Saturday, 10 May 2025
NewsFeed

ประกาศ..!!!! ฌาปนกิจ ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 หากไม่มีวัดไหนรับ "วัดสายไหม" ขอรับเอง ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ 

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดกระแสความกังวลใจมากมายในการฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตจากปัญหาโควิด-19 จนเกิดการปฏิเสธจากหลายวัดไม่ดำเนินการในการรับเผาศพผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 แต่ที่วัดสายไหม อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยพระครูโสภณภัทรเวทย์ (หลวงพ่ออ๊อด) เจ้าอาวาสวัดสายไหม ที่มีโครงการ สวดฟรี เผาฟรี แก่ศพผู้ยากไร้-ศพไม่มีญาติ มาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี ได้เล็งเห็นถึงปัญหาความกังวลใจในการเผาศพที่ผู้ที่เสียชีวิตเพราะโควิด-19 จึงได้ประกาศว่า หากญาติผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ท่านใดมีปัญหาและหาที่ดำเนินการฌาปนกิจศพไม่ได้ ให้มาที่วัดสายไหมจะดำเนินการให้อย่างเต็มที่

ด้านหลวงพ่ออ๊อด กล่าวว่า ทางวัดได้มีการจัดดำเนินการฌาปนกิจศพอยากไร้มากว่า 10 ปีแล้ว โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ และตอนนี้มีการระบาดของโควิด-19 มีผู้ที่เสียชีวิตแล้วหาที่ฌาปนกิจศพไม่ได้ อาตมาเห็นใจญาติพี่น้องผู้เสียชีวิต หากหาที่บำเพ็ญกุศลที่ไหนไม่ได้ ขอให้มาที่วัดสายไหม ซึ่งจะรับเป็นธุระจัดการให้ 

“ทางวัดโดยเจ้าหน้าที่วัดทุกคน จะปฏิบัติตามมาตรการทางด้านสาธารณสุข และมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข มาดูและให้คำแนะนำอย่างเคร่งครัด ก่อนทำการประชุมเพลิงตามมาตรการจากทางสาธารณสุข ทั้งนี้ขอให้มาติดต่อที่วัดสายไหมได้ทุกวัน หรือหากท่านใดประสงค์จะร่วมทำบุญโลงศพ ก็สามารถร่วมบุญออนไลน์ได้ที่ บัญชีวัดสายไหม เพื่อช่วยเหลือในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในรอบนี้ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี อาตมาขอให้ญาติโยมแคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งป่วง และปลอดภัยจากโควิดด้วยเทอญ” หลวงพ่ออ๊อด กล่าว

กางเป้าไตรมาส 3 ต่างชาติมาไทย 1.29 แสนคน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ได้รายงานให้นายกรัฐมนตรี รับทราบถึงเป้าหมายการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในปีนี้ หลังจากผ่านสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ไปแล้ว โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 เริ่มตั้งแต่ 1 ก.ค.-30 ก.ย. นี้ จะดึงต่างชาติมาไทยให้ได้ 1.29 แสนคน ผ่านการทำภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ หรือการทำพื้นที่ทดลองให้ต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส และมีผลการตรวจว่าไม่ติดเชื้อโควิด สามารถเดินทางเข้ามาอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้ 7 วัน โดยที่ไม่ต้องมีการกักตัว

ทั้งนี้ตามแผนการเปิดภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์นั้น ในเบื้องต้นจะเน้นนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกลเป็นหลัก เช่น อเมริกา และยุโรป ซึ่งตอนนี้ได้รับการแจ้งมาว่าในสหราชอาณาจักร เตรียมเปิดให้ประชาชนเดินทางออกนอกประเทศได้แล้วในวันที่ 17 พ.ค. นี้ หลังจากได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นปัจจัยที่สามารถหาทางดึงนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในไทยได้ เพราะจากการสำรวจความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็ยังมองประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาหลังจากผ่านการระบาดของโควิดแล้ว

ขณะเดียวกัน เพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจมาเที่ยวประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ล่าสุด ททท.ได้หารือกับสายการบินในประเทศสร้างแรงจูงใจเมื่อนักท่องเที่ยวอยู่ในพื้นที่ภูเก็ตครบตามระยะเวลาแล้ว สามารถเดินทางไปยังจังหวัดต่าง ๆ ที่มีสนามบินรองรับได้ทันที เบื้องต้น ททท.จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายตั๋วเครื่องบินแบบเที่ยวเดียว ในราคาไม่เกิน 2,000 บาท รวมทั้งยังหารือเรื่องการทำซีลรูท หรือเส้นทางนำร่องเชื่อมจากจังหวัดภูเก็ตไปยังพื้นที่อื่น ๆ ใกล้เคียง ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ที่เป็นพื้นที่นำร่องอีก 9 จังหวัด ที่จะเปิดตามมาในช่วงวันที่ 1 ต.ค. นั้น ก็พร้อมทำในลักษณะเดียวกับภูเก็ตด้วย

