Sunday, 25 May 2025
NewsFeed

‘GAC AION’ เปิดตัว ‘HYPTEC HT’ เอสยูวีไฟฟ้า รุ่นเริ่มต้น 1.449 ล้านบาท รุ่นปีกนก 1.749 ล้านบาท

GAC AION เปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต HYPTEC HT เอสยูวีไฟฟ้าลักซ์ชัวรี่ระดับไฮเอนด์ เน้นความหรูหราและเทคโนโลยีขั้นสูง ที่ผสานเข้ากับการออกแบบ และการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยคุณสมบัติ 5 จุดเด่น ของตัวรถ ได้แก่ HYPTEC Design, HYPTEC Space, HYPTEC Smart, HYPTEC Energy และ HYPTEC Performance เคาะราคาขายเริ่มต้น 1.449 ล้านบาท

(20 ก.ย. 67) นายโอเชี่ยน หม่า (Ocean Ma) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด,นาย พอนตุส ฟอนเทอุส (Pontus Fontaeus) ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ GAC Advanced Design Los Angeles และผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ HYPTEC, นายสวี่เจ้าหยู่ (Xu Zhaoyu) ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ ร่วมเปิดตัว HYPTEC HT เอสยูวีไฟฟ้าลักซ์ชัวรี่ระดับ ไฮเอนด์ ณ สามย่านมิตรทาวน์ 

นายโอเชี่ยน หม่า เผยว่า หลังจากที่ GAC AION ได้มีการแนะนำแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ Hyper อย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดตัว Hyper HT รถยนต์เอสยูวีไฟฟ้าลักซ์ชัวรี่ระดับไฮเอนด์ที่หลายคนรอคอย ในงาน Motor Show 2024 ล่าสุด HYPER ได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการเปลี่ยนชื่อแบรนด์ใหม่เป็น ‘HYPTEC’ และไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนชื่อแบรนด์เท่านั้น แต่เป็นการปรับปรุงภาพลักษณ์และกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ครอบคลุมมากขึ้น สะท้อนถึงการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ที่มุ่งเน้นเทคโนโลยีล้ำสมัยและการขยายตัวในตลาดโลกอย่างมีนัยสำคัญ

การเปลี่ยนชื่อแบรนด์จาก HYPER เป็น HYPTEC เกิดจากการศึกษาวิจัยตลาดและความต้องการของลูกค้าทั่วโลกอย่างละเอียดลึกซึ้ง ซึ่งชื่อ ‘HYPTEC’ ถูกออกแบบมาเพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการในยุคดิจิทัล โดยชื่อแบรนด์ HYPTEC มาจาก ‘Hyper’ สื่อถึงความสุดยอดและความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และ ‘Technology’ สื่อถึงการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย มาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแค่หรูหรา แต่ยังล้ำหน้าด้วยคุณสมบัติทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่โดดเด่น

สำหรับการเปิดตัว HYPTEC HT เอสยูวีไฟฟ้าลักซ์ชัวรี่ระดับไฮเอนด์ มี 2 รุ่นย่อย ได้แก่ HYPTEC HT 620 Premium ราคา 1,449,000 บาท และ HYPTEC HT 620 Luxury (ประตูปีกนก: Gull wing doors) ราคา 1,749,000 บาท 

HYPTEC HT ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาวจากสถาบัน C-NCAP และได้รับคะแนนระดับ G (ระดับสูงสุด) ในด้านการปกป้องผู้โดยสาร, การปกป้องคนเดินถนน และความปลอดภัยเชิงรุก จากสถาบัน Zhongbao Research แถมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ (Double Wishbones) ด้านหลังแบบอิสระ 5-Link มาพร้อม ASTC (Eagle Claw) ระบบรักษาเสถียรภาพอัจฉริยะ ช่วยปรับสมดุลของตัวรถโดยอัตโนมัติ

นอกจากนี้ ระบบความปลอดภัย HYPTEC HT ยังมีออปชัน และระบบเด่น ๆ อีกมากมาย ดังนี้…
- ถุงลมด้านหน้า ด้านข้างตอนหน้า ม่านถุงลม
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
- ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน

- ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน
- ระบบไฟสูงอัตโนมัติ
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา
- ระบบเตือนการเปิดประตู

- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถคันหลังเข้าใกล้
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมฟังก์ชัน Stop & Go
- ระบบควบคุมความเร็ว (ICA)

- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ (TJA)
- ระบบควบคุมความเร็วในขณะเข้าโค้ง
- ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่
- ระบบเสียงเตือนคนภายนอกรถขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า

- ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (TPMS)
- ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา

ส่วนพละกำลังของ HYPTEC HT มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 250 กิโลวัตต์ แบตเตอรี่ขนาด 83.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 5.8 วินาที สามารถวิ่งได้ไกล สูงสุด 620 กม. ต่อการชาร์จ1 ครั้ง และรองรับการชาร์จเร็ว โดยสามารถชาร์จไฟจาก 10-70% ได้ภายใน 15 นาที วิ่งได้ระยะทาง 372 และการชาร์จเร็ว สามารถชาร์จไฟจาก 0-100% ภายใน 53 นาที

นอกจากนี้ HYPTEC HT ยังมีจุดเด่นที่ห้องโดยสารขนาดใหญ่ เบาะนั่งหนัง Nappa ที่พักแขนทำจากวัสดุไม้แท้ พร้อมด้วยฟีเจอร์เบาะรองน่องผู้โดยสารด้านหน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า พนักพิงเบาะหลังปรับเอนได้ 143 องศา รวมถึงเบาะรองขาทำให้ผู้โดยสารสามารถเหยียดขาได้ / โต๊ะอเนกประสงค์ด้านหลังเบาะคนขับออกแบบให้มีความโค้ง เพื่อลดอันตรายจากการกระแทกสำหรับเด็ก เบาะคู่หน้ามีระบบนวดไฟฟ้า 10 จุด และโหมดการนวด 5 รูปแบบ

