Monday, 20 May 2024
NewsFeed

‘หนุ่มมะกัน’ เดินแทะขามนุษย์ริมถนนในแคลิฟอร์เนีย ฟาก ‘ตำรวจ’ เผย!! มีประวัติติดยาเสพติดขั้นรุนแรง

กลายเป็นเรื่องราวสยองขวัญทันที เมื่อวิดีโอในโซเชียลว่อนภาพชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดิน พร้อมแทะขามนุษย์ไปด้วย โดยเว็บไซต์ people รายงานว่า ตามบันทึกของ Kern County ที่ people พบ ระบุว่า หนุ่มรายดังกล่าวคือ Resendo Tellez ถูกจับกุมเมื่อวันศุกร์ด้วยความผิดลหุโทษในข้อหา ‘นำศพมนุษย์ออกจากสุสาน’ ข้อหาลหุโทษในการครอบครองอุปกรณ์ควบคุมสารเสพติด และข้อหาทางอาญาที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดภาคทัณฑ์

มีรายงานว่า Tellez วัย 27 ปี ได้ถอดชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์ออกจากที่เกิดเหตุรถไฟชนกันในเมือง Wasco รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายที่ไม่ปรากฏชื่อ ไม่ชัดเจนว่าขาดังกล่าวเป็นของบุคคลที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่

ผู้เห็นเหตุการณ์ใกล้กับที่เกิดเหตุบอกว่า Tellez กำลังโบกสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นขามนุษย์ไปรอบ ๆ และถูกอ้างว่ากัดมัน

“ฉันไม่แน่ใจว่ามาจากไหน แต่เขาเดินไปมาทางนี้และโบกขาคนคนหนึ่ง และเขาก็เริ่มเคี้ยวมันตรงนั้น กัดมัน และเขาก็กระแทกมันเข้ากับกำแพงและทุกสิ่งทุกอย่าง” โฮเซ อิบาร์รา บอกกับ เคบีเอเค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจได้เข้าทำการจับกุมและสอบสวนพบว่าเขาติดยาเสพติดอย่างรุนแรง และจะขึ้นศาลในวันนี้ (26 มี.ค.)

นครบาลโชว์ผลงาน ทลายเครือข่ายยานรก ลาดหลุมแก้ว ยึดยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 มีนาคม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.น.8, พ.ต.อ.บุญส่งวิทย์ ห้องแซง รอง ผบก.ฯ และหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนนครบาล 8 ร่วมแถลงข่าวจับกุมเครือข่ายยาเสพติด

กรณี จับกุมผู้ต้องหาชาย 6 ราย ย่านพุทธมณฑลสาย 1 และขยายผลจับกุมเครือข่ายยาเสพติดที่ซุกซ่อนยาเสพติด ในพื้นที่อำเภอ ลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้าจำนวน 5,600,000 เม็ด คีตามีนจำนวน 200 กิโลกรัม และรถยนต์ 4 คัน

‘ศาลแพ่ง’ พิพากษา ‘ตร.ซิ่งบิ๊กไบค์’ ชน ‘หมอกระต่าย’ เสียชีวิต เตรียมชดใช้ค่าเสียหายให้พ่อแม่ผู้ตายรวม 27.3 ล้านบาท

เมื่อวานนี้ (25 มี.ค. 67) ศาลแพ่ง อ่านคำพิพากษาคดีที่ นพ.อนิรุทธ์ สุภวัตรจริยากุล และนางรัชนี สุภวัตรจริยากุล เป็นโจทก์ที่ 1-2 ยื่นฟ้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ส.ต.ต. นรวิชญ์ บัวดก เป็นจำเลย 1-2 โดยโจทก์ทั้งสองยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีละเมิด

คำฟ้องสรุปว่า โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 เป็นบิดามารดาโดยชอบด้วยกฎหมายของ พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล ผู้ตาย, จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคล ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547, จำเลยที่ 2 เป็นข้าราชการตำรวจ สังกัดจำเลยที่ 1 ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ กองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (กก.1บก.อคฝ)

โดยเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2565 เวลาประมาณ 15.00-16.00 น. จำเลยที่ 2 ขณะปฏิบัติหน้าที่รับเอกสารราชการ ไปส่งให้แก่เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานในสังกัด จำเลยที่ 1 ได้ขับรถจักรยานยนต์ออกจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล ด้วยความเร็วประมาณ 108-128 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แซงขึ้นหน้ารถคันอื่นในระยะไม่ถึง 30 เมตรก่อนถึงทางม้าลาย โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง พุ่งชนผู้ตาย ขณะเดินข้ามทางม้าลายบริเวณหน้าโรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ไม่ให้การช่วยเหลือ เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายหลังเกิดเหตุประมาณ 30-60 นาที 

จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ควบคุมดูแล กำกับการปฏิบัติงาน และธำรงวินัยของข้าราชการตำรวจ ปล่อยปละละเลยให้จำเลยที่ 2 ใช้รถจักรยานยนต์ที่ผิดกฎหมายในการปฏิบัติงาน ขับรถจักรยานยนต์ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และไม่จัดให้จำเลยที่ 2 เข้ารับการฝึกอบรมขับรถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย จำเลยที่ 1 ในฐานะเจ้าพนักงานจราจร ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยบนท้องถนน ละเลยไม่จัดทำมาตรการต่าง ๆ ที่จำเป็นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุตรงทางม้าลาย อันเป็นผลโดยตรงทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนั้นจำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ในผลแห่งละเมิดดังกล่าว 

คำร้องของโจทก์ ขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสอง ร่วมกันหรือแทนกัน ชดใช้ค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นในการจัดการศพเป็นเงินจำนวน 539,493 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปีของต้นเงินจำนวน 537,505 บาท ค่าขาดไร้อุปการะเป็นเงินจำนวน 72,266,301 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปีของต้นเงินจำนวน 72,000,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง 

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยทั้งสองแล้ว เห็นว่า ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง กำหนดให้จำเลยที่ 1 เป็นส่วนราชการ มีฐานะเป็นนิติบุคคลอยู่ในบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี และมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้… (2) ดูแล ควบคุม และกำกับการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ ซึ่งปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและกฎหมายอื่น และ มาตรา 11 และมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าว ได้กำหนดให้จำเลยที่ 1 แบ่งส่วนราชการออกเป็นส่วนต่าง ๆ 

ดังนั้นหน้าที่ของจำเลยที่ 1 จึงเป็นเพียงหน้าที่โดยทั่วไป ที่จะควบคุม กำกับดูแล บังคับบัญชาส่วนราชการและข้าราชการตำรวจในสังกัดจำเลยที่ 1 ให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง และนโยบายของจำเลยที่ 1 ในภาพรวม โดยมีผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นควบคุม กำกับดูแล บังคับบัญชาให้จำเลยที่ 2 ปฏิบัติตนธำรงไว้ซึ่งวินัยของข้าราชการ 

การที่จำเลยที่ 2 ไม่ประพฤติตนธำรงวินัยของข้าราชการตำรวจ ใช้รถจักรยานยนต์ผิดกฎหมายไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไม่มีประกันภัยตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ไม่เสียภาษีประจำปี ไม่ติดกระจกมองข้างและขับรถฝ่าฝืนกฎจราจร ผู้บังคับบัญชาจำเลยที่ 2 ได้ตั้งคณะกรรมการดำเนินการทางวินัย และพนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับจำเลยที่ 2 ได้ความจาก พ.ต.ท. มนตรี ผู้บังคับบัญชาจำเลยที่ 2 ว่า ภายหลังเกิดเหตุ ผู้บังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ต้นสังกัดจำเลยที่ 2 มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการทางวินัย และได้พิจารณาลงโทษกักขัง 30 วัน ตามสำเนาคำสั่งกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ที่ 10/2565 และพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาจำเลยที่ 2 เพิ่มเติมว่าขับรถจักรยานยนต์ไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย ขับรถไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายบนพื้นทาง (ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย) นำรถจักรยานยนต์ที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาใช้ในทาง นำรถที่ยังไม่ได้เสียภาษีประจำปีมาใช้ในทาง นำรถจักรยานยนต์ที่ไม่จัดให้มีประกันความเสียหายตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มาใช้ในทาง ใช้รถที่มีส่วนควบหรือเครื่องอุปกรณ์ไม่ครบถ้วน (ไม่มีกระจกมองข้าง) ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น และขับรถจักรยานยนต์ในทางเดินรถในเขตกรุงเทพมหานครโดยใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

พนักงานอัยการ ได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 ต่อศาลอาญา ศาลอาญามีคำพิพากษาเป็นคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ 1049/2565 ว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง 

