Thursday, 10 July 2025
NewsFeed

‘น้องวรนุช’ ย่องเบาเข้าสภาฯ พร้อมเล่นน้ำสระมรกต สบายใจเฉิ่ม หลังปิดสมัยประชุม-หยุดสงกรานต์ ก่อนถูกจับคืนสู่ธรรมชาติ

(11 เม.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่อาคารรัฐสภาค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากอยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่ปรากฏว่าช่วงเช้าที่ผ่านมา ปรากฏภาพ ‘น้องวรนุช’ หรือ ตัวเงิน ตัวทอง วัยฉกรรจ์ ลงเล่นน้ำบริเวณสระมรกต ซึ่งเป็นสระน้ำที่อยู่กลางอาคารรัฐสภา อย่างสบายใจ 

ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่พบเห็นครั้งแรกตกใจ คาดว่า ‘น้องวรนุช’ น่าจะขึ้นมาจากทางฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากลักษณะโดยรอบของรัฐสภาไม่เอื้อต่อการอาศัยอยู่ของสัตว์เหล่านี้ เนื่องจากมีทั้งตึก โรงงาน รวมถึงการเขตก่อสร้างด้วย ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่รัฐสภาได้จับไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติแล้ว  

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ‘น้องวรนุช’ ตัวนี้ถือเป็นตัวแรกที่ถูกจับได้อย่างเป็นทางการ หลังแอบย่องเข้ามาในบริเวณรัฐสภาแห่งใหม่ ซึ่งหลังจากก่อนหน้านี้ที่อาคารรัฐสภาแห่งเดิม ที่ติดกับสวนสัตว์เขาดิน ‘น้องวรนุช’ หลุดเข้ามาในบริเวณรัฐสภาหลายครั้ง

‘นายกฯ’ เคลียร์ชัด ‘เงินฝาก’ 5 แสน นับวันที่ลงทะเบียน พร้อมให้ความมั่นใจ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ทำทุกอย่างถูกต้อง

(11 เม.ย. 67) ที่ศูนย์บริหารจัดการจราจรและอุบัติเหตุกรมทางหลวง (Highway Traffic Operations Center : HTOC) กรมทางหลวง ถนนศรีอยุธยา เขตราชเทวี กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่านำเงินของเกษตรกร จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มาใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ ว่า มั่นใจว่าทุกอย่างถูกต้อง เดี๋ยวจะให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบ ทุกอย่างต้องถูกต้องตามกฎหมายตามที่ตนเรียน

เมื่อถามว่าฝ่ายค้านจะขอดูแผนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นายกฯ กล่าวว่า ก็ว่าไปตามกฎหมาย ตนแถลงไปครบแล้ว

เมื่อถามต่อว่ากรณีเงื่อนไขผู้มีเงินฝาก 5  แสนบาท นับตั้งแต่เดือนไหน นายกฯ กล่าวว่า ก็นับวันที่ลงทะเบียน

เมื่อถามอีกว่าเรื่อง Super App จะมีการเพิ่มงบ ในการทำหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวเขาพัฒนามาแล้วจะแจ้งให้ทราบ ทุกอย่างต้องโปร่งใสตรวจสอบได้

เมื่อถามย้ำว่า Super App จะเชื่อมโยงกับแอปเป๋าตังใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทุกแอปก็เป็นโอเพ่นแอป โอเพ่นลูป ส่วนกรณีที่ประชาชนไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่มีแอปฯ จะมีช่องทาง อื่นหรือไม่ ก็จะรับไปพิจารณาต่อ

รู้จัก WolffiaX ผู้ปลุกปั้น ‘ไข่ผำ’ สู่อาหารแห่งอนาคต เจาะตลาดต่างชาติ ฉลุย!! เพาะได้ทั้งปี มีโปรตีนสูง

จากรายการ THE TOMORROW มหาชนต้องรู้ ออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ ‘ดร.อันนา ปาจรียางกูร’ ผู้บริหารแบรนด์ ‘วูล์ฟเฟียเอ็กซ์’ (WolffiaX) ผู้เพาะเลี้ยงไข่ผำ หรือ ไข่น้ำ อีกหนึ่งอาหารแห่งอนาคต ถึงแนวทางการผลิต เพาะเลี้ยง จนถึงการจัดจำหน่าย ภายใต้กระบวนการที่ใส่ใจในการรักษาสิ่งแวดล้อม
.ดร.อันนา เล่าถึงที่มาของไข่ผำ ว่า ‘ไข่ผำ’ หรือไข่น้ำนั้น เป็นพืชน้ำที่มีหน้าตาคล้ายไข่กุ้ง ขนา

