Monday, 23 June 2025
NewsFeed

‘เพจดัง’ แจง!! ปมต่างชาติโจมตีเรื่องใช้ ‘แรงงานเด็กทอผ้า’ ชี้!! เป็นการสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น ในเวลาหลังเลิกเรียน

เมื่อไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก ‘ผ้าทอมือหมักโคลนบัวแดงชายคิม’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอหัวข้อ 
‘โดนต่างชาติโจมตีเรื่องการใช้แรงงานเด็ก​ เราจะอธิบายอย่างไรดี?’ โดยระบุว่า…

ตอนนี้เราอยู่กับ ‘น้องแก้ม’ ซึ่งหลายต่อหลายคนต่างคอมเมนต์เข้ามาว่าทําไมถึงให้น้องทํางานหนัก หรือทำไมถึงต้องใช้แรงงานเด็ก…โดยขอเรียนแจ้งแบบนี้ อันนี้คือเป็นเวลาว่างหลังจากเลิกเรียนและเลิกเล่นแล้ว ซึ่งเป็นการจัดการเวลาของน้องเองเพื่อให้เป็นการสืบสานภูมิปัญญาไปด้วย ซึ่งเด็กสมัยนี้ถ้าอายุ 13 ขวบ เขาจะเล่นมือถือเป็นส่วนใหญ่ในประเทศไทยของเรา และการมีกิจกรรมที่เป็นการสืบสานทางภูมิปัญญาแบบนี้มาให้ทุกท่านได้เห็นกัน ซึ่งปกติเขาก็จะไม่ถ่ายทำลงในโซเชียล แต่เราอยากให้มองในเรื่องของการเรียนรู้ อยากให้มองถึงเรื่องการสืบสานการทอผ้าไว้ให้ลูกหลานหรือคนไทยทั่วประเทศได้รับชมกัน

ถ้าหากเราไม่ได้หัดหรือไม่ได้ฝึกกันไว้ตั้งแต่เด็ก ๆ แบบนี้ เขาก็คงไม่มาทำให้เรา ถ้าหากจะให้เขาเรียนจบมาแล้วค่อยมาทํา เขาก็จะไปทํางานตามโรงงาน ตามโรงแรม ตามสถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นเงินเดือน หรือเป็นมนุษย์เงินเดือน แต่ ณ ที่นี่ เราอยากให้เห็นว่าทํางานอยู่ที่บ้านมันก็สามารถที่จะสร้างรายได้ให้กับตัวเขาเอง และก็จะเป็นการปลูกฝังให้เขาได้ทำงานอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องห่างไกลจากครอบครัว นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับตัวเขาเองได้ ซึ่งนี่คือสิ่งที่เราจะสอนและปลูกฝังไว้ตั้งแต่เด็ก ๆ แบบนี้

อย่างไรก็ตาม ฝากเป็นกําลังใจให้พวกเราด้วย เพราะตอนนี้โดนโจมตีค่อนข้างเยอะเหมือนกัน  เพราะมีชาวต่างชาติเข้ามาโจมตีในเรื่องของการใช้แรงงานเด็ก แต่ถ้าคนไทยด้วยกัน เราก็จะรู้ว่าเราทําเพื่ออะไร

พร้อมระบุเพิ่มเติมว่า เราไม่ได้บังคับ ให้ทํางานตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งแบบนั้นก็คงจะไม่ใช่

ทั้งนี้ หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปต่างมีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น อาทิ…

- โบราณว่า ‘ไม้อ่อนดัดง่ายไม้แก่ดัดยาก’ การจะฝึกฝนอะไรก็ต้องฝึกฝนตั้งแต่ที่สมองสามารถรับรู้ได้เต็มที่ จึงมีเด็กในวัยอ่อนตั้งแต่ 2-3 ขวบขึ้นไปหลายคน มีทักษะที่น่าทึ่งหลาย ๆ อย่าง ที่บางครั้งผู้ใหญ่อย่างเราเองก็ยังทำไม่ได้ในช่วงวัยเดียวกัน ซึ่งมันก็เป็นทักษะพื้นฐานที่ดีที่คนจะต้องเรียนรู้ตั้งแต่ยังเด็ก ๆ จึงจะทำให้พลเมืองเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพค่ะ จากเรื่องราวนี้จะเห็นว่าน้องมีความสามารถในการทำกิจกรรมและสืบทอดภูมิปัญญาของท้องถิ่น รักษาศิลปะวัฒนธรรมของชาติได้อย่างดีทีเดียวค่ะ เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมากกว่า อะไรที่เป็น ๆ เรื่องดีงามเราก็ต้องส่งเสริม

- เป็นงานหัตถกรรมที่เกิดความคุ้นเคยตั้งแต่เด็ก เป็นรากเหง้าของคนในท้องถิ่น ที่คนไม่ได้เกิดที่นี่จะไม่เข้าใจในวัฒนธรรมตะวันออก และไม่ควรวิจารณ์แบบผิด ๆ

- ถูกค่ะ เราต้องปลูกฝังต้นกล้าน้อย ๆ เพื่อสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นเอาไว้ค่ะ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยจะมีเด็กสนใจเลย เก่งมากลูกสาว 

'ผู้ช่วยสำราญ' แถลงผลงาน ตำรวจ ปส. ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล สกัดจับและปฏิบัติการปิดล้อมทลายเครือข่าย ได้ผู้ต้องหา 22 คน พร้อมยึดทรัพย์กว่า 160 ล้านบาท

​ตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เน้นใช้มาตรการทางกฎหมาย เพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติดอย่างจริงจังทั้งระบบ ประกอบกับนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา, พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. มุ่งปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ และขยายผลเครือข่ายที่จับกุมได้ทุกระดับอย่างจริงจังทุกพื้นที่รวมทั้งการขยายผลเพื่อยึดอายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ทั้งของผู้ค้า ผู้ช่วยเหลือและสนับสนุนเครือข่ายทั้งหมดมาตรวจสอบ

วันนี้ 4 ก.ค.67 เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล, พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง ,พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ฯ ช่วยราชการ บช.ปส., พล.ต.ต.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส. และพล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกส. ร่วมแถลงผลการปราบปรามยาเสพติดที่สำคัญของ บช.ปส. ในห้วงของวันที่ 9 – 30 มิ.ย.67 ดังนี้
ผลการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ

