Saturday, 10 May 2025
NewsFeed

นิพนธ์ นำทีม ประปานครหลวง มอบน้ำดื่ม 10,000 ขวด สนับสนุนการทำงานบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยในรพ.สนาม ทั่วกรุงเทพและปริมณฑล

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข ถนนติวานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ประธานกรรมการการประปานครหลวง (กปน.) และ นายกวี อารีกุล ผู้ว่าการ กปน. นำน้ำดื่มบรรจุขวด จำนวน 10,000 ขวด มามอบเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานให้แก่ทีมบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตลอดจนผู้ป่วยที่รักษาอาการในโรงพยาบาลตามจุดต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล โดยมอบผ่านกระทรวงสาธารณสุข เพื่อนำไปบริหารจัดการตามความเหมาะสมต่อไป โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เป็นผู้รับมอบน้ำดื่มดังกล่าว 

นายนิพนธ์ ได้กล่าวว่า ขอเป็นกำลังใจและพร้อมสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกส่วนฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนกลุ่มประชาชนอาสาสมัคร มูลนิธิต่าง ๆ แทนคนไทยทุกคน ที่ได้ร่วมกันดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มกำลังความสามารถ และขอให้ทุกท่านปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย โดยท่าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ฝากความห่วงใยต่อเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน และพร้อมให้การสนับสนุนความช่วยเหลือทุกอย่างเพื่อให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตินี้ได้ในเร็ววัน พร้อมกันนี้ขอฝากไปถึงพี่น้องประชาชนได้ให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามมาตราการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) อย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ หลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส และลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ให้ได้มากที่สุด

ทั้งนี้ การประปานครหลวง ยังได้มอบสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อาทิ หน้ากากอนามัย กระบอกน้ำพลาสติก และเจลแอลกอฮอลล์ ให้แก่ผู้ป่วยที่มาพักรักษาตัวในโรงพยาบาลสนามต่าง ๆ อีกด้วย โดยก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาได้ การประปานครหลวง ก็ได้ทยอยส่งมอบน้ำดื่มเพื่อสนับสนุนให้กับโรงพยาบาลและหน่วยงานทางการแพทย์ไปแล้วจำนวนกว่า 20,000 ขวด ครั้งนี้อีก 10,000 ขวด รวมเป็น 30,000 ขวด และจะมีการสนับสนุนน้ำดื่มและสิ่งจำเป็นอื่นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเขตกทม. และปริมณฑล 

พยาบาลสาวจังหวัดขอนแก่น ชวนคนไทยฉีดวัคซีนโควิด ชี้ ฉีดวัคซีนแล้วตายมีโอกาสเกิดน้อยกว่าติดโควิดตาย พร้อมเผยตนเองฉีดครบ 2 โดสเรียบร้อย ยังปกติดี ไร้ผลข้างเคียง

นางสาวศิริลักษณ์ สุดใจ พยาบาลวิชาชีพ ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลศรีบุญเรือง​ ต.ศรีบุญเรือง อ.ชนบท จ.ขอนแก่น โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เชิญชวนคนไทยฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 พร้อมกับสร้างความมั่นใจในตัววัคซีน ว่า...

วันนี้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ตามฤดูกาลในผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง

มีคนมารอฉีดมากมาย กลัวไม่ได้ฉีด เรียกร้องของฉีดตามสิทธิ เจ้าหน้าที่ดีใจ อยากฉีดให้ทุกคน

ย้อนไปเมื่อ 12 ปี เกิดไข้หวัดใหญ่ 2009 อุบัติขึ้นมา และระบาดทั่วโลก มีการนำวัคซีนเข้ามาฉีดให้กลุ่มเสี่ยง

ช่วงแรกก็มีคนสนใจน้อย กลัววัคซีนใหม่ กลัวฉีดแล้วตาย เจ้าหน้าต้องจัดบริการอย่างรัดกุม มีทีมแพทย์ประเมิน มีอุปกรณ์ฟื้นคืนชีพ เตรียมพร้อม

สร้างความมั่นใจให้ประชาชน แบบนี้ เวลาผ่านไป 12 ปี ทุกคนมั่นใจ กล้าฉีด อยากฉีด เรียกร้องสิทธิ เพราะเห็นผลดีของวัคซีน ไม่กลัวเหมือนเดิม

ในปีนี้ ก็เจอสถานการณ์เดียวกัน คนตื่นกลัววัคซีนโควิด-19 กลัวหนักกว่าเดิม เพราะมีการรับรู้เข้าถึงข้อมูลได้หลายทางมากขึ้น มีทั้งข่าวจริงข่าวเท็จ ที่เล่ามานี้ อยากจะบอกทุกคนว่า ให้พิจารณาข่าวสาร ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน รับฟังข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อย ๆ ก่อนตัดสินใจ ที่จะปฏิเสธการฉีด

เพราะความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากวัคซีน 1 ในล้าน โอกาสติดเชื้อแล้วเสียชีวิตมากกว่าเยอะ

และอีกอย่างคือ บุคลากรทางการแพทย์ได้มีการวางแผน วางระบบในการให้บริการฉีดที่รัดกุม ซักซ้อมแผนมากกว่ารอบเดิม ทดลองระบบกับเจ้าหน้าที่ด่านหน้า เป็นระบบที่ได้มาตรฐานทั้งประเทศ

สร้างความมั่นใจได้อย่างดีว่า หากเกิดปัญหาภาวะแทรกซ้อนใด ๆ มีทีมดูแลได้ทันท่วงทีแน่นอน

ส่วนตัวผู้เล่าอยู่นี้ก็ฉีด sinovac 2 เข็ม เรียบร้อย อาการปกติดีทุกอย่าง ผิดปกติคือ อยากกินแต่ทุเรียน และอยากนอนใน 3 วันแรก

โควิดรอบ 3 นี้ หนักมาก อาการแสดงน้อย กว่าจะตรวจพบ เชื้ออาจลงปอดแล้ว

วันนี้ฟังข่าว เสียชีวิต 34 คน เสียชีวิตมากกว่าทุกรอบ ทางออกของเราคือวัคซีนนะคะ

วัคซีนทุกตัวมีผลข้างเคียงได้ ตัวที่ดีที่สุดคือ วัคซีนที่มีฉีดตอนนี้ก่อน อยากเชิญชวนให้ลงชื่อรับวัคซีนกันเยอะ ๆ เพื่อตัวเรา และคนที่เรารัก

