Tuesday, 2 July 2024
NewsFeed

'สภาพัฒน์ฯ' เผยผลสำรวจ คนไทยยื่นแบบภาษีเงินได้เพียง 35.7% อึ้ง!! ภาพรวมความรู้ด้านภาษีต่ำ แถมไม่รู้ว่าเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย

(28 พ.ค. 67) รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่ง ปี 2567 ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ เปิดเผยมุมมองการยื่นและเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของคนไทย ระบุว่า การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของไทยยังมีข้อจำกัดด้านความครอบคลุมและครบถ้วน ซึ่งเกิดจากแรงงานไทยมากกว่าครึ่งเป็นแรงงานนอกระบบ ทำให้การตรวจสอบรายได้มีข้อจำกัดและเป็นช่องโหว่ให้คนบางกลุ่มเลือกไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ฯ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่คนทั้งหมดที่มีเจตนาไม่ยื่นแบบฯ แต่เป็นผลจากสาเหตุอื่น อาทิ ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการยื่นแบบฯ

สศช. จึงร่วมกับ บริษัท ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ จำกัด ดำเนินการสำรวจและศึกษาทัศนคติของประชาชนต่อหน้าที่การยื่นแบบฯ และการจ่ายภาษีในกลุ่มประชาชนอายุ 25 ปีขึ้นไป โดยพบว่า มีกลุ่มตัวอย่างเพียง 35.7% ที่ยื่นแบบฯ ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพที่มีเงินเดือนประจำ และกว่า 80.8% มีสถานะทางการเงินที่รายได้เพียงพอกับรายจ่าย ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่าง 50.5% ไม่ได้ยื่นแบบฯ แม้ว่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องยื่นแบบฯ ซึ่งพบว่ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีระดับการศึกษาไม่เกินมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือ ปวช. เป็นแรงงานนอกระบบ มีรายได้เฉลี่ย 12,115 บาทต่อเดือน อีกทั้ง มากกว่าครึ่งมีการใช้จ่ายแบบเดือนชนเดือน หรือมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้

เมื่อพิจารณาระดับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา พบว่า ภาพรวมคนไทยมีความรู้ในระดับต่ำ โดยบางส่วนไม่รู้ว่าการยื่นแบบฯ และเสียภาษีเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย และกว่า 65.6% ไม่ทราบว่าการยื่นแบบฯ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเสียภาษี อีกทั้ง มากกว่าครึ่งไม่ทราบว่า หากมีเงินได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท จะได้รับการยกเว้นการเสียภาษี

ด้านทัศนคติเกี่ยวกับความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา พบว่า คนไทยส่วนใหญ่มองว่าระบบการจัดเก็บภาษีเงินได้ฯ ในปัจจุบันมีความเป็นธรรมในระดับปานกลางถึงค่อนข้างต่ำ จากประเด็นปัญหา อาทิ ระบบตรวจสอบที่ไม่ครอบคลุม ทำให้มีผู้ที่มีรายได้ถึงเกณฑ์บางส่วนไม่ยื่นแบบฯ ผู้มีรายได้สูงบางกลุ่มอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมายในการหลบเลี่ยงภาษี เกณฑ์เงินได้ขั้นต่ำที่ต้องเสียภาษีต่ำเกินไป ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบัน

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาความเต็มใจในการยื่นแบบฯ และเสียภาษีของคนไทย พบว่า ประมาณ 70% ของกลุ่มตัวอย่าง เต็มใจที่จะยื่นแบบฯ และเสียภาษี หากมีรายได้ถึงเกณฑ์ หรือหากได้รับสวัสดิการที่ดีขึ้นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังพบว่า 1 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างไม่เห็นด้วยที่จะกำหนดให้ทุกคนที่มีรายได้ต้องยื่นแบบฯ โดยไม่ต้องมีเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำ

สำหรับปัจจัยที่จูงใจให้คนไทยยื่นแบบฯ พบว่า กลุ่มที่มีการยื่นแบบฯ อยู่แล้ว ให้ความสำคัญกับความสะดวกในการกรอกข้อมูลมากที่สุด ขณะที่กลุ่มที่ไม่ได้ยื่นแบบฯ แม้จะมีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องการให้ไม่ตรวจสอบข้อมูลภาษีย้อนหลัง และไม่ขอเอกสารหรือหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนปัจจัยที่สามารถจูงใจให้เสียภาษีคือ การมีรายได้มากกว่ารายจ่าย โดยเฉพาะกับกลุ่มที่ไม่ได้ยื่นแบบฯ แม้จะมีรายได้ถึงเกณฑ์ขณะที่กลุ่มที่ยื่นแบบฯ จะให้ความสำคัญกับการจัดสวัสดิการของรัฐมากกว่า

ดังนั้น การส่งเสริมและพัฒนาการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อาจต้องดำเนินการ ดังนี้

1. การสร้างความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ประชาชน ตั้งแต่วัยเด็ก และมีการสื่อสารอย่างต่อเนื่องด้วยรูปแบบข้อมูลที่เข้าใจง่าย 

2. การสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการนำภาษีไปใช้ของรัฐ รวมถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการเสียภาษีโดยการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินนโยบายและการจัดสวัสดิการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน การดำเนินนโยบายที่เกิดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม และการสื่อสารสถานการณ์การเงินการคลังของประเทศ

