Saturday, 10 May 2025
NewsFeed

ราเมศ เผย ปชป. รุก เพิ่มสมาชิก เน้นการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการรณรงค์ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคว่า...

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ย้ำกับบุคลากรทุกภาคส่วนของพรรค ให้มีการรณรงค์ให้ความรู้กับประชาชนเพื่อให้เห็นความสำคัญของสถาบันพรรคการเมือง ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ รัฐธรรมนูญจึงได้ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมโดยการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองให้มีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางในการกำหนดนโยบายหรือการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง รวมถึงร่วมในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองตามหลักการปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ร่วมในการหาแนวทางการพัฒนาประเทศ การร่วมกันแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม รวมถึงกิจกรรมอื่นที่ยังประโยชน์ต่อการปกครองในระบบประชาธิปไตย

ปัจจุบันมีประชาชนสนใจเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคเป็นจำนวนมาก และพรรคก็จะยังดำเนินการในการรณรงค์เพื่อให้ประชาชนเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคให้มากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยให้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริง รับฟังแลกเปลี่ยน ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองและทำงานร่วมกัน ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่มีสมาชิกพรรคได้เข้ามาร่วมกับพรรคในการดำเนินกิจกรรมให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่ และอีกหลายกิจกรรมที่พรรคได้จัดก็จะมีสมาชิกเข้ามามีส่วนร่วมด้วยความภาคภูมิใจในความเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ บางคนเข้ามาร่วมบ่อยครั้งและมีความตั้งใจที่สนใจการเมือง นายจุรินทร์ หัวหน้าพรรคก็ให้โอกาสในการทำงานการเมือง จึงอยากเชิญชวนพี่น้องประชาชนได้เข้ามาเป็นสมาชิกพรรค มีส่วนร่วมดังที่ได้กล่าวมาอย่างแท้จริง

โดยสามารถสมัครด้วยตัวเอง ที่สำนักงานใหญ่พรรคฯ หรือ สมัครด้วยตัวเอง ณ จุดรับสมัครกว่า 287 จุด รวมถึงสาขาอีก 18 จุด  ตัวแทนพรรคอีก 269 จุด ที่พรรคฯ ประกาศมอบหมายทั่วประเทศ โดยนำเอกสาร บัตรประชาชน เอกสารการโอนเงิน ค่าบำรุงพรรค รูปถ่าย 1 นิ้ว หรือ 2 นิ้ว 1 รูป อีกหนึ่งช่องทางที่สะดวกคือ ดาวน์โหลดแบบฟอร์มจากเว็บไซต์พรรค กรอกใบสมัครแล้วส่งมาที่สำนักงานใหญ่ของพรรค

"บิ๊กป๊อก" สั่งการผู้ว่าฯ คุมเข้มโควิด เร่งกระจายฉีดวัคซีน ปชช.ให้ทั่วถึงหลังวัคซีนเข้าเพิ่มช่วง มิ.ย. สกัดต่างด้าวเข้าเมืองผิด กม.เด็ดขาด

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 ที่ห้องประชุมราชสีห์ กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายเพื่อป้องกัน ควบคุม และแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และหารือข้อราชการอื่น ๆ โดยมีนายนิพนธ์ บุญญามณี และนายทรงศักดิ์ ทองศรีรมช.มหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง ร่วมการประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกลไปยังผู้ว่าฯ ส่วนภูมิภาค และส่วนกลางประจำภูมิภาค

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวมอบนโยบายในการป้องกัน ควบคุม และสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้แก่

1.) การเตรียมความพร้อมการฉีดวัคซีนของจังหวัดและกรุงเทพฯ โดยนายกฯ ได้กำหนดให้เรื่องวัคซีนโควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติ มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงมหาดไทย บริหารจัดการวางแผนการกระจายวัคซีน เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประเทศไทยให้เร็วที่สุด โดยตั้งแต่เดือนมิ.ย. เป็นต้นไป จะมีวัคซีนเข้ามาเป็นจำนวนมาก ถ้าประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด ก็จะทำให้การแพร่ระบาดบรรเทาลง สิ่งที่ต้องเตรียมการ คือเมื่อวัคซีนเข้ามาในระยะต่อไปเป็นจำนวนมาก เราต้องกระจายและฉีดให้กับพี่น้องประชาชน ขอให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความรับรู้เข้าใจข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนที่ถูกต้องให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างกว้างขวาง พร้อมมอบหมายข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ ช่วยเหลือประชาชนในการกรอกข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” เพื่อสามารถบริหารจัดการจำนวนวัคซีนได้อย่างเพียงพอและทั่วถึง

