Thursday, 15 May 2025
NewsFeed

‘กมธ.อุตฯ’ ลงพื้นที่สอบข้อเท็จจริงโรงงานเครนถล่ม จ.ระยอง สั่งดำเนินคดีผู้กระทำผิด - ตั้ง คกก.ตรวจสอบโรงงานเพิ่มเติม

(5 เม.ย. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมกมธ. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เหตุเครนถล่มที่โรงงานเหล็กในพื้นที่ ม.2 ต.ตาสิทธิ์ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยมี นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พล.ต.ต.พงศ์พันธ์ วงษ์มณีเทศ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง แรงงานจังหวัดระยอง พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง ที่ห้องประชุม อบต.ตาสิทธิ์ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง

นายอัครเดช ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า กมธ.ได้รับการชี้แจงจากผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องว่า เหตุการณ์เครนถล่ม มีผู้เสียชีวิต 7 ราย เป็นแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา 6 ราย จีน 1 ราย ทางบริษัทได้จ่ายเงินเยียวยาให้ตามกฎหมายทุกรายแล้ว

ขณะที่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยองได้ชี้แจงว่า ได้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตตามขั้นตอนตามกฎหมายแล้ว กมธ.ได้ย้ำขอให้แรงงานจังหวัดระยองได้เข้ามาดูแลการทำงานของแรงงาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และให้มีการจ้างงานถูกต้องตามกฎหมาย หากเป็นแรงงานต่างด้าว ต้องเข้ามาทำงานอย่างถูกกฎหมาย

นายอัครเดช กล่าวว่า ส่วนที่ 2 ในเรื่องการก่อสร้างพบว่าทาวเวอร์เครนที่ล้มได้รับรายงานจากปลัดอบต.ตาสิทธิ์ว่า ไม่มีการขออนุญาตติดตั้ง ทางกมธ.จึงให้หน่วยงานไปแจ้งความดำเนินคดีตามขั้นตอน และขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัด ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อหาข้อเท็จจริงว่า เจ้าหน้าที่อบต.ตาสิทธิ์ ที่มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างละเลยการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ที่ปล่อยให้มีการติดตั้งเครนโดยไม่มีการขออนุญาต ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัด จะตั้งกรรมการมาสอบสวนก่อนจะรายงานผลสอบให้กมธ.ได้ทราบต่อไป

สำหรับ ส่วนที่ 3 การติดตั้งเครื่องจักร ทางอุตสาหกรรมจังหวัดชี้แจงว่า ได้มีการขออนุญาตก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมและติดตั้งเครื่องจักรตาม พ.ร.บ.โรงงานอย่างถูกต้อง แต่ กมธ.ได้เน้นย้ำให้ตรวจสอบการติดตั้งเครื่องจักรให้เป็นไปตามมาตรฐานอย่างเคร่งครัด ไม่ควรนำเครื่องจักรที่ไม่มีความปลอดภัยและไม่ได้มาตรฐานมาติดตั้งในพื้นที่ จะส่งผลกระทบต่อประชาชนและชุมชนโดยรอบ เป็นอันตรายต่อพนักงานที่มาปฏิบัติงานในโรงงาน และให้อุตสาหกรรมจังหวัด และแรงงานจังหวัดตรวจสอบโรงงานอย่างเข้มงวดกับผู้ประกอบการ เพื่อความปลอดภัยของทุกส่วน

นอกจากนั้น กมธ.ขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ตั้งคณะกรรมการพิเศษจากหลายหน่วยงานขึ้นมาบูรณาการในการทำงานร่วมกันกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตรวจสอบโรงงานแห่งนี้ โดยตรวจสอบการติดตั้งเครื่องจักรและการก่อสร้างให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเข้มงวด และขอให้จังหวัดตั้งคณะกรรมการอีกหนึ่งชุดเพื่อตรวจสอบโรงงานทั่วจังหวัดระยองว่า มีการละเมิดกฎหมายในการติดตั้งเครนก่อสร้างในลักษณะนี้เพิ่มอีกหรือไม่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน

อย่างไรก็ตาม การมาของ กมธ.ครั้งนี้เชื่อว่า จะสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนทั่วทั้งจังหวัดได้ โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดระยองได้เห็นด้วยกับคณะกรรมาธิการฯที่จะมีการตั้งคณะกรรมการ 2 ชุดดังกล่าว

เมื่อถามว่า เรื่องที่แรงงานเมียนมาเคยประท้วงให้ตรวจสอบอาจจะมีการฝังศพแรงงานไว้ในพื้นที่โรงงาน นายอัครเดช กล่าวว่า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยองชี้แจงว่า ได้ลงไปตรวจสอบพื้นที่ร่วมกับฝ่ายปกครองแล้ว ไม่พบแต่อย่างใด และสภาพพื้นที่ก็ไม่สามารถนำศพไปฝังได้ แต่ถ้าประชาชนมีข้อมูลเพิ่มเติมสามารถแจ้งมายังกมธ.ได้ จะตรวจสอบเพิ่มเติมให้

เมื่อถามว่า เจ้าของโรงงานได้ดำเนินการอย่างถูกต้องหรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า ตรวจสอบแล้ว เจ้าของเป็นคนจีน มีการขออนุญาตจากอุตสาหกรรมจังหวัดระยองอย่างถูกต้อง

