Saturday, 10 May 2025
NewsFeed

รมว.ยุติธรรม แจงผู้ต้องขังติดเชื้อเยอะเหตุจากคนเข้าใหม่ ยันนายกฯ กำชับตลอดให้ดูแลให้ดี "ราชทัณฑ์" ยันไม่มีการปกปิดข้อมูล มีติดเชื้อระดับสีแดง 4 ราย เชื่อรับมือได้

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กรมราชทัณฑ์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ประชุมร่วมกัน พร้อมแถลงข่าวกรณีมีผู้ต้องขังในเรือนจำติดโควิด-19 จำนวนมาก

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การป้องกันโควิดในเรือนจำ และผู้ต้องขังทั่วประเทศ แนวทางของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับตลอดให้หมั่นดูแลเอาใจใส่ เพราะหากติดเชื้อจะเกิดการลุกลามได้ง่าย ตอนที่รัฐบาลตั้งใหม่ ๆ ตนมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตอนนั้นมีผู้ต้องขัง 390,000 คนทั่วประเทศ ตนจึงใช้นโยบายลดความแออัด จนขณะนี้ เหลือไม่ถึง 310,000 คน เราเตรียมการแก้ปัญหาลดความแออัด จากก่อนผู้ต้องขัง 1 คนมีพื้นที่ไม่ถึง 1 ตร.ม. หากโควิดเข้าไปจะยุ่งยาก ซึ่งตอนนี้เราปรับจนได้ 1.2 ตร.ม. ตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้กรมราชทัณฑ์ได้ขอพระราชทานอภัยโทษให้กับผู้ต้องขังประพฤติดี ข้อหาไม่ร้ายแรงอีกหลายหมื่นคน และใช้การพักโทษพิเศษ สวมกำไล EM 50,000 คน ซึ่งตอนนี้ติดกำไลแล้ว 20,000 คน รวมทั้งยังมีประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่อยู่ระหว่างพิจารณารัฐสภา ซึ่งจะปรับอัตราโทษผู้ต้องขังยาเสพติดให้เหมาะสม จะลดผู้ต้องขังได้เกือบ 50,000 คน นี่คือความพยายามแก้ปัญหาลดความแออัดในเรือนจำ

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการตรวจหาเชื้อในเรือนจำ เราทำได้อย่างรวดเร็ว เพราะได้รถพระราชทานตรวจโควิด ทำให้ตรวจได้เร็ว ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น และเรามีการส่งข่าวให้ญาติทั้งหมดทราบ แต่มีจำนวนมากทำไม่ได้เร็ว ซึ่งตามมาตรฐานสากล ผู้คุม 1 คนจะดูแลผู้ต้องขัง 6 คน แต่สำหรับประเทศไทย อัตราส่วนคือ 1 ต่อ 33 เพราะเรามีบุคลากรน้อย แต่เราทำงานเต็มที่ ซึ่งปัจจุบันทุกคนเริ่มเข้าใจการทำงานของข้าราชการว่าเราทำงานเต็มที่ ซึ่งทุกเรือนจำข้างในเข้มงวดมาก แต่ 2 เรือนจำที่ติดเชื้อ เป็นเรือนจำที่รับผู้ต้องขังใหม่อยู่ตลอด ต่างจากเรือนจำอื่น ๆ ส่วนการออกไปศาล เราได้ประสานกับศาลแต่ละจังหวัดแล้ว ขอให้งดไปในระยะนี้ก่อน เชื่อว่าศาลท่านจะเข้าใจ และสถานการณ์จะคลี่คลายได้

"ผมขอยืนยัน รัฐบาล โดยท่านนายกฯ สั่งกำชับ ประสานงานมาตลอด ให้ดูแลผู้ต้องขังทุกคนอย่างดี หากยาที่ได้จากสาธารณสุขไม่พอ ทางกรมราชทัณฑ์จะจัดซื้อเองเพื่อรักษาทุกคน ขอให้ญาติผู้ต้องขังทุกคนสบายใจได้ นอกจากนี้ยังมีการประสานจากแพทย์แผนไทย เรื่องการใช้ฟ้าทะลายโจรมาใช้ด้วย ยืนยันเราเตรียมพร้อมป้องกันเบื้องต้นมาตลอด" นายสมศักดิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการปิดข่าวว่ามีผู้ต้องขังติดเชื้อมาก่อนหน้านี้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เราไม่มีการปิดข่าว เปิดเผยข้อมูลทุกอย่างมาตลอด