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า

2.) มาตรการควบคุมการลักลอบเข้าประเทศ และการเคลื่อนย้ายแรงงานผิดกฎหมายตามแนวชายแดน ขอให้ทุกพื้นที่ดำเนินการกักกันผู้เดินทางเข้าประเทศอย่างถูกต้อง ให้เป็นไปตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเข้มข้น และสกัดกั้นควบคุมการลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยบูรณาการและประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ สำรวจตรวจสอบบุคคลที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่อย่างสูงสุด พร้อมสร้างการรับรู้ประชาชนช่วยสำรวจตรวจสอบบุคคลที่เดินทางเข้ามาในหมู่บ้าน/ชุมชน มิให้มีการลักลอบเดินทางเข้าประเทศอย่างเด็ดขาด รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ วางระบบการตรวจตราโรงงาน สถานประกอบการ หอพัก

3.) การป้องกันการรวมกลุ่มเพื่อลดความเสี่ยงจากการระบาดของโรคโควิด-19 ขอให้รณรงค์ประชาชนและทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T-A ให้ชัดเจนและต่อเนื่อง

4.) ให้ทุกจังหวัดพิจารณาจัดตั้งโรงพยาบาลสนามให้เป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ครอบคลุมทั้งด้านสถานที่ ระบบบริหารจัดการ ระบบการบูรณาการข้อมูลผู้ติดเชื้อและการส่งต่อ

5.) มาตรการช่วยเหลือประชาชน (มาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายไฟฟ้า-น้ำประปา) ขอให้ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึง
 

รมว.พม.-ประธานรัฐสภา ร่วมลงพื้นที่ จ.นนทบุรี มอบหน้ากากอนามัย 10,000 ชิ้น ให้กลุ่มเปราะบาง กำชับช่วยกลุ่มบุคคลที่มีความต้องการพิเศษและครอบครัว ลงทะเบียนออนไลน์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ภายใน 20 พ.ค. นี้

เมื่อวันนี้ 13 พฤษภาคม 2564 นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ลงพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี เพื่อมอบหน้ากากอนามัยจำนวน 10,000 ชิ้น จากมูลนิธิเพื่อการศึกษาและสังคม ให้กับจังหวัดนนทบุรี โดยมีนายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เป็นผู้รับมอบ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับกลุ่มเปราะบางและประชาชนในพื้นที่สำหรับป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 

นายจุติ กล่าวว่า ตนได้หารือร่วมกับทีม One Home พม. นนทบุรี โดยได้ให้แนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้แก่ การลงทะเบียนออนไลน์ฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับกลุ่มบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ เช่น คนพิการกลุ่มออทิสติก ผู้บกพร่องทางสติปัญญา การเรียนรู้ ดาวน์ซินโดรม และสมาธิสั้น รวมทั้งสมาชิกครอบครัวที่อาศัยในบ้านเดียวกัน ระหว่างวันที่ 11-20 พฤษภาคม 2564 นำร่องในพื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ โดยจะเริ่มฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป ณ สถาบันราชานุกูล เขตดินแดง กรุงเทพฯ 

