลุฟท์ฮันซา และแอร์ฟรานซ์ แถลงระงับเที่ยวบินสู่เทลอาวีฟ เตหะรานและเบรุต จนกระทั่งวันพฤหัสบดี (19 ก.ย.)

ขณะที่บรรดานักการทูตจากสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี จะพบปะกันในวันพฤหัสบดี (19 ก.ย.) หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ที่กำลังลุกลามบานปลายในตะวันออกกลาง ก่อนหน้าการประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสประชาชาติ ซึ่งวางแผนไว้ว่าจะจัดขึ้นในวันศุกร์ (20 ก.ย.)

อิสราเอลยิงปะทะกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์แทบทุกวัน นับตั้งแต่กลุ่มนักรบฮามาส พันธมิตรของฮิซบอลเลาะห์ บุกจู่โจมจากฉนวนกาซาเล่นงานอิสราเอลแบบไม่คาดคิด เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีก่อน ซึ่งกระตุ้นให้อิสราเอลเปิดปฏิบัติการแก้แค้นรุกรานกาซา สังหารผู้คนไปแล้วกว่า 41,000 ราย

'บีโอไอ' ไฟเขียว!! ไฮเออร์' ลงทุนไทย 1.3 หมื่นล้าน จ้างงานคนไทย 3 พันตำแหน่ง ยกระดับไทยสู่ฐานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะแห่งใหม่นอกประเทศจีน

(19 ก.ย. 67) นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการ ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากบอร์ดบีโอไอ ได้อนุมัติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนกิจการผลิตเครื่องปรับอากาศอัจฉริยะ ของบริษัท ไฮเออร์ แอพพลายแอนซ์ แมนูแฟคเจอร์ จำกัด ภายใต้แบรนด์ 'Haier' ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่จากประเทศจีน ซึ่งมียอดขายอันดับ 1 ของโลกติดต่อกัน 15 ปี (ตั้งแต่ปี 2552 - 2566) จากการจัดอันดับโดยยูโรมอนิเตอร์

โครงการนี้จะมีกำลังการผลิตเครื่องปรับอากาศอัจฉริยะที่มีระบบเซ็นเซอร์และอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งตรวจจับและรับข้อมูลได้ และสามารถเชื่อมต่อกับ Smart Phone และอุปกรณ์อื่น ๆ ผ่านเครือข่าย Wi-Fi จำนวน 6 ล้านเครื่องต่อปี มีเงินลงทุนสูงถึง 13,400 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 3 จังหวัดชลบุรี โดยเฟสแรกจะเร่งลงทุนและติดตั้งกำลังการผลิต 3 ล้านเครื่องให้แล้วเสร็จ พร้อมเริ่มผลิตภายในเดือนกันยายน 2568 และจะเปิดเต็มโครงการภายในปี 2570 มีแผนการจ้างงานบุคลากรไทยกว่า 3,000 คน โครงการนี้จะเป็นการผลิตเพื่อส่งออกเป็นหลัก มีมูลค่าการส่งออกกว่า 32,000 ล้านบาทต่อปี 

“ไฮเออร์ได้ตัดสินใจลงทุนครั้งใหญ่เพื่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ โดยเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศอัจฉริยะที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศจีน เนื่องจากเห็นว่าประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้ามีความเสถียรและเพียงพอต่อความต้องการ ห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่ง รวมทั้งพื้นที่ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ที่มีความพร้อมด้านโลจิสติกส์ ทั้งท่าเรือและเส้นทางคมนาคมที่สะดวกเพื่อสนับสนุนการส่งออก อีกทั้งมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ ถือเป็นความสำเร็จในการดึงดูดโครงการลงทุนที่มีคุณภาพ ซึ่งจะช่วยสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทย ทั้งด้านการสร้างงาน การพัฒนาบุคลากร การใช้วัตถุดิบในประเทศ และเพิ่มมูลค่าการส่งออกของไทยในตลาดโลก” นายนฤตม์ กล่าว

นอกจากโรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดชลบุรี ที่ผ่านมากลุ่มไฮเออร์ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า หม้อหุงข้าวไฟฟ้า กระติกน้ำร้อนไฟฟ้า คอมเพรสเซอร์สำหรับตู้เย็น เป็นต้น ภายใต้ชื่อบริษัท ไฮเออร์ อีเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด รวม 9 โครงการ เงินลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่เขตอุตสาหกรรมกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมขยายกิจการผลิตตู้เย็นในพื้นที่โรงงานเดิมด้วย  