‘วราวุธ’ ชมหนัง ‘หลานม่า’ พร้อมมอบรางวัล ส่งเสริมความสัมพันธ์ครอบครัว ชี้นำเสนอดี แนะให้คนไทย เอาใจใส่บุพการี สร้าง ‘ความรัก-ความอบอุ่น’

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่โรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าชมภาพยนตร์เรื่อง ‘หลานม่า’ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างผู้สูงอายุและครอบครัว ซึ่งกระทรวง พม. มอบโล่รางวัล ในฐานะส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างผู้สูงอายุและครอบครัว ในฐานะองค์กรเครือข่าย ที่สนับสนุนงานด้านผู้สูงอายุ เนื่องในวันผู้สูงอายุแห่งชาติประจำปี 2567 ว่า เป็นภาพยนตร์ที่ทำให้เข้าใจง่าย ทำให้คิดถึงหลายครอบครัว ที่บางครั้งเราอาจหลงลืมไปบ้างว่าเรายังมีอาม่าให้คิดถึง 

นายวราวุธ กล่าวว่า เมื่อสังคมเปลี่ยนไปผู้คนจะมีการงานทำมากขึ้น จึงมีเวลาให้กับผู้มีพระคุณน้อยลง สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกครอบครัวโดยเฉพาะสังคมในปัจจุบัน สิ่งที่สำคัญคือจะทำอย่างไรที่เราทุกคนจะต้องหาเวลา ติดต่อกับผู้ที่เราเคารพ บุพการีของเรา อย่างตนเองทุกเช้าจะตั้งนาฬิกา 8 โมงเช้าแล้วโทรศัพท์หาคุณแม่แจ่มใส (ศิลปอาชา) เพราะคิดว่าไม่ได้เจอหน้าแต่ได้ยินเสียงกันก็ยังดี เพราะผู้ใหญ่เขามักจะไม่พูดหรอกว่าคิดถึง โดยเฉพาะคนไทยเชื้อสายจีน ที่จะไม่พูดคำว่าคิดถึง หรือมาแสดงความอ่อนแอให้ลูกหลานได้เห็นโดยเด็ดขาด จะไม่มาอ้อนลูกหลาน ฉะนั้นหากลูกหลานยื่นมือไปและแสดงให้เห็นว่าเรามีความห่วงใย เรารัก มีความเคารพ ห่วงหาอาทรกันอยู่ นั่นคือความอุ่นใจ ที่ลูกหลานให้กับท่านได้ เพราะผู้หลักผู้ใหญ่เมื่อมาถึงวันนี้ไม่ต้องการอะไรมากต้องการเพียงสิ่งที่มีความสุขและอบอุ่นใจเท่านั้น

“ผมดูวันนี้ไม่ได้ร้องไห้แต่ภรรยาต่อมน้ำตาแตก โดยเฉพาะตอนที่หลานไปจับมืออาม่าบ้านพักคนชราแล้วบอกว่า กลับบ้านนะ แสดงให้เห็นว่าความห่วงหาอาทรของหลานที่บอกว่ากลับไปอยู่บ้านเราดีกว่า บ้านพักคนชราไม่ใช่เป็นสิ่งไม่ดี แต่ถ้าหากยังมีลูกหลานที่สามารถดูแลกันได้ ในบ้านปลายชีวิตให้เวลากับท่านดีกว่า ดีกว่าที่จะไปให้เวลากับท่านตอนที่อยู่ฮวงซุ้ยแล้ว มันไม่เกิดประโยชน์ หนังเรื่องนี้สอนพวกเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นสถานะใด ยากดีมีจนอย่างไร ปัญหาแบบนี้เกิดกับทุกบ้าน และเป็นเครื่องเตือนสติได้ว่า ในท้ายที่สุดแล้วสถาบันครอบครัว และ ผู้หลัก ผู้ใหญ่ เป็นสิ่งที่ดึงดูด ให้ทุกคนกลับมารวมกัน คนสูงวัยคือหัวใจของครอบครัวและสถาบันครอบครัว ซึ่งวันนี้สถาบันครอบครัวของประเทศไทยเปราะบางเหลือเกิน เรากลับมาหาผู้สูงอายุกันให้ความสำคัญกับท่านและสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมของประเทศไทยให้มีความอบอุ่นและเดินไปข้างหน้าสร้างความหวังให้กับคนรุ่นต่อๆไป”

‘เศรษฐา’ เตรียมเปิดทำเนียบรัฐบาล รับ ‘ซีอีโอใหญ่ ไมโครซอฟท์’ เยือนไทย 1 พ.ค.นี้ คุยโครงการ ‘ดาต้าเซนเตอร์ คลาวด์’ ดึงงบลงทุน ‘แสนล้าน’

(5 เม.ย.67) ‘นายสัตยา นาเดลลา’ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอของไมโครซอฟท์ มีกำหนดเดินทางมาไทยวันที่ 1 พ.ค.นี้ เพื่อร่วมงาน Microsoft Build : AI Day พร้อมตอกย้ำความร่วมมือด้านเทคโนโลยี ระหว่างไมโครซอฟท์ และรัฐบาลไทย ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 