ซึ่งตนได้กำชับให้หน่วยงานของกระทรวง พม. ที่ดูแลกลุ่มบุคคลดังกล่าวทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายและอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ในพื้นที่ เพื่อสำรวจว่ามีจำนวนคนเท่าไหร่ และได้มีการลงทะเบียนมากน้อยเพียงใด แล้วลงพื้นที่รายครอบครัวเข้าไปให้ความรู้ความเข้าใจเพื่อสนับสนุนให้มีการลงทะเบียนฉีดวัคซีนมากที่สุด เนื่องจากมีความห่วงใยในความปลอดภัยของกลุ่มบุคคลนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 อีกทั้งเน้นย้ำให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ครอบครัวที่มีกลุ่มเปราะบางทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส ป้องกันตนเองและครอบครัวอย่างเข้มงวด ตามที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ขอความร่วมมือประชาชนทุกคนว่า “การ์ดอย่าตก” เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ระลอกใหม่  

นายจุติ กล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องการรับบริจาคสิ่งของเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ซึ่งมีจำนวนลดน้อยลงในภาะวิกฤตโควิด-19 ตนได้กำชับให้แต่ละหน่วยงานเร่งสำรวจสิ่งของบริจาคว่ามีจำนวนเท่าไหร่ มีสิ่งของอะไรบ้างที่ขาดแคลนและต้องการเร่งด่วน เพื่อจะได้เห็นภาพรวมทั้งหมด จากนั้นจะได้ประชาสัมพันธ์การรับบริจาคผ่านศูนย์รับบริจาคกระทรวง พม. แล้วนำไปแจกจ่ายให้กับกลุ่มเปราะบางในหน่วยงานทั่วประเทศได้อย่างทั่วถึง ทั้งนี้ สามารถบริจาคสิ่งของที่จำเป็นได้ที่ ศูนย์รับบริจาคกระทรวง พม. ณ อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวง พม. สะพานขาว ถนนกรุงเกณม กรุงเทพฯ หรือติดต่อศูนย์ช่วยเหลือสังคม ผ่านสายด่วน พม. โทร. 1300 บริการฟรี 24 ชั่วโมง และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดทุกจังหวัด

‘อธิบดีกรมการแพทย์’ แจง สร้างเตียงไอซียู 7 วัน ไร้ปัญหา รับหาบุคลากรดูแลยากกว่า ชี้ หากติดวันละพันคน ต้องมี 33 เตียงรองรับ วอน ปชช. ป้องกัน ช่วยลดเคสป่วยหนัก

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวภายหลังแถลงศบค. ถึงการสร้างห้องไอซียูโควิด ส่วนต่อขยายแบบเบ็ดเสร็จภายใน 7 วัน ว่า ขณะนี้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการหนัก ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจกว่า 400 คน และช่วงนี้การรับจะตึงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ปริมณฑล ที่มีคลัสเตอร์ ไซต์ก่อสร้าง ชุมชนคลองเตย และติดเชื้อในเรือนจำ 

ดังนั้นอยากให้กระบวนการค้นหาเชิงรุก แยกกลุ่ม แยกผู้ติดเชื้อออกมาจากชุมชนโดยเร็ว เพราะคนไข้ตกค้างในชุมชนบางครั้ง 3-4 วันกว่าจะเจอหมอ ทำให้ผู้ป่วยสีเขียวที่รอเวลา เป็นสีเหลือง และเวลานี้ผู้ป่วยสีเหลืองเพิ่มขึ้นสองเท่าภายในหนึ่งสัปดาห์

นพ.ธีรพล กล่าวว่า หากมีคนไข้วันละ 1,000 คน จะต้องใช้เตียงเพิ่มวันละ 33 เตียง หรือประมาณ 3% ซึ่งทางภาครัฐและเอกชน มีประมาณ 100 กว่าเตียง ถ้าไม่มีคนไข้ออกจะมีเตียงรองรับ 5 วันเท่านั้น แต่ขณะนี้ยังมีขยับเข้าออก ถ้าคนไข้ใหม่ไม่เยอะจำนวนเตียง 33 เตียง ก็จะลดลงไปด้วย ยอมรับว่ากรมการแพทย์ไม่สบายใจ และเตรียมการขยายเตียงไอซียูโดยร่วมกับ SCG สร้างห้องไอซียูภายใน 7 วันจำนวน 10 เตียง เรื่องการสร้างเตียงไม่ยากแต่ที่ยากมีปัญหาคือการเตรียมคนมาดูแล ซึ้งจะหารือกับโรงเรียนแพทย์ที่จะหมุนเวียนบุคลากร และฝึกพยาบาลเข้ามาดูแล 