อีก 10 ปี คาดเดาว่า คงมีคนแย่งกันมารับวัคซีนโควิด-19 แบบไข้หวัดใหญ่ 2009 แน่นอนค่ะ และเราก็จะได้เรียนรู้กับวัคซีน 2029 ต่อไป เรื่อยไป เพราะสงครามไวรัส เค้าไม่หยุดพัฒนาแน่นอน


ที่มา : https://www.facebook.com/100000138758960/posts/4436546076359974/

ส.ส.พรรคลุง ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบสองเข็มไร้ผลข้างเคียง 

น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม.เขตบางซื่อ-ดุสิต พรรคพลังประชารัฐ เดินทางเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ยี่ห้อ ซิโนแวคเข็มที่สอง ที่สถาบันบำราศนราดูร โดยระบุว่า ตนเองถือเป็นกลุ่มเสี่ยง เพราะเป็น ส.ส. ต้องลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือพี่น้องประชาชนตลอดเวลา โดยเฉพาะขณะนี้ในพื้นที่กทม. มีการแพร่ระบาดของผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวนมาก เขตดุสิตเองถือเป็นอีกเขตหนึ่งที่พบจำนวนผู้ติดเชื้อค่อนข้างมากและต้องเร่งดำเนินการตรวจคัดกรองเชิงรุกตามชุมชนต่าง ๆ เพื่อแยกผู้ติดเชื้อออกจากคนปกติ รวมทั้งต้องเร่งฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้นกันหมู่ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว

สำหรับในพื้นที่เขตดุสิต มีผู้ติดเชื้อแล้ว 489 ราย เสียชีวิตแล้ว 5 ราย และมีกลุ่มเสี่ยงที่ต้องกักตัว 555 ราย และทางสำนักงานเขตดุสิตได้ติดต่อแจ้งความคืบหน้าในการเร่งฉีดวัคซีนให้พี่น้องประชาชนในเขตดุสิตว่า ประมาณวันที่ 16-17 พ.ค. นี้ จะมีการลงฉีดวัคซีนในบริเวณจุดที่พบการแพร่ระบาด จำนวน 2,000 ราย

น.ส.ธณิกานต์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ฉีดวัคซีนซิโนแวค ครบ 2 เข็มแล้ว ไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ฉีดเสร็จสามารถกลับมาทำงานต่อได้ตามปกติ ยืนยันว่าวัคซีนมีความปลอดภัย ที่สำคัญอยู่ในการควบคุมของแพทย์เสมอในการเข้ารับการฉีด

"ตอนนี้การฉีดวัคซีน เกิดปัญหาด้านข้อมูลและการสื่อสารจากข่าวปลอม ทำให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงในชุมชนเกิดความสับสนและความกลัว ไม่กล้ารับการฉีดวัคซีน ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ววัคซีนที่รัฐบาลนำเข้ามาทั้ง 2 ยี่ห้อมีประสิทธิภาพ สามารถป้องกันการติดเชื้อ ลดความรุนแรงของโรค และเกือบ 100% ลดโอกาสในการเสียชีวิต ดังนั้นจึงอยากเชิญชวนดารา นักแสดง หรือผู้นำความคิดในโซเชียล ที่เข้าเกณฑ์  "ฉีดวัคซีน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" เพราะทุกท่านนั้นสามารถช่วยชาติในการสื่อสารที่เสริมสร้างความมั่นใจได้ และวัคซีนเป็นทางรอดของทุกคนทั้งชาติ จึงขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนทุกคนลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 ผ่าน “หมอพร้อม” หรือ พี่น้องประชาชนในกรุงเทพฯ ที่ไม่สะดวกใช้สมาร์ทโฟน สามารถลงทะเบียนได้ที่โรงพยาบาลสังกัด กทม. หรือ ศูนย์บริการสาธารณสุขทุกแห่งใกล้บ้าน หรือ มีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถโทรไปที่ สปสช. 1330" น.ส.ธณิกานต์กล่าวทิ้งท้าย 

#ฉีดวัคซีนหยุดเชื่อเพื่อชาติ

“บิ๊กตู่” ตรวจความพร้อมสถานที่ฉีดวัคซีนนอก รพ. สำหรับกลุ่มเป้าหมายแรก บุคลากรด่านหน้าและอาชีพเสี่ยง

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 ที่บริเวณชั้น 3 sky Hall ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว เขตจตุจักร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนพงศ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย ตรวจเยี่ยมสถานที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกโรงพยาบาล ณ บริเวณชั้น 3 sky Hall ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว เขตจตุจักร โดยมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักอนามัย สำนักการแพทย์ ผู้บริหารโรงพยาบาลรามาธิบดี ผู้บริหารกลุ่มเซ็นทรัลกรุ๊ปและผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ

สำหรับสถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล หรือ "หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร-หอการค้าไทย" ณ บริเวณชั้น 3 sky Hall ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว เป็น 1 ใน 14 แห่ง โดยความร่วมมือบริการวัคซีนโควิด-19 ระหว่างกรุงเทพมหานคร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และโรงพยาบาลรามาธิบดี มีความพร้อมในการให้บริการวัคนตามขั้นตอนต่าง ๆ ครบถ้วน อาทิ จุดลงทะเบียน จุดวัดน้ำหนักส่วนสูง จุดวัดความดัน จุดฉีดวัคชีน และจุดพักสังเกตอาการหลังการฉีด สามารถให้บริการ 1,000 คน ต่อวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. กลุ่มเป้าหมายแรกของการให้บริการเป็นกลุ่มบุคลากรด่านหน้า ที่ต้องปฏิบัติงานในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคและกลุ่มที่มีอาชีพเสี่ยงที่มีโอกาสสัมผัสกับคนจำนวนมากซึ่งได้รับการลงทะเบียนกับสำนักอนามัย กทม. แล้วเบื้องต้น 

กรุงเทพมหานครร่วมมือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โรงพยาบาลเครือข่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมสถานที่ฉีดวัคซีนของภาคเอกชนเพื่อให้บริการฉีดวัคซึนโควิด-19 นอกโรงพยาบาล พร้อมให้บริการ 14 แห่ง ได้แก่

1.) เซ็นทรัล ลาดพร้าว ร่วมกับโรงพยาบาลรามาธิบดี

2.) เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ร่วมกับโรงพยาบาลวชิรพยาบาล

