Saturday, 27 April 2024
NewsFeed

วช. จับมือ รร.กฎหมายและการเมือง ขับเคลื่อนธรรมาภิบาลภาคปฏิบัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยกลไกการจัดการต่อต้านการติดสินบน: กรณีการขอใบอนุญาตการก่อสร้างอาคารของเทศบาลนคร

วันที่ 27 มีนาคม 2567 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต จัดการประชุมแผนงานวิจัย เรื่อง “การขับเคลื่อนธรรมาภิบาลภาคปฏิบัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยกลไกการจัดการต่อต้านการติดสินบน: กรณีการขอใบอนุญาตการก่อสร้างอาคารของเทศบาลนคร” โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ นางสาวสตตกมล เกียรติพานิช ผู้อำนวยการกองบริหารทุนวิจัยและนวัตกรรม 2 เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ซึ่งมี รศ.ดร.ธนภัทร ปัจฉิมม์  คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต / ผู้บริหารจัดการแผนงาน กล่าววัตถุประสงค์การจัดทำแผนงานวิจัย อีกทั้งมีการเปิดตัวแอปพลิเคชันแพลตฟอร์ม ACM Line LIFF และคู่มือแนวทางการจัดการต่อต้านการติดสินบน: กรณีการขอใบอนุญาตก่อสร้าง เสวนาวิชาการในหัวข้อ ธรรมาภิบาลภาคปฏิบัติในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ธรรมาภิบาลกับการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี: กรณีเทศบาลนคร” จากศาสตราจารย์พิเศษ จรัญ ภักดีธนากูล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ณ โรงแรม ทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น

นางสาวสตตกมล เกียรติพานิช ผู้อำนวยการกองบริหารทุนวิจัยและนวัตกรรม 2 กล่าวว่า วช. เป็นหน่วยงานที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์งานวิจัยและนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์ในทุกมิติ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้ทันต่อสถานการณ์โลก โดยมีพันธกิจหลักประการหนึ่ง ในการบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ด้วยยุทธศาสตร์ที่ต้องการจะยกระดับสังคมและสิ่งแวดล้อมให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ แบบก้าวกระโดดและอย่างยั่งยืน สำหรับการประชุมการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของแผนงานการขับเคลื่อนธรรมาภิบาลภาคปฏิบัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยกลไกการจัดการต่อต้านการติดสินบน: กรณีการขอใบอนุญาตการก่อสร้างอาคารของเทศบาลนครถือเป็นงานวิจัยที่จะมีประโยชน์อย่างยิ่งในการเป็นส่วนหนึ่งที่จะขับเคลื่อนเพื่อยกระดับค่า CPI โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นการจัดการต่อต้านการติดสินบนและการเปิดเผยข้อมูล เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนธรรมาภิบาลภาคปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมต่อไปในอนาคต

ดร.ธนภัทร ปัจฉิมม์  คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต / ผู้บริหารจัดการแผนงาน ได้กล่าวถึงความสำคัญในการเผยแพร่การดำเนินงานผลงานวิจัย เนื่องจากผลการสำรวจและค่าดัชนีการรับรู้การทุจริต (WEF) ในปี 2564 ได้ 42 คะแนน ปี 2565 ได้ 45 คะแนน และในปี 2566 ได้ 36 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน) ซึ่งผลการสำรวจขององค์กรความโปร่งใสนานาชาติ สะท้อนให้เห็นถึงสภาพปัญหาความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุน ในการก่อสร้างอาคารนับเป็นส่วนหนึ่งที่อาจทำให้ค่า CPI ใน WEF มีแนวโน้มสูงขึ้น หากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมและประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนกระบวนงานและการเปิดเผยข้อมูล แบบโปร่งใสตรวจสอบได้ การจัดทำแผนงานดังกล่าวจึงริเริ่มขึ้น แผนงานวิจัยเรื่อง การขับเคลื่อนธรรมาภิบาลภาคปฏิบัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยกลไกการจัดการต่อต้านการติดสินบน: กรณีการขอใบอนุญาตการก่อสร้างอาคารของเทศบาลนคร แบ่งออกเป็น โครงการย่อย 3 โครงการ ดังนี้
1.    การศึกษาสภาพปัญหาการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลด้วยระบบและกลไกการจัดการต่อต้านการติดสินบนของเทศบาลนคร
2.    แนวทางในการยกระดับค่าดัชนีการรับรู้การติดสินบนและการเปิดเผยข้อมูลของเทศบาลนคร
3.    การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศการจัดการต่อต้านการติดสินบนของเทศบาลนคร เพื่อส่งเสริมธรรมาภิบาลและสอดส่องการคอร์รัปชัน
เพื่อสร้างความโปร่งใสเกิดการขับเคลื่อนธรรมาภิบาลภาคปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมต่อไปในอนาคต

ศาสตราจารย์พิเศษ จรัญ ภักดีธนากูล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้กล่าวบรรยายพิเศษในหัวข้อ 
“ธรรมาภิบาลกับการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี: กรณีเทศบาลนคร” จะเห็นได้ว่า ธรรมาภิบาล ในภาคราชการเรียกว่า การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ถือเป็นหลักของการประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมและให้ความสำคัญกับประชาชนเพื่อมุ่งให้เกิดการบริหารจัดการที่ดี ธรรมาภิบาลกับการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ประกอบด้วย 10 หลักคือ  หลักการตอบสนอง หลักประสิทธิผล หลักประสิทธิภาพ หลักความเสมอภาค หลักมุ่งเน้นฉันทามติ หลักการตรวจสอบได้ หลักโปร่งใส หลักการกระจายอำนาจ หลักการมีส่วนร่วม และหลักนิติธรรม เพื่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองความสงบเรียบร้อยของสังคม ความผาสุก ประชาชนและความมั่นคงของประเทศชาติ

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า งานวิจัยเรื่อง การขับเคลื่อนธรรมาภิบาลภาคปฏิบัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยกลไกการจัดการต่อต้านการติดสินบน: กรณีการขอใบอนุญาตการก่อสร้างอาคารของเทศบาลนคร จะเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่สำคัญกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันได้อย่างยั่งยืน