มีหลังคากระจกพาโนรามาขนาด 2.6 ตารางเมตร ม่านไฟฟ้า (เฉพาะรุ่น 620 Premium) กระจกลามิเนตสองชั้นรอบคัน ป้องกันเสียงจากภายนอก พื้นที่เก็บสัมภาระ 670 ลิตร และพื้นที่จัดเก็บสัมภาระแบบสองชั้นขนาด 80 ลิตร และยังมีพื้นที่จัดเก็บด้านหน้ารถใต้ฝากระโปรงหน้าขนาด 55 ลิตร

มีระบบเสียง Dolby Atmos 7.1.2 พร้อมลำโพง 22 ตำแหน่ง ทำงานร่วมกับซับวูฟเฟอร์ และยังมีลำโพงอิสระที่ตำแหน่งไหล่ของผู้ขับขี่ สำหรับพูดคุยโทรศัพท์หรือฟังระบบนำทางโดยไม่รบกวนการฟังเพลงหรือภาพยนตร์ของผู้โดยสาร

มีจอความละเอียดสูง 2.5K ขนาด 14.6 นิ้ว ประมวลผลด้วยชิป Qualcomm 8155 รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และแอปพลิเคชันอื่น ๆ

สามารถเพิ่มบรรยากาศด้วยระบบน้ำหอมปรับอากาศ ซึ่งสามารถสั่งการผ่านหน้าจอกลาง เลือกกลิ่นได้ 3 รูปแบบ

มีระบบสั่งงานด้วยเสียงแบบ 4 ตำแหน่ง รองรับทุกตำแหน่งในรถ

มีระบบเตือนเมื่อเหนื่อยล้าหรือเสียสมาธิขณะขับขี่

นายโอเชี่ยน หม่า ยังได้กล่าวอีกว่า GAC AION ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบพลังงานควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานใหม่ โดยทำงานร่วมกับ GAC Energy โดยตั้งเป้าสร้างสถานีชาร์จ 25 แห่งในปีนี้ และสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จภายในรัศมี 15 กิโลเมตรทั่วกรุงเทพฯ

“ภายในปี 2570 เราวางแผนจะสร้างสถานีชาร์จให้ครอบคลุม 100 เมืองทั่วประเทศ เป็นจำนวน 200 แห่ง เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า AION และ HYPTEC จะได้รับความสะดวกสบายในการชาร์จไฟฟ้า ขณะเดียวกันในด้านการพัฒนาบุคลากร เราได้เพิ่มจำนวนพนักงานในประเทศไทยถึง 12.6 เท่า จากช่วงเริ่มต้น และได้สนับสนุนการสร้างงานในท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง”

ในส่วนของสิทธิประโยชน์ HYPTEC Exclusive Privilege ประกอบไปด้วย…

1. Financial Benefit ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% (เมื่อดาวน์ 30% ผ่อน 48 งวด)
*เมื่อรับรถและจดทะเบียนรถ ระหว่างวันที่ 19 กันยายน 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2567

2. Exclusive Warranty Package
- รับประกันแบตเตอรี่ และชุดขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบรวม ตลอดอายุการใช้งาน (เฉพาะเจ้าของรถส่วนบุคคล ผู้ครอบครองรถลำดับที่ 1, และไม่ใช้งานรถในลักษณะเชิงพาณิชย์) *กรณีไม่เข้าตามเงื่อนไขด้านบน ระยะการรับประกันสำหรับชิ้นส่วนแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบรวม จะถูกปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการรับประกันเป็น 8 ปี หรือ 240,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) โดยนับจากวันที่ออกรถ

- รับประกันคุณภาพรถยนต์ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
- รับประกันชิ้นส่วนประตูปีกนก 8 ปี หรือ 240,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

3.Insurance Gift ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี

4. Exquisite Gifts ฟรี ฟิล์มกระจก แผ่นรองเท้า ค่าจดทะเบียน

5. Exclusive Deal for Home Charger ฟรี Home Chager พร้อมบริการติดตั้ง (ฟรีสายไฟความยาวไม่เกิน 20 เมตร / รับประกันเครื่องชาร์จ 1 ปี)

6. In-car Internet Service แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตในรถยนต์ฟรี นาน 2 ปี ไม่จำกัดปริมาณการใช้งาน

7. Lifetime OTA Firmware Update ล้ำสมัยตลอดการขับขี่ บริการอัปเกรดซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องในระบบรถยนต์ฟรีตลอดชีพ

8. 24 Hours Roadside Service บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง นาน 8 ปี

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

'สายสีเหลือง-สายสีชมพู' ขานรับ 'Car Free Day' นำจักรยาน-สกูตเตอร์พับได้ ขึ้นฟรี 22 ก.ย.นี้

(20 ก.ย. 67) บริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล (EBM) ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้ามหานคร สายนัคราพิพัฒน์ (สายสีเหลือง) และ บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู เปิดเผยว่า...

เนื่องในวันคาร์ฟรีเดย์ (Car Free Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 22 กันยายน ของทุกปี เป็นวันที่ทั่วโลกจัดกิจกรรมรณรงค์ ให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล หันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ และรถจักรยานให้มากขึ้น เพื่อลดปริมาณรถยนต์ในท้องถนน ลดปัญหามลพิษทางอากาศ และทางเสียง รวมทั้งลดปัญหาการจราจรติดขัด และอุบัติเหตุบนท้องถนน

เพื่อสอดรับกับกิจกรรม Car Free Day ในวันที่ 22 กันยายน 2567 นี้ ทางบริษัทฯ จะยกเว้นค่าโดยสารให้แก่ผู้ที่เดินทางด้วยจักรยานชนิดพับได้ และสกูตเตอร์ชนิดพับได้ ฟรี! ตลอดเวลาการให้บริการทุกสถานี 

ทั้งนี้ แค่เพียงนำจักรยานชนิดพับได้ และสกูตเตอร์ชนิดพับได้ มาแสดงตนเพื่อรับบัตรโดยสารฟรี 1 ใบ ที่ห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร สำหรับ เข้า-ออก ในระบบรถไฟฟ้า ผ่านทางประตูพิเศษ (Swing Gate) 

อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยขณะอยู่ในระบบรถไฟฟ้า ขอความร่วมมือห้ามปั่นจักรยาน หรือสกูตเตอร์, ระมัดระวังจักรยาน หรือสกูตเตอร์ เกี่ยว/เฉี่ยว ชนกระแทกผู้อื่น หรือขบวนรถ, ไม่วางจักรยาน หรือสกูตเตอร์ กีดขวางผู้อื่น และไม่ถอด หรือพับ จักรยาน หรือสกูตเตอร์ ขณะอยู่ในขบวนรถ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์รถไฟฟ้ามหานคร สายนัคราพิพัฒน์ (สายสีเหลือง) และรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู MRT Yellow Line - MRT Pink Line Call Center โทรศัพท์ 02 - 617 - 6111, Line Official : @pinkyellowline เว็บไซต์ www.ebm.co.th, www.nbm.co.th หรือ Facebook Page : MRTYellowLine, MRTPinkLine หรือเช็กสถานะการเดินรถได้ที่ Application ‘The SKYTRAINs’

'รถไฟฟ้าบีทีเอส-สายสีทอง' หนุนกิจกรรมวัน Car Free Day ชวน!! 22 ก.ย.นี้ จูงจักรยานขึ้นรถไฟฟ้าฟรีทุกสถานี

(20 ก.ย. 67) บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดเผยว่า เนื่องด้วยบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับวัน วันคาร์ฟรีเดย์ (Car Free Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 22 กันยายน ของทุกปี ที่ทุกประเทศทั่วโลกจะร่วมกันรณรงค์หยุดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล พร้อมหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ หรือปั่นจักรยาน เพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศจากยานพาหนะ อาทิ คาร์บอนไดออกไซด์, คาร์บอนมอนอกไซด์, ควัน และฝุ่นละออง PM 2.5 ทำให้คุณภาพอากาศดีขึ้น และยังช่วยลดปัญหาการจราจร รวมถึงลดมลพิษทางเสียง

ดังนั้นในวันที่ 22 กันยายน 2567 บริษัทฯ จะยกเว้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส ให้แก่ ผู้ที่เดินทางด้วยจักรยานฟรีทุกสถานี รวมทั้งส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท และส่วนต่อขยายสายสีลม โดยจักรยานพับได้สามารถเข้าระบบฟรี ตลอดเวลาการให้บริการ ส่วนจักรยานพับไม่ได้จะแบ่งระยะเวลาการเข้าระบบฟรีเป็น 2 ช่วงคือ ตั้งแต่เวลา 06.00 - 09.00 น. และตั้งแต่เวลา 22.00 น. จนถึงปิดให้บริการ 

ส่วนรถไฟฟ้าสายสีทอง สามารถนำจักรยานเฉพาะพับได้ เข้าระบบฟรี ตลอดเวลาการให้บริการ ผู้โดยสารสามารถติดต่อขอรับคูปองเดินทางฟรี ได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารทุกสถานี

รถไฟฟ้าบีทีเอส ก้าวเข้าสู่ปีที่ 25 ของการให้บริการ เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาระบบการให้บริการ ด้วยความรวดเร็ว ปลอดภัย และมีคุณภาพต่อผู้โดยสาร ควบคู่ไปกับการดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทฯ ที่มีเป้าหมายในการเป็นองค์กร ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero และกิจกรรมวัน Car Free Day ของบริษัทฯ เป็นส่วนหนึ่งที่จะนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายดังกล่าวได้ เพราะเราเชื่อว่าการดำเนินธุรกิจอย่างมีจิตสำนึกต่อชุมชน และสังคม จะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญสู่การพัฒนา และเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน

ติดตามข้อมูลข่าวสาร หรือสอบถามข้อมูลการให้บริการได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บีทีเอส โทรศัพท์ 02 - 617 - 6000 Line official : @btsskytrain และ Facebook Page : รถไฟฟ้าบีทีเอส หรือเช็กสถานะการเดินรถได้ที่ Application ‘The SKYTRAINs’

'กทม.' ชิมลาง!! เนรมิตถนนบรรทัดทองเป็นถนนคนเดิน ชูหลากกิจกรรม ขานรับ 'Car Free Day' 21-22 ก.ย.นี้

(20 ก.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้โพสต์บนเฟซบุ๊ก ว่า...

บันทึกก่อน Car Free Day 2024 ปีนี้ 
21-22 กันยายน น่าตื่นเต้นมาก
ให้เมืองคือห้องทดลองห้องใหญ่ 
เริ่มต้นที่ถนนบรรทัดทองครับ

>> สองเดือนก่อน
สรุปงานย่านสร้างสรรค์ ปี 67 นี้มี 30 ย่านที่เขตร่วมมือกับคนในชุมชนคนในย่าน เรามาสรุปกันว่ามีหลายย่านที่ควรต่อยอดจากการส่งเสริม Peopleware, Software เป็นการไปส่งเสริม Hardware ปรับปรุงกายภาพให้ดีขึ้นเพื่อรองรับความต้องการใหม่ ๆ ที่กำลังมา เช่น เยาวราชที่แปลงนาม ทรงวาด ตลาดพลู บรรทัดทอง ฯลฯ 

>> เดือนก่อน
คุยกับจุฬาฯ และเขตปทุมวันเรื่องการยกระดับย่านบรรทัดทอง ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "คนเยอะและเดินยาก(มาก)" ปัญหาคลาสสิกคือการขายของบนทางเท้า ทางจุฬาฯร่วมกับเขตปทุมวันเลยดีเดย์กันจัดระเบียบทางเท้า แต่ในหลายจังหวะ เราก็มองกันว่าจากจำนวนคนขนาดนี้ เราน่าจะต้องทำ Street Diet (ลดเลนรถยนต์เพิ่มทางเท้า) เลยไหม คนจะได้เดินง่ายขึ้น และฝันกันมากที่สุดก็คือฝันถึงเรื่องการทำ 'Pedestrianise' (หรือการทำให้เป็นถนนคนเดิน) คือการปิดถนนเป็น Walking Street บางเวลาแบบสยามสแควร์ไปเลย