3. การมีแนวทางส่งเสริมการเข้าระบบภาษีโดยสมัครใจ อาจพิจารณาการยกเว้นหรือลดบทลงโทษต่าง ๆ รวมถึงมีมาตรการจูงใจอื่น 4. การตรวจสอบและลงโทษผู้ที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องอย่างเข้มงวด โดยพัฒนาระบบการตรวจสอบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงอาจมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่จงใจทำผิดเป็นการเฉพาะเพื่อให้เกิดความเกรงกลัว และ 5. การอำนวยความสะดวกให้ผู้ยื่นแบบฯ ซึ่งหากพัฒนาระบบให้สามารถประมวลผลข้อมูลรายได้จากแหล่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น รวมถึงมีบุคลากรคอยสนับสนุนและช่วยเหลือในแต่ละกระบวนการ

ทั้งนี้ ภาครัฐต้องให้ความสำคัญกับการสร้างและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงดำเนินการส่งเสริมให้ประชาชนมีรายได้ที่เพียงพอ เพื่อให้เกิดความพร้อมและความรู้สึกสบายใจในการยื่นแบบฯ และเสียภาษีซึ่งจะเป็นการขยายฐานภาษีและจะเป็นผลดีในระยะยาว สำหรับการออกแบบนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ในอนาคต จากการมีฐานข้อมูลที่ครบถ้วนมากขึ้น

'แม่น้องไนซ์' วิ่งวุ่น!! ตามหาทนายดังๆ มาสู้คดี หลังหลากคู่กรณี เข้าแจ้งความเอาผิด ‘สำนักเชื่อมจิต’

(28 พ.ค.67) ยังคงเป็นประเด็นร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง สำหรับดรามาน้องไนซ์ ที่อ้างตัวเป็นลูกของพระพุทธเจ้า สอนธรรมะด้วยวิธีการเชื่อมจิต ซึ่งทางสำนักพระพุทธศาสนาเอง ก็ออกมาคอนเฟิร์มแล้วว่าสิ่งเหล่านี้ ไม่ได้มีระบุไว้ในพระไตรปิฎก

ขณะเดียวกัน ประเด็นที่สืบเนื่องมาจากข้อกังขาในลัทธิเชื่อมจิต ก็เรียกว่ามีสตอรี่ใหม่ ๆ ผุดขึ้นมาไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งทางครอบครัวของน้องไนซ์เอง ก็ไม่ยอมลดลาวาศอกเลยแม้แต่น้อย ทั้งออกมาตอบโต้เองทางโซเชียลมีเดีย แถมยังให้ทนายธรรมราช ดำเนินคดีทางกฎหมาย กับคนที่เกี่ยวข้องควบคู่กันไปอีกต่างหาก

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เหล่าตัวแทนองค์กรต่าง ๆ นำโดยทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ในฐานะประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ก็ได้บุกแจ้งความจับแบบกราวรูดทั้งสำนัก เนื่องจากเห็นว่าลัทธิดังกล่าว บ่อนทำลายพระพุทธศาสนา ขณะที่หนุ่ม กรรชัย พิธีกรชื่อดัง ได้ประกาศด้วยว่า ส่งทนายไปแจ้งความกับลัทธิเชื่อมจิตแล้ว พร้อมยืนยันว่า พ่อแม่กับน้องไนซ์มีความผิดตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก

ไม่เพียงเท่านั้น ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ก็เดินเครื่องถล่มเชื่อมจิตแล้วเช่นกัน โดยนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักพุทธฯ ได้มอบหมายให้ทางผู้อำนวยการนิติกร ของสำนักพุทธฯ รวบรวมพยานหลักฐาน เมื่อ 2 วันก่อน ซึ่งก็ได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีหลักฐาน ที่ส่อว่าการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าว เข้าข่ายนำข้อมูลอันเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยคณะทำงานได้เร่งถอดเทปย้อนหลัง รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนแจ้งความดำเนินคดี ต่อ สภ.พุทธมณฑล ฐานความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ภายในสัปดาห์หน้า นอกจากแจ้งดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการลัทธิเชื่อมจิตแล้ว ยังเตรียมแจ้งเบาะแสประเด็นเดียวกันนี้ ไปยังตำรวจไซเบอร์ เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดอีกช่องทางหนึ่งด้วย

และต้องบอกว่า งานงอกอย่างต่อเนื่อง เมื่อนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ เปิดเผยว่า ทางกระทรวง พม. โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ขออุทธรณ์กรณีที่เกิดขึ้น อยากให้ทางศาลรับเคสน้องไนซ์เป็นกรณีเร่งด่วน ซึ่งหากการอุทธรณ์ของกระทรวง พม.ได้ผล ศาลก็จะนัดไต่สวนทันที

ที่ผ่านมาแม้คณะสหวิชาชีพ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวง พม. จะเจอตัวน้องไนซ์ แต่การที่จะพูดคุยเพื่อประเมินสภาพจิตใจของตัวน้อง ยังไม่สามารถทำได้ ซึ่งหากศาลไต่สวนฉุกเฉิน เราจะดำเนินการคุ้มครองได้สองกรณี คือ 