เจนกิจ นัดไธสง รายงาน
 

‘จักรภพ เพ็ญแข’ โพสต์คลิปขออนุญาตกลับไทย ในรอบ 15 ปี พร้อมกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม - ขอโอกาสรับใช้ชาติ

(28 มี.ค.67) จากกรณีที่ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ลี้ภัยในต่างแดน จะเดินทางกลับประเทศ โดยเผยว่า “วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม 2567 เวลา 07.35 น. จักรภพ เพ็ญแข กลับไปรับใช้ เมืองไทยครับ”

ล่าสุด เมื่อเวลา 00.57 น. วันที่ 28 มี.ค.67 ตามเวลาประเทศไทย เฟซบุ๊ก จักรภพ เพ็ญแข - Jakrapob Penkair ได้โพสต์คลิปวิดีโอขณะเดินทางไปยังสนามบินเพื่อเดินทางกลับมายังประเทศไทย

โดยภายในคลิป นายจักรภพ กล่าวว่า “สวัสดีครับ พี่น้องชาวไทยที่รักทุกคน ผมจักรภพ เพ็ญแข ออกจากเมืองไทยมาเมื่อ 15 ปีที่แล้ว และวันนี้กำลังจะเดินทางกลับเมืองไทย ไปพบกลับพี่น้องชาวไทยที่รักและคิดถึงมานาน ผมออกมาอยู่ต่างประเทศ เพราะมีเหตุผลทางด้านการเมือง ผมเชื่อว่าพี่น้องหลายท่านคงทราบดี ตอนนี้ผมกำลังนั่งรถที่เพื่อนขับพาไปสนามบิน ไปขึ้นเครื่องบินกลับบ้าน จะไปถึงเมืองไทยวันพฤหัสบดี ที่ 28 มีนาคม เวลา 07.35 น. เดินทางตรงไปเลย

ผมนึกขึ้นได้ว่า ผมหายไปนานเหลือเกิน จู่ ๆ โผล่หน้ามา พี่น้องหลายท่านก็มีสิทธิ์จะถามว่า เกิดอะไรขึ้น ตอนหายก็หายไป ตอนมาก็มา เล่าสู่กันฟังได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็ขอเรียนสั้น ๆ ว่า เรามีความขัดแย้งทางการเมืองกันอยู่ตอนนั้น ผมก็ถืออยู่ข้างหนึ่ง พี่น้องอีกจำนวนมากก็ถืออยู่อีกข้างหนึ่ง แล้วเราก็เกิดความขัดแย้ง จนผมออกมาอยู่นอกประเทศ เพราะมีความคงในเรื่องอันตราย สวัสดิภาพส่วนตัว หลังจากนั้นผมก็ติดตามเหตุการณ์ในบ้านเมืองไม่เคยทิ้งเลย เหมือนอยูในประเทศไทย ทุกวัน ๆ ตลอด 15 ปีนี้ แต่ไม่สามารถกลับเมืองไทยได้ เนื่องจากว่าเหตุการณ์ยังไม่เอื้ออำนวยให้

ผมไปอยู่ต่างประเทศ 15 ปี ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของโลกในทุกเรื่อง ทำให้สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นมาคือ ห่วงประเทศไทย ผมก็เป็นคนไทย รักประเทศไทย ความรักของเราแสดงออกในรูปแบบที่ต่างกัน ผมเองไปทางการเมือง ท่านอื่นก็ไปทางอื่น ๆ ที่สุจริต ทำงานหนักเพื่อประเทศชาติโดยหน้าที่ ผมคิดว่าผมสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์เหล่านี้กลับบ้านได้ เอาไปใช้ในการเตรียมประเทศไทยในยามที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงแบบจำหน้าไม่ได้ ไม่ว่าจะเรื่องภูมิอากาศ เรื่องการเมือง AI แม้แต่เรื่องโรคภัยไข้เจ็บ
แล้วถามว่าความคิดต่าง ๆ ที่เคยมีในอดีต ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งเนี่ย จะว่ายังไง ผมก็ต้องตอบอย่างนี้ครับว่า คนเราทุกคน มันได้คิดหลังจากเวลาผ่านไปช่วงระยะหนึ่ง 10 กว่าปีนี้ทำให้ผมได้คิดว่า เราคนไทยจะขัดแย้งกันทำไม ในเมื่อโลกกำลังเปลี่ยนแปลง ประเทศไทยควรรวมเป็นหนึ่งเดียว ความหลากหลายทางความคิดเป็นเรื่องดี ไม่น่าจะเป็นเหตุให้ทะเลาะ ผมจึงเอาตัวเองนี่แหละครับเป็นจุดเริ่มต้น ไม่ไปบอกให้ใครทำแล้ว เมื่อเราคิดเราต้องทำก่อน

ผมถึงเดินทางกลับประเทศไทยวันนี้ ไม่ใช่ว่าจะไปเดินปร๋อที่ไหนสบายนะครับ กลับไปเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มีคดีเกิดขึ้นหลายคดี ผมต้องกลับไปมอบตัว และก็ไปขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามที่เป็นตามกฎหมาย และผมก็หวังว่าผมจะสามารถสู้คดีได้ อธิบายตัวเองได้ และออกมาสู่อิสรภาพมารับใช้บ้านเมืองได้

ส่วนเรื่องสิ่งที่เคยพูดไว้ เคยเขียนไว้ เคยแสดงออกไว้ ผมไปเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่ผมอยากเรียนท่านว่า ผมได้คิดอะไรใหม่ขึ้นเยอะ และขอให้โอกาสผมสักนิดเถอะครับว่าความคิดใหม่ ๆ จะช่วยประเทศได้ไงบ้าง

อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ได้พบกันแล้วครับ ขออนุญาตกลับบ้าน ผมอยู่ข้างนอกพอแล้วครับ”

พังงา สำนักงาน กสทช. จัดการอบรมการใช้อากาศยานไร้คนขับ (Drone) ในการผลิตรายการโทรทัศน์