ประมาณ 0.5 มิลลิเมตร ซึ่งมีมานานแล้วกว่า 200 ปี ในประเทศไทยมีมากในภาคเหนือและภาคอีสาน โดยไข่ผำเป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีมากกว่า 11 สายพันธุ์ทั่วโลก และเจริญเติบโตในแหล่งน้ำธรรมชาติ ถือว่าเป็นพืชที่มีประโยชน์มากเพราะมีวิตามิน B12 สูง ซึ่งผู้ทานมังสวิรัติสามารถรับประทานได้โดยไม่ขาดวิตามินบี 12 และยังมีโปรตีนสูง ไฟเบอร์สูงอีกด้วย 

ในส่วนของ ‘ไข่ผำ’ ภายใต้แบรนด์วูล์ฟเฟียเอ็กซ์ ถูกพัฒนาให้กลายเป็นอาหารแห่งอนาคต (Future Food) ที่ได้รับความสนใจจากประเทศสหรัฐอเมริกาและอิสราเอล เนื่องจากในต่างประเทศมีการเพาะเลี้ยงไข่ผำเช่นกัน แต่ต้นทุนสูงกว่า ขณะที่เมืองไทยมีสภาพอากาศที่เหมาะกับการเพาะเลี้ยงไข่ผำได้ตลอดทั้งปี โดยวูล์ฟเฟียเอ็กซ์ เป็นแบรนด์แรก ๆ ที่เพาะเลี้ยงไข่ผำจำหน่ายเพื่อการบริโภคโดยตรง เนื่องจากไข่ผำเป็นพืชที่มีศักยภาพ เป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรมอาหาร อีกทั้งเป็นแหล่งโปรตีนที่ทานได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเนื้อสัตว์ (Alternative Protein) โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ ประชาชนทุกเพศทุกวัยที่ต้องการดูแลสุขภาพ เด็กที่ไม่ชอบรับประทานผักหรือผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยวก็สามารถทานไข่ผำได้ง่ายเช่นกัน ซึ่งราคาจำหน่ายที่ต่างประเทศจะสูงกว่าเมืองไทย 5-10 เท่า  

ส่วนการเพาะเลี้ยงไข่ผำนั้นยั่งยืนมาก (Sustainability) เนื่องจากกระบวนการเพาะเลี้ยง จนถึงการบรรจุภัณฑ์ ไปจนการส่งต่อสู่ผู้บริโภค แทบจะเป็น Zero Waste เกือบทั้งหมด ขณะที่การใช้น้ำเพาะเลี้ยงไข่ผำนั้น ต่อ 1 กรัมโปรตีน จะใช้น้ำเพียงประมาณ 1.2 แกลลอน ซึ่งเมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์ ต่อ 1 กรัมโปรตีนแล้ว จะต้องใช้น้ำมากถึง 10-20 แกลลอนกันเลยทีเดียว ดังนั้นหากเทียบกับการทำปศุสัตว์แล้ว การเพาะปลูกไข่ผำ จึงใช้น้ำน้อยมาก ๆ 

ปัจจุบัน วูล์ฟเฟียเอ็กซ์ มีโรงเพาะปลูกไข่ผำสดอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 2 ไร่ และได้รับมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี หรือ GAP (Good Agricultural Practices: GAP) นอกจากใช้น้ำน้อยในการเพาะปลูกแล้ว เราก็ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยมาก ซึ่งในอนาคตโรงเพาะเลี้ยงไข่ผำจะเปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์จากแผงโซลาร์เซลล์ (Solar Cell) เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ทั้งนี้ไม่เพียงแบรนด์ วูล์ฟเฟียเอ็กซ์ จะจำหน่ายไข่ผำสดแล้ว ทางบริษัทฯ ยังได้พัฒนาแปรรูปผลิตภัณฑ์จากไข่ผำอีกด้วย เช่น ผงชงดื่มไข่ผำ (WolffiaX Drink) ละลายในน้ำรับประทานได้เลย เส้นบะหมี่ไข่ผำ (WolffiaX Noodle) ลูกชิ้นไข่ผำ (WolffiaX Meatballs) และยอไข่ผำ (WolffiaX Sausage) ซึ่งเป็นแพลนต์ เบส ฟู้ด (Plant based food) 

สำหรับผู้ใดที่สนใจอาหารแห่งอนาคตจากไข่ผำของ วูล์ฟเฟียเอ็กซ์ สามารถติดตามรายละเอียดได้ทางเฟซบุ๊ก WolffiaX และไลน์ @drwellnessx

'สก.บางซื่อ ก้าวไกล' โร่แจงปมเจ้าของโรงงานซุกกากแคดเมียม  เผย!! เป็นธุรกิจญาติ ตนไม่เกี่ยว ทั้งในบางซื่อและสมุทรสาคร

