Friday, 9 May 2025
NewsFeed

ธนารักษ์ ไม่เก็บค่าเช่าปชช.-เกษตรกร ถึงสิ้นปี

นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้มีประกาศยกเว้นการเก็บค่าเช่าในส่วนของประชาชน และเกษตรกรจนถึงสิ้นสุดเดือน ธ.ค.64 คาดว่าจะมีประชาชน และเกษตรกรได้ประโยชน์กว่า 500,000 ราย ส่วนภาคเอกชนที่ทำสัญญาเช่าที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์ เบื้องต้นกรมให้ผู้ประกอบการเลื่อนการจ่ายค่าเช่าออกไปก่อน เพื่อให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการที่มีสัญญาเช่าใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิดระลอกใหม่ 

“การช่วยเหลือภาคธุรกิจ และผู้ประกอบการที่เช่าที่ราชพัสดุในเชิงพาณิชย์ จะมีการพิจารณาให้ความช่วยเหลือเป็นรายกรณี เช่น อาจผ่อนผันเก็บค่าเช่า 6-12 งวด และนำค่าเช่าไปทยอยผ่อนต่อทีหลัง รวมถึงอาจให้ส่วนลดเพิ่มเติม แต่จะต้องพิสูจน์ได้ว่าได้รับความเดือดร้อนหรือถูกผลกระทบจากโควิดจริง” 

สำหรับแนวทางการช่วยเหลือภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบโควิด สามารถแจ้งเรื่องขอความช่วยเหลือเข้ามาได้ พร้อมส่งเอกสารผลประกอบการ งบการเงิน เพื่อพิจารณาเปรียบเทียบในช่วงปี 63-64 ซึ่งเกิดผลกระทบโควิดกับผลประกอบการปีก่อนหน้านั้น หากพบว่ามีรายได้หายไปอย่างมีนัยยะ กรมฯ ก็พร้อมให้ความช่วยเหลือ ทั้งการผ่อนผันชำระ หรือลดค่าเช่าให้ 25-50% ตามความเดือดร้อนจริง ซึ่งที่ผ่านมาก็มีผู้ประกอบการที่รับการผ่อนผัน ช่วยเหลือไปหลายราย

“ประยุทธ์” เปิด รพ.บุษราคัม รับสะเทือนใจเห็นภาพจนท.หลับฟุ้บคาโต๊ะ ขอชื่นชมจากใจ บอกวันนี้อาจทำได้ไม่ดีที่สุดแต่ไม่ได้เลวร้ายที่สุด เชื่อโควิดลามคุกคลี่คลายเร็ว ๆ นี้ ย้ำฉีดวัคซีนตามแผน โยน สธ. แจงหาวัคซีนให้เด็กต่ำกว่า 18 ก่อนเปิดเทอม

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดโรงพยาบาลบุษราคัม ที่อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ชัยขาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช. สาธารณสุข พร้อมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขให้การต้อนรับ

โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มาเปิดโรงพยาบาลบุษราคัมในวันนี้ ซึ่งทราบดีอยู่แล้วว่าการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 หลายประเทศก็ยังมีความรุนแรงและมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ขณะที่ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่และต้องการรักษาพยาบาลเป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมาได้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามหลายแห่งเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทั่วถึง โดยวันนี้ได้มีการจัดตั้งโรงบาลบุษราคัมเพิ่มขึ้นอีก เกิดจากความร่วมจากทุกส่วนภายใต้การดูแลของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเรื่องนี้ตนได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามวันนี้มีปัญหาอยู่บ้างตามสถานการณ์ แต่เราต้องประเมินตามสถานการณ์ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน โดยสถานการณ์จะเป็นตัวชี้วัดว่าจะต้องทำอะไรเพิ่มเติม เช่น การเพิ่มสถานที่คัดกรองการฉีดวัคซีน โดยต้องใช้บุคลากรปฏิบัติงานอีกหลาย 10,000 คน จึงต้องมีการประสานงานที่ดี แต่เรายังรับได้อยู่เมื่อเทียบกับหลายประเทศในโลกนี้ ดังนั้นขออย่าท้อแท้อย่าสิ้นหวังและอย่ามัวขัดแย้งกัน โดยเฉพาะเรื่องสังคมต่าง ๆ ไม่เช่นนั้นจะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย แม้ว่าเราอาจจะทำได้ไม่ดีที่สุด แต่ไม่ได้เลวร้ายที่สุดและทำงานตามสิ่งที่เราต้องทำ ซึ่งได้มีการพิจารณาสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกคน และยังมีอีกหลายหมื่นคนทำงานในท้องถนนในพื้นที่และในชุมชนต่าง ๆ ขอให้นึกถึงและให้กำลังใจคนเหล่านี้ด้วยที่เสียสละเป็นด่านหน้า พร้อมจะติดเชื้อได้ตลอดเวลา และสิ่งที่ตนสะท้อนใจและไม่สบายใจที่เห็นภาพเจ้าหน้าที่ด่านหน้า นั่งและนอนหลับใต้โต๊ะ กลับบ้านไม่ได้ ต้องเสียสละ จึงขอยกย่องคนเหล่านี้ด้วยใจจิง ดังอะไรที่จะเป็นกำลังใจให้กับคนเหล่านี้ก็ขอให้สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ด้วย ซึ่งนี่คือคนไทย นี่คือประเทศของเราและระบบสาธารณสุขของเรา ดังนั้นขอชื่นชมและคนเหล่านี้สร้างผลงานมาหลายสมัยแล้วโดยเฉพาะการรับมือโรคระบาด ทุกคนเสี่ยงอันตรายและเหน็ดเหนื่อย แต่ยังคงมุ่งมั่นทุ่มเท ขอยกย่องทุกคนอย่างใจจริง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันมีผู้นำหลายประเทศ ผู้แทนท่านทูตหลายประเทศด้วยกันมีการพูดถึงประเทศไทย ชื่นชมในการจัดการของประเทศไทยในการแก้ปัญหาโควิด ซึ่งหลายประเทศยังควบคุมไม่ได้มากนัก และเราพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางที่ไทยเคยปฏิบัติ มีอะไรช่วยเหลือแนะนำได้ ซึ่งเราเป็นประเทศหนึ่งในโลกใบนี้ และเป็นมนุษย์ที่อยู่ในโลกเดียวกันเราต้องช่วยกัน นอกจากนี้ขอบคุณฝ่ายความมั่นคงดูแลชายแดนวันนี้ถือว่าควบคุมสถานการณ์ได้อย่างดี เชื่อว่าหากร่วมมือกันประเทศไทยของเราจะต้องเอาชนะโรคร้ายครั้งนี้ไปให้ได้อย่างแน่นอน 