3.) ไอคอนสยาม ร่วมกับโรงพยาบาลศิริราช

4.) True Digital Park ร่วมกับโรงพยาบาลศิริราช

5.) สามย่านมิตรทาวน์ ร่วมกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

6.) SCG บางชื่อ ร่วมกับกรมการแพทย์

7.) เดอะมอลล์ บางกะปิ ร่วมกับโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี

8.) เดอะมอลล์ บางแค ร่วมกับมหาวิทยาลัยสยาม โดยคณะแพทยศาสตร์และคณะพยาบาลศาสตร์

9.) ธัญญาพาร์ค ร่วมกับโรงพยาบาลเครือบางปะกอก

10.) เอเชียทีค ร่วมกับโรงพยาบาลเครือบางปะกอก

11.) โรบินสันลาดกระบัง ร่วมกับโรงพยาบาลเครือบางปะกอก

12.) โลตัส มีนบุรี ร่วมกับโรงพยาบาลเครือบางปะกอก

13.) บิ๊กชี บางบอน ร่วมกับโรงพยาบาลเครือบางปะกอก และ

14.) PTT Station พระราม 2 ร่วมกับโรงพยาบาลเครือบางปะกอก 

ทั้งนี้ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้เสนอสถานที่ฉีดวัคซีนเพิ่มเติมอีก 11 แห่ง

ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการเตรียมพร้อมอุปกรณ์และบุคลากร โดยสำนักอนามัยจะลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยเพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ มาตรฐานที่ กำหนด และเมื่อสามารถเปิดให้บริการ "หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร-หอการค้าไทย” ในพื้นที่กรุงเทพมหานครได้ครบทั้ง 25 แห่ง แต่ละแห่งจะมีศักยภาพการให้บริการฉีดวัคซีนอยู่ที่ 1,000-3,000 คนต่อวัน รวมสามารถให้บริการได้ 38,000-50,000 คนต่อวัน นอกจากนี้ "หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร-หอการค้าไทย" ทุกแห่งจะเปิดให้บริการต่อเนื่อง 7 เดือน เพื่อให้การบริการวัคซีนเป็นไปอย่างทั่วถึง รวดเร็วและปลอดภัยสำหรับประชาชนสูงสุด

รมว.สุชาติ ลุยชลบุรี ตรวจเยี่ยมการตรวจโควิดเชิงรุก แก่แรงงานในสถานประกอบการ ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ มอบหน้ากากอนามัยและสิ่งของสู้ภัยโควิด-19

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นำคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบสิ่งของแก่ลูกจ้างที่ตรวจโควิด-19 เชิงรุกเพื่อผู้ประกันตนในสถานประกอบการ ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะชิตี้ พร้อมมอบหน้ากากอนามัย ชุด PPE และสิ่งของให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลหนองรี อ.เมือง จ.ชลบุรี

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม มอบสิ่งของและให้กำลังใจลูกจ้างที่เข้ารับการตรวจโควิด-19 เชิงรุกเพื่อผู้ประกันตนในสถานประกอบการ ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ตำบลหนองไม้แดง อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี โดยมี นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี 

พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย โดย รมว.แรงงาน กล่าวว่า ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากสภาพปัญหาในปัจจุบันได้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง และมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงได้มีดำริกำชับให้กระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพิ่มจุดตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุกแก่แรงงานในสถานประกอบการเพื่อเร่งควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดในจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม เช่น นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง สมุทรสาคร และพระนครศรีอยุธยา เป็นต้น

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า การจัดงานในวันนี้ผมต้องขอขอบคุณในความร่วมมือจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน ในการอนุเคราะห์ด้านสถานที่ในการตรวจคัดกรองฯ และการประชาสัมพันธ์แก่สถานประกอบการในนิคมฯ 
การดำเนินการตรวจคัดกรองโควิด-19 เชิงรุกในสถานประกอบการแก่ลูกจ้างภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ 

ซึ่งสำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี ได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคมในพื้นที่ จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลวิภาราม อมตะนคร โรงพยาบาลวิภาราม แหลมฉบัง โรงพยาบาลเอกชน 2 และโรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา เพื่อบูรณาการทำงานเชิงรุก จัดรถโมบาย ตู้ตรวจโรคไปตั้งยังสถานประกอบการให้ลูกจ้างที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงความร่วมมือจากสถานพยาบาล ต่อการสัมผัสเชื้อได้รับการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 เพื่อให้ทราบผลภายใต้ 24-48 ชั่วโมง สำหรับจังหวัดชลบุรี มีแผนดำเนินการตั้งแต่วันที่ 11-28 พ.ค. 64 จะดำเนินการเข้าสถานประกอบการ จำนวน 90 แห่ง ตรวจคัดกรองผู้ประกันตน จำนวน 9,790 คน ได้แก่ เขตอำเภอเมืองชลบุรี สถานประกอบการ จำนวน 41 แห่ง ผู้ประกันตน จำนวน 3,736 คน เขตศรีราชา สถานประกอบการ จำนวน 19 แห่ง ผู้ประกันตน จำนวน 4,336 คน เขตบางละมุง สถานประกอบการ จำนวน 30 แห่ง ผู้ประกันตน จำนวน 1,718 คน ซึ่งหากตรวจพบเชื้อก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการควบคุมดูแลรักษาตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยลูกจ้างในสถานประกอบการไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจ 

จากนั้น รมว.แรงงาน ยังได้มอบชุด PPE จำนวน 600 ชุด ให้กับสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี มอบชุด PPE จำนวน 400 ชุด และหน้ากากอนามัย จำนวน 20 กล่อง ให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา มอบผลิตภัณฑ์อาหารอบแห้งให้กับผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จำนวน 50 กล่อง มอบหน้ากากอนามัยให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลหนองรี จำนวน 5,000 กล่อง รวม 250,000 ชิ้น และมอบหน้ากากอนามัย จำนวน 3,450 กล่อง รวม 172,500 ชิ้น ให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลสำนักบก เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกด้วย

ราชทัณฑ์ ยอมรับ มีผู้ต้องขังป่วยโควิด ในทัณฑสถานหญิงกลาง 1,040 คน ผู้ป่วยในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ 1,795 คน ทุกรายอยู่ รพ.สนาม มีแพทย์ดูแลใกล้ชิด

