Wednesday, 14 May 2025
NewsFeed

ไม่จบ!! 'กรมศิลป์ฯ' ประกาศพื้นที่สถานีอยุธยาเป็น 'โบราณสถาน' เกมวางหมากขวางที่สุดท้าย 'ประชาชน' เสียประโยชน์ทุกมุม

(12 เม.ย. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure’ โพสต์ข้อความหัวข้อ ‘กรมศิลป์ฯ ประกาศพื้นที่สถานีอยุธยาโบราณสถาน ตอนนี้??’ โดยระบุว่า…

“ค้านจนสงสัย… ตั้งแต่อ้างมรดกโลก ขอทำ HIA ทำครบทุกอย่าง แต่มาประกาศโบราณสถาน!!!

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเห็นประกาศพื้นที่โบราณสถานของกรมศิลป์ฯ ในพื้นที่อาคารสถานีอยุธยา ซึ่งปัจจุบันทุกคนก็รู้แล้วจะจะเป็นพื้นที่ก่อสร้าง สถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ที่คุยกันมา กว่า 2 ปีแล้ว!!! 

ซึ่งที่ผ่านมา กรมศิลป์ฯ และนักอนุรักษ์ ต่าง ๆ ก็แวะเวียนกันมา ยกประเด็นที่อ้างถึงเพื่อให้แก้ไขเส้นทาง หรือย้ายตำแหน่งสถานี ได้แก่

- มีการคัดค้านการแก้ไข EIA โครงการรถไฟความเร็วสูง ที่เคยผ่านไปแล้วตั้งแต่ปี 2562

- การแจ้งข้อกังวลของ UNESCO ในผลกระทบจากตัวมรดกโลก ซึ่งก็ขอให้ทำ HIA เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่มรดกโลก (ซึ่งห่างกว่า 1.5 กิโลเมตรจากตัวสถานี) ซึ่งปัจจุบัน HIA ก็เสร็จแล้ว ส่งให้กรมศิลป์ฯ ตรวจ (แต่ก็ยังไม่ส่งต่อให้ UNESCO พิจารณา)

- คัดค้านทางวิ่งยกระดับ ที่ผ่านเส้นทางรถไฟในปัจจุบัน อ้างว่าบดบังทรรศนะวิสัย ซึ่งระบุให้ทำการจำลองใน HIA

- การสร้างกระแส #Saveอโยธยา จากนักอนุรักษ์บางกลุ่ม และบอกว่าพื้นที่สถานีอยุธยาปัจจุบันคือเมืองเก่าอโยธยา ในยุคทวารวดี แต่ถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการขุดค้นอย่างเป็นทางการ และก็ไม่มีคำตอบว่า ถ้าจะขุดค้นจะทำอย่างไร จะไล่ที่ประชาชนที่อยู่ปัจจุบันออกเหรอ???

- สร้างกระแสผลกระทบกับชุมชนหน้าสถานีรถไฟอยุธยา ที่ต้องย้ายออก แต่ก็ไม่ได้พูดว่า นั่นเป็นที่ดินรถไฟมาตั้งแต่แรก ซึ่งคนเหล่านั้นมาเช่าที่ดินอยู่เพื่อใช้ประโยชน์

ล่าสุด!!! กรมศิลป์ฯ ได้ประกาศพื้นที่อนุรักษ์บนพื้นที่อาคารสถานีอยุธยา ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ถนนฝั่งตรงข้ามตัวอาคารสถานี ไปจนถึงชานชาลา 1 ริมทางรถไฟ ซึ่งการทำแบบนี้ก็เท่ากับว่า ตั้งใจจะวางหมากเพื่อให้สถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยาก่อสร้างได้ยาก และติดปัญหาที่ต้องมาเคลียร์กับ กรมศิลป์ ต่อในอนาคตอีก…

ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับตัวอาคารสถานีอยุธยาในปัจจุบัน หน่อย 

ซึ่งหลายๆ คนบอกว่าเป็นอาคารสถานีที่ สร้างสมัย ร.5 ตั้งแต่การเดินรถไฟครั้งแรกในปี พ.ศ.2434 ซึ่งไม่จริง!!!