(11 เม.ย. 67) จากกรณี น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ได้ลงพื้นที่ร่วมกับปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และอธิบดีกรมโรงงาน เพื่อตรวจสอบบริษัท ล้อโลหะไทย เมททอล จำกัด ตั้งอยู่ 1532/1 ซอยเรียงปรีชา ถนนประชาราษฎร์ แขวงบางซี่อ เขตบางซื่อ กทม. หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ได้สืบสวนแกะรอยจนทราบว่าที่โรงงานดังกล่าวมีการซุกซ่อนกากแคดเมียม 150 ตัน บรรจุในถุงบิ๊กแบ็ก 98 ถุง โดยขณะนี้ได้ยึดอายัดไว้แล้ว

น.ส.ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย สก.เขตบางซื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตรวจสอบกากสารแคดเมียมในบางซื่อ วันนี้เนอสและสส.กานต์ ภัสริน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานที่มีกากสารแคดเมียมเก็บอยู่ในเขตบางซื่อ ทราบว่าเป็น บริษัท ล้อโลหะไทยเมททอล จำกัด ในซอยเรียงปรีชา ซึ่งอยู่บนถนนพิบูลสงครามบริเวณพระราม 7 ฝั่งมุ่งหน้ามาจากจังหวัดนนทบุรี

โดยกากสารแคดเมียมที่พบมีจำนวน 98 ถุงบิ๊กแบ็ก มีน้ำหนักประมาณ 150 ตัน สภาพโรงงานเป็นโรงงานค้าของเก่าระบบปิด ไม่มีเตาหลอม มีหลังคาคลุม พื้นเป็นปูน เบื้องต้นทางสำนักสิ่งแวดล้อม กทม. ได้ใช้เครื่องวิเคราะห์ค่าโลหะแบบพกพาตรวจน้ำจากท่อระบายน้ำ 2 จุดที่เชื่อมออกมาจากโรงงาน ยังไม่พบสารแคดเมียม อย่างไรก็ตามต้องรอผลตรวจน้ำและดินโดยรอบจากแล็บของกรมโรงงานอุตสาหกรรมอีกครั้ง เนื่องจากจะมีความละเอียดมากกว่า

ในการเคลื่อนย้ายกากสารแคดเมียมออกจากพื้นที่นั้น ทราบว่าจะมีการย้ายหลังช่วงสงกรานต์เพื่อหลีกเลี่ยงการสัญจรหนาแน่นของพี่น้องประชาชน จึงจะมีการทยอยขนย้ายทั้งจากเขตบางซื่อ ชลบุรี และสมุทรสาคร กลับไปยังหลุมฝังกลบที่จังหวัดตากหลังจากวันที่ 17 เมษายนเป็นต้นไปค่ะ

ทาง กทม. ได้ประกาศโรงงานนี้เป็นพื้นที่สาธารณภัยตาม พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 จึงมีการปิดประตูโรงงานและมีเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอดเวลา

ส่วนในเรื่องที่เนอสและเจ้าของโรงงานมีนามสกุลเดียวกันนั้น เนื่องจากคุณเจษฎา เก่งรุ่งเรืองชัย เป็นคุณอา (น้องของพ่อ) โดยเมื่อก่อนรุ่นอากงทำธุรกิจค้าของเก่าเป็นกงสี แต่บริษัทของคุณพ่อเนอสได้แยกออกจากกงสีมาตั้งอยู่ที่จังหวัดนนทบุรีมากกว่า 20 ปีแล้ว ส่วนเนอสเองก็ออกจากบริษัทของคุณพ่อมามากกว่า 5 ปีแล้ว ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าของเก่าในเขตบางซื่อหรือสมุทรสาครแต่อย่างใด

เนอสมาลงสนามการเมืองแค่ต้องการทำให้เขตบางซื่อที่อยู่มาตั้งแต่เกิดดีขึ้นเท่านั้น ไม่ได้มีความคิดหรือกระทำการใดที่จะเอื้อประโยชน์หรือปกป้องเครือญาติและครอบครัว หากใครทำงานในสำนักงานเขตบางซื่อและกทม. ก็น่าจะทราบดี ที่เนอสไปลงพื้นที่วันนี้ก็เพราะเป็นการทำงานปกติที่ทำมาอยู่ตลอดในเขตอยู่แล้วในฐานะส.ก. เนอสเชื่อในความโปร่งใส ตรงไปตรงมา ชัดเจน ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นพ่อ แม่ ครอบครัว หรือญาติกันก็ตาม เมื่อคนเท่ากันก็ต้องเท่ากันในการบังคับใช้กฎหมายทุกมาตราด้วย