จับไม่หมด!! กกล.สุรสีห์ จับกุมเเรง งานต่างด้าว 75 คนได้อีกที่เมืองกาญจน์ เจ้าหน้าที่ไล่ล่าจนรถเฉี่ยวชน สอบข้อมูลจากผู้นำพา เผยเส้นทางเข้าไทยเข้าป่า-ข้ามน้ำ-เดินเท้า หลบด่านตรวจ  

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทัพภาคที่ 1 โดย กองกำลังสุรสีห์, ตชด.13 ร่วมกับ ร้อย.ตชด.135, ฉก.จงอางศึก, สภ.ทองผาภูมิ เเละฝ่ายปกครอง จัดชุดลาดตระเวน, จรยุทธ์, ซุ่มเฝ้าตรวจ บริเวณช่องทาง เเละบริเวณพื้นที่ตามเเนวชายเเดน เพื่อสกัดกั้นผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ป้องกันการเเพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ที่กลายพันธ์เข้ามาในประเทศ ผลการปฏิบัติภารกิจ เมื่อวันที่ 12 พ.ค.เวลา 03.00 น. ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัยจำนวน 3 คัน เเละพยายามหลบหนี จึงทำให้เกิดการเฉี่ยวชน สามารถจับกุมบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย จำนวน 75 คน (ช.58,ญ.17) เเละผู้นำพาจำนวน 1 คน พร้อมของกลางรถยนต์กระบะ จำนวน 3 คัน บริเวณเส้นทาง บ.วังเกียง- บ้านน้ำโจน  ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ได้ทำการตรวจวัดอุณหภูมิ เเละดำเนินการส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อ

มีรายงานว่า สำหรับผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายชุดนี้ เดินทางมาจากด้าน อ.พญาตองซู โดยมีผู้นำพาเข้ามาหลีกเลี่ยงการเฝ้าตรวจของเจ้าหน้าที่ โดยใช้วิธีอ้อมจุดดตรวจ/ด่านตรวจ และใช้เส้นทางทางธรรมชาติผ่านมา ใช้เวลาเดินประมาณ 1 วันครึ่ง เพื่อไปลงเรือบริเวณขึ้นเรือที่ท่าน้ำ อ.สังขละบุรี แล้วขึ้นฝั่ง (บ.ขนนคี่) จากเดินเท้าออกมาเพื่อขึ้นรถในจุดพักคอย จนถูกจับกุมในที่สุดระหว่างเดินทางเข้าพื้นที่ชั้นใน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ติดตามจากการแจ้งข่าวจากชุดปฏิบัติการข่าวกรองมาก่อน โดยขณะนี้กำลังมีการสอบสวนผู้นำพา เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม

ผบ.ทร. ลงพื้นที่ จัดรถครัวสนามและกำลังพลจิตอาสาของหน่วย เดินหน้าลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 จะคลี่คลาย

 พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พร้อมด้วย นางจุฬารัตน์ ศรีวรขาน นายกสมาคมภริยาทหารเรือ ได้เดินทางไปยังชุมชนวัดครุฑ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เพื่อพบปะเยี่ยมเยียนประชาชนในพื้นที่ ภายหลัง มีดำริให้หน่วยงานในสังกัดกองทัพเรือจัดรถครัวสนาม ร่วมกับกำลังพลจิตอาสาของหน่วย เพื่อประกอบอาหารช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชุมชนต่าง ๆ ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ทั้งนี้เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน ของประชาชนบางส่วนที่ไม่สามารถเดินทางไปประกอบอาชีพได้ตามปกติ ซึ่งได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม เป็นต้นมา โดยจัดรถครัวสนามดำเนินการประกอบอาหารปรุงสุกเข้าแจกจ่ายในหลายชุมชนหลายพื้นที่ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โอกาสนี้ สมาคมภริยาทหารเรือ โดยนายกสมาคมภริยาทหารเรือและคณะ ได้จัดรถปันสุขเพื่อแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนในพื้นที่ด้วย