จากนั้นนายกรัฐมนตรี รับเงินและสิ่งของสนับสนุนจากภาคเอกชน ก่อนเดินเยี่ยมชมศูนย์สั่งการ รวมถึงห้องพักผู้ป่วยในพื้นที่ดูแลผู้ติดเชื้อเฟส 1 โซนสวนหย่อม โซนผู้ติดเชื้อปกติ โซนผู้ติดเชื้อที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ จุดรับส่งผู้ติดเชื้อ และห้องน้ำ โดยนายกฯ ได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่พร้อมสอบถามถึงการทำงาน

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้มาให้กำลังใจและตรวจเยี่ยม และมอบหมายกระทรวงสาธารณสุขจัดโรงพยาบาลลักษณะเช่นนี้ไว้รองรับคนไข้หลายระดับตามอาการ เพื่อให้เกิดความพร้อมและรองรับสถานการณ์ และช่วยแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลหลัก วันนี้ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำให้โรงพยาบาลบุษราคัมนี้เกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในวันนี้ เราวางใจยังไม่ได้และอยากให้ใช้มาตรการทางสังคมช่วยดูแลด้วย ผ่านชุมชนและผู้นำชุมชนต่าง ๆ ทั้งนี้ตนเข้าใจว่าคนหาเช้ากินค่ำมีความจำเป็นและมีความเสี่ยงสูง จึงต้องมีมาตรการตัวเองด้วย ซึ่งเข้าใจว่าช่วงนี้อาจลำบากมาก รัฐ บาลไม่นิ่งนอนใจ จึงต้องดูในด้านเศรษฐกิจด้วยว่าจะดูแลกันอย่างไรแต่ทุกอย่างทำด้วยงบประมาณรัฐ ดังนั้นอาจทำได้ไม่เร็วมากนัก เพราะมีระเบียบ กติกาและกฎหมาย ดังนั้นจะทำให้ทุกคนพอใจเลยทั้งหมดคงไม่ได้ 

นายกฯ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามขอให้ร่วมมือและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่เพื่อไม่ให้หมดกำลังใจ ส่วนการฉีดวัคซีนนั้น ยืนยันว่าต้องฉีดโค้กให้ได้ในเวลาที่วางไว้ถ้าไม่มีปัญหาใด ๆ ฉีดวัคซีนที่อนุมัติมาแล้ววันนี้ยังไม่มีที่ไหนแจ้งว่ามีปัญหา จึงยังคงเป็นไปตามแผน ขณะเดียวกันขอให้ทุกคนเข้าระบบหมดพร้อมให้เร็วที่สุด ซึ่งเดิมกำหนดให้แพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ด่านหน้า แต่วันนี้เพิ่มกลุ่มย่อยจำนวนมากและจัดให้เหมาะสม กลับวัคซีนที่มาจากต่างประเทศ โดยย้ำว่าเดือนมิ.ย. จะมีวัคซีนเข้ามาอีกและวัคซีนจะเข้ามาเพิ่มเติมขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นฝากให้ทุกคนช่วยกันไปฉีดวัคซีนไม่ต้องให้ใครมาเรียกหรือมาจ้างสิ่งเหล่านี้เพื่อตัวเราเองยืนยันว่ารัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการติดเชื้อจำนวนมากในกรมราชทัณฑ์พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอยู่ วันนี้อยู่ในพื้นที่ควบคุมและจำกัด โดยได้ซีลพื้นที่แล้ว หาที่กระทรวงสาธารณสุขก็ได้มีมาตรการลงไป ซึ่งคิดว่าเกิดขึ้นได้ เพราะเป็นพื้นที่แออัด แต่เชื่อว่าเดี๋ยวก็จะคลี่คลายได้ ซึ่งเมื่อป่วยก็มีเตียงรักษา อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับต่างประเทศถือว่าเรายังน้อยกว่ามาก แต่แม้จะน้อยตนก็ไม่มีความสุข เพราะไม่อยากให้ไม่มีเลย 

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ในการฉีดวัคซีนให้คนอายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากใกล้ที่โรงเรรยนจะเปิดเทอมแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องถามจากกระทรวงสาธารณสุข เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับวัคซีน ซึ่งต้องฟังทางการแพทย์ที่มีข้อกำหนดอยู่แล้วไม่ฟังหมอแล้วจะฟังใคร 