เมื่อพฤติกรรมการขับขี่และใช้รถจักรยานยนต์ฝ่าฝืนกฎหมายเป็นเรื่องเฉพาะตัวของจำเลยที่ 2 ที่ขาดความสำนึกรู้ผิดชอบ ทั้งๆ ที่จำเลยที่ 1 มีคำสั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาวินัยจราจรและปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด ควบคุม เสริมสร้างความประพฤติ และวินัยข้าราชการตำรวจ ซึ่งจำเลยที่ 2 เคยเข้าร่วมอบรมประชุมกวดขันระเบียบวินัยเกี่ยวกับความประพฤติและระเบียบข้าราชการตำรวจที่หน่วยงานต้นสังกัดจัดขึ้นตามคำสั่งจำเลยที่ 1 , จำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจโดยลำพังในการจัดระเบียบจราจร ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการจัดการระบบจราจร โดยมีกระบวนการและขั้นตอนดำเนินงานร่วมกันหลายหน่วยงาน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กระทรวงคมนาคม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ดังนั้นจำเลยที่ 1 ในฐานะเจ้าพนักงานจราจร มีหน้าที่ดูแลการจราจร รักษาความปลอดภัยบนท้องถนนให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง และนโยบายเป็นหน้าที่โดยทั่วไป หาใช่เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบโดยเฉพาะของจำเลยที่ 1 เพียงหน่วยงานเดียว เมื่อเหตุคดีนี้เกิดจากที่จำเลยที่ 2 กระทำละเมิด ขับรถจักรยานยนต์ชนผู้ตายถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นนิติเหตุอันเป็นความรับผิดเฉพาะตัวของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ไม่อาจให้สัตยาบันเข้ารับเอาผลการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 2 ได้ ดังนั้นจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 2 ต่อโจทก์ทั้งสอง

ในประเด็นว่าจำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสองหรือไม่ เพียงใด เห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ดั่งที่วินิจฉัยไว้ข้างต้นว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้กระทำละเมิด จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสอง เหตุคดีนี้เกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 2 โดยลำพัง จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสองเป็นการเฉพาะตัวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443 บัญญัติให้ผู้กระทำละเมิดรับผิดใช้ค่าปลงศพ รวมถึงค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่นด้วย ในกรณีทำให้เขาถึงตาย ซึ่งการกำหนดค่าเสียหายดังกล่าว ศาลจะต้องพิเคราะห์ถึงค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายตามจารีตประเพณีตามความจำเป็นและเหมาะสม ตลอดจนฐานานุรูปของผู้ตายและโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นบิดามารดา

เมื่อพิจารณาตารางสรุปยอดค่าใช้จ่าย รายละเอียดค่าใช้จ่าย บิลเงินสด หลักฐานการชำระเงิน และภาพถ่ายงานศพซึ่งมีแขกร่วมงานจำนวนมาก ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และผู้บริหารระดับประเทศ ค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอื่นๆ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 331,230 บาทนั้นเหมาะสมแล้ว กำหนดให้ตามขอ 

ส่วนค่ารักษาพยาบาลก่อนตาย เงินบริจาคมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก ค่าไอแพด กระเป๋า รองเท้า และเสื้อผ้าของผู้ตาย ไม่ใช่ค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่นตามคำขอโจทก์ทั้งสอง จึงไม่กำหนดให้ 

ส่วนค่าเรือลอยอังคาร โจทก์ทั้งสองไม่มีค่าใช้จ่าย เนื่องจากเป็นเรือของตำรวจน้ำ ไม่คิดค่าใช้จ่าย จึงไม่กำหนดให้ 

สำหรับค่าขาดไร้อุปการะ เห็นว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443 วรรคท้าย การกำหนดค่าสินไหมทดแทนในส่วนนี้ จะต้องพิจารณาตามฐานานุรูปของผู้ตายและโจทก์ทั้งสอง ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดู ตลอดจนรายได้ของผู้ตาย และระยะเวลาในการให้ความอุปการะเลี้ยงดูหากผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ ขณะเกิดเหตุ โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 มีอายุ 64 ปีเท่ากัน มีโอกาสได้รับการอุปการะตามกฎหมายได้ไม่น้อยกว่า 15 ปี ผู้ตายอายุ 33 ปี ประกอบวิชาชีพจักษุแพทย์ เป็นแพทย์เฉพาะทาง 2 สาขา อนุสาขาโรคจอตาและวุ้นตา และอนุสาขาโรคภูมิคุ้มกันและการอักเสบ ทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่งนายแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 ได้รับค่าจ้างเดือนละ 21,000 บาท และเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุข (พ.ต.ส.) เดือนละ 10,000 บาท รวมเป็นเงิน 31,000 บาท หากอยู่เวรนอกเวลาจะได้รับค่าตอบแทนครั้งละ 1,200 บาท ตามเอกสารหมาย จ.58 หรือ ล.73 และเอกสารหมาย จ.59 หรือ ล.74 