ปัจจุบันประเทศไทยเป็นฐานการผลิตชั้นนำของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน และเป็นสินค้าส่งออกอันดับต้น ๆ ของไทย โดยผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากพัฒนาการของเทคโนโลยีดิจิทัล ทั้ง AI, 5G และ IoT ที่เปลี่ยนมาตรฐานการใช้ชีวิตในโลกสมัยใหม่ที่ผู้บริโภคสามารถเชื่อมต่อและควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้านผ่านระบบอินเตอร์เน็ต 

การส่งเสริมการยกระดับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าไปสู่ 'เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ' เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญของบีโอไอ โดยตั้งแต่ปี 2566 - มิถุนายน 2567 มีโครงการในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วนยื่นขอรับการส่งเสริมจากบีโอไอ จำนวน 144 โครงการ เงินลงทุนรวม 98,550 ล้านบาท โดยกว่าร้อยละ 80 เป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ นอกจากไฮเออร์แล้ว ยังมีแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ ที่มีฐานการผลิตในประเทศไทย เช่น มิตซูบิชิ, โซนี่, ไดกิ้น, ซัมซุง, อีเลกโทรลักซ์, ไมเดีย เป็นต้น

'อินสตาแกรม' ออกฟีเจอร์ 'บัญชีวัยรุ่น' พร้อมระบบควบคุมโดยผู้ปกครอง อีกหนทางแก้ปัญหาเสพติดโซเชียล-กลั่นแกล้ง-บูลลี่ภาพลักษณ์ร่างกาย

(19 ก.ย. 67) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อินสตาแกรมจะเปลี่ยนบัญชีผู้ใช้ทุกคนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ให้เป็น ‘บัญชีวัยรุ่น’ (Teen Accounts) โดยอัตโนมัติ และจะถูกตั้งค่าเริ่มต้นเป็นบัญชีส่วนตัวโดยปริยาย

ผู้ใช้บัญชีวัยรุ่นจะสามารถรับข้อความและแท็กได้เฉพาะจากบัญชีที่พวกเขาติดตามหรือเป็นเพื่อนอยู่แล้วเท่านั้น ขณะที่การตั้งค่าเนื้อหาละเอียดอ่อนจะถูกปรับให้เป็นระดับสูงสุด

ขณะเดียวกัน ผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองก่อนจึงจะสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าเริ่มต้นได้ ผู้ปกครองจะมีเครื่องมือพิเศษที่จะช่วยให้เห็นว่าบุตรหลานของตนกำลังพูดคุยกับใครอยู่ และสามารถจำกัดการใช้แอปได้ด้วย

นอกจากนี้ การอัปเดตยังมีฟีเจอร์ที่จะเตือนผู้ใช้งานที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ให้ปิดแอปหลังจากใช้งานไปแล้ว 60 นาทีในแต่ละวัน และบัญชีวัยรุ่นจะมีโหมดพักผ่อน (sleep mode) ที่เปิดใช้งานเป็นค่าเริ่มต้น ซึ่งจะช่วยปิดการแจ้งเตือนต่าง ๆ ในตอนกลางคืน

เมตาระบุว่าจะเปลี่ยนบัญชีผู้ใช้งานที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีทั้งหมดให้เป็นบัญชีวัยรุ่นภายใน 60 วันในสหรัฐฯ, อังกฤษ, แคนาดา และออสเตรเลีย ส่วนผู้ใช้งานในยุโรปจะได้รับการเปลี่ยนแปลงภายในปีนี้ และผู้ใช้งานทั่วโลกที่เหลือจะเริ่มได้รับการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เดือนม.ค. 2568 เป็นต้นไป

ความเคลื่อนไหวของเมตามีขึ้นหลังจากที่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เมตาได้ยุติการพัฒนาอินสตาแกรมเวอร์ชันพิเศษสำหรับวัยรุ่นโดยเฉพาะ หลังจากที่นักการเมืองและกลุ่มสนับสนุนต่าง ๆ ได้เรียกร้องให้เมตายกเลิกโครงการดังกล่าว เนื่องจากมีข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเด็ก ๆ

เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายใหม่ 2 ฉบับเกี่ยวกับความปลอดภัยทางออนไลน์ที่มีชื่อว่า ‘รัฐบัญญัติความปลอดภัยทางออนไลน์สำหรับเด็ก’ (Kids Online Safety Act) และ ‘รัฐบัญญัติคุ้มครองความเป็นส่วนตัวทางออนไลน์สำหรับเด็กและวัยรุ่น’ (Children and Teens’ Online Privacy Protection Act) ซึ่งจะทำให้บริษัทโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบที่แพลตฟอร์มของตนมีต่อเยาวชน

อนึ่ง ผลการศึกษาหลายฉบับบ่งชี้ว่าการใช้โซเชียลมีเดียมากอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และความบกพร่องในการเรียนรู้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้อายุน้อย

ทั้งนี้ เฟซบุ๊ก (Facebook), อินสตาแกรม และติ๊กต็อก (TikTok) อนุญาตให้ผู้ใช้ที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไปสร้างบัญชีได้

‘พิพัฒน์’ เมิน ‘นายจ้าง’ ไม่ร่วมประชุมถกขึ้นค่าแรง 400 บาท ลั่น!! 1 ต.ค.ขึ้นแน่ ส่วนฝั่งผู้ประกอบการมีแผนเยียวยารอแล้ว

(19 ก.ย. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการไตรภาคีขึ้นค่าจ้าง 400 บาททั่วประเทศ ครั้งที่ 2 วันที่ 20 กันยายน ฝ่ายนายจ้างทั้ง 5 เสียง จาก 15 เสียง จะเข้าร่วมประชุมด้วยหรือไม่ หลังการประชุมครั้งที่ 1 อ้างติดภารกิจว่า ได้ทำจดหมายเชิญแล้ว อยู่ที่ตัวแทนฝ่ายนายจ้างจะเข้าร่วมประชุมหรือไม่ ซึ่งเป็นสิทธิส่วนบุคคล ตนไม่สามารถก้าวก่ายได้ แต่ก็หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะให้คณะกรรมการฝ่ายนายจ้างเข้ามาหารือกันเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด เพราะตามนโยบายตนก็หาแนวทางที่ดีที่สุด และให้มีผลกระทบน้อยที่สุด รวมถึงพูดคุยกับกระทรวงการคลัง เพื่อหาแนวทางเยียวยาแก่บริษัทที่ได้รับผลกระทบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าวันที่ 20 กันยายน 5 เสียงฝ่ายนายจ้างไม่เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการไตรภาคีที่เหลือจะเดินหน้าพิจารณาเดินหน้าประกาศขึ้นค่าแรง 400 บาท ให้ทันวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ใช่หรือไม่? นายพิพัฒน์ กล่าวว่า “หากนายจ้างไม่เข้าร่วมการประชุมครั้งที่ 2 เราก็จะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และดำเนินการประชุม โดยจะอ้างอิงเสียงโหวต 2 ใน 3 ซึ่งถ้าฝ่ายลูกจ้างและฝ่ายข้าราชการ เข้าครบก็สามารถโหวตได้”

เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่วันที่ 1 ตุลาคมจะได้ค่าแรง 400 บาท? นายพิพัฒน์ กล่าวว่า “ยืนยันครับ ชัดเจนครับ เพราะเมื่อประกาศไปแล้ว ก็พยายามทำให้สำเร็จ ซึ่งตนก็เชื่อว่าฝ่ายลูกจ้างก็รอ และยอมรับว่ากระทบต่อนายจ้างพอสมควร เพราะตนก็มาจากภาคธุรกิจ บริษัทในเครือก็ได้รับผลกระทบไม่น้อยเช่นกัน เพราะมีลูกจ้างประมาณ 30,000 คน ได้รับผลกระทบประมาณ 20,000 คน แต่ก็ยอมรับผลกระทบตรงนั้น แต่ก็ต้องดูว่ากระทรวงการคลัง จะเยียวยาผู้ประกอบการได้อย่างไร”

นายพิพัฒน์ ยังกล่าวอีกว่า ยืนยัน ขณะนี้มีมาตรการเยียวยาแล้ว โดยจะประกาศพร้อมกันวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งมาตรการเยียวยาที่ปรับตามประกาศ พ.ศ. 2555 เพื่อมาใช้ในปัจจุบัน