เมื่อถามถึงการตรวจหาเชื้อเชิงรุก จะมีอุปกรณ์ที่เพียงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พออยู่แล้ว และจะหาเพิ่มเรื่อย ๆ เพื่อเสริมให้อีก แต่สิ่งสำคัญคือขอให้มาตรวจและมาฉีดตามคำแนะนำของแพทย์และสาธารณสุข ไม่นั้นรัฐทำทางเดียวไม่สำเร็จ

สำหรับโรงพยาบาลบุษราคัม จะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ประมาณ 1,200 คน และสามารถเพิ่มเติมได้ 3,000-5,000 เตียง รองรับผู้ป่วยสีเหลืองที่เล็กน้อยจนถึงปานกลาง ทั้งจากโรงพยาบาลสนาม และสายด่วนในกทม.และปริมณฑล หากเกิดผู้ป่วยอาการหนักจะส่งไปยังโรงพยาบาลที่มีความพร้อม ทั้งนี้ยังมีเจ้าหน้าที่หมุนเวียนปฏิบัติงานรวม 780 คน

มีชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาเสียชีวิตแล้วมากกว่า 100 คน ในความขัดแย้งทางทหารกับอิสราเอลในช่วง 4 วันที่ผ่านมา จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในกาซาเมื่อวันพฤหัสบดี (13 พ.ค.)

จากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขในกาซา ซึ่งปกครองโดยขบวนการเคลื่อนไหวอิสลามิสต์ "ฮามาส" ระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 103 คน ในนั้นเป็นเด็ก 27 คนและผู้หญิง 11 คน นับตั้งแต่วันจันทร์ (10 พ.ค.) ส่วนจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ที่ 580 ราย

ในฝั่งของอิสราเอล มีผู้เสียชีวิต 7 รายนับตั้งแต่วันจันทร์ (10 พ.ค.) ในนั้นรวมถึงเด็ก 6 ขวบ หลังจรวดลูกหนึ่งตกใส่บ้านของครอบครัวหนูน้อยรายนี้

ก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี (13พ.ค.) กองทัพอิสราเอลเผยว่าฝูงบินรบของพวกเขาโจมตีที่ตั้งทางทหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการข่าวกรองขององค์กรก่อการร้ายฮามาส "ฝ่ายปฏิบัติการฮามาสหลายสิบคนอยู่ที่ตั้งดังกล่าวระหว่างการโจมตี" ถ้อยแถลงระบุ

ในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี (13 พ.ค.) จรวดหลายสิบลูกถูกยิงออกมาจากฉนวนกาซา และเล็งเป้าหมายเข้าใส่เมืองอัชดอดและเมืองอัชเคลอน ซึ่งอยู่ริมฝั่งทะเลทางภาคใต้ของอิสราเอล เช่นเดียวกับในบริเวณใกล้เคียงสนามบินเบนกูเรียน ทางภาคกลาง ส่งผลให้เที่ยวบินโดยสารขาเข้าทั้งหมดต้องเบี่ยงไปลงจอดที่ท่าอากาศยานรามอน ทางภาคใต้แทน

อิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศ หลังจากฮามาสยิงจรวดใส่เยรูซาเลมและเทลอาวีฟเมื่อวันจันทร์ (10 พ.ค.) เพื่อตอบโต้ที่ตำรวจอิสราเอลปะทะกับชาวปาเลสไตน์ใกล้มัสยิดอัล-อักซอในเยรูซาเลมตะวันออกระหว่างที่ชาวปาเลสไตน์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ถือศีลอดช่วงเดือนรอมฎอน

โฆษกกองทัพอิสราเอลยังแถลงว่า กองทัพได้ส่งกำลังทหารสู้รบไปประจำการตามแนวชายแดนติดต่อกับกาซา และอยู่ในขั้นตอนการเตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการภาคพื้นดิน คล้ายกับที่อิสราเอลเคยเปิดฉากบุกภาคพื้นดินระหว่างสงครามอิสราเอล-กาซาในปี 2014 และปี 2008-2009

นอกจากอิสราเอลกับปาเลสไตน์มีการโต้ตอบกันด้วยจรวดและการโจมตีทางอากาศแล้ว ภายในอิสราเอลเองยังเกิดเหตุรุนแรงในหลายเมือง หลังจากชนกลุ่มน้อยชาวอาหรับบางส่วนออกมาประท้วงเพื่อให้การสนับสนุนปาเลสไตน์ มีรายงานว่า ชาวอาหรับหลายคนถูกชาวยิวรุมทำร้ายในช่วงคืนวันพุธ (12 พ.ค.) และชาวยิวคนหนึ่งถูกคนอาหรับยิงในเมืองล็อดที่มีการประกาศเคอร์ฟิว

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ แสดงความหวังว่า การต่อสู้ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์และฮามาสจะจบลงในเร็ว ๆ นี้ วอชิงตันยังมีแผนส่งผู้แทนพิเศษ ฮาดี้ แอมร์ ไปเจรจากับทั้งสองฝ่าย ขณะที่อังกฤษก็เรียกร้องให้อิสราเอลและฮามาสถอยออกมาจากสถานการณ์ที่ทำท่าจะบานปลาย

ทว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของรัฐยิวประกาศว่า จะโจมตีทำลายศักยภาพทางทหารของฮามาสและกลุ่มอื่น ๆ ในกาซาต่อไป


(ที่มา:เอเอฟพี)

https://mgronline.com/around/detail/9640000046275

ศรีสุวรรณ จี้ กสทช. สอบ ไทยพีบีเอส อ้างนำเสนอ 4 ข่าวปลอม

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ที่สำนักงาน กสทช. พหลโยธิน ซ.8 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อสำนักงาน กสทช. เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบและเอาผิด กรณีที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสนำเสนอข่าวและรายการที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เป็นเท็จ คลาดเคลื่อนอย่างซ้ำซาก ทั้ง ๆ ที่เป็นหน่วยงานของรัฐ ควรจะเป็นสื่อต้นแบบที่สังคมไว้วางใจและคุ้มค่ากับเงินภาษีที่รัฐจ่ายให้ปีละกว่า 2,000 ล้าน

