Monday, 23 June 2025
NewsFeed

‘ผู้กำกับ 2475’ เผยมุมมองต่อ ‘ประชาธิปไตย’ ชี้!! ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจ ต้องจับตาดูนักการเมืองอย่างจริงจัง

📢ถามมา-ตอบไปกับ ‘วิวัธน์ จิโรจน์กุล’ ผู้กำกับภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชัน ‘2475 Dawn of Revolution รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’

🎤: มอง ‘ประชาธิปไตย’ เป็นอย่างไร?

🎥คุณวิวัธน์: ประชาธิปไตยคือพื้นที่ที่คนหลากหลายความคิด เข้ามาหาทางออกด้วยกัน จะเอาแต่ใจกันอย่างเดียวไม่ได้ เหมือนบทสรุปช่วงท้ายของแอนิเมชันที่เรายกพระราชดำรัสของ ร.๗ มา ว่าทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน อย่าเอาตัวเองเป็นใหญ่ ต้องลืมความขัดแย้งเพื่อชาติ

และผมอยากให้ประชาชนทำตัวให้สมกับเป็นเจ้านายนักการเมือง เป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง ต้องคอยจับตาดูนักการเมือง ไม่ว่าจะฝั่งไหน เพราะนักการเมืองคือคนที่ต้องทำงานรับใช้ประชาชน ถ้านักการเมืองที่เราเลือกมาทำไม่ดี เราก็ต้องคัดค้าน ไม่ใช่ว่าเห็นด้วยไปเสียทุกเรื่อง 

ทุกวันนี้ นักการเมืองที่ชอบ ทำอะไรผิด คนก็พร้อมจะแบก พร้อมจะแก้ตัวให้ แบบนี้นักการเมืองเลยได้ใจ ไม่ต้องเกรงใจประชาชน เพราะประชาชนคอยแบกตลอดเวลา

‘ผู้กำกับ 2475’ ชี้!! ใส่ร้าย-ดูหมิ่นสถาบัน ด้วยข้อมูลเท็จ ไม่มีทางที่จะไม่ผิด ม.112

📢ถามมา-ตอบไปกับ ‘วิวัธน์ จิโรจน์กุล’ ผู้กำกับภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชัน ‘2475 Dawn of Revolution รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’

🎤: แค่วิจารณ์แล้วต้องติดคุก มันเหมาะสมหรือไม่?

🎥คุณวิวัธน์: คุณเคยเห็นป้ายที่ใช้ถ้อยคำรุนแรง และปลุกระดมให้ล้มล้างสถาบันฯ ในม็อบหรือไม่ (สื่อตปท.ยอมรับว่ามี) นั่นคือผลของการหมิ่นประมาทใส่ร้ายสถาบันฯ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณเรียกว่า ‘แค่วิจารณ์’ มีนักวิชาการมากมายที่วิจารณ์สถาบันตรงไปตรงมา แต่ก็ไม่โดน 112 แต่การที่เอาเรื่องเท็จไปปลุกปั่นให้เกลียดชังสถาบันฯ จนออกมาก่อม็อบชูป้ายล้มล้างสถาบันฯ คุณก็ต้องได้รับโทษ สมเหตุสมผลอยู่แล้ว

ดังนั้น เรื่องอะไรที่คุณฟังคนนั้นคนนี้มา คุณไม่มีหลักฐาน พิสูจน์ไม่ได้ ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าจริงหรือเท็จ คุณก็แค่อย่าเอาไปพูด ไปโพสต์ แต่ถ้าคุณเอาไปเผยแพร่ต่อ จนเกิดความเสียหายต่อผู้อื่น คุณก็ต้องรับผลของการกระทำนั้น จะมาบอกว่าไม่ผิดไม่ได้

‘พี่เอ้’ ห่วง!! ‘เด็กไทย’ หลุดจากระบบการศึกษาทะลุ 1 ล้านคน หวั่น!! ‘คนขาดความรู้-ปัญหาสังคมลุกลาม-แข่งขันต่างชาติไม่ได้’