1.ขอให้ผู้ปกครองของน้องไนซ์ หยุดหาประโยชน์จากตัวน้องไนซ์ 

และ 2.ให้ผู้ปกครองเข้าร่วมวางแผนกับทีมงาน และเจ้าหน้าที่ในการเลี้ยงดูน้องไนซ์ 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตอนนี้ ศาลจะไม่ได้รับเรื่องไว้เป็นกรณีฉุกเฉิน แต่ภายในสัปดาห์นี้ทาง จะมีการยื่นคำร้องไต่สวนฉุกเฉินอีกครั้ง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของกระทรวง พม. ที่อยากจะให้มีการไต่สวนเป็นกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน

งานนี้บอกเลยว่าหนักมากสำหรับคนที่เป็นทนายความให้ฝั่งเชื่อมจิต เพราะยิ่งกว่าพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ซึ่ง ‘เพจอีซ้อขยี้ข่าว’ ได้โพสต์แชตหลุด 2 หน้า อ้างว่าเป็นแชตของทางกลุ่มเชื่อมจิตทักหาทนายความคนหนึ่ง โดยเป็นการติดต่อไปหาเพื่ออยากให้ว่าความให้ พร้อมบอกด้วยว่า พวกเราอยากมีทนายเก่ง ๆ ขณะที่ทางเพจเขียนแคปชันประกอบว่า “แชทหลุด…ลัทธิเชื่อมจิตติดต่อหาทนายชื่อดังระดับประเทศมาดูแลแทนทนายคนเดิมเพราะกลัวจะแพ้คดีเหมือนที่ผ่านๆ มา” / “แฉต่อ วิ่งวุ่นเปลี่ยนทนาย แต่คนเดิมก็เก่งนะโดยเฉพาะปาก”

นอกจากนี้ทางเพจยังได้โพสต์ข้อความในคอมเมนต์ด้วยว่า…

-ทนายคนนี้ดังนะคะ เอ่ยชื่อมาทุกคนรู้จัก สื่อทุกสำนักเอาไปตีข่าวได้ค่ะ ของแทร่

-ไม่ต้องมาสตอ ว่าเป็นแชทปลอมนะคะ เพราะมีแชทฉบับเต็ม 10 หน้าจ้า

-ลืมบอกค่ะ พี่ทนายเค้าไม่เอาด้วยค่ะ ไม่ต้องมาจีบ ไม่ต้องมาถาม ถึงคิวว่างก็บอกไม่ว่าง เค้าไม่เอาค่ะ

-ประเด็นคือ สังเกตนะคะว่าแชทมาจากทางไหน ฉันอ่ะวงในของแทร่ ปล.แอดมินเทอมีหนอนค่ะ ไปเสาะเอาเอง รู้หน้าไม่รู้ใจ ต่อหน้าดีลับหลังส่งข้อมูลให้เพจ น้องบอกเรื่องนี้ป่ะคะแม่

งานนี้ไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าทางเชื่อมจิตต้องออกมาเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน

‘นทท.ต่างชาติ’ แห่ ‘เที่ยวไทย’ 5 เดือนแรก ทะลุ 14 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 6 แสนล้านบาท คาด!! สัปดาห์หน้ามาเพิ่มอีก

(28 พ.ค. 67) นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-26 พ.ค. 2567 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมทั้งสิ้น 14,326,507 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 682,975 ล้านบาท

โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน จำนวน 2,831,662 คน มาเลเซีย จำนวน 1,909,740 คน รัสเซีย จำนวน 836,868 คน อินเดีย จำนวน 810,513 คน และ เกาหลีใต้ จำนวน 785,600 คน

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 26 พ.ค. นักท่องเที่ยวหลายประเทศ อาทิ มาเลเซีย อินเดีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย หรือนักท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้ (Short haul) เดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก หรือเพิ่มขึ้น 7.3%

โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่เพิ่มขึ้นถึง 36,242 คน หรือ 44.49% จากสัปดาห์ก่อนหน้า ส่งผลให้ในภาพรวมสัปดาห์นี้ไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 596,552 คน เพิ่มขึ้น 4.30 %จากสัปดาห์ก่อนหน้า 24,595 คนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย เฉลี่ยวันละ 85,222 คน

สำหรับในสัปดาห์ถัดไป คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น จากปัจจัยส่งเสริม การเดินทาง ได้แก่ การมีวันหยุดในประเทศมาเลเซีย (Agong’s birthday) และการมีมาตรการ Ease of traveling ของรัฐบาล ช่วยเพิ่มการอำนวยความสะดวกในการเดินทางสู่ไทย

อาทิ การลงนามยกเว้นวีซ่าระหว่างไทย-จีน ที่มีผลช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว เพิ่มการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง และกระตุ้นให้สายการบิน เพิ่มจำนวนเที่ยวบิน รวมทั้งการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือวีซ่าฟรี ให้แก่นักท่องเที่ยวอินเดีย ไต้หวัน และคาซัคสถาน และการยกเว้นบัตรตม.6 ในด่านทางบก 8 ด่าน แก่นักท่องเที่ยวมาเลเซีย และลาว

นักแสดงหนุ่มถูกยิงดับ เพื่อหยุดโจรไม่ให้ขโมยรถ สะท้อนปัญหาใหญ่แห่งมหานครลอสแอนเจลิส

