Monday, 29 April 2024
NewsFeed

วิทยุการบินฯ เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการบิน ทำเส้นทางบินคู่ขนานเชื่อมภูมิภาคนำเทคโนโลยีทันสมัย ขับเคลื่อนประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบิน

วิทยุการบินฯ จัดทำเส้นทางบินคู่ขนาน (Parallel Routes) รองรับเที่ยวบินทั้งภายในและระหว่างประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการจราจรทางอากาศ นำเทคโนโลยีช่วยบริหารความคล่องตัวการจราจรทางอากาศ ปรับปรุงโครงสร้างห้วงอากาศ (Airspace) เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการเดินอากาศ มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการบิน  

ดร. ณพศิษฏ์  จักรพิทักษ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลได้มีนโยบายขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค วิทยุการบินฯ ในฐานะหน่วยงานผู้ให้บริการการเดินอากาศของประเทศ มีความพร้อมในการสนับสนุนผลักดันนโยบายของรัฐบาลโดยมุ่งเน้น    การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการเดินอากาศเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบิน วิทยุการบินฯ ได้จัดทำ เส้นทางบินแบบคู่ขนาน (Parallel Routes) ทางด้านเหนือ ไปยังสนามบิน เชียงใหม่ เชียงราย และเส้นทางบินแยกย่อยไปยังสนามบินต่างๆ ในภาคเหนือ รวมถึงการเชื่อมต่อเส้นทางบินระหว่างประเทศเพื่อรองรับเที่ยวบินจากประเทศจีน ซึ่งจะทำให้สามารถเชื่อมโยงไปยังเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของจีน 

เช่น คุนหมิง กุ้ยหยาง เฉิงตู เทียนฟู ฉงชิง ซีอาน ด้านตะวันออก ได้จัดทำเส้นทางบินคู่ขนานระหว่างประเทศรองรับเที่ยวบินจากกัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และออสเตรเลีย ในขณะที่ด้านใต้ ได้จัดทำเส้นทางบินคู่ขนานในประเทศรองรับเที่ยวบินไปยังสนามบิน ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี ตรัง และเส้นทางบินคู่ขนานระหว่างประเทศ รองรับเที่ยวบินจากมาเลเซีย สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ส่วนด้านตะวันตก อยู่ระหว่างจัดทำเส้นทางบินคู่ขนานระหว่างประเทศ เพื่อรองรับเที่ยวบินจากอินเดีย บังคลาเทศ และยุโรป 

ทั้งนี้ การจัดทำเส้นทางบินคู่ขนานใช้เทคโนโลยี Performance Based Navigation (PBN) ในการนำร่องแบบ RNAV2 ที่มีการกำหนด    ทิศทางการบิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการจราจรทางอากาศ ช่วยลดระยะทางการบิน ลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณจราจรทางอากาศจากทุกทิศทาง
 
ดร. ณพศิษฏ์  จักรพิทักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการให้บริการจราจรทางอากาศนั้น การบริหารจัดการ    ความคล่องตัว (Air Traffic Flow Management: ATFM) ช่วยทำให้เกิดความสะดวก คล่องตัว ลดผลกระทบการล่าช้าของเที่ยวบินในช่วงเวลาที่มีปริมาณการจราจรทางอากาศหนาแน่น ในขณะที่การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานทางวิ่ง (High Intensity Runway Operation: HIRO) จะช่วยเพิ่มการรองรับเที่ยวบินของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ถึง 68 เที่ยวบิน   ต่อชั่วโมง และท่าอากาศยานดอนเมือง 60 เที่ยวบินต่อชั่วโมง 

นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีมาบริหารจัดการเที่ยวบินขาเข้า คือ ระบบ Arrival Manager (AMAN) และการจัดการเที่ยวบินขาออกด้วยระบบ Intelligent Departure (iDep) มาใช้ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความคล่องตัวการจราจรทางอากาศ เที่ยวบินสามารถทำการบินได้ตรงเวลาตามตารางการบิน รวมทั้งได้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างห้วงอากาศ (Airspace) ของสนามบินที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันเพื่อให้สามารถรองรับเที่ยวบินได้เพิ่มขึ้น 

ซึ่งแบ่งเป็นการดำเนินงาน 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินอู่ตะเภา กลุ่มที่ 2 สนามบินภูเก็ต สนามบินกระบี่ และสนามบินอันดามัน กลุ่มที่ 3 สนามบินเชียงใหม่ สนามบินลำปาง และสนามบินล้านนา ซึ่งจะทำให้โครงสร้างพื้นฐานการเดินอากาศของประเทศไทยมีศักยภาพ พร้อมขับเคลื่อนไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบิน

อุกอาจ!! ‘คนร้าย’ แฝงตัวบุกยิง 'ทหารพรานหญิง' ดับกลางตลาด จ.นราธิวาส คาดเกิดจาก ‘ปัญหาส่วนตัว-ความมั่นคง’ หลังปีก่อนน้องชายเพิ่งถูกลอบยิงไป

เมื่อวานนี้ (28 มี.ค.67) เวลา 17.30 น. เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนลอบยิง อาสาสมัคร ทหารพรานหญิง นูรีซัน พรหมศรี สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 ช่วยราชการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เหตุเกิดบริเวณพื้นที่ ตลาดดุซงญอ หมู่ที่ 1 ตำบลดุซงญอ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส 

จากการสอบสวนทราบว่า ในระหว่างที่ อส.ทพ.หญิงนูรีซัน สังกัดกรมทหารพรานที่ 49 ลาพัก ได้นำสินค้าประเภทอาหารมาจำหน่ายที่ตลาดนัดดุซงญอ อ.จะแนะ และขณะที่ อส.ทพ.หญิงกำลังเดินขายอาหารอยู่นั้น ได้มีคนร้ายจำนวน 1 คน เดินแฝงตัวปะปนกับชาวบ้าน เมื่อสบโอกาสคนร้ายได้เดินเข้าประชิด พร้อมใช้อาวุธปืนพก ขนาด 9 มม. ออกมาจากเอวแล้วจ่อยิงที่ศีรษะของ อส.ทพ.หญิง นูรีซัน 1 นัด เมื่อถูกกระสุนปืน อส.ทพ.หญิง นูรีซัน ล้มทั้งยืน เสียชีวิตคาที่ ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงต่างพากันร้องเสียงหลงและวิ่งหลบกันชุลมุน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตั้งไว้ 2 ประเด็น คือ มาจากปัญหาส่วนตัว แต่ไม่ตัดทิ้งปัญหาความมั่นคง เนื่องจากก่อนหน้านี้ประมาณปลายปี 66 น้องชายของ อส.ทพ.หญิง นูรีซัน ถูกกลุ่มคนร้ายลอบยิงเสียชีวิตมาแล้ว เจ้าหน้าที่จะทยอยเชิญตัวผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์รวมทั้งเครือญาติของผู้ตาย มาให้ปากคำเพื่อนำไปสู่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นต่อไป