อาคารสถานีเดิมเป็นอาคารไม้ ซึ่งสร้างใหม่เป็นอาคารคอนกรีต ในสมัย ร.6 ซึ่งเปิดใช้ในปี พ.ศ.2464 

แต่อย่างไรก็ตาม อาคารสถานีก็มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย เนื่องจากเป็นพื้นที่สาธารณะ ซึ่งมีการใช้ปริมาณมากในแต่ละวัน ซึ่งก็ปรับปรุงภายในไปพอสมควร 

และก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกเลย ที่จะมีการปรับปรุงสถานีเก่าให้อยู่ร่วมกับ โครงสร้างใหม่ เพื่อมาขยายการพัฒนาด้านระบบราง ซึ่งมีตัวอย่างจากทั่วโลก

ซึ่งจากที่เล่ามาทั้งหมด ผมก็อยากทราบว่า กรมศิลป์ฯ และนักอนุรักษ์ มีจุดประสงค์ต้องการทำไปเพื่ออะไร…. อยากให้ย้าย หรือ อยากจะให้โครงการช้าไปถึงไหน!!!

จากการคัดค้านอย่างต่อเนื่อง จนสงสัยว่า หน่วยงานมีปัญหาอะไรกับรถไฟความเร็วสูงกันแน่!!!

แต่ไม่เป็นไร ต่อให้กรมศิลป์ฯ ประกาศเป็นพื้นที่อนุรักษ์ แต่ตัวอาคารก็ไม่ได้ไปรื้อย้าย หรือกระทบอะไรกับตัวอาคารอยู่แล้ว เพียงแต่ตัวอาคารสถานีรถไฟความเร็วสูง คร่อมทับบางส่วนของตัวอาคารสถานีรถไฟอยุธยาไปเท่านั้น!!!

ผมขอร้องเถอะครับ กรมศิลป์ฯ ก็เป็นหน่วยงานภายใต้รัฐบาลไทย ช่วยทำงานคุยกัน เพื่อให้โครงการมันราบรื่นหน่อยเถอะครับ ไม่ใช่มาวางหมากขวางกันไปมา สุดท้าย “ประชาชน” เป็นคนที่เสียประโยชน์จากเรื่องนี้ในทุกมุม!!!

ผมขอฝากรัฐบาลไปช่วยเป็นตัวกลางช่วยคุยให้เรื่องมันจบซักทีเถอะครับ
พรรคเพื่อไทย เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin

ลิงก์ ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับสถานีรถไฟอยุธยา 
สถานีอยุธยา VS กรมศิลป์ฯ ตามลิงก์นี้
https://www.facebook.com/491766874595130/posts/1201611603610650/

การทำ HIA ตามที่กรมศิลป์ฯ และ UNESCO ต้องการ ตามลิงก์นี้
https://www.facebook.com/491766874595130/posts/1202420353529775/?d=n

การเปรียบเทียบ โครงการอื่นที่ใกล้มรดกโลก จากทั่วโลก
https://www.facebook.com/491766874595130/posts/1286300595141750/?mibextid=BfDkjB

ลิงก์คลิปชี้แจงรายละเอียด สถานีอยุธยา โดยกรมการขนส่งทางราง
https://youtu.be/iiCPwh7vFDM

สรุปรายละเอียดโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-โคราช
https://www.facebook.com/491766874595130/posts/949437542161392/?d=n

การพัฒนาสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา อยู่ที่เดิม คนอยุธยาจะได้อะไร???

เปลี่ยน mode การเดินทาง จากรถ สู่เดิน!!! อนาคตยกระดับสู่ ถนนคนเดิน Historical Walk Way เทียบเท่า ญี่ปุ่น!!!
https://www.facebook.com/100067967885448/posts/649456317329959/?mibextid=cr9u03

'หน่วยความมั่นคง' ยัน!! มีเพียงการสู้รบรอบนอกเมียวดีห่างออกไป 1-40 กม. ยัน!! ไม่กระทบไทย และไม่มีสถานการณ์ใดน่ากังวลตามที่ปรากฏบนหน้าสื่อ

'หน่วยความมั่นคง' ยัน!! ไม่มีการสู้รบในเมืองเมียววดี มีเพียงรอบนอกที่ห่างออกไป 1-40 กม. ขอคนไทยอย่ากังวล เพราะไม่กระทบ เผย BGF ผันมาเป็น KNA ร่วมกับกะเหรี่ยง พร้อมประสาน รบ.ทหารเมียนมา เจรจาผลประโยชน์ลงตัว