(4 ก.ค. 67) ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ 'ดร.เอ้' ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ ‘วิกฤติแล้ว! ตื่นเถิด คนไทย’ เมื่อ ‘เด็กไทย หลุดจากโรงเรียน’ ทะลุ 1 ล้าน เราจะช่วยกันอย่างไรดี? โดยระบุว่า…

สถิตินี้น่ากลัวมาก ทั้งที่มีเด็ก ‘เกิดน้อยลง’ คือ ‘วิกฤติ’ ที่สุดแล้ว แต่ ‘ผู้นำ’ ยังละเลย ทั้งที่เป็นเรื่องที่น่าอันตราย ต่ออนาคตประเทศไทยอย่างที่สุดแล้ว มันจะส่งผลอย่างไรบ้าง ต่อประเทศไทยและสังคมไทย 

1. ‘ที่นั่งในมหาวิทยาลัย จะยิ่งว่างมากขึ้น’ 

เพราะเราส่งเด็กไทย ‘ไปไม่ถึง’ ชั้นมหาวิทยาลัย ถือเป็น ‘ความสูญเสีย’ ทั้งเสียโอกาสในการเสริมศักยภาพ ‘คนรุ่นใหม่’ และ เสียโอกาส ‘การลงทุน’ ที่รัฐทุ่มไปกับการพัฒนามหาวิทยาลัยทุกปี ๆ แต่มีเด็กเรียนน้อยลง 

ขณะที่ เกาหลีใต้ สิงคโปร์ มุ่งเป้าส่งเด็ก เรียนไปถึงมหาวิทยาลัย ได้เกือบ 100% 

มาเลเซียก็ประกาศ ส่งเด็กเรียน ให้ถึงมหาวิทยาลัย อย่างน้อย 70% ขณะที่ประเทศไทยอาจมีเพียง 30% เท่านั้น! 

แบบนี้ ยิ่งนานวัน นอกจากไทย ‘แข่งขันไม่ได้’ ยังต้องเกิดเป็นภาระในการดูแล ‘พลเมืองด้อยโอกาส ข้ามรุ่น’ ซึ่งถือว่า น่ากลัวมาก 

2. ‘แรงงานทักษะต่ำเพิ่ม แรงงานทักษะสูงลด’

ส่งผลกระทบต่อ ‘เศรษฐกิจไทย’ รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ยิ่งกว่า ‘สึนามิ’ เพราะโลกยุคดิสรัปชั่น ไม่ได้แข่งที่ ‘ทำของถูก’ ไม่ได้แข่งกันที่ ‘ภาคการผลิตของพื้น ๆ ง่าย ๆ’ เท่านั้น แต่แข่งกันที่ ‘สินค้ามูลค่าสูง’ ที่ต้องใช้แรงงานทักษะระดับปัญญา มาเอาชนะกัน

ทุกวันนี้ ประเทศไทย ‘ตกหลุมลึก’ เรื่องการยกระดับทักษะพลเมือง การทำ ‘Upskill’ / ‘Reskill’ เป็นเพียง ‘วาทกรรม’ ให้มาผลาญงบประมาณ หาก ‘ผู้นำ’ ไม่ลงไปกำกับจริงจัง อาจทำให้ ‘อนาคตไทย หมดสภาพการแข่งขัน’ น่าห่วงที่สุด

3. ‘ปัญหาสังคมทุกเรื่อง กำลังตามมา’

เด็กไทย อยู่ในวัยเยาว์จนถึงวัยรุ่น ออกจากโรงเรียนก่อนเวลา ขาดการดูแล ทำให้สังคมไทยต้องเผชิญปัญหา ‘แม่วัยใส’ / ‘เด็กติดยาเสพติด’ / ‘เด็กติดการพนัน’ และ ‘สุขภาพทรุดโทรม’ เร็วกว่าคนที่มีความรู้มากกว่า

ปัญหาสังคมจากพลเมืองไม่มีความรู้ หรือเรียนน้อย จะเป็นปัญหาที่รัฐ ต้องมาตามแก้ไม่รู้จบ อันตรายมาก 