ได้ความจาก พ.ต.ท. โกมินทร์ สว่างจิตต์ ตำแหน่งสารวัตรฝ่ายธุรการกำลังพล กองบังคับการอำนวยการโรงพยาบาลตำรวจว่า หากผู้ตายได้รับการคัดเลือกเป็นข้าราชการตำรวจในสังกัดโรงพยาบาลตำรวจในฐานะผู้มีคุณวุฒิ พบ.วว. สาขาจักษุวิทยา และอนุสาขาจักษุวิทยาภูมิคุ้มกันและการอักเสบ จะได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งนายแพทย์ (สบ.1)  ชั้นยศว่าที่ร้อยตำรวจตรี และจะได้รับการเลื่อนขั้น เลื่อนเงินเดือนสูงขึ้นตามลำดับ 

นอกจากนั้นผู้ตายทำงานนอกเวลาที่โรงพยาบาลเอกชนอีก 3 แห่ง มีรายได้เฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 1,800,000 บาท ถึง 2,400,000 บาท เมื่อมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากขึ้นก็จะได้รับค่าตอบแทนมากขึ้นเป็น 3 ถึง 5 เท่า ซึ่งสอดรับกับคำเบิกความของ นพ.อดิศัย วราดิศัย จักษุแพทย์ด้านจอประสาทตาว่า หากแพทย์มีอายุการทำงานมากขึ้น มีชื่อเสียง ทำงานหลายแห่ง จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเดือนละ 300,000 ถึง 500,000 บาท หรือมากกว่านั้น จำเลยทั้งสองไม่มีพยานหลักฐานหักล้างเป็นอย่างอื่น 

ดังนั้น หากผู้ตายมีชีวิตอยู่ จะมีรายได้เพิ่มมากขึ้นตามประสบการณ์และอายุการทำงาน เมื่อคำนึงถึงโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญ แม้จะมีรายได้จากเงินเดือน แต่อยู่ในวัยชรา มีปัญหาสุขภาพต้องไปพบแพทย์และรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง มีภาระค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวต่อเดือนจำนวนค่อนข้างสูง เห็นสมควรกำหนดค่าขาดอุปการะเลี้ยงดูให้โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 คนละ 13,500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปีของต้นเงิน 331,230 บาท 13,500,000 บาท และ 13,500,000 บาท ตามลำดับ นับแต่วันทำละเมิดวันที่ 21 มกราคม 2565 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

ศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ชำระเงิน 331,230 บาทแก่โจทก์ทั้งสอง ชำระเงิน 13,500,000 บาทแก่โจทก์ที่ 1 และชำระเงิน 13,500,000 บาทแก่โจทก์ที่ 2 พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปีของต้นเงินแต่ละจำนวนดังกล่าว นับแต่วันที่ 21 มกราคม 2565 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยกำหนดค่าทนายความ 50,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้เป็นพับ ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

‘ศธ.จีน’ ออกแคมเปญ เดินหน้าสอน ‘เด็กนักเรียน’ ปกป้องดูแลตัวเอง ครอบคลุม ‘การกลั่นแกล้ง-ไฟไหม้-ความปลอดภัย-การปฐมพยาบาล’

(26 มี.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงศึกษาธิการของจีนออกโครงการรณรงค์ด้านการศึกษา ที่มุ่งส่งเสริมการป้องกันอันตรายและการปกป้องดูแลตนเองของนักเรียนชั้นประถมและมัธยม โดยเริ่มต้นขึ้นแล้วเมื่อวันจันทร์ (25 มี.ค.) และจะดำเนินไปตลอดทั้งสัปดาห์

หนังสือเวียนจากกระทรวงฯ กระตุ้นหน่วยงานการศึกษาท้องถิ่นให้คำแนะนำแก่โรงเรียนในการจัดกิจกรรมทางการศึกษา เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยและทำให้เด็กนักเรียนสามารถปกป้องตนเองได้ดียิ่งขึ้น

กิจกรรมเหล่านี้ควรให้ความรู้ครอบคลุมหลายด้าน อาทิ การรับมือความรุนแรงและการกลั่นแกล้งภายในโรงเรียน การป้องกันอัคคีภัย ความปลอดภัยบนท้องถนน การฝึกอบรมปฐมพยาบาล และอื่นๆ