>> สุดสัปดาห์นี้ (เสาร์-อาทิตย์) 
เราจะทดลองปิดถนนบรรทัดทองกันครับ ปิดเป็นถนนคนเดิน กทม. จุฬาฯ และภาคีมากมายเราจะปิดถนน ทำถนนคนเดิน (Pedestrianise) ตั้งแต่ซอยจุฬาฯ 12 ถึงจุฬาฯ 20 เวลา 16.00-24.00 น. ไม่ได้มีร้านค้าเพิ่มเติมครับ สองฝั่งมีร้านค้าดี ๆ อยู่แล้ว เราปิดแค่ให้คนมาเดิน มาเล่นดนตรีเปิดหมวก มีที่นั่งนิดหน่อย มีสีให้มาระบายถนน เราอาจจะเตรียมเสื่อ เตรียมเก้าอี้ มาเดินกันสบาย ๆ เตรียมร่มมาด้วยเผื่อฝนตก แล้วเตรียมท้องมากินข้าวย่านบรรทัดทองกันครับ ในงานจะมีการให้ทำแบบสอบถาม หากได้ฟีดแบ็กที่ดีก็จะเสนอทำต่อเนื่องระยะยาวไปเลย

รายละเอียดแบบสมบูรณ์รอทางเพจกรุงเทพมหานคร

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าถนนบรรทัดทองจะมีการจัดระเบียบการจราจรระหว่างวันที่ 21-22 กันยายน 2567 ในช่วงเวลา 16.00-24.00 น. โดยมีการเปิดถนนบรรทัดทองยังเปิดให้รถยนต์เข้าได้ 1 เลนเป็น one way จากถนนพระราม 4 มาพระราม 1 แต่ขอความกรุณาหลีกเลี่ยงเส้นทางและงดการใช้รถยนต์ส่วนตัว

'พิชัย' เปิดเวทีชวนนักธุรกิจ นักลงทุนสหราชอาณาจักร ดึงเข้าอีอีซี แลนด์บริดจ์ พร้อมเจรจาปักหมุดให้ไทยอยู่ในโฟกัสชาวโลก 

เมื่อวานนี้ (19 ก.ย.67) เวลา 15:00 น ตามเวลาท้องถิ่น นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวปาฐกถาเปิดงานสัมมนา 'ยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-สหราชอาณาจักรสู่ระดับใหม่' ซึ่งจัดโดยสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน โดยได้กล่าวยินดีที่จะได้สานต่อความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งระหว่างไทยและสหราชอาณาจักร ซึ่งในปีหน้าจะครบรอบ 170 ปีแห่งความร่วมมือระหว่างสองประเทศในทุกมิติโดยเฉพาะการค้าการลงทุน

สหราชอาณาจักรเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทยมาโดยตลอด ในปี 2566 การค้าทวิภาคีไทย-สหราชอาณาจักร มีมูลค่าถึง 6.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา การเติบโตนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่สะท้อนถึงความร่วมมืออย่างลึกซึ้งระหว่างกัน 

นายพิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า “รัฐบาลไทยมุ่งส่งเสริมความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจและการค้า (JETCO) ซึ่งจัดตั้งขึ้นหลัง Brexit ถือเป็นเวทีอย่างเป็นทางการสำหรับการเจรจาทางเศรษฐกิจระดับสูงระหว่างสองประเทศ โดยผ่านทาง JETCO ไทยประสบความสำเร็จในการพัฒนาโรดแมพหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทย-สหราชอาณาจักร ซึ่งให้กรอบการทำงานที่ชัดเจนสำหรับการขยายความร่วมมือในหลากหลายภาคส่วน และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการกระชับความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์และเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน”

หลังจากที่ไทย-สหราชอาณาจักร ได้บรรลุอีกหนึ่งก้าวสำคัญด้วยการลงนามในความเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่เพิ่มพูน (Enhanced Trade Partnership - ETP) ETP จะช่วยปลดล็อกศักยภาพของความสัมพันธ์ทางการค้าทวิภาคีระหว่างสองประเทศ ครอบคลุมกว่า 20 ภาคส่วนสำคัญ รวมถึงการค้าดิจิทัล การเกษตร ความยั่งยืน และเทคโนโลยี แผนงานที่แนบมากับ ETP ระบุถึงกิจกรรมร่วมที่ทั้งสองฝ่ายจะดำเนินการในภาคส่วนเหล่านี้ตลอดสองปีข้างหน้า ซึ่งจะยิ่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับความร่วมมือของเรา

รัฐบาลไทยยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการค้า การลงทุน และการทูตเชิงรุกอย่างเต็มที่ เป้าหมายเพื่อสร้างโอกาสให้ธุรกิจและให้ไทยเป็นที่ประจักษ์ในระดับโลก และศักยภาพของ FTA ไทย-สหราชอาณาจักรจะไม่เพียงแต่เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจแต่ยังจะเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจในทั้งสองประเทศ ขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรืองในระยะยาวสำหรับทั้งสองเศรษฐกิจ ปัจจุบันไทยได้ลงนามใน FTA แล้ว 15 ฉบับกับ 19 ประเทศ รวมถึงสมาชิกอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย และกำลังเจรจาข้อตกลงกับพันธมิตรอย่างสหภาพยุโรป EFTA และเกาหลีใต้ 

นอกเหนือจากความพยายามของรัฐบาล ภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในความเป็นหุ้นส่วนไทย-สหราชอาณาจักร สภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร (TUBLC) สภาธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร (TUBC) หอการค้าไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างธุรกิจกับธุรกิจที่แข็งแกร่ง องค์กรเหล่านี้เป็นเวทีให้ธุรกิจได้มีส่วนร่วม ร่วมมือ และสร้างนวัตกรรม ทำให้มั่นใจได้ว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจยังคงมีพลวัตและมองไปข้างหน้า บทบาทของภาคธุรกิจทั้งในไทยและสหราชอาณาจักรจะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิม

นอกจากนี้ วิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย มุ่งที่จะให้ไทยเป็นศูนย์กลางระดับโลกด้านการท่องเที่ยว บริการทางการแพทย์ การเกษตร และนวัตกรรม และด้วยสหราชอาณาจักรเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และการเติบโตอย่างยั่งยืน จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น ปลดล็อกช่องทางใหม่ๆ ผ่านการเจรจาและความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง เพื่อผลประโยชน์ที่จับต้องได้สู่ภาคธุรกิจและประชาชนของสองประเทศ