สาเหตุการ ‘ออกจากโรงเรียน’ มีหลายสาเหตุ ที่ต้องมาคิดวิเคราะห์ ด้วย ‘ข้อมูลรอบด้าน’ แม้ว่าสาเหตุใหญ่ อาจจะมาจาก ‘ความยากจน’ แต่ก็มีอีกหลายปัจจัย รุมเร้า เร่งให้ผู้ปกครอง ‘ยอมแพ้’ ไม่สู้ ไม่ส่งลูกเรียนต่อ 

‘ผู้นำ’ จึงต้องทำจริงจังเรื่อง ‘การพัฒนาคน’ ให้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด อย่าเพิกเฉย ปล่อยปัญหาให้หนักหนา ไม่เช่นนั้น ไม่นาน ไทยเราอาจซบเซา สู้เขาไม่ได้ น่าเสียดายครับ

‘ผู้เชี่ยวชาญด้านจีน’ เปิด 3 เหตุผล ปม ‘BYD’ ลดราคาถล่มทลาย ชี้!! เกิดจากปัจจัยนอกไทย ‘ผลิตล้นตลาด-อเมริกาขึ้นภาษี-ยุโรปไม่ซื้อ’

(4 ก.ค.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘MCOT News FM 100.5’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์จีน เปิด 3 เหตุผล BYD ลดราคาถล่ม ชี้เกิดจากปัจจัยนอกประเทศไทย

จากกรณีรถยนต์ไฟฟ้า BYD ประกาศลดราคาลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยรวมส่วนลดสูงสุดถึง 340,000 บาท จนสร้างความไม่พอใจให้ผู้บริโภคที่ซื้อไปก่อนหน้านี้ กระทั่งมีการนัดรวมพลยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ สคบ. นั้น

ล่าสุด ผศ.ดร.วาสนา วงศ์สุรวัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์จีน โพสต์ข้อความผ่านแอปพลิเคชัน X ถึงกรณีดังกล่าวระบุว่า เรื่อง BYD ลดราคานี้มันมีเหตุมาจากนอกประเทศไทย

1. จีน subsidize ผู้ผลิต EV แบบเว่อร์วังอลังการมากจึงมีการผลิตออกมาเกินความต้องการของตลาดไปมาก

2.อเมริกาขึ้นภาษี EV จีนแบบโหดและกะทันหันมาก

3.ยุโรปไม่ซื้อด้วยหลายสาเหตุ

การเอาสินค้ามา dump ที่ประเทศมหามิตรแล้ว dump ราคาเพื่อระบายสินค้าจึงเกิดขึ้น ดังนั้นผู้ซื้อรวมตัวกันไปต่อรองไม่น่าเป็นผล

ตำรวจ!! สแกน!! ‘พะงัน’ รวบต่างด้าวทำงานนอกเหนือสิทธิ หลังคนพื้นที่ร้องเรียน ‘เปิดร้านค้า-ขายของ-ขับรถเร่’ กันพรึ่บ

(4 ก.ค.67) พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ผบช.ทท.) สั่งการให้ พ.ต.ท.วินิจ บุญชิต สว.ส.ทท.5 กก.2 บก.ทท.3 บูรณาการร่วมกับนายนพดล ขาวมะลิ นายอำเภอเกาะพะงัน , ผกก.สภ.เกาะพะงัน , สว.ตม.เกาะพะงัน หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้นำท้องถิ่นว่ามีต่างด้าวลอบมาทำงานในพื้นที่ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ และได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาเป็นชาวเมียนมา และคนไทย รวม 7 ราย ข้อหา ‘เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิ์จะทำได้ (ค้าขาย)’ และ ‘เป็นนายจ้างให้บุคคลต่างด้าวทำงานนอกเหนือสิทธิที่จะทำได้ (ค้าขาย)’ รวมถึง ‘เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต’ โดยมีทั้งเปิดร้านค้าขายข้าวราดแกง, ขายของหน้าร้านชำ, ขับรถเร่ขายของ, เปิดร้านขายน้ำชาพม่า และร้านขายหมากพลู พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน เพื่อดำเนินการตาม กฎหมายต่อไป

หนึ่งในชาวเมียนมาที่ถูกจับกุม กล่าวว่า ตนไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารที่ใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใด เนื่องจากลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยผ่านชายแดน จ.ระนอง โดยมีค่าใช้จ่าย 18,000 บาท ซึ่งมีนายหน้าชาวเมียนมาไม่ทราบชื่อเป็นผู้ช่วยเหลือลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ตนเข้ามาอยู่ในพื้นที่ อ.เกาะพะงัน เป็นเวลา 6 เดือนแล้ว