การเสนอข่าวและรายการที่กลายเป็นเฟกนิวส์มี 4 เรื่อง คือ

1.) การนำเสนอสกู๊ปข่าวรายงานตัวเลขที่ผิดพลาดหลายจุดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีต่อเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้

2.) การแปลข่าวชาวอินเดียเช่าเครื่องบินเหมาลำมายังประเทศไทยอย่างผิด ๆ

3.) การปล่อยให้ผู้ดำเนินรายการ “คุยให้คิด” กล่าวหา รมว.สาธารณสุขว่าขัดขวางไม่ให้เอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด-19 และ

4.) ล่าสุดผู้ช่วยบรรณาธิการข่าวได้เผยแพร่ข่าวหญิงสาวที่เข้ารับวัคซีนซิโนแวคที่ จ.อุดรธานี แอบอ้างภาพของผู้ป่วยรายหนึ่งที่โรงพยาบาลหนองม่วง จ.ลพบุรี ที่มีอาการแพ้ยา มีผื่นแดงเต็มตัว มาเผยแพร่ควบคู่กันจนเกิดความเข้าใจผิด ซึ่งชี้ให้เห็นว่าไทยพีบีเอสนำเสนอข่าวคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงหลายต่อหลายครั้ง ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันของสังคมอย่างมาก

การเสนอข่าวที่ผิดพลาดในลักษณะดังกล่าวบ่อยครั้ง ชี้ให้เห็นถึงคุณภาพในการทำงานของสื่อไทยพีบีเอสที่อาจขาดความเที่ยงตรงและความรับผิดชอบต่อสาธารณชนโดยชัดแจ้ง อันเข้าข่ายการฝ่าฝืน ม.43 (1) ประกอบ ม.42 (1) (2) แห่งพรบ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย 2551 และข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมของวิชาชีพเกี่ยวกับการผลิตและเผยแพร่รายการ 2563 ข้อ 5 (5.1, 5.2) ข้อ 7 (7.2) และข้อ 13 13.2) และข้ออื่น ๆ 

ยังเป็นการกระทำที่อาจขัดต่อกฎหมายและหรือขัดต่อจริยธรรมแห่งวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ซึ่งสำนักงาน กสทช. มีอำนาจดำเนินการตาม พรบ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ 2551 ม.40 ประกอบ ม.39 รวมทั้งเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยว่าด้วย จริยธรรมแห่งวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ 2553 ประกอบธรรมนูญสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ 2563 อีกด้วย

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความมาร้องเรียนต่อสำนักงาน กสทช. เพื่อให้ใช้อำนาจตามกฎหมาย เพื่อลงโทษผู้บริหารหรือกองบรรณาธิการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ตามครรลองของกฎหมายต่อไป นอกจากนั้น สมาคมฯ ยังได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยัง รมว.กระทรวงการคลัง เพื่อขอให้ตรวจสอบคณะกรรมการนโยบายว่าเอื้อประโยชน์ให้กับผู้บริหารและกองบรรณาธิการข่าวในการประเมินผลงานประจำปี ตาม ม.50 หรือไม่ และขอให้พิจารณาปรับลดเงินภาษีที่ต้องจ่ายให้ไทยพีบีเอสให้ลดลง เพื่อนำไปปรับเป็นรายได้ของแผ่นดินเพิ่มมากขึ้น 

“สนธิญา” ยื่นหนังสือถึง “สิทธิโชติ” อธ.ศาลอาญา ตรวจสอบ “เพนกวิน” โพสต์เฟซพาดพิงสถาบันผิดเงื่อนไขประกันตัวหรือไม่

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน (สภาผู้แทนราษฎร) และอดีตผู้สมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือเรื่องร้องเรียนถึงนาย สิทธิโชติ อินทร วิเศษ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาเพื่อให้ พิจารณากรณีที่ นาย พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฏร 1 ในจำเลยคดีปักหมุดสนามที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวโดยกำหนดเงื่อนไข ได้โพสต์เฟซบุ๊ก "สาส์นแรกแห่งอิสรภาพ" เพื่อให้อธิบดีศาลอาญา วินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ขัดต่อเงื่อนไขที่ระบุไว้ในคำขอประกันตัวหรือไม่ 

นายสนธิญา เปิดเผยว่า ตนเองเดินทางมาวันนี้ ในฐานะที่ตนเองเป็นประชาชนชาวไทยคนหนึ่ง หลังได้อ่านข้อความที่นายพริษฐ์ โพสต์เฟสบุ๊คแล้ว รู้สึกไม่สบายใจ และอาจเข้าข่าย ผิดเงื่อนไขการขอปล่อยตัวชั่วคราว เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพราะข้อความที่ปรากฎ มีลักษณะพาดพิงสถาบัน ทั้งนี้ตนเองจึงได้ทำหนังสือยื่นถึงอธิบดีศาลอาญา เพื่อให้พิจารณาใน 2 ประเด็น ประเด็นแรก คือ การตรวจสอบว่าเฟซบุ๊คที่มีการเผยแพร่ข้อความลักษณะดังกล่าวเป็นของนายพริษฐ์หรือไม่ และ เนื้อหาข้อความเข้าข่ายผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวขอศาลหรือไม่ เพื่อให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาใช้ดุลยพินิจเพื่อดำเนินการต่อไป
 