ทั้งนี้การเพิ่มเตียง ในรพ.ราชวิถีสร้างเพิ่ม 10 เตียง และตั้งเป้าไว้จะขยายได้ถึง 30 โดยดูตามสถานการณ์ และเตรียมไว้ที่โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี ซึ่งใช้วอดเก่ามาดัดแปลงใหม่ เพื่อรองรับผู้ป่วย และจะนำพยาบาลมาเทรนสำหรับดูแลผู้ป่วย ทั้งนี้ แพทย์และพยาบาลยินดีทำงานเต็มที่ แต่ประชาชนก็ต้องช่วยกันป้องกัน เพราะถ้าลดจำนวนผู้ติดเชื้อเหลือ 500 คนต่อวัน คนไข้อาการหนักจะลดลงไปได้และแพทย์ก็จะดูแลประชาชนได้เต็มที่

คลังเปิดตัวเลขแก้หนี้นอกระบบแล้ว 1.1 หมื่นล้านบาท

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยภาพรวมการประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) ณ สิ้นเดือนมี.ค. 2564 พบว่า มีจำนวนผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ และเปิดดำเนินการแล้วสะสมสุทธิ 967 ราย ใน 75 จังหวัด ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบธุรกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 571 ราย รองลงมา คือ ภาคกลาง 154 ราย ภาคเหนือ 124 ราย ภาคตะวันออก 67 ราย และภาคใต้ 51 ราย

ทั้งนี้ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2559 ที่กระทรวงการคลังได้เปิดให้มีการประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์จนถึงสิ้นเดือนก.พ. 2564 ได้มีการอนุมัติสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้กับประชาชนรายย่อยไปแล้ว 484,638 บัญชี รวมเป็นวงเงิน 11,370 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 23,461 บาทต่อบัญชี 

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังร่วมกับหน่วยงานภาคีแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมาย ซึ่งนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2559 จนถึงสิ้นเดือนมี.ค. 2564 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการจับกุมผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบที่กระทำผิดกฎหมายจำนวนสะสม 9,118 ราย 

“บิ๊กตู่” แจงเตรียมแผน walk in เดือนมิ.ย. ขอ ปชช. อย่าเพิ่งรีบแห่เข้ามา มั่นใจทุกคนได้ฉีดแน่ รับกังวลร้านอาหาร-ภาคบริการตกงาน ลั่นแอสตราเซเนกาไม่มีสะดุด มิ.ย. มาแน่ ทั้งเคลียร์ปมขัดแย้ง รพ.สนามหมอเหรียญทอง ชี้! เปิดได้เพียงยึดหลักเกณฑ์

ที่สามย่าน มิตรทาวน์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภายหลังการตรวจเยี่ยมว่า นี่เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชน ที่ต้องร่วมกันทั้งหมด ร่วมกันทำในสิ่งที่ดี ๆ และต้องมีกติกาที่เป็นมาตรการกลางที่ต้องปฏิบัติ วันนี้เป็นที่น่ายินดีที่เราเพิ่มมา 14 จุดและจะขยายได้ถึง 25 จุดในระยะต่อไปในเรื่องของสถานให้บริการเช่นนี้ โดยขึ้นอยู่กับวัคซีนที่มาเพราะต่อให้มี 100 จุดถ้าวัคซีนไม่พอก็เปิดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เดือนมิ.ย. ก็จะมีวัคซีนเข้ามาเพิ่มเติมอีก สำหรับการให้บริการวันนี้เป็นกลุ่มที่ได้ระบุไว้ข้างต้นแล้วในการจัดลำดับความเร่งด่วนของวัคซีน แต่ในส่วนที่เกิดขึ้นมาใหม่ก็ต้องหาวิธีการบริหารให้ได้ 