(12 เม.ย. 67) แหล่งข่าวความมั่นคง กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวการโจมตี และเข้ายึดพื้นที่เมืองเมียวดีได้แล้ว ว่า จากการข่าวที่รายงานมา ยังไม่มีการสู้รบในตัวเมืองเมียวดี มีแต่การสู้รบล่าสุดคือ ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ 10 เม.ย.67 บริเวณที่ตั้งของ พัน 275 ซึ่งอยู่ห่างจาก ตัวเมืองเมียวดีประมาณ 1 กม. ห่างจากอำเภอแม่สอด 5 กม. โดย พัน 275 มีทหารอยู่ประมาณ 140 นาย ขณะที่กองกำลังพันธมิตรกะเหรี่ยงเข้าตี ซึ่งประกอบไปด้วย KNLA, KNA (BGF), PDF, KTLA และในช่วงเย็นของวันที่ 10 ทางกองกำลังพันธมิตรกะเหรี่ยง ก็สามารถเข้ายึดค่ายได้โดยทางกองกำลังพันธมิตรกะเหรี่ยงได้เปิดทางให้ ทหารของ พัน 275 วางอาวุธและเดินทางออกจากค่าย ด้วยความปลอดภัย 

ส่วนการสู้รบวานนี้ (11) ที่บริเวณรอบ ๆ พัน 275 ทาง กองทัพอากาศเมียนมาได้นำเครื่องบินมาทิ้งระเบิด ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณรอบ ๆ ที่ตั้งดังกล่าวพากันอพยพหนีการสู้รบจากบริเวณนั้นดังที่ปรากฏในข่าว 

โดยพิกัดดังกล่าวอยู่บริเวณ อ.กอการเร็ก ซึ่งห่างจากแม่สอดประมาณ 60 - 80 กม. ส่วนตามที่ปรากฏในข่าวสาร ว่ามีการเพิ่มเติมกำลังเข้ามาจาก พล ร.เบา 55 นั้น จริง ๆ แล้วการสู้รบในพื้นที่ดังกล่าว เป็นสู้รบที่เกิดขึ้นมานาน และต่อเนี่องมาหลายเดือน และผลจากการต่อสู้ดังกล่าว ไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ กับชายแดนไทย เพราะการอพยพของประชาชนดังกล่าว จะอพยพไปยังเมือง ไปร่จง, นาบู และ ตามันยะ ที่ไทยเพิ่งส่งความช่วยเหลือเข้าไป เมื่อวันที่ 25 มี.ค.67 ที่ผ่านมา  

สำหรับประเด็นสำคัญ ที่หลายคนอาจจะไม่เข้าใจคือ เมืองเมียวดี เป็นเมืองที่ถือได้ว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่ของประเทศเมียนมา ที่ผ่านมามี กองกำลัง BGF ซึ่งเป็นกองกำลังดูแลรักษาความสงบเมืองนี้ โดย BGF เป็นกองกำลังที่ได้รับผลประโยชน์จากประเทศเมียนมาในการดูและรักษาความสงบเรียบร้อยในเมืองเมียวดี 

ทว่า ปัจจุบัน BGF ได้ถอนตัวจากการอยู่ภายใต้รัฐบาลเมียนมา เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา และเปลี่ยนเป็น กองกำลัง KNA เพื่อมาร่วมกับกะเหรี่ยงกลุ่มอื่นๆ แต่ถึงจะถอนตัวออกมาจากเมียนมาแล้ว ทาง KNA (BGF) ก็ยังสามารถติดต่อสื่อสารพูดคุยกับทางรัฐบาลของเมียนมาได้ 

นอกจากนี้ ทาง KNA (BGF) ยังปรากฏข่าวสารว่าเป็นผู้ที่เจรจา ให้ทหารพม่ากลุ่มต่าง ๆ ในเมียวดี วางอาวุธโดยไม่ต้องสู้รบ เพื่อที่จะได้ไม่สร้างความเสียหาย ให้กับเมืองเมียวดีและประชาชน โดยมีข่าวสารจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ กล่าวว่า เริ่มมีการพูดคุยถึงการขับเคลื่อนเมืองเศรษฐกิจเมืองเมียวดี ให้กลับมาปกติ ดำเนินชีวิตอย่างเดิมกันต่อไป โดยทางรัฐบาลเมียนมา อาจจะให้ทางพันธมิตรกะเหรี่ยง เป็นผู้ดูแลบริหารจัดการสะพานมิตรภาพทั้ง 2 แห่ง โดยแบ่งปันสัดส่วนผลประโยชน์ให้เป็นที่พึงพอใจกันทุกฝ่าย สถานการณ์ในเมืองเมียวดี จึงยังไม่มีความน่าวิตกกังวลใด ๆ

"ที่ผ่านมาประชาชนส่วนใหญ่ก็เริ่มกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม ใครที่ออกจากบ้าน ไปด้วยความกังวลสถานการณ์สู้รบ ก็จะเริ่มเดินทางกลับเข้าไป โดยสรุปสถานการณ์ ในเมืองเมียวดี น่าจะกลับมาปกติในเร็ววัน ไม่มีสถานการณ์ใดที่น่ากังวลตามที่ปรากฏตามสื่อต่าง ๆ ในห้วงที่ผ่านมา" แหล่งข่าวความมั่นคง ระบุ

