Saturday, 10 May 2025
NewsFeed

คกก.ผู้พิการแห่งชาติ เคาะขยายเวลาพักชำระหนี้-กู้ยืมเงินฉุกเฉิน-อายุบัตรผู้พิการคุ้มครองสวัสดิการ เตรียมเปิดโรงพยาบาลสนามผู้พิการ

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ 12 พฤษภาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ซึ่งมติที่ประชุม เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการดูแลผู้พิการภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 กล่าวคือ

1.) ขยายเวลามาตรการพักชำระหนี้เงินกู้ยืมประกอบอาชีพของกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ถึงวันที่ 31 มี.ค. ปีหน้า จากที่ต้องสิ้นสุด 31 มี.ค. 64 

2.) ขยายเวลาการยื่นขอกู้ยืมเงินจากกองทุนฯ กรณีฉุกเฉิน ที่ให้กู้รายละไม่เกิน 10,000 บาท ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน ไม่มีดอกเบี้ย ปลอดชำระหนี้ จากที่จะหมดเขต สิ้นเดือนนี้ เป็นถึง 30 ก.ย. 64 ทั้งนี้ นายจุรินทร์ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่พิจารณาคำขอกู้ของแต่ละราย ให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน นับแต่วันยื่นเรื่องเพราะที่ผ่านมามีการดำเนินการที่ล่าช้า ทำให้ผู้พิการจำนวนมากเข้าไม่ถึงสินเชื่อ ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ มีผู้พิการที่รอการพิจารณาเงินกู้ฉุกเฉิน อยู่ 1.2 หมื่นราย

3.) แก้ระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ ให้องค์กรผู้พิการสามารถเป็นผู้ค้ำประกันการกู้ยืมเงินของผู้พิการได้ เพื่อเป็นการเพิ่มการเข้าถึงบริการกู้ยืมเงินกองทุนฯ ได้มากขึ้น

4.) ขยายเวลาอายุบัตรประจำตัวผู้พิการออกไปหกเดือน เพื่อไม่ให้ผู้พิการที่บัตรฯจะหมดอายุในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ต้องลำบากในการเดินทางมาต่ออายุบัตร และเป็นการรักษาสิทธิและสวัสดิการคนพิการแม้บัตรจะหมดอายุก็ตาม ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวน 5 หมื่นคน 

5.) เสนอต่อศบค.พิจารณาจัดลำดับความสำคัญการฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มผู้พิการที่ไม่ใช่ผู้สูงอายุและไม่มี 7 โรคเสี่ยงเรื้อรัง ซึ่งมีอยู่ประมาณ 8 แสนคน

6.) มอบหมายกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการเผยแพร่คู่มือแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการบริการสาธารณสุขในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 สำหรับคนพิการ

นอกจากมติที่ประชุมฯ ดังกล่าว นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า รองนายกฯ ยังได้ติดตามการเตรียมความพร้อมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้พิการ ซึ่งจะใช้สถานที่ อาคารบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 220 เตียง มีล่ามภาษามือ การดูแลพิเศษ และเปิดให้ผู้ดูแลผู้พิการเข้าพักได้ด้วย โดยเป็นการบูรณาการการทำงานระหว่าง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และในวันที่ 26 พ.ค. นายจุรินทร์ และกรรมการฯ จะไปตรวจความพร้อมของโรงพยาบาลสนาม ที่คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการได้ วันที่ 1 มิ.ย.

ศรีสุวรรณ เตรียมยื่น กสทช. สอบไทยพีบีเอส ปม ปล่อยเฟกนิวส์

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่ากรณีที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสนำเสนอสกู๊ปข่าวรายงานตัวเลขที่ผิดพลาดหลายจุดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีต่อเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้, การแปลข่าวชาวอินเดียเช่าเครื่องบินเหมาลำมายังประเทศไทยอย่างผิด ๆ และล่าสุดผู้ช่วยบรรณาธิการข่าวได้เผยแพร่ข่าวหญิงสาวที่เข้ารับวัคซีนซิโนแวคที่ จ.อุดรธานี แอบอ้างภาพของผู้ป่วยรายหนึ่งที่โรงพยาบาลหนองม่วง จ.ลพบุรี ที่มีอาการแพ้ยา มีผื่นแดงเต็มตัว มาเผยแพร่ควบคู่กันจนเกิดความเข้าใจผิด  ซึ่งเป็นการนำเสนอข่าวคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงหลายต่อหลายครั้ง เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันของสังคมนั้น

