Friday, 9 May 2025
NewsFeed

สรุปมาให้แล้ว! 6 ข้อเด่น ‘โมเดลจีน’ ชนะโควิด

6 ข้อเด่น ‘โมเดลจีน’ ชนะโควิด : ตัดสินใจเร็ว ใช้ยาแรง รวมใจด้วยศรัทธา ใช้ประโยชน์ Data ไร้วิวาทะนักการเมือง สื่อสร้างพลังบวก


ที่มา: รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประเทศจีน

“ศุภชัย” ซัด “วิโรจน์” เห็นชีวิตคนไทยมีค่าแค่ 10 ล้าน หลังแนะรัฐบาลให้จ่ายหาก ปชช.ฉีดวัคซีนป้องโควิดตาย ชี้ วัคซีนเป็นที่ยอมรับมาตรฐานความปลอดภัย เหน็บ ส.ส.ก้าวไกล ฉีดก่อนใครครบ 2 เข็ม ไม่มี แพ้-ตาย แนะช่วยกันรณรงค์ดีกว่า

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ต้องการให้ทำประกันให้คนเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีน 10 ล้านบาท โดยระบุว่า เป็นการเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชน ว่าคนไทยทุกคนรู้ดีว่าวัคซีนที่จัดเตรียมให้คนไทยได้ฉีดคือวัคซีนที่ฉีดกันทั่วโลก เป็นที่ยอมรับมาตรฐานความปลอดภัยจากแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ และเภสัชกร 

“สิ่งที่นายวิโรจน์เสนอเป็นเรื่องที่น่าตกใจ เพราะนายวิโรจน์คิดว่าชีวิตคนไทยมีค่าแค่ 10 ล้านบาท ขณะที่รัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ ทุ่มเททำงานเหนื่อยยากลำบาก เพราะทราบดีว่าทุกชีวิตมีค่าที่ประเมินราคาเป็นเงินไม่ได้ และชีวิตคนไม่ใช่เครื่องเดิมพัน อย่างที่นายวิโรจน์คิด เวลานี้บทบาทในฐานะพรรคการเมือง ในฐานะสมาชิกรัฐสภา ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ต้องร่วมกันสร้างความมั่นใจรณรงค์ให้ประชาชนลงทะเบียนฉีดวัคซีน” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวด้วยว่า เมื่อมีการประกาศให้ ส.ส ไปฉีดวัคซีน ส.ส.จากพรรคก้าวไกล ไปฉีดกันเป็นกลุ่มแรก ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม และด้วยความที่เป็นพรรคคนหนุ่มสาวส่วนใหญ่จึงฉีดวัคซีนซิโนแวค เท่าที่ทราบท่านได้ฉีดเข็มสองกันครบถ้วนแล้ว และแน่นอนไม่มีข่าวว่ามีท่านใดแพ้ และท่านใดตาย ตนจึงขอเรียกร้องนายวิโรจน์ และ ส.ส. ก้าวไกล ทุกท่าน ที่ได้ฉีดวัคซีนให้ออกมาช่วยกันแทนที่จะวิพากษ์วิจารณ์ตำหนิการทำงานของรัฐบาลอย่างเดียว โปรดออกมารณรงค์เรียกร้องพี่น้องประชาชนกว่า 8 ล้านคน ที่เคยเลือกท่านมาเป็นผู้แทน ให้ลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีน แค่นี้ก็ถือว่าท่านได้ทำหน้าที่คนไทยแสดงความรักชาติอย่างล้นเหลือแล้ว

‘กัญจนา ศิลปอาชา’ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง มอบหมายให้ ‘ผู้นำคนพิการ’ จัดทัพเตรียมถุงยังชีพ เพื่อ บรรเทาทุกข์คนพิการ ‘สู้ภัยโควิด 19’ นำร่องในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด 5 จังหวัด

วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ.2564 ณ มูลนิธิออทิสติกไทย (กทม.) อาจารย์ชูศักดิ์ จันทยานนท์ ประธานสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ได้กล่าวว่า ตามที่ได้รับความอนุเคราะห์จากท่าน ‘กัญจนา ศิลปอาชา’ ประธานมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย มอบเงินให้กับ 'มูลนิธิออทิสติกไทย' จำนวน 1 ล้านบาท เพื่อดำเนินการจัดถุงยังชีพมอบให้แก่คนพิการและครอบครัวโดยมอบหมายให้ ‘สภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย’ และ ‘องค์การคนพิการระดับชาติ’ ทำหน้าที่มอบถุงยังชีพให้แก่คนพิการในเขตพื้นที่เสี่ยงกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงเข้มและเป็นพื้นที่ควบคุมในช่วงสถานการณ์เชื้อไวรัส Covid-19 ที่แพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้

ในการนี้ ‘ผู้แทนองค์การระดับชาติ’ ได้เดินทางมารับมอบเพื่อนำไปจัดเตรียมบรรจุใส่ในถุงยังชีพและจะเริ่มดำเนินการนำไปมอบให้แก่คนพิการครอบครัวคนพิการโดยเร็ว

ถึงแม้การได้รับความอนุเคราะห์ในครั้งนี้เป็นจำนวนที่ไม่มากและไม่เพียงพอต่อความต้องการของคนพิการโดยทั่ว แต่ก็ถือได้ว่าคนพิการในประเทศไทยเรานั้น ยังมีผู้หลักผู้ใหญ่ใจบุญ ที่เสียสละทรัพย์สิน แรงกายแรงใจ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการสู้ชีวิตในช่วงสภาวะคับขันของเชื้อโรคไวรัส Covid-19 ให้กับคนพิการ ในครั้งนี้

อีกทั้ง อาจารย์ชูศักดิ์ จันทยานนท์ ยังได้ขอเชิญชวนผู้หลักผู้ใหญ่ใจบุญ เจ้าของสถานประกอบการ เจ้าของร้านค้า และบุคคลทั่วไป ที่มีจิตใจอันเป็นกุศล อยากจะช่วยเหลือคนพิการสามารถติดต่อมายัง ‘สภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย’ ได้ตลอดเวลาเพื่อในอนาคต จะได้สามารถช่วยเหลือคนพิการที่อาศัยอยู่ในตามต่างจังหวัดได้ด้วยเช่นกันในคราวต่อไป

กระแส ‘หนัง-ซีรีส์ไทย’ ดังไกลถึงเมืองจีน วัยรุ่นจีนแห่ใส่ชุดนักเรียนไทย-ถ่ายรูปอัพโซเชียล

ใครจะไปคิดว่าชุดนักเรียนของเด็กไทย ที่ก่อนหน้านี้มีกระแสจากเด็กบางส่วนเรียกร้องให้กระทรวงศึกษา ไม่บังคับให้ต้องใส่มาเรียน จะกลายมาเป็นแฟชั่นที่ระบาดอย่างมากมายในประเทศจีน ไม่แพ้เชื้อโควิดที่ระบาดไปก่อนหน้านี้

อาจเป็นเพราะชุดนักเรียนไทยนอกจากจะดูเป็นเครื่องแบบที่บ่งบอกถึงสถานะการเป็นนักเรียนแล้ว มันยังดูสวย และเป็นเอกลักษณ์ ไม่แพ้กับชุดนักเรียนของประเทศญี่ปุ่น, เกาหลี และจีนเลยทีเดียว

กระแสความฮิตที่ว่านี้อาจเพราะชุดนักเรียนไทย ถูกนำเสนอในหนัง และซีรีส์ไทย ซึ่งหนังพวกนี้เรียกได้ว่าโด่งดังไปไกลยันต่างประเทศ และหนังที่เรียกว่าเป็นหนังที่โดนใจชาวจีนมาก ๆ ก็คงจะต้องยกให้กับเรื่อง ”สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก”