คดีที่ 1 บก.สกส.
​สืบเนื่องจากการจับกุมคดียาเสพติด 4 คดี ผู้ต้องหา 14 คน พร้อมของกลางยาบ้า 17,040,000 และ ไอซ์ 200 กิโลกรัม ตำรวจ สกส.บช.ปส. ได้ตรวจสอบพบจุดที่รับยาเสพติดและผู้ร่วมขบวนการอยู่ในพื้นที่ จว.พะเยา และ จว.เชียงราย จึงขยายผลตรวจสอบเพื่อยึดอายัดทรัพย์สิน และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง จึงเป็นที่มาของการเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น DID ATTACK 67 จำนวน 4 เครือข่าย 10 จุดตรวจค้น เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.67 ซึ่งตำรวจ บก.สกส. ร่วมกับ กก.ปพ.บช.ปส. และตำรวจภูธรภาค 5 นำกำลังเข้าปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติด รายสำคัญ 4 เครือข่าย จำนวน 10 จุดตรวจค้น ในพื้นที่ จว.พะเยา และจว.เชียงราย สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 คน คือ น.ส.โสรยา บุคคลตามหมายจับ 3 หมายจับ, นายวันรพ บุคคลตามหมายจับ 1 หมายจับ และ นายจักรกฤษ บุคคลตามหมายจับ 1 หมายจับ ในข้อหาสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแร้งเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน สามารถตรวจยึดอายัดทรัพย์สินเครือข่าย 150 รายการ อาทิ อาคารพาณิชย์ 2 ชั้น จำนวน 2 คูหา, บ้านพร้อมที่ดิน 3 หลัง, ที่ดิน จำนวน 24 แปลง, รถยนต์ จำนวน 6 คัน, รถแทรกเตอร์ 1 คัน, รถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน, บัญชีธนาคาร จำนวน 10 บัญชี, ทองคำรูปพรรณ จำนวน 3 เส้น, อาวุธปืน จำนวน 2 กระบอก, กระสุนปืน จำนวน 96 นัด และ อื่น ๆ รวมมูลค่ายึดทรัพย์กว่า 115,587,000 บาท

คดีที่ 2 บก.ปส.3 ผลปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติด ระหว่างวันที่ 21 - 28 มิถุนายน 2567
​1. ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น “ล้างบางองค์กรยานรก” สืบเนื่องหลังจับกุมคดียาเสพติด 5 คดี ผู้ต้องหา 19 คน พร้อมยาบ้า 21,850,000 เม็ด ไอซ์ 300 กิโลกรัม ในพื้นที่ จว.เชียงราย เชียงใหม่ พิษณุโลก สุพรรณบุรี และปทุมธานี ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 จึงขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการและยึดทรัพย์สิน จนนำไปสู่ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่าย จำนวน 20 จุดตรวจค้น ในพื้นที่ ภ.5, ภ.9 และ กทม. จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 4 คน ของกลางยาบ้า 4,279 เม็ด, ไอซ์ 50 กรัม ยึดอายัดทรัพย์สินเป็น สิ่งปลูกสร้างพร้อมที่ดิน 5 รายการ, รถยนต์จำนวน 3 คัน, ทองรูปพรรณ 12 รายการ, อาวุธปืน 9 กระบอก และทรัพย์สินอื่น ๆ  รวมมูลค่าทรัพย์สิน 23,687,900  บาท
 
​2. ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น “ลาดตระเวนออนไลน์และโลจิสติกส์” ตำรวจ กก.1 บก.ปส.3 ได้สืบสวนกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด ที่ลักลอบจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ และสถานบันเทิง รวมทั้งที่ลักลอบส่งยาเสพติดผ่านบริษัทขนส่งและพัสดุภัณฑ์ ไปยังต่างประเทศ ซึ่งสามารถรวบรวมหลักฐานออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้ 3 เครือข่าย ได้แก่ เครือข่ายเขางู จว.ราชบุรี ซึ่งจำหน่ายยาเสพติดผ่านสื่อออนไลน์, เครือข่าย “จำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท” (Candy Fun) ทางสื่อโซเชียล และสถานบันเทิง และเครือข่าย “ลักลอบส่งยาเสพติดทางพัสดุไปต่างประเทศ” จนนำไปสู่ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติด ในพื้นที่ กทม. จำนวน 4 จุดตรวจค้น และพื้นที่ อำเภอเมือง จว.ราชบุรี จำนวน 4 จุดตรวจค้น รวม 8 จุดตรวจค้น จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 4 ราย ของกลางยาบ้า 100 เม็ด รวมทั้งยึดอายัดทรัพย์สินเป็น รถยนต์ 2 คัน, เงินสกุลอังกฤษ, หุ้นทอง และเงินสดจำนวนหนึ่ง มูลค่าทรัพย์สินรวม 1,788,000  บาท
 
​3. ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น “ทลายเครือข่ายนักบินชายแดน” ตามที่รัฐบาลได้กำหนดพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน พื้นที่ นบ.ยส.35 เพื่อลดปัญหาการนำเข้ายาเสพติดรุนแรงในพื้นที่ จว.เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แม่ฮ่องสอน และตาก 18 อำเภอ นั้น ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 ได้สืบสวนขยายผลเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จนนำมาสู่การเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น “ทลายเครือข่ายนักบินชายแดน” เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.67 ในพื้นที่ อ.แม่แตง, อ.เวียงแหง, อ.เชียงดาว, อ.พร้าว ของ จว.เชียงใหม่ รวม 14 จุดตรวจค้น ออกหมายจับ 12 หมายจับ และยึดอายัดทรัพย์สิน 3 รายการ คือ สิ่งปลูกสร้างพร้อมที่ดินจำนวน 2 รายการ, รถยนต์กระบะจำนวน 1 คันมูลค่าประมาณ  1,400,000  บาท
 
​4. ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น “แก้ปัญหายาเสพติด และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ จว.น่าน”
ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมแก้ไขปัญหาในพื้นที่เพื่อทำให้ประชาชนมีความสุข ลดผลกระทบจากภัยทุกรูปแบบโดยเฉพาะยาเสพติด อาชญากรรม และความปลอดภัยในทุกด้าน โดยมีพื้นที่นำร่องในอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 ได้สืบสวนขยายผลหลังจับกุม ผู้ต้องหา 4 คน พร้อมยาบ้า 8 ล้านเม็ดเมื่อวันที่ 24 ก.ย.64 ที่ผ่านมา ล่าสุดลงพื้นที่ออกหมายจับ 10 หมายจับ จำนวน 9 คน รวม 9 จุดตรวจค้น ในพื้นที่ จว.น่าน ประกอบด้วย อ.แม่จริม, อ.เมือง, อ.ปัว, อ.เวียงสา จับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน ของกลางยาบ้า 9 เม็ด และยึดอายัดทรัพย์ จำนวน 850,000  บาท
 