(28 พ.ค. 67) เพจ 'BrandThink' ได้เผยรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศ ระบุว่า ‘จอห์นนี แวกเตอร์’ (Johnny Wactor) นักแสดงหนุ่มชาวอเมริกัน ถูกยิงเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 37 ปี ในเมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะพยายามเข้าไปหยุดโจรไม่ให้ขโมยชิ้นส่วนรถยนต์ จากรถของเขาในช่วงเช้าของวันที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

ตามรายงานระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบริเวณหัวมุมถนนเวสต์พิโกบูเลอวาร์ดและถนนเซาท์โฮปสตรีท ในย่านดาวน์ทาวน์ของมหานครลอสแอนเจลิส โดยเกิดขึ้นขณะที่แวกเตอร์กําลังกลับไปที่รถหลังจากเลิกงาน แล้วพบว่ามีชายคนหนึ่งกําลังทำอะไรบางอย่างกับรถของเขา ซึ่งขณะนั้นแวกเตอร์คิดว่าชายผู้นี้อาจไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร จึงเดินเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แล้วจู่ ๆ ชายคนนี้ก็กลับชักปืนขึ้นมายิงไปที่นักแสดงหนุ่มทันที ก่อนจะหลบหนีไปพร้อมกับโจรอีกสองราย ที่ขณะนี้ตำรวจก็ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้

ด้าน ‘สการ์เลตต์ แวกเตอร์’ ผู้เป็นแม่ของนักแสดงหนุ่มให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เธอรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก เพราะสิ่งที่พวกโจรกระทำกับลูกของเธอ เป็นการกระทำที่ ‘ไร้หัวใจ’ ในขณะที่ ‘แกรนด์ แวกเตอร์’ น้องชายของอดีตนักแสดงระบุว่า ในวันที่เกิดเหตุนั้นแวกเตอร์ได้ไปทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ในร้านแห่งหนึ่ง และกำลังเดินไปส่งเพื่อนร่วมงานหญิงที่รถของเธอ สำหรับเขา พี่ชายเป็นบุคคลที่มีเสน่ห์ที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เขาเคยรู้จัก เพราะไม่ว่าเขาจะพูดหรือฟังอะไรก็ตาม เขาจะทำสิ่งนั้นออกมาจากใจจริง ๆ 

ทั้งนี้สำหรับ จอห์นนี่ แวกเตอร์ ถือเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อย เพราะได้ฝากผลงานการแสดงทั้งภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ รวมทั้งสิ้นกว่า 44 เรื่อง โดยบทที่ทำให้เขาโด่งดังคือการแสดงเป็น ‘แบรนโด คอร์บิน’ (Brando Corbin) ในละครเรื่อง ‘General Hospital’ ที่ฉายทางสถานีโทรทัศน์ ABC ของอเมริกา โดยเรื่องนี้ได้รับการจดทะเบียนใน Guinness World Records ว่าเป็นละครอเมริกันที่ออกอากาศยาวนานที่สุดในโลก (ออกฉาย 61 ตอน) ซึ่งผลงานที่มากมายเช่นนี้ ทำให้แฟนคลับของเขาเสียใจอย่างมากที่อนาคตของนักแสดงหนุ่มต้องมาดับไปภายในเพียงเสี้ยววินาที จากฝีมือของโจรไร้ศีลธรรมและไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม 

อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของแวกเตอร์นี้ ได้สะท้อนปัญหาใหญ่ที่แก้ไขไม่ได้สักทีของมหานครลอสแอนเจลิส อย่างปัญหาเรื่อง ‘อาชญากร’ ที่ทำให้เมืองนี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่อันตรายมากที่สุดของสหรัฐอเมริกา โดยในปี 2023 ที่ผ่านมานั้น จากสถิติพบว่าอัตราการก่ออาชญากรรมต่อทรัพย์สินในนครลอสแอนเจลิสอยู่ที่ 27.53 ต่อประชากร 1,000 คน และมีจำนวนอาชญากรรมรุนแรงที่เกิดขึ้นเฉลี่ย 32,000 ครั้งต่อปี เลยทีเดียว 

และในส่วนตัวเลขของอาชญากรรมต่อทรัพย์สินนั้น มีแนวโน้มสูงขึ้นจากปี 2022 ถึง 3.5 เปอร์เซ็นต์ และตัวเลขด้านการโจรกรรมยานยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 2 เปอร์เซ็นต์ โดยมีทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปแล้วรวมมูลค่ากว่า 150,000 ดอลลาร์ หรือราวๆ 5.5 ล้านบาท แต่กลับจับกุมผู้ต้องหาได้เพียง 128 ราย และยึดอาวุธปืนได้ 15 กระบอกจากทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งสถานการณ์หลังจากนี้ของลอสแอนเจลิสจะเป็นเช่นไร ก็เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายเป็นกังวลและเรียกร้องให้รัฐแคลิฟอร์เนียออกมาจัดการกับปัญหานี้อย่างเป็นจริงเป็นจังเสียที

‘มาริษ’ จ่อไป ‘กัมพูชา’ ถกรื้อสันเขื่อนกินรวบ ‘เกาะกูด’  ชี้!! คงต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน ไม่ใช่จะไปขอเขาอย่างเดียว 