ด้าน นพ.วีระกิตติ์ กล่าวว่า ไม่เคยมีการปิดบังข้อมูล รพ.ราชทัณฑ์มีการตรวจตลอด ซึ่งต้องกรอกเลขบัตรประชาชนสามารถตรวจสอบได้ โดยในเดือน เม.ย. ตรวจพบเพียงหลักร้อยเท่านั้น โดย รพ. สามารถรองรับการตรวจเชื้อได้ทั้ง 2 เรือนจำ แต่อาจจะตรวจได้ช้า แต่เมื่อเราได้รถพระราชทาน จึงตรวจได้เร็วขึ้น และดำเนินการตามหลักการตรวจเชิงรุก 100% เพื่อแยกคนติดเชื้อออก

เมื่อถามว่า จังหวัดอื่น ๆ มีรายงานติดเชื้อหรือไม่

นพ.วีระกิตติ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส แต่ตอนนี้ควบคุมได้แล้ว ส่วนที่อื่น ๆ ดำเนินการตามสาธารณสุขยังไม่พบ ซึ่งเราได้มีการปรับเพิ่มการกักตัวใหม่เป็น 21 วัน และตรวจเชื้อ 2 ช่วง คือ ตอนเข้าและหลังกักตัว และใช้ราปิดเทส จะได้รวดเร็วในการคัดกรองมากขึ้น ส่วนการหาวัคซีนให้ผู้ต้องขัง ขณะนี้ ท่านอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ลงนามอนุมัติจัดหาวัคซีนฉีดให้ผู้ต้องขังทั่วประเทศแล้ว คาดว่าจะได้ภายในเดือนมิ.ย. จะเริ่มกลุ่มเสี่ยงสูง ผู้ที่มีโรคประจำตัวก่อน โดยตอนนี้ฉีดให้ข้าราชการที่ต้องทำงานในกลุ่มเสี่ยงไปบ้างแล้ว เรื่องเหล่านี้เราได้เตรียมความพร้อมไปแล้ว

เมื่อถามว่า ต้นตอจากการติดเชื้อมาจากไหน มีการสืบสวนโรคได้อย่างไรบ้าง นายอายุตม์ กล่าวว่า ในส่วนของทัณฑสถานหญิงกลาง มาจากผู้ต้องขังเข้าใหม่ ส่วนเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มาจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งทุกคนที่ตรวจพบเชื้อได้ส่งรักษาแล้ว มีการจำแนกผู้ต้องขังที่ติดเชื้อทั้งหมดมีสีแดง 4 ราย มี 1 ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจ เนื่องจากโรคประจำตัว ซึ่งเรายังใช้แนวทางบับเบิ้ล แอนด์ ซีล และมีห้องกักโรคแยกชัดเจน ส่วนเรื่องของวัคซีน ได้ประสานอธิบดีกรมควบคุมโรคในการจัดหาแล้ว ซึ่งกรมราชทัณฑ์ ได้ร่วมกับสาธารณสุข ทำงานได้ทันเหตุการณ์ และได้แจ้งไปยังเรือนจำทั่วประเทศให้ควบคุมให้ดี

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรามีการสืบสวนโรคอยู่แล้ว หากผลออกมาเป็นอย่างไรจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ส่วนกรณีที่มีภาพหน้ากากที่บางมากในเฟซบุ๊ก ตนได้ให้สอบข้อเท็จจริงแล้ว หากอะไรที่เปิดเผยออกมาได้เผยปัญหาจะจบ ในส่วนของญาติผู้ต้องขังที่ไม่สบายใจ เรายืนยันดูแลอย่างดี และจะส่งข่าวกับญาติผู้ต้องขังให้รับรู้ และมีช่องทางให้ญาติติดต่อได้กับกรมราชทัณฑ์

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่าประเทศอินโดนีเซียสำรวจติดตามผลในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์เป็นระยะเวลา 28 วัน หลังจากได้รับวัคซีน SINOVAC พบว่าวัคซีน SINOVAC สามารถป้องกันการเสียชีวิตได้ 100% และป้องกันการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้ 96%