รายงานข่าวจากกรมราชทัณฑ์ แจ้งว่า จากการคัดกรองภายในเรือนจำ ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในทัณฑสถานหญิงกลางกว่า 1 พันราย เนื่องจากมีนักโทษหญิงถูกเบิกตัวไปนอกเรือนจำแล้วติดโควิดกลับมา ส่วนเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ก็มีผู้ติดเชื้ออีกนับพันรายเช่นกัน ซึ่งติดจากนักโทษที่เป็นผู้ช่วยผู้คุม ที่ไปปฏิบัติหน้าที่ที่แดนกักโรคและได้รับเชื้อโควิด เมื่อกลับเข้าไปแดนขังปกติ ตามที่ได้นำเสนอเป็นข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ (12 พ.ค.) กรมราชทัณฑ์ ได้ออกแถลงการณ์ยอมรับกรณีดังกล่าว ระบุว่า มีผู้ป่วยโควิดในทัณฑสถานหญิงกลาง 1,040 คน และผู้ป่วยในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ 1,795 คน ซึ่งสองเรือนจำนั้น อยู่ในพื้นที่เรือนจำกลางคลองเปรม โดยทุกรายอยู่โรงพยาบาลสนาม มีทีมแพทย์ดูแลใกล้ชิด และมีการตรวจเชิงรุกไปกว่า 17,000 ครั้ง ทั้งนี้ ในแถลงการณ์กรมราชทัณฑ์ ไม่ได้มีการระบุว่า ผู้ป่วยโควิดจำนวนดังกล่าว 2,835 คนนั้น เป็นผู้ป่วยโควิด เฉพาะระลอกนี้ หรือรวมกันแล้วทุกระลอกหรือไม่ แต่อย่างใด


ที่มา: https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_6393911

‘ก้าวไกล’ จ่อชงกฎหมายเอาผิด ‘ศาล-อัยการ-ตำรวจ’ ฐานบิดกฎหมาย ‘โรม’ ยกคดี ม.112 สร้างเงื่อนไข ‘ค้านประกัน’ แบบตีความเกินกฎหมาย ส่วนกรณี ‘ธรรมนัส’ ตัดสินเหมือนอยู่ในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่ยังมีปัญหา ‘สิทธิสภาพนอกอาณาเขต’

วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2564 รังสิมันต์ โรม และ วรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเพื่อเปิดตัวร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ว่าด้วยการเอาผิดเจ้าพนักงานยุติธรรมในฐาน ‘บิดเบือนกฎหมาย’ ซึ่งปรากฎชัดในหลายกรณีช่วงที่ผ่านมา โดยพรรคก้าวไกลเตรียมยื่นเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

รังสิมันต์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีต่อนักกิจกรรมทางการเมืองที่ได้รับการประกันตัวซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลได้จับตามาตลอดว่าเกิดอะไรขึ้นกับกระบวนการยุติธรรม การได้รับการประกันตัวทั้งเมื่อวานนี้และหลายกรณีที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่น่ายินดีก็จริง แต่ไม่ใช่สิ่งที่ลบล้างว่าภายใต้การได้รับการประกันตัวดังกล่าวมีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นอย่างไร และจากความไม่ธรรมเหล่านั้นจึงเป็นเหตุที่มีความจำเป็นในการร่างกฎหมายฉบับนี้

“สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ คือการเพิ่มฐานความผิดเข้าไปในประมวลกฎหมายอาญา ภาค 2 ความผิด ลักษณะ 3 ความผิดเกี่ยวกับการยุติธรรม หมวด 2 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ได้แก่ความผิดฐาน “บิดเบือนกฎหมาย” ของเจ้าพนักงานในการยุติธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์หรือความเสียหายแก่ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา หรือคู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด”

รังสิมันต์ ระบุว่า เหตุผลที่พรรคก้าวไกลต้องเสนอร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว เนื่องจากในสังคมที่ปกครองด้วยหลักนิติรัฐ เจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรมไม่ว่าจะเป็นงานสอบสวนทั้งตำรวจและฝ่ายปกครอง ผู้ว่าคดี พนักงานอัยการ ตลอดไปจนถึงผู้พิพากษาและตุลาการ ทั้งหมดล้วนเป็นผู้มีหน้าที่ในการดำเนินกระบวนการยุติธรรมเพื่อความเป็นธรรมของประชาชนภายใต้กฎหมายของบ้านเมือง เมื่อมีข้อกล่าวหาในทางคดีเกิดขึ้น การใช้อำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานในการยุติธรรมจะต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย ทั้งกฎหมายสารบัญญัติและกฎหมายวิธีบัญญัติ โดยกล่าวได้ว่าเจ้าพนักงานในการยุติธรรมคือผู้รักษากฎหมาย ย่อมจะต้องปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตและด้วยความซื่อตรงต่อกฎหมายอย่างถึงที่สุด

“แต่ต้องยอมรับว่าเมื่อเวลาผ่านไป บุคคลเหล่านี้ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ไปตามที่กฎหมายกำหนด ราวกับว่าพวกเขามีอคติบังตา แน่นอนว่าคนเหล่านี้เป็นมนุษย์ทั่วไปก็อาจกระทำไปโดยความรู้สึกส่วนตัวโดยไม่ได้สนใจว่า กฎหมายกำหนดอำนาจหน้าที่ให้กับตัวเองอย่างไร ผลที่เกิดขึ้นก็คือ มีการบิดเบือนในหลายกรณีและทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งไม่ใช่ต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์เท่านั้น แต่เสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมที่อุตส่าห์สร้างและสั่งสมมาและอาจจะถูกทำลายด้วยระยะเวลาที่ไม่นาน เพราะคดีเพียงไม่กี่คดีก็อาจทำให้ประชาชนหมดสิ้นศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรมได้”