การเสนอข่าวที่ผิดพลาดในลักษณะดังกล่าวบ่อยครั้ง สร้างความตื่นตระหนกและสับสนให้เกิดขึ้นกับผู้ชมอย่างแพร่หลาย แม้จะมีการแก้ข่าวแล้วแต่ก็เกิดขึ้นอย่างล่าช้า อันชี้ให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการทำงานของสื่อไทยพีบีเอสที่อาจขาดความเที่ยงตรงและความรับผิดชอบต่อสาธารณชนโดยชัดแจ้ง อันเข้าข่ายการฝ่าฝืน ม.43 (1) ประกอบ ม.42 (1) (2) แห่งพรบ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย 2551 และข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมของวิชาชีพเกี่ยวกับการผลิตและเผยแพร่รายการ 2563 ข้อ 5 ประกอบข้อ 7

ยังเป็นการการทำที่อาจขัดต่อกฎหมายและหรือขัดต่อจริยธรรมแห่งวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ซึ่งสำนักงาน กสทช. มีอำนาจดำเนินการตาม พรบ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ 2551 ม.40 ประกอบ ม.39 รวมทั้งเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยว่าด้วย จริยธรรมแห่งวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ 2553 ประกอบธรรมนูญสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ 2563 อีกด้วย

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความไปร้องเรียนต่อสำนักงาน กสทช.ในวันศุกร์ที่ 14 พ.ค. 64 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน กสทช. ถ.พหลโยธิน ซอย 8 (ซอยสายลม) พญาไท กทม. เพื่อให้ใช้อำนาจตามกฎหมาย เพื่อลงโทษผู้บริหารหรือกองบรรณาธิการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ตามครรลองของกฎหมาย

“หมอระวี” เชียร์ “บิ๊กตู่” กำหนดฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ จี้ต้องเร่งทำความเข้าใจให้ ปชช.เลิกกลัววัคซีน เชื่อยอดทะลุเป้าแน่นอน

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า จำนวนการจองฉีดวัคซีนจากเป้าหมาย 16 ล้านคนที่วันนี้ยอดจองทะลุ 2 ล้านรายแล้ว โดยศบค.ได้มีมติกำหนดให้การฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติซึ่งเป็นแนวทางการแก้ปัญหาที่ถูกต้องที่รัฐบาลต้องออกมาระดมประชาชนทั่วประเทศให้ออกมามีส่วนร่วม ตนเชื่อมั่นว่าไทยต้องประสบผลสำเร็จในการฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมายแน่นอน 

“ผมมีข้อเสนอให้ ศบค.ไปพิจารณา คือการประชาสัมพันธ์เชิงรุกทุกรูปแบบและทุกช่องทางให้คนไทยรู้ข่าวสารที่แท้จริงของวัคซีนจะได้หายกลัวการฉีดวัคซีนและรัฐบาลต้องหากลยุทธ์ในการระดมประชาชนทุกภาคส่วนให้มีส่วนร่วมในการฉีดวัคซีนตัว ทั้งนี้ต้องปรับแผนการกำหนดกลุ่มที่ต้องเร่งฉีดวัคซีนก่อน คือคนที่ทำงานเกี่ยวกับงานบริการต่าง ๆ ที่มีผู้คนมาใช้บริการมาก เช่น ร้านอาหาร ตลาดสด ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านนวดแผนไทย โดยคนไทยจะได้เปิดกิจการต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น และคนที่ทำงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น สายการบิน คนขับแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ขนส่งสาธารณะ โรงแรมรีสอร์ท เพื่อให้เปิดประเทศได้เร็วขึ้น รวมถึงเร่งฉีดให้ประชาชนที่อยู่ในชุมชนแออัดโรงงานต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยงในการระบาดสูง” นพ.ระวี ระบุ