ด้านนายนพดล ขาวมะลิ นายอำเภอเกาะพะงัน กล่าวว่า มีประชาชนร้องเรียนว่ามีบาร์เบอร์ชื่อดังเข้ามาตัดผมอยู่ที่เกาะพะงัน ทางผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้สั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกับฝ่ายปกครอง ทำการตรวจสอบ แต่พบว่าไม่มี เป็นเพียงการเข้าใจผิด และตรวจสอบแล้วในพื้นที่เกาะพะงันไม่มีช่างตัดผมดังที่เป็นข่าวในพื้นที่แน่นอน จึงขอให้ประชาชนคำนึงถึงภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ก่อนจะแชร์ข่าวอะไรออกไป

สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ ส.ทท.5 กก.2 บก.ทท.3 กวดขัน ควบคุมพฤติกรรมชาวต่างชาติและบุคคลต่างด้าว แรงงานข้ามชาติ แย่งอาชีพคนไทย และการกระทำความผิดในคดี 10 กลุ่มต้องห้าม ในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวและเป็นการป้องปราบกลุ่มแรงงานหรือนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวแล้วแฝงตัวทำงานในพื้นที่

'เพจดัง' ชวนอ่าน!! 'อำนาจ การเมือง เรื่องลือ' ความจริงที่หายไปจากกรณีสวรรคตรัชกาลที่ 8

(4 ก.ค. 67) จากเพจ 'ฤๅ - Lue History' ได้โพสต์ข้อความถึงหนังสือเล่มใหม่ ในชื่อ 'อำนาจ การเมือง เรื่องลือ' - ความจริงที่หายไปจากกรณีสวรรคตรัชกาลที่ 8 ระบุว่า...

หนังสือเล่มนี้ ว่าด้วยเรื่องปริศนาเรื่องเอกของวงการประวัติศาสตร์ไทย ที่ยังเป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน นั่นก็คือ...

‘กรณีสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 8’

แม้ว่าในท้องตลาดจะมีหนังสือประเภทดังกล่าวอยู่จำนวนพอสมควร ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษที่เริ่มทยอยผลิตออกมาตั้งแต่เหตุการณ์สวรรคตบังเกิดขึ้นใหม่ ๆ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

เนื่องจากกระแสเรื่องกรณีสวรรคตยังคงเป็นปริศนาและยังไม่เป็นที่ยุติโดยได้ง่าย ความกระหายใคร่อยากรู้ของประชาชนในประเด็นดังกล่าว จึงยังเป็นสิ่งที่ไม่เคยจางหายแม้นเหตุการณ์วิปโยคนี้จะล่วงเลยมากว่าชั่วอายุคนแล้วก็ตาม

อย่างไรก็ดี หนังสือเหล่านี้จำกัดอยู่เพียงแค่การเล่าถึงรูปคดีและการอธิบายทฤษฎีเบื้องลึก/เบื้องหลัง ตามหลักฐานเดิม ๆ ที่ถูกนำมาตีความใหม่ ๆ โดยผู้เขียนเหล่านั้นจำนวนไม่น้อยต่างมีธงหรือทฤษฎีในใจในการเขียนชี้นำผู้อ่านให้เลือกเชื่อตามแต่เจตนาของผู้เขียนอยู่แล้ว

แน่นอนว่าจำนวนเกินกว่าครึ่งของหนังสือเหล่านี้หาใช่หนังสือในรูปแบบวิชาการ หากแต่เป็นการเล่าเรื่องแนวซุบซิบ คำแก้ตัว การรวมคำพิพากษาคดีและบทวิเคราะห์ หรืองานเขียนกึ่งสารคดีทางการเมือง อันมีการใช้หลักฐานทางประวัติศาสตร์รวมถึงกรอบทฤษฎีอย่างวิชาการน้อยมาก ทำให้ความก้าวหน้าในเรื่องกรณีสวรรคตไม่ปรากฏ ‘เป็นการพายเรือวนในอ่าง’ แต่เพียงเท่านั้น