รังสิมันต์ กล่าวต่อไปว่า ตัวอย่างที่ทำให้ประชาชนรู้สึก เช่น กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่ต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญรับในข้อเท็จจริงกลาย ๆ ว่า เขาเคยถูกพิพากษาโดยศาลออสเตรเลียในประเด็นเรื่องการค้ายาเสพติด แต่ศาลรัฐธรรมนูญกลับอ้างถึงอำนาจอธิปไตยทำราวกับว่ายังอยู่ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่ยังมีปัญหาเรื่องสิทธิสภาพนอกอาณาเขต อันที่จริงแล้วเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกัน เนื่องจากในปัจจุบันระบบกฎหมายไทยก็ยอมรับผลบางประการของคำพิพากษาของศาลต่างชาติ ทั้งกำหนดให้ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่คนไทยกระทำนอกราชอาณาจักรจะต้องรับโทษและอยู่ในเกณฑ์ที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนหากต่างประเทศมีบทบัญญัติความผิดลักษณะเดียวกันด้วย และนั่นไม่ได้ทำให้ประเทศไทยสูญเสียอธิปไตยในทางศาลเหมือนในอดีต ในขณะที่บทบัญญัติลักษณะต้องห้ามของ ส.ส. และรัฐมนตรีในรัฐธรรมนูญนั้นมุ่งเน้นที่จะคัดกรองมิให้ผู้มีประวัติมัวหมองเข้ามาใช้อำนาจในตำแหน่งสำคัญ แม้จะเป็นการต้องคำพิพากษาศาลต่างประเทศก็ถือเป็นประวัติที่มัวหมองได้เช่นกัน คำวินิจฉัยดังกล่าวได้ก่อประโยชน์ต่อ ร.อ.ธรรมนัส ให้ยังคงเป็น ส.ส. และรัฐมนตรีต่อไป ทั้งที่ข้อเท็จจริงชัดแจ้งว่าเคยมีการกระทำที่เข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ

ประเด็นที่สอง คือเมื่อปี 2556 มีคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีที่นักการเมืองท้องถิ่นกล่าวในรายการวิทยุเปรียบเปรยถึงบ้านเมืองในสมัยรัชกาลที่ 4 ว่าขาดอิสระเสรีภาพ โดยถูกพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยอ้างว่ากฎหมายมิได้บัญญัติว่าห้ามหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์อยู่เท่านั้น และการหมิ่นประมาทอดีตพระมหากษัตริย์ก็ย่อมกระทบถึงพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันที่ยังคงครองราชย์อยู่ ทั้งที่การที่มาตรา 112 กำหนดกรรมของการกระทำไว้ที่เฉพาะบุคคลใน 4 ตำแหน่ง ได้แก่ พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เท่านั้น ย่อมหมายถึงบุคคลซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวและมีอำนาจหน้าที่ตามตำแหน่งดังกล่าว ณ ปัจจุบันเท่านั้น มิได้รวมถึงอดีตกษัตริย์ ซึ่งหากตีความแบบนี้ก็ต้องรวมพระเจ้าเอกทัศน์ด้วยใช่หรือไม่ มิเช่นนั้นแล้วมาตรานี้ก็ยังต้องใช้กับการหมิ่นประมาทผู้ที่เคยเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไปเสียหมดทุกคน ซึ่งนั่นไม่ใช่ความมุ่งหมายของกฎหมายมาตราดังกล่าวอย่างแน่นอน ซึ่งคำพิพากษาดังกล่าว แม้จะให้รอลงอาญา แต่ก็ได้สร้างความเสียหายแก่จำเลยให้กลายเป็นผู้มีความผิดติดตัว ทั้งที่เขาไม่ได้กระทำการอันเข้าข่ายความผิดนั้น จึงต้องถามว่าเป็นการตีความเกินกฎหมายและเป็นตัวอย่างของการบิดเบือนกฎหมายใช่หรือไม่

“ตัวอย่างล่าสุดคือในช่วงเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ที่ประชาชนได้ออกมาชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลและเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้ในเวลาต่อมามีความพยายามแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ชุมนุมคนสำคัญ ซึ่งบุคคลเหล่านี้ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะไปพบพนักงานสอบสวนหรือขึ้นศาล ไม่พบพฤติการณ์ของการหลบหนีหรือยุ่งเหยิงพยานหลักฐานแต่อย่างใด แต่ในทางปฏิบัติ เมื่อเกี่ยวกับมาตรา 112 ศาลกลับไม่ให้ประกันตัว หรือกว่าจะให้ประกันตัวต้องไปยื่นนับสิบครั้งถึงจะได้ เช่น กรณีคุณเพนกวิ้น และสร้างเงื่อนไขที่ไม่ได้เกี่ยวกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 แต่ไปห้ามวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ ห้ามว่าจะต้องไม่เข้าไปร่วมกับการชุมนุมที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงเท่ากับว่าศาลกำลังตัดสินให้คนเหล่านี้ผิดไปแล้วโดยยังไม่มีการดำเนินการพิจารณาตามกฎหมายแต่อย่างใด กลายเป็นศาลได้สร้างเงื่อนไขที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานแห่งกฎหมาย ศาลไม่ให้ประกันตัวทั้งที่ไม่ได้ละเมิดเหตุแห่งกฎหมายแต่อย่างใด ทั้งไม่หลบหนีหรือไม่ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน การที่ศาลใช้ดุลพินิจแบบนี้ก็เกิดคำถามว่าศาลเอาฐานกฎหมายอะไรในการมาดำเนินคดีหรือพิจารณากับประชาชน”

รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ถ้าปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ คงไม่มีประชาชนเชื่อกระบวนการยุติธรรมอีกต่อไป กระบวนการยุติธรรมจะพังทลาย และถ้ากระบวนการยุติธรรมพังทลาย ประเทศนี้จะอยู่อย่างไร จึงเป็นที่มาที่พรรคก้าวไกลได้ตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยได้ไปการศึกษา พบว่า ในต่างประเทศได้มีการบัญญัติไว้ในกฎหมายให้การบิดเบือนกฎหมายนั้นเป็นความผิดอาญา เช่น สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี บัญญัติในประมวลกฎหมายอาญา (Strafgesetzbuch-StGB) มาตรา 339 (Section 339) ความว่า “ผู้พิพากษา เจ้าพนักงานของรัฐ หรืออนุญาโตตุลาการ ผู้ปฏิบัติหน้าที่หรือวินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมาย กระทำการบิดเบือนกฎหมาย ก่อให้เกิดประโยชน์หรือความเสียหายของคู่ความ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี” (Judges, other public officials or arbitrators who, in the course of conducting or deciding a legal matter, bend the law for the benefit or to the detriment of a party incur a penalty of imprisonment for a term of between one year and five years.) โดยนัยก็คือเขามองว่า เจ้าพนักงานเหล่านี้เช่นศาลก็สามารถกระทำความผิดบิดเบือนกฎหมายได้ บทบัญญัติดังกล่าวมีนักกฎหมายไทยให้ความสนใจในการศึกษา เช่น ในวิทยานิพนธ์ “ความผิดฐานบิดเบือนกฎหมายของผู้พิพากษา: ศึกษาเปรียบเทียบกับกฎหมายเยอรมัน” ของ เหมือน สุขมาตย์ ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เขียนขึ้นเมื่อปี 2560 ได้เสนอว่า ควรมีการกำหนดฐานความผิดดังกล่าวไว้ในระบบกฎหมายของไทย อย่างไรก็ตามในปัจจุบันประมวลกฎหมายอาญาของไทยยังมิได้กำหนดฐานความผิดดังกล่าวไว้เป็นการเฉพาะ

