Thursday, 9 May 2024
NewsFeed

'เอกนัฏ' ลั่น!! 'รทสช.' พร้อมหนุนแก้ รธน.หากไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 แนะ!! ไม่ต้องแก้ทั้งฉบับ เลือกแก้แค่หมวดที่ 'สร้างสุข-ปลดทุกข์' ให้ปชช.

เมื่อวานนี้ (29 มี.ค.67) ที่รัฐสภา นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ร่วมอภิปรายระหว่างการพิจารณาญัตติ เรื่อง ขอเสนอญัตติตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2563 ข้อ 31 ให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 (2) ที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล เป็นผู้เสนอว่า ญัตติที่เสนอโดยนายชูศักดิ์เพื่อขอมติที่ประชุมร่วมรัฐสภายื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่า การแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับต้องมีการทำประชามติหรือไม่ พวกตนเห็นด้วยจะได้สิ้นสงสัยว่ากระบวนการจะต้องทำอย่างไร ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอย่างไร ทำประชามติก่อนหรือไม่จำเป็นต้องทำประชามติ พวกตนไม่ติดใจ น้อมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ สาเหตุที่ต้องอภิปราย เพราะหัวใจสำคัญเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ว่า จะต้องทำประชามติหรือไม่เท่านั้น แต่เป็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญและวิธีแก้รัฐธรรมนูญ สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติถ้าให้เลือกได้ เราเห็นความสำคัญของการเดินหน้าแก้ปัญหาให้ประชาชน รวมถึงการแก้กฎหมาย แก้ระเบียบ กติกาที่เป็นอุปสรรคมากกว่าการแก้รัฐธรรมนูญด้วยซ้ำ เพราะเชื่อว่ายังมีกฎระเบียบอีกหลายตัวที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตของประชาชน ถ้าสามารถได้จะคลายความทุกข์ให้ประชาชนสร้างความสุขให้ประชาชนมากกว่า

นายเอกนัฏ กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะสมาชิกหลายคนหาเสียงไว้ตอนเลือกตั้งเราไม่ติดใจ แต่ขออนุญาตเตือนสติพวกเราว่า ถ้าเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญเกือบทั้งฉบับ นอกจากจะใช้เวลานานแล้ว มีความเสี่ยง จะสิ้นเปลืองงบประมาณจำนวนมาก มีการสรุปไว้ทุกครั้งที่มีการทำประชามติต้องใช้งบประมาณกว่า 3,200 ล้านบาท ถ้าทำประชามติ 3 ครั้งใช้งบเกือบหมื่นล้านบาท

“แต่ถ้าเราถอยกลับมาทบทวนว่า การแก้รัฐธรรมนูญไม่จำเป็นต้องยกร่างใหม่ทั้งฉบับ เพราะในร่างที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้มีสิ่งดีๆ ที่เราควรรักษาไว้ ถ้ามีปัญหาอยากแก้ตรงไหนควรแก้ไขได้ทันทีไม่จำเป็นต้องทำประชามติให้เสียเวลา เสียงบประมาณ ผมเข้าใจมีเพื่อนสมาชิกหลายคนติดใจกังวลอยู่กับวาทกรรมเรื่องเผด็จการประชาธิปไตย และติดใจว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นผลพวงจากการทำรัฐประหาร ผมขออนุญาตย้อนข้อเท็จจริคือ รัฐธรรมนูญปี 2560 ผ่านความเห็นชอบตามระบอบประชาธิปไตย”นายเอกนัฏกล่าว

อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญปี 2560 เกิดขึ้นมี 2 ตอน หนังตอนแรก รัฐธรรมนูญทำจากสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี มาจากคสช. ทั้ง 4 ส่วนรวมกัน ตนไม่ปฏิเสธว่าทั้ง 4 ส่วนถ้าจะบอกว่ามาจากการแต่งตั้งของคสช. แต่หนังเรื่องนี้ถูกพับไปแล้วเพราะรัฐธรรมนูญที่ร่างมาถูกคว่ำ โดย สภาปฏิรูปแห่งชาติ แต่รัฐธรรมนูญ ปี 2560 ที่ใช้อยู่ทุกวันนี้เกิดจากการร่างรัฐธรรมนูญโดยผู้มีความรู้ความสามารถปราศจากการเมือง ได้รับความเห็นชอบจากการทำประชามติโดยประชาชนคนไทยทั่วประเทศ ได้รับเสียงเห็นชอบกว่า 15 ล้านเสียง มากกว่า 58 % มากกว่าครึ่งหนึ่งและเป็นเสียงส่วนมาก

เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า นี่จึงเป็นเหตุผลที่ตนบอกว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้หลายคนยังจมอยู่กับวาทกรรมเผด็จการ และการทำรัฐประหาร ซึ่งไม่เป็นความจริง รัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างจากคนมีความรู้ความสามารถ ผ่านการทำประชามติและประชาชนส่วนใหญ่ได้ให้ความเห็นชอบ เป็นผลพวงจากการทำประชามติไม่ใช่รัฐประหาร หากเราจะเดินหน้าประเทศอย่าจมอยู่กับวาทกรรมการทำรัฐประหาร และสามารถเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราได้ แก้โดยสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นหากจะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญอย่าเสียงบประมาณ และเสียเวลา ยังมีทางเลือกที่จะเดินหน้าไปได้ด้วยกระบวนการประชาธิปไตย