ในงาน Microsoft Build : AI Day นายสัตยา ได้เทียบเชิญบรรดาซีอีโอชั้นนำระดับประเทศเข้าร่วมพบปะ นอกเหนือจากพันธกิจหลักที่คาดว่า ซีอีโอ ไมโครซอฟท์จะเล่าถึงความคืบหน้า รายละเอียดความร่วมมือกับรัฐบาลไทย พร้อมเปิดโอกาสให้นักพัฒนาไทยรวมถึงองค์กรต่างๆ เข้าร่วมพูดคุย โดยเฉพาะกลุ่มที่สนใจในการนำเทคโนโลยีเอไอมาใช้งาน นอกจากนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะขึ้นเวทีนี้ พร้อมกล่าวคีย์โน๊ตด้วย

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ช่วงเที่ยงของวันดังกล่าวนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง จะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับซีอีโอของไมโครซอฟท์ที่ทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งจะได้หารือถึงความคืบหน้าของโครงการที่ไมโครซอฟท์มีแผนจะลงทุนในไทย ตามที่ได้หารือ และลงนามในความร่วมมือ (MOU) ระหว่างไทยและตัวแทนของบริษัทไมโครซอฟท์ ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปเยือนสหรัฐฯ ช่วงเดือน พ.ย.ปีก่อน

ส่วนนายกรัฐมนตรีของไทยเคยได้พบกับนายสัตยาแล้วครั้งหนึ่ง ที่การประชุมเอเปค ซานฟรานซิสโก เดือน ก.ย. 2566 และได้พูดคุยถึงความร่วมมือระหว่างประเทศไทย และไมโครซอฟท์มาแล้ว รวมทั้งมีการเปิดเผยถึงแผนการลงทุนว่าจะมีการลงทุนหลักแสนล้านบาทในประเทศ โดยเป็นการทยอยลงทุนต่อเนื่องไปอีกหลายปี

ก่อนที่ใน เดือนพ.ย.2566 นายกรัฐมนตรี จะได้พบกับผู้บริหารของไมโครซอฟท์อีกครั้ง แล้วได้ลงนามความร่วมมือร่วมกัน พร้อมระบุว่า พันธกิจของประเทศไทยนับตั้งแต่ด้านการสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนไปจนถึงการใช้พลังงานหมุนเวียน มีทิศทางที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของไมโครซอฟท์ ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างทั้งความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและศักยภาพเชิงดิจิทัลของประเทศไทยไปพร้อมกัน

ย้อนเอ็มโอยู ไทย-ไมโครซอฟท์

ทั้งนี้ เอ็มโอยูที่ไทย และไมโครซอฟท์ลงนามร่วมกันมีรายละเอียด ดังนี้ 
1.ขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยนวัตกรรมดิจิทัลไมโครซอฟท์ จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานภาครัฐเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สอดคล้องกับนโยบายด้านรัฐบาลดิจิทัลและการใช้บริการระบบคลาวด์ภาครัฐ หรือ Cloud First ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนภาคการเกษตร สาธารณสุข การท่องเที่ยว และการศึกษา 

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะร่วมพิจารณาแผนลงทุนก่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย เพื่อยกระดับการใช้งานคลาวด์ และ เอไอต่อไปในอนาคต และพร้อมกันนี้ ไมโครซอฟท์จะให้การสนับสนุนกับรัฐบาลไทยในด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ด้วยการนำเสนอแนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุด พร้อมด้วยความเชี่ยวชาญจากบุคลากรชั้นนำของบริษัท

2.ปูทางสู่อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอ ไมโครซอฟท์จะทำงานร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในการพัฒนาและผสมผสานเทคโนโลยี เอไอ เข้ากับโครงการด้านรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) และบริการสาธารณะต่าง ๆ เพื่อประโยชน์แก่คนไทย 

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีแผนที่จะร่วมกันจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเชิงกลยุทธ์ด้าน เอไอ (AI Center of Excellence) เพื่อยกระดับโครงการที่ใช้เทคโนโลยี เอไอของภาครัฐ จัดทำโรดแมปที่จะช่วยให้การนำเทคโนโลยี เอไอมาใช้งานเกิดขึ้นได้จริง และส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมในภาคส่วนและอุตสาหกรรมต่าง ๆ 

ยิ่งไปกว่านั้น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมยังจะร่วมหารือกับไมโครซอฟท์เกี่ยวกับการกำหนดทิศทางนโยบายและกรอบการกำกับดูแล เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถนำ AI มาใช้งานได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ

3.เสริมทักษะคนไทยเพื่อชีวิตในยุคหน้าไมโครซอฟท์จะสานต่อพันธกิจในการยกระดับทักษะแห่งอนาคตสำหรับคนไทยกว่า 10 ล้านคน ผ่านทางความร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานอื่นๆ โดยครอบคลุมทักษะสำคัญในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นภาษาที่สองเพื่อการสื่อสารหรือความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน ไปจนถึงการฝึกฝนนักพัฒนานวัตกรรมรุ่นใหม่ในทุกสายอาชีพ (Citizen Developers) ในรูปแบบที่เปิดให้ประชาชนสามารถเข้าถึงโอกาสในการเรียนรู้ได้อย่างทั่วถึงยิ่งขึ้น

4.ยกระดับประเทศไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยหน่วยงานภาครัฐของไทยจะทำงานร่วมกับไมโครซอฟท์เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2608 ผ่านทางการสร้างพื้นที่ทดสอบสำหรับการพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Sandbox) เพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกภาคส่วน นับตั้งแต่ภาครัฐ องค์กรเอกชนขนาดใหญ่ ไปจนถึงผู้ประกอบการรายย่อย นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังมีแผนที่จะนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้งานเต็ม 100% ในโครงการและแผนการลงทุนในอนาคตอีกด้วย