หนังที่เรียกว่านำเสนอชีวิตนักเรียนไทยผ่านชุดนักเรียนได้เป็นอย่างดี ตลอดจนซีรีส์เรื่อง “เด็กใหม่ ซีซั่น 2”  ที่เรียกว่าโด่งดังติดอันดับ Netflix ไปหลายประเทศ ก็ยิ่งทำให้ชุดนักเรียนไทยกลายเป็นที่สนใจของชาวต่างชาติ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะว่า ตอนนี้ในประเทศจีนชุดนักเรียนไทยนั้นได้กลายเป็นแฟชั่นสุดฮิตในหมู่วัยรุ่นจีนไปเสียแล้ว โดยเฉพาะช่วงนี้ที่จีนกลับมาอินเรื่อง “สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก” กันอีกรอบ เรียกว่าฮิตติดลมบนกระแสไม่แผ่วไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีต่อกี่ปี 

ไม่เชื่อลองสังเกตจากรูปที่เอามาฝาก ลองดูที่ตัวอักษรย่อของโรงเรียน ด.ณ. ซึ่งเป็นตัวอักษรเดียวกันกับในเรื่อง “สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก” ที่ใบเฟิร์นใส่นั่นแหละ

ถ้าจะถามว่างานนี้เค้าฮิตกันแค่ไหน ก็ต้องบอกว่า ชนิดที่แม่ค้า พ่อค้าจีน หลายเจ้าต้องรีบเอามาลงบนร้านค้าออนไลน์ของตัวเอง แว่ว ๆ มาว่าขายดีกันเป็นเทน้ำเทท่าเลยแหละ


ที่มา : https://www.facebook.com/869836633121664/posts/3673662486072384/?d=n
https://www.facebook.com/293462357395830/posts/5511198898955457/?d=n
https://www.sanook.com/campus/1404719/
 

ยูเอ็น เตรียมพิจารณา ปิดล้อมอาวุธ 'เมียนมา' งดจัดส่งอาวุธแก่คณะรัฐประหาร สกัดปราบปรามผู้ชุมนุม

ที่ประชุมสมัชชาแห่งสหประชาชาติในวันอังคาร (18 พ.ค.) เตรียมพิจารณาร่างญัตติไม่ผูกมัดญัตติหนึ่ง เรียกร้องระงับจัดหาและส่งมอบอาวุธแก่คณะรัฐประหารเมียนมาในทันที จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ยูเอ็นรายหนึ่งในวันอาทิตย์ (16 พ.ค.)

ต่างจากญัตติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ญัตติของที่ประชุมสมัชชาแห่งสหประชาชาติเป็นมติที่ไม่ผูกพัน แต่จะเป็นการส่งสารทางการเมืองอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้หากไม่สามารถบรรลุความเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ เมื่อนั้นที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเต็มคณะ ซึ่งประกอบด้วยรัฐสมาชิก 193 ชาติ จะทำการโหวตญัตติดังกล่าว

ร่างญัตติเสนอโดยผู้แทนจากลิกเทนสไตน์ ภายใต้การสนับสนุนของสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ และมันจะถูกนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมเต็มคณะในเวลา 19.00 จีเอ็มทีของวันอังคาร (18 พ.ค.) ตรงกับเมืองไทย 02.00 น.เช้ามืดวันพุธ(19 พ.ค.)

