Tuesday, 2 July 2024
NewsFeed

‘ดร.อานนท์’ ชี้!! คนที่เกี่ยวกับ ม.112 ล้วนมีความทุกข์ ส่วนคนยุยงเด็กทำผิด ม.112 ไม่ทุกข์!! และคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ ‘สถาบันพระมหากษัตริย์’

(27 พ.ค. 67) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า…

“ผมอดทนไม่พูดอะไรเลยมานาน แต่วันนี้ขอพูดนะครับ 

พออ่านสิ่งที่นายอานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรีพูดแล้ว ก็ขอเล่าประสบการณ์ส่วนตัวที่ทำให้ไม่อาจจะเห็นด้วยกับนายอานันท์ ปันยารชุนแล้วกันนะครับ

ผมคิดว่าคนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ในกรณีมาตรา 112 ล้วนมีความทุกข์หมด คนที่ไม่มีความทุกข์คือคนที่ยุแหย่ยุยงอยู่เบื้องหลังเด็กให้เด็กออกมากระทำความผิดฝ่าฝืนกฎหมายนี่แหละครับ

1. จำเลยผู้กระทำความผิดก็มีทุกข์

2. พนักงานสอบสวนที่ต้องทำคดีก็มีทุกข์ เพราะเป็นเรื่องยากลำบากและเหน็ดเหนื่อยมาในการทำสำนวนคดี

3. คณะกรรมการกลั่นกรองคดีความมั่นคง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็มีความทุกข์ ต้องอ่านและตัดสินใจอย่างละเอียดในการทำคดี

4. พนักงานอัยการก็มีทุกข์ที่ต้องทำความเห็นสั่งฟ้อง ต้องเรียกขอหลักฐานเพิ่มเติมจากพนักงานสอบสวน

5. ผู้พิพากษาในคดีมาตรา 112 ก็มีความทุกข์ที่ต้องตัดสินพิพากษาจำคุกผู้กระทำความผิด 

6. พยานในคดีมาตรา 112 ก็มีทุกข์ครับ 

ผมขอเล่าประสบการณ์ส่วนตัวว่า ผมเองเมื่อเริ่มต้นต้องไปเป็นพยานคดีอาญามาตรา 112 ผมไม่สบายใจเลย เครียด เพราะว่าสงสารจำเลยที่จะต้องติดคุก แต่ผมเองก็รักษาหลักนิติรัฐและความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ตลอดจนปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 50 อันเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทยครับ

ผมมีอาการปวดท้องหรือปวดกระเพาะอาหาร หลังจากไปเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญในคดีมาตรา 112 ได้ไม่กี่คดี อาการคือปวดแสบปวดร้อนในท้อง จนตัดสินใจไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหาร ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หมอยังไม่ทันส่องกล้อง ก็กล่าวเลยว่า ไม่จำเป็นต้องส่องกล้องเลย หมอคิดว่าอาจารย์อานนท์เครียด กินยาลดความวิตกกังวลสักหน่อยอาการน่าจะดีขึ้น ผมก็ยืนยันว่าจะส่องกล้องดู หมอก็บอกว่าดี ก็เลยนัดส่องกล้อง ผมตัดสินใจส่องกล้องโดยไม่วางยาซีม (Sedate) การส่องกล้องเข้าไปส่องกระเพาะอาหารและลำไส้ เป็นประสบการณ์ที่สนุกสนานมากครับ นอนตะแคงดูหน้าจอไปด้วย หมอที่ส่องกล้องก็บรรยายไปด้วยครับ ราวกับชม Discovery Channel ของร่างกายตัวเอง เป็นสารคดีชั้นเยี่ยม หมอขลิบชิ้นเนื้อในกระเพาะอาหารไปตรวจเชื้อโรค ก็ไม่พบการอักเสบ ลำไส้และกระเพาะอาหารสะอาดสะอ้าน ไร้ริ้วรอยแผลเป็นใดๆ สรุปคือปวดท้องเพราะเครียดแล้วน้ำย่อยหลั่งออกมามาก หมอจ่ายยาแก้เครียดมาให้ทัน อาการผมดีขึ้นทันตาเห็น