สำนักงาน กสทช. โดยสำนักพัฒนาองค์กรวิชาชีพและส่งเสริมการบริการทั่วถึง จัดการอบรมการใช้อากาศยานไร้คนขับ (Drone) ในการผลิตรายการโทรทัศน์ ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 27 - 29 มีนาคม 2567 ณ ห้องสุรินทร์ 1 – 2 โรงแรมแคนทารี บีช เขาหลัก จังหวัดพังงา โดย นายฉันทพัทธ์ ขำโครกกรวด รักษาการรองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ เป็นประธานเปิดการอบรมฯ การอบรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ ผู้ผลิตรายการ และผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน ให้มีความรู้และทักษะในการใช้งานอากาศยานไร้คนขับ (Drone) ในการผลิตรายการโทรทัศน์ประเภทต่างๆ ได้อย่างมีคุณภาพ และสามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานได้จริงบนพื้นฐานความรู้ด้านความปลอดภัย และจริยธรรมในวิชาชีพต่อไป

นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือ สภ.บางบัวทอง และกลุ่มไทยสมายล์ พร้อมทั้งรายการสถานีประชาชน สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ลงพื้นที่เติมกำลังใจ มอบรถเข็นวีลแชร์และอุปกรณ์ให้ผู้พิการและผู้ยากไร้

วันที่ 28 มีนาคม 2567 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วย พันตำรวจเอกพฤฒ จำรูญศาสน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางบัวทอง พร้อมคณะ รวมถึงทีมงานมวลชนสัมพันธ์ (CSR) กลุ่มไทยสมายล์ และรายการสถานีประชาชน สถานีข่าวไทยพีบีเอส ลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์ และอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือแก่ นางทิพลาวัลย์ ตันเรือง ณ ชุมชนเอื้ออาทร 1 อาคาร 17 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรีนางเธียรรัตน์ กล่าวว่า ในวันนี้ดิฉันในนามประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้พิการและผู้ยากไร้ ได้แก่ รถเข็นวีลแชร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก กลุ่มไทยสมายล์ (รถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า) มามอบให้กับ ผู้สูงอายุและผู้พิการ ตามที่ได้รับการประสานโดยตรงจากโครงการชุมชนสัมพันธ์ ภายใต้การดูแลของ พันตำรวจเอก พฤฒ จำรูญศาสน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางบัวทอง จำนวน 1 ราย ได้แก่ นางทิพลาวัลย์ ตันเรือง และครอบครัว ที่เป็นกลุ่มเปราะบาง มีฐานะยากจน และประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคม การที่มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ยากไร้ มามอบในครั้งนี้ เพื่อต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน เติมขวัญและกำลังใจ ให้แก่ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมหนึ่งซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิในด้านการสร้างสาธารณประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และที่สำคัญจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ซึ่งมีความยากลำบากในการดำเนินชีวิต ต้องการอุปกรณ์ช่วยเหลือดังกล่าวมากกว่าบุคคลทั่วไป ทำให้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือช่วยกันจัดหาอุปกรณ์และสิ่งอำนวย ความสะดวกเป็นลำดับแรก

‘เนชั่นทีวี’ เตรียมเปิดตัวผู้ประกาศข่าว AI รายแรกของไทย หวังหนุนงานกองบรรณาธิการ-ผู้สื่อข่าว เริ่ม!! 1 เมษายนนี้

(28 มี.ค. 67) นับเป็นความสำเร็จอีกขั้น สำหรับ ‘เนชั่นทีวี ช่อง 22’ สถานีข่าว 24 ชั่วโมง เปิดเกมรุกชิงความเป็นผู้นำด้าน Tech พัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ด้วยการสร้างผู้ประกาศข่าว AI รายแรกของประเทศไทย พร้อมเปิดตัวเป็น 1 เมษายนนี้ ติดตามได้ในรายการ News Alert

ด้าน นางสาวอภิรวี พิชญเดชะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนชั่น ทีวี จำกัด ให้ความเห็นว่า “ปัญญาประดิษฐ์ หรือ Ai ถูกนำมาใช้กับภาคธุรกิจ และในหลากหลายอุตสาหกรรมมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่งานข่าวแพลตฟอร์มทีวีและงานด้านสื่อสารมวลชน เห็นได้จากการเปิดตัวผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์ในรูปแบบ AI ในประเทศจีน อินเดีย หรือการนำเทคโนโลยี Ai เข้ามาช่วยประมวลผล วิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุมมากขึ้น เพื่อให้เกิดความแม่นยำในการนำเสนอข้อมูลสู่สาธารณชน”

เนชั่นทีวี ช่อง 22 เห็นโอกาสของการนำ Generative AI เข้ามาเพิ่มขีดความสามารถให้กับองค์กร โดยนำเทคโนโลยีมาพัฒนาใช้ในส่วนของผู้ประกาศข่าว หรือ Ai Reporter เป็นครั้งแรกในเมืองไทย ได้แก่ ผู้ประกาศ AI หญิง ‘ณัชชา’ และ ผู้ประกาศ AI ชาย ‘ณิชชาน’ 

โดยจะเผยโฉมให้เห็นบนหน้าจอในวันที่ 1 เมษายนนี้เป็นต้นไป ในรายการ Nation New Alert เวลา 14.05 น. และ เวลา 14.55 น. 