นพ.ระวี ระบุต่อว่า ทั้งนี้รัฐบาลต้องเพิ่มช่องทางการจองฉีดวัคซีนในเชิงรุกให้ถึงตัวประชาชนตามแนวทางของจังหวัดลำปาง รวมถึงคนต่างด้าวที่ทำงานในเมืองไทยที่มีอายุ 60 ปี ที่มีโรคประจำตัวและทำงานในสถานที่เสี่ยงควรให้มีสิทธิ์จองฉีดวัคซีนได้ และที่สำคัญรัฐบาลควรจะตั้งเป้ารณรงค์ให้มีคนไทยทั่วประเทศจองคิวฉีดวัคซีนภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้อย่างน้อยให้ได้ 10 ล้านคนและเตรียมการฉีดวัคซีนให้ได้วันละมากกว่า 300,000 คนในต้นเดือนมิถุนายนนี้

SMS ช่วยได้! กรรมาธิการไอซีที วุฒิสภา แนะ ‘รัฐ-ศบค.’ ประชาสัมพันธ์เชิงรุก ยิง SMS เข้ามือถือ แก้ปัญหายอดจองวัคซีนไม่ถึงเป้า!

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา เปิดเผยว่า กมธ.ได้จัดประชุมวาระเร่งด่วนทางออนไลน์ เพื่อถกปัญหาการเข้าถึงการใช้งานผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารของประชาชนที่เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดในขณะนี้มีประชาชนจำนวนมากสะท้อนปัญหาการลงทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ผ่านไลน์ “หมอพร้อม” ไม่สำเร็จที่เกิดจากระบบล่ม แต่ประเด็นปัญหาใหญ่กว่านั้นดูเหมือนเป็นเรื่องของการที่ประชาชนส่วนมากของประเทศไม่สามารถลงทะเบียนเข้ารับวัคซีนได้ด้วยตัวเอง 

“ทุกวันนี้นอกจากปัญหาเรื่องการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 แล้ว ความไม่เสถียรในการใช้งานของแอปพลิเคชันในเรื่องของการลงทะเบียนเข้ารับวัคซีนก็เป็นปัญหาอย่างมากสำหรับประชาชน ทาง กมธ. ICT มองลงไปถึงประชาชนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีสื่อสารได้อย่างเพียงพอและทันท่วงที จึงอยากให้รัฐบาลและ ศบค.เพิ่มช่องทางในการรับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 แบบเรียลไทม์ ด้วยการส่ง SMS ไปยังประชาชนทุกกลุ่มในประเทศ ไม่จำเพาะเจาะจงเฉพาะผู้ที่เข้าถึงเทคโนโลยีได้เท่านั้น เช่น ลำปางโมเดลที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการนำเทคโนโลยีมาใช้ควบคู่กับการทำงานของ อสม. นอกจากนี้ยังเป็นการลดปัญหาข่าวปลอม หรือ Fake News ที่สร้างความแตกตื่นให้แก่ประชาชนในเรื่องของโควิด-19 อีกด้วย” พลเอก อนันตพร กล่าว

พลเอก อนันตพร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พูดคุยถึงประเด็นปัญหา Fake News ที่เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ผ่านการเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก โดยทาง กมธ. ICT ได้เชิญ น.ส.อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) ร่วมให้ข้อมูล โดย น.ส.อัจฉรินทร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลโดยกระทรวงฯ ได้มีความพยายามจัดการกับปัญหาข่าวปลอม ข่าวบิดเบือนที่ออกมาสร้างความสับสนให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่องด้วยการใช้คำสั่งศาล แต่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิดนี้ การดำเนินการเพื่อยื่นต่อศาล เพื่อให้มีการปิดกั้นเว็บไซต์หรือต้นทางการเผยแพร่ข่าวสารทางโซเชียลมีเดียยังมีอุปสรรคในเรื่องของศาลที่ไม่เปิดรับคำร้องและระงับการไต่สวนชั่วคราว ทำให้สามารถทำได้เพียงการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้นำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายเท่านั้น

นักศึกษามหาวิทยาลัยกลุ่มหนึ่ง จากมณฑลเจียงซูทางตะวันออกของจีน ถูกตัดสินจำคุกนานถึง 2 ปีครึ่ง ในข้อหาฉ้อโกง กรณีใช้ช่องโหว่ในแอปพลิเคชันมือถือของ KFC รับอาหารฟรีและขายทำกำไร ส่งผลให้บริษัทเสียหายกว่า 200,000 หยวน