'ดีอี - ตำรวจไซเบอร์' ทลายเว็บพนันออนไลน์ เงินหมุนเวียนกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี พร้อมรวบบริษัทบัญชีม้า สร้างความเสียหายนับพันล้านบาท

10 เมษายน 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ
และสังคม (ดีอี) พร้อมด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการราชการแทน ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.มนเทียร พันธ์อิ่ม รอง ผบช.ฯ ช่วยราชการ บช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1, พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 และ พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 พร้อมผู้เกี่ยวข้องร่วมแถลงผลการจับกุม “ปฏิบัติการ Cyber Strike” ใน 2 ปฏิบัติการ 

1. ทลายบริษัทบัญชีม้าที่สร้างความเสียหายนับพันล้านบาท โดยตำรวจไซเบอร์ได้รับข้อมูลจากระบบแจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.go.th ว่าคนร้ายหันมาใช้บัญชีธนาคารในชื่อนิติบุคคลในรูปแบบบริษัท และห้างหุ้นส่วนจำกัด ทำให้เหยื่อหลงเชื่อและเกิดความไว้ใจว่าไม่น่าจะเป็นบัญชีธนาคารของกลุ่มมิจฉาชีพ และได้เข้าตรวจสอบ พบผู้เสียหายจำนวน 153 ราย (เคสไอดี) มีมูลค่าความเสียหายจำนวนทั้งสิ้น 897,253,861 บาท และมีผู้เสียหายที่ยังไม่ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งรวมมูลค่าความเสียหายแล้วนับพันล้านบาท จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องได้จำนวน 19 ราย กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่ บจก. และ หจก. จำนวน 43 จุดทั่วประเทศ อาทิพื้นที่ กทม. ปทุมธานี สมุทรปราการ อ่างทอง สุพรรณบุรี ราชบุรี ชลบุรี ปราจีนบุรี พิษณุโลก ขอนแก่น เป็นต้น และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 12 ราย พร้อมส่งดำเนินการตามกฎหมายในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยปราการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยไม่ได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด

2. ทลายเว็บพนันออนไลน์ huayland.net พร้อมเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง พบยอดเงินหมุนเวียนกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี สามารถยึดของกลางและทรัพย์สินมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท โดยได้สืบสวนทราบว่า มีผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตเครือข่าย “หวยแลนด์” พบเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องจำนวน 9 เครือข่าย ได้แก่ 1.jaywii , 2.jaywiiplus , 3.jay1000 , 4.Ih69 , 5.rachahuay , 6.huayland , 7.kerry899 , 8.linetang88 และ 9.huay1plus ซึ่งมีสมาชิกผู้เล่นกว่า 59,000 คน ต่อมาได้มีการขออนุมัติหมายจับผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องรวม 29 ราย และกระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหายจำนวน 17 จุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จำนวน 13 จุด, จ.ชุมพร จำนวน 3 จุด และ จ.กาญจนบุรี จำนวน 1 จุด จากการกระจายกำลังเข้าตรวจค้นทั้ง 17 จุด สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้รวมทั้งสิ้น 17 ราย และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังได้ตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก เช่น เงินสด 47 ล้านบาท อายัดเงินในบัญชีธนาคารกว่า 20 ล้านบาท นาฬิกาหรู (Patek Philippe, Rolex, TAG Huer) จำนวน 6 เรือน โฉนดที่ดิน 26 ชุด รถยนต์ Porsche Cayenne จำนวน 1 คัน เป็นต้น 

“ตามนโยบายของรัฐบาล โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้ความสำคัญและเร่งรัดกับการปราบปรามความผิดที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเว็บพนันออนไลน์ ที่หลอกลวงเหยื่อในรูปแบบต่างๆ ทำให้ประชาชนสูญเสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก และได้สั่งการให้กระทรวงดีอี  สตช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีผลชัดเจนใน 30 วัน ซึ่งกระทรวงดีอีได้มีการผนึกกำลังหลายภาคส่วน และเร่งดำเนินการการทำงานให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกล่าว

ทั้งนี้ กระทรวงดีอี ให้ความสำคัญกับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านความมั่นคงระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติบริเวณชายแดน ในการดำเนินการขยายผลจับกุมทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว็บพนันออนไลน์ ซิมผี บัญชีม้า โดย บช.สอท. ได้แจ้งให้ กระทรวงดีอีดำเนินการปิดเว็บพนันออนไลน์ในช่วงระหว่างวันที่ 1 - 9 เม.ย. 67 จำนวน 7,612 URLs และตั้งแต่ 1 ต.ค. 66 - 9 เม.ย. 67 กระทรวงดีอีดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ผิดกฎหมาย พนัน ไปแล้ว 31,503 URLs เพื่อแก้ไขปัญหาให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างเร่งด่วน ในการตรวจสอบ ระงับ ยับยั้ง