ถอดบทเรียน 'แม่สายโมเดล' พายุยางิถล่ม-น้ำท่วมเชียงราย หนึ่งในผลลัพธ์จากภาวะโลกร้อน ที่ 100 ปีก่อนยังไม่เคยมี

รายการ THE TOMORROW มหาชนต้องรู้ ออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES เมื่อวันที่ 21 ก.ย.67 ได้พูดคุยกับ ดร.ก้องเกียรติ สุริเย ผู้เชี่ยวชาญด้านคาร์บอนเครดิต ในประเด็นถอดบทเรียนจากเหตุน้ำท่วมใหญ่ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย 

ดร.ก้องเกียรติ กล่าวว่า อุทกภัยที่แม่สาย จังหวัดเชียงราย เกิดจากปัญหาหลายมิติที่มีความซับซ้อนสูง ซึ่งอำเภอแม่สายเป็นพื้นที่พรมแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน มีมิติทางด้านความมั่นคงอยู่ด้วย 

"ขอยกเป็นกรณีตัวอย่าง 'แม่สายโมเดล' โดยการเกิดอุทกภัยครั้งนี้ คาดว่ามีสาเหตุเกิดจากภาวะโลกร้อนอย่างแน่นอน เพราะเมื่อ 80 ถึง 100 ปีก่อน ไม่เคยเกิดภัยพิบัตินี้ พายุที่พัดมารุนแรง เช่น พายุยางิ ก็ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่ถ้าวิเคราะห์จริง ๆ มันเกิดจาก โลกร้อนมากขึ้น กลายเป็นโลกเดือด เวลาโลกเดือดมันเดือดทั้งบนพื้นดินและบนพื้นน้ำ เวลาโลกเดือดเหนือมหาสมุทร ก็เหมือนเรากำลังต้มน้ำในหม้อ น้ำก็จะเดือดปุด ๆ กลายเป็นไอขึ้นมา โลกเดือดก็เหมือนกับการต้มน้ำกลายเป็นไอขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศ"

ดร.ก้องเกียรติ เผยอีกว่า "ถ้าสังเกตดี ๆ วันนี้เรามองไม่เห็นยอดตึกแล้ว ส่วนใหญ่มองเห็นเป็นละอองฝอยปกคลุม คล้ายฝุ่น PM 2.5 แต่ไม่ใช่ เพราะเป็นไอน้ำที่ลอยขึ้นไปรอการควบแน่นและกลายเป็นฝนตกลงมา โดยเฉพาะบริเวณที่มีอากาศเย็น เช่น ยอดเขา ยอดภู ซึ่งทำให้บริเวณนั้นมีฝนตกหนักมากขึ้น แบบเทราด เรียกว่า Rain Bomb หรือ ระเบิดฝน ซึ่งสถานการณ์น้ำท่วมที่เชียงรายมีลักษณะนั้น"

ทั้งนี้ ดร.ก้องเกียรติ ได้กล่าวถึงสาเหตุน้ำท่วมใหญ่ที่เชียงราย โดยสรุปได้ 4 ประการ ดังนี้...

1.น้ำบนฟ้ามีมากขึ้น ทำให้เกิด Rain Bomb หรือ ระเบิดฝน 

2.ดินซับน้ำน้อยลง หมายถึง พื้นดินขาดสมดุลในการดูดซับน้ำ เนื่องจากป่าไม้ลดลง โดยเฉพาะป่าไม้ซึ่งเป็นต้นแม่น้ำสายซึ่งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน จากการวิเคราะห์ขี้เลนที่พัดมาที่แม่สายเป็นเลนนุ่ม ๆ เลนละเอียด แสดงว่าผ่านการกรองเศษดิน เศษไม้มาพอสมควรน่าจะถูกพัดมาเป็นระยะทางไกล 

3.ทางระบายน้ำตีบตัน ตื้นเขินเวลาน้ำไหลผ่านแม่น้ำ ปกติต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งถึงลงแม่น้ำโขงได้ เมื่อทางระบายน้ำตีบตัน ตื้นเขิน น้ำจึงเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ซึ่งในอดีตแม่น้ำสายมีความกว้าง 130-150 เมตร  แต่ปัจจุบันกว้างเพียง 20-50 เมตร เท่านั้น 

4.พื้นที่รับน้ำกลายเป็นเมืองมากขึ้น แก้มลิงหายไป ทำให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก

ส่วนการรับมืออุทกภัยในอนาคต ดร.ก้องเกียรติ กล่าวว่า "เราควรเตรียมพร้อมและอยู่กับธรรมชาติให้ได้ โดยแบ่งเป็นส่วนของภาคประชาชน และภาครัฐ โดยส่วนของประชาชน 1.ควรพิจารณาการย้ายที่อยู่อาศัยเพื่อหลีกเลี่ยงทางน้ำ 2.ปรับเปลี่ยนรูปแบบบ้านให้กลับไปเป็นแบบดั้งเดิม สร้างบ้านใต้ถุนสูงขึ้น 3.เตรียมเรือไว้ให้พร้อม เตรียมข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อดำรงชีวิตเวลาน้ำท่วม และในชุมชนร่วมกันสร้างเขื่อนกั้นน้ำให้สูงขึ้น ที่แม่สายตอนนี้สูง 1-2 เมตร อาจต้องปรับเพิ่มเป็น 3-5 เมตร 

"ในส่วนของภาครัฐ (1) ควรมุ่งเน้นนโยบายการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจังและรวดเร็ว (2) เพิ่มเติมการซับน้ำโดยการอนุรักษ์ป่าไม้ เคร่งครัดข้อกฎหมายทำลายป่า และรีบดำเนินการเรื่องภาษีคาร์บอน คาร์บอนเครดิต (3) นโยบายด้านต่างประเทศ เร่งหารือระหว่างไทย-พม่า เพื่อเพิ่มความกว้างของทางน้ำมากขึ้น หรือสร้างทางด่วนน้ำให้เหมาะสม รวมถึงการติดตั้งระบบเตือนภัยภาวะน้ำท่วมฉับพลัน ให้อยู่บริเวณต้นน้ำเพื่อแจ้งเตือนประชาชนได้ล่วงหน้ามากขึ้น"