นอกจากนี้ ผู้ประกาศ AI ทั้ง 2 ท่าน สามารถต่อยอดสู่งานหลากหลายรูปแบบ อาทิ Influencer, พิธีกรงาน Event และ Virtual conference โดย Ai Reporter จะทำหน้าที่เสมือน Brand Ambassador ของเนชั่นทีวี ต่อไป

“ผู้ประกาศข่าว AI ทั้ง 2 ท่าน พัฒนามาเพื่อช่วยสนับสนุนงานข่าวให้กับกองบรรณาธิการ และเพื่อให้ผู้สื่อข่าวมีเวลาในการทำข้อมูลมากขึ้น ซึ่งการอ่านข่าวจะมีการทำโปรแกรมสร้างคำบรรยายเสียงอัตโนมัติ ที่จะทำให้รูปแบบการรายงานข่าวเป็นเสมือนผู้ประกาศจริงบนหน้าจอ ในขณะเดียวกันผู้ชมทางบ้านก็จะไม่รู้สึกว่ากำลังดู AI อ่านข่าวอยู่

ทั้งนี้ เนชั่น ทีวี มุ่งพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อเสริมศักยภาพงานข่าว พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ชม และในอนาคตสามารถนำมาต่อยอดงานข่าวได้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็น เครื่องมือสร้างบทความตามข้อมูลและเทมเพลตที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ช่วยสรุปข่าวอัตโนมัติรวมถึงการสร้างบทวิเคราะห์จากฐานข้อมูลเพื่อรายงานข่าว อีกทั้งยังสามารถประมวลเพื่อช่วยให้ผู้สื่อข่าวประหยัดเวลา สามารถมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์เชิงลึกได้  ที่สำคัญ Ai ก้าวข้ามข้อจำกัดในด้านภาษา ผู้ชมสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างไร้ขีดจำกัด” อภิรวี กล่าวทิ้งท้าย

เปิด 10 ชุดนักเรียนสวยที่สุดในโลก จะมีประเทศไหนบ้าง มาดูกันเลย!! ✨✨

1. เกาหลีใต้ = ผู้หญิงมักจะสวมกระโปรงกับเสื้อเชิ้ต ส่วนผู้ชายจะเป็นกางเกงขายาว เสื้อเชิ้ต ผูกเน็คไทหูกระต่าย ให้ดูลูกคุณ ซึ่งโดยรวมการออกแบบนั้นจะพิถีพิถันและสะดุดตามีสไตล์อยู่เสมอ

2. ไทย = การออกแบบไม่ยุ่งยากจุกจิก กับเนื้อผ้าและสีผ้า มีเพียงแค่เชิ้ตสีขาวกับกระโปรง ก็สร้างความประทับใจได้ไม่ต่างกัน จนเป็นกระแสฮิตที่จีนและเวียดนาม

3. ญี่ปุ่น = การสวมเครื่องแบบนักเรียน เป็นข้อบังคับใน ม.ต้น และ ม.ปลายส่วนใหญ่
โดยผู้ชายจะสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว แจ็คเก็ตสีเข้ม ส่วนผู้หญิงจะสวมเสื้อสีขาว แจ็กเก็ตสีเข้ม บวกกับกระโปรงที่มีเน็คไท หรือก็คือชุดทหารเรือ

4. เวียดนาม = ชุดนักเรียนหญิง จะพัฒนามาจากชุดอ่าวหญ่าย ที่เป็นชุดเเต่งกายประจําชาติ ใส่แล้วจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

5. ภูฏาน = จะสวมเครื่องแบบตามชุดประจําชาติของประเทศ

6. อังกฤษ = ปัจจุบันเครื่องแบบนักเรียนของอังกฤษส่วนใหญ่ จะมีสีหลักเป็นสีเขียวเข้ม สื่อถึงความสงบและเอื้อเฟื้อ

7. ฮ่องกง = ฮ่องกงได้สร้างรูปแบบเพิ่มเติม โดยใช้สีฟ้าหรือสีขาวเป็นสีพื้นฐาน โดยมีการผสมเฉดสีการตัดเย็บและการประดับตกแต่งที่แตกต่างกันตามแต่ละโรงเรียน

8. จีน = โรงเรียนส่วนใหญ่ยังคงรักษาเอกลักษณ์แบบดั้งเดิมเอาไว้ โดยเด็กประถมจะแต่งเครื่องแบบคล้ายทหาร ใส่เสื้อสีขาวกับผ้าพันคอสีแดง ส่วนนักเรียนหญิงระดับมัธยมปลาย อนุญาตให้สวมชุดจีนโบราณได้ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างเสื้อเชิ้ตที่มีสไตล์จากชุดกี่เพ้า พร้อมสวมคู่กับกระโปรง

9. มาเลเซีย = เด็กผู้หญิงจะสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมทับด้วยชุดกระโปรงสีฟ้าที่เป็นเอกลักษณ์ เรียกได้ว่าเป็นชุดนักเรียนที่กลายเป็นแฟชันสําหรับนักท่องเที่ยว ฮิตไม่แพ้ชุดนักเรียนไทยเลย ส่วนเด็กผู้ชายมักสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสีขาวหรือสีอื่น ๆ

10. ศรีลังกา = เครื่องแบบส่วนใหญ่จะเป็นสีขาว มีเพียงสีน้ำเงินเท่านั้นที่จะมิกซ์เข้ากัน และเด็กผู้หญิงทุกวัยจะสวมเสื้อผ้าที่มีโทนสีขาวเป็นหลัก ให้ดูเรียบง่าย และสะดุดตา

The People เผย 10 บุคคลแห่งปีใต้ธีม People Go Beyond พร้อมยก 'พิธา' ครอง Popular of the Year จากผลโหวตผู้อ่าน

เมื่อวานนี้ (27 มี.ค.67) จากเพจเฟซบุ๊ก The People ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

บรรยากาศงาน ‘The People Awards 2024’ งานประกาศรางวัลแด่ ‘คน’ ทะยานข้ามขีดจำกัด

The People Awards 2024 : People Go Beyond ถือเป็นงานประกาศรางวัลประจำปีที่จัดโดย ‘The People’ เป็นครั้งสาม ที่มาพร้อมกับธีม ‘People Go Beyond - ต้นแบบ ‘คน’ ทะยานข้ามขีดจำกัด’ เพื่อมอบรางวัลให้กับบุคคลแห่งปีที่ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองและสามารถก้าวเท่าทันโลกที่หมุนเร็วขึ้นทุก ๆ วัน

โดยตัวงานจัดขึ้นในวันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2567 เวลา 14:00 - 17:30 น. ณ คริสตัล บ็อกซ์ (Crystal Box) ชั้น 19 เกษร เออร์เบิน รีสอร์ท (Gaysorn Urban Resort) แยกราชประสงค์ กรุงเทพมหานคร