(28 พ.ค.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายมาริษ​ เสงี่ยม​พงษ์​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงการ​ต่างประเทศ​ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่​ นายไพบูลย์​ นิติตะวัน​ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะนักกฎหมายอิสระ ทำหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย MOU 2544 ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ หลังพบไม่ได้มีการพิจารณาผ่านสภาฯ​ ว่า​ ยืนยันว่า MOU ไม่ได้มีบทบังคับอะไร หรือเป็นสนธิสัญญา และปัจจุบันเรายังไม่ได้ตกลงอะไรกันเลย ซึ่งประเด็นดังกล่าวก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด พร้อมยืนยันว่า MOU 2544 ไม่ได้ส่งผลต่อเขตแดนพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา  

เมื่อถามว่าภายหลังที่นายฮุน​ มาเนต​ มาเยือนไทยได้มีการตั้งคณะกรรมการ​ร่วมเพื่อผลักดันเรื่องนี้หรือไม่​ นายมาริษ​ กล่าวว่า​ ยังไม่ได้มีการตั้งคณะกรรมการ​ เพราะท้ายที่สุดแล้วเราต้องพิจารณาให้ชัดเจน​ เรื่องผลประโยชน์​อยู่ตรงไหน​ และที่สำคัญตนกำลังหารือกันเป็นการภายในกระทรวงการต่างประเทศ​ เพื่อเคลียร์ทุกสิ่งทุกอย่าง​ โดยอยากให้กระทรวงการต่างประเ​ทศได้ชี้แจงและให้ความรู้กับ​ประชาชน​ ซึ่งตนขอเวลาให้ได้พูดคุยรายละเอียด​ให้เรียบร้อยก่อน​ ซึ่งตนตั้งใจที่จะให้ข้อมูลกับสารธารณะชนให้ได้มากที่สุด​ ไม่เช่นนั้นจะเกิดความสับสน​

เมื่อถามว่าทางกระทรวงกลาโหมเคยทำหนังสือมายังรัฐบาล​ ให้แบ่งผลประโยชน์​ทับซ้อนควบคู่กับการปักปันเขตแดน​ นายมาริษ​ กล่าวว่า​ ขอคุยรายละเอียด​ในกระทรวงการต่างประเทศก่อน​ เพราะตนก็ต้องดูทุกสิ่งทุกอย่าง​เป็นไปตาม​กฎหมายหรือไม่​ และต้องการให้ทุกคนเห็นชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร​

ส่วนกรณี​จะต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญ​รับคำร้องของนายไพบูลย์​ หรือไม่นั้น​ นายมาริษกล่าวว่า​ ก็เป็นเรื่องของทางศาล​ แต่ในส่วนของการมานั่งพูดคุยกันของผู้ปฏิบัติงาน​ เพื่อให้เกิดความชัดเจน​ ก็สามารถดำเนินการไปได้​

เมื่อถามถึงกรณีที่ทางกัมพูชาสร้างสันเขื่อนลงทะเลอ่าวไทย ทางกระทรวงการต่างประเทศ​ต้องทำหนังสือ​ประท้วงไปอีกครั้งหรือไม่​ เนื่องจากก่อนหน้านี้เคย ดำเนินการไปแล้วเมื่อปี 2564 นายมาริษ​ กล่าวว่า​ เรื่องนี้สามารถพูดคุยกันได้ และตนมีแผนที่จะไปเยือนกัมพูชาเร็ว ๆ นี้ ซึ่งขณะนี้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศดีมาก เราต้องดูเวลาว่าควรเป็นช่วงใด ซึ่งในกรอบของอาเซียน ไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกประเทศ อยากเน้นให้ได้สบายใจว่า ประเทศไทยจะมีบทบาทนั้น ในเรื่องของการช่วยกันแก้ไขปัญหา ซึ่งถือเป็นคาแรคเตอร์สำคัญของประเทศไทย ที่เป็นผู้ประสานประโยชน์ ให้กับทุกกลุ่มทุกประเทศได้ถือเป็นจุดแข็ง ซึ่งตรงนี้จะเอามาเน้น เพื่อมีบทบาทนำ ถือเป็นนโยบายของรัฐบาล ไม่ใช่เฉพาะในเวทีทวิภาคีเท่านั้น แต่ต้องรวมถึงเวทีพหุภาคีด้วย ยืนยันว่าตรงนี้อยู่ที่ช่วงเวลาที่เหมาะสมทั้งหมด

เมื่อถามว่าเราจะใช้ความสัมพันธ์ที่ดีกับกัมพูชาขอร้องให้รื้อสันเขื่อนดังกล่าวหรือไม่ นายมาริษ​ กล่าวว่า ขอดูระยะเวลาที่เหมาะสม เพราะเรื่องความสัมพันธ์ไม่มีปัญหา เป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่ว่าจะไปขอเขาอย่างเดียว ก็ต้องดูว่าเรามีอะไร ที่จะไปแลกเปลี่ยนเขาได้​ 

เมื่อถามว่า คนไทยไม่สบายใจ เพราะกัมพูชา สร้างสรรค์เขื่อนดังกล่าว โดยยึดหลักเขตที่ 73 ซึ่งกินพื้นที่เกาะกูด​ จังหวัดตราด นายมาริษ​ กล่าวว่า​ ตนเข้าใจ