ผลวิจัยการใช้งานจริงจากกระทรวงสาธารณสุขของอินโดนีเซียระบุว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท SINOVAC ของจีนนั้น สามารถลดการติดเชื้อในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ของอินโดนีเซียลงได้อย่างมาก ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับประเทศในกลุ่มกำลังพัฒนาที่ต้องพึ่งพาวัคซีนดังกล่าว เนื่องจากก่อนหน้านี้มีรายงานว่า วัคซีน SINOVAC มีประสิทธิภาพต่ำกว่าวัคซีนของบริษัทจากชาติตะวันตกอย่างมากในการทดลองทางคลินิก

นายบูดี กูนาดี ซาดิคิน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของอินโดนีเซีย ให้สัมภาษณ์ว่า ทางกระทรวงฯ ได้ติดตามผลกับบุคลากรทางการแพทย์ 25,374 รายในกรุงจาการ์ตาเป็นเวลา 28 วันหลังจากได้รับวัคซีน SINOVAC โดสที่สองจนถึงช่วงปลายเดือนก.พ. และได้พบว่าวัคซีนของซิโนแวกสามารถป้องกันการเสียชีวิตได้ 100% รวมถึงป้องกันการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้ 96% ภายในเวลาเพียง 7 วันหลังจากได้รับวัคซีน

นายซาดิคินกล่าวว่า บุคลากรทางการแพทย์ได้รับการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ถึง 94% ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่น่าทึ่งและดีกว่าข้อมูลจากในการทดลองทางคลินิกที่เกิดขึ้นหลายครั้งก่อนหน้านี้มาก อย่างไรก็ดี การวิจัยของกระทรวงสาธารณสุขในครั้งนี้ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ได้มีการคัดกรองบุคลากรเพื่อตรวจหาผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการหรือไม่

นอกจากนี้นายซาดิคินยังระบุว่า อัตราการเสียชีวิตและเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของบุคลากรทางการแพทย์นั้นลดลงอย่างมาก

ผลวิจัยครั้งนี้ยังสนับสนุนข้อมูลจากบราซิลที่ว่า วัคซีน SINOVAC นั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าที่ระบุไว้ในขั้นทดลอง ซึ่งประสบปัญหาหลายประการ ทั้งข้อมูลเรื่องประสิทธิภาพที่ไม่แน่นอน รวมถึงข้อกังขาเกี่ยวกับความโปร่งใสของข้อมูล


ที่มา:

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=4021194967927278&id=846555798724560

https://www.infoquest.co.th/2021/86197

https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-05-11/china-s-sinovac-shot-found-highly-effective-in-real-world-study

‘เฉลิมชัย’ สั่งลุยสกัดโรคลัมปี สกินในโค-กระบือ คุมเข้ม!! 'เฝ้าระวัง-ป้องกัน-ติดตามผล' ก่อนลุกลาม

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของ 'โรคลัมปี สกิน' (Lumpy Skin Disease) ในโค-กระบือ จึงได้มีคำสั่งให้กรมปศุสัตว์เร่งดำเนินการแก้ไขและควบคุมการระบาดอย่างเข้มงวด ด้วยมาตรการต่าง ๆ ทั้ง การเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมตามมาตรการที่กรมปศุสัตว์กำหนด พร้อมทั้งเร่งรัดการประกาศเขตควบคุม เช่น เขตโรคระบาดชั่วคราวฯ, เขตโรคระบาดฯ, เขตเฝ้าระวังฯ

นอกจากนี้ให้ควบคุมการเคลื่อนย้ายโค-กระบืออย่างเข้มงวด กรณีที่พบโรคระบาด หากสอบสวนแล้วพบว่าเกิดจากการเคลื่อนย้าย ปศุสัตว์จังหวัดต้นทางต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ขณะเดียวกันให้ทางกรมปศุสัตว์กำชับด่านกักกันสัตว์ตามแนวชายแดนให้เข้มงวดป้องกันปราบปรามการลักลอบนำเข้าโค-กระบือจากประเทศเพื่อนบ้าน และป้องกันปราบปรามการลักลอบเคลื่อนย้ายโค-กระบือ พร้อมกำชับจุดตรวจให้เข้มงวดในการตรวจอาการ เป็นต้น และให้ทางกรมปศุสัตว์รายงานความคืบหน้าในการแก้ไขและควบคุมการระบาดอย่างต่อเนื่อง

“ผมมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเกษตรกร ดังนั้นจึงกำชับให้กรมปศุสัตว์ได้ดำเนินการควบคุมป้องกันโรคลัมปี สกิน อย่างเข้มแข็ง จริงจังตรงไปตรงมา ไม่เลือกปฏิบัติ ยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ที่สำคัญ เจ้าหน้าที่ทุกคนขอให้ทำงานโดยไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลของผู้ใดทั้งสิ้น ตนเองพร้อมปกป้องและให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่” นายเฉลิมชัย กล่าว

ด้าน นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของของการระบาดของ โรคลัมปี สกิน ในโค-กระบือ ที่พบในพื้นที่เขต 3, 4 และ 7 จนถึงขณะนี้ พบว่ามีแนวโน้มที่โรคจะแพร่กระจายไปในวงกว้าง ดังนั้นเพื่อให้การควบคุมโรคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือ ทางกรมปศุสัตว์ จึงกำหนดการแบ่งพื้นที่ควบคุมโรคออกเป็น 2 รูปแบบ คือ

1.) จังหวัดที่เกิดโรคและจังหวัดที่อยู่ในรัศมี 50 กิโลเมตรจากจุดเกิดโรค

2.) จังหวัดที่อยู่นอกพื้นที่รัศมี 50 กิโลเมตรจากจุดเกิดโรค

และเพื่อให้มาตรการที่กรมปศุสัตว์สัมฤทธิ์ผล จึงได้มีหนังสือด่วนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด เพื่อให้ช่วยกำกับติดตามดูแลเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคของเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในแต่ละจังหวัดตามแนวทางของกรมปศุสัตว์

นายสัตวแพทย์สรวิศ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับมาตรการในการควบคุมและป้องกันโรคนั้น ทางกรมปศุสัตว์ ได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติและสั่งการเป็นที่เรียบร้อย โดยให้สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดร่วมกับสำนักงานปศุสัตว์อำเภอประกาศเขตโรคระบาดสัตว์ ควบคุมการเคลื่อนย้าย การจัดการดูแลในส่วนของตลาดนัดค้าสัตว์ พร้อมให้มีการตั้งจุดตรวจเพื่อควบคุมการเคลื่อนย้ายในพื้นที่ที่มีการประกาศเขตโรคระบาด

“ที่สำคัญอีกประการในเรื่องของการรักษาโค-กระบือที่ป่วยเป็นโรคลัมปี สกินของเกษตรกรในพื้นที่การระบาด ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ได้เข้าไปรักษาอย่างเต็มที่แล้ว แต่เนื่องจากเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ไม่มียารักษาโดยตรง จึงจำเป็นต้องรักษาตามอาการ และบำรุงร่างกายสัตว์ให้มีสุขภาพดี และรักษาแผลเพื่อป้องกันการแทรกซ้อนจากเชื้อแบคทีเรีย และป้องกันแมลงต้อมแผลหรือเข้ามาวางไข่ อีกทั้งเร่งสร้างการรับรู้ให้กับเกษตรกรเกี่ยวกับวิธีการป้องกันโรค เช่น การใช้หลอดไฟไล่แมลง และกางมุ้งเพื่อป้องกันแมลงดูดเลือด การใช้ยาฆ่าแมลงแบบพ่นและแบบราดบนตัวสัตว์ เป็นต้น พร้อมกันนี้ขอให้เกษตรกรเข้มงวดเฝ้าระวัง และสังเกตอาการสัตว์ของตนเอง หากพบว่ามีอาการของโรคให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ทันที” นายสัตวแพทย์สรวิศ กล่าว


ข้อมูล/ข่าว : ทีมโฆษกกรมปศุสัตว์ (13 พ.ค 2564)

 

ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศเรื่อง ข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร ว่าด้วยการจำกัดความเร็วและห้ามใช้เสียง บริเวณโดยรอบเขตพระราชฐาน (901 แลนด์) พ.ศ.2564 โดยมีสาระสำคัญว่า

เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศเรื่อง ข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร ว่าด้วยการจำกัดความเร็วและห้ามใช้เสียง บริเวณโดยรอบเขตพระราชฐาน (901 แลนด์) พ.ศ.2564 โดยมีสาระสำคัญว่า

ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป โดยกำหนดให้จำกัดความเร็ว ไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกยมราช ถึงแยกพาณิชยการ

อีกทั้งห้ามใช้เสียงบริเวณโดยรอบเขตพระราชฐาน (901 แลนด์) ตามเงื่อนไข ดังนี้

1.) ถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกยมราช ถึงแยกพาณิชยการ

2.) ถนนพระรามที่ 5 ตั้งแต่แยกพาณิชยการ ถึงแยกวัดเบญจมบพิตร

3.) ถนนสวรรคโลก ตั้งแต่แยกยมราช ถึงแยกเสาวนีย์ ทั้งนี้ให้ยกเลิกข้อบังคับ กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อบังคับนี้

‘เสกสกล’ แช่ง ‘ฝ่ายค้าน’ ไม่นึกถึงความเดือดร้อนปชช. ให้เป็นฝ่ายค้านตลอดชีพ เหน็บ อยากเป็นรัฐบาลจนลืมตัว

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงพรรคฝ่ายค้านยื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช. ) ไต่สวนนายกรัฐมนตรี กรณีแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ล้มเหลว ว่า ฝ่ายค้านเล่นการเมือง ในช่วงที่กำลังแก้ปัญหาสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดที่ต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และไม่เข้าใจเหตุผลของพรรคฝ่ายค้านหรือหากต้องการเข้ามาบริหารประเทศ ขอให้เข้ามาตามกระบวนการ อย่าใช้ทางลัดกระหายอำนาจจนลืมตัว ลืมนึกถึงประชาชน ให้เล่นการเมืองแบบสร้างสรรค์เน้นการทำประโยชน์เพื่อบ้านเมือง ประชาชนจะได้ไว้วางใจเลือกกลับเข้ามาเป็น ส.ส. อีก หรือถ้าทำตัวดีอาจได้เข้ามาเป็นรัฐบาล

นายเสกสกล กล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีใครเข้ามาแก้ไขปัญหาโควิดได้ดีเท่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ประชาชนให้ความไว้วางใจ บุคลากรการแพทย์ ดังนั้นอย่าทำอะไรให้เกิดความเข้าใจผิด และความสับสน หรือหวังล้มรัฐบาลอยากกลับมามีอำนาจเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวจนกล้ากระทำทุกอย่างแบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่รับรู้วิกฤตความเดือดของประชาชน พฤติกรรมเช่นนี้ถ้ามาเป็นรัฐบาลช่วยอะไรประเทศชาติและประชาชนไม่ได้แน่นอน จึงขอสาปแช่งให้เป็นฝ่ายค้านตลอดชีพจะเหมาะสมที่สุด

“สินเชื่อ สู้ภัย COVID–19” ธ.ออมสิน และ ธ.ก.ส. เปิดให้กู้ 10,000 บาท/ราย ไม่ต้องมีหลักประกัน ปลอดเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือนแรก รัฐบาลตั้งเป้าช่วยเหลือสภาพคล่องประชาชนกว่า 2 ล้านคน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดตัว “สินเชื่อสู้ภัย COVID–19” สำหรับผู้มีรายได้ประจำ อาชีพอิสระ เกษตรกรรายย่อยหรือลูกจ้างภาคการเกษตร ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยอนุมัติวงเงินรวม 2 หมื่นล้านบาท ผ่านการให้สินเชื่อของธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในวงเงินธนาคารละ 10,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถช่วยผ่อนคลายภาระทางการเงินในเบื้องต้นให้กับประชาชนได้กว่า 2 ล้านคน  ทั้งเพิ่มสภาพคล่องในการประกอบกิจการ หรือที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉิน  บรรเทาความเดือดร้อนจากการขาดรายได้จากมาตรควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ระหว่างที่รัฐบาลเร่งบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด 