สำหรับการจัดกำลังพลและรถครัวสนาม เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน วันนี้ประกอบด้วย พื้นที่ชุมชนวัดครุฑ เขตบางกอกน้อย ( จำนวน 1,100 กล่อง) และพื้นที่สุขสวัสดิ์ มีกรมพลาธิการทหารเรือเป็นหน่วยรับผิดชอบ

พื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ บริเวณสนามกีฬาเทศบาลตำบลแหลมฟ้าผ่า (จำนวน 500 กล่อง) อำเภอเมืองสมุทรปราการ บริเวณลานด้านหน้าศาลากลางจังหวัด (จำนวน 500 ชุด) มีหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) เป็นหน่วยรับผิดชอบ 
 

พื้นที่สำโรง บริเวณลานอเนกประสงค์เทศบาลสำโรงเหนือ (600 กล่อง) มีหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.) เป็นหน่วยรับผิดชอบ พร้อมทั้งจัดกำลังพลจิตอาสากองทัพเรือโดย ฐานทัพเรือกรุงเทพ เป็นผู้รับผิดชอบโดยรถครัวสนาม และกำลังพลจิตอาสา เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชุมชนต่าง ๆ ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 

“กองทัพเรือเพื่อประชาชน ร่วมใจต้านภัย COVID–19” จะปฏิบัติภารกิจในการประกอบอาหารช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชุมชนต่าง ๆ ไปจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่ต่าง ๆ จะคลี่คลาย”
 

"แรมโบ้" แนะ “ชูวิทย์” หุบปากเพื่อชาติดีกว่ามือไม่พายอย่าเอาเท้าราน้ำ “บอก” ฐานะดีเอาเวลาไปบริจากสิ่งของจะได้เสียงปรบมือ

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทยออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด และวัคซีนของรัฐบาลโดยกล่าวว่าว่าในเรื่องของการบริหารจัดการวัคซีนนั้นนายกรัฐมนตรี และกระทรวงสาธารณสุขออกมาชี้แจงทุกวัน ทั้งการนำวัคซีนเข้ามาซึ่งขณะนี้ อย. ได้อนุมัติไปแล้ว 3 รายและรอประเมินคำขอขึ้นทะเบียนอีก 1 ราย และทยอยยื่นเอกสารอีก 2 ราย อีกทั้งบริษัทไฟเซอร์ได้รับปากกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่จะสำรองการผลิตวัคซีนให้ไทยอีก 20 ล้านโดส นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขยืนยันกับผู้ผลิตวัคซีนว่าพร้อมสนับสนุนการขึ้นทะเบียนวัคซีนทุกตัวในโลกแต่การนำวัคซีนเข้ามานั้นจะต้องมีมาตรฐานที่ดีมีความปลอดภัยให้กับประชาชนและได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ด้วย ขณะเดียวกันในช่วงเดือนมิถุนายนก็จะมีวัคซีนทยอยเข้ามาอีกจำนวนมากและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคเอกชนก็ได้ช่วยกันเร่งที่จะฉีดวัคซีนให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด อีกทั้ง นายกฯ ยังประกาศให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ

นายเสกสกล กล่าวว่า ประเทศต้องการความร่วมมือ จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนเข้ามาฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ให้สถานการณ์คลี่คลาย แต่นายชูวิทย์กลับออกมาพูดหรือกล่าวโจมตีการทำงานของนายกฯ และรัฐบาล ซึ่งการออกมาพูดของนายชูวิทย์ไม่ได้เป็นผลดีต่อบ้านเมืองเลย

“นายชูวิทย์ต้องหัดดูตัวเองด้วย อย่าทำตัวเป็นคนที่ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง วัน ๆ มีแต่ออกมาโจมตีคนอื่น วิพากษ์วิจารณ์คนทำงาน ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ถือเป็นเรื่องที่น่าละอายอย่าทำตัวมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ หันมาช่วยกันสนับสนุนการฉีดวัคซีนช่วยเหลือประชาชนตามที่รัฐบาลประกาศเป็นวาระแห่งชาติดีกว่า การฉีดวัคซีนถือเป็นประโยชน์ของทุกคน เหตุใดนายชูวิทย์ถึงไม่อยากให้ประเทศชาติหายจากโควิด หรืออยากเห็นประเทศ เห็นประชาชนป่วยเพิ่มมากขึ้น นายชูวิทย์ก็เคยเป็นนักการเมือง เป็นผู้แทนราษฎร ประชาชนต้องมาก่อน ก็น่าจะมีจิตใจที่จะคิดถึงประชาชนบ้าง เอาเวลาไปช่วยประชาชนจะดีกว่า การพูดมากบ่อนทำลายกำลังใจกัน ทางที่ดีนายชูวิทย์ที่มีฐานะดี ควรความดีโดยการหุบปากเพื่อชาติ แล้วนำสิ่งของไปบริจาคบ้างตามความเหมาะสมจะได้รับเสียงปรบมือชื่นชมมากกว่า” นายเสกสกลกล่าว