นายกฯ กล่าวว่า ทั้งนี้เชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ย้ำว่าต้องดูแลทั้งหมด โดยเฉพาะวันนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับภาคอุตสาหกรรมด้วย เพราะเป็นแหล่งจ้างงานแรงงานและมีผลิตภัณฑ์ส่งออก ซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศ จึงต้องระมัดระวังการแพร่ระบาดในโรงงานต่าง ๆ โดยต้องขอบคุณเจ้าของโรงงานที่มีมาตรการป้องกันที่เข้มแข็ง แต่ทุกที่วันนี้มีโอกาสเสี่ยงหมด ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิด เมื่อเกิดแล้วเราต้องแก้ปัญหากันต่อไปด้วยความร่วมมือของทุกคน 

"วันนี้เรื่อง walk in ก็ได้ให้ กรุงเทพฯ และกระทรวงสาธารณสุขชี้แจงให้ชัดเจนแล้ว ไม่เช่นนั้นจะไม่เข้าใจกัน ซึ่งเป็นการเตรียมการไว้สำหรับเดือน มิ.ย. ถ้าวัคซีนเพียงพอก็ได้เตรียมการส่วนนี้ไว้ แต่เมื่อเข้ามาก็ต้องรวมในระบบหมอพร้อม เดี๋ยวจะไม่เข้าใจมากันเต็มไปหมดแล้วไม่ได้ฉีด ซึ่งก็มีหลายคนก็เอารูปนายกฯ ไปใส่นู้นนี่ นายกก็โดนเละไปหมดเหมือนกัน คือจริง ๆ แล้วบางทีต้องฟังทางหมอและดูให้ละเอียด บางทีไปย่อในโซเชียลก็คือปัญหา ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง วันนี้ยืนยันว่า รัฐบาลมีแผนงานในการเปิดให้เดินเข้ามาแล้วฉีด ถ้าวัคซีนเพียงพอ ซึ่งในแต่ละวันเราก็มีสำรองไว้บ้างอาจจะเหลือบ้างคนที่ไม่มา แต่ขอให้ทุกคนมั่นใจว่าทุกคนได้ฉีดแน่จะช้าจะเร็วก็อาจมีบ้าง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันวันนี้ที่กังวลที่สุดคือ เรื่องของร้านอาหารภาคบริการที่จะตกงานกัน เพราะรายได้ลดลง ดังนั้นต้องดูทุกกลุ่ม ทั้งแรงงานโรงงาน ผู้ให้บริการสาธารณะ รถเมล์ มอเตอร์ไซค์ แกร็ปและแทกซี่ ทั้งหมด ที่จะเติมกลุ่มเหล่านี้ไปตามลำดับความเสี่ยงในขณะนี้ โดยจะดูแลอย่างใกล้ชิดที่สุด

เมื่อถามว่า ในส่วนของจังหวัดมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการจัดฉีดวัคซีนใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผู้ว่าฯ เป็นประธานคณะกรรมการ ร่วมกับสสจ.จังหวัด และมีคณะแพทย์ของสาธารณสุขอยู่แล้ว ซึ่งต้องเข้าใจคำว่าแผน และมาตรการ ถ้ามีอะไรต้องปรับเปลี่ยนแปลงก็สามารถทำได้ อยากให้สับสนอลหม่านไปกว่านี้เลย เพราะนายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลและประกาศวาระแห่งชาติ ได้กำหนดนโยบายและนำให้นำไปสู่การปฏิบัติให้ได้ อย่างไรก็ตามวันนี้เป็นกังวลกับเฟกนิวส์ที่มีอยู่เยอะแยะไปหมด ขอร้องอย่าแพร่กันต่อเลย แล้วก็นำไปเป็นประเด็น ซึ่งห้ามไม่ได้ แต่ทุกคนต้องถือว่าวันนี้เป็นวาระแห่งชาติ เป็นวาระที่เราต้องรักสามัคคีและร่วมมือกันให้มากที่สุด