ทางคณะผู้เขียนซึ่งเห็นตรงกัน จึงรู้สึกเบื่อหน่ายกับการใช้กรณีสวรรคต ซึ่งเป็นเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่จบไปแล้ว มาใช้ประโยชน์เป็นเครื่องมือทางการเมือง เช่น การเผยแพร่ข่าวลือหรือการกล่าวหาอย่างไร้หลักฐานและไม่เป็นธรรมต่อบุคคลใด ๆ ก็ตามในเรื่องนี้โดยปราศจากข้อมูลที่ถูกต้อง

พฤติการณ์เช่นนี้คือ การกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบและไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ แก่ชาติ และคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบันการใช้กรณีสวรรคตมาปลุกระดมทางการเมือง เป็นการกระทำการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นแกนกลางของกรณีสวรรคตนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้คณะผู้เขียนเห็นว่าควรต้องยุติได้แล้ว

>> ดังนั้น หนังสือเล่มนี้จึงถูกเขียนขึ้นมาด้วยเหตุข้างต้น คณะผู้เขียนตั้งใจจะฉายให้เห็นสภาพแวดล้อมทางการเมืองทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงเหตุการณ์และรายงานจากเอกสารทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่เกี่ยวกับกรณีสวรรคตนับตั้งแต่ พ.ศ.2489-2500 และลงลึกไปถึงระดับจุลภาคว่ามีผู้ใดบ้างที่เกี่ยวข้องหรือเป็นผู้บงการการปล่อยข่าวลือดังกล่าว

โดยหนังสือเล่มนี้ได้เรียกเอาเอกสารชั้นต้นเท่าที่เสาะหาได้ล่าสุดในปัจจุบันมาทำการสอบปากคำอย่างละเอียดในทุก ๆ หน้ากระดาษและตัวอักษร เพื่อเค้นเอา ‘ความจริง’ ในเหตุการณ์ที่จบสิ้นไปนานแล้วออกมาให้มากที่สุด

และแน่นอน คณะผู้เขียนได้พยายามอย่างที่สุดที่จะสกัดเอาการเมืองออกไปจากความจริงแห่งยุคสมัยให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

*** คณะผู้เขียนหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจทั่วไป ผู้ที่สนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทย หรือเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยากทราบความจริงเกี่ยวกับกรณีสวรรคตที่มีความเบื่อหน่ายกับการใช้ข่าวลือ เรื่องเท็จ หรือความเห็นทางการเมืองมาเขียนปะปนกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์

นอกจากนี้ หนังสือเล่มนี้หวังใจว่าจะเป็น ‘ก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่’ ในการจุดประกายสู่การนำไปต่อยอดทางวิชาการหรือวิพากษ์งานชิ้นนี้ต่อไปในอนาคต เพื่อเติมเต็ม ‘ความจริง’ ที่ยังขาดตกบกพร่องในประเด็นนี้ต่อไป

จีรวุฒิ (อุไรรัตน์) บุญรัศมี, จิตรากร ตันโห และธงรบ
มิถุนายน 2567, หาดใหญ่ - พระนคร

เราจะอัปเดตความคืบหน้าของหนังสือเล่มนี้ให้ทราบเป็นระยะครับ

ช่วยเป็นกำลังใจ และร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของพวกเราได้ที่...
บัญชี. มูลนิธิสยามรีกอเดอ
ธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี 0398045898

ขอบคุณครับ

เชียงใหม่-อบจ.เชียงใหม่ จัดฟรีคอนเสิร์ต Chiang Mai Music Journey 3 และวิ่ง Twilight Run 2

วันที่ 3 กรกฎาคม 2567 นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดงานวิ่ง Twilight Run 2 กิจกรรมวิ่ง FUN RUN ในงาน Chiang Mai Music Journey 3 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่จากชาวไทยและชาวต่างชาติ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจของท้องถิ่น ส่งเสริมการท่องเที่ยวด้านกีฬา และส่งเสริมให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของการออกกำลังกาย ให้มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงปราศจากโรคภัย โดยมีนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับ พร้อมทั้งหัวหน้าส่วนราชการ และผู้เข้าร่วมวิ่งกว่า 5,000 คน เข้าร่วมกิจกรรม ณ สวนเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่

นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า กิจกรรมวิ่งเพื่อสุขภาพ Twilight Run 2 เป็นกิจกรรมที่ดีเสริมสร้างพลานามัยที่แข็งแรงให้ทุกคน ทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในแต่ละครั้งที่จัดกิจกรรมก็มีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมากและมากขึ้นทุกปี ในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 5,000 คน แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมดังกล่าวประสบความสำเร็จ และที่สำคัญ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ยังได้รังสรรค์พื้นที่กว่า 120 ไร่ของสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ให้เป็นแหล่งโอโซนหรือปอดของเมืองเชียงใหม่ ที่ทุกคนจะได้รับพลังงานธรรมชาติที่สะอาด สดชื่นและเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ด้านการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ

นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จัดงานเทศกาลดนตรีกลางสวน ครั้งที่ 3  Chiang Mai Music Journey 3 และงานวิ่ง Twilight Run 2 เป็นกิจกรรมภายใต้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยว ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่

สำหรับกิจกรรมคอนเสิร์ตจัดภายใต้แนวคิด Rhythm In The Rain เมื่อสายฝนโปรยหล่น...เป็นเสียงดนตรี พบกับนักร้องและวงดนตรีชื่อดัง ได้แก่ PAUSE, LHAM SOMPHOL, BOWKYLION และ BODYSLAM งานนี้เข้าชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

ส่วนงานวิ่ง Twilight Run 2  เป็นกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาพ ระยะทางวิ่ง 5 กิโลเมตร บริเวณอ่างเก็บน้ำหนองเขียวและสนามด้านหลังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่   หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่

นภาพร/เชียงใหม่

'กนอ.' เปิดรับฟังความเห็น 'เอกชน' หวังกระชับความต้องการนักลงทุนตรงจุด ก่อนเปิดรับการลงทุนระลอกใหม่ ท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 ช่วงที่ 2 ในปี 69

(4 ก.ค. 67) นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า การจัดงานสัมมนาเพื่อรับฟังความเห็นจากภาคเอกชนในโครงการทบทวนรายงานการศึกษา และวิเคราะห์โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 2) โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 เป็นโครงการสำคัญเร่งด่วนของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)

มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ และความจุในการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติ และสินค้าเหลวสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดย กนอ. เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน นำความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการดำเนินงาน เพื่อเสริมสร้างการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม และเกิดความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ 

ทั้งนี้ การเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน (Market Sounding) ครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อทบทวนการศึกษาความเหมาะสมโครงการฯ ที่ กนอ. จัดทำไว้แล้ว ให้เหมาะสมกับความต้องการในปัจจุบัน และแนวโน้มในอนาคต ก่อนเสนอให้ กนอ. ในฐานะหน่วยงานเจ้าของโครงการนำเสนอหลักการที่ต้องการเปลี่ยนแปลง รวมถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงต่อหลักการเดิมของโครงการฯ ที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) หรือคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบไว้ต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)

ตามที่กำหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ.2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของธุรกิจหรือกิจการของภาคเอกชนในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน และลักษณะทางกายภาพของสภาพพื้นที่ของโครงการฯ

นายคณพศ ขุนทอง รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ 3) กล่าวว่า การจัดสัมมนา Market Sounding ครั้งนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้แสดงความคิดเห็น และเสนอแนะความต้องการที่จะพัฒนาโครงการ ประกอบด้วย พื้นที่หลังท่าเทียบเรือ 350 ไร่ ความยาวหน้าท่า 814 เมตร ซึ่งหลังจากได้รับฟังความคิดเห็นแล้ว จะนำไปวิเคราะห์รูปแบบการประกอบธุรกิจ รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ที่สำคัญ และเกี่ยวข้องกับการเข้าร่วมยื่นข้อเสนอการลงทุนโครงการอย่างเหมาะสมต่อไป