‘เทคนิคระยอง’ เปิดตัว AI Robot ‘น้องชะมวง’ ช่วยอ่านรายชื่อนักศึกษา ในงานรับใบประกาศนียบัตร แถมทำอย่างเต็มที่!! ‘ไม่มีบ่น-ไม่มีเหนื่อย’

เมื่อวานนี้ (28 มี.ค. 67) ที่โดมอาคารอเนกประสงค์ วิทยาลัยเทคนิคระยอง ต.ท่าประดู่ อ.เมือง จ.ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกิตติพงค์ อุตตมะเวทิน ผอ.วิทยาลัยเทคนิคระยอง เป็นประธานในพิธีมอบใบประกาศนียบัตรสำเร็จการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2566 แก่ นศ. ระดับ ปวช. และ ปวส. จำนวน 1,489 คน โดยมีครูและผู้ปกครอง มาร่วมแสดงความยินดีจำนวนมาก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้ครูและผู้ปกครอง ได้ร่วมแสดงความยินดีและเป็นกำลังใจให้กับนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษา โดยในพิธีมอบประกาศนียบัตรแก่นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาดังกล่าว ได้มีการนำหุ่นยนต์ AI Robot ชื่อ ‘น้องชะมวง’ มาอ่าน หรือขานชื่อนักศึกษาที่เข้ารับใบประกาศนียบัตรสำเร็จการศึกษา ซึ่งสร้างความฮือฮาแก่ผู้ปกครองเด็กนักศึกษาอย่างมาก ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

ด้าน นายกิตติพงค์ อุตตมะเวทิน ผอ.วิทยาลัยเทคนิคระยอง กล่าวว่า การใช้หุ่นยนต์ AI Robot มาขานชื่อนักศึกษาที่เข้ารับใบประกาศรับบัตรสำเร็จการศึกษาดังกล่าว สืบเนื่องจากวิทยาลัยเทคนิคระยอง เป็นสถานศึกษาที่เน้นเรื่องนวัตกรรม และเทคโนโลยีในการพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาที่มีคุณภาพ เพื่อที่จะให้ นศ. คนรุ่นใหม่ออกไปพัฒนาประเทศ ตามนโยบายของวิทยาลัยฯ ที่ต้องการให้ผู้เรียนเมื่อสำเร็จการศึกษาไปแล้วมีสมรรถนะสูง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการบ่งบอกว่า วิทยาลัยเทคนิคระยอง ก้าวล้ำทางด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมต่าง ๆ ในการพัฒนาประเทศ แถมการนำหุ่นยนต์ AI Robot ‘น้องชะมวง’ มาขานชื่อ นศ.เข้ารับใบประกาศนียบัตรสำเร็จการศึกษาดังกล่าว ยังมีข้อดีคือ น้องไม่มีบ่น ไม่มีเหนื่อย และยังไม่ต้องเปลี่ยนคนอ่าน หรือขานชื่อบ่อยๆ อีกด้วย

‘จีน’ ออกแบบ ‘รร.อนุบาล’ ใต้แนวคิด ‘ของเล่นชิ้นใหญ่สำหรับเด็ก’ สร้างสภาพแวดล้อมผ่อนคลาย-ปลอดภัย-พร้อมเรียนรู้ในหลากมิติ

โรงเรียนอนุบาล ‘Xicheng Dayang Preschool Group’ พื้นที่ 6,667 ตารางเมตร จำนวน 12 ชั้น ตั้งอยู่ในเมืองหลินไห่ เมืองไถโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ออกแบบโดย Atelier RenTian สามารถรองรับเด็กอายุระหว่าง 3 ถึง 6 ปี ได้ 360 คน

ด้วยแนวคิดการออกแบบ ‘ของเล่นชิ้นใหญ่สำหรับเด็ก’ การออกแบบนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ สร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ทำให้เด็กรู้สึกสบายใจ ผ่อนคลาย และปลอดภัย รวมถึงสร้างพื้นที่การสอนสำหรับเด็กที่เคารพธรรมชาติ พัฒนาบุคลิกภาพ และปลูกฝังจิตวิญญาณ

เมื่อมองจากระยะไกล อาคารทั้งหลังนี้ดูเหมือนเรือ ที่กำลังแบกเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ เพื่อล่องไปสู่อนาคตอันสดใส

ระเบียงถูกออกแบบให้ถอยร่นออกไปทีละชั้นคล้ายคลื่น และส่วนหน้าของขั้นบันไดช่วยเพิ่มมุมมองที่โปร่งโล่งและในขณะเดียวกันก็สะท้อนรูปร่างของภูเขาที่อยู่ด้านหลัง ทั้งแสงแดด ลม และต้นไม้จำนวนมากผสานรวมเข้าด้วยกัน สู่พื้นที่เล่าเรียนและละเล่น เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้สัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลทั้งสี่และการสลับสับเปลี่ยนของกลางวันและกลางคืน ช่วยส่งเสริมการพัฒนาทักษะทางกายภาพของเด็กเพิ่มจิตวิญญาณในการสำรวจของเด็ก และเอื้อต่อการพัฒนาสุขภาพจิตของเด็กมากขึ้น

ขณะที่การปลูกต้นไม้บนหลังคา ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ควบคุมความชื้นภายในอาคารและทำให้สภาพแวดล้อมสวยงาม แต่ยังทำหน้าที่เป็นห้องเรียนธรรมชาติที่ขยายออกไปนอกเหนือจากห้องเรียนปกติอีกด้วย ด้วยการมีปฏิสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับพืช ดอกไม้ และแมลงต่าง ๆ เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้และใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมดังกล่าวทำความเข้าใจเกี่ยวกับโลกธรรมชาติเพิ่มเติม ด้วยแนวทางนี้จะกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นและความคิดสร้างสรรค์ ส่งเสริมการพัฒนาความสามารถทางประสาทสัมผัสต่าง ๆ รวมถึงการสังเกต การได้ยิน และการสัมผัส ช่วยให้เด็ก ๆ สร้างความเชื่อมโยงกับธรรมชาติและพัฒนาความรู้สึกอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของพวกเขา

ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่สี่เหลี่ยมคางหมู การออกแบบนี้ได้ทำลายรูปแบบเชิงพื้นที่ที่เรียบง่ายของโรงเรียนอนุบาลแบบดั้งเดิมที่เราเห็นกันจนชินตา โดยขยายพื้นที่การจราจรไปสู่พื้นที่กิจกรรมในร่มและกลางแจ้งโดยมีธีมการออกแบบที่แตกต่างกัน เช่น ทางเดินกิจกรรมที่ซิกแซกจะขยายใหญ่ขึ้นจะสร้างพื้นที่การสื่อสารและพื้นที่ทางสังคม หรือห้องโถงซึ่งเป็นพื้นที่กิจกรรมและละเล่นเกมต่าง ๆ ในร่ม รวมถึงสไลเดอร์สำหรับเด็กได้รับการจัดเรียงอย่างลงตัวทั้งในร่มและกลางแจ้งเพื่อเชื่อมต่อชั้นต่าง ๆ ทำให้เกิดกิจกรรมและสถานที่ละเล่นที่หลากหลายและมีสีสันสำหรับเด็ก

พื้นที่กิจกรรมกลางแจ้งของแต่ละชั้นเรียนจะถูกจัดไว้ด้านนอก โดยพื้นที่กิจกรรมกลางแจ้งของเด็กแต่ละคนจะถูกคั่นด้วยช่องทางเดินหรือลู่วิ่ง ซึ่งทำให้ขอบเขตที่เข้มงวดระหว่างชั้นเรียนลดน้อยลง และสร้างความสัมพันธ์เชิงพื้นที่ที่เปิดกว้างมากขึ้นและสามารถบูรณาการได้ ทำให้พื้นที่กิจกรรมของเด็ก ๆ กลายเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งเด็กจากชั้นเรียนและกลุ่มอายุที่แตกต่างกันสามารถเคลื่อนไหว โต้ตอบ และเล่นกันได้อย่างอิสระ

แนวคิดของ ‘ความพร้อมใช้งาน’ ถูกนำมาใช้ในการออกแบบสภาพแวดล้อมการศึกษาก่อนวัยเรียน โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงความเป็นไปได้ในการส่งเสริมพฤติกรรมของเด็ก และเพิ่มคุณค่าการศึกษาผ่านการสร้างสภาพแวดล้อม โดยเชื่อว่าพื้นที่การศึกษาก่อนวัยเรียนไม่เพียงแต่เป็นการผสมผสานระหว่างสื่อการเรียนการสอนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างครู เด็ก และสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ด้วยการรับรู้ถึงความพร้อมของสภาพแวดล้อม เด็ก ๆ จะค้นพบความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่เกิดจากการสำรวจ

ภายในโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ยังออกแบบพื้นที่เล็ก ๆ ที่น่าสนใจ เช่น พื้นที่ที่ซ่อนอยู่ตรงหัวมุมหรือพื้นที่เตี้ย ๆ ที่มีเพียงเด็กเท่านั้นที่สามารถยืนและเล่นได้ เพื่อปลูกฝังการรับรู้ทางอารมณ์ของเด็ก

โลกใบเล็ก ๆ ที่เป็นของเด็ก ๆ เหล่านี้เป็นที่นิยมในหมู่เด็ก ๆ การออกแบบโรงเรียนอนุบาลจึงควรเพิ่มสถานที่บางแห่งที่มีเฉพาะเด็กเท่านั้นที่สามารถเข้า ผ่าน และใช้งานได้ บ้านหลังเล็ก ๆ ถ้ำเล็ก ๆ และกำแพงปีนเล็ก ๆ ช่วยให้เด็ก ๆ ได้สำรวจและค้นพบพื้นที่ที่น่าสนใจ พร้อมทั้งได้ใช้ความต้องการด้านการเคลื่อนไหวเพื่อพฤติกรรมต่าง ๆ การออกแบบเหล่านี้สามารถเพิ่มความปรารถนาของเด็กในการสำรวจโลกได้อย่างอิสระ โต้ตอบกับเด็กคนอื่น ๆ ในพื้นที่อิสระขนาดเล็กเพื่อส่งเสริมการพัฒนาทักษะทางสังคม

นอกจากพื้นที่ขนาดเล็กที่เหมาะกับขนาดของเด็ก ๆ แล้ว พื้นที่สาธารณะก็มีความสำคัญเช่นกัน เช่น การออกแบบห้องสมุดเพื่อให้มีพื้นที่อ่านหนังสือที่หลากหลาย การจัดวางช่องรับแสง และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สำหรับการเล่นในห้องโถงใหญ่ เพื่อสร้างความสดใสและสภาพแวดล้อมหลายมิติที่น่าสนใจ

โดยสกายไลท์บนหลังคาได้รับการติดตั้งในห้องโถงกลางหลัก และห้องโถงเล็ก 2 แห่งทางทิศเหนือและทิศใต้ แสงสว่างที่ดีจะสร้างสภาพแวดล้อมที่สว่างและสะอาดให้กับเด็ก ๆ

ทั้งนี้ โมเดลการศึกษาระดับอนุบาลแบบ ‘เปิด’ เป็นรูปแบบการศึกษาก่อนวัยเรียนที่ใช้กันทั่วไปในประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเหมาะสำหรับการพัฒนาทางร่างกายและจิตใจของเด็ก

ตามทฤษฎีการศึกษาปฐมวัยสมัยใหม่ (วิธีมอนเตสซอรี่) เชื่อว่ากิจกรรมการสื่อสารของเด็กทุกวัยจะเอื้อต่อการเติบโตทางจิตใจ การเติบโตทางความรู้ และการพัฒนาความสามารถทางสังคม โรงเรียนอนุบาลควรจัดให้มีพื้นที่ให้เด็กทุกวัยได้มีปฏิสัมพันธ์กัน และสร้างโอกาสให้เด็กทุกวัยได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ดังนั้นในการออกแบบพื้นที่สถาปัตยกรรมของโรงเรียนอนุบาลจึงจำเป็นต้อง เน้นทั้งการแยกและการผสมผสาน ความยืดหยุ่นและการเปลี่ยนแปลง รวมถึงให้ความสำคัญกับการสร้างกิจกรรมสาธารณะและพื้นที่การสื่อสาร

จากอัตราการเกิดของประชากรจีนที่ลดต่ำลงเป็นลำดับ ทำให้จำนวนโรงเรียนอนุบาลอาจไม่ใช่เป้าหมายหลักที่รัฐบาลจีนมุ่งเน้น การส่งเสริมหรือสนับสนุนให้มีการพัฒนา ปรับปรุง หรือกระทั่งสร้างโรงเรียนอนุบาลคุณภาพที่คิดทุกด้านมาอย่างรอบคอบเช่นเดียวกับ โรงเรียนอนุบาล Xicheng Dayang Preschool Group น่าจะเป็นคำตอบที่ใช่มากกว่า (อย่างน้อยก็ในขณะนี้) เพื่อฟูมฟักทรัพยากรมนุษย์ที่แม้จะมีจำนวนน้อยลง แต่มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างมีคุณภาพ 

จากรายงานของ Statista ระบุว่าในปี 2566 จำนวนเด็กที่เกิดต่อประชากร 1,000 คนในประเทศจีนอยู่ที่ 6.39 คน เท่านั้น ซึ่งอัตราการเกิดลดลงอย่างมากนับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา และจำนวนการเกิดลดลงต่ำกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตในปี 2565 เป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ ส่งผลให้อัตราการเติบโตของประชากรจีนติดลบ!