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่หากประกาศขึ้นค่าแรง 400 บาท วันที่ 1 ตุลาคม อาจถูกนายจ้างและผู้ประกอบการร้องเรียนฟ้องร้องภายหลัง? รมว.แรงงาน กล่าวว่า “ไม่เป็นไร ตนยินดีรับสิ่งที่พวกเรากระทำ และถือว่าตนทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ถ้าจะมีการฟ้องร้องหรือไปร้องเรียนศาลปกครอง เราก็พร้อมน้อมรับและยืนยันว่าไม่หนักใจเรื่องนี้”

วิวาทะเดือด!! ผู้ว่าแบงก์ชาติ VS รมว.พาณิชย์

จากช่วงหนึ่งของปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา 'Big Heart Big Impact สร้างโอกาสคนตัวเล็ก..Power of Partnership จับมือไว้ไปด้วยกัน' ในหัวข้อ 'สร้างไทยเข้มแข็งด้วยท้องถิ่นนิยม Localism Future of Thailand' เมื่อวันที่ 13 ก.ย.67 โดย 'นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ' ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ได้กล่าวว่า...

"การเติบโตของประเทศไทย ภายใต้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จะเติบโตแบบเดิม ๆ ไม่ได้แล้ว แต่ต้องหาการเติบโตแบบใหม่ โดยเฉพาะในแง่การขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ที่เราไม่ควรโตแบบล่าตัวเลขจีดีพี หรือตัวเลขการลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศ (เอฟดีไอ) แต่ต้องพิจารณาในส่วนของจีดีพี หรือเอฟดีไอ จะสามารถสร้างประโยชน์ความเป็นอยู่ของคนในประเทศได้มากน้อยเท่าใด เพราะตัวเลขที่ต้องล่า คือความมั่งคั่งรายได้ของครัวเรือน ที่สะท้อนความเป็นอยู่ของประชาชน อาทิ สาธารณสุข การศึกษา เพราะตัวเลขที่ผ่านมาไม่ได้สะท้อนความเป็นอยู่ของคน เราจึงต้องพึ่งพาความเข้มแข็งจากภายในประเทศมากขึ้น"

ด้าน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็ได้กล่าวตอบโต้ผ่านช่วงหนึ่งภายหลังการเผยถึงทิศทางและนโยบายสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ ว่า กระทรวงพาณิชย์จะเร่งดำเนิน 10 นโยบายสำคัญ เมื่อวันที่ 16 ก.ย.67 ด้วยว่า...

"ผมไม่ได้เป็นคู่แค้นกับแบงก์ชาติ แต่ที่ผ่านมาค่าเงินประเทศคู่แข่งอ่อนแต่ของไทยไม่อ่อน ผมว่ามันไม่ถูกต้อง ผมยังงงว่าผู้ว่าแบงก์ชาติออกมาพูดในเชิงว่าประเทศไทยไม่ต้องไปมุ่งเน้นจีดีพีมาก ผมไม่รู้ท่านเรียนจบจากที่ไหนมา เพราะเป็นความคิดที่ผิด เพราะจีดีพีคือ รายได้ของประเทศ หากไม่มีรายได้จะเอาเงินที่ไหนมากระจายให้ประชาชน...

"ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติพูดเหมือนคนไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร มันเป็นวิธีคิดที่ผิดปกติ จะทำนโยบายแค่ให้คนมีความสุขมันไม่ได้ เพราะถ้าคน ไม่มีเงิน ไม่มีรายได้เพิ่มคนจะมีความสุขได้อย่างไร ยิ่งมีภาระหนี้เยอะยิ่งต้องแก้ปัญหาหนี้ ซึ่งเร็ว ๆ นี้ผมจะนัดหารือกับผู้ว่าแบงก์ชาติ เพื่อทำความเข้าใจและหารือเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าว"

‘เพจดัง’ แฉ!! ‘ขรก.หนุ่ม’ รับงานร้องเพลงกลางคืน ตื่นทำงานเช้าไม่ไหว เซ็นชื่อย้อนหลัง-รับเงินเดือน-โบนัสปกติ ‘ชาวเน็ต’ จี้ตรวจสอบโดยด่วน