นายปมุข เตพละกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายปฏิบัติการ 3 กล่าวเสริมว่า โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 แบ่งการพัฒนาโครงการเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วยงานขุดลอกร่องน้ำ งานถมทะเลพื้นที่ 1,000 ไร่ และลงทุนธุรกิจท่าเทียบเรือก๊าซ 200 ไร่ กนอ. ลงนามสัญญาร่วมลงทุนโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) กับบริษัท กัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอล จำกัด หรือ GMTP เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2562 ระยะเวลาสัมปทานทั้งสิ้น 35 ปี

โดย กนอ. ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 12,900 ล้านบาท และให้บริษัท GMTP ลงทุนท่าเทียบเรือก๊าซ 35,000 ล้านบาท ปัจจุบัน มีความก้าวหน้าการดำเนินงานไปแล้วกว่า 84% พร้อมเปิดให้บริการในปี 2569 ส่วนการดำเนินงานในช่วงที่ 2 กำลังอยู่ระหว่างทบทวนผลการศึกษาสำหรับการพัฒนาพื้นที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 2) ประกอบด้วยพื้นที่หลังท่าเทียบเรือ 350 ไร่ ความยาวหน้าท่า 814 เมตร 

รายงานข่าวระบุว่า สำหรับมูลค่าการลงทุนทั้งโครงการรวมที่ 6.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนของภาคเอกชน 5.2 หมื่นล้านบาท และภาครัฐ 1.2 หมื่นล้านบาท

'พี่วัน' สยบดรามา!! รายการตลกดังอำแรง 2 แขกรับเชิญนายตำรวจใหญ่ เผย!! 2 ท่านให้เล่นเต็มที่ ส่วนที่ตนลบโพสต์ เพราะหวั่นแฟนคลับเปิดศึก

(4 ก.ค.67) จากกรณีก่อนหน้านี้ที่ ‘วัน อยู่บำรุง’ โพสต์ติง รายการตลกชื่อดัง ที่ได้ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร และ รองแต้ม พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ มาเป็นแขกรับเชิญในรายการ จากนั้นไม่นานโพสต์ดังกล่าวก็ถูกลบทิ้งไป จนหลายคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น 

ล่าสุด ‘วัน อยู่บำรุง’ ผู้ช่วย รมต.ประจำกระทรวงสาธารณสุข ได้ไลฟ์สดชี้แจงประเด็นดังกล่าวว่า หลังจากที่ได้ดูแล้วก็สึกเอะใจนิดนึง คือเข้าใจว่าทางรายการมีการขออนุญาตแล้วว่าจะเล่นมุกแบบนี้ แต่รู้สึกว่าอำกันแรงเกินไปหน่อย บางอันดูเลยเถิด ถามว่าเทปนี้ตลกไหม ก็ตลกนะ ส่วนตัวดูรายการนี้มาตลอด และชอบศิลปินทุกคนที่อยู่ในรายการ 

แต่ในฐานะผู้บริโภคสื่อคนหนึ่ง ก็มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ แต่หลังจากที่ตนโพสต์ข้อความออกไปนั้น มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็น 2 ทาง ทั้งที่เห็นด้วย และเห็นต่าง อีกอย่างคือจะแหย่ว่าถ้าเชิญผมไปออกแบบนี้ ผมไม่เล่นด้วย ส่วนสาเหตุที่ลบโพสต์ออกไปนั้น เพราะกลัวว่าแฟนคลับของตนทั้ง 2 ฝั่งจะตีกัน แต่ไม่ทันเพราะว่ามีข่าวออกไปก่อน และทางรายการก็ได้โทร.มา สรุปไม่มีดราม่าอะไร เพราะทั้ง 2 ท่าน บอกว่าให้เล่นเต็มที่

‘ททท.’ ปักหมุดโคราช ‘เมือง 3 มรดกโลกยูเนสโก’ ต่อยอดท่องเที่ยวไทย ชูซอฟต์พาวเวอร์เด่น ผ่านแนวคิด ‘5 Must Do in Nakhon Ratchasima’