สร้างผลกระทบเชิงบวกให้ไทย

ก่อนหน้านี้ นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการพูดคุยและสัญญาระหว่างผู้บริหารระดับสูง ดังนั้นเชื่อว่า จะสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับประเทศไทยได้ ซึ่งการทำงานร่วมกันจากนี้มีอยู่หลายเรื่องอย่างมาก รวมถึงการนำคลาวด์และเอไอมาช่วยยกระดับประสิทธิภาพระบบงานของภาครัฐ เดินหน้าสู่อีกอฟเวอร์เมนท์ และการพัฒนาดิจิทัลอินฟราสตรักเจอร์ต่างๆ

ขณะเดียวกัน ผลักดันให้เกิดการใช้งานเอไออย่างเป็นรูปธรรมในหน่วยงานต่างๆ และแน่นอนว่าที่ต้องทำควบคู่กันไปคือการพัฒนาทักษะบุคลากร โดยเฉพาะด้านเอไอ ทั้งจะมีการแบ่งปันความรู้ด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้เพื่อนำองค์ความรู้ที่มีมาทำงานร่วมกันและต่อยอดต่อไป

โดยไมโครซอฟท์จะมีการประชุมกับนายกฯ ทุก 3 เดือน เพื่อหารือ ขอความช่วยเหลือในสิ่งที่ติดขัดและทำให้งานเดินไปข้างหน้าได้ตามแผน ภาพรวมมีโจทย์ที่สำคัญคือ การลงทุนที่จะเกิดขึ้นต้องสร้างมูลค่าเพิ่ม ผลกระทบเชิงบวก มีส่วนสำคัญต่อการลดค่าใช้จ่าย ยกระดับการทำงานภาครัฐ และการให้บริการภาคประชาชน

ส่วนของการจัดสรรงบประมาณ หลักๆ ทางไมโครซอฟท์จะตั้งเป็นรายปี (CAPEX) ด้านการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ จะสอดคล้องไปกับนโยบายการให้บริการระดับภูมิภาค และแผนงานด้านคลาวด์แฟบริก มีการเชื่อมโยงเพื่อใช้งานในระดับภูมิภาคไม่ใช่แค่ในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม อีกทางหนึ่งยังมีความท้าทายคือ ภาครัฐจะมีแนวทางที่สามารถปลดล็อกเรื่องการทำสัญญา ที่สามารถสนับสนุนให้การทำงานร่วมกันกับภาคเอกชนเดินไปข้างหน้าได้หรือไม่ อย่างไร เช่น หากเป็นสัญญาแบบข้ามปีจะทำได้ไหม จะมีแนวทางปลดล็อกเมื่อต้องมีความร่วมมือแบบระยะกลางหรือระยะยาวอย่างไร

สำหรับการร้องขอและเงื่อนไข รวมถึงข้อเสนอและสิทธิประโยชน์ เช่นด้านภาษี เป็นเรื่องที่ต้องมีการพูดคุยกันในรายละเอียดระหว่างกันเพิ่มเติม โดยภาพรวมเฟสแรกจะเป็นการพูดคุยหารือถึงเงื่อนไขและจัดลำดับความสำคัญของงาน หลังจากนั้นเฟส 2 เดินหน้าสู่การโรลเอาท์ ผลักดันไปสู่การปฏิบัติจริงอย่างเป็นรูปธรรม

‘ยายแต๋ว’ หลานม่าเผย ทำไมผู้สูงวัย ต้องส่งข้อความ ‘สวัสดี’ ให้ทุกวัน ย้ำ อยากให้ลูกหลาน กลับไปหาคนที่อยู่ข้างหลังบ้าง ก่อนที่จะไม่มีโอกาส

(5 เม.ย.67) เข้าฉายแล้วสำหรับภาพยนตร์เรื่อง หลานม่า เรื่องราวความผูกพันระหว่างอาม่าที่กำลังป่วย กับหลานชายที่มาอยู่ดูแลในวาระสุดท้าย ซึ่งล่าสุด ยายแต๋ว อุษา เสมคำ ก็ได้มาพูดถึงหนังเรื่องนี้ในรายการ รอบวัน ทางช่องวัน

ซึ่งในรายการ ได้มีการสัมภาษณ์ท่อนหนึ่งของ ยายแต๋ว อุษา เสมคำ ปัจจุบันอายุ 78 ปี นักแสดงนำจากภาพยนตร์เรื่อง หลานม่า ได้พูดว่า การที่จะทำให้ลูกหลานรายล้อมได้เยอะขนาดนี้ เราก็ต้องรักเขา เราเลี้ยงเขา และมีความผูกพันเมื่อเขาโตแล้วเขาก็ห่างไป แต่หากคิดถึงเราก็โทร หาเขา บางทีลูกไม่มีเวลา เขาก็บอกว่า แม่รอก่อนนะ เราก็รอ

อยากให้ทุกคนไปดูหนังเรื่องนี้ และกลับไปหาคนที่อยู่ข้างหลังบ้าง อย่าให้คนที่เขารอเรานั่งรออยู่ ไม่อยู่ให้รอแล้ว หากมีโอกาสก็ไปดูแลกันบ้าง ไปดูแลคนที่ห่างบ้าง อย่างคนแก่เวลาคิดถึง ก็คิดถึงลูกหลาน ไม่ได้คิดถึงอย่างอื่นเลย