2. ปส.2
คดีที่ 3
เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.67 เวลาประมาณ 18.00 น. ตำรวจ กก.3 บก.ปส.2 ทำการขยายผลหลังจับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมยาบ้า 3 ล้านเม็ด ได้ที่ อ.คง จว.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 22 มี.ค.67 ซึ่งพบว่าเครือข่ายนี้ยังคงเคลื่อนไหวและต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ จนวันที่ 9 มิ.ย.67 ประมาณ 01.30 น. ชุดจับกุมทราบว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติดจากพื้นที่แนวชายแดน ด้าน อ.ธาตุพนม จว.นครพนม กระทั่งพบรถยนต์เป้าหมายในขบวนการลำเลียงยาเสพติด เคลื่อนตัวจาก อ.เรณูนคร จว.นครพนม มุ่งหน้า อ.นาแก จว.นครพนม ตามถนนทางหลวงหมายเลข 223 จึงสะกดรอยติดตามเมื่อมาถึงบริเวณ สามแยกไฟแดงบ้านโนนหอม ต.โนนหอม อ.เมือง จว.สกลนคร และรถจอดติดสัญญาณไฟจราจร ชุดจับกุมจึงแสดงตัวเพื่อตรวจสอบพบนายสุธิพร อายุ 24 ปี เป็นผู้ขับขี่รถกระบะตู้ทึบ หมายเลขทะเบียน ผค 38xx ราชบุรี ภายในรถพบกระสอบ 15 กระสอบ ภายในมียาบ้า รวม 6,202,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในตู้บรรทุกสินค้า 

คดีที่ 4  
​สืบเนื่องจาก ตำรวจ กก.2 บก.ปส.2 ได้จับกุมนายนัฐพงศ์ รวมพวก 3 คน พร้อมยาบ้า 12 ล้านเม็ด ได้ที่ริมถนนมิตรภาพใกล้หน่วยบริการตำรวจทางหลวงบ้านส้ม ตำรวจทางหลวงนครราชสีมา ต.ดอนชมพู อ.โนนสูง จว.นครราชสีมา เมื่อ 24 ม.ค.67 ที่ผ่านมา กระทั่งวันที่ 26 มิ.ย.67 ตำรวจ กก.2 บก.ปส.2 ตรวจพบรถเป้าหมายเฝ้าระวังได้ขับขี่เข้าไปในพื้นที่ จว.หนองคาย โดยใช้เส้นทางรอง จึงจัดกำลังเฝ้าติดตามผ่านพื้นที่ จว.สกลนคร – กาฬสินธุ์ - ร้อยเอ็ด – สุรินทร์ เข้าเขตพื้นที่ ต.นางรอง อ.นางรอง จว.บุรีรัมย์ พบรถกระบะ และรถยนต์ ต้องสงสัยจอดในลักษณะผิดปกติบริเวณหน้าร้านข้าวต้ม ชุดจับกุมจึงนำกำลังเข้าสกัดไว้ทันทีพบนายวิทวัส อายุ 32 ปี ขับขี่รถกระบะ หมายเลขทะเบียน บห 58xx สกลนคร ตรวจสอบภายในรถพบยาบ้า จำนวน 2,700,000 เม็ด ส่วนรถยนต์ หมายเลขทะเบียน กฉ 7605 สกลนคร มีนายพงษ์พิชญ์ อายุ 39 ปี เป็นผู้ขับขี่ มีนายพงษ์ศักดิ์ อายุ 44 ปี โดยสารมาด้วย ทำหน้าที่ขับรถสำรวจและนำเส้นทางรถลำเลียงยาเสพติด

คดีที่ 5
​จากการขยายผลการจับกุมนายนัฐพงศ์ รวมพวก 3 คน พร้อมยาบ้า 12 ล้านเม็ด เมื่อ 24 ม.ค.67 ที่ผ่านมา   กระทั่งเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.67 ตำรวจได้ตรวจพบรถเป้าหมายขณะเคลื่อนตัวออกจาก อ.สว่างแดนดิน จว.สกลนคร จึงนำกำลังติดตาม โดยกลุ่มเครือข่ายพยายามขับรถตามเส้นทางรอง เพื่อหลบหนีการตรวจสอบป้ายทะเบียน จนสามารถจับกุมตัว นายธาดาพงษ์ หรือกอล์ฟ อายุ 32 ปี ขณะขับขี่รถกระบะ หมายเลขทะเบียน ฆช 4193 กรุงเทพมหานคร ได้ที่บริเวณไร่มันสำปะหลัง ต.รังกาใหญ่ อ.พิมาย จว.นครราชสีมา ตรวจค้นภายในรถพบยาบ้ารวมจำนวน 1,500,000 เม็ด                

คดีที่ 6
​สืบเนื่องจากการจับกุม น.ส.ณัฐภัค กับพวก 4 คน พร้อมของกลาง ไอซ์ 50 กก., เคตามีน 50 กก. ใน อ.บำเหน็จณรงค์ จว.ชัยภูมิ เมื่อ 10 พ.ค.67 ที่ผ่านมา ตำรวจ บก.ปส.2 ได้ทำการขยายผลและพบว่าเครือข่ายยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง จนวันที่ 19 มิ.ย.67 ตรวจพบรถเฝ้าระวังเข้ามาในพื้นที่ อ.โพนพิสัย จว.หนองคาย กำลังตำรวจจึงลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและคัดกรองรถ ที่ผ่านพื้นที่ จว.อุดรธานี - ขอนแก่น จนมาถึง ถนนมิตรภาพ กม.193 (ขาเข้ากรุงเทพฯ) ในพื้นที่ ต.ธารปราสาท อ.โนนสูง จว.นครราชสีมา และสามารถสกัดจับรถกระบะ ISUZU DMAX หมายเลขทะเบียน ผผ 4908 อุบลราชธานี พร้อมคนขับคือนายปฏิวัติ อายุ 26 ปี และผู้โดยสารคือ นายอดิศักดิ์ อายุ 27 ปี ตรวจค้นในรถพบไอซ์ จำนวน 400 กก. ซุกซ่อนในห้องโดยสาร