เคลียร์ดราม่า!! 'ติดโควิดจากเหงื่อ-ไม่ระวังตัว' ปมร้าว 'หมอทวีศิลป์-ทีมนักตบหญิงไทย' หลังสื่อดังสื่อสารผิด

จากกรณีทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ติดเชื้อโควิด ถึง 22 จาก 37 คน ระหว่างเตรียมแข่งขันวอลเลย์บอลรายการใหญ่ของโลก “เนชั่นส์ลีก” ที่อิตาลี ต่อมาโลกออนไลน์พากันแชร์ข้อความของ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.ที่แถลงข่าวประจำวันที่ 13 พ.ค. 64 ตอนหนึ่งว่า “นักกีฬาในชุดนี้เป็นบทเรียนของเราอย่างดีถึงแม้ฉีดไปแล้ว แต่ถ้าไม่ระมัดระวังตัวในการที่ใส่หน้ากากผ้าหน้ากากอนามัย การอยู่ในพื้นที่แออัดระยะใกล้ชิด การเล่นกีฬาแล้วมีสารคัดหลั่งก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้”

ต่อมา อรอุมา สิทธิรักษ์ นักวอลเลย์บอลทีมชาติไทย ออกมาโพสต์เชิงตอบโต้ พร้อมตั้งคำถามว่า “ทุกคนทำดีที่สุดแล้วนะ ระวังตัวกันแล้วแต่มันก็ยังเกิดขึ้น แต่คุณหมอมาพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ จะให้ฝึกซ้อมยังไงไม่ให้เหงื่อออกละช่วยบอกหน่อยคะ นักกีฬาทุกคนก็ทำหน้าที่เพื่อชาติรักชาติเช่นกันนะคะ” ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น ('อรอุมา' ถามกลับ 'หมอทวีศิลป์' ซ้อมยังไงไม่ให้เหงื่อออก-ทุกคนระวังตัวที่สุดแล้ว)

ล่าสุด ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA โพสต์เฟซบุ๊ก "Warat Karuchit" ระบุว่า หมอทวีศิลป์ โทษนักวอลเลย์บอล ว่าติดโควิดเพราะไม่ระวังตัว และติดโควิดกันทางเหงื่อจริงหรือ?

เรียน คุณอรอุมา สิทธิรักษ์ Onuma Sittirak ในฐานะทีมงานสื่อสารของคุณหมอทวีศิลป์ ผมขออนุญาตชี้แจงแทนคุณหมอดังนี้นะครับ คุณหมอทวีศิลป์ ไม่ได้มีเจตนาที่จะตำหนิทีมวอลเลย์บอลหญิงใด ๆ เลยครับ เป็นเพียงการอธิบายว่ากรณีนี้ เป็นตัวอย่างเพื่อให้คนอื่น ๆ ที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว ได้เรียนรู้ว่า แม้ฉีดวัคซีนแล้วก็ยังติดเชื้อได้ ถ้าไม่ระมัดระวังตัว ซึ่งคุณหมอไม่ได้เจาะจงต่อว่าใครเป็นพิเศษว่าไม่ระมัดระวังตัว เพราะคำว่า ไม่ระมัดระวังตัวที่คุณหมอขยายความต่อก็คือ การไม่ใส่แมสก์ อยู่ในที่แออัด ใกล้ชิด ซึ่งสถานการณ์ทั้งหมดนี้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นการเล่นกีฬา แต่การเก็บตัวในแคมป์ การอยู่ใกล้กัน ทานอาหารร่วมกัน ก็สามารถติดเชื้อได้ แม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม แต่ที่ทำให้คุณอรอุมาเข้าใจผิด อาจจะเป็นเพราะโพสต์ข่าวของเพจ Ch3ThailandNews ของช่อง 3 (ที่คุณอรอุมาแชร์มา) ได้ถอดคำพูดของคุณหมอออกมา "ผิด" (misquote) ถึง 2 จุดสำคัญคือ

1.) ประเด็นเรื่อง "ไม่ระวังตัว" เพจข่าวช่อง 3 ถอดคำพูดคุณหมอว่า "นักกีฬาในชุดนี้จะเป็นบทเรียนอย่างดี ฉีดไปแล้วไม่ระวังตัว" แต่แท้จริงแล้วคุณหมอพูดว่า "เพราะฉะนั้นนักกีฬาชุดนี้ก็จะเป็นบทเรียนของเราอย่างดีว่า ถึงแม้ฉีดไปแล้ว แต่ถ้าไม่ระมัดระวังตัว..." (นาทีที่ 25.47) ซึ่งความหมายต่างกันเลยนะครับ ประโยคของข่าวช่อง 3 อ่านแล้วรู้สึกเหมือนคุณหมอพูดเจาะจงว่า นักกีฬาวอลเลย์บอลนั้น ไม่ระมัดระวังตัว แต่ประโยคที่คุณหมอพูดหมายถึง เป็นตัวอย่างว่า ใครก็ตาม แม้ว่าว่าฉีดไปแล้ว แต่ไม่ระมัดระวังตัว ก็จะติดเชื้อได้

2.) ประเด็นเรื่อง "เหงื่อ" ประโยคสำคัญที่คุณหมอพูด ผมจะขอถอดออกมาทีละคำนะครับ กรุณาฟังในนาทีที่ 26.04 ในลิงก์การแถลงข่าวด้านล่างนะครับ คุณหมอพูดว่า "การเล่นกีฬาแล้วมี... สารคัดหลั่งอะไรทั้งหลายออกมาเนี่ย ก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้" ซึ่งในคำพูดของคุณหมอ ไม่มีคำว่า "เหงื่อ" เลยแม้แต่น้อย คุณหมอจึงไม่ได้หมายความว่า ในการเล่นกีฬาแล้วมีเหงื่อ จะทำให้ติดเชื้อโควิด แต่อาจจะมีสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก ติดตามพื้น อุปกรณ์ จากการพูดตะโกนกันในสนาม หรืออื่น