เราบอกทุกคนว่า เวลาเราส่งสวัสดีวันจันทร์ วันอังคาร เพื่อนบางคนเขาก็รำคาญ ไม่อยากส่ง แต่ที่เราส่ง เพื่อบอกว่าเรายังมีชีวิตอยู่ เรายังคิดถึงเขาอยู่ สักวันหนึ่งที่เราไม่ส่ง ก็คือเราไม่อยู่แล้ว คนแก่ไม่มีอะไรมากหรอก คิดถึงลูกหลานแค่นั้น

'รมว.ปุ้ย' ชี้ กรณี กากแคดเมียม ต้องมีคนรับผิดชอบ เตรียมใช้กฎหมาย ลงโทษ ผู้กระทำความผิด!!

เมื่อวานนี้ (5 เม.ย.67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้บริหารกระทรวง ทุกกรมที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปติดตามเรื่องขนย้ายกากแร่แคดเมียมมาที่สมุทรสาคร ที่โรงงานอะลูมิเนียมแท่งและอะลูมิเนียมเม็ด ในสมุทรสาคร

ทั้งนี้ รมว.ปุ้ย ได้เรียกประชุมด่วนและสั่งการโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 35 และมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 สั่งอายัดกากแคดเมียมและกากสังกะสีที่ปรากฏ พร้อมทั้งสั่งระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายและดำเนินคดีทะเบียนโรงงานตามกฎหมาย โดยก่อนหน้านี้ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอายัดกากแร่นี้มาตั้งแต่มีนาคมแล้ว

ในวันเดียวกัน รมว.ปุ้ย ยังได้สั่งการให้มีการเร่งแก้ปัญหาในทุกด้านอย่างเร่งด่วน พร้อมให้ตรวจสอบโรงงานประเภท 106 ซึ่งดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการจัดการกากอุตสาหกรรม และโรงงานประเภท 59 และ 60 ซึ่งดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการหล่อหลอมโลหะในพื้นที่สมุทรสาครทั้งหมด หากโรงงานใดไม่ปฏิบัติตาม พรบ.โรงงาน และประกาศกระทรวงที่เกี่ยวข้อง จะต้องถูกดำเนินคดีทุกข้อหาที่เกี่ยวข้อง และจะต้องมีบทลงโทษขั้นสูงสุดตามบัญญัติ

สำหรับการลงพื้นที่ไปยังโรงงานอะลูมิเนียมแท่งและอะลูมิเนียมเม็ด ที่สมุทรสาคร พบกากแคดเมียมและกากสังกะสีจำนวนราว 2,440 ตัน ส่วนที่เหลือได้ให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจสอบว่าอยู่ที่ไหน อย่างไร อยู่ในพื้นที่เฉพาะตามกำหนดหรือไม่ ขณะที่ในส่วนที่ปรากฏอยู่นี้จะต้องขนย้ายไปยังจุดฝัง ภายใน 7 วัน และให้ฝังกลบให้เสร็จในที่เฉพาะภายใน 15 วัน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและอยู่ในกรอบมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน

นอกจากนี้ รมว.ปุ้ย ยังได้ให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ตรวจสอบการใช้ดุลยพินิจ หากมีการอนุญาตให้เคลื่อนย้าย โดยทราบว่าขณะนี้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีคำสั่งให้อุตสาหกรรมจังหวัดต้นทางย้ายมาช่วยราชการ ที่สำนักงานกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นที่เรียบร้อย

‘กวีเหลวไหลแท้’ โพสต์ ‘ฝรั่งที่ใช้เงินเป็น’ นั่งกินร้านข้าวต้ม ชี้ นี่คือ ซอฟต์พาวเวอร์ของคนไทย อาหารอร่อย บริการเป็นเลิศ

เมื่อวานนี้ (5 เม.ย.67) ‘กวีเหลวไหลแท้’ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับ ‘ร้านข้าวต้ม’ ซึ่งถือเป็น ซอฟต์พาวเวอร์ดั้งเดิมของคนไทย โดยได้ระบุว่า ...

ฝรั่งที่ฉลาดใช้เงินเป็น จะนั่งร้านข้าวต้มหรือร้านอาหารไทยราคาไม่แพง จากนั้นสั่งกับข้าวสักอย่างหรือสองอย่างกินกับข้าว สำหรับคนมีงบประมาณอยู่บ้าง หรือสั่งอาหารเป็นจาน เช่น ข้าวผัด สำหรับคนต้องการประหยัด

ตามภาพ เช็คบิลไม่เกิน 150 อิ่มแปร้ด้วยกุ้งตัวโตแสนอร่อยไปจนเช้า

คนไทยจิตใจบริการเป็นเลิศ อาหารก็อร่อยยอดเยี่ยม จึงไม่แปลกที่ฝรั่งจะชื่นชมนักหนา

นี่คือซอฟต์พาวเวอร์ดั้งเดิมของคนไทย ที่ไม่จำเป็นให้ใครมาแอบอ้าง

เวลคัมทูไทยแลนด์

อาจารย์เซนต์คาเบรียล ประกาศลาออก ไปเป็นครูอาสา ขอเดินหน้า ทำตามฝัน สอนเด็กด้อยโอกาส ตามต่างจังหวัด

(6 เม.ย.67) ผู้ใช้ TIKTOK ที่ชื่อว่า ‘topaanon’ ได้โพสต์คลิป ขอลาออกจากการเป็นอาจารย์ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ไปทำตามความฝัน เป็นครูอาสา โดยได้ระบุว่า ...