ยิ่งกว่านั้น เนอสเองยืนยันว่าสนับสนุนแนวทางพรรคก้าวไกลเรื่องการเสนอกฎหมาย PRTR (กฎหมายรายงานการปลดปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม) ที่จะเพิ่มความเข้มข้นในการรายงาน ติดตาม ตรวจสอบ สารมลพิษอย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้นเพื่อปกป้องและส่งเสริมพัฒนาความปลอดภัยสาธารณะ

เนอสคงไม่สามารถเปลี่ยนนามสกุลหรือเลือกจะเป็นญาติ-ตัดญาติกับใครได้ และเนอสก็ทำงานพิสูจน์ตัวเองมา 2 ปีแล้ว จึงขอชี้แจงไว้ตรงนี้ว่าเนอสไม่เคยและจะไม่มีการใช้อำนาจมาเอื้อประโยชน์หรือปกป้องใครอย่างแน่นอน

สุดท้ายนี้ เนอสขอย้ำให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาตามความถูกต้องของกฎหมายอย่างเท่าเทียมกันทุกคนค่ะ 🙏

‘เศรษฐีมะกัน’ แห่ขอสัญชาติที่สอง หวังกระจายความเสี่ยงทางการเงิน

(11 เม.ย. 67) สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานอ้างข้อมูลจาก เฮนลีย์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ส (Henley & Partners) ซึ่งเป็นบริษัทกฎหมายที่เชี่ยวชาญด้านสิทธิความเป็นพลเมืองของกลุ่มผู้มีสินทรัพย์สูงว่า ‘ครอบครัวมั่งคั่งในสหรัฐ’ พากันสมัครขอสัญชาติที่สอง เพื่อกระจายความเสี่ยงทางการเงิน

ถึงแม้ว่าสัญชาติอเมริกัน จะเป็นสัญชาติที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่สำหรับเศรษฐีสหรัฐ พวกเขากลับสะสมสัญชาติที่สอง สาม หรือแม้แต่ที่สี่ เพื่อรับมือกรณีต้องย้ายออกจากประเทศ โดยชาวอเมริกันเป็นสัญชาติที่ขอสัญชาติอื่น ๆ มากที่สุด

ด้าน โดมินิก โวเลค หัวหน้าฝ่ายลูกค้าส่วนบุคคลที่เฮนลีย์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ส ระบุว่า “แม้สหรัฐยังคงเป็นประเทศยอดเยี่ยม และเป็นเจ้าของหนังสือเดินทางสุดวิเศษ แต่ถ้าผมรวย ผมก็ต้องการกระจายความเสี่ยง และไม่แน่นอนในชีวิตด้วยการมีหลายสัญชาติ”

สำหรับเศรษฐีอเมริกันระดับพันล้านที่มีสัญชาติที่สอง เช่น ปีเตอร์ ธีล นักลงทุนธุรกิจสายเทคโนโลยี เพิ่งได้สัญชาตินิวซีแลนด์ และอีริก ชมิดต์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ Google ได้ขอสัญชาติไซปรัสแล้ว

รายงานของ เฮนลีย์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ส ระบุว่า ด้วยสถานการณ์โลกทุกวันนี้ที่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายทางการเมืองระหว่างประเทศ การมีพาสปอร์ตของประเทศที่เป็นกลาง อยู่นอกวงขัดแย้ง จะช่วยเพิ่มความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น อีกเหตุผลสำคัญคือ การถือสัญชาติสหรัฐสุ่มเสี่ยงที่อาจตกเป็นเป้าของการถูกทำร้าย เรียกค่าไถ่ และก่อการร้ายได้

นอกจากนี้ จำนวนสัญชาติที่มากขึ้น ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจกับประเทศนั้น ช่วยให้การเดินทาง และโยกย้ายทุนเป็นไปอย่างราบรื่นขึ้น โดยสัญชาติที่ชาวอเมริกันต้องการเป็นอันดับต้น ๆ ได้แก่ สัญชาติโปรตุเกส มอลตา และอิตาลี

โครงการวีซ่าทองคำของโปรตุเกสให้สิทธิในการพักอาศัย สัญชาติ และวีซ่าฟรีไปยุโรปแก่ชาวต่างชาติ แลกกับการลงทุน 500,000 ยูโร หรือราว 19 ล้านบาท ในกองทุนหรือหุ้นนอกตลาด

ขณะที่ประเทศมอลตา ได้เสนอวีซ่าทองคำแก่ผู้ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวนเงิน 300,000 ยูโร หรือราว 11 ล้านบาท การได้ ‘สัญชาติมอลตา’ เปรียบดั่งการได้เป็นพลเมืองยุโรป เพราะสามารถเดินทาง เรียน และทำงานทั่วทั้งยุโรป

'เปิ้ล ไอริณ' โพสต์ภาพถ่ายคู่ 'ทราย เจริญปุระ' เผย!! ทุกคนบนโลกนี้ ล้วนเคยผิดพลาดมาก่อน

ไม่นานมานี้ คุณเปิ้ล ไอริณ ศรีแกล้ว นักแสดง นักร้อง และพิธีกรชาวไทย ได้โพสต์ข้อความและภาพที่ถ่ายคู่กับ ทราย เจริญปุระ ผ่านเฟซบุ๊ก 'Irin Sriklao (เปิ้ล ไอริณ)' โดยมีเนื้อหา ระบุว่า...