โดยธนาคารออมสิน เปิดให้ "สินเชื่อสู้ภัย COVID-19" แก่ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ผู้ประกอบการรายย่อย และผู้มีรายได้ประจำ (ไม่รวมผู้มีรายได้ประจำจากภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ) ในขณะที่ ธ.ก.ส. เปิดให้กู้แก่เกษตรกรรายย่อยหรือลูกจ้างภาคการเกษตร ซึ่งผู้ที่จะกู้จากทั้ง 2 ธนาคารนี้ จะต้องมีสัญชาติไทย และอายุ 20 ปีขึ้นไป โดยสินเชื่อในโครงการ “สินเชื่อ สู้ภัย COVID–19” เป็นสินเชื่อที่ไม่ต้องมีหลักประกัน (Clean Loan) สำหรับอัตราดอกเบี้ยนั้นกำหนดไว้คงที่ (Flat Rate) ที่ร้อยละ 0.35 ต่อเดือน ระยะเวลากู้ไม่เกิน 3 ปี ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 งวดแรก ระยะเวลาการขอกู้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึง 31 ธันวาคม 2564

สำหรับธนาคารออมสิน ในระยะแรกของโครงการเพื่อเป็นการควบคุมและป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID-19 จึงเริ่มให้บริการแก่ลูกค้าธนาคาร ที่เปิดใช้แอปพลิเคชัน MyMo อยู่แล้วก่อนวันที่ 1 พ.ค. 2564 ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 9 ล้านคน โดยเริ่มจากลูกค้าที่ได้รับผลกระทบที่อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม 6 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี ชลบุรี สมุทรปราการ และเชียงใหม่ สามารถยื่นกู้ได้ทางแอปพลิเคชัน MyMo ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลังจากนั้นในระยะต่อไปจึงจะขยายให้บริการลูกค้าในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 20 พ.ค. 2564 เป็นต้นไป ตามด้วยลูกค้ากลุ่มอื่นที่ไม่มีแอพพลิเคชัน MyMo 

ขณะที่ ธ.ก.ส. เปิดให้ร่วมโครงการผ่าน LINE Official โดยดูรายละเอียดได้ที่ www.baac.or.th หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555

“รัฐบาลยังมีมาตรการด้านการเงินสำหรับประชาชนและภาคธุรกิจกลุ่มต่าง ๆ อาทิ พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2564 ซึ่งประกอบด้วยมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู และมาตรการพักทรัพย์พักหนี้ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS9 ของบริษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย และมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียังได้มีการประชุมหารือร่วมกับทีมเศรษฐกิจทุกสัปดาห์ เพื่อเร่งพิจารณาแนวทางช่วยเหลือประชาชน และมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในแต่ละกลุ่มธุรกิจอย่างเหมาะสมที่สุด” นายอนุชา กล่าว

อนุทิน ย้ำ วอล์คอินฉีดวัคซีนป้องกัน โควิด-19 ดีเดย์ 1 มิถุนายนนี้ ยืนยันจังหวัดบุรีรัมย์ไม่มีสิทธิพิเศษรับวัคซีนก่อนจังหวัดอื่น เผยโรงพยาบาลบุษราคัม เมืองทองธานีมีหมอพยาบาลดูแลผู้ป่วยเต็มที่

เมื่อเวลา 08.45 น.วันที่ 14 พ.ค.ที่อิมแพค เมืองทองธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ ก่อนพิธีเปิดโรงพยาบาลบุษราคัม ที่เมืองทองธานีว่า โรงพยาบาลบุษราคัมไม่ใช่โรงพยาบาลสนาม แต่รองรับผู้ป่วยโควิดสีเหลืองที่มีอาการค่อนข้างหนักขึ้น โดยมีจำนวนทั้งหมด 1,092 เตียง พร้อมเปิดรับผู้ป่วยในวันนี้ (14 พ.ค.) หลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดอย่างเป็นทางการซึ่งจะเปิดรับผู้ป่วยได้ทันที โดยโรงพยาบาลบุษราคัม มีโรงพยาบาลเจ้าภาพคือโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จังหวัดนนทบุรี รวมถึงการใช้เครือข่ายโรงพยาบาลสนับสนุน ซึ่งจะรับผู้ป่วยจากโรงพยาบาลหลาย ๆ แห่งทั้งโรงพยาบาลสนาม, Hospitel ที่จะทำการส่งตัวมารักษา ยืนยันว่าโรงพยาบาลบุษราคัมมีอุปกรณ์ และบุคลากรทางการแพทย์ มีเพียงพอรองรับการรักษาผู้ป่วย ซึ่งบูรณาการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ

นายอนุทิน กล่าวว่า เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับประชาชนที่ถูกต้องตรงกัน ขอให้ประชาชนรับฟังข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก โดยกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข จะประชาสัมพันธ์เน้นย้ำเรื่องการ walk in ของประชาชนเข้ามาติดต่อเพื่อรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดด้วยตัวเอง ว่าจะเป็นการเริ่มดีเดย์ 1 มิถุนายน เป็นต้นไป โดยต้องบริหารจัดการวัคซีน จัดให้กับกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ บริหารจัดการในพื้นที่เอง โดยให้บริหารจัดการให้มีเผื่อการ walk in ของประชาชนไว้ด้วย

“สำหรับที่จังหวัดบุรีรัมย์มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าได้รับวัคซีนเป็นสิทธิพิเศษนั้น ไม่เกี่ยวว่าเป็นจังหวัดใด จะบุรีรัมย์หรือลำปาง เชียงใหม่ พัทลุง ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ละจังหวัดทำเรื่องร้องขอตามจำนวนที่ต้องการ เพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขจัดจำนวนให้ จัดไปตามกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มต่าง ๆ ถ้าบริหาร แค่กระทรวงสาธารณสุขโดยลำพังไม่มีปัญญาที่จะทำได้ครบทั้งหมดทั่วประเทศ แต่สาธารณสุขมีหน้าที่กระจายวัคซีนให้เพียงพอและทั่วถึงในแต่ละจังหวัด” นายอนุทิน กล่าวยืนยัน

‘โฆษกพปชร.’ วอน กทม. เร่งฉีดวัคซีนให้ ปธ-กก.ชุมชน ชี้ เป็นบุคลากรด่านหน้า พบ ปชช. มากเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19

เมื่อวันที่14 พฤษภาคม 2564 น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่าในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในเขตรับผิดชอบ โดยทำงานร่วมกับประธานชุมชน คณะกรรมการชุมชน ได้เห็นถึงความเสียสละที่ทุกคนเหน็ดเหนื่อย และทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วย เสียสละทำงานและรับภาระอย่างหนักช่วยเหลือดูแลประชาชนในชุมชนทุกเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้ง 50 เขต ซึ่งบุคคลเหล่านี้นับว่าเป็นบุคลากรด่านหน้า ที่เข้าไปดูแลประชาชน ตั้งแต่ช่วยสอดส่อง ค้นหากลุ่มเสี่ยงเชิงรุก ไปถึงประสานงานพาไปคัดกรองตรวจหาเชื้อ และดูแลผู้ที่กักตัวภายในชุมชน จึงมีความใกล้ชิดกับผู้ป่วยอย่างมาก จึงอยากให้กรุงเทพฯ เห็นความสำคัญของคนกลุ่มนี้ โดยเร่งพิจารณาฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มบุคคลกลุ่มดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงเช่นเดียวกัน

กรมการขนส่งทางบก เข้มงวด !!! รถโดยสารทุกประเภทต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในปัจจุบัน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กำชับให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระบบขนส่งสาธารณะอย่างเคร่งครัด

กรมการขนส่งทางบก ได้ยกระดับความเข้มข้นมาตรการสาธารณสุข D-M-H-T-T-A เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเป็นการดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประกอบด้วย มาตรการคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ entry scan และ exit scan ในรถโดยสารสาธารณะ สถานีขนส่งผู้โดยสาร และสำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ การจัดที่นั่งภายในรถเว้นระยะห่างและต้องมีจำนวนผู้โดยสารไม่เกินร้อยละ 70 ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด หรือให้เหมาะสมตามประเภทของพาหนะ ตรวจสอบการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา 100% มาตรการเว้นระยะห่าง จัดเตรียมแอลกอฮอล์เจลสำหรับทำความสะอาดมือ เพิ่มความถี่ในการทำสะอาดพื้นที่สาธารณะตลอดทั้งวัน ให้พนักงานขับรถ ผู้บริการ และผู้โดยสาร ลงทะเบียนเข้าใช้แพลตฟอร์ม “SAVE THAI” และเช็คอิน-เช็คเอาท์ “ไทยชนะ” ทุกครั้งในการเดินทาง โดยในวันที่ 13 พ.ค. 2564 สำนักงานขนส่งจังหวัด เช่น  อุดรธานี พิษณุโลก แม่ฮ่องสอน สุโขทัย อุบลราชธานี สกลนคร ฉะเชิงเทรา ลำพูน กำแพงเพชร เชียงราย ราชบุรี พังงา กาฬสินธุ์ ตรัง น่าน บุรีรัมย์ อุตรดิตถ์ สุรินทร์ เพชรบุรี หนองบัวลำภู นครราชสีมา มุกดาหาร ศรีสะเกษ เลย สระแก้ว นครปฐม ชัยภูมิ กาญจนบุรี นครสวรรค์ จันทบุรี ได้ดำเนินการตรวจสอบรถโดยสารสาธารณะทุกประเภททั้งที่สถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดตรวจคัดกรองในพื้นที่รับผิดชอบ และประชาสัมพันธ์การปฏิบัติตามมาตรการ ของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเคร่งครัด 