หนังสือเวียนยังร้องขอให้หน่วยงานการศึกษาท้องถิ่นจัดกิจกรรมทางการศึกษาร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงสาธารณะและหน่วยงานดับเพลิงด้วย

‘กฟผ.’ ปรับโซนใหม่ ศูนย์การเรียนรู้ ‘Elextrosphere โลกใหม่ Right Carbon’ อัดแน่น ‘ความรู้-ความสนุก-สื่อทันสมัย’ จูงใจเรียนรู้เรื่องพลังงานอย่างมีส่วนร่วม

เมื่อวานนี้ (25 มี.ค. 67) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดรอบพิเศษแก่คณะสื่อมวลชน ชมนิทรรศการศูนย์การเรียนรู้ที่ปรับปรุงใหม่ ‘Elextrosphere โลกใหม่ Right Carbon’ โดยมีนางสาวรัชดาพร เสียงเสนาะ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและประชาสัมพันธ์องค์การ กฟผ. และผู้บริหารศูนย์การเรียนรู้นำชม ณ ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี 

กฟผ. ปรับปรุงนิทรรศการศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง โซน ที่ 2 และ 5 ด้วยเทคโนโลยีสื่อจัดแสดงที่ทันสมัย ให้เยาวชนและผู้เยี่ยมชมได้สัมผัสประสบการณ์อันตื่นตาตื่นใจไปกับการเรียนรู้ด้านพลังงานอย่างมีส่วนร่วม ภายใต้กลยุทธ์ EGAT Carbon Neutrality ของ กฟผ. โดยจัดแสดง ผ่าน 5 สัมผัสพิเศษ 5 เทคนิคจัดแสดง ดังนี้

โซนที่ 2 Elextrosphere โลกใหม่ Right Carbon:
1. Elextrosphere โลกใหม่ Right Carbon นิทรรศพลังงานแห่งอนาคตกับการสร้างประสบการณ์ร่วมในโลกเสมือน พาทุกคนร่วมเดินทางไปสัมผัสความรู้สึกเมื่อโลกที่เราอาศัยอยู่ต้องเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง และความงดงามของโลกแห่งจินตนาการที่ทุกสรรพสิ่งอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล ในดินแดนคาร์บอนเรืองแสง ผ่านเทคนิค Interactive Immersive Experience & Theater 6D - 8K ภาพยนตร์ 6 มิติ บนจอภาพยนตร์ขนาดยักษ์ความยาวถึง 30 เมตร

โซนที่ 5 Right Carbon สร้างสมดุลคาร์บอน:
2. Carbon คือผู้ร้ายจริงหรือ แกะร่องรอยปริศนาผู้อยู่เบื้องหลังภาวะโลกเดือด จุดเริ่มต้นของปัญหาภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่ ตามหา Carbon ที่อยู่รอบตัวเราผ่านเทคนิค AR Interactive

3. พลังงานขับเคลื่อนชีวิต ย้อนเวลาสู่ก้าวแรกแห่งการค้นพบพลังงานไฟฟ้าเรียนรู้เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของ กฟผ. และสนุกกับเกมการเรียนรู้ด้านพลังงานรูปแบบ Self-learning ผ่านเทคนิค Model Interactive Projection Mapping Graphic Wall

4. Welcome to ELEXTROSPHERE ภารกิจขับเคลื่อนโลกสู่ ‘EGAT CARBON NEUTRALITY’ ภายใต้กลยุทธ์ Triple S ลด ชดเชย กักเก็บ อาทิ การปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ รองรับการเพิ่มขึ้นของพลังงานหมุนเวียน และทางเลือกในการจัดการพลังงานแห่งอนาคต ผ่านเทคนิค Projection Mapping Interactive & AR Interactive

5. แต่งแต้มจินตนาการให้แก่โลก ELEXTROSPHERE สนุกกับกิจกรรมกักเก็บ Carbon เพื่อสร้างสมดุลพลังงานยั่งยืน คืนชีวิตแก่ ต้นไม้แสงนิรันดร์ และมีส่วนร่วมในการสร้างโลกใหม่ Right Carbon ด้วยการปลดปล่อยพลังสร้างสรรค์ แต่งแต้มสีสันให้กับ ELEXTROSPHERE ผ่านเทคนิค Touch Screen L&S Interactive Projection Mapping