แต่เพจข่าวช่อง 3 กลับถอดคำพูดของคุณหมอออกมาเป็นคุณหมอพูดว่า "เหงื่อสารคัดหลั่ง" ซึ่งทั้งถอดเทปผิด และผิดหลักการทางวิชาการแพทย์ด้วย เนื่องจากโควิดนั้น ติดจาก "สารคัดหลั่ง" ตามที่คุณหมอพูดเท่านั้น และ "เหงื่อ" ไม่ใช่ "สารคัดหลั่ง" ที่มีเชื้อโควิด (ดูภาพจาก รพ.จุฬา ครับ)

ดังนั้นคุณหมอจึงไม่มีทางที่จะหมายถึงว่า ติดโควิดกันทางเหงื่อแน่นอน เพราะคุณหมอทราบข้อมูลทางการแพทย์นี้ดี จึงขอเรียนชี้แจงคุณอรอุมามาตามข้อมูลนี้ และขออภัยหากมีคำพูดใดในการแถลงวันนี้ ที่ทำให้คุณอรอุมาและทีมวอลเลย์บอลหญิงต้องเกิดความไม่สบายใจ ซึ่งคุณหมอก็เสียใจที่เกิดการเข้าใจผิดนี้ขึ้นครับ และผมขอให้เพจ Ch3ThailandNews แก้ไขข้อความของคุณหมอทวีศิลป์ให้ถูกต้องด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ และทั้งผมและคุณหมอทวีศิลป์ ขอเป็นกำลังใจให้ทีมวอลเล่ย์บอลหญิงทีมชาติไทยทุกคนที่มอบความสุขให้กับคนไทยมาตลอดครับ จากแฟนคลับคนหนึ่งเช่นกันครับ

จากนั้น ผศ.ดร.วรัชญ์ โพสต์อีกว่า "เห็นบางคอมเมนต์บอกว่า คุณหมอทวีศิลป์ไม่ควรยกตัวอย่างเฉพาะเจาะจงไปที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง คือ ต้องขอความกรุณากลับไปดูเทปนะครับ คุณหมอไม่ได้เป็นผู้ยกตัวอย่างทีมวอลเลย์บอลหญิงครับ แต่เป็นการ "ตอบคำถาม" ที่มีสื่อถามเรื่องของการติดเชื้อในกรณี "ทีมวอลเลย์บอลหญิง" ขอบคุณครับ

ทั้งนี้ ผศ.ดร.วรัชญ์ โพสต์เพิ่มเติมว่า ล่าสุด คุณอรอุมา ลบโพสต์แล้ว ก็น่าจะแสดงว่าได้รับทราบคำชี้แจงแล้ว ขอบคุณมากครับ ส่วนโพสต์ข่าวของช่อง 3 ก็ลบออกแล้วเช่นกัน และยังบอกว่า

คุณอรอุมา ได้ส่งข้อความมาทาง Inbox และได้คุยกันสั้น ๆ เป็นอันว่าทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันแล้วครับ คุณหมอก็ได้รับทราบและสบายใจขึ้นแล้ว ต้องขอบคุณคุณอรอุมา และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนในทีมหายป่วยโดยเร็วนะครับ พวกเราทุกคนเป็นทีมเดียวกันครับ


ที่มา: https://www.naewna.com/local/572922

จีน-รัสเซีย ประสานพลังผลักดัน "การฑูตวัคซีน" เร่งผลิตวัคซีน 260 ล้านโดสให้ประเทศกำลังพัฒนา หวังสร้างมิตรประเทศทั่วโลก

สุภาษิตว่าไว้ คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย ถ้างานใดทำคนเดียวแล้วไม่ประสบความสำเร็จ แต่ถ้าได้สองคนช่วยกันทำ ก็อาจถึงเป้าหมายได้ไวขึ้น

เหมือนดังเช่น พันธมิตรเฉพาะกิจ 'จีน-รัสเซีย' ที่ต่างฝ่าย ต่างต้องการที่จะเดินหน้าโครงการ Vaccine Diplomacy หรือ 'การฑูตวัคซีน' เพื่อพิชิตใจชาวโลก แต่ดูเหมือนทั้งสองประเทศยังไปไม่ถึงไหนด้วยข้อจำกัดที่แตกต่างกัน

โดยรัสเซีย ซึ่งพัฒนาวัคซีน Covid-19 ได้เป็นชาติแรก ๆ ในโลก และมีรายงานประสิทธิภาพในการป้องกันป่วยหนักจาก Covid-19 สูงถึง 91.7% ซึ่งตั้งเป้าว่าจะผลิตวัคซีน Sputnik V ให้ได้มากถึง 630 ล้านโดส ส่งออกไป 100 ประเทศ แต่จนถึงตอนนี้ยังผลิตส่งออกได้ไม่ถึง 12 ล้านโดส แม้คาดว่ารัสเซียน่าจะมียอดสั่งจองสูงถึง 2 พันล้านโดสแล้วในตอนนี้แล้วก็ตาม