ผมได้ไปเจอพี่ทหารผ่านศึกที่เคยไปทำสงครามลับในลาว พี่เขาก็เล่าประสบการณ์ในสนามรบให้ฟัง ว่าทำไมอย่างไร จำเป็นอย่างไรจึงต้องฆ่า แล้วก็บอกว่าถ้าเครียดก็ทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติไม่ได้ ต่างคนต่างมีหน้าที่ ผมฟังแล้วก็เกิดบรรลุ เข้าใจสัจธรรม ของการทำหน้าที่ 

ผมฟังแล้วก็ผ่อนคลาย คิดได้ ทำใจได้ ก็เลยเลิกกินยาคลายวิกตกังวลมาแต่บัดนั้น แล้วก็ไม่ปวดท้องอีกมาจนบัดนี้ ไม่ใช่ว่าไม่ทุกข์หรือไม่เครียด หรือสะใจ แต่ทุกข์แล้วรู้เท่าทันทุกข์ และรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำหน้าที่อะไรอยู่

ดังนั้น ผมอยากพูดว่า ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคดีมาตรา 112 มีความทุกข์กันทั้งสิ้น แต่คนที่ไม่ทุกข์เลยคือคนที่ยุยงส่งเสริมเด็กให้กระทำความผิดมาตรา 112 คนที่รับผลกระทบมากที่สุด คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ ครับ 

คงต้องถามว่า คุณอานันท์ ปันยารชุน มีความทุกข์หรือมีความสุขกับคดีมาตรา 112 บ้างแหละครับ”

‘สหรัฐฯ’ อ่วม!! เจอ ‘พายุทอร์นาโด’ ถล่ม 4 รัฐตอนกลาง คร่าชีวิตไป 18 ศพ ด้านศูนย์พยากรณ์ฯ เตือน!! จะรุนแรงขึ้นอีก

(27 พ.ค.67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 18 คน เป็นเด็ก 4 คน หลังจากพายุทอร์นาโดพัดกระหน่ำ 4 รัฐที่อยู่ทางตอนกลางของสหรัฐ มีรายงานผู้เสียชีวิต 7 คนในรัฐเท็กซัสเมื่อพายุพัดกระหน่ำเมื่อคืนวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 4 คน ขณะที่รัฐอาร์คันซอมีผู้เสียชีวิต 8 คน ผู้ว่าการรัฐได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการท้องถิ่น ส่วนที่รัฐเคนทักกีมีผู้เสียชีวิต 1 คน และที่รัฐโอคลาโฮมามีผู้เสียชีวิต 2 คน ได้รับบาดเจ็บ 23 คน

ผู้คนในสหรัฐประมาณ 109 ล้านคนยังคงเผชิญกับสภาพอากาศเลวร้ายในช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันเมโมเรียลเดย์ (Memorial Day) ซึ่งเป็นวันเชิดชูทหารที่รับใช้ชาติและตรงกับวันจันทร์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคมคือวันที่ 27 พฤษภาคมตามเวลาท้องถิ่น ศูนย์พยากรณ์พายุเตือนในขณะที่พายุหลายลูกกำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกว่า จะเกิดทอร์นาโดรุนแรง ลูกเห็บขนาดใหญ่เท่าลูกเบสบอล และความเสียหายจากลมเป็นวงกว้าง

รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิกิติ์ฯ สนับสนุนนักกีฬาเรือพาย ร่วมแข่งโอลิมปิคเกมส์ 2024 ณ กรุงปารีส

พลเรือตรี ดนัย ปานแดง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ให้การต้อนรับ นายเปรมณัฏฐ์ วัฒนานุสิทธิ์ นักกีฬาเรือพายหนึ่งเดียวของประเทศไทย ที่เดินทางไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และคู่ซ้อม จ่าโทณรงค์ศักดิ์ นาคแสง ที่เข้ารับการฟื้นฟูร่างกาย post training recovery

โดย  Hyperbaric Oxygen Therapy ( HBOT) ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ รวม 10 ครั้ง ในวันทำการ ตั้งแต่ 21-31 พ.ค.67 ก่อนเดินทางเข้าร่วมการแข่งขัน โอลิมปิกเกมส์ 2024 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี 0909535645

นราธิวาส-รอง มทภ.4 ตรวจเยี่ยม ฉก.ทพ.49 เน้นย้ำติดตามสถานการณ์ เพิ่มความเข้มงวด ระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่