ด้วยเหตุนี้ พรรคก้าวไกลจึงนำขอเสนอร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา โดยเพิ่มมาตรา 200/1 ในวรรคหนึ่ง กำหนดฐานความผิดจากการบิดเบือนกฎหมายของพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี และพนักงานสอบสวน ความว่า “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี หรือพนักงานสอบสวน กระทำการบิดเบือนกฎหมายในการสอบสวนและการสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี ด้วยการทำความเห็นควรสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี หรือกระทำความเห็นทางคดีอย่างอื่นอันจะมีผลกระทบต่อการสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องคดีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้เกิดประโยชน์หรือความเสียหายแก่ผู้เสียหายหรือผู้ต้องหา ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี”

ส่วนในวรรคสอง กำหนดฐานความผิดจากการบิดเบือนกฎหมายของผู้พิพากษาและตุลาการ ความว่า “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการ กระทำการบิดเบือนกฎหมายในการพิจารณาคดี การทำคำสั่งรับหรือไม่รับฟ้อง การทำคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี หรือการทำคำสั่งคำร้องหรือคำขออื่นใด เพื่อให้เกิดประโยชน์หรือความเสียหายแก่ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา หรือคู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี”

“ร่างกฎหมายพรรคก้าวไกลฉบับนี้จะเสนอสู่สภาโดยเร็ว หากผ่านกฎหมายฉบับนี้ จะเป็นนิมิตรใหม่หรือเป็นก้าวย่างสำคัญของกระบวนการยุติธรรม ต้องยอมรับว่าศาลยุติธรรมอยู่ในสภาวะที่จะเรียกว่าจะโปร่งใสก็ไม่โปร่งใส จะมืดมนก็ไม่มืดมน ที่ผ่านมาอาจจะได้ยินมาตลอดว่าศาลยุติธรรมอยู่ภายใต้การตรวจสอบถ่วงดุลกันข้างใน แต่จากกรณีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกำลังแสดงให้เห็นว่า ศาลที่กำลังเป็นอยู่ เป็นศาลที่ปราศจากการยอมรับของประชาชนมากขึ้นเรื่อย ๆ เราหวังว่า ผู้เกี่ยวของในกระบวนการยุติธรรมจะปฏิบัติหน้าที่โดยปราศจากการบิดเบือนกฎหมายต่อไป เราเชื่อว่าการทำหน้าที่ของผู้พิพากษา อัยการ พนักงานสอบสวน ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อตรงต่อกฎหมาย ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องทวงกระบวนการยุติธรรมจากขุนนางผู้ใช้กฎหมายเพื่อห้ำหั่นผู้บริสุทธ์ ก่อนที่กระบวนการยุติธรรมจะถูกทำให้ไร้ความหมายไปมากกว่านี้ จึงอยากให้ทุกคนได้ติดตามและเราจะยื่นสู่สภาในเร็ววันนี้ ” รังสิมันต์ กล่าว

 

‘เฉลิมชัย’ สั่ง ‘เกษตรผนึกพาณิชย์’ นำทัพสินค้าไทยบุกตลาดจีน 9 แสนล้าน ‘อลงกรณ์’ เผยทุเรียนไทยฮ็อตไม่หยุด! ใช้กลยุทธ์อีคอมเมิร์ซไลฟ์สดแพลตฟอร์ม Pagoda ขายหมดรวดเดียวในงานไหหลำเอ็กซ์โป

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) แถลงวันนี้ว่า หลังจาก ‘5ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย’ ประสบความสำเร็จในการเปิดตลาดทุเรียนไทยในระบบสั่งซื้อล่วงหน้าออนไลน์ (Pre order) ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา วันนี้ทุเรียนและผลไม้ไทยได้รับความนิยมสูงสุดอีกครั้งหนึ่งในมณฑลไหหน่าน (ไหหลำ) ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีนด้วยกลยุทธ์อีคอมเมิร์ซขายในระบบไลฟ์สตรีมบนแพลตฟอร์มของปาโกด้า (Pagoda) ซึ่งเป็นอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีนและกลยุทธ์นี้จะเป็นแนวทางสำคัญในการขยายตลาดจีนไปทุกภาคทุกมณฑลของจีนในยุคดิจิทัลภายใต้วิกฤติโควิด-19 ให้มากที่สุด โดยมี ‘5ยุทธศาสตร์’ ที่ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ วางไว้เป็นธงนำ และท่านรัฐมนตรีสั่งการให้ขยายผลแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซโดยผนึกกำลังกับทีมไทยแลนด์ในการเพิ่มการส่งออกผลไม้และสินค้าเกษตรอื่น ๆ

“สำหรับประเทศจีนถือเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย โดยในปี 2020 ไทยส่งออกสินค้าไปจีนรวม 29.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 9.15 แสนล้านบาท) เป็นการส่งออกผลไม้กว่าแสนล้านบาท นับเป็นตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับไทยโดยเฉพาะในยุคโควิดและ post covid และเป็นประเทศที่ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเร็วที่สุด จึงเป็นโอกาสของไทยและต้องทำเร็วก้าวล้ำนำหน้าคู่แข่งพร้อมกับสร้างแบรนด์ผลไม้ไทยโดยใช้ทุเรียนเป็นหัวหอกรุกทั้งออนไลน์และออฟไลน์”