เช่นเดียวกับประเทศและดินแดนในเอเชียตะวันออกส่วนใหญ่ ประชากรจีนในปัจจุบันมีอัตราการเจริญพันธุ์ที่ต่ำมาก เนื่องจากอัตราการเจริญพันธุ์ที่ต่ำในระยะยาวจำกัดการเติบโตทางเศรษฐกิจ และนำไปสู่ความตึงเครียดอย่างมากต่อระบบบำนาญและระบบสุขภาพ รัฐบาลจีนจึงตัดสินใจสนับสนุนการคลอดบุตรโดยค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการคุมกำเนิดที่เข้มงวดซึ่งใช้กันมากว่าสามทศวรรษ 

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงจากนโยบายนี้มีน้อยกว่าที่คาดไว้มาก เพราะอัตราการเกิดเพิ่มขึ้นจาก 11.9 คนต่อประชากร 1,000 คนในปี 2553 เป็น 14.57 คนในปี 2555 และยังคงอยู่ในระดับที่สูงขึ้นแค่ราว 2-3 ปี แต่ก็ลดลงอีกครั้งสู่ระดับต่ำสุดใหม่ในปี 2561 นี่แสดงให้เห็นถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่จำกัดจำนวนการเกิด ซึ่งปัจจัยเหล่านี้น่าจะคล้ายคลึงกับปัจจัยที่มีประสบการณ์ในประเทศที่พัฒนาแล้วอื่น ๆ เช่นกัน เช่น ผู้หญิงชอบที่จะคว้าโอกาสในการทำงานมากกว่าการคลอดบุตร มีค่าใช้จ่ายสูงในการเลี้ยงดูลูก ฯลฯ

จำนวนการเกิดที่ลดลงยังสัมพันธ์กับจำนวนประชากรวัยเจริญพันธุ์ที่ลดลงอีกด้วย โดยกลุ่มอายุระหว่าง 15 ถึง 29 ปีในปัจจุบันมีขนาดเล็กกว่ากลุ่มอายุระหว่าง 30 ถึง 44 ปี อย่างมาก

อ้างอิง: https://www.archdaily.com/1014752/linhai-xiecheng-kindergarten-atelier-rentian
 

https://www.gooood.cn/linhai-xiecheng-kindergarten-by-atelier-rentian.htm

รู้จัก 'น้องไตตั้น' เด็กเก่งผู้สอบติดเตรียมอุดมฯ ด้วยคะแนนลำดับ 2 ของประเทศ มุ่งมั่นขอสอบชิงทุนเล่าเรียนหลวง (ทุนคิง) หวังนำความรู้ที่ได้กลับมาพัฒนาชาติ

รายการ THE TOMORROW มหาชนต้องรู้ ออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ 'น้องไตตั้น' เด็กชายปริญ มิตรารัตน์ เด็กเก่งจากโรงเรียนสาธิตปทุมวัน ที่สามารถสอบติด ม.4 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ด้วยคะแนนเป็นลำดับที่ 2 ของประเทศ

โดยวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับน้องไตตั้น อีกหนึ่งเด็กไทยที่ทุกคำตอบมีความคิดไกลเกินวัยเด็ก 14 ปี ผ่านบทสัมภาษณ์นี้กันให้มากขึ้น...

ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจทุ่มเทของน้องไตตั้น เด็กชายปริญ มิตรารัตน์ ที่มีความขยันศึกษาหมั่นเพียร ทำให้เขาสามารถสอบติด ม.4 ถึง 3 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์, โรงเรียนกำเนิดวิทย์ และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา 

แต่สุดท้ายน้องไตตั้น ตัดสินใจเลือกเรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เนื่องจาก ม.1-ม.3 เรียนที่โรงเรียนสาธิตปทุมวัน ซึ่งเป็นโรงเรียนที่อยู่ข้าง ๆ กัน สถานที่ใกล้เคียงกันทำให้ไม่ต้องปรับตัวเยอะ และการเลือกเรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาก็เป็นการเปิดโอกาสในการสอบทุนเล่าเรียนหลวง (King’s Scholarship) หรือ ‘ทุนคิง’ ซึ่งเป็นทุนให้นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายที่ศึกษาในไทยมีโอกาสไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในต่างประเทศได้

น้องไตตั้น เล่าให้ฟังว่า ตอนทราบผลสอบดีใจมาก คุณพ่อคุณแม่ก็ดีใจมากเช่นกัน ส่วนเหตุผลที่ทำให้สามารถสอบได้คะแนนสูงขนาดนี้? น้องไตตั้น บอกว่า "ผมเตรียมสอบทุกวิชามาเป็นอย่างดี ซึ่งวิชาที่ผมน่าจะทำได้ดี คือ คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษที่บ้านปลูกฝังให้เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล"

เมื่อถามว่าพลาดตรงไหนถึงทำให้ไม่ได้ที่หนึ่ง? น้องไตตั้นตอบว่า "ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ผมทำเต็มที่แล้ว ทุกคนที่มาสอบแข่งขันก็มีความเก่งเหมือนกันไม่ใช่ผมคนเดียว เก่งกันทุกคน ขึ้นอยู่กับจังหวะในวันสอบว่าเราพร้อมมากน้อยแค่ไหน"