นอกจาก 2 โซนใหม่เอี่ยมล่าสุดแล้ว ยังมีอีก 5 โซนที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น โซน 1 จุดประกาย จุดประกายแสงแรกในตัวคุณ ลงทะเบียนรับ RFID แปลงร่างเป็น AVATAR ผจญภัยในโลกพลังงานไฟฟ้า 

โซน 3 คืนสู่สมดุล สัมผัสชีวิตอนาคตที่มีความสมดุลระหว่างมนุษย์ ธรรมชาติ และเทคโนโลยี 

โซน 4 สายน้ำแห่งความภูมิใจ สัมผัสภารกิจแห่งในการดูแลชุมชน ตั้งแต่ป่าต้นน้ำสู่สายน้ำเจ้าพระยาควบคู่ไปกับการผลิตไฟฟ้าเพื่อความสุขของคนไทย 

โซน 6 โลกที่ยั่งยืน สำรวจโลกพลังงานไฟฟ้าการบริหารจัดการกับการใช้ไฟฟ้าจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก 

โซน 7 แสงนิรันดร์ ประมวลผลการเรียนรู้และรวมพลังสร้างแสงแห่งสุขนิรันดร์

ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง เปิดให้บริการทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 - 16.00 น. สนใจสามารถเข้าชมได้ฟรี ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊กเพจ ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง หรือ โทร. 0-2436-8953

ผลงาน ‘Bio PCM’ จาก ‘EBI’ บริษัทในกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ คว้า ‘BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024’

(26 มี.ค. 67) นายจีรพันธ์ ปัญญาตนันท์ Executive Vice President สายงานปฏิบัติการธุรกิจไบโอดีเซล บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เป็นผู้แทนบริษัทฯ รับรางวัล BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024 ในสาขาผลิตภัณฑ์ กลุ่มยานยนต์และพลังงานทดแทน จากผลงาน EA Bio PCM โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นุรักษ์ มาประณีต องคมนตรีและประธานในพิธี  ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ

นายจีรพันธ์ กล่าวว่า อีเอ ไบโอ อินโนเวชั่น หรือ EBI เป็นบริษัทย่อยของ EA สร้างสรรค์ Bio PCM (Bio Based Phase Change Material) ซึ่งผลิตภัณฑ์สารเปลี่ยนสถานะ นวัตกรรมที่ได้รับคัดเลือกเป็นสุดยอดสินค้าและบริการแห่งปี ในกลุ่มยานยนต์และพลังงานทดแทน โดย EA Bio PCM ได้จดสิทธิบัตรเป็นรายแรกของโลก ผลิตภัณฑ์เน้นการใช้อนุพันธ์ปาล์มน้ำมัน วัตถุดิบจากในประเทศ ผ่านเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถทดแทนผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียม ที่สำคัญ EBI ยังได้เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์โดยต่อยอดการลงทุนในธุรกิจผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม ไปสู่น้ำมันอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel หรือ SAF) โดยเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพใช้สำหรับเครื่องบิน ซึ่งคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ใกล้เคียงกับน้ำมันเครื่องบินที่เป็นเชื้อเพลิงฟอสซิล และลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ปัจจุบัน EA Bio PCM มีการถูกนำไปใช้ในหลายกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าและบริการทั้งด้านสุขภาพ วัสดุประหยัดพลังงาน รวมทั้งกลุ่มผู้บริโภคที่มีความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม เช่น อาคารและการก่อสร้าง, เสื้อผ้า, บรรจุภัณฑ์, เป็นต้น โดยได้ส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีนเป็นหลัก พร้อมขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป และ อเมริกา เพื่อใช้เป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมอุณหภูมิของวัสดุ และลดการใช้พลังงานไฟฟ้า เพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้าทำให้เกษตรกรปาล์มและแรงงานในพื้นที่ให้มีรายได้ดีขึ้น สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนสู่การพัฒนาชุมชนในทุกมิติ สนับสนุนตามนโยบายภาครัฐสู่ Bio Hub ของอาเซียน

“EBI มีความตั้งใจพัฒนานวัตกรรมสินค้า ให้ตรงกับความต้องการของตลาด รางวัล BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024 จากผลงาน EA Bio PCM ถือเป็นความภาคภูมิใจให้พนักงานสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ อีกทั้งยังสามารถขยายไปในอุตสาหกรรม Cold Chain Logistic เพื่อลดการใช้พลังงานในระบบควบคุมอุณหภูมิของการขนส่งสินค้า ให้สามารถรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อันเป็นการยกระดับมาตรฐานการขนส่ง สร้างความปลอดภัย มั่นใจในคุณภาพ” นายจีรพันธ์กล่าวทิ้งท้าย