เชียงใหม่- ผบช.ภ.5แถลงข่าวการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ

ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงข่าวการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ ของ สภ.แม่พริก จว.ลำปาง จำนวน 2 คดี รวมของกลางยาบ้ากว่า 3,280,000 เม็ด ผู้ต้องหารวม 5 คน รถยนต์ของกลางรวม 4 คัน

เมื่อวานนี้ (20 ก.ย.67) เวลา 11.00 น. พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร  ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ประจำฯ ช่วยราชการ ภ.5, พล.ต.ต.ภูมิปัญญ์ญา นวตระกูลพิสุทธิ์ ผบก.ภ.จว.ลำปาง, ผชช.ปปส.ภาค 5, รอง ผบ.กกล.ผาเมือง, เสธ.นบ.ยส.35 และนายอำเภอแม่พริก
ร่วมแถลงผลการจับกมุยาเสพติดรายสำคัญ ของ สภ.แม่พริก จว.ลำปาง จำนวน 2 คดีดังนี้

คดีที่ 1 จับกุมผู้ต้องหา 1 คน พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 2,006,000 เม็ด และรถยนต์ 2 คัน ของ สภ.แม่พริก จ.ลำปาง 
คดีที่ 2 จับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 1,274,000 เม็ด และรถยนต์ 2 คัน ของ สภ.แม่พริก จ.ลำปาง

สรุปผลการจับกุมยาเสพติด ของ ตำรวจภูธรภาค 5 ห้วงตั้งแต่ 1 ต.ค.66 – 20 ก.ย.67

จับกุมคดียาเสพติด    
- จำนวน 24,985 คดี       
- เป็นคดีรายสำคัญ 197 คดี

ตรวจยึดของกลางยาเสพติด    
- ยาบ้า 226 ล้านเม็ด      
- ไอซ์ 1,910 กิโลกรัม
- เฮโรอีน 305 กิโลกรัม      
- เคตามีน 52 กิโลกรัม
- ฝิ่น 270 กิโลกรัม

ตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับยาเสพติด มูลค่าทรัพย์สินประมาณ 2,088 ล้านบาท

เกม ‘Black Myth: Wukong’ ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว ‘มณฑลซานซี’ ปลุกกระแส!! ให้คนอยากสัมผัส สถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมในจีน

(21 ก.ย.67) ‘เซียวซีเทียน’ หรือ ‘อุทยานสวรรค์ตะวันตกน้อย’ สถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปอันวิจิตรงดงามในมณฑลซานซี ทางตอนเหนือของจีน เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ปรากฏอยู่ในวิดีโอเกม ‘แบล็กมิธ: อู้คง’ (Black Myth: Wukong) วิดีโอเกมยอดนิยมของจีน ที่นำเรื่องราวของ ‘เห้งเจีย’ หรือ ‘ซุนหงอคง’ หนึ่งในตัวละครยอดนิยมจากวรรณกรรมสุดคลาสสิกอย่าง ‘ตำนานไซอิ๋ว’ มาตีความใหม่

สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้คลาคล่ำไปด้วยประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่ต้องการมาสัมผัสกับสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมในเกมอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้จำนวนผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นถึง 326% ในวันแรกของวันหยุดเทศกาลไหว้พระจันทร์เมื่อวันที่ 15 ก.ย.

สถานที่ท่องเที่ยวในพื้นที่ต่างใช้ประโยชน์จากความนิยมของวิดีโอเกม ด้วยการติดตั้งป้ายแนะนำข้อมูล จุดเช็กอินตามธีมต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ของผู้เยี่ยมชม รวมถึง ที่วัดฉงฝู (Chongfu Temple) ซึ่งบรรดานักท่องเที่ยวต้องเริ่มเข้าแถวตั้งแต่เวลา 05.00 นาฬิกา เพื่อรับบัตรผ่านรุ่นลิมิเต็ด

ทั้งนี้ วิดีโอเกม แบล็กมิธ อู้คง เป็นผลงานของผู้ผลิต เกม ไซแอนซ์ (Game Science) สตูดิโอของจีนที่ใช้เวลาหลายปีในการบันทึกภาพแหล่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมทั่วประเทศ เพื่อผลิตวิดีโอเกมที่มีความสมจริงระดับโลก ผ่านเทคโนโลยีมากมาย เช่น การสแกนสถานที่จริง ก่อนอัปโหลดโมเดลสิ่งปลูกสร้าง รูปปั้นและประติมากรรมโบราณ เข้าสู่เครื่องมือสร้างภาพสามมิติ

สมาคมแม่บ้านตำรวจเปิดร้านปันรักษ์ แฟลกชิป สโตร์ และร้านอาซ้อ คาเฟ่ สาขาใหม่ใจกลางกรุง ร้านสินค้าผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นไทยสุดพรีเมียม ฝีมือแม่บ้านตำรวจ และร้านกาแฟจากโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน สานสายใยครอบครัวตำรวจทั่วประเทศ

เมื่อวานนี้ (20 ก.ย.67) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย คุณนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ และ ท่านผู้หญิงภรณี มหานนท์ อดีตนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมเป็นประธานเปิดร้านปันรักษ์ และร้านอาซ้อ คาเฟ่ สาขาสี่แยกราชประสงค์ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ร. 9 โรงพยาบาลตำรวจ 

นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ กล่าวว่า การเปิดร้านปันรักษ์ และร้านอาซ้อ คาเฟ่ แห่งใหม่ ณ โรงพยาบาลตำรวจ เกิดจากความตั้งใจของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ที่มุ่งมั่นจะส่งเสริมผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่นทั่วประเทศของครอบครัวข้าราชการตำรวจ และเมล็ดกาแฟของนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อสนับสนุนส่งเสริมท้องถิ่น สร้างรายได้สู่ชุมชน และสนับสนุนครอบครัวตำรวจให้มีอาชีพเสริม ให้มีช่องทางในการจำหน่าย รวมถึงการคัดสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพเพิ่มรายได้แบบยั่งยืน โดยร้าน “ปันรักษ์” แฟลกชิป เป็นร้านสาขาที่ 7 และร้าน “อาซ้อ คาเฟ่” ในรูปแบบพรีเมี่ยมเป็นร้านแรก มีทำเลที่ตั้งอยู่ในใจกลางการท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานคร คือบริเวณแยกราชประสงค์ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ร.9 โรงพยาบาลตำรวจ เดินทางสะดวกสบาย สามารถเป็นที่นัดพบปะสังสรรค์ เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 08.00 - 20.00 น.