3. บก.ปส.1
คดีที่ 7 จับกุมเครือข่าย “ต้า ท่าขี้เหล็ก” ตามแผนปฏิบัติการตามล่า 100 เครือข่าย 
สืบเนื่องจากตำรวจ กก.1 บก.ปส.1 สืบสวนพบกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดออนไลน์ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งจะขึ้นไปลำเลียงยาเสพติดจากทางภาคเหนือมาจำหน่าย และส่งออกไปยังกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก กระทั่งวันที่ 29 มิ.ย.67 พบรถกระบะบรรทุกส่วนบุคคล หมายเลขทะเบียน 1ฒก 81xx กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเฝ้าระวังกำลังขับลงมาจาก จว.เชียงราย ผ่าน จว.พะเยา-ลำปาง-แพร่-พิษณุโลก-พิจิตร-นครสวรรค์ พอมาถึงด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี ตำรวจได้เรียกเพื่อขอทำการตรวจค้นพบนายวันชัย หรือเปา เป็นคนขับ และทำการตรวจค้นรถด้วยการใช้เครื่องเอกซเรย์ พบวัตถุต้องสงสัยอยู่ใต้พื้นกระบะ จึงทำการรื้อถอนโครงสร้างพบเป็นไอซ์ ลักษณะ  เป็นก้อนรวมจำนวน 89 กก. ซุกซ่อนไว้ในช่องลับที่ทำการดัดแปลง ด้าน นายวันชัย ยอมรับว่าเตรียมนำรถที่มียาเสพติด ไปจอดทิ้งไว้โดยจะมีนายอาทิตย์ มารับช่วงต่อ บริเวณตลาดพระปิ่น 3 อ.บางใหญ่ จว.นนทบุรี ตำรวจจึงวางแผนนำไปจอดตามนัดหมาย กระทั่งพบรถต้องสงสัยเป็นกระบะ หมายเลขทะเบียน 3ขร 69xx กทม. ลักษณะขับวนเข้า-ออก ลานจอดรถหลายรอบ ตำรวจจึงนำกำลังติดตามไปยังบริเวณลานจอดปั๊มน้ำมันเชลล์ อ.บางบัวทอง จว.นนทบุรี 

จึงแสดงตัว ขอตรวจค้น ทราบชื่อคือนายเปา หรือนายอาทิตย์ รับสารภาพว่าจะมารับรถยนต์ที่ซุกซ่อนยาเสพติด เพื่อจะนำยาไปพักไว้ที่บ้านเลขที่ 119/110 หมู่บ้านพฤกษาวิลล์ 19 หมู่ 3 ต.ปลายบาง อ.บางกรวย จว.นนทบุรี ตามสั่งการ ตำรวจจึงขยายผลนำกำลังเข้าตรวจสอบบ้านดังกล่าวพบยาเสพติดเพิ่มเติมเป็น ไอซ์ 35 กิโลกรัม, เฮโรอีน 5.6 กิโลกรัม และ คีตามีน 28 กิโลกรัม สอบสวน นายวันชัย ระบุว่าตนเองได้รับคำสั่งจากนายต้าให้ลำเลียงยาเสพติดจากทางภาคเหนือ มาส่งให้กับนายอาทิตย์ ทำมาแล้วจำนวน 5-6 ครั้ง ขณะที่ นายอาทิตย์ หรือเปา ระบุว่าได้รับคำสั่งจากนายต้า ให้นำรถที่บรรทุกยาเสพติดนำมาเก็บเข้าโกดัง เมื่อเสร็จแล้วก็นำรถไปคืนให้นายวันชัย เพื่อนำรถไปลำเลียงยาเสพติดในรอบต่อไป ทั้งนี้ สามารถตรวจยึดเงินสด และเงินในบัญชีหมุนเวียน จำนวน 5,000,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ตำรวจอยู่ระหว่างออกหมายจับผู้สั่งการ ผู้ร่วมขบวนการที่นำยาเสพติดกระจายในพื้นที่โดยรอบกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และส่งออกไปยังต่างประเทศ 
 
​สำหรับการปราบปรามยาเสพติดของ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สามารถจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญได้ 1,076 คดี / ผู้ต้องหา 1,436 คน ของกลางเป็นยาบ้า 327,433,971 เม็ด, ไอซ์ 7,326 กก., เฮโรอีน 406 กก., คีตามีน 2,109 กก. และ ยาอี 2,005 เม็ด ยึดอายัดทรัพย์สินไว้เพื่อตรวจสอบมูลค่าประมาณ 3,616 ล้านบาท 

 

'พีระพันธุ์' ชี้!! ทิศทางพลังงานไทยระยะยาว ยืนยัน!! ต้องมุ่ง 'Net Zero-ราคาเป็นธรรม'

(5 ก.ค.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในการกล่าวสุนทรพจน์เปิดการอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านวิทยาการพลังงาน รุ่นที่ 20 (วพน.20) โดยระบุว่า ในระยะยาวทิศทางพลังงานของประเทศยังคงต้องให้ความสำคัญกับนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ได้ตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ให้ได้ภายในปี ค.ศ. 2050 

และ Net Zero ในปี ค.ศ. 2065 รวมทั้งการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน การแก้กฎหมายให้ราคาพลังงาน มีความยุติธรรม ประชาชนเข้าถึงได้ 

ทั้งนี้ พลังงานมีความสำคัญกับการดำเนินชีวิตของประชาชน ทั้งน้ำมัน ไฟฟ้า ก๊าซ ซึ่งปัจจุบันการใช้พลังงานทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย ยังคงเผชิญกับวิกฤตด้านราคาพลังงาน ทั้งจากประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ ที่ยังไม่มีข้อยุติ

ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญกระทบข้อจำกัดในการผลิตและจัดหาพลังงาน และการเข้าถึงพลังงาน 

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นภาวะโลกร้อน ที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ ซึ่งทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยให้ความสำคัญและเร่งการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี การบริหารจัดการและใช้พลังงานอย่างยั่งยืน เป็นวาระสำคัญของโลกที่ครอบคลุมใน 3 มิติ ประกอบด้วย 

- Security คือมีพลังงานใช้อย่างเพียงพอ

- Affordability คือราคาพลังงานที่เข้าถึงได้และเป็นธรรม 

- Environment คือพลังงานที่ใช้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

"วาระดังกล่าวเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้โดยร่วมสนับสนุนนโยบายการอนุรักษ์พลังงาน และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพอย่างจริงจังจากทุกภาคส่วน เพื่อมีส่วนช่วยขับเคลื่อนประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤต" 