นักศึกษาคนหนึ่ง ที่กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยในมณฑลเจียงซู พบช่องโหว่ในแอปพลิเคชันมือถือของ KFC และบัญชี WeChat ซึ่งเขาสามารถโกงระบบอาหารหรือคูปองได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินจริง

ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2018 นักศึกษาคนดังกล่าว ไม่เพียงแต่สั่งอาหารฟรีสำหรับตัวเองเท่านั้น แต่ยังขายอาหารและคูปองให้กับผู้อื่นเพื่อทำกำไรอีกด้วย ในขณะเดียวกันเขาก็สอนเทคนิคการโกงให้กับเพื่อนนักศึกษาด้วยกันอีก 4 คน เพื่อรับไอเทมฟรี

ซึ่งจากพฤติกรรมของนักศึกษาคนดังกล่าว ในช่วงระหว่างเดือนเมษายนถึงตุลาคม 2018 ทำให้ Yum China Holdings Inc. ซึ่งตั้งอยู่ในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการร้านอาหาร KFC ในประเทศจีน ได้รับความเสียหายคิดเป็นเงินราว 58,000 หยวน ส่วนความเสียหายจากนักศึกษาอีก 4 คน มีตั้งแต่ 8,900 หยวนถึง 47,000 หยวน

ศาลประชาชนในเซี่ยงไฮ้ ได้ตัดสินว่า นักศึกษาคนดังกล่าว ควรได้รับโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปีครึ่ง และถูกปรับ 6,000 หยวนสำหรับความผิดฐานฉ้อโกงและใช้วิธีการทางอาญา ขณะที่จำเลยอีก 4 คนที่มีข้อหาเดียวกันคือ ถูกตัดสินจำคุกตั้งแต่ 15 เดือนถึงสองปีและปรับระหว่าง 1,000 หยวนถึง 4,000 หยวน

กรณีดังกล่าวทำให้เกิดการสนทนาอย่างดุเดือดทางออนไลน์โดยมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหลายคนตั้งคำถามว่าการใช้ประโยชน์จากข้อบกพร่องของระบบนั้นผิดกฎหมายอย่างไร

โดยศาลได้ชี้แจงว่า พฤติกรรมดังกล่าวคล้ายกับเมื่อมีคนถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม แต่ใช้เงินสดเพิ่มจากตู้เอทีเอ็มที่ทำงานผิดพลาด ในประเทศจีนพฤติกรรมดังกล่าวถือเป็นการได้รับประโยชน์ที่ไม่ยุติธรรม ดังนั้นพฤติกรรมของนักเรียนทั้ง 5 คนในกรณีนี้ถือเป็นความผิดฐานฉ้อโกงเนื่องจากพวกเขาโกงระบบสั่งอาหารฟรี


ที่มา : https://www.globaltimes.cn/page/202105/1223171.shtml

รายงานจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เผยว่า...

วัคซีน SINOVAC 500,000 โดสที่รัฐบาลจีนบริจาคให้ประเทศไทยได้บรรจุเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว จะมาถึงประเทศไทยในเร็ว ๆ นี้ จีนไทยพี่น้องกัน ประเทศไทยสู้ ๆ

ทว่า ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งแซะว่า "ที่บริจาคเพราะขายไม่ออกแล้วหรือเปล่าจ๊ะ ประเทศอื่น ๆ เขาไม่ฉีดกันหรอก มีรัฐไทยนี่แหละระยำเอามาใช้กับประชาชน"

โดยหลังจากชาวเน็ตได้เห็นข้อความนี้ ต่างก็แสดงความกังวลต่อข้อความดังกล่าว ที่อาจสร้างความสับสนต่อประชาชนส่วนใหญ่หลังเริ่มเชื่อมั่นในวัคซีน ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญและแพทย์ออกมาให้การยืนยันถึงประสิทธิผลที่คนไทยควรฉีดวัคซีนดังกล่าว รวมถึงตัวอื่น ๆ พร้อมทั้งตำหนิผู้โพสต์ที่จะนำมาสู่ความสัมพันธ์อันดีที่จีนมีต่อไทย

เพียงแค่คนไม่กี่กลุ่มที่มีทัศนคติด้านลบส่วนตัว แต่สื่อสะท้อนออกสู่สังคมวงกว้างแบบไม่มีจิตสำนึก อาจจะต้องมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาดูแลจัดการอย่างจริงจังเสียที


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4020787351301373&id=846555798724560

พีระพัฒน์ เถรว่อง หรือ บี นักร้องหนุ่มเจ้าของเสียงทรงพลัง อดีตนักร้องนำของวง เครสเซนโด้ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่าระบุว่า...