ความรู้สึกนึกคิด ความรักความศรัทธา ของมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ ล้วนอนิจจัง ไม่เสถียร!

อดีตที่ผ่านมา คุณอาจหมดศรัทธาอะไรสักอย่าง แต่ปีถัดไป จิตวิญญาณคุณเติบโตขึ้น จากการได้รับข้อมูลข่าวสาร จากการได้รับบทเรียนหนัก ๆ และแบบทดสอบยาก ๆ นั่นอาจทำให้ ความรักเคารพและศรัทธาในบางสิ่งบางอย่าง อาจเปลี่ยนแปลงไปก็ได้

เช่นเดียวกับผู้คน, เยาวชน และศิลปินบางคน เค้าอาจเคยได้รับข้อมูล ที่ผิดพลาด ทำให้เสื่อมศรัทธาในบางสิ่ง แต่ความศรัทธานั้น ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

ในวันปฐมทัศน์ภาพยนตร์มอร์ริสัน น้องทราย ซึ่งเราเองก็ไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวกับน้องมาก่อน เดินเข้ามาหาเรา แบบตื่นเต้น แล้วบอกว่า "อุ๊ย! พี่เปิ้ล!! ขอถ่ายรูปหน่อยนะ!" แล้วน้องก็ดู ชื่นชมเราและมีความสุขที่ได้เจอเรามาก ๆ รวมทั้งน้อง ๆ ที่มากับทรายก็กล่าวว่า "ได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว พี่เปิ้ลคือสุดยอดจริง ๆ ค่ะ!!"

โดยปกติ เราเอง ละอัตตาตัวตนจนแทบไม่รู้สึกยินดียินร้าย กับการชื่นชมสรรเสริญอะไรแล้ว แต่เรารู้สึกว่า "นี่อาจ เป็นนิมิตหมายอันดี" เพราะศิลปินและเด็กรุ่นใหม่ ย่อมรู้ดีว่า ที่ผ่านมา เรามีจุดยืนในความรักและศรัทธาในสถาบันหลักของชาติแค่ไหน นั่นแสดงว่า พวกเค้า อาจมีความคิดเปลี่ยนไป จากข่าวสารและข้อมูลที่อัปเดตเพิ่มขึ้น และอาจเริ่มศรัทธาในสิ่งที่เปิ้ลเองก็รัก และศรัทธาเช่นกันค่ะ

ดู ๆ กันไป และให้โอกาสคนนะคะ ทุกคนบนโลกนี้ เเม้แต่เปิ้ล หรือคุณเอง ก็อาจเคยทำอะไรผิดพลาดเหมือนกันค่ะ

การเกลียดชัง การแบ่งแยก ไม่ได้ทำให้คลื่นพลังงานของโลก และคลื่นพลังงานในร่างกายเราดีขึ้นเลย 

รักกันมาก ๆ นะคะ!!

"จงอย่าเกลียดกัน" เป็นคำพูดฝากไว้ให้คิด ของลุงคนนึง 

ขอบคุณทุก ๆ คนที่ติดตามเสมอค่ะ!❤️

‘ปลัดคลัง’ เผย จะใช้แอปฯ ‘ทางรัฐ’ รองรับดิจิทัลวอลเล็ต ย้ำ!! ประชาชนเตรียมลงทะเบียนรับสิทธิ์ ไตรมาส 3 ปีนี้

(11 เม.ย. 67) นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงแนวทางการดำเนินโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทว่า คณะกรรมการโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต ได้กำหนดให้ประชาชนจะต้องเข้ามาลงทะเบียนเพื่อยืนยันตัวตนในการรับสิทธิ โดยโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเริ่มเปิดลงทะเบียนในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2567 และประชาชนจะสามารถใช้จ่ายได้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 ส่วนช่องทางในการใช้จ่ายนั้น จะใช้แอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) สพร. หรือดีจีเอ