(19 ก.ย. 67) เฟซบุ๊ก ‘ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน’ ได้เผยแพร่เรื่องราวของ ‘ข้าราชการหนุ่ม’ รายหนึ่งรับจ๊อบ ‘ร้องเพลงตามร้านอาหารช่วงดึก’ แต่ไม่เคยตื่นมาทำงานราชการช่วงกลางวัน แต่รับเงินเดือน โบนัสแบบฉ่ำ ๆ ทั้งนี้ ทางเพจได้ระบุข้อความว่า…

“ไม่เข้างานหลวง ติดร้องเพลงดึก ตื่นไม่ไหว…

“ข้าราชการ อบต.ศรีพราน อ่างทอง ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บรรจุทำงานที่นี่ประมาณ 10 ปี แต่ไม่เคยมาทำงาน มีอาชีพร้องเพลงร้านอาหารกลางคืน ตื่นไม่ไหว กลางวันต้องนอน ได้เงินเดือนปกติ โบนัสก็ได้ครบหมด…

“จะเข้า อบต. ก็ตอนนายกฯ สั่งให้หัวหน้าฝ่ายเรียกมาตักเตือนและเซ็นชื่อย้อนหลังเพื่อป้องกันการตรวจสอบ ขึ้นอยู่ว่าจะเรียกตอนไหน เวลาไม่แน่นอน มาบ้างไม่มาบ้าง พอเซ็นเสร็จก็หายไปเหมือนเดิม ไม่มีบทลงโทษอะไร ปล่อยเฉย…

“พ่อหนุ่มนักร้องกับวงของเขา กลางวันนอน กลางคืนร้องเพลง ไม่เข้าทำงานที่ อบต. ข้าราชการงานป้องกันฯ เงินเดือนเต็ม โบนัสได้ ครั้งหลังสุดนายกฯ เรียกให้เข้าไปเซ็นย้อนหลังเดือนสิงหา-กันยา ถึงตอนนี้ยังไม่เข้าไป อบต.ศรีพราน จ.อ่างทอง”

หลังจากนั้น ทางเพจได้อัปเดตเพิ่มว่า…

“เซ็นชื่อย้อนหลังครบแล้ว…ท่านมิกซ์ ร้องได้ กลองดี กีตาร์เป็น เล่นร้านเหล้ากลางคืน ตื่นทำราชการไม่ไหว วันนี้เข้าสำนักงานเซ็นชื่อย้อนหลังตั้งแต่เดือนสิงหาครบแล้ว ด้วยความเมตตาของนายก อบต….

“ข้าราชการ ตำแหน่งป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.ศรีพราน อ่างทอง”

ทั้งนี้ โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก พร้อมยังจี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบโดยด่วน ชี้ ถ้าผิดจริง สมควรไล่ออก

'สนามบินกระบี่' แจงสาวนอนบนสายพานลำเลียงกระเป๋าถ่ายอวดไอจี ยัน!! ยังไม่มีความผิด เพราะไม่ได้ทำทรัพย์สินทางราชการเสียหาย

(19 ก.ย. 67) จากกรณีโลกโซเชียลได้โพสต์คลิปวิดีโอ หญิงสาวรายหนึ่งนอนบนสายพานลำเลียงกระเป๋าเดินทางในสนามบิน พร้อมกับถ่ายคลิปลงไอจี และใส่เพลงประกอบ โดยระบุว่า "ขึ้นไปนอนแบบนี้ได้ด้วยเหรอคะ?? พอดีเห็นในไอจีค่ะ เป็นคนไทย" หลังมีการแชร์ต่อในสังคมโซเชียล ก็มีเสียงวิจารณ์กันอย่างกว้างขวางถึงความไม่เหมาะสม เพราะอาจเกิดอันตรายได้

ล่าสุด นายชาญยุทธ ศรีแก้ว รักษาการ ผอ.ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ เปิดเผย ว่า กรณีดังกล่าวทราบเรื่องจากโซเชียลแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหาข้อมูลว่า เหตุเกิดเมื่อไร ส่วนจะมีความผิดหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่เนื่องจากเหตุดังกล่าวไม่ได้ทำให้เกิดทรัพย์สินทางราชการเสียหาย ก็ไม่มีความผิด