สำหรับผมนะครับชีวิตที่ต้องมาตกงานเป็นปี อยู่ในสภาพที่หดหู่สิ้นหวังทั้งโลกแบบนี้ "โควิด น่ากลัวกว่าวัคซีนแน่ ๆ ครับ" #ใครไม่ฉีดผมฉีด

นอกจากนี้ บี พีระพัฒน์ ยังได้โพสต์อีกว่า สาเหตุที่พูดเรื่องนี้

1.) แม่ผมไปดูคลิปอะไรไม่รู้แล้วเปลี่ยนใจไม่ยอมฉีด ทุกคนในบ้านเลยช่วยพูดให้แม่เปลี่ยนใจมาฉีดจนได้

2.) ความเห็นส่วนตัวของผม ผมเชื่อ doctor มากกว่า influencer (ผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเชียล)

3.) ผมเชื่อแบบนี้ ไม่เชื่อไม่ว่ากันครับ


ที่มา: https://siamrath.co.th/n/243773

กลุ่มรถบัสไม่ประจำทางแบกไม่ไหว! ยื่นหนังสือ ‘บิ๊กตู่’ วอนช่วยเจรจาไฟแนนซ์ ขอลดดอกเบี้ย-หาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ อุ้มผู้ประกอบการ

วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2564 ที่บริเวณป้ายรถเมล์ด้านหน้าสำนักงาน กพ.เดิม ได้มีตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการรถบัสไม่ประจำทาง จำนวน 8 คน เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ผ่านตู้ปณ 1111 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้เยียวยากับผู้ประกอบการรถบัสโดยสารไม่ประจำทาง ทั้งนี้ ตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการรถบัสไม่ประจำทางได้ขอให้ช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องการลดดอกเบี้ย โดยขอให้รัฐบาลช่วยเจรจากับทางผู้ประกอบการไฟแนนซ์ หรือหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบการ หลังจากยื่นหนังสือผ่าน ตู้ปณ 1111 ทำเนียบรัฐบาลแล้ว ได้เดินทางกลับเมื่อเวลา 10.45 น.

อัตราความชุกของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในอังกฤษ ลดลงกว่าครึ่งนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ผลจากการแจกจ่ายวัคซีนที่รวดเร็ว อย่างไรก็ตามตัวกลายพันธุ์ยังคงเป็นภัยคุกคาม จากผลการค้นพบใหม่ที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (13 พ.ค.)

บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เมื่อวันจันทร์ (10พ.ค.) ไฟเขียวให้กลับมาโอบกอดกันและเสิร์ฟเครื่องดื่มภายในผับตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป หลังจากบังคับใช้มาตรการเข้มข้นมานานหลายเดือน ในขณะที่เขาวางกรอบสำหรับขั้นต่อไปในการผ่อนปรนข้อจำกัดล็อกดาวน์สกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

ผลการศึกษา REACT ที่ดำเนินการโดยบรรดานักวิทยาศาสตร์จากราชวิทยาลัยลอนดอน พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงอีกครั้ง มีอัตราเฉลี่ยเหลือเพียงแค่ 1 คนต่อประชากร 1,000 คน

"การค้นพบในวันนี้ พิสูจน์ถึงผลกระทบของโครงการฉีดวัคซีนอันน่าทึ่งของเราที่มีต่ออัตราการติดเชื้อโควิด-19 ทั่วประเทศ" แมตต์ แฮนค็อค รัฐมนตรีสาธารณสุขกล่าว "เรากำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง แต่ด้วยการปรากฏตัวของตัวกลายพันธุ์ เรายังคงต้องระมัดระวังกันต่อไป"

ทั้งนี้สหราชอาณาจักรใช้วัคซีนที่ร่วมพัฒนาโดยแอสตร้าเซนเนก้าและมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พวกเขาเผยว่าคนอายุไม่ถึง 40 ปี จะได้รับทางเลือกในการรับวัคซีนต้นโควิด-19 ชนิดอื่นบนพื้นฐานความสมัครใจ สืบเนื่องจากความเป็นไปได้ที่มันจะเกี่ยข้องกับการเกิดลิ่มเลือดอุดตันชนิดหายาก