สวัสดีครับ ผมมาสเตอร์ท็อปนะครับ วันนี้ผมมีข่าวจะแจ้งให้ทุกท่านทราบ ผมได้ลาออกจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล แล้วนะครับซึ่งเหตุผลก็คือ ผมอยากออกไปทำตามความฝันที่ผมวางเอาไว้ ผมคิดไว้ตั้งนานแต่ยังไม่มีโอกาสและความกล้าที่จะทำ ความฝันของผมก็คือออกไปสอนเด็กตามพื้นที่ต่าง ๆ อารมณ์เหมือนครูอาสา ผมคิดมาเสมอว่ายังมีเด็กอีกมากมายที่ยังไม่มีโอกาสได้เข้าถึงการศึกษา 

ผมอยากจะไปสร้างแรงบันดาลใจให้เขา ได้รับรู้ว่าการเรียนหนังสือนั้นมันไม่ได้น่าเบื่อ มันสนุกแล้วก็มีความสุขได้อย่างที่ผมนั้นได้ทำมาโดยตลอด ผมอยากให้เขารู้ว่าการศึกษานั้นมีความสำคัญ โดยผมนั้นก็เกิดมาในครอบครัวที่ยากจนมาก ๆ เลย แต่ที่มีชีวิตดีได้ก็เพราะการศึกษา ผมขอขอบคุณทุก ๆ คนที่ให้กำลังใจผม ทำให้ผมได้กล้าออกไปทำตามความฝัน บางคนก็ comment ว่าอยากให้ลูกได้เรียนกับผมจังเลย อยากให้เด็ก ๆ ตามต่างจังหวัดได้เจอกับผมจังเลย ซึ่งทุก ๆ ความคิดเห็นก็เป็นกำลังใจให้ผม ผมขอขอบคุณทุก ๆ ท่านมากเลยครับ

การลาออกของผมในครั้งนี้ผมรู้สึกใจหายและก็ลำบากใจมากเลย เพราะผมทำงานที่นี่มา 10 ปีที่นี่เป็นโรงเรียนแรกของผมเลย ผมผูกพันกับที่นี่มาก ที่นี่เป็นโรงเรียนที่ให้โอกาสผมได้สอนในแบบที่ผมเป็น และทำให้ผมได้มีความสุขในการสอนหนังสืออย่างมาก แต่ตอนนี้ผมขอออกไปทำตามความฝันของผมก่อน เพราะถ้าไม่ทำตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำตอนไหนอีกแล้วครับ

เกิดเหตุ ‘แผ่นดินไหว’ ขนาด 4.8 ในมลรัฐ ‘นิวเจอร์ซีย์’ ความรุนแรงมากที่สุด ในรอบกว่า 200 ปี สะเทือนถึง ‘วอชิงตัน-นิวยอร์ก’

(6 เม.ย.67) จากข้อมูลการสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐฯ ระบุว่าแผ่นดินไหวขนาด 4.8 ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนักทางตอนเหนือของมลรัฐ New Jersey เมื่อวันศุกร์ ถือเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดเป็นอันดับ 3 ที่เกิดขึ้นในมลรัฐนี้

แผ่นดินไหวช่วงเช้าวันศุกร์ยังถือเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1783 หรือกว่า 240 ปีมาแล้ว แผ่นดินไหวขนาด 5.1 สองครั้งเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงเพียงครั้งเดียวในมลรัฐนี้ ครั้งแรกในปี 1755 และอีกครั้งในปี 1783 ทั้งสองเกิดขึ้นก่อนที่ New Jersey จะกลายเป็นมลรัฐหนึ่งของสหรัฐอเมริกาในเดือนธันวาคม 1787 แต่เกิดขึ้นในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ซึ่งปัจจุบันเป็นเขตแดนของมลรัฐนี้แล้ว

ข้อมูลของ สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Geological Survey : USGS ระบุว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้รุนแรงเป็นอันดับ 3 ที่เกิดขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในรอบ 50 ปี และรุนแรงที่สุดเป็นอันดับ 10 ในภูมิภาคนี้ แผ่นดินไหวในมลรัฐ New Jersey และภูมิภาคนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก มีแผ่นดินไหวขนาด 2.5 แมกนิจูดหรือมากกว่านั้นเกิดขึ้นเพียง 24 ครั้งในมลรัฐ New Jersey นับตั้งแต่ปี 1700

USGS ระบุว่าเกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 4.0 ในมลรัฐ New Jersey ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองแกลดสโตน ของมลรัฐนี้ อาฟเตอร์ช็อกเกิดขึ้นเกือบ 8 ชั่วโมงหลังจากเกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.8 เกิดอาฟเตอร์ช็อกมาแล้วอย่างน้อย 10 ครั้ง แม้ว่าส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 1.8 ถึง 2.2 แมกนิจูด 