นายอลงกรณ์กล่าวต่อไปว่า ล่าสุด กงสุล (ฝ่ายเกษตร) ประจำสถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครกว่างโจว ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์และสถานกงสุลใหญ่ กระทรวงต่างประเทศได้เข้าร่วมงาน China International Consumer Products Expo 2021 (Hainan Expo) ระหว่างวันที่ 7-10 พฤษภาคม พ.ศ.2564 ภายใน Thailand Pavilion โดยได้นำผลไม้ไทย อาทิ ทุเรียน มังคุด ลำไย มะพร้าวน้ำหอม เงาะ มะม่วงน้ำดอกไม้ ลองกอง กล้วยไข่ ชมพูทับทิมจันทร์ มาประชาสัมพันธ์ และแจกให้ผู้เข้าร่วมงานได้ลิ้มลองรสชาติ รวมทั้งจัดแสดงทุเรียน 9 สายพันธุ์ ได้แก่ ชะนี หมอนทอง นวลทองจันทร์ ก้านยาว พวงมณี นกกระจิบ กระดุม จันทบุรี 8 และ 10 ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานฯ เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ฝ่ายเกษตรฯ ได้รับการสนับสนุนจากกรมหม่อนไหมในการนำผ้าไหมไทยมาจัดแสดงในงานดังกล่าวด้วย

ทั้งนี้นายปรัตถกร แท่นมณี กงสุล (ฝ่ายเกษตร) รายงานว่าได้เข้าร่วมกิจกรรม Live Streaming ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของ Pagoda แนะนำผลไม้ไทยที่มีโอกาสในตลาดจีน และได้รับเกียรติจากนางสาวเนตรนภา คงศรี กงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว นางสาวปทุมวดี อิ่มทั่ว อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายเกษตร) ณ กรุงปักกิ่ง และนางสาวศุภรา เสกาจารย์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ร่วม Live Streaming แนะนำ Thailand Pavilion ผ้าไหม สินค้าอุปโภคบริโภคของไทย และผลไม้ไทยยอดนิยม ได้แก่ ทุเรียน มังคุด มะพร้าวน้ำหอม ที่นอกจากจะมีรสชาติที่อร่อยเป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง รวมทั้งประชาสัมพันธ์คุณภาพมาตรฐานของผลไม้ไทยที่ส่งออกมายังประเทศจีน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคชาวจีน ซึ่งการ Live Streaming ครั้งนี้ ได้รับการตอบรับอย่างดีมากจากชาวจีน โดยผลไม้ไทยถูกขายออนไลน์จนหมดภายในช่วงเวลาของการ Live

Hainan Expo เป็นงานที่กระทรวงพาณิชย์จีน และรัฐบาลมณฑลไห่หนาน ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อผลักดันมณฑลไห่หนานให้เป็นศูนย์กลางการจับจ่ายใช้สอยตามนโยบายท่าเรือการค้าเสรีไห่หนาน โดยจะเน้นการจัดแสดงสินค้าคุณภาพสูง high-end สินค้าแบรนด์ชั้นนำ สินค้าด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม อาหาร สินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ เป็นต้น ทั้งนี้ งานดังกล่าวได้รับอนุมัติจากรัฐบาลจีนให้เป็นงานระดับชาติ 1 ใน 4 งานของจีน โดยจัดที่ศูนย์ Hainan International Convention and Exhibition Center ที่นครไหโข่ว มีขนาดพื้นที่จัดงาน 80,000 ตรม. แบ่งเป็นพื้นที่จัดแสดงของสินค้าต่างประเทศ 60,000 ตรม. จาก 69 ประเทศ

กันโดนย้อมแมวขายทุเรียนอ่อน! ปิ๊งไอเดียทำเครื่องตรวจรู้ผลใน 5 วินาที

นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาการนำทุเรียนอ่อนออกมาหลอกจำหน่ายเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค ล่าสุดได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กำแพงแสน และกรมส่งเสริมการเกษตร พัฒนานวัตกรรมเครื่องมือในการตรวจสอบคุณภาพทุเรียน เพื่อช่วยแก้ปัญหาการจำหน่ายทุเรียนอ่อน โดยใช้เวลาตรวจสอบและรู้ผลภายใน 5 วินาที ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเกษตรกรชาวสวนทุเรียน

อีกทั้งยังสามารถทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานเกษตรอำเภอ นำเครื่องนี้ไปใช้ในการสุ่มวัดน้ำหนักแห้งเพื่อควบคุมการตัดทุเรียนอ่อนไม่ให้ออกสู่ตลาด แทนการใช้วิธีการเดิมในห้องปฏิบัติการได้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้เกษตรกรเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการและวางแผนการผลิตได้ตลอดห่วงโซ่สินค้าเกษตร และยังนำมาซึ่งความมั่นใจของผู้บริโภคด้วย

“ธ.ก.ส. จะร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และกรมส่งเสริมการเกษตร ติดตามและรวบรวมผลการใช้เครื่องวิเคราะห์คุณภาพทุเรียน เพื่อนำไปพัฒนาประสิทธิภาพให้ตรงตามความต้องการของเกษตรกร รวมทั้งเพิ่มศักยภาพตรวจสอบ ควบคุมผลผลิตอย่างมีคุณภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค และสร้างความยั่งยืนในการจำหน่ายผลิตผลทางการเกษตรต่อไป”
 
ส่วนแนวโน้มราคาทุเรียนในปีนี้คาดว่าจะปรับสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว โดยราคาจะตก กก.ละ 130-140 บาท เนื่องจากปีนี้กำลังซื้อจากจีนเพิ่มมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวหลังจากโควิด ขณะที่ความต้องการบริโภคทุเรียนในประเทศยังมีต่อเนื่อง 

‘โฆษกรัฐบาล’ เผย นายกฯ ย้ำ ชู วัคซีน เป็นวาระแห่งชาติ เร่งระดมฉีดวัคซีนปชช. ระบุ มิ.ย.นี้ รับมอบแอสตราฯ ผลิตในไทยล็อตแรก 6 ล้านโดส สั่งฟัน คนผลิต-แชร์ ‘เฟคนิวส์’ เขย่าความเชื่อมั่นรัฐบาล

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงข้อสั่งการ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้แจ้งว่า อยากให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ จากนี้ไปการรณรงค์เรื่องการฉีดวัคซีนจะเป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจว่าภาครัฐสามารถที่จะจัดหาวัคซีนเข้ามาได้ทันท่วงที และสามารถฉีดให้กับประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในเรื่องนี้ทางนายกฯ ได้ขอให้ทุกหน่วยงานเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยเข้ามารับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด เพื่อทำให้ประเทศไทยสามารถดำเนินการต่อไปได้ในเรื่องอื่น ๆ เช่น การเปิดประเทศ และการกลับมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ของประชาชน รวมถึงเศรษฐกิจ 