อนึ่งผลการศึกษานี้ไม่ครอบคลุมสกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งแต่ละแห่งมีระบบติดตามเคสผู้ติดเชื้อของตนเอง

การศึกษา REACT ถือเป็นการสำรวจเกี่ยวกับโควิด-19 ครั้งใหญ่ที่สุดหนหนึ่งในอังกฤษ โดยในรอบล่าสุดเป็นการศึกษาในอาสาสมัคร 127,000 คนในอังกฤษ ระหว่างวันที่ 15 เมษายน ถึง 3 พฤษภาคม

โดยรวมแล้ว ผลการศึกษาพบว่าอัตราความชุกของผู้ติดเชื้อในอังกฤษ ลดลงเหลือ 0.1% จาก 0.2% ในเดือนมีนาคม กลุ่มอายุที่ติดเชื้อสูงสุดได้แก่คนอายุระหว่าง 25-34 ปี คิดเป็น 0.21% ส่วนต่ำที่สุดคือกลุ่มอายุ 75 ปีขึ้นไป มีอัตราความชุกของการติดเชื้อที่ 0.05%

ข้อมูลพบด้วยว่า 92% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด เป็นผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์ B.1.1.7 ซึ่งพบครั้งแรกในอังกฤษเมื่อปีที่แล้ว และมี 7.7% ที่้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์ B.1.617.2 ที่พบครั้งแรกในอินเดีย


ที่มา : รอยเตอร์ส

https://mgronline.com/around/detail/9640000045886

ส่ง “สุโขทัย” ชิงรางวัลเวทียูเนสโกเป็นเมืองการเรียนรู้โลก

น.อ. อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. เปิดเผยว่า ได้มอบให้สำนักงานพื้นที่พิเศษ 4 (อพท.4) จังหวัดสุโขทัย ร่วมมือกับจังหวัดสุโขทัยผลักดันสุโขทัย เข้าเป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองแห่งการเรียนรู้ขององค์การยูเนสโก หรือ จีเอ็นแอลซี ในปี 64 ล่าสุด อพท. 4 ได้รับมอบหมายจากทางจังหวัดให้จัดทำใบสมัครโดยร่วมกับมหาวิทยาลัยนเรศวร และนำส่งต่อคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ กระทรวงศึกษาธิการ และยูเนสโก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะรอการประกาศผลผู้ได้รับการคัดเลือกในเดือนมิ.ย.นี้

“ขณะนี้เอกสารการสมัครที่นำส่งไปแล้วนั้น ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการ เพื่อคัดเลือกเป็นตัวแทนของประเทศไทยไม่เกิน 3 เมือง เพื่อส่งให้ยูเนสโกเป็นผู้ตัดสิน หากเมืองสุโขทัยได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองแห่งการเรียนรู้ จะนับเป็นเมืองที่ 2 ของประเทศไทย โดยเมืองแรกที่ยูเนสโกคัดเลือกและประกาศผลไปแล้วเมื่อปี 62 คือ เทศบาลนครเชียงราย หากสุโขทัยได้รับเลือกเป็นจีเอ็นแอลซี จะช่วยยกระดับเมืองและพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันของพื้นที่ให้เกิดความยั่งยืนได้เป็นผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น”

สำหรับการส่งเมืองสุโขทัยเข้าชิงจีเอ็นแอลซี เพราะเห็นว่า เป็นเมืองที่มีความเข้มแข็งทางด้านศิลปะและหัตถกรรม ที่มีการสืบสานจากรุ่นสู่รุ่น ประชาชนและชุมชนในเมืองแห่งนี้ก็ได้ใช้วิชาความรู้ที่สืบทอดต่อกันมาในการประกอบอาชีพ ซึ่งการได้เข้าสู่การเป็นสมาชิกจีเอ็นแอลซี นอกจากช่วยให้เกิดการรับรู้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มสมาชิก จีเอ็นแอลซี ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 224 เมือง ใน 52 ประเทศ กระจายอยู่ทั่วโลก เกิดการเดินทางศึกษาเรียนรู้ระหว่างกันในกลุ่มสมาชิก และยังช่วยสร้างความสนใจให้เกิดขึ้นในกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ต้องการเดินทางเพื่อศึกษาเรียนรู้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top