“ผมไม่ติดใจหากเพื่อนสมาชิกคิดว่าจะต้องเดินหน้า ต้องไปแก้ไขเกือบทั้งฉบับ จนนำไปสู่การยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าสมควรทำประชามติหรือไม่ และหากมีการแก้ทั้งฉบับจริง จะต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 สถาบันพระมหากษัตริย์ และไม่กระทบต่อการปราบปรามทุจริต สิ่งนี้คือจุดยืนของพรรครวมไทยสร้างชาติที่เคยนำเสียงสส. 36 เสียงไปเป็นหลักประกันไว้ตอนจัดตั้งรัฐบาลถือเป็นการแสดงจุดยืนอย่างเปิดเผยกับรัฐบาลนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติยินดีโหวตให้ แต่ขอฝากผู้ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้ายังจะเดินหน้าแก้ทั้งฉบับ ต้องระบุคำถามเป็นหลักประกันให้พวกเรา ไว้วางใจ ใส่ไว้ในคำถามว่า ไม่แก้ไขหมวด 1 หมวด 2 และในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามทุจริต ถ้าทำแบบนี้ได้พวกผมไว้วางใจทุกเสียงยินดีสนับสนุนมีมติให้รัฐสภายื่นญัตตินี้ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญเพื่อดำเนินการในโอกาสต่อไป”นายเอกนัฏกล่าว

ลูกสาวชูวิทย์ ลงสตอรี่ไอจี สยบทุกข่าวลือ ย้ำ!! คุณพ่อยังไม่เสียชีวิต โชว์ภาพชูวิทย์ ยิ้มสดใส ให้กล้อง

(30 มี.ค.67) จากกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้เดินทางไปรักษาตัวจากโรคมะเร็งในต่างประเทศ ตั้งแต่ พ.ย. 2566 ซึ่งเป็นระยะเวลากว่า 5 เดือนแล้ว

ล่าสุด ต๊ะ ตระการตา กมลวิศิษฎ์ ลูกสาวของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก็ได้โพสต์ภาพคู่กับคุณพ่อชูวิทย์ ลงในสตอรี่ไอจี บัญชี trakarntakamolvisit โดยภาพดังกล่าวคาดว่าถูกถ่ายที่ต่างประเทศ โดย นายชูวิทย์ มีใบหน้าสดใสยิ้มแย้มให้กล้อง

โดย ต๊ะ ตระการตา ระบุข้อความไว้ในภาพว่า “มีข่าวลือว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว ขอย้ำนะคะ พ่อต๊ะยังไม่ตายนะคะ”

เคยสงสัยไหม? หากอยากไปอยู่ 30 ประเทศนี้ ต้องใช้เงินเท่าไหร่กันนะ??

‘ค่าครองชีพ’ คือ ค่าใช้จ่ายพื้นฐานในการดำรงชีวิต ซึ่งในแต่ละประเทศจะมีค่าครองชีพที่แตกต่างกันไป เนื่องจากมีความแปรผันตามเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ ด้วย และจากการสำรวจของ livingcost.org ในประเด็นค่าครองชีพ ปี 2024 พบว่าประเทศโมนาโก มีค่าครองชีพสูงถึง 6,538 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อเดือน หรือคิดเป็น 237,744 บาทต่อเดือน (อัตราแลกเปลี่ยน 29 มี.ค. 67)

สำหรับประเทศไทยเรานั้น ผลสำรวจพบว่า มีค่าครองชีพอยู่ที่ 790 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน หรือตกเดือนละ 28,727 บาทต่อเดือนนั่นเอง

นักวิจัย ในออสเตรเลีย ชี้ ‘งูเหลือม’ มีโปรตีนสูง เหมาะทำ ‘ฟาร์มปศุสัตว์’ เพื่อแก้ปัญหา ‘สภาวะขาดโปรตีนเฉียบพลัน’ ในกลุ่มประเทศยากจน

เมื่อเร็วๆ นี้ การวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมกควอรี ในออสเตรเลีย นำทีมโดยนักวิจัยกิตติมศักดิ์ ดร. แดเนียล นาทัสช์ ได้ศึกษาฟาร์มงูเหลือมเชิงพาณิชย์ 2 แห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่า 'งูเหลือม' สามารถเปลี่ยนอาหารเป็นการเพิ่มน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างน่าทึ่ง เมื่อเทียบกับปศุสัตว์ทั่วไป เช่น ไก่และโคเนื้อ

“งูเหลือมมีประสิทธิภาพในการแปลงอาหารให้เป็นโปรตีนและน้ำหนักตัวมากกว่าสัตว์ที่เลี้ยงเพื่อการบริโภคทุกชนิด งูเหลือมโตเร็วมาก เพียงแค่ปีเดียวหลังจากฟักออกจากไข่ ก็สามารถจับส่งขายได้แล้ว” ดร.นาทัสช์ กล่าว

นักวิจัยได้เก็บข้อมูลงูเหลือมร่างแห (Malayopython reticulatus) และงูเหลือมพม่า (Python bivittatus) ที่เลี้ยงในฟาร์มของประเทศไทยและเวียดนามเกือบ 5,000 ตัวเป็นเวลาหนึ่งปี พร้อมด้วยอาหารพวกมันที่ได้รับอาหาร รวมถึงน้ำหนักเนื้องู โดยไม่รวมผิวหนัง อวัยวะภายใน ศีรษะและหาง จากนั้นจึงนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลที่มีอยู่ในสัตว์อื่น ๆ 