แต่เป็นเรื่องของความไม่เหมาะสม และใช้งานอุปกรณ์ผิดประเภทมากกว่า ซึ่งทางสนามบินจะทำป้ายประชาสัมพันธ์ให้เด่นชัดมากขึ้น และจัดเจ้าหน้าที่ร่วมกับทางสายการบินต่าง ๆ คอยดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก

นายชาญยุทธ กล่าวอีกว่า สำหรับสายพานลำเลียงกระเป๋านั้นออกแบบมาไม่ให้มีช่องว่าง และรับน้ำหนักได้ในปริมาณมาก ซึ่งการจะเกิดอันตรายนั้นคงเป็นไปได้น้อย แต่การใช้งานสร้างขึ้นมาสำหรับสิ่งของเท่านั้น ไม่ควรที่คนจะขึ้นไปนั่งหรือนอน ซึ่งอาจจะเกิดอันตราย หากไปชนเข้ากับส่วนโค้งหรือพลัดตก จึงฝากเตือนผู้ใช้บริการทุกคนห้ามทำลักษณะนี้อีก

สมุทรปราการ-โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับจังหวัดสมุทรปราการ

เมื่อวันที่ (18 ก.ย. 67) ณ Feeling Bar & Restaurant ตำบลเทพารักษ์ อำเภอเมืองสมุทรปราการ นายสุพจน์ ภูติเกียรติขจร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานในพิธี การลงนามครั้งนี้ มุ่งเน้นการส่งเสริมมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่ที่มีการจราจรคับคั่ง

โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนและลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ นำโดย ดร.มัทนิน พฤติธนาภัทร ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร ได้มีส่วนร่วมในโครงการดังกล่าว

โดยมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนมาตรการด้านความปลอดภัยให้กับชุมชน และมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการพัฒนาและดำเนินการเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนในพื้นที่

ซึ่งการลงนามครั้งนี้ สะท้อนถึงการสร้างความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้ถนนในจังหวัดสมุทรปราการ

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

'เพจดัง' แฉตัวตน HR ที่ไม่ให้ผ่านทดลองงาน เพราะ 'ใส่เสื้อส้ม-พูดอีสาน' คาดเป็นทีมไอโอ สายปั่นตนเป็น 'รอยัลลิสต์' คอยทำให้สังคมแตกแยก

จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ว่า 'น้องชายตนเอง' ไม่ผ่านทดลองงาน เหตุเพราะใส่เสื้อสีส้มและใช้ภาษาอีสานในที่ทำงาน จากการประเมินของฝ่ายบุคคลที่ชื่อ 'พี่เลิศ' นั้น...

ล่าสุด (19 ก.ย.67) เพจ 'วันนี้พรรคส้มโกหกอะไร' ได้เปิดเผยว่า กรณีที่สื่อหลายสำนักเสนอข่าว พนักงานไม่ผ่านทดลองงาน เพราะใส่เสื้อส้มและพูดอีสาน 

จากการตรวจสอบพบตัว HR คนดังกล่าว ในวงการออนไลน์ชื่อ 'พี่เลิศ' ในชีวิตจริงชื่อ 'น็อต' สนิทกับ สส. พรรคส้ม และ ด้อมส้มหลายคน

ทั้งนี้ ทางเพจฯ ได้โพสต์อีกว่า #ทุกคนคะ มาต่อกันค่ะ ไอ้เลิศ ที่ อิพลอย บอกว่าเป็น หัวหน้า HR คนที่ไม่ให้พนักงานใส่เสื้อส้ม และ พูดอีสาน ผ่านงาน มันเป็นใคร ?

ไอ้เลิศ มันเป็นด้อมส้ม มีเพื่อนสนิทสมัครเป็น สส.พรรคส้ม ไอ้เลิศ มันชอบปั่นว่าตัวเองเป็น รอยัลลิสต์ รักสถาบัน ปั่นตรรกะโง่ ๆ ในหลายกลุ่ม

ไอ้เลิศ อิพลอย และแก๊งพวกมัน คาดว่าเป็นทีมไอโอที่คอยทำให้สังคมแตกแยก ไอ้เลิศมันล็อกโปรไฟล์ แต่มันลืมไปว่ามันเมนต์ไว้ที่เพจคนอื่นว่าอะไรบ้างค่ะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top