The People Awards 2024 : People Go Beyond เปิดงานด้วยศิลปินจากค่ายสนามหลวงมิวสิกอย่าง Kalipse และกล่าวต้อนรับโดยพิธีกรของงานโดย คุณพาฝัน ศรีเริงหล้า ก่อนที่ คุณอนันต์ ลือประดิษฐ์ บรรณาธิการอำนวยการและผู้ร่วมก่อตั้ง The People จะขึ้นกล่าววัตถุประสงค์ของงาน และปิดท้ายด้วยการนำเสนอทิศทางของ The People โดยบรรณาธิการบริหาร The People ‘คุณเสาวลักษณ์ สวัสดิ์กว้าน’

ก่อนจะต่อด้วยเวที Special Talk ภายใต้หัวข้อ Special Talk : ‘People Go Beyond’ The New Impact พุ่งชนโอกาสใหม่… ก้าวข้ามผ่านอนาคต จาก  คุณพิสุทธิ์ โรจน์เลิศจรรยา Head of Operations - TikTok Thailand, คุณปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sappe และคุณอัจฉรา บุรารักษ์ ผู้ก่อตั้งและ Creative Director แห่ง iberry Group

ก่อนจะมาถึงพิธีมอบรางวัล Corporate Awards รายชื่อขององค์กรได้รับรางวัลจาก The People Awards 2024 ในสาขา Corporate Awards ทั้ง 5 องค์กรก็ประกอบไปด้วย

1. ‘เมืองไทยประกันภัย’ องค์กรที่ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์สังคมมาโดยตลอด โดยอยู่คู่กับคนไทยมาเกินกว่า 9 ทศวรรษ โดยมี คุณอภิธร อมาตยกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนขึ้นรับรางวัล

2. ‘ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์’ บริษัทที่มีเป้าหมายสร้างธุรกิจที่เป็น HERO ในการสร้างแรงบันดาลใจและโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนให้ประสบความสำเร็จ โดยมี คุณนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนขึ้นรับรางวัล

3. ‘เครือโรงพยาบาลพญาไท และเปาโล’ ที่มุ่งเน้นเรื่องการสร้างคน สร้างนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนโดยมนุษย์ หรือคนขององค์กร รวมทั้งผลักดันบุคลากรทุกคนให้มีการพัฒนาไม่หยุดยั้ง เพื่อพร้อมสำหรับการดูแลสุขภาพของคนไทย โดยมี คุณวนิดา เศรษฐเศวต ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและสื่อสารการตลาดองค์กร เครือโรงพยาบาลพญาไทและเปาโล เป็นตัวแทนขึ้นรับรางวัล

4. ‘อารียา พรอพเพอร์ตี้’ บริษัทที่ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์งานดีไซน์บ้าน สามารถเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตผู้อยู่อาศัยได้ทุกเจเนอเรชั่น โดยมี คุณพัทธมล เลาหพูนรังษี ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนขึ้นรับรางวัล

เมื่อเสร็จพิธีประกาศรางวัลในสาขา Corporate Awards แล้ว ก็ถึงเวลาของเวทีเสวนาภายใต้หัวข้อ  Are You Ready to Go Beyond? ท้าทายขีดจำกัด พร้อมก้าวสู่ความสำเร็จที่จะมีผู้ร่วมเสวนาได้แก่ คุณอภิฤดี สิงหเสนี Assistant Managing Director, KBTG ; คุณมัณฑิตา จินดา Founder & Managing Director, Digital Tips Academy ; คุณดิศรา อุดมเดช CEO & Founder, Yell Advertising โดยมีคุณหนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ

รายชื่อของผู้คว้ารางวัล The People Awards 2024 : People of the Year ทั้ง 10 ท่านก็ประกอบไปด้วย

1. ‘ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์’ ผู้เชี่ยวด้านนิเวศทางทะเล ที่อุทิศชีวิตให้กับการอนุรักษ์ทะเลไทย และรองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
2. ‘ธนานนท์ ปฏิญญาศักดิกุล’ หรือที่เราอาจคุ้นเคยกันในนาม ‘9arm’ อินฟลูเอนเซอร์สายเทคโนโลยี เจ้าของช่องยูทูบ ‘9arm’ และเจ้าของฉายา รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลและเวทมนตร์
3. ‘จรีพร จารุกรสกุล’ ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group
4. ‘จิราพร คูหากาญจน์’ ผู้สื่อข่าววิดีโอประจำรอยเตอร์ (Reuters) ทำงานในแนวหน้าของสมรภูมิรบ และ ‘สงครามรัสเซีย-ยูเครน’
5. ‘ยุทธนา บุญอ้อม’ หรือ ‘ป๋าเต็ด’ ผู้บริหารบริษัทจัดงานแสดงดนตรี ดีเจ นักแสดง พิธีกร ยูทูบเบอร์ เจ้าของรายการสัมภาษณ์ ‘ป๋าเต็ด Talk’ ที่ผู้ชมต่างก็เฝ้าฟัง
6. ‘พี่จอง - คัลแลน’ ยูทูบเบอร์จากเกาหลีที่โด่งดังในประเทศไทย จนมีผู้ชมติดตามมากมาย
7. ‘วิทย์ สิทธิเวคิน’ พิธีกร ผู้ประกาศข่าว ผู้ดำเนินรายการ ‘8 Minute History’ รายการเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ฉบับเข้าถึงง่าย จนได้รับความนิยมมากมาย
8. ‘สมบัติ บุญงามอนงค์’  นักเคลื่อนไหวทางการเมืองและเพื่อสังคม และอดีตประธานกรรมการมูลนิธิกระจกเงา มีส่วนขับเคลื่อนสังคมผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น จ้างวานข้า (จ้างงานคนไร้บ้านโดยมูลนิธิกระจกเงา), อาสาดับไฟป่า และโครงการชรารีไซเคิล
9. ‘ธิติ ศรีนวล’ หรือ ‘ต้องเต’ ผู้กำกับภาพยนตร์ที่สร้างปรากฎการณ์ที่ชี้ให้เห็นคุณค่าที่ซ่อนอยู่ในวัฒนธรรมอย่าง ‘สัปเหร่อ’
10. ‘พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ’ นักเทควันโด เจ้าของเหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 และแชมป์เวิลด์กรังด์ปรีซ์ 12 รายการ