วันนี้ (27 พฤษภาคม 2567) เวลา 13.00 น. พลตรี ไพศาล  หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมคณะฯ เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหารพรานหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 ตำบลซากอ อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส เพื่อร่วมประชุมและรับฟังปัญหาข้อขัดข้อง รวมทั้งมอบแนวทางการปฏิบัติงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมี พันเอก กำธร  ศรีเกตุ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะนราธิวาส, พันเอก ภาณุวัฒน์  สุคชเดช ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49, พันเอก ชาญฤทธิ์  ฮันสราช รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49, ผู้บังคับกองร้อยฯ และกำลังพลร่วมให้การต้อนรับและร่วมประชุม

สำหรับการตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ เป็นการติดตามการปฏิบัติงานและรับทราบปัญหาข้อขัดข้อง รวมทั้งหารือแนวทางแก้ไขของห้วงที่ผ่านมาของหน่วย พร้อมกำชับให้ปรับแผนการปฏิบัติให้มีความรัดกุม ทั้งเชิงรุก เชิงรับ และปฏิบัติด้วยความจริงใจ อีกทั้งได้นำนโยบายการปฏิบัติ 5 งานสำคัญตามนโยบาย แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เพื่อยึดถือและปฏิบัติในทิศทางเดียวกัน

ทั้งนี้  รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้เน้นย้ำพร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่มีความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ และเฝ้าติดตามด้านการข่าวอย่างใกล้ชิด รวมถึงฐานปฏิบัติการทุกฐานเพิ่มความเข้มงวดเป็นพิเศษ โดยบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกันของหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ ตลอดจนฝ่ายปกครอง ผู้นำชุมชนให้เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดูแลพื้นที่ชุมชน

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส 

ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมเปิดโครงการขยายความร่วมมือการฝึกอบรมของสำนักงานโครงการ ILEA-Bangkok ไปยังประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก เพื่อเพิ่มศักยภาพในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ

วันนี้ (27 พฤษภาคม 2567) เวลา 08.30 น. นายโรเบิร์ต โกเดค (Robert Godec) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย/ประธานคณะกรรมการกำกับดูแล ฝ่ายสหรัฐอเมริกา และ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลฝ่ายไทย โครงการความร่วมมือฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย (ILEA-Bangkok) ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการขยายความร่วมมือการฝึกอบรมของสำนักงานโครงการ ILEA-Bangkok ไปยังประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก โดยมีคณะกรรมการกำกับดูแลโครงการความร่วมมือฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายฝ่ายไทยและสหรัฐ เข้าร่วมงาน

พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ฯ กล่าวว่า การรวมเอาประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกเข้ามาในโครงการฝึกอบรมของสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) หรือ สบร. ถือเป็นบทใหม่ในประวัติศาสตร์ของสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย กรุงเทพมหานคร ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายขอบเขตความร่วมมือออกไปยังประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก และยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ อีกทั้งจะทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในฐานะ ศูนย์การฝึกอบรมด้านการบังคับใช้กฎหมายชั้นนำในภูมิภาคอีกด้วย ซึ่งความร่วมมือนี้จะช่วยส่งเสริมเสถียรภาพ
ความมั่นคง และความสำเร็จของทั้งหมู่เกาะแปซิฟิก และภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่กว้างขึ้นอย่างแน่นอน

ด้านนายโรเบิร์ตฯ เน้นความสำคัญถึงการยกระดับความร่วมมือดังกล่าวที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา และแสดงความขอบคุณในการเป็นหุ้นส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับฝ่ายสหรัฐอเมริกา ในการดำเนินการฝึกอบรมและความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายของสำนักงานโครงการ ILEA-Bangkok ตลอดระยะเวลากว่า 26 ปี ที่มีความแข็งแกร่งและยั่งยืน