‘บิ๊กป้อม’ อวยพรสงกรานต์ ขอ ‘คนไทย’ ร่วมกันทำความดี มีแต่ความสุข ความสมหวัง เดินทางกลับบ้านโดยปลอดภัย

(12 เม.ย. 67) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวสวัสดีวันสงกรานต์และวันปีใหม่ของไทยประจำปี 2567 ขอให้ทุกคนประสบความสุข ความเจริญ สุขภาพกายใจ แข็งแรง ปราศจากโรคภัย ความเศร้าหมอง และขอให้สมหวังในพรทุกประการ

“ผมขอส่งความปรารถนาดีไปยังพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ขอให้ร่วมกันทำความดีเพื่อเป็นมงคลต่อชีวิต และเป็นการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ ให้ทุกครอบครัว มีความรักความสามัคคีเกื้อกูลระหว่างกัน และเพื่อให้ครอบครัวเป็นสถาบันที่เข้มแข็งตลอดไป“

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ยังฝากถึงประชาชนในการเดินทางกลับบ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 ขอให้ประชาชนทุกคนเดินทางกลับบ้านโดยปลอดภัย มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมทาง เดินทางถึงจุดหมายปลายทาง โดยสวัสดิภาพ 

‘คุณปู่วัย 82’ กินกุ้งผัดฉ่า เติมข้าวรอบ 2 สำลัก-อาหารติดคอ เสียชีวิตในบ้านพัก

เมื่อวานนี้ (11 เม.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สมุทรสงคราม ร.ต.อ.วรบูรณ์ บุญมาก รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองสมุทรสงคราม ได้รับแจ้งเหตุมีประชาชนอาหารติดคอเสียชีวิตคาชามข้าว จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรมสมุทรสงคราม

ในที่เกิดเหตุอยู่ภายในครัวของบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ต.แม่กลอง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม พบศพนายบุญเลี่ยม (สงวนนามสกุล) อายุ 82 ปี สวมเสื้อเชิ้ตสีครีม นุ่งกางเกงขายาวสีเทา นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณกลางห้อง ใกล้กันพบจานข้าว 1 จาน และกุ้งแม่น้ำผัดฉ่าวางอยู่

นายวิรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี หลานชายผู้ตาย กล่าวว่า คุณปู่อาศัยกับบิดาและมารดาของตน แต่วันนี้ไปทำงานที่กรุงเทพฯ ตนซึ่งอยู่บ้านใกล้กันจึงมาช่วยดูแล ทุกวันจะคอยดูแลจัดสำรับกับข้าวให้คุณปู่กินตามเวลา 3 มื้อ โดยช่วงก่อนเกิดเหตุตนอาบน้ำให้ปู่ และนำข้าวสวยกับกุ้งผัดฉ่ามาให้ปู่กิน กระทั่งปู่กินข้าวหมดไป 1 จาน ตนก็ถามจะเติมข้าวอีกไหม คุณปู่บอกว่าเติม ตนจึงตักข้าวเพิ่มให้ แล้วก็เดินออกมาคุยกับญาติพี่น้องข้างนอกบ้าน พอเดินกลับมาหาปู่ เห็นปู่กำลังตักข้าวเข้าปาก จากนั้นก็เกิดสำลักอาหาร ตนพยายามช่วยตบหลัง แต่ก็ไม่ยอมอาเจียนออกมา ไม่นานก็เริ่มชักตัวเกร็ง ตนรีบไปเรียกน้าสาว และโทร 1669 แจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือแต่ก็ไม่ทัน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้ตายซึ่งอายุมากแล้วทำให้สำลักอาหารง่ายอาจจะกินข้าวกับกุ้งแม่น้ำผัดฉ่า อย่างเอร็ดอร่อย จนสำลักแล้วทำให้อาหารลงไปติดที่หลอดลมเสียชีวิต ซึ่งญาติไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตจึงมอบศพนายบุญเลี่ยมให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

‘ฟ่าน ปิงปิง’ เช็กอินเที่ยวกรุงเทพฯ พร้อมชม!! ‘มะพร้าวไทย’ อร่อยมาก

(12 เม.ย.67) ภายหลังจากเซอร์ไพรส์คนไทย นางพญาแดนมังกร ‘ฟ่าน ปิงปิง’ ร่วมขบวนพาเหรด เปิดงาน ‘Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567’ ที่บริเวณถนนราชดำเนินกลาง งามวิจิตรในชุดไทยสะกดสายตา เมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา

ล่าสุดวันนี้ ‘ฟ่าน ปิงปิง’ ได้โพสต์ภาพลงอินสตาแกรมส่วนตัวรัว ๆ ระบุว่า “Sawadee ka!  Thai coconut, yummy!” (สวัสดีค่า มะพร้าวไทย อร่อยมาก!)