(4 ก.ค.67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลสำเร็จตามนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวของรัฐบาลว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 ตั้งแต่ 1 ม.ค. - 30 มิ.ย. มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้าไทยสะสมกว่า 17.5 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวแล้วกว่า 8.25 แสนล้านบาท และจากนโยบาย IGNITE Thailand’s Tourism ส่งเสริมศักยภาพการท่องเที่ยวไทยทุกมิติ เดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่อง และนำเสนอเส้นทางการท่องเที่ยวในเมืองหลัก เชื่อมโยงไปยังเมืองน่าเที่ยว ขยายไปยังจังหวัดต่าง ๆ ในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวตามกระแส โดยเตรียมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีน ครบ 50 ปี ผ่านโครงการ ‘ลาบูบู้เที่ยวไทย’ (Welcome Ceremony of LABUBU)ตามรอยลาบูบู้ ตามกลยุทธ์ ‘5 Must Do in Thailand’

นายชัย กล่าวว่า นักท่องเที่ยว 5 อันดับแรกที่เดินทางเข้าไทยสูงสุด ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย ตามลำดับ และในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิ.ย.ที่มีการจัดกิจกรรมงาน Pride month 2024 ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาท่องเที่ยว 659,830 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 19,083 คน หรือ 2.98% หรือเฉลี่ยวันละ 94,262 คน 

สำหรับการต่อยอดท่องเที่ยว การเที่ยวแห่งประเทศไทย จะผลักดันจ.นครราชสีมา ‘เมือง 3 มรดกโลกยูเนสโก’ (UNESCO Triple Heritage City) ที่เป็นจังหวัดแรกและจังหวัดเดียวในไทย ที่มีโปรแกรมของยูเนสโกครบทั้ง 3 โปรแกรม ได้แก่ 

- สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช อ.วังน้ำเขียว 
- มรดกโลกทางธรรมชาติผืนป่าดงพญาเย็นเขาใหญ่ 
- อุทยานธรณีโลกโคราช 

โดยจะเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวไปสู่เมืองน่าเที่ยวอื่น ในภูมิภาค เช่น กลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ (ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์) รวมทั้งส่งเสริม Soft Power โดยใช้ต้นทุนทางวัฒนธรรมเป็นจุดขายผ่านแนวคิด 5 Must Do in Nakhon Ratchasima คือ

1. Must Eat อิ่มอร่อยอาหารจานเด็ด 

2. Must See ละลานตาการแสดงวัฒนธรรม 

3. Must Seek แหล่ง unseen ถิ่นน่าเที่ยว 

4. Must Buy ของกินของฝากล้ำค่าน่าซื้อหา

5. Must Beat กีฬาท้าทายกายใจ 

นอกจากนั้นจะร่วมกับ POP MART จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว เตรียมเฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีนครบรอบ 50 ปี ผ่านโครงการ ‘ลาบูบู้เที่ยวไทย’ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 - 4 ก.ค.เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์เชิงบวก ให้มาสคอตลาบูบู้แต่งกายด้วยชุดไทย พร้อมถ่ายทำคลิปวิดีโอประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยสื่อสารไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ตามโปรแกรมการท่องเที่ยว 5 Must Do in Thailand ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อตามรอยลาบูบู้ รวมถึงช่วยบอกต่อและเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวจีนเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยว และ กก. คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเพิ่มมากขึ้นอีกจากปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง ทั้งกระแสการท่องเที่ยวตามรอย MV เพลงใหม่ ‘ROCKSTAR’ ของลิซ่า และการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว Summer holiday ของตลาดภูมิภาคยุโรป รวมถึงการท่องเที่ยวตามรอยลาบูบู้ เป็นต้น

“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของไทย ประกอบกับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไทยสามารถดำเนินการผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฟื้นตัวจนเห็นผลสำเร็จอย่างต่อเนื่อง และเชื่อมั่นว่าด้วยการส่งเสริม ต่อยอดของรัฐบาล สนับสนุนการดำเนินงานทั้งเพื่อความปลอดภัย และความสะดวกทันสมัยตอบโจทย์ และตามกระแสของนักท่องเที่ยว จะทำให้ไทยสามารถมีรายได้จากการท่องเที่ยวตามเป้า เพิ่มโอกาสเป็นประโยชน์ต่อวิถีชีวิตพี่น้องประชาชนทุกคน” นายชัย กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top