'เพจดัง' เผย!! ออโรร่าบอกพระมารดา ขอยุติกับทาร์ซานเอง วอน!! หยุดให้ร้ายทาร์ซานว่าเลือกพระมารดากันได้แล้ว

(5 ก.ค. 67) จากกรณีเพจดัง ‘เจ๊มอย108 V1’ ได้โพสต์ถึงตอนจบนิทานทาร์ซาน พระมารดา และ ออโรร่าพร้อมวอนหยุดให้ร้ายทาร์ซาน โดยระบุว่า…

“หยุดให้ร้ายทาร์ซานว่าเลือกพระมารดา เพราะทาร์ซานยังไม่ทันได้เลือกอะไรเลย แต่ออโรร่าเลือกที่ไปบอกพระมารดาเองว่า… ข้าขอยุติกับทาร์ซานนะเจ้าคะ”

“ทาร์ซานได้แต่เคารพการตัดสินใจของออโรร่า เพราะคงคิดมาดีแล้ว คงต้องปล่อยกันไปทั้งที่ยังรัก… แค่นั้นเอง นิทานจบแค่นี้พอ”

“พวกสนมนางในก็เพลา ๆ กันหน่อย เคารพการตัดสินใจของออโรร่าและทาร์ซานด้วย เรื่องนี้ทั้ง 3 พระองค์รู้ดีสุดว่าเหตุอันใดถึงไปกันไม่รอด เล่าไปกูก็อาจจะโดนโบยยยยย #อิพิมพ์เมียทาร์ซาน”

ชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์สนั่น บ้างก็ได้แต่ส่งกำลังใจกันรัว ๆ บ้างก็บอกเข้าใจออโรร่า อาทิ 

“ฟังจากสัมภาษณ์ที่บอกฝ่ายหญิงเป็นคนแคร์ความรู้สึกคนอื่นมากกว่าตัวเอง คิดว่าออโรร่า คงไม่อยากให้คนที่ตัวเองรักลำบากใจ เลยเลือกที่จะจบและเจ็บเองดีกว่า ยุติตอนนี้ ก่อนมันจะแย่ไปมากกว่านี้ เจอกันในอนาคต อาจจะยังจูนกันได้ เป็นเพื่อนกันได้”

“ออโรร่าเป็นคนดีจิตใจดีไม่อยากให้คนรักลำบากใจ เลยเลือกจบแบบเจ็บ ๆ ดีกว่า เป็นต้น”

'นักวิชาการ’ ชี้!! ‘คนเกาหลี’ ที่เหยียด ‘ลิซ่า’ คือกลุ่มเล็กๆ มีไม่ถึง 10% แถมคนส่วนใหญ่มัก ‘ชื่นชม-ยกย่อง’ ให้เป็นตัวอย่างของความสำเร็จ

'นักวิชาการด้านเกาหลี’ เผย เกาหลีที่เหยียดลิซ่าเป็นแค่คนกลุ่มเล็ก ๆ มีไม่ถึง 10% ขณะที่ชาวเกาหลีส่วนใหญ่ชื่นชมลิซ่า โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นถึงขั้นยกให้เป็นไอดอล ชี้!! 'สำนักข่าว OSEN' ที่แซะลิซ่า เป็นแค่สื่อโนเนม พบ!! ปรากฏการณ์ 'ร็อคสตาร์' ทำเกาหลีตีกันเอง

(5 ก.ค.67) ทันทีที่ ‘ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล’ ศิลปินสาวชาวไทย ออก MV เพลงร็อคสตาร์ เพลงแรกในฐานะศิลปินเดี่ยวจากค่าย LLound ที่เธอเป็นเจ้าของ ก็เกิดปรากฏการณ์ ‘ลิซ่าฟีเวอร์’ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับลิซ่า และ MV ร็อคสตาร์ ล้วนถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยเพลงของเธอขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งและอันดับต้น ๆ ในหลายประเทศ ลิซ่ากลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทยอย่างเต็มตัว แต่ในอีกด้านหนึ่งกลับมีกระแสเหยียดลิซ่าจากคนเกาหลีบางส่วน และสื่อเกาหลีบางสำนักที่แซะในทำนองว่าลิซ่าออกจากวงการเคป็อบเพื่อมาดังแค่ในประเทศไทย ส่งผลให้แฟนคลับชาวไทยไม่พอใจเป็นอย่างมาก จนเกิดกระแสแบนเกาหลีลุกลามไปทั่ว จนหลายฝ่ายมองว่านี่อาจเป็น ‘จุดจบ’ ของความนิยมเคป็อบในไทย

ส่วนว่าข้อเท็จของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร และจะส่งผลกระทบอะไรต่อเกาหลีบ้างนั้น คงต้องไปฟังความเห็นจากผู้รู้

นายเสกสรร อานันศิริเกียรติ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ สมาคมไทยคดีศึกษาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Korean Association of Thai Studies : KATS) ชี้ว่า จริง ๆ แล้วคนเกาหลีที่เหยียดลิซ่านั้นมีแค่บางกลุ่ม ซึ่งเป็นคนกลุ่มเล็ก ๆ แต่คนเหล่านี้มักมาโพสต์ในโซเชียลทำให้กลายเป็นกระแสที่นำไปสู่ความขัดแย้ง เท่าที่ได้สัมผัสคนเกาหลีส่วนใหญ่ชอบและชื่นชมลิซ่า ลิซ่าเป็นไอดอลของเขา โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ ที่ผ่านมาลิซ่าได้รับการยกย่องจากเกาหลีอย่างมาก เวลาข้าราชการเกาหลีพูดถึงความสัมพันธ์กับไทยก็จะพูดถึงลิซ่าว่าเป็นตัวอย่างของความสำเร็จ ที่สำคัญเขาพูดถึงลิซ่าในฐานะที่เป็นคนไทย ไม่ใช่ในฐานะเคป็อป

การที่ลิซ่าไม่ต่อสัญญาศิลปินเดี่ยวกับวายจีก็เป็นสิ่งที่คนเกาหลีเข้าใจและยอมรับได้ ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าต้นสังกัดเดิมไม่ค่อยเป็นธรรมกับลิซ่านัก เพราะมีหลายเหตุการณ์ที่เห็นได้ชัด ส่วนลิซ่าเมื่อออกไปสร้างผลงานระดับสากลก็สามารถนำเอาเคป็อปไปต่อยอดโดยใส่ความเป็นไทยเข้าไป เพราะนี่คือความเป็นลิซ่าที่สามารถหลอมรวมวัฒนธรรมและสร้างแบบฉบับการเต้นและดนตรีของตัวเองขึ้นมาทำให้คนทั่วโลกชื่นชอบ