เมื่อถามถึงแนวทางในการเตรียมตัวสอบและการใช้ชีวิต? น้องไตตั้น กล่าวว่า "ผมเรียนพิเศษมาเรื่อย ๆ และเริ่มจริงจังตอน ม.2 ซึ่งผมว่าการเตรียมตัวสอบไม่ได้มีวิธีเดียว บางคนชอบเรียนพิเศษก็สามารถเรียนได้ หรือบางคนชอบอ่านหนังสือแล้วฝึกทำโจทย์เองก็ได้ครับ แต่โดยปกติเมื่อเรียนพิเศษเสร็จ ผมก็จะกลับมาทบทวนบทเรียนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งส่วนตัวชอบเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ส่วน Life Style การใช้ชีวิต ผมก็ไม่ได้อ่านหนังสือตลอดเวลา แต่ยังแบ่งเวลาเล่นกีฬา โดยเฉพาะบาสเกตบอล และผ่อนคลายด้วยการดูหนังฟังเพลง และเล่นเกมบ้าง"

เมื่อถามถึงความฝัน? น้องไตตั้น เผยว่า "อยากทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โปรแกรมเมอร์ วิศวกรคอมพิวเตอร์ เพราะชอบศึกษาด้าน Software ชอบเขียนโค้ด และตอนนี้ก็กำลังเข้าค่ายอบรมของ สอวน. (มูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการ และพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา) ค่ายที่ 2 ซึ่งการเข้าค่าย สอวน. เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทำให้สนใจด้านคอมพิวเตอร์มากขึ้น"

น้องไตตั้น เสริมอีกว่า ส่วนอนาคตอันใกล้นี้ ตั้งเป้าหมายว่าอยากเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันโอลิมปิกวิชาการระหว่างประเทศด้านคอมพิวเตอร์ เพื่อต่อยอดทางการศึกษา และสอบชิงทุนเล่าเรียนหลวง (King’s Scholarship) เพื่อไปศึกษาต่อที่ Stanford University มหาวิทยาลัยระดับโลกที่มีชื่อเสียงในหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านวิศวกรรม วิทยาการคอมพิวเตอร์ โดยเมื่อเรียนจบตั้งใจนำความรู้ที่ได้มาพัฒนาประเทศ"

เมื่อถามว่าอยากฝากถึงเด็กรุ่นใหม่ที่อยากเรียนเก่ง จะต้องทำอย่างไรบ้าง? น้องไตตั้น เผยว่า "เริ่มแรกต้องตั้งเป้าหมายว่าอยากได้อะไร อยากเรียนที่ไหน อยากได้เกรดเท่าไหร่ และต้องเชื่อมั่นว่าทำได้ และเลือกเส้นทางดูว่า จะทำให้เดินไปสู่เป้าหมายนั้นได้อย่างไร"

ท้ายสุด น้องไตตั้น ได้กล่าวขอบคุณ คุณพ่อคุณแม่ ที่ดูแลใส่ใจมาโดยตลอด และยังให้ความรักและกำลังใจในเรื่องการเรียน พร้อมทั้งบอกว่า ถ้าไม่มีท่านทั้งสอง ตนก็คงไม่มีวันนี้...

สตม.รวบหนุ่มเกาหลี “หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์” เสียหายมูลค่ากว่า 200 ล้านวอน แอบกบดานเมืองพัทยา “OVERSTAY”

วันนี้ (29 มี.ค. 67) เวลา 11.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1, พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงชัย ผกก.สส.บก.ตม.๓, พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สส.บก.ตม.1, พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.ตม.จว.ชลบุรี ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

1. สตม.รวบหนุ่มเกาหลี “หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์” เสียหายมูลค่ากว่า 200 ล้านวอน แอบกบดานเมืองพัทยา “OVERSTAY”  ตม.จว.ชลบุรี จับกุม นายโอ (นามสมมุติ) อายุ 51 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม คอนโดมิเนียมในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี  การจับกุมคนต่างด้าวรายนี้สืบเนื่องจาก ตม.จว.ชลบุรี ได้รับแจ้งข้อมูลจากกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่านายโอ (นามสมมุติ) อายุ 51 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของทางการเกาหลีใต้ในความผิดฐานฉ้อโกง และองค์การตำรวจสากลได้ออกประกาศสีแดง (INTERPOL RED NOTICE) โดยนายโอ มีพฤติการณ์เป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตั้งฐานอยู่ที่ประเทศจีน ได้ใช้วิธีโทรศัพท์และส่งข้อความหลอกลวงเหยื่อผู้เสียหายในประเทศเกาหลีใต้ โดยสร้างสถานการณ์ในรูปแบบต่าง ๆ หลอกให้เหยื่อหลงเชื่อจนโอนเงินมาให้สมาชิกในกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในช่วงเวลา 2 สัปดาห์สามารถหลอกเหยื่อได้จำนวน 6 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านวอน หลังจากทางการเกาหลีใต้ได้ออกหมายจับ นายโอได้หลบหนีคดีมาซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา ตม.จว.ชลบุรี จึงได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่านายโอได้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุดแล้ว (OVERSTAY) จากนั้นได้สืบสวนติดตามหาตัวนายโอในย่านที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองพัทยา จนกระทั่งสืบทราบว่านายโอได้มาเช่าคอนโดแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้ไปตรวจสอบเมื่อพบตัวนายโอจึงได้จับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว  
 

'หลุยส์ วิตตอง' เผยโฉม 8 กระเป๋าสตางค์สะพายข้างหญิงสุดคูล ตอบโจทย์สาวยุคใหม่ 'หรู-เท่-ใช้งานง่าย' ใบเดียวจบ ไม่ต้องพกเยอะ

เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับกระเป๋าสตางค์ใบเล็กที่ต้องเก็บไว้ในกระเป๋าใหญ่อีกที แต่ทราบหรือไม่ว่า...ทุกวันนี้หลายคนก็เริ่มหันมาสนใจการใช้กระเป๋าสตางค์แบบสะพายข้างกันมากขึ้น เพราะไม่ต้องการพกข้าวของเยอะ และไม่อยากใช้กระเป๋าสะพายข้างใบใหญ่ 

ยิ่งในยุคดิจิทัลที่มีการใช้จ่ายและพกบัตรออนไลน์กันมากขึ้น กระเป๋าสตางค์แบบแยกจึงยิ่งไม่ค่อยจำเป็น 

จากแนวโน้มดังกล่าว จึงกลายเป็นไอเดียสำคัญให้แบรนด์ 'หลุยส์ วิตตอง' ได้รวบรวมกระเป๋าสตางค์สะพายข้างหญิง สำหรับคนที่กำลังมองหากระเป๋าสตางค์พกง่าย ใบเดียวจบ ไม่ต้องพกเยอะ แถมยังหยิบสตางค์ใช้ง่าย ไม่ต้องงมหาให้วุ่นวาย

และนี่คือ 8 คอลเลกชัน ที่ 'หลุยส์ วิตตอง' จัดมาให้...