ดร.พิมพ์รพี คิดนอกกรอบ เสนอ ทำแอปพลิเคชันใหม่ "คนไม่พร้อม" รับลงทะเบียน คนไม่พร้อมฉีดวัคซีน ช่วยรัฐบริหารจัดการ กระจายวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หนุน "สาธิต" ระดม วัคซีนให้ภาคเอกชน-เอสเอ็มอี ฟื้นเศรษฐกิจไทย

ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล สส.บัญชี​รายชื่อ​ พรรคประชาธิปัตย์ สนับสนุนแนวคิดของนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ที่เสนอให้นำวัคซีนล็อตใหญ่ ล็อตใหม่ กระจายให้ภาคเอกชนซึ่งเป็นกำลังหลักในการพัฒนาประเทศ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการประคับประคองการจ้างงานในทางอ้อมตามมาด้วย เพราะหากผู้ประกอบการอยู่รอด ลูกจ้างก็ไม่ตกงาน ประเทศจะเดินหน้า ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของเอสเอ็มอี ต้องเปิดทางให้เข้าถึงวัคซีนได้อย่างทันท่วงที

"รัฐบาลต้องเร่งพิจารณาผ่อนคลายมาตรการในบางพื้นที่ที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้วแบบทันท่วงที อย่าปลาอยให้เนิ่นช้าออกไป เพราะทุกนาทีมีค่า ยิ่งตัดสินใจเร็ว โอกาสฟื้นตัวของประเทศก็เร็วขึ้นตามไปด้วย และอยากให้คิดแบบใหม่ ในการแก้ปัญหาคนไม่พร้อมฉีดวัคซีน แต่อยู่ในกลุ่มที่จะได้รับวัคซีน ด้วยการทำแอพพลิเคชันเพิ่มอีกหนึ่งแพลตฟอร์ม ให้มีการลงทะเบียน "คนไม่พร้อม" ฉีดวัคซีนไปเลย โดยให้กรอกข้อมูล ปัญหาที่ไม่ต้องการรับวัคซีนเพราะอะไร รอวัคซีนแบบไหนอยู่ รัฐบาลจะได้ประมาณการทั้งความต้องการและวัคซีนที่มีได้อย่างถูกจุด รวมถึงยังเข้าใจปัญหาว่าทำไมประชาชนส่วนนี้จึงไม่ต้องการฉีดวัคซีนที่มีอยู่ ซึ่งจะช่วยให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากและได้ฟังความกังวลของประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหา​ให้เร็วและตรงจุดขึ้น" ดร.พิมพ์รพี กล่าว

รมว.แรงงาน สั่งเฝ้าระวัง และตรวจสอบคนต่างด้าวลักลอบเข้าประเทศไทยและทำงานผิดกฎหมาย

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ห่วงใยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จากกรณีที่พบกลุ่มผู้ฉวยโอกาสลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน และเดินทางต่อไปยังจังหวัดต่าง ๆ เพื่อลักลอบทำงานผิดกฎหมาย อาจนำเชื้อโควิด-19 ไปแพร่กระจายในชุมชนได้ ซึ่งกระทรวงแรงงานไม่ได้นิ่งนอนใจ ในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบ จับกุม และดำเนินคดีนายจ้าง/สถานประกอบการ และแรงงานต่างด้าวที่ทำงานผิดกฎหมาย ได้สั่งการให้สำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ จัดเตรียมข้อมูลสถานประกอบการที่จ้างแรงงานต่างด้าวในพื้นที่รับผิดชอบ พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบการทำงานของแรงงานต่างด้าวในสถานประกอบการ โดยให้ปฏิบัติงานภายใต้มาตรการของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอย่างเคร่งครัด 

“ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2563-11 พ.ค. 2564 ได้มีการตรวจสอบและดำเนินคดี นายจ้าง/สถานประกอบการและคนต่างด้าวทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยตรวจสอบนายจ้าง/สถานประกอบการ จำนวน 24,306 ราย/แห่ง ดำเนินคดี จำนวน 698 ราย/แห่ง และตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าว จำนวน 346,449 คน ดำเนินคดี จำนวน 559 คน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ได้กำชับให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมการจัดหางาน ดำเนินการตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดีแรงงานต่างด้าวที่ทำงานผิดกฎหมาย โดยให้ปฏิบัติงานเชิงรุก และรายงานผลการดำเนินการให้กรมทราบ เพื่อให้สามารถติดตามสถานการณ์ และบังคับใช้กฎหมายอย่างทันท่วงที ทั้งขอฝากถึงนายจ้าง/สถานประกอบการว่า หากรับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือให้คนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิที่จะทำได้ มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หากกระทำผิดซ้ำมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000-200,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามจ้างคนต่างด้าวเป็นเวลา 3 ปี ส่วนคนต่างด้าวที่ทำงานโดยที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิที่จะทำได้ จะมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000-50,000 บาท และจะต้องถูกส่งกลับประเทศต้นทาง 

ทั้งนี้ ผู้ใดพบเห็นหรือสงสัยว่ามีคนต่างด้าวลักลอบทำงานผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือ สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน สายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694

ก.แรงงาน เคาะ 3 มาตรการ เร่งช่วยสถานประกอบกิจการภายใต้พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน 2545 ลดผลกระทบโควิด-19

นายธวัช  เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจและสถานประกอบกิจการเป็นจำนวนมาก รัฐบาลได้สั่งการให้หน่วยงานภาครัฐเร่งดำเนินการช่วยเหลือกำลังแรงงานและสถานประกอบกิจการที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ โดยในส่วนของ กพร. ได้ดำเนินการตามนโยบายกระทรวงแรงงานโดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ที่มีความห่วงใยแรงงานทุกกลุ่ม นายจ้างและสถานประกอบกิจการ ได้กำหนดมาตรการช่วยเหลือสถานประกอบกิจการที่อยู่ในข่ายบังคับตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ด้วยกัน 3 มาตรการ ดังนี้

มาตรการที่ 1 ลดอัตราเงินสมทบกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานจากร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.1 ของค่าจ้างที่ผู้ประกอบกิจการจ่ายในปี 2564 ตามสัดส่วนจำนวนพนักงานที่ไม่ได้จัดให้มีการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน มาตรการที่ 2 ขยายระยะเวลาการยื่นแบบแสดงการส่งเงินสมทบเข้ากองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานสำหรับปี 2563 จากเดิมต้องยื่นภายในเดือนมีนาคม 2564 เป็นภายในเดือนกรกฎาคม 2564 และมาตรการที่ 3 ขยายระยะเวลาการยื่นขอรับรองหลักสูตรและค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมสำหรับปี 2564 จากเดิมภายใน 60 วัน เป็นภายใน 90 วัน นับตั้งแต่เสร็จสิ้นการฝึกอบรม แต่ต้องไม่เกินวันที่ 15 มกราคม พ.ศ.2565

“สำหรับมาตรการลดสัดส่วนการพัฒนาฝีมือแรงงานที่นายจ้างและสถานประกอบกิจการได้สอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมากนั้น กพร. กำลังรวบรวมข้อมูลผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก่อนนำเสนอคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานพิจารณาต่อไป ซึ่งสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มงานส่งเสริมและรับรองสิทธิประโยชน์ กองส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เบอร์โทร 0 2246 1937” อธิบดีกพร. กล่าว

“บิ๊กตู่” เข้มสั่งทุกหน่วยงานเข้มงวด วางแนวทางสกัดเชื้อ โควิด-19 ทุกสายพันธุ์  

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้ทุกหน่วยงานร่วมหารืออย่างเคร่งครัด รัดกุม และทันท่วงที ถึงแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ในกรณีที่พบว่ามาจากผู้ติดเชื้อที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีไม่ได้นิ่งนอนใจต่อกรณีการพบเชื้อกลายพันธุ์นี้ในผู้ติดเชื้อที่อยู่ระหว่างการกักตัว 14 วัน หลังเดินทางเข้ามาในประเทศไทย และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกมาตรการและระเบียบต่าง ๆ โดยทันที 