“ถ้าลองเสิร์ชคำว่า How You think about Lisa ในยูทูบ จะพบว่าคนเกาหลีส่วนใหญ่ตอบว่าเขาชอบลิซ่า เขามองว่ารูปร่างและสีผิวของลิซ่าเป็นสิ่งที่ผู้หญิงเกาหลีอยากเป็น ส่วนคนที่ไม่ชอบลิซ่านั้นมีน้อยมาก ไม่ถึง 10% แต่คนพวกนี้ปากแจ๋ว ชอบแสดงความเห็นตามสื่อโซเชียล และสำนักข่าว OSEN ที่เป็นต้นเหตุดรามาก็เป็นสำนักข่าวโนเนม ไม่ใช่สำนักข่าวที่น่าเชื่อถือหรือได้รับความนิยมแม้แต่ในกลุ่มแฟนคลับเคป็อป ต่างจาก Dispatch ซึ่งเป็นสื่อที่คนใช้อ้างอิงเวลามีข่าวสำคัญ ดังนั้นเราไม่ควรนำความเห็นของคอลัมนิสต์หนึ่งคนจากสำนักข่าวบันเทิงเล็ก ๆ ที่มุ่งแสวงหากำไรมาทำลายบรรยากาศของความสัมพันธ์และความรู้สึกดีต่อกันที่มีมานาน บางที 'ชาวเน็ต' ที่พูด ๆ กันก็ไม่ใช่ใครที่ไหน สำนักข่าวนี่ล่ะครับตัวดี อยากได้ยอด Engagement” นายเสกสรร กล่าว

อย่างไรก็ดี นายเสกสรร ชี้ว่า กระแสเหยียดลิซ่าของเกาหลีแม้จะเป็นแค่กลุ่มคนเกาหลีเล็ก ๆ แต่มันไปกระทบความรู้สึกของบรรดาแฟนคลับลิซ่าที่มีอยู่ทั่วโลก โดยเฉพาะแฟนคลับคนไทย ประกอบกับก่อนหน้านี้ไทยเกิดกระแสแบนเกาหลีจากความไม่พอใจกรณี ตม.เกาหลีที่เลือกปฏิบัติกับนักท่องเที่ยวไทยที่ไปเที่ยวเกาหลี ซึ่งตรงนี้เป็นปัญหาของทางเกาหลีซึ่งไม่มีประสิทธิภาพในการคัดกรองคนเข้าประเทศ ทำให้คนที่ตั้งใจเข้าไปเที่ยวแต่ถูก ตม.ส่งกลับได้รับความเสียหาย ขณะที่แรงงานไทยก็อาจจะเข้าไปสร้างปัญหาให้เขาเหมือนกัน เมื่อเกิดความไม่เข้าใจกันในกรณีของลิซ่าก็เลยลุกลามกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวซึ่งขยายผลไปใหญ่โต

“มีคนเกาหลีที่พูดภาษาไทยได้ เขาบอกว่าเขาเสียใจนะที่มีคนเกาหลีบางคนมาโพสต์เหยียดลิซ่า เขาก็อยากอธิบายว่าคนเกาหลีเสียใจและอยากให้คนไทยกับเกาหลีเข้าใจกัน แล้วก็มีคนเกาหลีบางส่วนโพสต์ต่อว่าคนเกาหลีที่โพสต์เหยียดลิซ่าด้วย ซึ่งวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของเกาหลีคือ ถ้าเขาเห็นไม่ตรงกัน เขาจะโต้เถียงจัดการกันเอง เราไม่ต้องทำอะไรเลยให้เขาจัดการกันเอง ไม่ต้องไปตีกับเขา เราไปทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่า ผมคิดว่าสิ่งที่สร้างลิซ่าขึ้นมาก็คือตัวของลิซ่าเองนี่ล่ะครับ สิ่งที่พวกเราชาวไทยทำได้ก็คงเป็นการแสดงความยินดีในฐานะเพื่อนร่วมชาติและช่วยสนับสนุนน้องในทุกผลงานต่อจากนี้ ส่วนมิวสิกวิดีโอล่าสุดที่น้องออกมาก็อาจเป็นไปได้ที่คนจะมองว่าแซะเกาหลี แต่ผมเชื่อว่าเกาหลีคงไม่มีโกรธเคือง เพราะหนึ่งในความเป็นเกาหลีก็คือความกล้าพอที่จะเปิดให้คนข้างนอกมาวิพากษ์มาท้าทาย” นายเสกสรร ระบุ

สถาบันอนุรักษ์และวิจัยสัตว์ องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย จัดการฝึกอบรบ 'การจัดทำสัตว์สตัฟฟ์ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก'

เมื่อวันที่ 2-4 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา สถาบันอนุรักษ์และวิจัยสัตว์ องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ได้จัดฝึกอบรม 'การจัดทำสัตว์สตัฟฟ์ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก' โดยได้รับเกียรติจากนายวัชระ สงวนสมบัติ, นางสาวฐิติมา ภู่มาก และ นางสาวภัทรียา สร้อยอินทร์ เป็นวิทยากรจากศูนย์บริหารคลังตัวอย่างทาง ธรรมชาติและสัตว์สตัฟฟ์ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ กระทรวงการ อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม

การอบรมในครั้งนี้มีพนักงานและลูกจ้างขององค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 25 คน

โดยมีจุดประสงค์ให้พนักงานและลูกจ้าง เสริมสร้างทักษาะและพัฒนาเทคนิคในการสตั๊ฟฟ์สัตว์ เพื่อจัดการและรักษาซากหลังการชันสูตร ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่องค์กร และนำไปสร้างคุณค่าแก่การเรียนรู้และการอนุรักษ์สัตว์ป่าหายากแก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป

'ยูฟ่า' แบนแข้งเติร์ก 2 นัด เหตุท่าดีใจ 'นีโอฟาสซิสต์'

(5 ก.ค. 67) สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป(ยูฟ่า) สั่งแบน เมริห์ เดมิรัล กองหลังทีมชาติตุรกี เนื่องมาจากการกระทำท่าดีใจ ทางการเมือง ระหว่างการแข่งขันเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2024

เดมิรัล ทำสัญลักษณ์ของ ‘เกรย์ วูล์ฟส์’ แนวนีโอฟาสซิสต์ หลังจากทำประตูในเกมยูฟ่า ยูโร 2024 รอบ 16 ทีมสุดท้าย กับ ออสเตรีย 