ซึ่งก็มีคนไทย และคนดังของไทยเข้าไปคอมเมนต์อย่างต่อเนื่อง เช่นว่า สวัสดีค่า, ยินดีต้อนรับสู่ประเทศไทย, คุณสวยมาก, Welcome to thailand, Happy Songkrant kaaaa my Queen, รักคุณมาก

‘พีระพันธุ์’ สั่งติดตามการสู้รบในเมียนมาอย่างใกล้ชิด ยัน!! แหล่งก๊าซฯ 3 แห่งยังส่งก๊าซฯ มาไทยได้ตามปกติ

เมื่อวานนี้ (11 เม.ย. 67) แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้สั่งการให้กระทรวงพลังงานเฝ้าติดตามสถานการณ์การสู้รบในประเทศเมียนมาว่าจะส่งผลกระทบต่อการจ่ายก๊าซธรรมชาติในแหล่งยาดานา, เยตากุน และซอติก้า แปลง M9 มายังประเทศไทยหรือไม่ เนื่องจากขณะนี้การสู้รบในประเทศเมียนมามีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น

เบื้องต้นขณะนี้ก๊าซฯ จากทั้ง 3 แหล่งดังกล่าว ยังส่งเข้าไทยได้ตามปกติ ซึ่งที่ผ่านมาทางกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (ชธ.) ได้มีการซ้อมแผนรองรับวิกฤติก๊าซธรรมชาติทุกปีอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ว่าจะเกิดปัญหากับก๊าซฯ ในจุดใด กรม ชธ. ก็จะสามารถบริหารจัดการก๊าซฯ เพื่อความมั่นคงทางพลังงานในประเทศให้ได้

อย่างไรก็ตามคาดว่าการสู้รบในเมียนมาจะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งก๊าซฯ มายังไทย เนื่องจากการสู้รบเป็นคนละส่วนกับพลังงานที่จำเป็นต่อชีวิตประชาชนทั่วไป แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดและกระทบต่อการส่งก๊าซฯ มายังไทยจริง ก็อยู่ในวิสัยที่ไทยยังสามารถบริหารจัดการได้ เพราะแหล่งก๊าซฯ เอราวัณ ในอ่าวไทยเริ่มกลับมาผลิตได้มากขึ้นแล้ว

ทั้งนี้กระทรวงพลังงานได้สั่งการให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เตรียมจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มาเติมให้เต็มถัง เพื่อความมั่นคงด้านไฟฟ้าและพลังงานในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนนี้ด้วย

สำหรับข้อมูลของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เมื่อปี 2566 พบว่าไทยมีปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติรวมทั้งสิ้น 4,664 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งมาจากแหล่งในประเทศ 57% หรือ 2,653 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และนำเข้ามาจากต่างประเทศอีก 43% หรือ 2,010 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยเป็นการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) 31%  และก๊าซฯ จากเมียนมา 12%

สำหรับก๊าซฯ จากแหล่งในเมียนมาที่ส่งมายังไทย ได้แก่ ก๊าซฯ แหล่งยาดานา, แหล่งเยตากุน และแหล่งซอติก้า แปลง M9 ซึ่งทั้ง 3 แหล่งตั้งอยู่ในอ่าวเมาะตะมะ ของสหภาพเมียนมา โดยปัจจุบันแหล่งยาดานาส่งก๊าซฯ มาไทยประมาณ 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน, ก๊าซฯ แหล่งเยตากุน ประมาณ 30 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และก๊าซฯ จากแหล่งซอติก้า แปลง M9 ประมาณ 200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน รวมทั้งสิ้นประมาณกว่า 500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน

‘นทท.จีน’ ลงทุน!! เหมาเครื่องบินมา ‘ไทย’ จองเล่นน้ำสงกรานต์ที่พัทยา กว่า 3,000 คน