1.กระเป๋าสตางค์สะพายข้างหญิงแบรนด์ หลุยส์ รุ่น Mini Bumbag

เริ่มกันที่ใบแรกที่มีชื่อรุ่นว่า Mini Bumbag ตัดเย็บจาก Monogram แคนวาส ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของหลุยส์ วิตตอง มาพร้อมรูปทรงที่มีความน่าสนใจ กับสี่เหลี่ยมคางหมู เป็นกระเป๋าสตางค์ใบไม่เล็กมาก สามารถจุของได้มากกว่าการใส่สตางค์ รองรับการบรรจุโทรศัพท์มือถือ หูฟัง กุญแจรถ บัตรต่าง ๆ มาพร้อมสายสะพายที่มีให้ใช้งานถึง 2 สายด้วยกัน โดยสายหนึ่งเป็นสายหนังสีน้ำตาล ส่วนอีกสายเป็นสายโซ่สีทอง สะพายข้างก็ได้ หรือสะพายเฉียงก็ไม่ขัดสำหรับกระเป๋าใบนี้ 

2.กระเป๋าสตางค์สะพายข้างหญิงแบรนด์ หลุยส์ รุ่น Nano Noé

ใบถัดมามีชื่อรุ่นว่า Nano Noé เป็นอีกหนึ่งดีไซน์ที่น่าสนใจ ใช้เป็นกระเป๋าสตางค์แบบสะพายข้างได้ เพราะใบไม่ใหญ่เกินไป ตัดเย็บจากผ้าแจ็คการ์ดลาย Monogram ดีไซน์รูปทรงเป็นแบบบักเก็ต มีเชือกรูดสำหรับเปิด-ปิดกระเป๋า บรรจุของได้พอสมควร ทั้งสตางค์ โทรศัพท์มือถือ หูฟัง บัตรต่าง ๆ สามารถสะพายข้างได้ด้วยสายหนังสีน้ำตาล มีสายโซ่สีทองหรูหราประดับที่ด้านหน้ากระเป๋า ใบนี้ออกแนวน่ารักเอาใจวัยรุ่น แมทซ์กับเสื้อผ้าง่าย ๆ ได้อย่างลงตัว 

3.กระเป๋าสตางค์สะพายข้างหญิงแบรนด์ หลุยส์ รุ่น Ivy

กระเป๋าสตางค์ใบนี้มีชื่อรุ่นว่า Ivy ที่มาพร้อมสี่เหลี่ยมผืนผ้าใบยาว สามารถใส่ธนบัตรแบบไม่ต้องพับได้ อีกทั้งยังสามารถบรรจุโทรศัพท์มือถือได้ด้วย ใบเล็กกะทัดรัดเหมาะสำหรับพกพาในชีวิตประจำวัน รุ่นนี้ผลิตจากผ้าแจ็คการ์ดลาย Monogram มาพร้อมสี Multicolor ยืนพื้นด้วยสีขาว รูปแบบเรียบง่ายไม่วุ่นวายด้วยดีไซน์ฝาปิด มีสายหนังให้สะพายข้างได้ และสายโซ่สีทองประดับเป็นลูกเล่นเพิ่มความหรูหรา

4.กระเป๋าสตางค์สะพายข้างหญิงแบรนด์ หลุยส์ รุ่น Pochette Accessoires

กระเป๋าสตางค์อีกหนึ่งใบฝากไว้กับรุ่นที่มีชื่อว่า Pochette Accessoires ตัดเย็บจากวัสดุ Damier แคนวาส เป็นอีกหนึ่งใบที่มาพร้อมรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าใบยาว ที่รองรับกับการใส่ธนบัตรแบบไม่ต้องพับได้ และสามารถใส่โทรศัพท์มือถือได้ด้วย ดีไซน์กระเป๋าไม่หนาเกินไป พกพาง่าย สามารถสะพายข้างได้ด้วยสายสะพายที่ทำจากหนัง มีสายโซ่สีทองประดับที่ด้านหน้ากระเป๋า มาพร้อมช่องแบ่งกระเป๋าขนาดใหญ่ ช่องกระเป๋าแคนวาสมีซิปด้านใน ช่องกระเป๋าแบนเรียบด้านใน 2 ช่อง และช่องใส่บัตรอีก 2  ช่อง เป็นแบบซิปรูดเปิด-ปิดกระเป๋าที่ด้านบน ใช้งานสะดวก

5.กระเป๋าสตางค์สะพายข้างหญิงแบรนด์ หลุยส์ รุ่น Félicie Pochette

ในส่วนของกระเป๋ารุ่นนี้ มีสายโซ่สีทองรองรับการถือ แต่สามารถสะพายข้างได้บางโอกาส เป็นการสะพายแบบสายสั้นพอกิ๊บเก๋ กับรุ่นที่มีชื่อว่า Félicie Pochette มาพร้อมวัสดุหนังสีน้ำเงิน Navy Blue เป็นหนังคาวไฮด์ลายเกรนเนื้อนุ่มประทับลาย Monogram Empreinte ภายในมีช่องต่างๆ รองรับการใส่สตางค์และบัตร ประกอบไปด้วยช่องใส่บัตร 8 ช่อง และยังมีกระเป๋าด้านใน 2 ใบ ที่สามารถแยกใช้งานได้ด้วย หากไม่ต้องการสะพายหรือไม่อยากใช้สายโซ่ก็ถอดออกได้ เพื่อใช้งานเป็นกระเป๋าเพาช์

6.กระเป๋าสตางค์สะพายข้างหญิงแบรนด์ หลุยส์ รุ่น Métis

กระเป๋าสตางค์ที่ชื่อรุ่นว่า Métis มาพร้อมรูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ตัดเย็บจาก    หนังคาวไฮด์ลายเกรนเนื้อนุ่มประทับลาย Monogram Empreinte ประดับด้วยตัวล็อคสีทองที่ด้านหน้ากระเป๋าแบบ S lock ที่มาพร้อมดีไซน์ฝาปิดทันสมัย ในส่วนของสายสะพายใบนี้เป็นสายโซ่สีทอง สามารถสะพายข้างได้อย่างเหมาะเจาะ ให้ความหรูหรากำลังดี ใช้ออกงานสำคัญต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว

7.กระเป๋าสตางค์สะพายข้างหญิงแบรนด์ หลุยส์ Pico Side Trunk

ใบถัดมาเป็นกระเป๋ารุ่นที่ชื่อว่า Pico Side Trunk ตัดเย็บจาก Monogram แคนวาสในตำนาน มาพร้อมรูปทรงคล้ายหีบขนาดเล็ก ดีไซน์ค่อนข้างโดดเด่นและแตกต่างจากกระเป๋าใบอื่น ๆ สามารถใช้งานแบบกระเป๋าสตางค์สะพายข้างได้ด้วยสายสะพายหนัง มาพร้อมขนาดกระเป๋าที่เล็กกะทัดรัด มีตัวล็อกสีทองแบบ S lock ที่ด้านหน้ากระเป๋า ตกแต่งมุมกระเป๋าโลหะแบบเดียวกันกับหีบในตำนานเมซง นอกจากสะพายข้างแล้ว ใบนี้ยังมีหูจับที่รองรับการเป็นกระเป๋าถืออีกด้วย  

8.กระเป๋าสตางค์สะพายข้างหญิงแบรนด์ หลุยส์ Coussin

ใบสุดท้ายกับกระเป๋าที่มีชื่อรุ่นว่า Coussin เป็นอีกหนึ่งใบที่มาพร้อมขนาดกระทัดรัด ใช้เป็นกระเป๋าสตางค์ได้ รูปทรงใบนี้เป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส ทำจากหนังแกะเนื้อนิ่มประทับลาย Monogram มีสีดำเป็นสีพื้นของกระเป๋า ความพิเศษคือสายโซ่ที่ประดับด้านหน้ากระเป๋า เป็นโซ่ขนาดใหญ่ แต่งลูกเล่นเหลือบสีที่จะเปลี่ยนเป็นเฉดสีน้ำเงินและสีชมพูงดงามตามแสงตกกระทบ พร้อมกันนั้นก็ยังมีสายโซ่ขนาดเล็กที่มีสีเหลือบเช่นเดียวกัน โดยเส้นนี้รองรับการสะพายข้างได้ด้วยความสูงแนวตั้ง 50 เซนติเมตร

ทั้งหมดนี้ก็เป็นกระเป๋าสตางค์สะพายข้างหญิงแบรนด์ หลุยส์ ที่มาพร้อมขนาดกะทัดรัด ใช้เป็นกระเป๋าสตางค์ที่สามารถใส่ของอย่างอื่นเล็กน้อยได้ และยังสะพายข้างได้ เพื่อการพกพาที่สะดวก ไม่จำเป็นต้องพกกระเป๋าสะพายแยกอีกให้รุงรัง เหมาะกับคนที่ไม่ชอบพกกระเป๋าใบใหญ่เป็นอย่างดี

‘Pangya’ เกมตีกอล์ฟออนไลน์เตรียมอำลาแฟนๆ ประกาศยุติให้บริการ 30 เม.ย.67 หลังเปิดมากว่า 19 ปี

(29 มี.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงาน แฟนเพจเฟซบุ๊ก ‘Pangya[Siam]’ ได้โพสต์รูปภาพประกาศยุติให้บริการเกม Pangya โดยระบุเป็นข้อความว่า…

“ทุกสนาม มีเรื่องราว ขอขอบคุณผู้เล่นทุกท่านที่ร่วมเดินทางและเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความทรงจำอันล้ำค่ามาตลอด 19 ปี ทั้งนี้ ทีมงานปังย่ารู้สึกเสียใจ ที่จะต้องแจ้งให้ทราบว่า วันอังคารที่ 30 เมษายน 2567 นี้ จะยุติการให้บริการเกม Pangya ในประเทศไทยลงอย่างเป็นทางการ แม้เส้นทางใกล้จะสิ้นสุดลง แต่ความทรงจำยังคงอยู่กับพวกเราตลอดไป ”

เมื่อโพสต์ประกาศดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปไม่นาน ขณะนี้มียอดกดไลก์แล้วกว่า 1 หมื่นไลก์ ถูกแชร์ไปแล้วกว่า 7 พันครั้ง ทั้งนี้ ยังมีผู้เล่นรุ่นเล็กใหญ่ต่างทยอยมาร่วมแสดงความคิดเห็นอำลาเกมรักในความทรงจำกันไม่ขาดสาย อาทิ

- “ขอบคุณ 19 ปี ขอให้ทุกคนมีความสุขที่เป็นภาพจำร่วมกันมาครับ”
- “เก็บความทรงจำดี ๆ ไว้ตลอดไปครับ เป็นเกมที่ทำให้ผมมีครอบครัวทุกวันนี้”

- “ขอบคุณทุกช่วงเวลา ที่ทำให้มีความสุขตลอดที่ผ่านมา เป็นเกมส์ที่เราเล่น มาครึ่งชีวิต แต่พอจะปิดตัวลง เราก็รู้สึกใจหายไม่น้อย ขอเก็บทุกช่วงเวลาดี ๆ เก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป”

- “เล่นตั้งแต่อยู่ ม.ปลายตอนนี้อายุ 34 ก็ยังเล่นอยู่บ้าง จะเก็บไว้เป็นความทรงจำดี ๆ นะคะ”
- “ขอบคุณช่วงเวลาดี ๆ นะครับ”

- “เล่นตั้งแต่เกมเปิด หนีเรียนมาเล่นเกม เล่นติดงอมแงม 2 วันติดก็มี เจอทั้งสุข ทั้งเศร้า ทั้งมิตรภาพภายในเกม สนุกสุด ๆ มีเพื่อนให้พูดคุย มีเพลงในเกมให้ชื่นชอบได้ฟัง สนุกจริงครับเกมนี้ ขอให้โชคดี แล้วพบกันใหม่ปังย่า”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เกม PangYa เป็นหนึ่งในเกมออนไลน์บนแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทยในช่วงยุค 2000 โดยเนื้อหาหลักของเกม คือ การแข่งขันกีฬากอล์ฟ แต่จะมีการเพิ่มเติมความแฟนตาซีในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสกิลท่าการตี ตัวแคดดี้ หรือตัวละครต่าง ๆ พร้อมกับเสียงที่ติดหูอย่างคำว่า “ปังย่า” ตามชื่อเกม ที่จะดังขึ้นเวลาที่ผู้เล่นตีลูกได้ดี

อย่างไรก็ตาม ความสนุกเหล่านี้กำลังจะปิดฉากลง หลังมีการประกาศออกมาว่าทางเกมจะทำการยุติการให้บริการเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดในวันที่ 30 เมษายน 2567 ส่วนระบบการเติมเงินจะปิดลงตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคมนี้