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โรคภัยไข้เจ็บ และปริมาณทรัพยากรธรรมชาติที่ลดลง ล้วนสร้างปัญหาให้กับการทำการเกษตรและปศุสัตว์ ซึ่งจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อผู้คนจำนวนมาก ในกลุ่มประเทศยากจน ที่อยู่ในสภาวะขาดโปรตีนเฉียบพลันอยู่แล้ว จนเกิดความไม่มั่นคงทางอาหารในวงกว้าง ทำให้ผู้คนต้องแสวงหาแหล่งอาหารทางเลือก

'เนื้องู' ถือเป็นแหล่งอาหารที่มีโปรตีนสูงและมีไขมันอิ่มตัวน้อยและเป็นแหล่งอาหารที่ยั่งยืน โดยมีการบริโภคอย่างแพร่หลายทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงในประเทศจีน ถึงแม้ว่าจะมีการเลี้ยงงูเหลือมขนาดใหญ่มากมายในเอเชีย ถึงขั้นเปิดเป็นฟาร์มเชิงพาณิชย์ได้ แต่งูกลับไม่ได้รับความสนใจจากวงการวิทยาศาสตร์การเกษตรกระแสหลักมากนัก ทั้ง ๆ ที่งูไม่ต้องการดูแลและอาหารมากเท่ากับสัตว์ชนิดอื่น

ปกติแล้ว นกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสูญเสียพลังงานจากอาหารที่กินประมาณ 90% เพื่อรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ แต่สัตว์เลื้อยคลานที่เป็นสัตว์เลือดเย็นไม่ต้องเสียพลังงานไปกับการรักษาอุณหภูมิ พวกมันแค่ต้องการแสงแดดเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นเท่านั้น

ดังนั้นงูเหลือมจึงสามารถเปลี่ยนแปลงสารอาหารที่พวกมันกินให้เป็นเนื้อและเนื้อเยื่อร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากกว่าสิ่งมีชีวิตเลือดอุ่นทุกชนิด

ดร.นาทัสช์ กล่าวว่า งูสามารถมีชีวิตอยู่ได้ด้วยน้ำค้างที่ตกลงบนเกล็ดของมันในตอนเช้า และกินสัตว์ฟันแทะ หรือสัตว์อื่น ๆ ที่ทำลายพืชอาหารของมนุษย์ พร้อมระบุว่า การศึกษาในครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าการทำฟาร์มงูเหลือมด้วยระบบปศุสัตว์ อาจให้การตอบสนองต่อความไม่มั่นคงด้านอาหารทั่วโลกได้อย่างและมีประสิทธิภาพ

ศ.ริค ชายน์ ผู้ศึกษาวิจัยร่วม กล่าวว่า นี่เป็นการศึกษาครั้งแรกที่เจาะลึกถึงต้นทุน และประโยชน์ของฟาร์มงูเชิงพาณิชย์ โดยผลการศึกษาชี้ว่าเกษตรกรผู้เลี้ยงงูเหลือมสามารถปรับตัวทางเศรษฐกิจและได้กำไรมากกว่าการทำฟาร์มสุกร

การศึกษาพบว่า มวลอาหารแห้งที่งูเหลือมเลี้ยงคือ 1.2 เท่าของมวลเนื้องู ซึ่งต่ำกว่าสัตว์ชนิดอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นปลาแซลมอน (1.5) จิ้งหรีด (2.1) สัตว์ปีก (2.8) หมู (6) และ วัว (10) 

เช่นเดียวกับน้ำหนักของโปรตีนที่ให้เป็นอาหารงูอยู่ที่ 2.4 เท่าของมวลน้ำหนักงู ต่ำกว่าสัตว์ชนิด ๆ ได้แก่ ปลาแซลมอน (3) จิ้งหรีด (10) สัตว์ปีก (10) หมู (38) และ วัว (83)

งูเหลือมหนึ่งตัว สามารถนำมาใช้บริโภคได้ถึง 82% ของน้ำหนักตัว ซึ่งนอกจากเนื้อสัตว์ที่นำมาบริโภคแล้ว ยังสามารถนำหนังไปใช้ทำเครื่องประดับหรือเฟอร์นิเจอร์ได้ ขณะที่ไขมัน หรือที่เรียกว่า 'น้ำมันงู' และ ดีงู (น้ำดีงู) สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้อีกด้วย

สัตว์เลื้อยคลานผลิตก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมาก ระบบย่อยอาหารที่แข็งแรงของพวกมัน สามารถสลายกระดูกได้ ทำให้แทบไม่มีการสูญเสียน้ำและสร้างของเสียน้อยกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมาก

อีกทั้งงูยังให้กำเนิดลูกได้จำนวนมากในเวลาอันสั้น โดยงูเหลือมผลิตไข่ได้ระหว่าง 50-100 ฟองในหนึ่งปี ตรงกันข้ามกับวัวซึ่งให้กำเนิดลูกโดยเฉลี่ยเพียง 0.8 ตัวต่อปี ส่วนสุกรซึ่งสามารถตกลูกได้ประมาณ 22-27 ตัว 

ดร.นาทัสช์ กล่าวว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เกษตรกรไม่สามารถขายสุกรได้ และมีต้นทุนมากเกินไปที่จะเลี้ยงต่อ สุดท้ายเกษตรกรจำเป็นต้องการุณยฆาตและฝังกลบ หรือเอาไปทำเป็นปุ๋ยหมัก แต่ถ้าเลี้ยงงูก็จะไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะงูเหลือมสามารถอดอาหารได้นานกว่า 4 เดือน โดยที่น้ำหนักแทบจะไม่ลดลงเลย  และกลับมาเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วทันทีที่ได้กินอาหาร ดังนั้นการเลี้ยงดูงูเหลือมจึงสามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอาหารจะขาดแคลนก็ตาม

นอกจากนี้การเลี้ยงงูยังช่วยสร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้านได้อีกด้วย “ฟาร์มบางแห่งมีนำลูกงูเหลือมไปให้ชาวบ้านช่วยเลี้ยง และจะรับซื้อคืนเมื่องูอายุครบหนึ่งปี ซึ่งเป็นการสร้างรายได้เสริมให้แก่ชาวบ้านวัยเกษียณ โดยพวกเขาจะมีต้นทุนเพียงแค่ค่าอาหารงู อาจจะเป็นสัตว์ฟันแทะหรือเศษอาหารต่าง ๆ ที่หาได้ในท้องถิ่น” ดร.นาทัสช์ กล่าว

ขณะที่ ศ.ชายน์ กล่าวว่าการศึกษานี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพอันน่าทึ่งของสัตว์เลื้อยคลานในการเปลี่ยนของเสียให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประโยชน์ได้ และแสดงให้ถึงโอกาสในการผลักดันให้งูกลายเป็นแหล่งอาหารทางเลือก แต่อย่างไรก็ตาม คงไม่ใช่ในเร็ว ๆ นี้ที่ชาวยุโรปและออสเตรเลียจะทดลองทำฟาร์มงู และนำงูมาบริโภค

“ผมคิดว่าคงอีกนานกว่าที่คุณจะได้เห็นเบอร์เกอร์งูเหลือมเสิร์ฟที่ร้านอาหาร”

อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทยงูเหลือมนั้นเป็น สัตว์ป่าคุ้มครอง ตามกฎกระทรวง กำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. 2546 โดยมีงูจำนวน 14 ชนิด ได้แก่

1. งูเขียวกาบหมาก (Gonyosoma oxycephalum)
2. งูจงอาง (Ophiophagus Hannah)
3. งูทางมะพร้าวเขียว (Gonyosoma prasina)
4. งูทางมะพร้าวดำ หรือ งูทางมะพร้าวมลายู หรือ งูหลุนชุน (Elaphe flavolineata)
5. งูทางมะพร้าวแดง (Elaphe porphyracea)
6. งูทางมะพร้าวลายขีด (Elaphe radiata)
7. งูทางมะพร้าวหางดํา หรืองูใบ้ หรืองูทางมะพร้าวถํ้า (Elaphe taeniura)
8. งูสิง (Ptyas korros)
9. งูสิงหางดํา (Ptyas carinatus)
10. งูสิงหางลาย หรืองูสิงลาย (Ptyas mucosus)
11. งูแสงอาทิตย์ (Xenopeltis unicolor)
12. งูหลาม (Python molurus bivittatus)
13. งูหลามปากเป็ด (Python curtus)
14. งูเหลือม (Python reticulatus)

ทั้งนี้สามารถขออนุญาตเพื่อเพาะพันธุ์จำหน่าย เพื่อความสวยงาม แปรรูปผลิตภัณฑ์หนัง แต่ไม่อนุญาตให้นำไปกินเป็นอาหาร

‘โจ มณฑานี’ โพสต์ ‘ยูทูบเบอร์เกาหลี’ ปลื้ม คนไทย ให้เกียรติ ยืนเคารพ ‘เพลงชาติเกาหลี’ ทึ่ง!! ไม่เคยเห็นมาก่อน

เมื่อวานนี้ (29 มี.ค.67) ‘โจ มณฑานี ตันติสุข’ นักเขียน นักจัดรายการวิทยุ พิธีกรและวิทยากรการเงิน ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับ ยูทูบเบอร์เกาหลี ที่มีความประทับใจต่อคนไทย โดยได้ระบุว่า ...

เวลาเจอคนไทยบางจำพวกที่ประชดว่าทำไมต่างจังหวัดไม่เห็นเจริญเหมือนกรุงเทพ หรือเอาประเทศเราไปเปรียบกับเกาหลีใต้ ว่าเรายังไม่พัฒนา ยังดักดาน ไม่เจริญเท่าเค้าเลย พี่โจมักจะตอบเสมอว่า..ขึ้นกับว่าคุณวัดความเจริญที่ตึกระฟ้า ที่ไฮเทคโนโลยี 
***หรือวัดกันที่ความเจริญของจิตใจประชาชน**

คลิปนี้พี่โจเจอจากช่องยูทูบ 'มุมมองเพื่อนบ้าน' ค่ะ ดูแล้วปลื้มปริ่ม ตื้นตัน ใน “ความเจริญทางจิตใจของพี่น้องชาวไทยร่วมชาติ” จริงๆ ค่ะ เพราะยูทูบเบอร์เกาหลีผู้พูดไทยชัดมาก เขาไปดูบอลไทยเตะกับเกาหลี แต่ไปนั่งฝั่งกองเชียร์ไทยซะงั้น

แต่เมื่อเพลงชาติเกาหลีกระหึ่มขึ้นเขาตกใจมากที่เห็นกองเชียร์ไทย 50,000 กว่าชีวิตพร้อมใจลุกขึ้นยืนเคารพเพลงชาติเกาหลี อย่างมีระเบียบมีมารยาทงดงามยิ่ง ซึ่งเขาไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อนในชีวิต 