ในส่วนของการให้บริการที่สำนักงานขนส่งทุกแห่ง มีการปรับรูปแบบดำเนินการแบบ New Normal ตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด พร้อมขอความร่วมมือประชาชนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าในการติดต่อราชการ และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้กรมการขนส่งทางบก แจ้งงดการอบรมและทดสอบ ด้านใบอนุญาตขับรถและผู้ประจำรถ ณ สำนักงานขนส่งทุกแห่ง ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2564 เป็นต้นไป โดยผู้ขอใบอนุญาตขับรถรายใหม่ให้รอจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ส่วนการต่ออายุใบอนุญาตขับรถสามารถนำผลการอบรมออนไลน์มาดำเนินการต่ออายุใบอนุญาตขับรถได้ โดยจองคิวดำเนินการล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เท่านั้น เพื่อบริหารจัดการจำนวนผู้ใช้บริการภายในสำนักงาน ตั้งจุดคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิประชาชน ก่อนเข้าอาคารสำนักงาน ที่นั่งพักคอยของประชาชนมีการเว้นระยะอย่างเหมาะสม ติดตั้ง Table Shield กั้นระหว่างผู้มาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ พร้อมแนะนำการให้บริการชำระภาษีรถประจำผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อลดการสัมผัสและไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานขนส่ง เช่น เว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th/ หรือ แอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax  ดาวน์โหลดฟรีทั้งระบบปฏิบัติการ iOS: https://apple.co/3iAx6Dd และแอนดรอยด์: https://bit.ly/2XXQLVT

นายกฯ ยัน ยังไม่สนับสนุนงบประมาณ 'การบินไทย' จนกว่าจะเดินหน้าตามแผนการฟื้นฟูกิจการ

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ที่โรงพยาบาลบุษราคัม อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี จ. นนทบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดโรงพยาบาลบุษราคัม ถึงแผนดำเนินการฟื้นฟูการบินไทยว่า ในโซเชียลมีเดียมีการนำเสนอกันเยอะเรื่องของการบินไทย ตนยืนยันว่ายังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาแผน ทำแผน ตนตัดสินใจว่า ช่วงนี้รัฐบาลยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของการจัดทำแผนของผู้บริหารแผนเพื่อให้แผนผ่านตามเจ้าหนี้

"แต่ผมยืนยันอย่างหนึ่งคือ รัฐบาลยังไม่สนับสนุนเงินอะไรให้ทั้งสิ้น ผมจำเป็นต้องพูดอย่างนี้ ไม่เช่นนั้นก็วุ่นกันไปหมด จนกว่าจะมีการเดินหน้าตามแผน และบริหารแผน อย่าเอาตรงนี้ เป็นตัวชี้ออกไป ผมคิดว่าทุกคนคงไม่อยากให้การบินไทยล้มละลายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทุกคนต้องช่วยกัน ถ้าไม่ช่วยกันอย่างนี้ทุกอย่างก็เป็นไปไม่ได้อีก" นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวยืนยันอีกว่า เมื่อการบริหารแผนเกิดขึ้นและทำได้ตามแผน ค่อยว่ากันอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรต่อไป ตอนนี้รัฐบาลถือว่าเป็นการทำงานของผู้บริหารแผน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top