โฆษกสหประชาชาติรายหนึ่งเปิดเผยกับเอเอฟพีว่าร่างญัตตินี้เรียกร้องให้ระงับจัดหาทั้งทางตรงทางอ้อม ขายหรือส่งมอบอาวุธทุกชนิด กระสุน รวมถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านการทหาร

ร่างนี้ ซึ่งเจรจากันมานานหลายสัปดาห์ ได้รับการสนับสนุนจากประเทศต่าง ๆ 48 ชาติ แต่เกาหลีใต้เป็นเพียงชาติเดียวของเอเชียที่ให้การสนับสนุน

ทั้งนี้ร่างญัตติดังกล่าวยังเรียกร้องให้กองทัพ "ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน" และหยุดใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบกับพวกผู้ประท้วงอย่างสันติ เช่นเดียวกับปล่อยตัวประธานาธิบดีวิน มิ้นต์ นางอองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ และทุกคนที่ถูกควบคุมตัว ตั้งข้อหาและจับกุมโดยพลการ นับตั้งแต่เหตุรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์

นอกจากนี้แล้วร่างญัตติดังกล่าวยังเรียกร้องให้นำฉันทมติ 5 ข้อที่ 10 ผู้นำจากสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เห็นพ้องต้องกันในวันที่ 24 เมษายน มาใช้ในทันที เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ทูตพิเศษของยูเอ็นที่จะเดินทางไปเยือนเมียนมา และเพื่อมอบการเข้าถึงด้านมนุษยธรรมอย่างปลอดภัยและไร้ข้อจำกัด

ความเคลื่อนไหวของสหประชาชาติมีขึ้นหลังจากเอ็นจีโอหลายแห่งเรียกร้องมานานให้ใช้มาตรการปิดล้อมอาวุธกับเมียนมา

อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ในถ้อยแถลงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเมียนมามาแล้ว 4 ครั้ง ทว่าแต่ละครั้งนี้มันถูกลดระดับให้อ่อนลง ในการเจรจาต่าง ๆ นานา โดยเฉพาะจากจีน


(ที่มา:เอเอฟพี)

https://www.fm91bkk.com/fm99130

‘เอิ๊ก พรหมพร’ รีวิวฉีด Sinovac เข็มแรก ยัน ไม่รู้สึกอะไร ไร้อาการ ฉีดเสร็จทำงานต่อได้เลย!!

เรียกได้ว่าช่วงนี้เหล่าคนบันเทิงตบเท้าเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 กันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทางด้านพิธีกรสาวมากเสน่ห์ "เอิ๊ก พรหมพร ยูวะเวส" ได้ออกมาเล่าประสบการณ์การฉีดวัคซีนเข็มแรกผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมทั้งบอกว่า การฉีดวัคซีนเจ็บน้อยกว่าฉีดโบท็อก

"ฉีด Sinovac เข็มแรกเรียบร้อย ไม่รู้สึกอะไรเลย ฉีดเสร็จทำงานต่อค่ะ #เจ็บน้อยกว่าbotox. #ไม่ง่วงไม่หน่วงไม่มีไข้ไม่มีไรเลย. #วัคซีนยี่ห้อที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่เข้าร่างกายเร็วสุด. #ฉีดเพื่อชาติเพื่อคนที่คุณรัก"


ที่มา : ig https://www.instagram.com/erkerkja/

‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ หัวหน้าแก๊งตุ๋นพันล้าน มอบตัวกองปราบ เผยถูกกลั่นแกล้ง และมีคดีตกเป็นผู้เสียหาย สูญเงินไปกว่า 100 ล้าน ด้านเหยื่อแฉใช้ความเป็น ‘จิตอาสา’ สร้างความน่าเชื่อถือ

วันนี้ ( 17 พ.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 09.00 น.นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อเข้ามอบตัวหลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกับพวกรวม 6 คน เปิดบริษัทในลักษณะเครือข่ายใหญ่ หลอกลงทุนหลายรูปแบบ มูลค่าความเสียหายนับพันล้านบาท โดยนำพยานเอกสารหลักฐานสำคัญต่าง ๆ มามอบให้กับทางพนักงานสอบสวนเพื่อชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงทางคดี

นายประสิทธิ์ กล่าวว่า หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว ในวันนี้จึงได้เตรียมพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงมาชี้แจงกับพนักงานสอบสวน มั่นใจว่า มีข้อมูลสามารถชี้แจงและต่อสู้คดีตามกฎหมายได้