'รัฐฟลอริดา' ชงกม.ห้ามเด็กต่ำกว่า 14 ใช้โซเชียลมีเดีย ป้องเหล่านักล่าทางความคิด โผล่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตเด็กๆ

(26 มี.ค.67) รอน เดอซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา เห็นชอบร่างกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี จากการใช้สื่อสังคมออนไลน์ และบังคับเยาวชนอายุ 14 ถึง 15 ปี ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อน ถึงสามารถเข้าใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ได้

โดยร่างกฎหมายใหม่นี้ที่มีชื่อว่า House Bill 3 บังคับให้บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ทั้งหลายลบทิ้งบัญชีของบรรดาเด็กๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และอนุญาตให้พวกผู้ปกครองร้องขอระงับบัญชีของบุตรหลานด้วย

"สื่อสังคมออนไลน์ก่ออันตรายแก่เด็ก ๆ ในหลายทาง" เดอซานติสระบุในถ้อยแถลง "House Bill 3 จะมอบอำนาจแก่ผู้ปกครองมากยิ่งขึ้นในการปกป้องเด็ก ๆ ของพวกเขา ขอบคุณประธานสภาฟลอริดา สำหรับขับเคลื่อนกฎหมายประวัติศาสตร์นี้"

เพื่อตรวจสอบอายุของผู้ใช้ กฎหมายฉบับนี้ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2025 ยังบังคับให้บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ทั้งหลาย ไม่เปิดเผยและปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้

"อินเทอร์เน็ตกลายมาเป็นตรอกซอยมืด ๆ สำหรับเด็ก ๆ ที่มีพวกนักล่าคอยล็อกเป้าเล่นงานพวกเขา และสื่อสังคมออนไลน์ที่อันตรายจะนำไปสู่อัตราโรคซึมเศร้า ทำร้ายตนเองและแม้กระทั่งฆ่าตัวตายในระดับสูง" เรนเนอร์ จากรีพับลิกันระบุในถ้อยแถลง

กฎหมายนี้ถือว่าลดระดับความเข้มข้นเล็กน้อยจากร่างกฎหมายที่เสนอก่อนหน้านี้ ซึ่งจะห้ามเยาวชนตั้งแต่อายุต่ำกว่า 16 ปี จากการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ทว่ามันถูกคัดค้านจาก เดอซานติส

อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่ากฎหมายฉบับนี้จะถูกยื่นคัดค้านทางกฎหมาย แบบเดียวกับที่รัฐอื่นๆ ต้องเผชิญ หลังจากรัฐเหล่านั้นผ่านความเห็นชอบกฎระเบียบต่าง ๆ ที่กำหนดกับสื่อสังคมออนไลน์

ยกตัวอย่างเช่นในรัฐอาร์คันซอ ซึ่งผู้พิพากษารายหนึ่งได้ระงับใช้กฎหมายฉบับหนึ่งที่กำหนดให้เด็ก ๆ ต้องได้รับความยินยอมจากพวกผู้ปกครองเสียก่อนถึงจะสามารถสร้างโปรไฟล์ใหม่บนสื่อสังคมออนไลน์

ทั้งนี้ บริษัทต่าง ๆ อย่างเช่น เมตา บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม แสดงจุดยืนคัดค้านอย่างเปิดเผยต่อกฎหมายของฟลอริดา

"ณ เวลานี้ ด้วยสิ่งต่าง ๆ กับสื่อสังคมออนไลน์ คุณสามารถเจอกับกรณีคุณมีลูก ๆ อยู่ในบ้าน ฟังดูแล้วเหมือนกับปลอดภัย แต่จากนั้นพวกนักล่าก็สามารถโผล่เข้ามาได้โดยตรง เข้ามาภายในบ้านของคุณ"

‘ครม.’ ไฟเขียว!! ดัน ‘ชุดไทย-มวยไทย’ เข้าคิวยูเนสโก ขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ

(26 มี.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม รมว.วธ. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ครม.เห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงวัฒนธรรมในการเสนอรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของประเทศไทย 2 รายการ คือ ชุดไทย และ มวยไทย

โดยให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) นำเสนอเอกสารข้อมูลประกอบการพิจารณา ส่งให้ทางสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติ ว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ของประเทศไทย (Thai National Commission for UNESCO) กระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้ดำเนินการจัดส่งเอกสารให้ยูเนสโก ให้ทันภายในวันที่ 31 มี.ค.67 นี้