ผลิตภัณฑ์ที่นำมาจำหน่ายในร้านแห่งนี้จะเป็นสินค้าและผลิตภัณฑ์พรีเมียม คัดสรรมาเป็นอย่างดีจากทั่วประเทศ เช่น ผลิตภัณฑ์ขวัญดาว แบรนด์ของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ผลิตภัณฑ์ผ้าทองานฝีมือจากทุกภาคของประเทศไทย กระเป๋าผ้าและกระเป๋าสานจากวัสดุธรรมชาติ เครื่องประดับ อาหารอร่อยต่างๆ และของที่ระลึกจากสมาคมแม่บ้านตำรวจ

ร้านอาซ้อ คาเฟ่ เป็นการสร้างอาชีพยั่งยืนให้ครอบครัวตำรวจ โดยจำหน่ายกาแฟสดและเครื่องดื่มชงประเภทต่างๆ ในราคาย่อมเยา แต่ยังคงคุณภาพและมาตรฐาน อีกทั้งยังสนับสนุนเมล็ดกาแฟพันธุ์ดีจากโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และชุมชนในพื้นที่ดอยสามหมื่น ตชด.ที่ 33 อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ที่ทางสมาคมแม่บ้านตำรวจได้มีโครงการสนับสนุนและพัฒนาเมล็ดกาแฟ เพื่อสร้างรายได้อีกทางให้แก่พื้นที่นั้นๆ สำหรับสาขาแห่งนี้จะเป็นการนำกาแฟที่มีความพรีเมียมมาเป็นเมนู Signature ของทางร้านอีกด้วย

ฮิปโปแคระ จากไทย ‘น้องหมูเด้ง’ มาแรง!! สร้างกระแสไวรัล โด่งดังไปทั่วโลก ‘Sephora – บาเยิร์นมิวนิก’ ให้ความสนใจ ดีเจในอังกฤษ ทักทาย!! กลางรายการ

(21 ก.ย.67) ฮิปโปแคระ หมูเด้ง ของสวนสัตว์เปิดเขาเขียวกลายเป็นขวัญใจไปทั่วโลก มีการสร้างมีม (meme) แสดงอารมณ์ทางใบหน้าหลากหลายนับพันเกิดขึ้นในชั่วพริบตาแค่ 1 เดือนนับตั้งแต่สวนสัตว์เขาเขียวเปิดตัวทางเฟซบุ๊ก

เดอะการ์เดียนของอังกฤษเคยรายงานเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ก่อนหน้าว่า ‘อรรถพล หนุนดี’ เจ้าหน้าที่ดูแลในสัตว์แห่งสวนสัตว์เปิดเขาเขียวตั้งเป้าให้ ‘หมูเด้ง’ ต้องโด่งดังมีชื่อเสียงนับตั้งแต่วินาทีที่ได้เห็นตั้งแต่ฮิปโปแคระตัวนี้ถือกำเนิด

และเจ้าหน้าที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียววัย 31 ปีเปิดใจว่า ระหว่างช่วงวิกฤตโควิด-19 ระบาดเขาเริ่มต้นโพสต์คลิปอิริยาบถของสัตว์ป่าต่างๆ ภายในสวนสัตว์เปิดโชว์ต่อสาธารณะทางออนไลน์เมื่อเขามีเวลา และเช่นกันคุณอรรถพลซึ่งเป็นคนตั้งชื่อซุปตาร์ฮิปโปแคระว่า ‘หมูเด้ง’ ได้โพสต์เรื่องราวของฮิปโปแคระบนเฟซบุ๊กจนกลายเป็นไวรัลไปทั่ว

“ในช่วงเวลาที่ผมเห็นหมูเด้งเกิดมา ผมตั้งเป้าจะทำให้หมูเด้งโด่งดัง แต่ผมไม่เคยคาดว่ามันจะกระจายออกไปต่างประเทศ ผมคิดว่าหมูเด้งคงจะดังในประเทศไทยแต่ไม่ถึงกับทั่วโลก” เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลฮิปโปกล่าว

ความน่ารักของหมูเด้งที่มีชื่อเสียงไปทั่วสร้างปรากฏการณ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว และทำให้เกิดความวิตกต่อสวัสดิภาพของฮิปโปแคระไปในทันที ทั้งนี้ พบว่ามีนักท่องเที่ยวบางส่วนต้องการปลุกหมูเด้งให้ตื่นเพื่อถ่ายภาพด้วยการฉีดน้ำและโยนเปลือกหอยใส่ฮิปโปแคระ

เดอะการ์เดียนรายงานว่า อ้างอิงจากเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญสวนสัตว์ที่ดูแล หมูเด้งส่วนใหญ่จะหลับตลอดเวลา และฮิปโปแคระนั้นมีพฤติกรรมเหมือนเด็กเล็กๆ ที่ขี้เล่นและนอนหลับตลอดเวลา ปัจจุบันหมูเด้งจะกินแต่นมจากแม่เท่านั้น ซึ่งถึงแม้ฮิปโปแคระจะมีแค่อายุ 2 เดือน แต่มีน้ำหนักร่วม 20 กก. คุณอรรถพลชี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่หมูเด้งจะเริ่มต้นกินหญ้าได้ตั้งแต่เดือนหน้า

PBS News รายงานว่า สภาพการจราจรติดขัดรถเริ่มต่อแถวทอดยาวด้านนอกสวนสัตว์เปิดเขาเขียวตั้งแต่ก่อนเปิดในวันพฤหัสบดี (19) นักท่องเที่ยวทั้งใกล้และไกลต่างต้องการเดินทางมาเพื่อสัมผัสความน่ารักของฮิปโปแคะ หมูเด้ง อายุ 2 เดือนด้วยตัวเอง ซึ่งสวนสัตว์แห่งนี้ตั้งห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 100 กม.