ปิดท้ายด้วยรางวัลจากเสียงของผู้ชมและผู้อ่านที่ได้ทำการโหวตจากทางบ้านกับรางวัล The People Awards 2024 ในสาขา Popular of the Year ซึ่งผู้คว้ารางวัลนี้ไปก็คือ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’

และนั่นคือบรรยากาศทั้งหมดของงานประกาศรางวัล The People Awards 2024 : People Go Beyond รางวังแด่ ‘คน’ ทะยานข้ามขีดจำกัด เพราะ The People เชื่อว่ามีเรื่องราวของผู้คนที่น่าสนใจและสร้างแรงบันดาลใจซุกซ่อนอยู่ทุกมุมโลก และในฐานะสื่อออนไลน์ที่เล่าเรื่องราวของผู้คน การจัดงานประกาศรางวัลให้กับผู้คนที่สมควรจะได้รับรางวัลเหล่านั้น น่าจะเป็นการตีแผ่และส่งต่อเรื่องราวและแรงบันดาลใจให้กับผู้คนอีกมากมายได้อย่างแน่นอน

ประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุด

‘ความหลากหลายทางชีวภาพ’ หมายถึง การมีสิ่งมีชีวิตนานาชนิด นานาพันธุ์ในระบบนิเวศอันเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย ซึ่งมีมากมายและแตกต่างกันทั่วโลก หรือกล่าวง่าย ๆ คือ การที่มีชนิดพันธุ์ สายพันธุ์ และระบบนิเวศ ที่แตกต่างหลากหลายบนโลก อย่างไรก็ตาม ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ความหลากหลายทางชีวภาพลดลงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียที่อยู่อาศัย การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติมากเกินไป ตลอดจนมลพิษ และการใช้ยาฆ่าแมลง

การจัดอันดับจาก Mongabay คำนวณจากสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ภายในประเทศ เช่น พืชมีท่อลำเลียง สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน นก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และปลา

‘บราซิล’ เป็นที่รู้จักและโดดเด่นในเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ และมักได้รับการยกย่องว่าเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในโลก ส่วน ‘ประเทศไทย’ ในปี 2023 ความหลากหลายทางชีวภาพอยู่อันดับที่ 18 ขยับขึ้นจากอันดับ 20 ในปี 2022

ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ย้ำหากขัดขืนคำสั่ง ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ หรือไม่ให้ความร่วมมือ ตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเด็ดขาด ล่าสุดศาลสั่งจำคุก 6 เดือน ปรับหนัก คุมประพฤติ 1 ปี

วันนี้ (28 มี.ค.67) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น แข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า กรณีวัยรุ่นทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะเข้าตรวจค้น ศาลสั่งจำคุก 6 เดือน ปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี คุมประพฤติ 1 ปี นั้น ได้รับรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2567 เวลาประมาณ  11.00 น. ขณะที่ ด.ต.ชวินณทรรศ ผดุงธรมมะสันติ ผบ.หมู่(จร.) สภ.ท่าพล จว.เพชรบูรณ์ กำลังปฎิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจร ได้มีนายอมร ฯ ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มีลักษณะพิรุธน่าสงสัย จึงได้แสดงตนและเรียกให้หยุด  แต่นายอมรฯ ไม่ยอมหยุดรถและพยายามขับรถจักรยานยนต์หลบหนี  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขับติดตามไป เมื่อพบตัวนายอมรฯ ยังไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ พร้อมทั้งขัดขืนและชกต่อย ทำร้ายร่างกาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงร่วมกันจับกุมตัว พร้อมตรวจยึดรถจักรยานยนต์ นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหา “ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย” ต่อมา ศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้พิพากษา นายอมรฯ จำคุก 6 เดือน ปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกรอ 2 ปี คุมความประพฤติ 1 ปี

นอกจากนี้ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า หากมีการขัดขืนคำสั่ง ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ หรือไม่ให้ความร่วมมือ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเด็ดขาด และขอประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนหากพบเห็นการกระทำผิดเกี่ยวกับการแข่งรถในทางหรือความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับผลกระทบจากการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย รวมถึงการโพสต์ชักชวน เชิญชวน บนสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ และการรวมกลุ่มบนท้องถนน สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่พี่น้องประชาชน สามารถแจ้งเบาะแสเหตุได้ที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

‘Operation Wedding’ ภารกิจหนีตายของชาวรัสเซียเชื้อสายยิว ลงทุนเหมาเที่ยวบิน เพื่อจี้เครื่องบินหนีออกจาก ‘สหภาพโซเวียต’

หลังจากสงครามหกวัน ปี 1967 ‘สหภาพโซเวียต’ ได้ยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับ ‘อิสราเอล’ เกิดผลกระทบต่อการยื่นขอวีซ่าของคนรัสเซียเชื้อสายยิว ที่ส่วนใหญ่ได้ทำการยื่นขอทั้งครอบครัวเพื่อเดินทางออกจากสหภาพโซเวียต ผลที่เกิดขึ้นคือการขอวีซ่าของพวกเขา ‘ถูกระงับ’ หรือ ‘ถูกปฏิเสธ’

หนึ่งในเงื่อนไขของผู้ขอวีซ่าเดินทางออกจากสหภาพโซเวียตคือ ‘การลาออกจากงาน’ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่สุ่มเสี่ยงอย่างมาก เพราะเสี่ยงต่อการถูกกล่าวหาว่าเป็นภัยสังคม ซึ่งมีความผิดทางอาญา

การยื่นขอวีซ่าเพื่อออกจากสหภาพโซเวียต มีผลสำเร็จกับแค่บางคน ในขณะที่อีกหลายคนถูกปฏิเสธ ซึ่งมีผลทันทีและมีผลในระยะยาว คำร้องขอวีซ่าของพวกเขาจะถูกเพิกเฉยไปอีกหลายปี