“ผมขอยืนยันว่าสิ่งที่พูดไปทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริง และเรื่องที่เกิดขึ้นถูกกลั่นแกล้ง เพราะที่ผ่านมาส่วนตัวก็มีคดีความที่ตัวเองตกเป็นผู้เสียหาย สูญเงินไปกว่า 100 ล้านบาทเช่นเดียวกัน” นายประสิทธิ์ กล่าว 

นายประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบกับธุรกิจการท่องเที่ยวของตัวเองอย่างมาก อีกทั้งยังถูกนำชื่อไปเชื่อมโยงกับประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง ดังนั้นจึงอยากให้สังคมแยกแยะระหว่างการระดมทุนทางธุรกิจกับการทำธุรกิจแบบเครือข่าย ซึ่งส่วนตัวเชื่อมั่นว่า ยังมีคนที่มั่นใจในตัวเองอยู่ และหากตัวเองกระทำความผิดจริง ต้องรับโทษตามกฎหมายอยู่แล้ว

วันเดียวกันได้มีกลุ่มตัวเเทนผู้เสียหายกว่า 20 คน นำโดย นายอติชาต เลาหพิบูลย์กุล เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในคดีที่เคยเเจ้งความกล่าวหานายประสิทธิ์ เจียวก๊ก กับพวกในข้อหาฉ้อโกงฯ 

โดย นายอติชาต ผู้เสียหาย กล่าวว่า ร่วมลงทุนกับนายประสิทธิ์ มานานร่วม 2 ปี โดยตัวเองมีมูลค่าเสียหาย 80 ล้านบาท ลงทุนทุกรูปเเบบที่นายประสิทธิ์เสนอออกมา เนื่องจากมีความเชื่อถือเนื่องจากนายประสิทธิ์เป็นบุคคลมีต้นทุนทางสังคม เเละตัวเองก็เคยมีโอกาสได้ลงพื้นที่ร่วมทำจิตอาสาร่วมกับนายประสิทธิ์ด้วย 

นายอติชาต กล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวแล้วมองว่าการทำธุรกิจของนายประสิทธิ์ไม่เข้าข่ายเเชร์ลูกโซ่ เพราะมีธุรกิจจริง ได้ผลประกอบการ เเละไม่ได้ปันผลจากการเเนะนำต่อเเต่อย่างใด นายประสิทธิ์อ้างว่าบริษัทประสบปัญหาสภาพคล่อง เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ซึ่งขัดเเย้งกับความเป็นจริงที่บริษัท นายประสิทธิ์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

ส่วนผู้เสียหายอีกราย อ้างว่า เคยเป็นพนักงานในบริษัทของนายประสิทธิ์ โดยสมัครเข้าทำงานช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ก่อนถูกชักชวนให้นำเงินลงทุนสหกรณ์ อ้างจะให้เงินปันผล 15 เปอร์เซ็นต์ของเงินลงทุนทุก 39 วัน เป็นสิทธิพิเศษเฉพาะพนักงานเท่านั้น ตนจึงไปชักชวนครอบครัวเเละญาติ ร่วมลงทุนมูลค่ารวมกว่า 1 ล้าน 4 แสนบาท ซึ่งก็ได้เงินปันผลครบทุกรอบ เเต่เมื่อภายหลังขอเงินลงทุนคืน กลับถูกบ่ายเบี่ยง ช่วงเมษายนที่ผ่านมาพนักงานติดต่อให้ไปเซ็นเอกสาร ประนอมหนี้ โดยระบุจะ แบ่งจ่ายชำระหนี้ให้เป็นระยะเวลา 1 ปี เเต่ภายหลังกลับติดต่อไม่ได้ ทุกวันนี้ลำบากมาก เพราะไม่มีเงินจะใช้จ่าย ต้องจำนำของในบ้านเเทบทั้งหมด 