ซึ่งที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ที่ผ่านมา กำหนดให้กระทรวงการต่างประเทศในฐานะหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบพิจารณาระงับการออกหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย (Certificate of Entry-COE) สำหรับชาวต่างชาติที่มีต้นทางหรือมีถิ่นพำนักจากประเทศอินเดีย และพิจารณาระงับการออก COE เพิ่มเติมอีก 3 ประเทศ ได้แก่ ปากีสถาน บังกลาเทศ และเนปาล โดยมาตรการดังกล่าวรวมถึงชาวต่างชาติทุกสัญชาติที่เดินทางออกจาก 4 ประเทศข้างต้นและเปลี่ยนเครื่อง (Transit) ในประเทศอื่น หรือชาวต่างชาติซึ่งเดินทางไปท่องเที่ยวหรือผ่านทางไปยัง 4 ประเทศข้างต้น จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศไทยเช่นกัน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวถือเป็นมาตรการชั่วคราวในช่วงที่ต้องเฝ้าระวังสกัดเชื้อโควิด-19 ทุกสายพันธุ์เข้าสู่และแพร่ระบาดในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวไม่ได้ห้ามคนไทย รวมถึงนักการทูตต่างชาติ และครอบครัวที่เข้ามาปฏิบัติงาน ตลอดจนผู้ที่มีถิ่นพำนักถาวรในประเทศไทย ซึ่งยังสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ แต่จะต้องปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และเข้ารับการกักตัวเป็นเวลา 14 วันทุกกรณี เพื่อคัดกรองและควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศไทยอย่างเข้มข้น

ศ.ดร.กนก แนะ 4 แนวทาง  สร้างความเชื่อมั่น-กางแผนนำเข้าวัคซีนต่อสาธารณะ-เพิ่มสถานที่ฉีดวัคซีน-ให้คนลงทะเบียนง่าย กำหนดสถานที่และวันเวลาฉีดได้เอง เชื่อ แก้ปัญหาคนไม่อยากฉีดวัคซีนได้

ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสนอแนวทางการกระจายวัคซีนให้เป็นไปอย่างครอบคลุมทั่วถึงว่า สิ่งแรกที่รัฐบาลต้องทำคือ การสร้างความมั่นใจให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อประโยชน์ของวัคซีนที่จะฉีด ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อไหนก็ตาม เพราะเหตุผลทางการแพทย์สรุปชัดเจนว่า การฉีดวัคซีนดีกว่าไม่ฉีด นอกจากนี้ยังมีเรื่องการบริหารจัดการว่าจะฉีดอย่างไร ซึ่งเป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ เนื่องจากยังไม่ชัดเจนจะมีวัคซีนในประเทศไทยเท่าไหร่ เหมือนกับมีสินค้า ถ้ารู้ว่ามีกี่ชิ้นก็จะรู้ว่าจะกระจายขายที่ไหนบ้าง เพราะฉะนั้นโจทย์ข้อแรกต้องตอบได้ชัดเจนก่อนว่า เรามีวัคซีนจริงเท่าไหร่ ต้องกางแผนนำเข้าวัคซีนที่ได้แน่ ๆ พร้อมกำหนดเวลา ให้สาธารณชนรับทราบอย่างเป็นระบบ และสถานที่ฉีดเป็นอย่างไร ซึ่งรัฐบาลกระจายในกทม.ขณะนี้ 25 จุด แต่ยังไม่พอ เราต้องกระจาย ยังต้องเพิ่มสถานที่ฉีดวัคซีนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

“การลงทะเบียนเพื่อให้ประชาชนฉีดวัคซีน ต้องทำให้ง่ายและสะดวก เช่น ในบางประเทศ ประชาชนแค่คีย์ข้อมูลลงเวปก็สามารถบอกได้เลยว่า ขอเลือกฉีดวัคซีนที่จุดไหน วัคซีนยี่ห้ออะไร แต่ประเทศไทยยังไม่สามารถเลือกยี่ห้อวัคซีนได้ก็ไม่เป็นไร แต่ต้องให้เขามีโอกาสเลือกสถานที่และวันเวลาฉีดวัคซีนได้ ไม่ใช่ให้เข้าไปลงทะเบียนแล้วต้องคอยการแจ้งกลับว่าจะได้ฉีดวันเวลาไหน ส่วนเรื่องระบบขนส่งวัคซีนไม่มีอะไรน่าห่วง ถ้าเราทำให้การลงทะเบียนเป็นเรื่องง่าย สร้างความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีนได้ คนจะมาลงทะเบียนครบตามต้องการ ขอให้บอกให้ได้ว่ามีวัคซีนเท่าไหร่ ฉีดแล้วเท่าไหร่ เมื่อลงทะเบียนกำหนดวันเวลาและสถานที่ที่ต้องการฉีดได้ ทุกอย่างก็เคลื่อนได้” ศ.ดร.กนก กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top