ทั้งนี้ หลักสูตร Drug Unit Commanders Course (หลักสูตรผู้นำหน่วยยาเสพติด) เป็นหลักสูตรแรกที่จัดการฝึกอบรมระหว่างวันที่ 27 - 31 พฤษภาคม 2567 ซึ่งผู้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายระดับสูงจากประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิกใต้ ได้แก่ หมู่เกาะคุก สาธารณรัฐฟิจิ สาธารณรัฐคีรีบาส สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ สหพันธรัฐไมโครนีเซีย นีวเว ปาเลา รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี ซามัว หมู่เกาะโซโลมอน ตองกา ตูวาลู วานูอาตู และไทย รวม 14 ประเทศ 

'ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์' ประกาศรับสมัครให้ทุนการศึกษา ปี 67  ระดับปริญญาเอก และหลังปริญญาเอก รวมจำนวน 126 ทุน

เมื่อไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก 'สำนักงาน ก.พ.' ได้เผยแพร่ประกาศจาก ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่รับสมัครให้ทุนการศึกษา ตามโครงการทุนเฉลิมพระเกียรติเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระชนมายุ 60 พรรษา เพื่อพัฒนาผู้มีอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ด้านภัยพิบัติ ไปศึกษาต่อ ณ ต่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 (ครั้งที่ 2)

โดยเป็นทุนการศึกษาระดับปริญญาเอก และหลังปริญญาเอก รวมจำนวน 126 ทุน สามารถยื่นใบสมัครด้วยตนเอง หรือส่งไปรษณีย์ไปที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ตั้งแต่วันนี้ - วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม 2567 มีรายละเอียดของทุน ดังนี้...

>> ประเภท และจํานวนทุน

1. ระดับปริญญาเอก
- เพื่อพัฒนาอาจารย์ แพทย์นักวิจัย และอาจารย์สาขาวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม จํานวน 15 ทุน
- เพื่อพัฒนาอาจารย์ สาขาพยาบาลศาสตร์ จํานวน 42 ทุน
- เพื่อพัฒนาอาจารย์ด้านภัยพิบัติ/ฉุกเฉินการแพทย์ จํานวน 19 ทุน

2. หลังปริญญาเอก (Postdoc)
- เพื่อส่งเสริมการวิจัวิยด้านวิทยาศาสต์การแพทย์ จำนวน 50 ทุน

>> สำหรับงบประมาณ และระยะเวลาศึกษา กําหนดให้ทุนการศึกษาในแต่ละปีงบประมาณ ดังนี้…

1. ระดับปริญญาเอก 
- เพื่อพัฒนาอาจารย์ แพทย์นักวิจัย และอาจารย์สาขาวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม งบประมาณทุนละ 2,500,000 บาท/คน/ปี ระยะเวลาศึกษาไม่เกิน 5 ปี
- เพื่อพัฒนาอาจารย์ สาขาพยาบาลศาสตร์ งบประมาณทุนละ 2,500,000 บาท/คน/ปี ระยะเวลาศึกษาไม่เกิน 5 ปี
- เพื่อพัฒนาอาจารย์ด้านภัยพิบัติ/ฉุกเฉินการแพทย์ 2,500,000 บาท/คน/ปี ระยะเวลาศึกษาไม่เกิน 5 ปี

2. หลังปริญญาเอก (Postdoc)
- เพื่อส่งเสริมการวิจัยด้านวิทยาศาสต์การแพทย์ งบประมาณทุนละ 1,000,000 บาท/คน/ปี ระยะเวลาศึกษาไม่เกิน 2 ปี

>> ลักษณะการให้ทุน

- เป็นการศึกษาในสาขาวิชาตามที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กําหนด
- เป็นหลักสูตรในสถาบันการศึกษาที่สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนรับรอง และที่ความเห็นชอบจากคณะกรรมการพิจารณาให้ทุนฯ ของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถสอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-576-6000 ต่อ 8711 (คุณณัชชา) หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม และดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ >> https://drive.google.com/drive/folders/1dMcWLaHX100ugssECBwcUNkEQaKwhrb5?usp=sharing

‘นางแบบเวเนซุเอลา’ ถูกรถไฟดูดร่าง ดับสลดที่เม็กซิโก หลังพยายามถ่ายรูป ให้มีรถไฟแล่นผ่านเป็นฉากหลัง