เมื่อถามถึงระบบหมอพร้อม ว่าขณะนี้ยังมีปัญหาอยู่หรือไม่และจะพิจารณาใช้ระบบอื่นแทนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบวันนี้ไม่มี แต่ทุกอย่างก็มีปัญหา อะไรที่ไม่เคยทำแล้วทำก็มีปัญหาหมด โดยเฉพาะเรื่องทางเทคนิค วันนี้จำเป็นต้องเร่งรัดในระยะแรกที่มีปัญหาอยู่บ้าง แต่ต้องแก้ไป เพราะระบบเช่นนี้ยังไม่เคยทำในประเทศไทยมาก่อน นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในรัฐบาลเราและเตรียมความพร้อมมาหลายปีถึงมีวันนี้ ถ้าเราไม่เริ่มมาหลายปีก่อนในเรื่องดิจิตอล ออนไลน์ 5G และ 4G ก็จะทำวันนี้ไม่ได้เลย นี่คือสิ่งที่เกิดในประเทศไทยมาแล้ว แต่บางทีเราไม่รู้ตัวเมื่ออยากจะใช้ แต่ยังติดขัดอยู่ก็ต้องเห็นใจกันบ้าง ตนก็เห็นใจประชาชน ซึ่งไม่มีอะไรจะ 100% เราอยากให้ถึงร้อยแต่ยังไม่ถึงก็ต้องแก้กันไป ตนปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้อยู่แล้ว

เมื่อถามว่า วัคซีนแอสตราเซเนกาที่จะเข้ามาเดือนมิ.ย. ยังไม่มีอะไรสะดุดใช่หรือไม่ ซึ่งนายอนุทิน ที่ยืนข้าง ๆ ได้กล่าวตอบแทนทันทีว่า "ไม่มีสะดุดครับ" ก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะสะดุดอะไร นายอนุทิน ยืนยันไม่มีสะดุด เราพูดคุยเจรจาได้และขอให้ส่งตามที่สัญญาเอาไว้ ยืนยันวันนี้ยังไม่หยุดหาวัคซีนอื่นและไม่ปิดกั้นใคร แต่ก็มีการไปพูดกันให้เสียหาย ซึ่งใครมีผลประโยชน์เรื่องนี้ ตนยืนยันจะต้องลงโทษเต็มที่อยู่แล้ว ต้องไม่มีใครได้รับผลประโยชน์อะไรทั้งสิ้น แต่คนได้รับประโยชน์คือประชาชน

นายกฯ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามในวันเดียวกันนี้ตนได้ วิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับนักลงทุนญี่ปุ่นในประเทศไทยและได้ตอบคำถามว่าเราจะเดินหน้าประเทศอย่างไรหลังโควิด พร้อมลดปัญหาอุปสรรค ความขัดแย้ง ดึงนักลงทุนเข้ามาและเปิดการท่องเที่ยว ตนคิดว่าเมื่อสถานการณ์โควิดเบาบางลงประเทศไทยดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน ถ้าเราช่วยกันตอนนี้ ดังนั้นเราอย่าทำลายกันตอนนี้ เพราะโอกาสจะหายไปเรื่อย ๆ เราต้องไม่ทำลายประเทศชาติของเรา และความเป็นหนึ่งเดียวของเราต้องไปด้วยกันให้ได้ ซึ่งนายกฯ โทษใครไม่ได้ แต่กำกับดูแลและบริหารได้

เมื่อถามถึง ความขัดแย้งระหว่างนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ และนพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลพระมงกุฎวัฒนะ ในเรื่องการจัดตั้งรพ.สนามพลังแผ่นดิน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรียบร้อยแล้ว คุยกันแล้ว อย่าเอาไปเป็นประเด็นมากนักเลย ไม่ใช่ไม่ทราบ ตนทราบและได้สั่งการไปแล้ว ขณะที่หัวหน้าพรรคก็เรียกจัดการไปแล้ว 

เมื่อถามย้ำว่า สรุปแล้วยังให้มีการเปิดใช้รพ.สนามพลังแผ่นดินได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "เขาก็ดูแลอยู่แล้วนิ เปิดให้บริการได้แล้วไม่ใช่เหรอ เพราะมันเป็นวาระฉุกเฉินไม่ต้องขออนุญาตอะไรหรอก เพียงแต่ทำให้เข้ากติกาหลักเกณฑ์ก็เปิดได้ ดังนั้นอาจจะมีคนไม่เข้าใจไปขัดแย้งอะไรก็ว่ากันไป อย่านำเป็นประเด็นนักเลย” นายกฯ พร้อมกล่าวทิ้งท้ายกับสื่อมวลชนว่า "ดีใจได้เจอพวกเราทุกคน คิดถึงอยู่เหมือนกัน"