และในคอมเมนต์ใต้คลิปของคนเกาหลีล้วนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันไม่มีแตกแถวเลยว่าชื่นชมตื้นตันใจและขอบคุณคนไทยจริงๆ หลายคอมเมนต์ยังจดจำได้อีกว่าคนบางประเทศเมื่อได้ยินเพลงชาติเกาหลีในสนามฟุตบอล ก็ต่างส่งเสียงโห่ฮาป่า ตะโกนไล่อย่างไม่เคารพและเกรงใจ
นอกนั้นยังมีอีกหลายคอมเมนต์มาขอบคุณคนไทยที่ส่งทหารไทยไปช่วยรบในสงครามเกาหลี 

และมีอยู่คอมเมนต์หนึ่งที่ทำพี่โจน้ำตาแตกไปเลยค่ะ คือคอมเมนต์ที่เขาจำได้ว่า..ตอนเกาหลีไม่มีข้าวจะกิน อดอยากทั้งแผ่นดินนายกเกาหลีได้เดินทางมากราบทูลขอพระราชทาน 'ข้าว' จาก “ในหลวงของประเทศไทย” เพื่อให้ชาวเกาหลีรอดตาย

(พี่โจแคปคอมเมนต์คนเกาหลีแบบแปลออโต้มาให้แล้วนะคะ)

นี่ละค่ะ คือความเจริญศิวิไลซ์ที่แท้จริง และยิ่งใหญ่กว่าซอฟต์พาวเวอร์ใดในโลก
นั่นคือ #ความใจสูงของคนไทย จริงๆ ค่ะ

ดูคลิปแล้วน้ำตาเอ่อด้วยความสุดปิติและสุดภาคภูมิหัวใจจริงๆ   
https://youtu.be/mQBKVIof5NQ?si=uwFSZrKb0ImAOEtW

ลิงก์ต้นฉบับช่องเกาหลีนะคะ ลงคลิป 17 ชม. คนดูจะสองแสนวิวแล้วววว!!
ช่วยกันไปกดไลก์เขียนคอมเมนต์ให้กำลังใจเจ้าของช่องกันเยอะๆ นะคะ https://youtu.be/7ul2zcQmK48?si=rq71OvSucvgZOd87 นาทีที่ 8 กว่าค่ะ

‘Audi’ จัดแคมเปญ ลดกระหน่ำ ย้ำ!! ไม่ซื้อตอนนี้ จะไปซื้อตอนไหน ลดให้สูงสุด 2.2 ล้าน หั่นราคารับ Motor Show มีครบ ‘สปอร์ต-เอสยูวี-รถไฟฟ้า’

เมื่อเร็วๆ นี้ Audi Thailand ประกาศมอบส่วนลดให้ลูกค้าสูงสุด 2.2 ล้านบาท หั่นราคาแบบไม่เคยมีมาก่อน ด้วยแคมเปญ ไม่ซื้อ Audi ตอนนี้จะไปซื้อตอนไหน ไฮไลต์เด่นในบูธ Audi ที่นำมาจัดแสดงในงาน เช่น รถยนต์สันดาปภายใน รถยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงรถพลังงานผสมปลั๊กอินไฮบริด และรถสมรรถนะสูงตระกูล RS ในสีพิเศษที่ไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อนกว่า 20 รุ่น ครั้งแรกที่ Audi นำรถนำเข้าทั้งคัน (CBU) มาตรฐานเยอรมัน คุณภาพประกอบพรีเมียมมาลดราคาพิเศษ ส่วนลดสูงสุดในแคมเปญ Motor Show ถึง 2.2 ล้านบาท

· RS e-tron GT ลดเหลือ 7.99 ล้านบาท
· TT Coupé Final Icon Black ลดเหลือ 3.199 ล้านบาท
· Q8 e-tron 50 quattro ลดเหลือ 4.399 ล้านบาท
· Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition ลดเหลือ 4.449 ล้านบาท
· Q5 55 TFSI e quattro S line ลดเหลือ 3.299 ล้านบาท

ไฮไลต์ในงานนอกจากส่วนลดสูงสุด 2.2 ล้านบาท Audi ยังมีการเปิดตัว Audi TT Coupé Final Icon Black X Benzilla Edition1/1 ที่มีเพียงคันเดียวในประเทศไทย เป็นการทำงานร่วมกับ 'Benzilla' ศิลปิน Street Artist ชื่อดังของประเทศไทย เจ้าของคาแรกเตอร์ LOOOK มนุษย์ต่างดาวสามตาที่กำลังได้รับความนิยม และมีผลงานร่วมกับแบรนด์ชั้นนำมากมาย มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะบนตัวรถ ด้วยสีที่เป็นเฉดสีของ Audi TT Coupé เท่านั้น เช่น Glacier white, Mythos black, Chronos grey, Tango red, Turbo blue และ Python yellow เพิ่มความโดดเด่นให้กับความเป็น 'Iconic design' ของ Audi TT Coupé พิเศษสำหรับแฟน Audi ที่อยากเป็นเจ้าของ Audi TT Coupé Final Icon Black X Benzilla Edition1/1 ที่มีเพียงคันเดียวในประเทศไทย พร้อมเปิดให้จอง ในวันที่ 27 มีนาคมนี้ เวลา 12.00 น. สำหรับลูกค้า 5 ท่านแรก ที่จอง Audi TT Coupé ในงานมอเตอร์โชว์ รับสิทธิพิเศษเลือก Customed Design TT X Benzilla Special Edition ในแบบที่คุณต้องการ และลูกค้าทุกท่านที่จองรถอาวดี้ทุกรุ่นในงาน Motor Show รับของขวัญสุดพิเศษจาก Audi X Benzilla Collection (จำนวนจำกัด)