เมื่อวานนี้ (27 พ.ค.67) นสพ.The Sun ของอังกฤษ รายงานข่าว Model, 30, killed after clothes became tangled in passing high-speed train during photoshoot near tracks in Mexico ซึ่งระบุว่า ที่ประเทศเม็กซิโก เกิดอุบัติเหตุรถไฟชนคนเสียชีวิต โดยผู้ตายคือ ซินเธีย นาเยลี ฮิกาเรดา เบอร์เมโฮ (Cinthya Nayeli Higareda Bermejo) อายุ 30 ปี นางแบบสาวชาวเวเนซุเอลา เหตุเกิดที่บริเวณในเมืองซาโกอัลโก เดอ ตอร์เรส ใกล้เมืองกวาดาลาฮารา ทางภาคตะวันตกของเม็กซิโก

โดยรายงานว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้เข้าไปยืนใกล้กับรางรถไฟ โดยหวังจะถ่ายภาพตนเองให้มีรถไฟแล่นผ่านเป็นฉากหลัง กระทั่งเมื่อรถไฟแล่นมาด้วยความเร็วสูง ได้เกิดแรงลมดูดเสื้อผ้าพร้อมดึงร่างของผู้ตายเข้าไป ส่งผลให้ถูกรถไฟชนเสียชีวิตดังกล่าว โดยหน่วยกู้ภัยได้นำร่างของนางแบบสาวรายนี้ส่งไปชันสูตร ก่อนจะมอบให้ญาตินำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ขณะที่ โจอาคิน เมนเดซ รุยซ์ (Joaquin Mendez Ruiz) อัยการรัฐฮาลิสโก ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองซาโกอัลโก เดอ ตอร์เรส กล่าวว่า จากคำให้การของผู้เห็นเหตุการณ์ เบื้องต้นชี้ว่าคดีนี้เป็นอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม ยังมีการสืบสวนเพิ่มเติม

ขณะที่ Enstarz สำนักข่าวออนไลน์ในเมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งเน้นเสนอข่าวบันเทิง รายงานข่าว Model Killed After Clothes Get Tangled In High-Speed Train During Photoshoot ระบุว่า เหตุสลดที่เกิดขึ้นกับนางแบบสาววัย 30 ปี ชาวเวเนซุเอลารายนี้ เกิดขึ้นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

‘คัลแลน-พี่จอง’ ควง ‘น้องแดน-จูดี้’ บริจาคเงิน 3 ล้านบาท  สมทบทุนช่วยทารกคลอดก่อนกำหนด ผ่านมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก

(28 พ.ค.67) คัลแลน-พี่จอง นำทีม น้องแดน-จูดี้ มอบเงิน 3 ล้านบาท บริจาคมูลนิธิรพ.เด็ก โครงการ Little Miracle แฟนคลับร่วมอวยพรอย่างล้นหลาม

เรียกว่าเป็นขวัญใจคนไทยทั้งประเทศในตอนนี้ สำหรับ 2 หนุ่มยูทูบเบอร์ชาวเกาหลีใต้ ‘คัลแลน - พี่จอง’ จากช่องยูทูบ Cullen Hateberry ที่พาทุกคนเที่ยวทั่วไทย ล่าสุดมี ‘น้องแดน’ และ ‘จูดี้’ มาร่วมด้วยบางคลิป ด้วยความน่ารักเป็นธรรมชาติ จึงตกแฟน ๆ เข้าด้อมใจฟู ได้ทุกเพศ ทุกวัย สร้างปรากฏการณ์ฟีเวอร์ไปทั่วบ้านทั่วเมือง

ล่าสุดวันที่ 27 พ.ค. 67 ทางมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก ได้ลงโมเมนต์ใจฟูในโซเชียล ระบุข้อความเอาไว้ว่า “ขอบคุณ พี่คัลแลน พี่จอง น้องแดน พี่จูดี้ หอบกำลังใจดี ๆ มาให้เด็ก ๆ ใจฟู ที่ #มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก #กองทุนอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ 

พร้อมมอบเงินบริจาค จำนวน 3,000,000 บาท สมทบโครงการLittle Miracle ปาฏิหาริย์ต่อลมหายใจให้ทารกคลอดก่อนกำหนด โดยมีนพ.อัครฐาน จิตนุยานนท์  ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี รับมอบ”