“สาเหตุที่ไม่เลือกใช้แอพพ์เป๋าตัง เนื่องจากแอพพ์ทางรัฐ เป็นแอพพ์ของรัฐจริง ๆ แต่เป๋าตังเป็นของแบงก์ อย่างไรก็ตาม เป๋าตังก็อาจจะยังต้องใช้ แต่เป็นระบบข้างหลัง ไม่ได้เป็นด้านหน้า เนื่องจากเป็นระบบควบคุมแบบเปิด หรือ Open Loop ซึ่งหมายความว่า เป็นวอลเล็ตของสถาบันการเงิน ทั้งแบงก์และนอนแบงก์สามารถเข้าร่วมได้ ซึ่งเป๋าตังอาจจะไปเชื่อมต่อตรงนั้น เช่นเดียวกันกับ เคพลัส และแม่มณี เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องทางเทคนิคที่ดีจีเออยู่ระหว่างการพัฒนา” นายลวรณ กล่าว

นายลวรณ กล่าวว่า ส่วนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นร้านค้าที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจะต้องมีขนาดเล็ก เช่น ร้านค้าโชห่วย และร้านสะดวกซื้อ อย่างเซเว่น อีเลฟเว่น ก็สามารถเข้าร่วมได้ ทั้งนี้ หลักการได้รับเงินของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ คือรอบแรกมีเงินอยู่ที่ประชาชน โดยประชาชนที่ได้รับสิทธิจะต้องใช้ในร้านค้าขนาดเล็กเท่านั้น ที่อยู่ในเขตอำเภอ เพื่อให้มีเม็ดเงินลงสู่เศรษฐกิจฐานราก ซึ่งถือเป็นรอบที่ 1

นายลวรณ กล่าวว่า ทั้งนี้ เมื่อร้านค้าขนาดเล็กได้รับวงเงินมาแล้ว ต้องเอาไปใช้ต่อเป็นรอบที่ 2 ในร้านค้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งจะเป็นการซื้อขายร้านค้ากับร้านค้า โดยหากร้านค้าที่มีขนาดใหญ่ดังกล่าวอยู่ในระบบภาษี ร้านค้านั้น ๆ จะสามารถเอาออกจากระบบได้ โดยเกณฑ์โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต กำหนดให้ร้านค้าที่สามารถนำเงินออกจากระบบได้ ต้องเป็นร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

“การกำหนดร้านขนาดเล็กในรอบแรก มองว่า จะต้องเป็นร้านโชห่วย ขึ้นมาได้มากที่สุด คือร้านสะดวกซื้อ อาทิ เซเว่น ร้านในปั๊ม แต่ยังไม่ถึงแม็คโคร ค้าส่งค้าปลีกขนาดใหญ่ ทั้งนี้ ที่ทำให้มีรอบที่ 1 และรอบที่ 2 เพราะเราอยากให้เกิดการหมุนเวียน เพราะหากเงินในระบบออกได้เร็ว แรงส่งต่อเศรษฐกิจก็จะมีน้อยลง”นายลวรณกล่าว

นายลวรณ กล่าวว่า วงเงินจากดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่ประชาชน 50 ล้านคนได้รับ จะต้องใช้จ่ายผ่านร้านค้าขนาดเล็กเท่านั้น โดยมีระยะเวลาการใช้จ่าย 6 เดือน ซึ่งมั่นใจว่า วงเงิน 5 แสนล้านบาท จะลงสู่ร้านค้าขนาดเล็กทั้งหมด โดยรัฐจะมีระบบบล็อกร้านค้าที่ 2 ไม่ให้ประชาชนสามารถใช้จ่ายได้ เพื่อกำหนดให้ประชาชนซื้อในร้านค้าขนาดเล็กก่อน

นายลวรณ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน โครงการดังกล่าวมีระบบป้องกันเรื่องเงินทอน และทุจริตการใช้จ่าย ซึ่งโครงการในอดีตที่ผ่านมาก็เคยเกิดขึ้น แต่ก็มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการสวมสิทธิในการใช้จ่าย ทุกครั้งที่มีการใช้จ่ายจะต้องมีการยืนยันตัวตนในรูปแบบตัวต่อตัว และยังมีตำรวจไซเบอร์ที่จะเข้ามาดูเรื่องเงินทอน และการซื้อของผิดประเภท โดยมีโทษสูงสุดถึงจำคุก

'ธอส.' ขานรับ 'กฤษฎา รมช.คลัง' ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.105% ต่อปี  มอบเป็นของขวัญวันปีใหม่ไทยให้ลูกค้าและประชาชน

(11 เม.ย.67) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ขานรับนโยบาย นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าและประชาชน เพื่อมอบเป็นของขวัญวันปีใหม่ไทยให้กับลูกค้าและประชาชน ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR 0.105% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน 2567 เป็นต้นไป

ด้าน นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มอบนโยบายให้ ธอส. สนับสนุนนโยบายรัฐบาล และกระทรวงการคลัง ในการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าและประชาชน นั้น ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ ‘ทำให้คนไทยมีบ้าน’ พร้อมดำเนินการดังกล่าว

โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสินทรัพย์ หนี้สิน และการเงิน (ALCO) ของ ธอส. ได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.105% ต่อปี จากเดิม 6.90% ต่อปี ลดลงเหลือ 6.795% ต่อปี โดยให้มีผลบังคับใช้ดั้งแต่วันที่ 14 เมษายน 2567 เป็นต้นไป เพื่อเป็นของขวัญเนื่องในวันปีใหม่ไทยให้กับลูกค้าและประชาชน ให้มีภาระค่าใช้จ่ายลดลง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ให้มีเงินเหลือเพียงพอในการดำรงชีพได้มากขึ้น ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย MRR ในครั้งนี้ของ ธอส. ถือว่าต่ำที่สุดในระบบสถาบันการเงินในปัจจุบัน

'สุริยะใส' ยก 'สมณะโพธิรักษ์' ผู้บุกเบิกสังคมการเมืองแนวบุญนิยม ปลุกการเมืองที่เสียสละ จิตอาสา ถือเป็นแนวการเมืองใหม่ที่แท้จริง

(11 เม.ย. 67) นายสุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊ก ว่าพ่อท่านโพธิรักษ์ ผู้บุกเบิกสังคมธรรมาธิปไตย การเมืองแนวบุญนิยม

ข่าวเศร้าวันนี้เมื่อพ่อท่าน (พระครูสมณะโพธิรักษ์) ได้ละสังขารด้วยโรคชราในวัย 90 ปี ผมทราบจากชาวโศกมาสักระยะแล้วว่าพ่อท่านสุขภาพไม่ค่อยดี ผมมีโอกาสได้รับฟังเทศนาธรรมล่าสุดเมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2566

ครั้งนั้นได้พาคณาจารย์ วิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต จัดกิจกรรมโครงการวิจัยเชิงปฎิบัติการกับนักศึกษาระดับปริญญาโทและเอกกว่า 30 คน ของชาวแพทย์วิถีธรรม สันติอโศกที่ราชธานีอโศก จ.อุบลราชธานี เป็นโครงการวิจัยร่วมกันหลายโครงการทั้งเรื่องสุขภาพ อาหาร ดนตรี เศรษฐศาสตร์ (สาธารณโภคี) การศึกษา สังคมธรรมาธิปไตย

โดยเฉพาะหลักการสาธารณโภคี เป็นความ ภาคภูมิใจและความ สำเร็จของพ่อท่านเป็นอย่างมาก เพราะเป็นหลักการของ การกินร่วมกันการใช้ร่วมกัน เพื่อรับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติที่ท่านพ่อนำมาใช้ในที่ชุมนุมทุกครั้งซึ่งหลายท่านอาจจะคุ้นเคยกับครัวกลางนั่นเอง

แม้ทราบดีว่าพ่อท่าน ไม่สบายชราภาพตามอายุขัยใกล้วัย 90 ปี แต่การเดิน การนั่ง การเทศนาธรรมยังคงสัมผัสได้ถึงพลังแห่งปัญญา น้ำเสียงสดใส หน้าตายิ้มแย้มเบิกบาน ทักทายสนทนากับพวกเรา โดยไม่คิดมาก่อนว่าพ่อท่านจะจากไปเร็วแบบนี้ แม้เข้าใจได้ว่าท่านอายุมากแล้วก็ตาม

สำหรับพ่อท่านผมเริ่มรู้จักตั้งแต่มีข้อพิพาทกับมหาเถรสมาคม เพราะเป็นคดีความที่สังคมสนใจ จากนั้นมาผมก็เข้าใกล้และรู้จักมากขึ้นผ่านบทบาทของลุงจำลอง ศรีเมืองและพรรคพลังธรรม ที่พยายามสร้างนวัตกรรมการเมือง จนสามารถสร้างผลสะเทือนทางการเมืองในช่วงหลังปี 2535 ต่อมาก็คุ้นเคยร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องชาวกองทัพธรรมในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

จนมาใกล้มากขึ้นและได้สนทนากับพ่อท่านบ่อยขึ้น ในช่วงที่มีการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อเนื่องมาแม้กระทั่งขึ้นโรงขึ้นศาลเพราะพ่อท่านถูกแจ้งความดำเนินคดีด้วยกันแต่ศาลยกฟ้องในที่สุด

สำหรับพ่อท่านถือเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ ที่มีลูกศิษย์ลูกหา ผู้ศรัทธานับถือจำนวนมากทั้งในไทยและต่างประเทศ สมัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพูดเรื่องการเมืองสะอาด การเมืองใหม่ผมจำได้ว่า พ่อท่านบอกกับผมว่า