นายอนุชา กล่าวว่า ในอนาคตเมื่อเราฉีดวัคซีนได้ครบก็จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ทำให้การติดเชื้อรุนแรงเกิดในคนไทยน้อยลง ไม่ถึงขั้นเสียชีวิตอย่างแน่นอน โดยบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านหน้าได้รับการฉีดวัคซีนเกือบครบหมดแล้ว หลังจากนี้จะเป็นการเพิ่มเติมให้กับบุคลากรส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือมีความเสี่ยงได้รับวัคซีนเพิ่มเติม เช่น พนักงานส่งของ พนักงานขับรถสาธารณะ พนักงานขายร้านสะดวกซื้อ ผู้ให้บริการในร้านอาหาร ผู้ให้บริการการท่องเที่ยวและโรงแรม เป็นต้น โดยรัฐบาลมีความตั้งใจว่าในเดือนมิถุนายน 2564 นี้จะปูพรมระดมฉีดเข็มแรกให้กับหลาย ๆ ส่วนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะมีการจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีน 14 ศูนย์ โดยจะเปิดบริการในเดือนมิ.ย. เพื่อฉีดให้กับคนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และจะเพิ่มขึ้นเป็น 25 ศูนย์ในอนาคต 

นายอนุชา กล่าวว่า สำหรับการจัดหาวัคซีนก็จะมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในเดือนพ.ค. นี้ 3.5 ล้านโดส จากซิโนแวค และเดือนมิถุนายนอีก 6 ล้านโดส จากแอสตราเซเนกา ที่ผลิตในประเทศไทย จากนั้นเดือนกรกฎาคม จะได้รับอย่างน้อยเดือนละ 10 ล้านโดส ส่วนการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนรายอื่น เช่น ไฟเซอร์ สปุกนิกวี หรือ Johnson & Johnson ขณะนี้รัฐบาลตั้งเป้าที่จะเร่งจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมจากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะให้ได้ 100 ล้านโดส ก็ตั้งใจที่จะจัดหามาให้ครบ 150 ล้านโดสภายใน 2564 นี้

ส่วนเรื่องการดูแลรักษาประชาชนที่ป่วยและติดเชื้อก็อยากจะให้ความมั่นใจว่า รัฐบาลจะดูแลรักษาค่าพยาบาลและออกค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนทุกคนตามสิทธิ์ ทั้งในโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ตั้งแต่การตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยง การรับวัคซีน การชดเชยกรณีผลข้างเคียง หากมีประกันส่วนบุคคลทางโรงพยาบาลจะเรียกเก็บกับบุคคลก่อน ส่วนที่เหลือก็จะให้เรียกเก็บกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ขอย้ำอีกครั้งว่า ห้ามโรงพยาบาลเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากประชาชาคนเป็นอันขาดหากฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย

นายอนุชา กล่าวว่า ส่วนโรงพยาบาลที่อิมแพค เมืองทองธานี ที่ใช้ชื่อว่าโรงพยาบาลบุษราคัม ซึ่งมีมาตรฐานเทียบเท่ากับโรงพยาบาลปกติ จะเป็นโรงพยาบาลที่ตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลกลุ่มผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเหลืองโดยเฉพาะ คือกลุ่มที่ผู้ป่วยมีอาการแต่ไม่รุนแรง ปัจจุบันพร้อมรับผู้ป่วย 1,092 เตียงและสามารถขยายในเฟสที่สอง และเฟสที่สามต่อเนื่องได้อีกอย่างน้อย 1,000 กว่าเตียง หากมีความจำเป็นจริง ๆ สามารถที่จะขยายโรงพยาบาลบุษราคัมให้มากถึง 5,000 เตียง 

นายอนุชา กล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีข่าวการจัดเก็บการจัดซื้อวัคซีนทางเลือกขององค์การเภสัชกรรม ขอชี้แจงว่า ทางองค์การเภสัชฯ ไม่ได้คิดค่าบริหารจัดการวัคซีนเพิ่มเติม ทั้งนี้เมื่อเอกชนกับผู้ผลิตวัคซีนสามารถตกลงราคาวัคซีนได้แล้ว จะมีค่าจัดส่ง ค่าตรวจห้องปฏิบัติการ ภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 ซึ่งเป็นส่วนที่โรงพยาบาลเอกชนจะต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว เหมือนกับกรมควบคุมโรคนำวัคซีนอื่น ๆ เข้ามาในประเทศไทย การคิดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จึงไม่มีการบวกเพิ่มค่าบริหารจัดการร้อยละ 10 อย่างที่มีข่าวแต่อย่างใด

นายอนุชา กล่าวว่า นายกฯ มีความกังวลและเป็นห่วงพี่น้องประชาชนถึงความลำบากที่จะเกิดขึ้น จึงได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ ช่วยตั้งครัวสนามในชุมชนกรุงเทพมหานคร เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ซึ่งทราบว่ามีหลายหน่วยงานได้ดำเนินการเข้าไปช่วยเหลือในต่าง ๆ โดยทางกองทัพได้เข้ามาช่วยเหลือตามชุมชนต่าง ๆ แล้ว เช่น ชุมชนของเตย ชุมชนบางแค ส่วนชุมชนกำลังเตรียมดำเนินการ เพื่อดูแลประชาชนที่ถูกกักตัวในบ้าน 

นายอนุชา กล่าวว่า นายกฯ มีความกังวลถึงเฟกนิวส์หรือข่าวปลอม ที่มีหลายส่วนมีผลกระทบกับความเชื่อมั่นของประชาชนโดยเฉพาะเรื่องของวัคซีน ทำให้เกิดความสับสนและวุ่นวายให้กับสังคม ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มที่เจตนาหรือไม่เจตนาก็ดี ก็ได้เผยเผยแพร่ข้อมูลเป็นเท็จมากขึ้น นายกฯ จึงอยากจะขอให้กลุ่มหรือผู้ที่กระทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้หยุดการกระทำ เพราะถือเป็นการซ้ำเติมและเพิ่มความเดือดร้อนให้กับประชาชน นอกจากนี้นายกฯ ยังได้สั่งการให้ดำเนินการทางกฎหมายทันทีหากพบการกระทำผิด ทั้งผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและแชร์ข้อมูล จึงอยากขอให้ทุกคนคำนึงถึงสถานการณ์ปัจจุบันและอย่าสร้างความตระหนกตกใจโดยไม่จำเป็น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top