หลายคนพอเห็นโพสต์ต่างเข้ามาคอมเมนต์อนุโมทนาบุญ และขอบคุณทีมงาน Cullen Hateberry ที่ได้มอบเงินบริจาคในครั้งนี้ เป็นโมเมนต์ที่ใจฟูมาก

กิจการร่วมค้าฟิวเจอร์สกาย จัดอบรมพนักงานให้บริการผลิตใบอนุญาตทำงานและให้บริการคำขอ สำหรับแรงงานต่างด้าว

วันนี้ 28 พฤษภาคม 2567 นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมพนักงานในโครงการผลิตใบอนุญาตทำงานและให้บริการรับคำขอและการแจ้งการทำงานของคนต่าวด้าว ณ โรงแรม เจซี เควิน สาทร กรุงเทพ โดยมี ดร.ศรัณญู สอนกำเนิด ผู้จัดการฝ่ายปฎิบัติการ กิจการร่วมค้า ฟิวเจอร์ สกาย พร้อมผู้บริหารและพนักงานให้การต้อนรับ 

นายสมชาย กล่าวว่า ในวันนี้ รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธานเปิด การอบรมพนักงาน ในโครงการผลิตใบอนุญาตทำงานและให้คำบริการคำขอและการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว โดยโครงการนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้บริการระบบสารสนเทศแด่แรงงานต่างด้าวอย่างสะดวก รวดเร็ว โปร่งใส โดยมีการอบรมตั้งแต่การทำความรู้จักการทำงานด้านต่าง ๆ ทั้งทางด้านการทำงานศูนย์แรกรัย  ศูนย์บริการ ศูนย์โมบายยูนิต ศูนย์ออกบัตร เป้นระยะเวลา 5 วัน เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรม ได้เรียนรู้ขั้นตอนการดำเนินงาน และสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวได้ 

ทั้งนี้ นายสมชาย ยังเปิดเผยว่า ในช่วงเดือนต้นสิงหาคม 67 จะมีการเปิดให้บริการศูนย์ เพื่อรองรับการเข้ามาทำงานของคนต่างด้าว กว่า 46 ศูนย์และมีหน่วยให้บริการเคลื่อนที่อีก 8 คัน เพื่อตอบสนองความต้องการของแรงงานต่างด้าวในประเทศไทย 

ส่วน นายจำรัส สว่างสมุทร  ผู้อำนวยการสายงานปฎิบัติงาน ของกิจการร่วมค้า ฟิวเจอร์ สกาย ได้กล่าวว่า โครงการนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อแรงงานต่างด้าวทุกสัญชาติที่จะเข้ามาทำงานในประเทศไทย เพราะจะใช้ระบบออนไลน์ ในการขับเคลื่อนการระบบการทำงาน

‘รมว.ปุ้ย’ กำหนดมาตรฐานใหม่ ‘ถุงพลาสติกบรรจุอาหาร’ เร่งยกระดับเป็นสินค้าควบคุม ป้องกันปนเปื้อน ‘โลหะหนัก’

(28 พ.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบมาตรฐานถุงพลาสติกสำหรับบรรจุอาหาร และถุงพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับอุ่นในไมโครเวฟ โดยเป็นการยกเลิกมาตรฐานฉบับเดิม และกำหนดใหม่ เพื่อให้มีความปลอดภัยกับประชาชนมากยิ่งขึ้น 

ทั้งนี้ ตนได้เร่งรัดให้ สมอ. ดำเนินการประกาศเป็นสินค้าควบคุมโดยเร็ว เนื่องจากถุงพลาสติกเป็นสินค้าที่ประชาชนนิยมใช้ใส่อาหารและเครื่องดื่มอย่างแพร่หลายในชีวิตประจำวัน หากเป็นถุงพลาสติกที่ผลิตโดยไม่ได้มาตรฐาน เมื่อนำไปใส่อาหารที่มีความร้อนสูง หรืออาหารที่มีความเป็นกรด อาจเสี่ยงที่จะมีสารโลหะหนักที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพปนเปื้อนออกมากับอาหารได้ 

นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้ สมอ. เร่งควบคุมสินค้าที่สัมผัสกับอาหารโดยตรงอื่น ๆ เช่น ภาชนะพลาสติกใส่อาหาร กระดาษสัมผัสอาหาร และภาชนะสแตนเลสสำหรับอาหาร เป็นต้น เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน

นายบรรจง สุกรีฑา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวว่า การประชุมบอร์ด สมอ. ในครั้งนี้ นอกจากจะมีมติเห็นชอบมาตรฐานถุงพลาสติกสำหรับบรรจุอาหาร และถุงพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับอุ่นในไมโครเวฟแล้ว ยังเห็นชอบมาตรฐานอื่น ๆ อีกจำนวน 97 มาตรฐาน เช่น โต๊ะ เก้าอี้นักเรียน เก้าอี้พลาสติกแบบมีพนักพิง ไม้ยางพาราแปรรูป บานประตู แผ่นไม้ประกอบ อนุภาคนาโนกักเก็บสารสกัดมะขามป้อม และอนุภาคนาโนกักเก็บสารสกัดกวาวเครือขาว เป็นต้น 

รวมทั้งเห็นชอบมาตรฐานที่จะกำหนดเพิ่มเติมอีก จำนวน 90 มาตรฐาน เช่น เครื่องทำน้ำอุ่นและเครื่องทำน้ำร้อนระบบก๊าซ เต้านมเทียมซิลิโคนใช้ฝังในร่างกาย ข้อเข่าเทียม เครื่องมือรักษารากฟัน ที่นอนลดแผลกดทับ เลนส์ตาเทียม สารน้ำฟอกไต เครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ ยางล้อรถยนต์ ลวดเหล็กเคลือบสังกะสี เม็ดพลาสติก และล้ออัลลอย์ เป็นต้น ซึ่งจัดทำโดย สมอ. และองค์กรกำหนดมาตรฐาน (SDOs) ที่เป็นสถาบันเครือข่ายของ สมอ. ได้แก่ สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันยานยนต์ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ และสถาบันพลาสติก 

ด้าน นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรฐานถุงพลาสติกสำหรับบรรจุอาหาร และถุงพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับอุ่นในไมโครเวฟ สมอ. ได้เคยมีการกำหนดมาตรฐานไว้แล้ว แต่เพื่อให้มีความปลอดภัยกับประชาชนมากยิ่งขึ้น จึงได้มีการทบทวนมาตรฐานโดยยกเลิกมาตรฐานฉบับเดิม และกำหนดใหม่ โดยมีข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่สำคัญ ได้แก่ การควบคุมปริมาณโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว อะลูมิเนียม แบเรียม โคบอลต์ ทองแดง เหล็ก ลิเทียม แมงกานีส นิกเกิล สังกะสี พลวง สารหนู แคดเมียม โครเมียม ปรอท ยูโรเพียม แกโดลิเนียม แลนทานัม และเทอร์เบียม ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ การทนความร้อนความเย็น เช่น ทนความร้อนได้ถึง 100 องศาเซลเซียส 

สำหรับถุงใส่อาหารร้อน ทนความร้อนได้ไม่เกิน 60 องศาเซลเซียส สำหรับถุงใส่อาหารเย็น และทนความเย็นได้ถึง -18 องศาเซลเซียส สำหรับถุงใส่อาหารเยือกแข็ง และสำหรับถุงพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับอุ่นในไมโครเวฟ สามารถทนความร้อนได้ไม่ต่ำกว่า 80 องศาเซลเซียส 

นอกจากนี้ มีการควบคุมการใช้สีที่พิมพ์ลงบนถุง โดยถุงพลาสติกสำหรับบรรจุอาหาร ต้องเป็นสีสำหรับใช้กับผลิตภัณฑ์สัมผัสอาหาร (Food Grade) เท่านั้น สำหรับถุงพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับอุ่นในไมโครเวฟ จะต้องเป็นสีที่ผ่านการตรวจสอบสารอันตรายตามมาตรฐาน มอก.1069 สีสำหรับพลาสติกทำผลิตภัณฑ์สัมผัสอาหาร เป็นต้น 

โดยหลังจากนี้ สมอ. จะเร่งรัดดำเนินการเพื่อประกาศเป็นสินค้าควบคุมโดยเร็ว รวมถึงสินค้าสัมผัสอาหารอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชนตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมต่อไป” เลขาธิการ สมอ. กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top