ที่มา : https://mgronline.com/crime/detail/9640000047256

ทารก 3 เดือนรอดแล้วหลัง พท.ช่วยประสาน 2 แม่ลูกเข้ารักษาโควิดที่ รพ.ราชวิถี 

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 นายกฤษฏ์ คงวุฒิปัญญา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตภาษีเจริญ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่าจากที่มีกระแสในโซเชียลมีเดียโดยใช้แฮชแท็กว่า #ทารกต้องรอด รายละเอียดว่ามีเด็กทารก 3 เดือนติดเชื้อโควิด-19 รอการรักษามา 3 วัน ร้องขอความช่วยเหลือ โดยยังไม่มีรถพยาบาลมารับทารกวัย 3 เดือนไปรักษานั้น ตนพร้อมด้วยทีมงานได้ลงพื้นที่ ซ.เพชรเกษม 46 แยก 1 พบว่าครอบครัวดังกล่าวมีทั้งหมด 7 คน ได้แก่ คุณตา (เป็นผู้ป่วยติดเตียง) คุณยาย, พ่อ (ติดเชื้อคนแรกในบ้าน), แม่, ลูก 15 ปี ลูก 5 ปี และทารก 3 เดือน ทั้งหมดได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ 6 คน ยกเว้นคุณตา 

ทั้งหมดอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน หลังคุณพ่อถูกพาตัวเข้าโรงพยาบาล และหลายคนตรวจพบเชื้อ ทางแม่เด็กพยายามโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากเบอร์โทรศัพท์ภาครัฐทุกเบอร์ ก็ได้รับการแจ้งแค่ว่าให้กักตัวและรอนัดหมายรถพยาบาลมารับ ส่วนเจ้าหน้าที่แจ้งว่าที่โรงพยาบาลไม่มีเครื่องพยุงปอดสำหรับทารกและให้ไปถามจากโรงพยาบาลอื่น ซึ่งล่าสุดตนได้ประสานงานหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง จนในที่สุดมีรถพยาบาลมารับคุณแม่และทารก 3 เดือน ไปรักษาตัวด้วยกันที่ รพ.ราชวิถี ส่วนสมาชิกที่เหลือในบ้านก็จะส่งไปกักตัวที่โรงพยาบาลสนามต่อไป

“จุรินทร์ ” หารือ นิวซีแลนด์ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ รุกจับมือร่วมฝ่าโควิด และเตรียมพร้อมไทยเจ้าภาพเอเปคถัดจากนี้

วันที่ 17 พฤษภาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หารือทางโทรศัพท์กับรัฐมนตรีกระทรวงการค้าและการส่งออกของนิวซีแลนด์ (นายเดเมียน โอ คอนเนอร์) ผ่านระบบ วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการโสมสวลี ชั้น 11 สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

ภายหลังการหารือ นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้ได้มีโอกาสหารือกับรัฐมนตรีกระทรวงการค้าของนิวซีแลนด์ในฐานะที่ปีนี้นิวซีแลนด์เป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค และในปีหน้าไทยจะรับไม้ต่อจากนิวซีแลนด์โดยการเป็นเจ้าภาพของประเทศไทยจะเริ่มต้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีนี้เป็นต้นไป สำหรับเอเปคนั้นเป็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจร่วมกันของกลุ่มประเทศในเอเชียและแปซิฟิคจำนวน 21 ประเทศ ก่อตั้งตั้งแต่ปี 2532 มูลค่าการค้าของไทยกับเอเปคปีละประมาณ 10 ล้านล้านบาท คิดเป็น 70% ของมูลค่าการค้าของไทยต่อการค้ารวมกับทุกประเทศในโลก

วันนี้สาระสำคัญของการหารือทางท่านรัฐมนตรีการค้านิวซีแลนด์ในฐานะประเทศเจ้าภาพการประชุม มีดำริที่ต้องการออกแถลงการณ์ร่วมผลจากการประชุมเอเปคปีนี้ 3 แถลงการณ์ และขอความเห็นจากตนในฐานะรัฐมนตรีการค้าของประเทศไทย