(12 เม.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ว่า เมื่อวันที่ 11 เม.ย.67 ที่ผ่านมามีกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติชาวจีนเหมาลำเครื่องบินมาเล่นน้ำสงกรานต์เมืองพัทยาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยมีการจองตั๋วมาเที่ยวประเทศไทยจำนวนมาก เพื่อมาเล่นน้ำสงกรานต์ โดยมีการจองเล่นน้ำที่พัทยา วอเตอร์ สเปช (PATTAYA WATER SPACE) หรือ ‘สวนน้ำมหาสงกรานต์’ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่กว่า 3,000 คน 

โดยพัทยา วอเตอร์ สเปช สร้างขึ้นในเนื้อที่กว่า 114 ไร่ เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยว ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติได้เล่นสาดน้ำสงกรานต์ตลอดทั้งปีแห่งแรกและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังมีแสดงโชว์ศิลปวัฒธรรมประเพณีไทย ผสมผสาน กับแนวดนตรีสมัยใหม่ ประกอบกับแสงสีเสียง สุดยิ่งใหญ่อลังการตระการตา โดยใช้นักแสดงกว่า 300 ชีวิต ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความสนุกสนาน

จากการสอบถามนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่มาเที่ยวเล่าว่า หลังจากที่ประเทศไทยมีการเปิดฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาเที่ยวประเทศไทย โดยไม่ต้องขอวีซ่า ซึ่งช่วงสงกรานต์ปีนี้มีชาวจีนจำนวนมากจองตั๋วเครื่องบินมาเที่ยวประเทศไทย และต้องการมาเที่ยวเมืองพัทยา เพื่อมาเล่นน้ำสงกรานต์และชมการแสดงโชว์ โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ พัทยา วอเตอร์ สเปช ซึ่งมีการแสดงโชว์และมีสถานที่ให้มีการเล่นน้ำสงกรานต์อย่างกว้างขวาง

สำหรับ พัทยา วอเตอร์ สเปช หรือ ‘สวนน้ำมหาสงกรานต์’ เปิดให้บริการตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยผู้สร้างต้องการสืบสานความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ของประเพณีสงกรานต์ของประเทศไทย หลัง ยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนให้ประเพณีสงกรานต์ เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของโลก ที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติและการถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมเพณีของไทย รวมถึงการแสดงของตัวสำคัญ ๆ ในวรรณคดีโบราณ ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการมาได้ประมาณ 1 เดือน ปรากฎว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ให้ความสนใจ แห่มาเล่นสาดน้ำและชมการแสดงจำนวนมาก สร้างความสุขประทับใจที่ได้มีโอกาสมาสัมผัส การเล่นสาดน้ำสงกรานต์ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของไทยไปทั่วโลก

นอกจากนี้ ตลอดเดือนเมษายน ซึ่งเป็นเดือนของมหาสงกรานต์ ทาง พัทยา วอเตอร์ สเปช ได้เปิดให้คนไทยเข้าฟรี ตลอดทั้งเดือน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ โดยจะเปิดให้บริกานตั้งแต่เวลา 17.00 น.ถึงเวลา 22.00 น. ของทุกวัน  นอกจากนี้ ยังมีการเปิดโซน บูธขายอาหารเจ้าดังจากทุกภาคของประเทศไทย กว่า 150 ร้านค้า มาคอยให้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย

ศรชล.ภาค 1 ส่งเรือ ต.266 รับลูกเรือสินค้าชาวอินเดีย มีอาการสโตคและอัมพาตทั้งตัว กลางทะเลเข้ารักษาบนฝั่ง

เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 10 เม.ย.67 ศรชล.ภาค 1 ส่ง เรือ ต.266 พร้อมชุดปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินทางทะเล ทรภ.1 รพ.อาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ รับนายนันเดส ทอมสัน สัญชาติอินเดีย อายุ 48 ปี ลูกเรือสินค้า ชื่อเรือ seagalaxy ประเภทเรือ tanker ส่งเข้ารับการรักษาต่อยัง รพ.กรุงเทพพัทยา ได้อย่างปลอดภัย สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 19.50 วันที่ 9 เม.ย.67 ศปก.ศรชล.ภาค 1 ได้รับแจ้งจาก สายด่วน 1465 ว่ามีเรือสินค้าชื่อเรือ seagalaxy ประเภทเรือ tanker มีคนป่วย ชื่อ นาย เฟอร์นันเดส ทอมสัน สัญชาติอินเดีย อายุ 48 ปี มีอาการสโตค และอัมพาตทั้งตัว แต่ยังมีสติ โดยได้จอดเรือลอยลำอยู่กลางทะเลอ่าวไทย ห่างจาก เขาแหลมปู่เจ้า อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ระยะ 25 ไมล์ ศปก.ศรชล.ภาค 1 ได้ประสาน ศปก.ทรภ.1 ขอรับการสนับสนุน เรือ ต.266 พร้อมจัดชุดปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินทางทะเล ทรภ.1 รพ.อาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ ลง เรือ ต.266 ออกจาก ท่าเรือแหลมเทียน การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ (ทลท.กทส.ฐท.สส.) เมื่อเวลา 21.15 น. เข้ารับลูกเรือที่เจ็บป่วย ณ จุดนัดพบกลางทะเลกลับเข้าสู่ฝั่ง ณ ท่าเรือแหลมเทียน การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ และส่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษาพยาบาลต่อ ณ รพ.กรุงเทพพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ต่อไป