USCG ระบุว่า แผ่นดินไหวขนาด 4.8 เขย่าอาคารต่าง ๆ ทั่วทั้งพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ เมื่อเช้าวันศุกร์ โดยรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนตั้งแต่กรุง Washington, DC ไปจนถึงมหานคร New York และมลรัฐ Maine แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลังแผ่นดินไหวในมลรัฐ New Jersey และการคมนาคมหยุดชะงักเพียงไม่นาน และผู้คนก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อีกครั้ง

จัดโชว์ประเทศไทย ในงาน world expo ที่ญี่ปุ่น เพื่อแสดงศักยภาพ เน้นให้ทั่วโลก เข้าถึงภูมิแบบไทย ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากร

เมื่อวานนี้ (5 เม.ย.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘ARCHITECTS 49 LIMITED’ ได้โพสต์ข้อความ เกี่ยวกับ อาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion World Expo 2025) ในงาน world expo 2025 ณ กรุงโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้แนวคิดหลัก ‘ภูมิพิมาน ดินแดนแห่งภูมิคุ้มกัน’ ที่จะเชื่อมต่อชาวโลกให้เข้าถึงภูมิแบบไทย ๆ โดยได้ระบุว่า ...

‘ภูมิพิมาน ดินแดนแห่งภูมิคุ้มกัน’ Thailand Pavilion อาคารแสดงประเทศไทย ในงาน world expo 2025 

อาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion World Expo 2025) ในงาน world expo 2025 ณ กรุงโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้แนวคิดหลัก ‘ภูมิพิมาน ดินแดนแห่งภูมิคุ้มกัน’ ที่จะเชื่อมต่อชาวโลกให้เข้าถึงภูมิแบบไทย ๆ ผ่านบรรยากาศของดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรและวิถีของผู้คนที่ช่วยสร้างภูมิให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ เป็นการแสดงศักยภาพของประเทศตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ที่จะทำให้ประเทศไทยเชื่อมโยงกับทั่วโลกได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืนในอนาคต 

#ความเป็นไทยในสากล
การออกแบบสถาปัตยกรรมภายใต้แนวคิดหลักข้างต้นที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การแสดงออกถึงความเป็นไทย เน้นการใช้องค์ประกอบอ่อนช้อยที่สร้างบรรยากาศผ่อนคลายเพื่อสร้างประสบการณ์การชมนิทรรศการที่มีความรู้สึกสนุก, สบาย, ผ่อนคลายซึ่งเป็นความรู้สึกที่เป็นความทรงจำร่วมของผู้คนส่วนใหญ่เมื่อได้มาเยือนประเทศไทย

#อัตลักษณ์ศิลปสถาปัตยกรรมไทย
แนวความคิดในการออกแบบอัตลักษณ์ของสถาปัตยกรรม โดยนำองค์ประกอบของศิลปสถาปัตยกรรมไทยโบราณที่สามารถ สื่อสารความเป็นไทยได้อย่างชัดเจนและเป็นที่จดจำได้ของผู้คนทั่วโลก เช่น รูปทรงหลังคาที่มี 'จอมแห' เป็นเส้นกำกับ, การ ย่อมุมเพื่อลดหลันขนาดขององค์ประกอบ, การใช้ลวดลายจักสานของเหลวมาประกอบเพื่อแสดงถึงเชื่อมโยงของความเชื่อและภูมิปัญญาของคนไทย, การใช้สีสันและรูปแบบวัสดุแบบไทย ๆ ที่มีความละเมียดละเอียด

#จั่วในเงาสะท้อน
ตำแหน่งที่ตั้งของอาคารแสดงประเทศไทยอยู่ในโซน Connecting Lives ของผังแม่บทงาน Expo ด้วยลักษณะของแปลง ที่ตั้ง (Plot Site-A13) เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีสัดส่วนด้านหน้าแคบและลึกไปร้อยกว่าเมตรทางด้านหลัง จึงใช้เทคนิคการสะท้อนของผนังสูงให้กับตัวอาคารที่มีลักษณะเป็นครึ่งจั่วขนาบข้างผนังสูงไปตลอดแนวของแปลงที่ตั้ง เกิดเป็นภาพสะท้อนของจั่วที่สมบูรณ์ทั้งสองข้างจากมุมมองทางเข้าหลักของงาน(Main line of Flow) เพื่อเชิญชวนและนำผู้เยี่ยมชมงานเข้าสู่อาคารแสดงประเทศไทยผ่านบรรยากาศของพืชพรรณสมุนไพรตั้งแต่ลานทางเข้าสู่พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการภายใน, พื้นที่กิจกรรมเพื่อสร้างประสบการณ์การมีส่วนร่วม(workshop), พื้นที่จำหน่ายของที่ระลึกและอาหารไทย ต่อเนื่องไปจนถึงทางออกของอาคารในด้านหลังที่มองเห็นต่อเนื่องไปยังพื้นที่สวนป่าขนาดใหญ่ใจกลางงาน (Forest of Tranquility)