สนใจสามารถเข้าชมรถทุกรุ่นได้ที่ บูธ Audi ในงานมอเตอร์โชว์ พร้อมทดลองขับได้ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม จนถึงวันที่ 7 เมษายน 2567

'รัดเกล้า' เผย!! สศค.เล็งทบทวน มาตรการช่วยอสังหาฯ เพิ่มเงินกู้บ้านล้านหลังเป็น 2 ล้านบาท พร้อมลดค่าจด-โอน เหลือ 0.01%

(30 มี.ค.67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง เตรียมพิจารณาทบทวนมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ ให้เติบโตขึ้น โดยพิจารณามาตรการลดค่าจดทะเบียนการโอนจากเดิม 2% เหลือ 1% คำจดจำนองจากเดิม 1% เหลือ 0.01% สำหรับอสังหาฯที่ราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 3 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน3 ล้านบาท โดยจะขยายให้ราคาซื้อขายเกิน 3 ล้านบาทมีสิทธิเข้าร่วมมาตรการด้วย แต่ให้สิทธิเฉพาะ 3 ล้านบาทแรก

ส่วนมาตรการการเงิน โครงการบ้านล้านหลัง เฟส 3 ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ที่กำหนดให้กู้ได้เฉพาะผู้ซื้อบ้านก่อสร้างและวงเงินกู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน1.5 ล้านบาทนั้น จะขยายเป็นราคาสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท เพราะที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท หาได้ยากและไม่ได้เสี่ยงมาก ส่วนการทบทวนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้มา 5-6 ปีแล้ว กระทรวงการคลัง และกระทรวงมหาดไทย กำลังศึกษาร่วมกันเพื่อทบทวนให้เหมาะสม เช่นการจัดระเบียบประเภทที่ดินให้ชัดเจนมากขึ้นรวมทั้งการให้อำนาจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ปัจจุบันให้ อปท. ใช้ดุลพินิจได้ตามความเหมาะสม เช่น ที่ดินเปล่าที่เจ้าของปลูกต้นไม้ทำสวน แต่ไม่ถึงเกณฑ์เป็นที่ดินเพื่อการเกษตรนั้นได้ให้ อปท.ตัดสินใจได้เลยว่าจะเข้าเกณฑ์ใดส่วนอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างยังไม่มีแนวคิดปรับเพิ่มขึ้น ทั้งนี้การปรับมาตรการกล่าว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ โดย นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เตรียมรายละเอียดเพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมครม.ในเร็ว ๆ นี้

อดีตสมาชิกกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ชี้ การต่อสู้ ความรุนแรง ขัดแย้งกับคำสอน ย้ำ!! ถ้าคิดแต่จะต่อต้านรัฐบาล เราจะก้าวไปข้างหน้าไม่ได้

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าว Utusan TV ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของ อดีตสมาชิกกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย โดยได้ระบุว่า...

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภาคใต้ของประเทศไทยได้ปลูกฝังความเชื่อที่ศาสนาและชาวมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยนั้นถูกกดขี่ แต่ความจริงก็คือชาวมุสลิมได้รับอิสระในการเผยแพร่คำสั่งสอนศาสนาและความเชื่อที่แท้จริง AFIQ MOHD SHAH นักข่าว พร้อมด้วยช่างภาพ ABDUL RAZAK AID และช่างวิดีโอ WAN AIZZAT JAIL ANI ได้เข้ามาจัดทำรายงานพิเศษ เรื่อง 'ค้นหาสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย' ออกมาตีแผ่สู่สาธารณะ โดยล้วงลึกถึงเรื่องราวของอดีตสมาชิกของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ 'กลับตัว' สู่เส้นทางที่ถูกต้อง คือ สาและ (ชื่อสมมุติ) ผู้ซึ่งได้ตระหนักว่าความเชื่อและอุดมการณ์ที่ 'ปลูกฝัง' ในสมาชิกทุกคนไม่ใช่คำสอนที่แท้จริงของศาสนาอิสลาม 

สาและ ปัจจุบันอายุ 54 ปี ได้เล่าให้ทีมข่าว Utusan TV ฟังว่า "ไม่ว่าการต่อสู้ของเราจะเป็นอย่างไร หากเราหนีจากการต่อสู้ของศาสนทูตของอัลลอฮ์นั้นเป็นการต่อสู้ที่ขัดแย้งกับศาสนา ดังนั้นผมจึงเห็นว่าการต่อสู้ของพวกเขาไม่เหมือนกับการต่อสู้ของศาสนทูตของอัลลอฮ์" 

สาและ ได้เข้าร่วมกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในปี 1992 หลังจากจบการศึกษาด้านศาสนาอิสลาม เดิมที เขาสนใจที่จะเข้าร่วมกลุ่มดังกล่าวที่พยายามต่อสู้เพื่อได้เอกราชให้กับจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย โดยหลังจากเข้าร่วมกลุ่มเขาได้รับมอบหมายให้ปลูกฝังอุดมการณ์ในหมู่คนหนุ่มสาวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยเพื่อยกระดับจิตวิญญาณและการแก้แค้นต่อรัฐบาลไทย 