ในหน่วย OVIR (Office of Visas and Registration) ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งใน MVD (กระทรวงกิจการภายในของสหภาพโซเวียต) ที่รับผิดชอบในการออกวีซ่า ได้ให้เหตุผลที่สำหรับคำปฏิเสธว่า “บุคคลเหล่านี้ได้รับการเข้าถึงข้อมูลที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหภาพโซเวียตในบางช่วงเวลา จึงไม่สามารถอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศได้”


ทำให้คนเหล่านี้ถูกเรียกว่า ‘Refusenik’ แปลว่า ‘ผู้ถูกปฏิเสธ’ ส่วนใหญ่หมายถึงชาวรัสเซียเชื้อสายยิว ซึ่งถูกปฏิเสธการขออพยพย้ายถิ่นจากสหภาพโซเวียตไปยังประเทศอิสราเอล ด้วยเหตุนี้ ทำให้ ‘Operation Wedding’ ถือกำเนิดขึ้นมา

‘Operation Wedding’ เป็นปฏิบัติการจี้เครื่องบินโดยกลุ่มหนุ่มสาวชาวโซเวียตเชื้อสายยิว ผู้ซึ่งถูกปฏิเสธการขอวีซ่าออกสหภาพโซเวียต เพื่ออพยพไปอยู่ยังอิสราเอล พวกเขาจึงคิดวางแผนที่จะ ‘จี้’ เครื่องบินเพื่อหลบหนีจากสหภาพโซเวียต 

แน่นอนว่า แรกเริ่มของความคิดทุกอย่างดูง่ายและเป็นไปได้ทั้งหมด พวกเขาวางแผนใช้วิธีปลอมตัวเป็นครอบครัวเพื่อเดินทางไปงานแต่งงานของญาติในต่างเมืองด้วยสายการบินท้องถิ่น 

โดยสมาชิกในกลุ่มจะซื้อตั๋วทุกใบบนเครื่องบินโดยสารขนาดเล็ก 12 ที่นั่ง (Antonov An-2) ทำให้ในเที่ยวบินดังกล่าวไม่มีผู้โดยสารอื่นเลย จึงไม่มี ‘ผู้บริสุทธิ์’ ที่ไม่เกี่ยวข้องจะได้รับอันตราย 

นอกจากนี้พวกเขาจะบังคับให้นักบินและเจ้าหน้าที่ประจำเครื่องลงจากเครื่องบิน แล้วให้ ‘Mark Dymshits’ ผู้เป็นอดีตนักบินทหาร และเป็นนักบินของกลุ่มเข้าควบคุมเครื่องบิน และบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือพรมแดนโซเวียตไปยังสวีเดน แล้วมุ่งหน้าไปยังอิสราเอล


ปฏิบัติการนี้ เกิดขึ้นในวันที่ 15 มิถุนายน 1970 หลังจากมาถึงสนามบิน Smolnoye (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นสนามบิน Rzhevka) ใกล้นครเลนินกราด กลุ่ม ‘แขกงานแต่งงาน’ ยังไม่ทันที่จะขึ้นเครื่องบินเลย ทั้งหมดก็ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ของ MVD 

พวกเขาทั้งหมดถูกตั้งข้อหากบฏ มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต ภายใต้มาตรา 64 ของประมวลกฎหมายอาญาของ RSFSR 

โดย ‘Mark Dymshits’ และ ‘Eduard Kuznetsov’ ถูกตัดสินให้ต้องรับโทษประหารชีวิต แต่หลังจากการประท้วงจากนานาประเทศ จึงถูกตัดสินจำคุก 15 ปีแทน 

-Yosef Mendelevitch และ Yuri Fedorov ถูกตัดสินจำคุก 15 ปี
-Aleksey Murzhenko ถูกตัดสินจำคุก 14 ปี
-Sylva Zalmanson (ภรรยาของ Kuznetsov และเป็นสตรีผู้เดียวที่ถูกพิจารณาคดี) ถูกตัดสินจำคุก 10 ปี 
-Arie (Leib) Knokh ถูกตัดสินจำคุก 13 ปี 
-Anatoli Altmann ถูกตัดสินจำคุก 12 ปี 
-Boris Penson และ Wolf Zalmanson (พี่ชายของ Sylva และ Israel) ถูกตัดสินจำคุก 10 ปี
-Israel Zalmanson ถูกตัดสินจำคุก 8 ปี
-Mendel Bodnya ถูกตัดสินจำคุก 4 ปี 

ในขณะที่สื่อโซเวียตพาดหัวว่า ‘อาชญากรได้รับการลงโทษ’ แต่ก็มีผู้คนมากมายในฟากฝั่งของโลกตะวันตกเรียกร้องให้ ‘ปล่อยตัวคนเหล่านี้!’ 

ภายหลังเมื่อม่านเหล็กแห่งอิสรภาพเปิดออก ชาวโซเวียตกว่า 300,000 คน ก็สามารถอพยพออกนอกประเทศได้ ส่งผลให้สมาชิกกลุ่มนี้มีสถานะเป็นผู้จ่ายค่าอิสรภาพให้กับชาวโซเวียตทุกคนที่ได้รับอนุญาตให้อพยพ


การอพยพชาวยิวจากสหภาพโซเวียตก่อนและหลังการพิจารณาคดี Operation Wedding (the First Leningrad Trial) ครั้งแรก ตามด้วยการปราบปรามชาวยิว และมีการเคลื่อนไหวที่ไม่เห็นด้วยทั่วสหภาพโซเวียต นักเคลื่อนไหวถูกจับกุม ศูนย์ชั่วคราวเพื่อศึกษาภาษาฮีบรูและโตราห์ถูกปิด 