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

นครพนม- หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 โชว์ฝีมือตรวจยึดยาบ้าล๊อตใหญ่ จำนวน 103 มัด ประมาณ 206,000 เม็ด

เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2567 ที่กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการหน่วยปัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งตัน และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ผบ.นบ.ยส.24) มอบหมายให้ พันเอก กันตภณ จันทะนันท์ รองหัวหน้าส่วนส่วนปราบปราม หน่วยปัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งตัน และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (รอง หน.ปราบปราม นบ.ยส.24) เป็นประธาน พร้อมด้วย พันเอก สุริวัชร์ อัครพรเดชาพงษ์ ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 21/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 พันตำรวจเอก สุนันท์  สร้อยสุด ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านแพง และ หัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม แถลงข่าวตรวจยึดยาเสพติด(ยาบ้า) จำนวน 103 มัด ประมาณ 206,000 เม็ด พร้อม ผู้ต้องหา จำนวน 1 คน บริเวณทุ่งนาริมถนนหลวงหมายเลข 212 พื้นที่ บ้านแพงใต้ ตำบลบ้านแพง อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม โดยห้วงที่ผ่านมา พันเอก สุริวัชร์  อัครพรเดชาพงษ์ ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 21/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า จะมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไม่ทราบจำนวน จากขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติล๊อตใหญ่จากฝั่ง สปป.ลาว เข้ามายังฝั่งประเทศไทย บริเวณพื้นที่ อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม เพื่อลำเลียงขนส่งเข้าสู่พื้นที่ตอนในให้กับกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดภายในประเทศ จึงสั่งการให้ ร้อยโท วันชาติ  เหมือนปืน ผู้บังคับกองร้อยพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 จัดกำลัง ชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วของหน่วย เข้าทำการเฝ้าตรวจเพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด บริเวณพื้นที่ตามภาพข่าว เป็นทุ่งนาติดถนนทางหลวงหมายเลข 212 พื้นที่ บ้านแพงใต้ หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านแพง อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วที่เฝ้าตรวจ(ด้วยกล้องตรวจการณ์เวลากลางคืน และกล้อง CCTV แบบไร้สายที่ได้รับมอบมาจาก กองร้อยพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 พบชายต้องสงสัย จำนวน 3 คน เดินแบกกระสอบ จำนวน 2 กระสอบ  เดินมาตามเส้นทางในภูมิประเทศ  เจ้าหน้าที่จึงได้รอจนชายกลุ่มดังกล่าวเดินเข้ามาในระยะที่ทำการเฝ้าตรวจฯ เจ้าหน้าจึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้น เมื่อชายกลุ่มดังเห็น จนท. จึงได้ทิ้งกระสอบที่แบกมาด้วย และอาศัยความมืดวิ่งหลบหนีไป เจ้าหน้าจึงได้ทำการไล่ติดตาม จนสามารถทำการจับกุมไว้ได้ จำนวน 1 คน เป็นราษฎรชาว สปป.ลาว ชื่อท้าวต้วย (นามสมมุติ)(ทราบชื่อภายหลัง) อายุ 21 ปี ราษฎร บ้านดอน เมืองปากกะดิ่ง แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว  แล้วจึงเข้าทำการตรวจสอบกระสอบสิ่งของต้องสงสัยดังกล่าว พบว่าภายในบรรจุยาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาบ้า ) ห่อหุ้มด้วยกระดาษไข พิมพ์อักษร Y 1 จำนวน 103 มัด ประมาณ 206,000 เม็ด ขั้นต้นหน่วยได้ตรวจยึดและควบคุม ผู้ต้องหาพร้อมของกลางดังกล่าว มายัง กองร้อยพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 เพื่อทำการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมอย่างละเอียด และดำเนินการประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ร่วมตรวจสอบซักถามขยายผล พร้อมส่งผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดส่งให้ สภ.บ้านแพง อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เดวิท โชคชัย รายงาน 092-5259777  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top