‘นพ.ตุลย์’ โต้ ‘อานันท์ ปันยารชุน’ ปมเยาวชนทำผิด ม.112

(28 พ.ค. 67) นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อหลากสี ได้ออกมาตอบโต้กรณี นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาเปิดการเสวนา เรื่อง ‘ฉากทัศน์อนาคตสังคมไทย’ เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 67 โดยบางช่วงบางตอนได้พูดฝากถึงผู้ใหญ่ในสังคมว่า “สนุกมากหรือที่เห็นเด็กเข้าคุก สนุกมากหรือที่เห็นเด็กทรมาน และไม่ได้ประกันตัว ทำได้อย่างไร ไม่ละอายใจตัวเองบ้างหรือ จับเด็กเข้าคุกเป็นว่าเล่น” โดยระบุว่า…

"ถึงคุณอานันท์ ปันยารชุนที่ (ไม่) เคารพ (แล้ว) พวกเราไม่ได้ยินดีหรอก ที่เด็กๆ ต้องเข้าคุก และตายไป ท่านไม่ควรคิดตำหนิกระบวนการยุติธรรม ซึ่งทำหน้าที่ตามหน้าที่ดีแล้ว คนที่ทำผิดมาตรา 112 ศาลก็ให้ประกันตัวตามสิทธิ์ แต่มีเด็กบางคนที่ถูกปั่น (โดยใคร?) จนสุดโต่ง และจงใจทำผิดซ้ำอันเป็นการผิดเงื่อนไขประกัน จนศาลต้องถอนประกัน ท่านอานันท์ผ่านโลกมาจนแก่ป่านนี้ น่าจะสังเคราะห์ออก ถ้าสมองไม่เลอะเลือนจนเกินไป หวังว่าพูดครั้งหน้า จะเปลี่ยนเป้าไปต่อว่า 
พวกที่ชักจูงเด็กให้ทำผิด จะเหมาะสมกว่านะครับ

ขอแสดงความห่วงใย
ปล.เคยชื่นชมท่านมาก”

ไข่ไก่แพงขึ้นแผงละ 6 บาท ตกฟองละ 4 บาท เหตุจากไก่ออกไข่น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ

(28 พ.ค. 67) Business Tomorrow รายงานว่า เมื่อไม่นานมานี้เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ 4 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว จำกัด, สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี จำกัด, สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่-ลำพูน จำกัด และสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ลุ่มแม่น้ำน้อย จำกัด ได้ประกาศปรับราคาแนะนำไข่ไก่คละไซซ์หน้าฟาร์มอยู่ที่ฟองละ 4 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.2 บาท จาก 3.80 บาทในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาแผงไข่ไก่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. 67 เป็นต้นไป

สำหรับการปรับขึ้นของราคาไข่ไก่ในครั้งนี้ ไม่ได้ขึ้นจากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจประเทศไทยที่กำลังตกต่ำหรือเงินเฟ้อที่ปรับตัวเป็นบวกในช่วงที่ผ่านมา แต่เกิดจากการที่ไก่ออกไข่น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้อุปทานลดลงอย่างรวดเร็วในขณะที่อุปสงค์ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามไม่เพียงแต่ไข่ไก่เท่านั้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากไม่นานมานี้พริกขี้หนูสวนก็ได้ทำราคานิวไฮเช่นเดียวกันโดยตกกิโลกรัมละ 800 บาท สูงจากปีที่แล้วถึงเกือบ +200%

ค่าเงินพม่ายวบ จาก ‘1,500’ มาอยู่ที่ ‘4,400’ จ๊าดต่อดอลลาร์  สะท้อนความมั่งคั่งของคนพม่ากำลังลดลง 3 เท่าตัว 

(28 พ.ค.67) จากเพจ 'สานต่อเจตนารมณ์ อาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า ค่าเงินจ๊าดพม่าหายไป 2 เท่าในห้วงเวลา 3 ปี จากมกราคม 2021 ถึงปัจจุบัน จาก 1,500 จ๊าดต่อดอลลาร์ มาอยู่ที่ 4,400 จ๊าดต่อดอลลาร์ แค่ช่วง 5 เดือนของปีนี้ค่าเงินจ๊าดอ่อนลงไปอีก 20%

คนไทยอยู่กันสบายมากแล้ว พร้อมทั้งแชร์ข้อความจากผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก 'Jojoe Sue' ที่โพสต์รายละเอียดเพิ่มเติมไว้ว่า “แหละแล้วสิ่งที่คาดการณ์ไว้ก้อมาถึง แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาถึงไวกว่าที่คาดการณ์ไว้” 

เตือนเพื่อนคนพม่าไปหลายคนให้ระวังค่าเงิน 2 ช่วง

1. ช่วงแรกเดือนพฤษภาถึงมิถุนา

2. ช่วงที่สองเดือนกรกฎาถึงกันยา

ต้นเดือนมกรา ค่าเงินพม่าอยู่ที่ 99 จ๊าดต่อบาท วันนี้ได้ยินว่าไป 120 จ๊าดต่อบาท หรือประมาณ 4,400 จ๊าดต่อดอลล์แหละ โดยเฉพาะเดือนนี้ต้นเดือนอยู่ที่ 107 จ๊าดต่อบาท เดือนเดียวค่าเงินพม่าอ่อนไป 13% 

สงสัยจะได้เห็น 5,000 จ๊าดต่อดอลล์ตามที่ได้ยินข่าวลือในช่วงที่สองแน่นอนแหละ น่าสงสารคนพม่า จะอยู่กันยังไง ตอนมกราปี 2021 ค่าเงินยังไม่ถึง 1,500 จ๊าดต่อดอลล์เลย ผ่านมา 3 ปีกว่า ค่าเงินไป 4,400 จ๊าด ขึ้นมาเกือบ 3 เท่า หมายถึงความมั่งคั่งของคนพม่าลดลง 3 เท่าตัว 