#อัตลักษณ์การย่อมุมประยุกต์สัดส่วนไทย
รูปทรงหลังคาของอาคารจัดแสดงประเทศไทยมีความลาดเอียงและสูงต่ำไปตามลักษณะการใช้พื้นที่ภายใน เพื่อรองรับการ จัดแสดงของนิทรรศการและความหนาแน่นของผู้เยี่ยมชมในแต่ละพื้นที่ที่แตกต่างกันออกไป เกิดการใช้พลังงานและทรัพยากรเท่าที่จำเป็นและให้เกิดประโยชน์สูงสุด องค์ประกอบของหลังคาได้นำอัตลักษณ์การย่อมุมมาใช้ในจัดวางชิ้นส่วน วัสดุหลังคา ลดหลั่นให้ลื่นไหลทั้งในแนวยอดสู่ด้านล่างชายคาและแนวด้านหน้าสู่ด้านหลัง การประกอบของชิ้นส่วนย่อยช่วยลดทอนผืนหลังคาผืนใหญ่ของตัวอาคารให้ผู้เยี่ยมชมได้สัมผัสถึงความละเมียดละไมของศิลปสถาปัตยกรรมไทยที่ประยุกต์ใช้กับวัสดุและวิธีการก่อสร้างสมัยใหม่

#datadrivendesign
การวิเคราะห์และนำข้อมูลมาใช้ในการออกแบบเพื่อให้อาคารแสดงประเทศไทยสามารถแสดงออกซึ่งความเป็นไทยได้โดยสอดคล้องกับบริบทที่ตั้งซึ่งแตกต่างทั้งด้านภูมิประเทศและภูมิอากาศให้รองรับการใช้งานและการใช้พลังงานของอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด แสดงให้ทั่วโลกเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยที่มีภูมิเป็นต้นทุนอันอุดมสมบูรณ์ของประเทศไทย และพร้อมที่จะเชื่อมโยงกับสังคมโลกในอนาคตหลากหลายมิติและยั่งยืน

นักวิจัยจีน ปลูกถ่าย ‘ไตหมูดัดแปลงพันธุกรรม’ ในผู้ป่วยที่มีภาวะสมองตาย เผยเป็นทางเลือกใหม่ ให้กับผู้ป่วย ‘โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย’

เมื่อวานนี้ (5 เม.ย.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักวิจัยจีนประกาศความสำเร็จในการปลูกถ่ายไตหมูดัดแปลงพันธุกรรมในผู้ป่วยที่มีภาวะสมองตาย ซึ่งไตดังกล่าวสามารถทำงานได้ดีในร่างกายมนุษย์เป็นระยะเวลา 9 วัน นับตั้งแต่วันผ่าตัดเมื่อวันที่ 25 มี.ค. จนถึงวันพุธ (3 เม.ย.) และความสำเร็จครั้งนี้ถือเป็นความก้าวหน้าอีกขั้นภายหลังการปลูกถ่ายตับหมูดัดแปลงพันธุกรรมในผู้ป่วยที่มีภาวะสมองตายเมื่อเดือนก่อน

การปลูกถ่ายนาน 6 ชั่วโมง 15 นาทีครั้งล่าสุดนี้ได้รับคำแนะนำจากโต้วเคอเฟิง นักวิชาการจากสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน และดำเนินการโดยทีมงานที่นำโดยฉินเว่ยจวิน แพทย์จากโรงพยาบาลซีจิงในเครือมหาวิทยาลัยการแพทย์กองทัพอากาศ ในนครซีอัน มณฑลส่านซีทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน

ฉินระบุว่าทีมงานได้ย้ายไตหมูที่ผ่านการตัดต่อยีนใส่บริเวณท้องน้อยฝั่งขวาของผู้ป่วยรายดังกล่าว โดยหลังจากถอดอุปกรณ์หนีบห้ามเลือดออก พบไตที่ปลูกถ่ายสามารถผลิตน้ำปัสสาวะได้ทันที ส่วนการอัลตราซาวนด์ระหว่างผ่าตัดเผยให้เห็นการไหลเวียนของเลือดที่ดี ซึ่งบ่งชี้ว่าไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านอวัยวะใหม่ที่ร้ายแรง

แผนการผ่าตัดเพื่อปลูกถ่ายไตหมูดัดแปลงพันธุกรรมผ่านการพิจารณาและอนุมัติโดยคณะกรรมการด้านวิชาการและจริยธรรมต่าง ๆ และดำเนินการตามระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องของจีนอย่างเคร่งครัด โดยครอบครัวของผู้ป่วยยินดีที่จะมีส่วนร่วมในการวิจัยข้างต้นเพื่อสนับสนุนความก้าวหน้าทางการแพทย์

การวิจัยการปลูกถ่ายข้ามสายพันธุ์ (xenotransplantation) มีความก้าวหน้าอย่างมากช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีการพัฒนาเชิงลึกในด้านเทคโนโลยีการตัดต่อยีนและภูมิคุ้มกันวิทยา และอาจกลายเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่จะแก้ปัญหาขาดแคลนอวัยวะสำหรับการปลูกถ่าย

ฉินระบุว่าการวิจัยครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการปลูกถ่ายข้ามสายพันธุ์ในจีน ซึ่งจะปูทางสู่การวิจัยและประยุกต์ใช้การปลูกถ่ายประเภทนี้ในทางคลินิก พร้อมมอบทางเลือกใหม่ให้กับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายในอนาคต

อนึ่ง เมื่อวันที่ 10 มี.ค. โรงพยาบาลฯ ประสบความสำเร็จในการปลูกถ่ายตับหมูดัดแปลงพันธุกรรมในผู้ป่วยที่มีภาวะสมองตายได้สำเร็จ ซึ่งสามารถทำงานได้ดีในร่างกายมนุษย์เป็นระยะเวลา 10 วัน ก่อนที่การศึกษาจะสิ้นสุดลงตามความต้องการของครอบครัวผู้ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top