เคสนี้ผิดมาตรา 16, 2 (e) ของโปรโตคอลการดำเนินการทางวินัยของยูฟ่า ได้ประกาศห้าม ‘การใช้ท่าทาง คำพูด วัตถุ หรือวิธีการอื่นใดในการส่งข้อความยั่วยุที่ไม่เหมาะกับการแข่งขันกีฬา โดยเฉพาะข้อความยั่วยุที่เป็นทางการเมือง อุดมการณ์ ศาสนา หรือลักษณะที่น่ารังเกียจ’

สำหรับ องค์กรเกรย์วูล์ฟส์ นี้ก่อตั้งมานานตั้งแต่ปี 1969 ในชื่อ 'ไอเดียลลิสต์ ฮาร์ตส์' (Idealist Hearts) เป็นกลุ่มชาตินิยมที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นการต่อต้านแนวคิดสังคมนิยมในหมู่ปัญญาชนชาวตุรกี โดยพรรคการเมืองกิจชาตินิยม (Nationalist Action Party) 

ต่อมาถูกเรียกว่า 'หมาป่าสีเทา' จากโลโก้ของพวกเขาที่มาจากตำนานของตุรกี โดย เกรย์ วูล์ฟส์ เป็นขบวนการทางการเมืองแนวขวาจัดของตุรกี และเป็นกลุ่มองค์กรเยาวชนของพรรค Nationalist Movement Party (MHP) มาโดยตลอด

'คกก.' ไฟเขียว!! ขายเหล้า 5 วันพระใหญ่ ใน 6 สนามบินได้ เชื่อ!! กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วน 'สถานีรถไฟ-ในขบวน' รอพิจารณา

(5 ก.ค. 67) คกก. นโยบายฯ เห็นชอบ ให้ท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ ทอท. จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในวันห้ามขายได้ ส่วนสถานีรถไฟให้ทบทวนมาตรการป้องกันควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกครั้ง

คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ประชุมเข้มเรื่องการขอยกเว้นสำหรับการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันห้ามขาย ณ ท่าอากาศยาน และพิจารณาแนวทางการขอยกเว้นสถานที่ หรือบริเวณห้ามขายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในบริเวณสถานีรถไฟ

เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ที่รัฐสภา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ครั้งที่ 3/2567โดยมี นายแพทย์อดิสรณ์ วรรธนะศักดิ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค คณะผู้บริหารกรมควบคุมโรค และกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

นายสุริยะ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ได้ร่วมกันพิจารณาในประเด็น หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ พร้อมทั้งข้อความคำเตือนสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผลิตหรือนำเข้า ซึ่งระยะเวลาในการออกประกาศคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นี้ จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 หลังจากนี้จะต้องนำไปแจ้งเวียนประเทศสมาชิก WTO อย่างน้อย 60 วัน หากพิจารณาแล้วเห็นว่าเนื้อหาในร่างประกาศมีผลบังคับใช้กับผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้เกิดผลกระทบกับผู้ประกอบการ จำเป็นต้องพิจารณาร่างประกาศด้วยความละเอียดรอบคอบ มีหลักฐานทางวิชาการและวิทยาศาสตร์สนับสนุนด้วย

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันห้ามขาย ณ ท่าอากาศยานของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต หาดใหญ่ ได้มีการพิจารณาเห็นชอบ ให้ปรับปรุงประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558 คือ วันอาสาฬหบูชา วันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา วันเข้าพรรษา และวันออกพรรษา ให้สามารถจำหน่ายได้ ในอาคารอากาศยานนานาชาติ เพื่อให้เกิดการใช้จ่าย สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว และเป็นการส่งเสริมภาคเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศ

ในส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ขอพิจารณาแนวทางการขอยกเว้นสถานที่ หรือบริเวณห้ามขายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในบริเวณสถานีรถไฟ หรือในขบวนรถที่อยู่บนทางรถไฟ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศนั้นได้ให้ คกก.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร่วมกับ รฟท.หารือแนวทางและมาตรการควบคุมป้องกันด้านสาธารณสุขและการท่องเที่ยว และร่างกฎหมายส่งให้ คกก.นโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ พิจารณาถึงความเหมาะสมและผลกระทบ ที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อให้เกิดสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจและผลกระทบด้านสุขภาพของประชาชนต่อไป

นอกจากนี้ ที่ยังได้มีมติเห็นชอบ ร่างคำสั่งคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาแนวทางการจัดหาหรือจัดตั้งกองทุนเพื่อการบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพผู้มีปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ต้องการเข้ารับการบำบัดรักษาเพื่อการเลิกดื่ม สามารถเข้าสู่ระบบบำบัดรักษา และเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย

นายสุริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติกำหนดให้วันเข้าพรรษาของทุกปีเป็น ‘วันงดดื่มสุราแห่งชาติ’ ในปีนี้ กรมควบคุมโรค ได้จัดกิจกรรมรณรงค์วันงดดื่มสุราแห่งชาติ ประจำปี 2567 ขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม 2567 ณ บริเวณลานหน้าห้อง MCC Hall ชั้น 4 เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน จังหวัดนนทบุรี ภายใต้ธีมงาน ‘หยุดเหล้า หยุดอันตรายต่อผู้อื่น (Stop Alcohol Stop Harm to Other) ’ โดยมุ่งเน้นรณรงค์ในกลุ่มเด็กเยาวชน และผู้หญิง เพื่อให้เยาวชนรุ่นใหม่ ตระหนักถึงอันตรายของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกระตุ้นให้เกิดการลด ละ เลิก การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมมีกิจกรรม ‘เชิญ ชวน เชียร์ ลด ละ เลิกเหล้า เข้าสู่ระบบบำบัดรักษา’ ด้วยการลงนาม ผ่านระบบออนไลน์ ผ่าน QR Code หรือเว็บไซต์www.noalcohol.ddc.moph.go.th เพื่อร่วมงดเหล้าในช่วงเข้าพรรษาตลอดระยะเวลา 3 เดือน นำสู่การเลิกเหล้าตลอดชีวิต”

'เอ็กซิทโพลเลือกตั้งผู้ดี' ชี้!! พรรคแรงงานกวาดชัย 410 เก้าอี้ ส่วนอนุรักษ์นิยมเหลือ 131 เก้าอี้ หลังทำวิกฤตค่าครองชีพพุ่ง