ชวนยลโฉม 8 คอลเลกชัน 'กระเป๋าสตางค์สะพายข้าง' ที่สาว ๆ ไม่ควรพลาด!! ✨✨

1.กระเป๋าสตางค์สะพายข้าง (ผู้หญิง) รุ่น Mini Bumbag
ตัดเย็บจาก Monogram แคนวาสเอกลักษณ์เฉพาะหลุยส์ วิตตอง รูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมู มาพร้อมสายสะพาย 2 เส้น (สายหนังสีน้ำตาลและสายโซ่สีทอง) จะเลือกสะพายไหล่หรือสะพายข้างก็สวยเก๋ ที่สำคัญจุของได้เยอะ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ หูฟัง กุญแจรถ บัตรต่าง ๆ 

2.กระเป๋าสตางค์สะพายข้าง (ผู้หญิง) รุ่น Nano Noé
ตัดเย็บจากผ้าแจ็คการ์ดลาย Monogram มาพร้อมดีไซน์น่ารักรูปทรงบักเก็ต ประดับหน้ากระเป๋าด้วยสายโซ่สีทองหรูหรา มีเชือกรูดสำหรับเปิด-ปิดกระเป๋า และสายหนังสีน้ำตาล สะพายกับเสื้อผ้าชุดไหนก็ดูดี และที่สำคัญจุของได้เยอะสะใจ เหมาะกับวัยรุ่นที่นิยมพกของติดตัวหลายชิ้น

3.กระเป๋าสตางค์สะพายข้าง (ผู้หญิง) รุ่น Ivy
ตัดเย็บด้วยผ้าแจ็คการ์ดลาย Monogram สี Multicolor ยืนพื้นสีขาว ดีไซน์ฝาปิด แต่งด้วยสายโซ่สีทองเพิ่มความหรูหรา รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า กะทัดรัด หยิบใช้สะดวก เหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวัน สามารถใส่โทรศัพท์ ธนบัตร บัตรต่างๆ ได้

4.กระเป๋าสตางค์สะพายข้าง (ผู้หญิง) รุ่น Pochette Accessoires
ตัดเย็บจากวัสดุ Damier แคนวาส รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าใบยาว ดีไซน์กระเป๋าไม่หนา พกพาง่าย มาพร้อมช่องแบ่งกระเป๋าขนาดใหญ่ มีซิปด้านใน ช่องกระเป๋าแบนเรียบด้านใน 2 ช่อง และช่องใส่บัตร 2 ช่อง ด้านหน้ากระเป๋าประดับด้วยสายโซ่สีทอง มีซิปรูดเปิด-ปิดกระเป๋าและสายหนังสำหรับสะพายข้าง รองรับการใส่โทรศัพท์และธนบัตรแบบไม่ต้องพับ

5.กระเป๋าสตางค์สะพายข้าง (ผู้หญิง) รุ่น Félicie Pochette
ตัดเย็บด้วยวัสดุหนังสีน้ำเงิน Navy Blue เป็นหนังคาวไฮด์ลายเกรนเนื้อนุ่มประทับลาย Monogram Empreinte ภายในประกอบด้วยช่องใส่บัตร 8 ช่อง และช่องด้านใน 2 ช่อง ใช้งานแยกกันได้ แต่งด้วยสายโซ่สั้นสำหรับใช้ถือหรือสะพายข้างในบางโอกาส หรือสามารถถอดออก เพื่อใช้งานเป็นกระเป๋าเพาช์

6.กระเป๋าสตางค์สะพายข้าง (ผู้หญิง) รุ่น Métis
ตัดเย็บจากหนังคาวไฮด์ลายเกรนเนื้อนุ่มประทับลาย Monogram Empreinte รูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ประดับด้วยตัวล็อกสีทองที่ด้านหน้ากระเป๋าแบบ S lock ดีไซน์ฝาปิดสุดทันสมัย มาพร้อมสายสะพายโซ่สีทอง ให้ความรู้สึกหรูหรา ใช้สะพายข้างได้ เหมาะกับการออกงานสำคัญต่างๆ

7.กระเป๋าสตางค์สะพายข้าง (ผู้หญิง) รุ่น Pico Side Trunk
ตัดเย็บจาก Monogram แคนวาสในตำนาน รูปทรงคล้ายหีบขนาดเล็ก ดีไซน์ค่อนข้างโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ขนาดเล็กกะทัดรัด ด้านหน้ากระเป๋ามีตัวล็อกแบบ S lock สีทอง ตกแต่งมุมกระเป๋าโลหะแบบเดียวกันกับหีบในตำนานเมซง มีสายหนังสะพายข้าง และหูจับแบบกระเป๋าถือ

8.กระเป๋าสตางค์สะพายข้าง (ผู้หญิง) รุ่น Coussin
ทำจากหนังแกะเนื้อนิ่มประทับลาย Monogram รูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกะทัดรัด ประดับหน้ากระเป๋าด้วยสายโซ่เส้นใหญ่ แต่งลูกเล่นเหลือบสีน้ำเงิน-ชมพูตามแสงตกกระทบ และยังมีสายโซ่เส้นเล็กเหลือบสี รองรับการสะพายข้าง ความสูงแนวตั้ง 50 เซนติเมตร

‘NBM’ แจง!! เหตุ ‘ชิ้นส่วน’ ร่วงใส่รถเก๋ง จนท.เทศกิจ หลังถูกร้องเรียน ชี้ ไม่ใช่อุปกรณ์จาก ‘รถไฟฟ้าสายสีชมพู’ แต่เป็นของจักรยานยนต์รุ่นหนึ่ง

(29 มี.ค.67) ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ผู้รับสัมปทาน โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี ชี้แจงกรณี เจ้าหน้าที่เทศกิจร้องเรียนสื่อว่า มีวัตถุปริศนาจากรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ร่วงใส่รถเก๋งขณะพาลูกกลับบ้านว่า โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 มี.ค.67 ซึ่งเจ้าหน้าที่เทศกิจคนดังกล่าวได้เข้ามาร้องเรียน และเขียนใบคำร้องที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) ในเวลา 8.30 น. ของวันที่ 27 มีนาคม 2567

อย่างไรก็ดี ทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานความปลอดภัย (Safety) และเจ้าหน้าที่สถานี ได้ชี้แจงและทำความเข้าใจกับผู้ร้องเรียนไปแล้วว่าไม่ใช่ชิ้นส่วนของรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู เป็นเพียงชิ้นส่วนจากรถจักรยานยนต์รุ่นหนึ่งเท่านั้น ซึ่งผู้ร้องเรียนก็ได้รับทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว และยังยืนยันร่วมกันว่าน่าจะเป็นชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์มากกว่า และขอนำชิ้นส่วนดังกล่าวกลับไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top