แต่ผมยังเชื่อว่าพม่าจะกลับมาได้ เพราะประเทศนี้เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ

ได้แต่รอวันนั้นครับ

'จีน-ญี่ปุ่น' พร้อมเดินหน้ายกระดับความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ จับมือขับเคลื่อนหลากมิติ เพื่อผลประโยชน์ 2 ประเทศ

เมื่อวานนี้ (27 พ.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เรียกร้องให้ญี่ปุ่นทำงานร่วมกับจีนในทิศทางเดียวกัน และดำเนินตามฉันทามติสำคัญที่บรรลุโดยผู้นำสองประเทศ

ทั้งนี้ ระหว่างการพบปะกับ ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นอกรอบการประชุมสุดยอดไตรภาคีจีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ ครั้งที่ 9 โดยหลี่แสดงความหวังว่าทั้งสองประเทศจะเดินหน้าเสริมสร้างความเชื่อใจซึ่งกันและกัน ดำเนินความร่วมมืออย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น จัดการความแตกต่างอย่างเหมาะสม และสร้างความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่นที่สร้างสรรค์และมีเสถียรภาพซึ่งสอดคล้องกับข้อกำหนดในยุคสมัยใหม่

หลี่กล่าวว่าสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และคิชิดะได้บรรลุฉันทามติสำคัญระหว่างการพบปะกันในนครซานฟรานซิสโกเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยทั้งสองยืนยันจุดยืนของการเดินหน้าความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์และที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างจีนและญี่ปุ่นอย่างครอบคลุมรอบด้าน ซึ่งส่งมอบการชี้นำทางการเมืองที่สำคัญสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี

หลี่ระบุว่าประวัติศาสตร์และไต้หวันเป็นประเด็นสำคัญของหลักการที่เกี่ยวข้องกับรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่น รวมถึงประเด็นพื้นฐานอย่างความเชื่อและความซื่อสัตย์ โดยปัญหาไต้หวันถือเป็นแกนกลางของผลประโยชน์หลักของจีน และเป็นเส้นแดงของจีน

หลี่เผยว่าจีนหวังว่าญี่ปุ่นจะปฏิบัติตามคำมั่นสัญญา พร้อมสร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างต่อเนื่อง

หลี่กล่าวว่าการพัฒนาของจีนและญี่ปุ่นนับเป็นโอกาสสำคัญของทั้งสองฝ่าย ปัจจุบันเศรษฐกิจของจีนและญี่ปุ่นมีความเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิด นำผลประโยชน์ที่จับต้องได้แก่ประชาชนทั้งสองประเทศ พร้อมเสริมว่าความเกื้อกูลทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและญี่ปุ่นจะคงอยู่ต่อไปอีกเนิ่นนาน อีกทั้งยังคงมีศักยภาพมหาศาลสำหรับความร่วมมือในด้านนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการสำรวจตลาดแห่งที่สามอื่น ๆ

ขณะเดียวกัน หลี่กล่าวว่าจีนและญี่ปุ่นควรช่วยเหลือกันและกันให้ประสบความสำเร็จ ร่วมรักษาห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานที่มีเสถียรภาพและไร้อุปสรรค รวมทั้งปกป้องระบบการค้าเสรีทั่วโลก โดยจีนยินดีที่จะเดินหน้าดำเนินการแลกเปลี่ยนฉันมิตรกับญี่ปุ่นในด้านต่าง ๆ ผ่านหลายช่องทาง ณ ระดับที่หลากหลายต่อไป พร้อมเกื้อหนุนการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนและการแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่อย่างแข็งขัน เพื่อเสริมสร้างการสนับสนุนจากสาธารณชนสำหรับความร่วมมือฉันมิตรจีน-ญี่ปุ่น

หลี่กล่าวว่าการปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนนิวเคลียร์จากโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะส่งผลต่อสุขภาพของมนุษยชาติ สภาพแวดล้อมทางทะเลทั่วโลก และผลประโยชน์สาธารณะระหว่างประเทศ พร้อมระบุว่าจีนเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายสำคัญ รัฐบาลและประชาชนจีนกังวลเกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างมาก ซึ่งจีนหวังว่าญี่ปุ่นจะแสดงความจริงใจและทัศนคติที่สร้างสรรค์ในประเด็นดังกล่าว เช่น การจัดให้มีการเฝ้าติดตามระหว่างประเทศในระยะยาว การแก้ไขข้อกังวลอันชอบด้วยกฎหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างจริงจัง ตลอดจนการปฏิบัติตามความรับผิดชอบและพันธกรณีของตนอย่างกระตือรือร้น

ด้านคิชิดะกล่าวว่าการรักษาแรงขับเคลื่อนการพัฒนาที่ดีของความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-จีนไม่เพียงแต่เอื้อประโยชน์ต่อทั้งประเทศ แต่ยังเอื้อประโยชน์ต่อโลกอีกด้วย ญี่ปุ่นพร้อมที่จะทำงานร่วมกับจีนเพื่อปฏิบัติตามฉันทามติสำคัญที่บรรลุโดยผู้นำสองประเทศ รักษาการแลกเปลี่ยนระดับสูง เสริมสร้างความร่วมมือในด้านต่าง ๆ อาทิ เศรษฐกิจสีเขียว การดูแลทางการแพทย์ ตลาดแห่งที่สามอื่นๆ รวมถึงเกื้อหนุนการแลกเปลี่ยนบุคลากร กระชับความร่วมมือระดับภูมิภาคอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตลอดจนร่วมกันจัดการการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และประเด็นอื่นๆ ทั่วโลก