(5 ก.ค.67) เอ็กซิทโพลเผย ผลการเลือกตั้งทั่วไปของสหราชอาณาจักรที่ถูกจับตามองหลังปิดหีบว่า พรรคแรงงานของนายเคลียร์ สตาร์เมอร์ จะชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย โดยมีสมาชิกที่ได้รับเลือก 410 คน ซึ่งมากกว่าพรรคอนุรักษ์นิยมที่ครองอำนาจมายาวนานถึง 14 ปี ที่จะได้ที่นั่ง 131 ที่นั่ง ซึ่งต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา

หากผลการเลือกตั้งเป็นไปตามเอ็กซิทโพลที่จะจัดทำขึ้นร่วมกันโดยสื่อเจ้าหลักของสหราชอาณาจักร 3 สำนัก ประกอบด้วยบีบีซี ไอทีวี และสกายจริง นั่นหมายความว่าพรรคแรงงานจะได้คะแนนเสียงมากกว่าพรรคอนุรักษ์นิยมถึง 279 เสียง

ขณะที่พรรคอนุรักษ์นิยมได้ 131 ที่นั่ง ลดลงจาก 346 ที่นั่งที่มีอยู่ก่อนน่าจะหน้าที่จะมีการยุบสภา ในการเลือกตั้งที่ถูกมองว่าเป็นการลงโทษของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงต่อพรรคอนุรักษ์นิยมเกี่ยวกับวิกฤตค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงความปั่นป่วนวุ่นวายในพรรคที่กินเวลายาวนานหลายปี จนทำให้อังกฤษต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีอังกฤษถึง 5 คนนับตั้งแต่ปี 2016 จนถึงปัจจุบัน

ด้านพรรคเสรีประชาธิปไตยคาดว่าจะได้ 61 ที่นั่ง พรรคแห่งชาติสกอตแลนด์ 10 ที่นั่งพรรคปฏิรูปสหราชอาณาจักร 13 ที่นั่ง พรรค Plaid Cymru ที่สนับสนุนการเป็นเอกราชของเวลส์ 4 ที่นั่ง และพรรคกรีน 2 ที่นั่ง

ผลการเลือกตั้งดังกล่าวจะทำให้สตาร์เมอร์กลายเป็นผู้นำพรรคแรงงานคนที่ 4 ที่สามารถล้มพรรคอนุรักษ์นิยมได้ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคแรงงานคนแรกในรอบ 14 ปี

อย่างไรก็ดี ชัยชนะดังกล่าวยังถือว่าน้อยกว่านายโทนี่ แบลร์ อดีตผู้นำพรรคแรงงานในปี 1997 ที่นำพรรคแรงงานคว้าชัยได้ 418 ที่นั่ง

ผลการเลือกตั้งดูจะเป็นสิ่งยืนยันว่าชาวอังกฤษเห็นด้วยกับการรณรงค์หาเสียงของพรรคแรงงานที่เน้นย้ำว่า “ถึงเวลาสำหรับการเปลี่ยนแปลงแล้ว” โดยนายสตาร์เมอร์ได้ขอบคุณผู้ที่ลงคะแนนให้เขา และไว้วางใจในการเปลี่ยนแปลงที่พรรคแรงงานจะทำให้เกิดขึ้น

หากผลเอ็กซิทโพลถูกต้อง นายริชี ซูแน็ก ผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมมีแนวโน้มที่จะประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคมนี้ ก่อนที่สตาร์เมอร์จะเดินทางไปที่พระราชวังบัคกิ้งบักกิงแฮมเพื่อได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร ให้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนต่อไป

จากนั้นเขาจะเดินทางไปยังทำเนียบนายกรัฐมนตรี ที่บ้านเลขที่ 10 บนถนนดาวนิง เพื่อกล่าวถ้อยแถลงสั้น ๆ ก่อนเริ่มทำงานในฐานะผู้นำรัฐบาลอังกฤษชุดใหม่ โดยแหล่งข่าวจากพรรคแรงงานระบุว่า พวกเขาคาดว่าคณะรัฐมนตรีส่วนใหญ่หรือทั้งหมดจะได้รับการแต่งตั้งภายในเย็นวันศุกร์นี้ โดยจะมีรัฐมนตรีที่เป็นคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น

'ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ' ชี้!! ทางออกเศรษฐกิจไทย หากไม่ปรับโครงสร้างใหญ่ หมดสิทธิโตเกิน 3%

(5 ก.ค. 67) เพจ ‘Salika’ ได้เผยแพร่ข้อมูลที่น่าสนใจ เกี่ยวกับการหาทางออกให้กับทิศทางเศรษฐกิจไทย โดยระบุว่า…

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุแบบจำลองของ ธปท. มองภาพเศรษฐกิจไทยในช่วงปี 66-71 คาดว่าจะเติบโตได้แค่ราว 3% ซึ่งเป็นระดับศักยภาพของไทยในปัจจุบันที่ลดลงจากในอดีต และยากที่จะกลับไปเติบโตได้สูงถึง 4-5% อย่างเช่นในอดีต 10 ปีที่ผ่านมา

เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ช้าเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ และยังซ่อนความยากลำบากของประชาชนอยู่อีกไม่น้อยที่เดือดร้อนจากรายได้ที่ยังฟื้นกลับมาไม่เต็มที่ ทั้งลูกจ้างนอกภาคเกษตร, ผู้ประกอบอาชีพอิสระ แม้รายได้อาจจะกลับมาใกล้เคียงช่วงก่อนโควิด แต่กลับมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นจากค่าครองชีพสูงขึ้น

ทั้งนี้ ธปท.ประเมินภาพเศรษฐกิจไทยรายไตรมาส ในช่วงที่เหลือของปี 67 คือ ไตรมาส 2 คาดเติบโตใกล้เคียง 2% ไตรมาส 3 คาดเติบโตใกล้เคียง 3% และไตรมาส 4 คาดเติบโตใกล้เคียง 4% ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ขยายตัวได้ 1.5% ส่วนในปี 68 คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ราว 3%

การจะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้มากกว่านี้ จะต้องมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ปรับโครงสร้างแรงงานให้มีประสิทธิภาพ มีการลงทุนมากขึ้น มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทันสมัย หากไม่มีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือการยกระดับประสิทธิภาพแรงงานอย่างจริงจัง ศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทยก็จะเติบโตอยู่ได้ในระดับที่ 3% ไม่สามารถเติบโตได้มากกว่านี้ ขณะที่การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ได้เป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top