'ณัฐชา-ก้าวไกล' ติง!! สองบิ๊กตำรวจ 'เบรกแย่งซีน' โชว์ผลงานอวดนาย แนะ!! เดินหน้าทำเพื่อประชาชนด้วยความจริงใจดีกว่า

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.เขตบางขุนเทียน และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกระแสข่าวความขัดแย้งของสองอดีตนายตำรวจชื่อดัง คือ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่คสช.แต่งตั้ง กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นแคนดิเดตเตรียมลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ว่า...

ในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ท่านทั้งสองคนจะมาทำคะแนน เพื่อจะเป็นแคนดิเดตผู้ว่ากทม. ในนามพรรคพลังประชารัฐ จนกลายเป็นภาพความขัดแย้งที่คนเห็นไปทั่ว

การลงไปอำนวยความสะดวกให้แก่พี่น้องประชาชนในชุมชนคลองเตย ควรเป็นภาพของการช่วยกันทำงานไม่ใช่แย่งกันเพื่อสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาผู้หลักผู้ใหญ่

สนามเลือกตั้ง กทม.อาจเป็นความหวังของทั้งสองท่านที่จะได้มีอำนาจมีพื้นที่ทางการเมืองต่อไป แต่ไม่ว่าการหาเสียงโดยใช้งบประมาณแผ่นดินแล้วเคลมผลงานประจบนายหรือการทะเลาะกันโชว์ประชาชนทั้งที่ทุกคนกำลังลำบากแบบนี้เป็นความน่าเกลียดไร้กาละเทศะ

ยิ่งทั้งสองต่างเป็นอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ จบสถาบันเดียวกันมาก่อน เมื่อมาห้ำหั่นกันแบบนี้ ก็เกรงว่าจะมีการใช้ลูกน้องเก่าเป็นมือไม้ทางการเมือง สร้างความลำบากใจและอาจเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีวงการตำรวจด้วย

"การทำงานในพื้นที่ช่วงสถานการณ์วิกฤต ประชาชนควรเป็นเป้าหมายหลักมิใช่การแย่งกันเพื่อสร้างราคาให้ตัวเอง อีกทั้งอย่าพยามจะชักชวนว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.พรรคอื่นเข้าร่วมกับตน เพราะเขาไม่ไปเลยมาฟ้อง จะบอกซึ่งหน้าก็ยังไว้หน้าท่านอยู่ แต่เขาฝากมาบอกว่า หากท่านต้องการการยอมรับจากพี่น้องประชาชนสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือมารยาททางการเมือง" โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าว

แจ้งจับ 'ฮาร์ท-สุทธิพงศ์' เข้าข่ายผิด ม.112 หลังเจตนาโพสต์ พาดพิงสถาบันชัด

ที่สน.นางเลิ้ง นายอภิวัฒน์ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมนายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี และทนายความนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.อธิชย์ดอนนันชัย รองผกก. (สอบสวน) สน.นางเลิ้ง เพื่อแจ้งความในคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพ.ร.บ.ว่าด้วยกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 แก่นายสุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล หรือฮาร์ท นักร้องชื่อดัง พร้อมนำเอกสารหลักฐานข้อความการโพสต์มามอบให้พนักงานสอบสวน โดยมีพ.ต.อ.ภูมิยศ เหล็กกล้าผกก.สน.นางเลิ้ง ลงมารับเอกสารหลักฐานด้วยตนเอง