"ผมได้แจ้งว่าประเทศไทยให้ความยินดีในการสนับสนุนแถลงการณ์ร่วมทั้ง 3 ฉบับ ประกอบด้วยฉบับที่ 1 แถลงการณ์ร่วมฉบับใหญ่ของรัฐมนตรีการค้าเอเปคทั้งหมด สาระสำคัญ ประเด็นที่ 1 กำหนดให้การค้านั้นเป็นปัจจัยสำคัญในการที่ช่วยแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด ประเด็นที่ 2 เอเปคสนับสนุนการค้าในระบบพหุภาคีโดยเฉพาะในรูป WTO ประเด็นที่ 3 เอเปคสนับสนุนเศรษฐกิจแบบ BCG คือทั้งเศรษฐกิจ Bio Economy เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียวซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน

แถลงการณ์ฉบับที่ 2 กำหนดให้สมาชิกในกลุ่มประเทศเอเปค จะไม่จำกัดการส่งออกวัคซีนโควิด ยกเว้นมีข้อจำกัดตามที่ WTO กำหนดไว้เท่านั้น เช่น ไม่พอใช้ในประเทศ เป็นต้น

แถลงการณ์ฉบับที่ 3 ภาคบริการด้านโลจิสติกส์ ซึ่งเอเปคต้องการส่งเสริมความร่วมมือด้านโลจิสติกส์สนับสนุนกระบวนการนำเข้าส่งออกทางผ่านด่านต่าง ๆ ด้วยระบบดิจิตอลในสินค้าที่จำเป็นในสถานการณ์โลกปัจจุบัน ทั้งเครื่องมือแพทย์ วัคซีน อาหาร สินค้าเกษตร หรือสินค้าเครื่องใช้ในบ้านในยุค New Normal " นายจุรินทร์ กล่าว

และประเด็นหารือเพิ่มเติมตนได้แจ้งให้รัฐมนตรีนิวซีแลนด์ทราบว่าตนตอบรับการเข้าร่วมประชุมในวันที่ 4 และ 5 มิถุนายนปีนี้แล้ว ที่นิวซีแลนด์เป็นเจ้าภาพโดยการประชุมวันที่ 4 เป็นการประชุมรัฐมนตรีการค้าร่วมกับสภาธุรกิจเอกชนเอเปคซึ่งการประชุมวันนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม

1.) การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ

2.) เรื่องการรับมือเศรษฐกิจต่อวิกฤติโควิด

3.) กลุ่มที่ว่าด้วยการฟื้นตัวเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนหลังสถานการณ์โควิดซึ่งประเทศไทยประสงค์จะเข้าร่วมในกลุ่มที่ 2 คือเรื่องการรับมือทางด้านเศรษฐกิจต่อสถานการณ์โควิดปัจจุบัน และการประชุมวันที่ 5 มิถุนายนเป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีโดยเฉพาะของกลุ่มประเทศเอเปค

ประเด็นเพิ่มเติมนิวซีแลนด์ขอให้ประเทศไทยช่วยสนับสนุนการนำเข้าเมล็ดพันธุ์หอมใหญ่ของนิวซีแลนด์คิดภาษีเป็นศูนย์ ตามข้อตกลง FTA ระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์อยู่แล้วแต่เรายังดำเนินการได้ไม่ครบถ้วน ซึ่งตนจะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ในเดือนกรกฎาคม และตนได้ขอให้ทางนิวซีแลนด์ช่วยนำเข้าสินค้าที่จำเป็นต่อสถานการณ์โควิดเพิ่มเติมมากขึ้นจากการนำเข้าปกติที่ผ่านมา โดยขอให้นำเข้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับทางการแพทย์ เช่น ถุงมือยาง ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง ผลไม้ เช่น ลิ้นจี่ ลำไย มะม่วง มังคุด เพราะผ่านการตรวจสอบด้านสุขอนามัยจากนิวซีแลนด์เรียบร้อยแล้ว และทางนิวซีแลนด์ให้การรับรองแล้ว ขอให้นำเข้าเพิ่มเติมเป็นพิเศษนอกจากผลไม้ชนิดอื่น ๆ ที่มีการนำเข้าโดยปกติ