ความน่ารักของฮิปโปแคระจากไทยกลายเป็นไวรัลเป็นที่รู้จักในต่างแดน พบว่าทีมสโมสรฟุตบอลเยอรมนีชื่อดัง ทีม FC บาเยิร์น (FC Bayern) ทีมบาสเกตบอล NBA ของสหรัฐฯ ฟีนิกซ์ ซันส์ (Phoenix Suns) และทีมอเมริกันฟุตบอล วอชิงตัน คอมแมนเดอร์ส (Washington Commanders) รวมไปถึงทีมเบสบอล นิวยอร์ก เมตส์ ( New York Mets) ต่างสร้างมีมภาพอิริยาบถต่าง ๆ ของหมูเด้งอย่างครึกครื้น

นอกจากนี้ ความเป็นซุปตาร์ระดับ A-List ยังทำให้ธุรกิจต่างๆ เข้ามาร่วมวง เป็นต้นว่า บริษัทร้านเครื่องสำอางชื่อดังอเมริกัน Sephora ประจำประเทศไทยได้แนะนำเคล็ดลับการแต่งหน้าการทาบลัชออนให้เด้งเหมือน “หมูเด้ง” ได้ง่ายจากการที่ฮิปโปแคระชื่อดังมีแก้มสีชมพู

และเป็นที่ฮือฮาเมื่อฮิปโปแคระกลายเป็นข่าวดังในนิตยสาร VOGUE ชื่อดัง โดยมีบทความถึงหมูเด้งบนเว็บไซต์นิตยสารแฟชั่น Vogue รายงานวานนี้ (19) ว่า หมูเด้งโมเมนต์กำลังจะกลายเป็นกูรูเมกอัพอาร์ติสท์การแต่งหน้าไปแล้ว พร้อมกับประวัติที่มาและถิ่นที่อยู่ปัจจุบันของหมูเด้ง ฮิปโปแคระในสวนสัตว์เปิดเขาเขียว

ส่วนบริษัท Grab Thailand ส่งอาหารยังแสดงภาพประเภทเมนูหลากหลายที่เหมือนหมูเด้งที่สุด

ความดังยังข้ามฟ้าไปจนถึงอังกฤษล่าสุดในรายการ Summer on Radio 1 ทางสถานีวิทยุบีบีซี เรดิโอ 1 ดีเจผู้จัดช่วงบ่ายวันศุกร์ (20) โจเอล มิตเชล (Joel Mitchell) ยังตั้งคำถามกับแฟนๆ รายการในกรุงลอนดอนว่า ช่วยบอกหน่อยว่าวันนี้อารมณ์หมูเด้งของคุณเป็นอย่างไร?

สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า ผู้อำนวยการสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ณรงวิทย์ ชดช้อย ล่าสุดต้องการใช้ความแรงของหมูเด้งเพื่อทำให้คุณภาพชีวิตสัตว์ป่าที่น้อยครั้งจะมีคนเหลียวแลให้ดีขึ้นโดยเฉพาะสัตว์ป่าสายพันธุ์หายากเช่น ฮิปโปแคระ (pygmy hippopotamus) ที่มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกาตะวันตก ที่เสี่ยงจะสูญพันธุ์และไร้ที่อยู่ และปัจจุบันนี้เชื่อกันว่า ฮิปโปแคระเช่น ‘หมูเด้ง’  มีอยู่แค่ 2,000-3,000 ตัว เท่านั้นในโลก

ผู้อำนวยการสวนสัตว์ตั้งเป้าจะเริ่มการจดลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาและสิทธิบัตร ‘ฮิปโป หมูเด้ง’ เพื่อป้องกันไม่ให้ทำการค้ากับสัตว์ หลังจากที่เราทำแล้ว พวกเราจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนกิจกรรมที่จะทำให้สัตว์ป่ามีชีวิตที่ดีขึ้น

PBS News รายงานว่า สวนสัตว์เปิดเขาเขียวตั้งอยู่บนพื้นที่ 2,000 เอเคอร์ เป็นบ้านของสัตว์ป่ากว่า 2,000 ตัว และภายในสวนสัตว์ยังมีโครงการขยายสายพันธุ์สำหรับสัตว์ป่าที่กำลังใกล้สูญพันธุ์มากมาย ซึ่งฮิปโปแคระหมูเด้งรวมอยู่ในโครงการ

และในโครงการริเริ่มนี้ ภายในสิ้นเดือนสวนสัตว์จะจดลิขสิทธิ์ทางปัญญารูปหมูเด้งจะเริ่มต้นจำหน่ายเสื้อและกางเกงหมูเด้งในอริยาบถสุดคิ้วให้สาวกแฟนคลับไม่พลาดในการจับจองและจะมีไลน์ผลิตภัณฑ์สินค้าหมูเด้งอื่นๆ ตามมาให้เพื่อสะสม

อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าเสียดายว่า ความโด่งดังของหมูเด้งที่นั้นถูกต่างชาตินำรูปไปใช้จำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

MGRออนไลน์พบว่า เมื่อเสิร์ชทางออนไลน์มีทั้งหมวกและเสื้อออกจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อย เป็นต้นว่า บริษัท wildfoxtee ได้ใช้ภาพฮิปโปหมูเด้งบนเสื้อยืดพร้อมกับมีภาษาไทยกำกับ จำหน่ายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ในราคา 22.99 ดอลลาร์ และใช้ที่อยู่ในสหรัฐฯ 

แต่เมื่อตรวจสอบไปโดยใช้กูเกิล สตรีทแมป พบว่าที่อยู่ตามอ้างเป็นบ้านพักอาศัยทั่วไปในรัฐเซาท์แคโรไลนา นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริษัท wildfoxtee กับเว็บไซต์การตรวจสอบความน่าเชื่อถือ พบว่าถูกจัดในลำดับต่ำและสงสัยว่าอาจเป็นเว็บไซต์หลอกลวง 

ทั้งนี้ คาดว่าชื่อ wildfoxtee น่าจะเลียนแบบมาจากแบรนด์เสื้อผ้า wildfox ชื่อดังของสหรัฐฯ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top