นายอภิวัฒน์ เปิดเผยว่า เมื่อตรวจสอบจากโพสต์ของนายสุทธิพงศ์ แม้มีการเขียนว่า คัดลอกข้อความจากบุคคลอื่นมาอีกต่อหนึ่งนั้น แต่เมื่อตรวจสอบแล้วก็พบว่า หลายโพสต์หลายข้อความทั้งของต้นทาง และของนายสุทธิพงศ์เอง ที่ระบุว่า “เจ้านาย” นั้น เข้าข่ายมีเจตนาทำให้คนเข้าใจผิด พาดพิงไปถึงสถาบัน แม้ว่าจะอ้างว่าก๊อปปี้ข้อความมาจากคนอื่น แต่เมื่อดูก็พบว่ามีการพูดถึงในลักษณะนี้หลายครั้ง จึงเห็นว่ากรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้ประชาชนเข้าใจข้อมูลบิดเบือนและเข้าใจสถาบันในทางที่ผิด

พ.ต.อ.ภูมิยศ กล่าวว่า เบื้องต้นรับเรื่องไว้พร้อมจะพิจารณาหลักฐานว่าเข้าข่ายตามที่ผู้แจ้งไว้หรือไม่ รวมถึงจะเรียกนายสุทธิพงศ์ มาให้ปากคำอีกด้วยรวมถึงคนโพสต์คนแรกที่นายสุทธิพงศ์ได้แชร์ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฏหมายต่อไป


ที่มา: https://mgronline.com/crime/detail/9640000046026

‘แรมโบ้’ ยัน! จูงมือทนายแจ้งความ ฮาร์ท ทำในนามส่วนตัว ‘บิ๊กตู่’ ไม่ได้สั่ง ลั่น ข้อความ นายกฯ ที่ไหนฟ้องปชช. เป็นการดูหมิ่นนายกฯ

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล นักร้องชื่อดังโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า มีที่ไหนนายกฯ ฟ้องประชาชน ภายหลังตนเองและนายอภิวัฒน์ ขันทอง ผู้ช่วยรมต.ประจำสำนักนายกฯ ได้เข้าแจ้งความกล่าวโทษที่ สน.นางเลิ้ง ว่า "การเข้าแจ้งความครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับนายกฯ และนายกฯไม่ได้สั่งการใด ๆ แต่ทำในนามส่วนตัวและในฐานะประชาชน ซึ่งใครจะเข้าแจ้งความตามมาตรา 112 ย่อมได้ การแจ้งความกล่าวโทษนายสุทธิพงศ์ ที่ สน.นางเลิ้ง เป็นการกล่าวโทษเพื่อให้เจ้าพนักงานสอบสวนดำเนินการตรวจสอบว่ามีความผิดตามมาตรา 112 หรือไม่ เพราะเป็นความผิดอาญาต่อแผ่นดิน ประชาชนทั่วไป ใครจะไปร้องทุกข์กล่าวโทษก็ได้หากเห็นว่านายสุทธิพงศ์ ได้โพสต์ข้อความเข้าข่ายการหมิ่นสถาบัน ตามมาตรา 112 สามารถร้องได้ทุกจังหวัดทุกที่ในประเทศไทย"

นายเสกสกล กล่าวว่า ดังนั้นการที่จะมาบอกว่านายกฯ เป็นคนสั่งการนั้นไม่เป็นความจริง นายกฯ ไม่ได้สั่งการให้ไปดำเนินคดี เพียงแต่ตนเองและนายอภิวัฒน์ เห็นว่าการโพสต์ของนายสุทธิพงศ์นั้น ประชาชนทราบดีว่ามีเจตนาที่จะกล่าวถึงสถาบันอย่างไร จึงเห็นว่าจะปล่อยให้นายสุทธิพงศ์ ได้โพสต์เช่นนี้ย่อมจะทำให้เสียหายต่อสถาบัน จึงได้ไปแจ้งความที่สน.นางเลิ้ง เพื่อมิให้บุคคลอื่นนำไปเป็นเยี่ยงอย่างในการกล่าวพาดพิงสร้างความเสื่อมเสียอีก และการที่ออกมาโพสต์กล่าวหานายกฯ ก็เป็นการกล่าวหา ดูหมิ่นนายกฯ ซึ่งถือว่าเป็นความผิดอีก เป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ และผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วย ไม่สมควรจะทำอย่างยิ่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top