“จุรินทร์” ช่วยกลุ่ม “โรงงาน-ซาเล้ง” เตรียมเสนอ ศบค. และ สธ. ฉีดวัคซีน พร้อมสั่งกรมการค้าภายใน ควบคุมราคาปุ๋ย ไม่ให้กระทบเกษตรกรเด็ดขาด 

วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่กระทรวงพาณิชย์ได้รับการหารือจากโรงงานที่ผลิตสินค้าต่าง ๆ ที่ประสงค์จะให้ ศบค. หรือกระทรวงสาธารณสุขได้จัดสรรการฉีดวัคซีน 

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการนำเข้ามาตามขั้นตอนกระบวนการที่รัฐบาลกำหนดแล้ว ให้กับโรงงานต่าง ๆ ในลำดับต้น ๆ ด้วย เพราะว่ามีแรงงานอยู่ในแต่ละโรงงานจำนวนมาก และเพื่อเป็นการสกัดการที่จะเป็นคลัสเตอร์ใหม่ในการระบาดของโควิด รวมทั้งกลุ่มซาเล้งด้วย 

"ผมก็ได้รับเรื่องมาจากสมาคมซาเล้งและผู้ประกอบการรับซื้อของเก่าในประเทศไทย ขอให้ช่วยดูแลในเรื่องวัคซีนให้กับกลุ่มดังกล่าวด้วย เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงอีกกลุ่มหนึ่งเช่นกัน" นายจุรินทร์ กล่าว

นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราคาปุ๋ยที่สูงขึ้น ว่าสาเหตุสำคัญเนื่องจากในช่วงเวลาที่ผ่านมาประเทศอินเดียมีการประมูลการนำเข้าปุ๋ยจำนวนมาก ประกอบกับประเทศจีนซึ่งเป็นผู้ผลิตแม่ปุ๋ยรายใหญ่ก็ได้เก็บสต๊อกปุ๋ยไว้ใช้ในฤดูที่จะทำการเกษตรฤดูใหม่ จึงทำให้มีส่วนดึงให้ราคาปุ๋ยในตลาดราคาสูงขึ้น และกระทบต่อต้นทุนการนำเข้าปุ๋ยในประเทศไทยด้วย

อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในได้เร่งรัดเจรจากับผู้นำเข้าปุ๋ย 2-3 ครั้งแล้ว โดยขอให้ดำเนินการในการที่จะไม่ปรับขึ้นราคาไปจากราคาที่ได้แจ้งไว้กับกระทรวงพาณิชย์ และขณะเดียวกันก็ได้ดำเนินการในการที่จะกำหนดมาตรการให้สหกรณ์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และ กลุ่มเกษตรกรต่าง ๆ ได้ดำเนินการที่จะซื้อปุ๋ยหรือแม่ปุ๋ยในราคาพิเศษจากผู้นำเข้าหรือผู้จำหน่ายรายใหญ่ โดย นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้เริ่มดำเนินแล้ว

"โดยการรวบรวมความต้องการของสมาชิกเหล่านี้ เพื่อลดต้นทุนปุ๋ยที่จะใช้ในกลุ่มต่าง ๆ ให้ลดน้อยลง ขณะเดียวกันก็ได้จำกัดราคา ควบคุมราคาในตลาดไม่ให้สูงขึ้นไปมากกว่านี้ เพราะจะกระทบต่อต้นทุนการผลิตของภาคเกษตรกร ได้สั่งการให้ลงไปตรวจสอบติดตามเรื่องนี้โดยใกล้ชิด หากพบการค้ากำไรเกินควรก็จะดำเนินการตามกฏหมายทันที ” นายจุรินทร์ กล่าว 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top