"ทุกครั้งที่มีการบรรยาย มันจะต้อง เกี่ยวข้อง กับศาสนา จะถูกหรือผิดก็ว่าไปตามอุดมการณ์" อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็เริ่มมองหาคนที่มีประสบการณ์และมีความรู้เพื่อเจาะลึกคำสอนที่แท้จริงของ (อิสลาม)

"ตัวอย่าง เช่น ศาสนทูตของอัลลอฮ์เคยกล่าวไว้ว่า เมื่อออกไปทำสงคราม ห้ามฆ่าเด็ก สตรี นักศาสนา และอย่าทำลายการเกษตร แต่ผมเห็นว่าเมื่อการต่อสู้ของกระบวนนี้ ผู้หญิง เด็ก และผู้นับถือศาสนาอื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน จากการต่อสู้ของศาสนทูตของอัลลอฮ์ " จากจุดนั้นผมเริ่มคิดว่านี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่ถูกต้องตามคำสั่งสอนของศาสนทูตของอัลลอฮ์ หนึ่งในนั้นคือการฝึกฝนน้อยลง นั่นคือจุดที่ผมคิดว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด" 

สาและ ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า การต่อสู้ที่จุดประกายโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนนั้นไร้ประโยชน์เพราะศาสนาอิสลามมีอิสระที่จะปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างเต็มที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนดังกล่าว

"ถ้าผมต้องการต่อสู้เพื่อศาสนา ผมเห็นว่ารัฐบาลสยามได้ให้เสรีภาพในการนับถือศาสนาอย่างเต็มที่ โรงเรียนสอนศาสนาเกิดขึ้นเหมือนเห็ด" ในแง่ของการศึกษา การเผยแพร่ความรู้ด้านศาสนา และ การชักจูงในการประกอบศาสนกิจนั้น ไม่มีอุปสรรคใด ๆ และแม้แต่สำนักงานใหญ่ของ การเผยแพร่ความรู้ด้านศาสนา และการประกอบศาสนากิจ ก็สามารถเปิดได้ ดังนั้นเราต้องคิดให้รอบคอบ มองโลกให้กว้างขึ้น" สาและ กล่าว 

ในเวลาเดียวกัน สาและได้เน้นว่าการละเว้น 'ญิฮาด' ในการก่อความรุนแรงนั้น ญิฮาดสำหรับตัวคุณเองและครอบครัวของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนรอมฎอนนี้จะดีกว่า เขายังต้องการเห็นคนรุ่นใหม่ในภาคใต้ของประเทศไทย เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ มีความรู้ และสามารถนำไปสู่การเป็นสังคมที่ดีที่สุดได้ "เป็นความหวังของเรา ถ้าไม่มีความรู้เกี่ยวกับ ศาสนาหรือโลก มีแต่ความคิดต่อต้านรัฐบาล เราจะก้าวไปข้างหน้าไม่ได้"  คนที่ต่อสู้เรื่องนี้จริง ๆ มีไม่มากนัก ในบรรดาคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย มี 3 ประเภทนั่นคือ 1) ที่ไม่รู้อะไรเลย 2) ที่ไม่ชอบกลุ่มแบ่งแยกดินแดน  3) ผู้ที่สนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดน และผมเห็นคนที่ไม่รู้อะไรเลย และไม่ชอบพวกเขา (กลุ่มแบ่งแยกดินแดน) นั้นมีมากกว่า

ทั้งนี้ หลังจากแยกตัวออกจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดน สาและได้ตัดสินใจ 'ยอมมอบตัว' ต่อรัฐบาลไทย และถูกจัดให้อยู่ในศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพ โดยไม่มีการกดดันหรือถูกทรมานใด ๆ 

ประสบการณ์ เดียวกันนี้ ยังได้ถูกบอกเล่าผ่านอดีตสมาชิกอีกคนหนึ่งของฝ่ายแบ่งแยกดินแดนที่รู้จักกัน ในชื่อ 'มัต' วัย 34 ปี 'มัต' เล่าว่าเขามีส่วนร่วมในเหตุการณ์การเผารถยนต์และรถประจำทาง เขาได้ตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่มดังกล่าวบนพื้นฐานของการแก้แค้น เพราะเขาเห็นเพื่อนชาวบ้านหลายคนเสียชีวิตซึ่งเข้าใจว่า ถูก 'กดขี่' แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว หลังจากที่มัตหนีไปมาเลเซียและอาศัยอยู่ในรัฐยะโฮร์เป็นเวลา 4 ปีอย่างผิดกฎหมายโดยการข้ามเข้าไปทางเส้นทางธรรมชาติ "หลังจากใช้ชีวิตในรัฐยะโฮร์เป็นเวลา 4 ปี 'มัต' เล่าว่า ตนรู้สึกไม่สบายใจ เพราะคิดถึงพ่อแม่ที่แก่ชรา และคิดว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขาในหมู่บ้านตนจะไม่มีเวลาขอโทษพวกเขา จากนั้นผมก็ตัดสินใจกลับไปที่หมู่บ้านและไม่ทำอะไรเลยเป็นเวลา 3 เดือน และบอกกับแม่ว่าต้องการมอบตัว" 

บนพื้นฐานของความรักที่มีต่อพ่อแม่ของเขา 'มัต' ตัดสินใจยอมจำนนและถูกจัดให้อยู่ในศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพเช่นเดียวกันกับ 'สาและ' 'มัต' หวังเพียงว่าเพื่อนและชาวบ้านที่ยังคง 'ภักดี' ต่อกลุ่มแบ่งแยกดินแดนจะคิดถึงอนาคตของตัวเองและครอบครัว 