แต่ในทางตรงกันข้าม จีนมีกำลังผลิตและกระจายวัคซีนออกไปได้กว้างขวางกว่า โดยเฉพาะประเทศในย่านอาเซียน ที่จีนส่งวัคซีนไปแล้วมากกว่า 100 ล้านโดส ทั้ง Sinovac และ Sinopharm และสามารถผลิตได้ถึงพันล้านโดส ภายในปีนี้ เสียแต่ว่าด้วยค่าตัวเลขประสิทธิภาพวัคซีนที่น้อยกว่าวัคซีนของชาติตะวันตก จึงทำให้หลายชาติลังเลที่จะสั่งซื้อวัคซีนจากจีน

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงเกิดการประสานพลังพันธมิตรวัคซีน จีน-รัสเซีย ด้วยการนำจุดเด่นของแต่ละฝ่ายมาเติมเต็มซึ่งกันและกัน โดยรัสเซียได้เซ็นสัญญา ให้บริษัทยาของจีนถึง 3 แห่ง ผลิตวัคซีน Sputnik V เพื่อช่วยผลิตวัคซีนให้ก่อน 260 ล้านโดส เป้าหมายเพื่อส่งให้กับประเทศยากจนอีกหลายสิบประเทศที่ยังเข้าไม่ถึงวัคซีน และประเทศที่กำลังเดือดร้อนจากการระบาดของ Covid-19 เช่น อินเดีย เม็กซิโก และ อาร์เจนตินา

อย่างไรด็ตาม แม้วัคซีนที่พัฒนาโดยบริษัทยาในสหรัฐอเมริกา อย่าง Pfizer และ Moderna จะมีรายงานประสิทธิภาพสูงกว่า และเป็นที่ต้องการอย่างมากทั่วโลก

แต่จากการศึกษาข้อมูลของ Duke University มหาวิทยาลัยชั้นนำในรัฐนอร์ธ แคโรไลน่า พบว่า ตอนนี้ชาติตะวันตกอย่าง อังกฤษ แคนาดา และ นิวซีแลนด์ ได้สั่งจองวัคซีนไปหมดทุกแห่งแล้ว และบางประเทศได้ยอดสั่งซื้อมากกว่าจำนวนประชากรถึง 3 เท่า แต่ในขณะที่บางประเทศอย่างอาร์เจนติน่า ยังสั่งซื้อวัคซีน Pfizer ไม่ได้เลย จึงจำเป็นต้องสั่งวัคซีน Sputnik V และ Sinopharm มาใช้ ทำให้ยอดการสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อทั่วโลกเริ่มตระหนักว่า วัคซีนที่ดีคือวัคซีนที่มีให้ฉีด และการรออาจไม่ทันเวลา ทั้งจีน และ รัสเซีย จึงผนึกกำลังกันผลิตวัคซีน Sputnik V ที่ Made in China เพื่อส่งไปยังประเทศกำลังพัฒนาที่ยังรอวัคซีนอยู่ ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศกำลังเดือดร้อนจากการระบาดรอบใหม่อยู่ในขณะนี้

สำหรับการร่วมมือกันในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสให้ทั้งจีน และ รัสเซียสามารถขยายแผน "การฑูตวัคซีน" ไปยังประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะกับประเทศที่เป็นพันธมิตรกับอเมริกามาช้านานอย่าง เม็กซิโก อาร์เจนตินา และอินเดีย

นับเป็นอีกกลยุทธ์ที่น่าสนใจในเชิงการตลาด แถมยังช่วยโลกฝ่าวิกฤติไวรัส Covid-19 ได้ในวงกว้างด้วย และหากสหรัฐอเมริกาเห็นท่าไม่ดี จะเร่งปล่อยวัคซีนสู่ตลาดโลกออกมาแข่งกัน ก็จะช่วยให้เรามีวัคซีนในท้องตลาดมากขึ้นเช่นกัน

เรียกได้ว่าจุดดีของการประกาศเปิดศึก "การฑูตวัคซีน" ของชาติมหาอำนาจ จีน-รัสเซีย ที่ทั่วโลกอาจได้อานิสงค์กันอย่างถ้วนหน้าก็เป็นได้


อ้างอิง:

https://edition.cnn.com/2021/05/11/china/china-russia-covid-vaccine-dst-intl-hnk/index.html

https://apnews.com/article/middle-east-europe-russia-china-coronavirus-b041b3ad9d699de25a05c8f7ebcb4eb

https://www.marketwatch.com/story/russia-looks-to-china-to-help-produce-its-sputnik-v-covid-19-vaccine-01620023486

“รมว.พาณิชย์ ”เร่งแก้ปัญหาราคาปาล์มตก ยันต้องไม่ทำให้น้ำมันปาล์มขายแพง

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ที่ศูนย์ประสานงานพรรคประชาธิปัตย์เขตหลักสี่ ซอยแจ้งวัฒนะ 10 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงราคาน้ำมันปาล์ม  ว่าในช่วงที่ผ่านมา ราคาผลปาล์มสูงขึ้นมากจากกิโลกรัม (กก.) ละ 2 บาท เป็น กก.ละ 4-5 บาท และสูงสุดถึงกก.ละ 7 บาท แม้ขณะนี้ราคาอ่อนตัวลงมาบ้าง แต่ยังสูงกว่ารายได้ที่ประกันราคา ซึ่งตอนนี้เฉลี่ยกก.ละ 5 บาท และราคาเกินกว่ารายได้ที่ประกันที่กก.ละ 4 บาท ทำให้ต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์มขวดสูงขึ้น แต่กระทรวงพาณิชย์พยายามพิจารณาให้เกิดความสมดุล โดยตนได้สั่งการให้กรมการค้าภายในพิจารณาหาทางช่วยให้เกษตรกรยังขายปาล์มได้ในราคาสูง แต่อย่าให้น้ำมันปาล์มบริโภคมีราคาสูงมาก โดยจะทำโครงสร้างราคาขึ้นมาเพื่อเทียบกันต่อไปในอนาคต ขณะที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มแห่งชาติได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทำโครงสร้างราคาให้เป็นทางการ เพื่อใช้เทียบเคียงต่อไปในอนาคตในขณะที่ปาล์ม กก.ละ 5 บาท น้ำมันปาล์มขึ้นไปลิตรละ 40 กว่าบาท 
      
 นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเชิญผู้ผลิตน้ำมันปาล์มขวดและห้างสรรพสินค้ามาหารือกันว่ากดราคาลงมาให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่ขาดทุน ให้พออยู่ได้แต่อย่าถึงกับทำกำไรในช่วงนี้ ขอให้ผลปาล์มเกษตรกรราคาดีต่อไป โดยราคาแล้วแต่ยี่ห้อ 43-46 บาท โดยประมาณ อีกทั้งให้พาณิชย์จังหวัดเข้าไปดูแล ถ้าพบผู้ใดที่จำหน่ายน้ำมันปาล์มขวดเกินราคา ก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งตอนนี้ผลปาล์มเริ่มออกมาจำนวนมาก

เช็คอีกครั้ง ก่อนไปรับวัคซีนโควิด-19

ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม แนะการเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีนโควิด-19 กรณีผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว หากรับประทานยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนได้รับวัคซีน และผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ อัมพฤต อัมพาต ไม่ควรหยุดยา ยกเว้นกรณีที่แพทย์แนะนำให้หยุดยาชั่วคราว เพื่อให้ผลลัพธ์ของวัคซีนมีความแม่นยำ


ที่มา : https://www.facebook.com/ThaiRedCross/posts/4090202611013371

โฆษก ศรชล.แจง พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด บนเรือต่างชาติ ศรชล. สงขลา เข้มสั่งทอดสมอที่จุดกักกันโรค ด้าน สธ.สงขลา ส่งเรือ BOA DEEP C เป็น รพ.สนาม

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 พล.ร.ต.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ชี้แจงกรณีพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 บนเรือ BOA DEEP C ศรชล.ได้รับรายงานจาก ศรชล.ภาค 2 ว่าจากการประสานนายสันติ รักษ์ทรัพย์ เจ้าพนักงานด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าเรือน้ำลึก จว.สงขลา ทราบว่า เรือ BOA DEEP C สัญชาติ Norway พร้อมลูกเรือจำนวน 29 คน ได้ออกเดินทางจากประเทศอินเดีย ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. โดยผ่านทางประเทศสิงคโปร์ และเดินทางมาถึงท่าเรือน้ำลึกเจ้าพระยาสากลจำกัด จ.สงขลา เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 64 เวลาประมาณ 08.00 น. โดยทาง จนท.ด่านท่าเทียบเรือได้ตรวจสอบเอกสารประจำเรือต่าง ๆ และเอกสาร การตรวจโรคโควิด-19 (TEST COVID-19) ของคนประจำเรือ และทำการ SWAB เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 

พล.ร.ต.ปรกครอง กล่าวว่า และในเวลา 17.00 น. เรือได้ออกจากท่าเทียบเรือเพื่อเดินทางไป อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จนกระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. เรือ BOA DEEP C ได้รับแจ้ง ผลการตรวจ SWAB ปรากฏว่าพบลูกเรือติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 6 ราย ประกอบด้วย ชาวยูเครน 2 คน โปแลนด์ 2 คน อินเดีย 1 คน และ รัสเซีย 1 คน ซึ่ง สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสงขลา ได้แจ้งให้เรือเดินทางกลับมาที่จ.สงขลา และไปจอดทอดสมอบริเวณจุดจอดกักกันโรค ตามที่ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสงขลา กำหนด ตั้งแต่ 12 พ.ค.64 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงและห้ามเรือเดินทางไปส่งลูกเรือบนแท่นผลิต  หรือท่าเรือภายในประเทศ 

ทั้งนี้หากเรือประสงค์เดินทางกลับประเทศต้นทางสามารถแจ้งความประสงค์ให้ทราบและสามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้สาธารณสุขจังหวัดสงขลาได้กำหนดให้เรือ BOA DEEP C เป็นโรงพยาบาลสนาม เนื่องจากคนประจำเรือเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด และกลุ่มคนที่ติดเชื้อยังไม่มีอาการรุนแรง ซึ่งจะแยกผู้ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อออกจากกัน และเฝ้าสังเกตอาการทุกวัน 

“ศรชล. ได้สั่งการให้หน่วยงานในศรชล. ภาค 2 ในพื้นที่ จ.สงขลา จัดเรือออกตรวจสอบเพื่อเฝ้าระวังมิให้มีการขนถ่ายคนและสิ่งของจากเรืออื่นไปยังเรือดังกล่าวหรือการขนถ่ายคนและสิ่งของจากเรือดังกล่าวไปสู่เรืออื่น รวมทั้งสนับสนุนการปฏิบัติงานของ จนท.ควบคุมโรค ตามที่ได้รับการประสาน รวมถึงสั่งการให้ ศรชล.จังหวัด และ ศคท.จังหวัดทั้ง 5 จังหวัดปฏิบัติตามข้อกำหนด ที่ออกตามพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างเคร่งครัด ในการขอเข้าราชอาณาจักรผ่านด่านทางน้ำที่ไม่เข้าเงื่อนไขตามคำสั่ง ศบค. ต้องขออนุญาตจาก ศปก.ศบค. เท่านั้น” โฆษกศรชล. กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top