“จริงๆ แล้วการเมืองใหม่ที่เราพูดกันอยู่ในขณะนี้ ไม่ใช่ไปประดิษฐ์ประดอยเสกสรรค์ปั้นแต่งกลไกใหม่ๆ หรือออกกฎหมายมากมายอย่างที่เข้าใจ แต่มันคือการเมืองเก่าหรือการเมืองดั้งเดิม คือการเมืองที่เป็นเรื่องของส่วนรวม การเมืองที่เสียสละ จิตอาสา นี่แหละสร้างแบบนี้ให้ได้นี่แหละคือการเมืองใหม่ที่แท้จริง”

ด้วยเหตุดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะเห็นบทบาทและวัตรปฎิบัติของพ่อท่านและชาวอโศกที่ผสมผสานทั้งทางโลกและทางธรรมเข้าด้วยกันยึดสัจจะ ความดี ซื่อสัตย์เสียสละ ความถูกต้องชอบธรรม เพราะความชอบธรรมคืออำนาจ อำนาจมิใช่ความชอบธรรม หรือที่เรียกกันว่า “วิถีสังคมธรรมาธิปไตย” ที่ไม่ใช่โลกาธิปไตย (เสียงข้างมากเบ็ดเสร็จ และอัตตาธิปไตย (ตนคือศูนย์กลางจักรวาลความถูกต้อง)

วันนี้ถือว่าสังคมไทยเราสูญเสียท่านผู้มีคุณูปการแก่ประเทศชาติสังคมไทย ตลอดจนสังคมโลกผู้หนึ่ง ชีวิตและผลงานของพ่อท่านน่าจะเป็นบทเรียนและจดจำเพื่อดำเนินชีวิตในแนวทางที่พ่อท่านได้แสดงเป็นตัวอย่างไว้มากมาย ซึ่งเป็นเรื่องไม่ง่ายและท้าทายเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการเปิดโลกบุญนิยมสู้กับโลกทุนนิยมแบบลงมือค้นคว้า ลงมือทำ ลงมือพิสูจน์อย่างจริงจัง

ในวาระโอกาสนี้ขอน้อมกราบส่งพ่อครูสมณะโพธิรักษ์สู่สรวงสวรรค์ครับ🙏

‘ชาวเนปาล’ ประท้วงให้ ‘สถาบันกษัตริย์’ กลับมา หลังรัฐสภามีมติให้ยกเลิกไปเมื่อปี 2008

(11 เม.ย.67) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน เกิดการประท้วงขึ้นในเมืองหลวงกาฐมาณฑุของเนปาลเมื่อวันอังคาร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตาและปืนฉีดน้ำกับกลุ่มผู้ประท้วงที่รุกล้ำเข้าในพื้นที่ที่ถูกปิดล้อม ด้านโฆษกตำรวจระบุว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ประชาชนชาวเนปาลเริ่มเห็นด้วยกับการนำระบอบกษัตริย์กลับมาใช้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังเรียกร้องให้มีการสถาปนาศาสนาฮินดูเป็นศาสนาประจำชาติ

ทั้งนี้ ประเทศเนปาล ซึ่งประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐมาตั้งแต่ปี 2008 ในเวลานั้นรัฐสภาได้ลงมติให้ยกเลิกสถาบันกษัตริย์ การเปลี่ยนแปลงการปกครองของรัฐบาลในครั้งนั้นเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพที่กินเวลานานนับทศวรรษ เพื่อยุติสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศ และทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 16,000 คน

การชุมนุมประท้วงเมื่อวันอังคารจัดขึ้นโดยกลุ่มชาตินิยมฮินดูและระบอบกษัตริย์ พรรครัสตรียาประชาตันตรา ซึ่งปัจจุบันก่อตัวเป็นพรรคที่ใหญ่เป็นอันดับห้าในรัฐสภา โมฮัน เชรษฐา-โฆษกพรรคสรุปข้อเรียกร้องของพรรค นั่นคือ ‘การรื้อฟื้นสถาบันกษัตริย์ รัฐฮินดู และการยกเลิกระบอบสหพันธรัฐ’

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พรรครัสตรียาประชาตันตรา ได้ให้คะแนนสำนักนายกรัฐมนตรีเนปาล 40 คะแนน พร้อมนำเสนอบันทึกข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ ซึ่งพวกเขายังได้แถลงประเด็นชี้ขาดเพิ่มเติมด้วย อีกทั้งยังเรียกร้องให้มีการต่อต้านการคอร์รัปชันและดำเนินมาตรการเพื่อให้เกิดธรรมาภิบาล

อย่างไรก็ตาม สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทระ กษัตริย์องค์สุดท้ายของเนปาล เสด็จขึ้นครองราชย์ครั้งที่สองเมื่อปี 2001 จนถึงขณะนี้ทรงยังไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศ รวมถึงการเรียกร้องให้มีการเรียกร้องให้มีการนำสถาบันกษัตริย์กลับคืนมาอีกครั้ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top