"ตอนแรกผมไม่เชื่อ เพราะผมกลัวว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะทรมานเมื่อถูกส่งมาที่นี่ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไป ทันทีที่ผมมาถึงสถานที่แห่งนี้ เจ้าหน้าที่รัฐไม่เพียงแต่ไม่จะหลอก แต่ยังให้ความช่วยเหลือมากมาย รวมถึงให้เบี้ยเลี้ยง บางคนถึงกับพาครอบครัวมาอาศัยอยู่ที่นี่ ไม่มีการกดดันหรือการทรมานใด ๆ จากเจ้าหน้าที่รัฐ เราสามารถเข้า-ออก และ ได้รับเบี้ยเลี้ยง" มัตกล่าว

นี่คือคำสัมภาษณ์และเรื่องราวจริง‼️ ของอดีตสมาชิกกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ที่ 'กลับตัว' สู่เส้นทางที่ถูกต้อง ที่ออกมาถ่ายทอดเรื่องราวสู่สาธารณะชน

‘ตั๊ก มยุรา’ สวยของแทร่!! ไม่พึ่งมีดหมอ ลงโพสต์ หน้าใสตอนวัย 40 ปี ขณะที่เป็นพิธีกร ‘แสบคูณสอง’

(30 มี.ค.67) สวยจริงโดยไม่พึ่งมีดหมอ สำหรับ ‘ตั๊ก มยุรา เศวตศิลา’ ตำนานสวย 2,000 ปีไม่เกินจริง ล่าสุดเจ้าตัวย้อนคลิปตัวเองเมื่อ ตอนอายุ 40 ปี ซึ่งสวยและดูหน้าเด็กมากๆ ขณะกำลังเป็นพิธีกรในรายการ ‘แสบคูณสอง’ ที่หลายคนต้องกราบกับความสวยแบบธรรมชาติของนางเอก-พิธีกรรุ่นใหญ่

โดยตั๊ก มยุราเผยแคปชันในอินสตาแกรม ระบุว่า “คุณอ้วน รีเทิร์น ได้กรุณาแชร์มาให้ @aun8 เมื่อครั้งยังเป็นพิธีกรวัยเอ๊าะ ฟาดไป 40 ขวบ นานนนนนนนจัดเลย”

'รองโฆษก รทสช.' ซัด 'ก้าวไกล' ทำตัวเหมือนผี ชอบเล่นเกม นับองค์ประชุม อยากเอาชนะ หวังให้สภาล่ม หวังทำคอนเทนต์ เพื่อเล่นงานฝั่งตรงข้าม

(30 มี.ค.67) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชี้ให้เห็นถึงธาตุแท้ของพรรคก้าวไกลมีเนื้อหาระบุว่า...

สส.ก้าวไกลเหมือนผี...รู้ว่ามีแต่ไม่แสดงตน 

หวังทำ 'สภาล่ม' แต่ล้มไม่เป็นท่า

คืนที่ผ่านมาถือว่า น่าตื่นตาทีเดียวกับบรรยากาศประชุมสภาเรื่องพิจารณาเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ฝ่ายค้านดิ้นสุดฤทธิ์ที่จะดึงเกมให้สภาล่ม และสุดท้ายฝ่ายรัฐบาลก็รวมใจกันชนะโหวต ด้วยการแสดงตนในสภา ด้วยวาจา '253 ต่อ 0 เสียง' งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 2

ขณะที่พรรคก้าวไกล ผู้ประกาศก้องว่าพรรครุ่นใหม่ รักและศรัทธาประชาธิปไตย แต่พร้อมใจหายตัวเป็นวิญญาณ ไม่เหลือสักตัวยามแสดงตน

"ว้ายมา 2 ก็เคยแล้ว"... รอบนี้เหลือศูนย์จะเป็นไรไป ไม่แสดงตนไปเลยแบบเมื่อคืนจบๆ พรรครุ่นใหม่เล่นเกมได้ทุกองศา หากต้องการเอาชนะ ตอนหลังแถลงข่าวเสียงอ่อยว่า เห็นด้วยกับคาสิโน ไม่ใช่ไม่เห็นด้วย..คืออะไร?

สรุปแล้ว:

- ยอมหักดิบยอมผิดคำพูด ข้อตกลงวิปรัฐบาล-วิปฝ่ายค้าน
- ยอมถ่วงความเจริญ ปัดตกญัตติเปลี่ยนส่วยคาสิโน เป็นภาษี
- ยอมทำสภาล่ม หวังทำคอนเทนต์เล่นงานฝั่งตรงข้าม

ทุกความพยายามในการทำ 'สภาล่ม' จากสภาสมัยที่แล้ว จนถึงสมัยนี้ ด้วยวิธีเดิมๆ ขอนับองค์ประชุมแบบเด็กอยากเอาชนะ ไม่ต่ำกว่า 30-40 ครั้ง เสียหายครั้ง 4.1 ล้านบาท โดยไม่สนว่าจะเป็นการลงมติที่มีประโยชน์กับบ้านเมือง หรือกำลังแก้ปัญหาปชช.แต่อย่างใด

ไร้ซึ่งเจตจำนงทำงานเพื่อประชาชน

ไร้ซึ่งเกียรติในการทำงานประสานความร่วมมือ

จึงไม่น่าแปลกใจ ว่าทำไม 'ว่าว' นายกฯ

เพราะขนาดอยากทำ 'สภาล่ม' ยังว่าวไม่เป็นท่า


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top