นอกจากนั้น คิชิดะเผยว่าญี่ปุ่นยังยินดีที่จะสร้างความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-จีนที่สร้างสรรค์และมีเสถียรภาพอย่างแข็งขัน ยกระดับความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์และที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างจีนและญี่ปุ่นอย่างครอบคลุมรอบด้าน รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ดีในระยะยาว

คิชิดะกล่าวว่าญี่ปุ่นยึดมั่นในจุดยืนของตนต่อปัญหาไต้หวันตามที่ระบุในแถลงการณ์ร่วมญี่ปุ่น-จีนซึ่งลงนามเมื่อปี 1972 และสิ่งนี้ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเสริมสร้างการเจรจาและการสื่อสารในทุกระดับ จัดการเจรจาทางเศรษฐกิจระดับสูงจีน-ญี่ปุ่น และการประชุมกลไกการปรึกษาการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างประชาชนระดับสูงรอบใหม่ในเวลาที่เหมาะสม เดินหน้าส่งเสริมการปรึกษาหารือและการเจรจาเกี่ยวกับการปล่อยน้ำปนเปื้อนนิวเคลียร์จากโรงไฟฟ้าฯ บนพื้นฐานความคืบหน้าที่มีอยู่ และรักษาการสื่อสารและการประสานงานในด้านกิจการระหว่างประเทศและภูมิภาค

อนึ่ง ทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นระหว่างประเทศและภูมิภาคที่เป็นข้อกังวลร่วมกันด้วย

‘สื่อต่างชาติ’ ยกนิ้ว!! 4 วันจัดการลิงลพบุรี เกือบ 300 ตัว ยกเป็นต้นแบบการแก้ไขปัญหาลิงรบกวนคนในเขตเมือง

(28 พ.ค. 67) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่าตามที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับเทศบาลเมืองลพบุรี และจังหวัดลพบุรี ได้เปิดยุทธการดักจับลิงในตัวเมืองลพบุรีที่สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ในช่วงระหว่างวันที่ 24 ถึง 28 พฤษภาคม 2567 ภายใต้แนวทางการแก้ไขปัญหา ‘ประชาชนพ้นทุกข์ ลิงเป็นสุข’ โดยมีการตั้งกองอำนวยการศูนย์สนับสนุนการบริหารจัดการจับและเคลื่อนย้ายลิงลพบุรี โดยดำเนินการดักจับลิงบริเวณตลาดมโนราห์ ได้จำนวน 30 ตัว ทั้งนี้ได้จัดทำทะเบียนและนำเข้ากรงที่ 1 (A67) จำนวน 27 ตัว ส่วนลิงท้องและแม่ลิงที่มีลูกเกาะอกรวม จำนวน 3 ตัว จะนำไปดูแลไว้ที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1(สบอ .1) สาขาสระบุรี เป็นการชั่วคราว

ขณะนี้รวมยอดลิงที่จับได้ทั้งหมด รวม 4 วัน จำนวน 288 ตัว แยกเป็น วันที่ 24-25 พ.ค. 67 จำนวน 227 ตัว วันที่ 26 พ.ค. 67 จำนวน 31 ตัว และวันที่ 27 พ.ค. 67 จำนวน 30 ตัว ทั้งนี้ในวันที่​ 28 พ.ค. -​ 4 มิ.ย. 2567 จะทำการทดสอบและปรับปรุงกรงที่ 1 (A67) และกรงที่ 2 (B67) เมื่อดำเนินการเสร็จเรียบร้อยและพร้อมสำหรับรับลิงเข้ากรงเพิ่ม กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะบูรณาการร่วมกับจังหวัดลพบุรี​ เทศบาลเมืองลพบุรี​ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการดักจับลิงบริเวณตลาดมโนราห์ และร้านชโยวานิช เพื่อนำไปไว้ในกรงที่ 1 (A67) และกรงที่ 2 (B67) ในช่วงวันที่ 5-15 มิ.ย. 67 ต่อไป

สำหรับปฏิบัติการดักจับลิงเมืองลพบุรี เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน กลายเป็นที่สนใจของสื่อต่างประเทศ ได้มาติดตามและเฝ้าสังเกตการณ์การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งประกอบด้วยสำนักข่าวรอยเตอร์ สำนักข่าว NHK สำนักข่าว AP เป็นต้น 

ทั้งนี้ได้รับการบอกกล่าวจากสื่อต่างประเทศ ว่าการแก้ไขปัญหาลิงเมืองลพบุรี เป็นที่สนใจอย่างมากของผู้รับชมชาวต่างประเทศ ซึ่งจะกลายเป็นโมเดลสำหรับใช้ในการแก้ไขปัญหาลิง ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยเฉพาะลิงที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เมือง ทั้งนี้สื่อต่างประเทศจะเฝ้าติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่องจนเสร็จสิ้นภารกิจ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top