ในขณะเดียวกันการประณามจากนานาประเทศทำให้ทางการโซเวียตต้องเพิ่มโควตาการย้ายถิ่นฐานอย่างมีนัยสำคัญ ในปี 1960 ถึง 1970 มีชาวยิวในโซเวียตเพียง 3-4,000 คนเท่านั้นที่สามารถอพยพออกจากสหภาพโซเวียตได้ แต่หลังจากการพิจารณาคดีในช่วงระหว่างปี 1971 ถึง 1980 มีผู้ได้รับวีซ่าถึง 347,100 คน เพื่ออพยพออกจากสหภาพโซเวียต และ 245,951 คนเป็นชาวรัสเซียเชื้อสายยิว


ในเดือนสิงหาคม 1974 Sylva Zalmanson ได้รับการปล่อยตัว โดยเป็นส่วนหนึ่งของการแลกเปลี่ยนนักโทษอิสราเอลกับสายลับของสหภาพโซเวียต หรือ ‘Yuri Linov’ ในเบอร์ลิน 

หลังจากนั้นเธอก็อพยพไปยังอิสราเอล เดือนกันยายนในปีต่อ ๆ มาเธอได้เรียกร้องให้ปล่อยตัวสามี Edward Kuznetsov และผู้ถูกปฏิเสธคนอื่น ๆ จนในที่สุดวันที่ 27 เมษายน 1979 Kuznetsov ก็ได้รับการปล่อยตัว และอพยพไปอยู่กับภรรยาของเขาที่อิสราเอล 

ทางด้าน Mark Dymshits ก็ได้รับการปล่อยตัวในเวลาเดียวกันพร้อมกับผู้ถูกปฏิเสธที่มีชื่อเสียงของสหภาพโซเวียตอีกสามคน ได้แก่ Aleksandr Ginzburg, Valentin Moroz และ Georgy Vins 

การปล่อยตัวผู้ถูกปฏิเสธทั้งห้าเกิดขึ้นหลังจากการเจรจาอันยาวนาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแลกเปลี่ยนนักโทษกับสหภาพโซเวียต โดยสาลับโซเวียตสองคน Rudolf Chernyaev และ Valdik Enger ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 50 ปีในสหรัฐฯ 

หลังจากอพยพไปอิสราเอล Kuznetsov ได้เป็นหัวหน้าแผนกข่าวของ ‘Radio Liberty’ (1983-1990) และเป็นหัวหน้าบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ภาษารัสเซียที่ใหญ่ที่สุดในอิสราเอล Вести (1990-1999) ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภาษารัสเซียที่ได้รับความนิยมสูงสุดนอกประเทศโซเวียตรัสเซีย


‘คณะกรรมการปลดปล่อยสามชาวเลนินกราด’ นำโดย Tilman Bishop วุฒิสมาชิกแห่งมลรัฐโคโลราโด ได้จัดการรณรงค์ทางการทูต เพื่อให้มีการปล่อยตัวนักโทษที่เหลือ 

ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1981 Mendelevitch ก็ได้รับการปล่อยตัวและอพยพไปอยู่กับครอบครัวในอิสราเอล เขาเรียกร้องให้มีการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง เพื่อปลดปล่อยสมาชิกอีกสองคนของกลุ่ม ได้แก่ Fedorov และ Murzhenko ผู้ซึ่งไม่ใช่ชาวยิว เหยื่อของการเลือกปฏิบัติจากสหภาพโซเวียต และได้เรียกร้องให้มีการประท้วงต่อไป

วันที่ 15 มิถุนายน 1984 Aleksei Murzhenko ก็ได้รับการปล่อยตัวเพียงเพื่อจะถูกจับอีกครั้งด้วยข้อหา ‘ละเมิดทัณฑ์บน’ ต่อในเดือนมิถุนายน 1985 หลังจากติดคุกมา 15 ปี Yuri Fedorov ก็ได้รับการปล่อยตัวภายใต้ข้อกำหนดในการตั้งถิ่นฐาน แต่เขายังคงถูกปฏิเสธการให้วีซ่าไปจนถึงปี 1988 

และเมื่อเขาเดินทางไปอเมริกาในปี 1998 เขาได้ก่อตั้ง The Gratitude Fund เพื่อระลึกถึงผู้ต่อต้านสหภาพโซเวียต ที่ทำ ‘สงครามต่อต้านอำนาจของโซเวียตและยอมสละเสรีภาพส่วนบุคคลและชีวิตเพื่อประชาธิปไตย’


อีก 45 ปีต่อมาในปี 2016 Anat Zalmanson-Kuznetsov ผู้สร้างภาพยนตร์ ซึ่งเป็นบุตรสาวของ Eduard Kuznetsov และ Sylva Zalmanson ได้สร้างภาพยนตร์เรื่อง ‘Operation Wedding’ สารคดีเกี่ยวกับการหักหลังที่กำกับโดยเธอเอง เพื่อเปิดเผยถึงเรื่องราวของพ่อแม่ของเธอซึ่งเป็นตัวเอกในกลุ่ม ‘วีรบุรุษ’ ของโลกตะวันตก แต่เป็น ‘ผู้ก่อการร้าย’ ในสายตาของสหภาพโซเวียต 

จึงนับเรื่องตลกมาก ๆ ที่การจี้เครื่องบินโดยสารในสหภาพโซเวียตกลับกลายเป็นเรื่องที่ถูกต้องในมุมมองภายใต้การโฆษณาชวนเชื่อของ ‘สื่อตะวันตก’ ทั้ง ๆ ที่การจี้เครื่องบินโดยสารในประเทศตะวันตกก็ถือเป็นการก่ออาชญากรรมร้ายแรง ทั้ง ๆ ที่ได้มีชาวรัสเซียเป็นจำนวนมากที่อพยพหลบหนีออกจากสหภาพโซเวียตด้วยวิธีการต่าง ๆ ซึ่งไม่ใช่การจี้เครื่องบินโดยสารและไม่ได้ใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด 

โลกตะวันตกโดยสื่อตะวันตกจึงทำตัวเป็นผู้ตัดสินถูกผิดด้วยบรรทัดฐานที่บิดเบี้ยวและเป็นเช่นนี้มาโดยตลอดจนกระทั่งทุกวันนี้ 

👍 ติดตามผลงาน อาจารย์ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล เพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/author/ดร.ปุณกฤษ%20ลลิตธนมงคล 
 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top