เพื่อเข้าสู่ลำดับการพิจารณาต่อจากรายการ ‘ต้มยำกุ้ง’ และ ‘เคบาย่า’ (มรดกร่วม 5 ประเทศ ไทย มาเลเซีย บรูไน สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย) ที่ยูเนสโก บรรจุเข้าวาระที่ประชุมของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลฯ ครั้งที่ 19 ระหว่าง 2-7 ธ.ค.67 ณ สาธารณรัฐปารากวัย และต่อด้วยรายการ ‘ผ้าขาวม้า’ ที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยื่นเอกสารขอขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโกไว้เมื่อเดือนมีนาคม 2566 แล้ว

นายเสริมศักดิ์ เปิดเผยถึง ความสำคัญและสาระของมรดกฯ ทั้ง 2 รายการ ดังนี้ รายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรม ชุดไทย : ความรู้ งานช่างฝีมือ และแนวปฏิบัติการแต่งกายชุดไทยประจำชาติ (Chud Thai : The Knowledge, Craftsmanship and Practices of The thai National Costume) ชุดไทยเป็นเครื่องแต่งกายที่แสดงถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทย ได้รับการพัฒนามาเป็นเวลานาน พบหลักฐานมีการนุ่ง และการห่ม มากว่า 1,400 ปี ตั้งแต่สมัยทวารวดี อยุธยาจนถึงต้นรัตนโกสินทร์

ภาพการแต่งกายจึงเป็นหลักฐานสำคัญที่บอกเล่าให้คนรุ่นหลัง ได้รับรู้และสืบทอด ในปีพุทธศักราช 2503 ชุดไทยได้รับการพัฒนารูปแบบครั้งสำคัญ เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ศึกษาวิวัฒนาการรูปแบบการแต่งกายของสตรีไทย และสร้างสรรค์ชุดไทยขึ้น 8 แบบ

ส่วนของสุภาพบุรุษ มี 3 แบบ คนไทยทุกภูมิภาคมักสวมใส่ชุดไทยในวาระโอกาสต่าง ๆ และเมื่อมีโอกาสสำคัญในชีวิต ทั้งงานรัฐพิธี งานพิธีการทางศาสนา ถือเป็นแนวปฏิบัติทางสังคมและยังเป็นกระบวนการผลิตของช่างฝีมือไทยทั้งในเรื่องของการทอผ้าที่ใช้เป็นวัตถุดิบ และงานช่างตัดเย็บ ตลอดจนการปักประดับลวดลายบนผืนผ้าอีกด้วย

รมว.วธ. กล่าวต่อว่า ในส่วน ‘มวยไทย’ (Muay Thai : Thai Traditional Boxing) เป็นศิลปะการต่อสู้ของไทย เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ได้รับการสืบทอดมาไม่ต่ำกว่า 300 ปี ปรากฏหลักฐานใน ‘จดหมายเหตุว่าด้วยราชอาณาจักรสยาม’ ซึ่งบันทึก โดยซีมง เดอ ลา ลูแบร์ (Simon de la Loubère)

มวยไทยเป็นวิชาการต่อสู้ป้องกันตัวด้วยมือเปล่าในระยะประชิดตัว เป็นศาสตร์และศิลป์ที่ก่อกำเนิดจากภูมิปัญญาของคนไทยที่ต้องต่อสู้กับภัยธรรมชาติ สัตว์ป่า มนุษย์ และภัยจากสงคราม การฝึกฝนวิชามวยไทย มีตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน จนถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อไว้ใช้ในการป้องกันตนเองและปกป้องประเทศ เอกลักษณ์โดดเด่นของมวยไทย คือการใช้อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายในการป้องกันตัว ซึ่งครูบาอาจารย์ได้คิดค้นกลวิธีการฝึกจากการเลียนแบบท่าทางของสัตว์ การสังเกตธรรมชาติ และวรรณคดี

รวมถึงวิถีชีวิตตามบริบทท้องถิ่นของแต่ละภูมิภาคประยุกต์เป็นท่าทางมวยต่าง ๆ และยังมีพิธีกรรมของการมอบตัวเป็นศิษย์ การขึ้นครู และการครอบครู การแสดงความกตัญญูต่อครูอาจารย์และผู้มีพระคุณ เห็นได้จากการรำไหว้ครูมวยไทยก่อนการชกทุกครั้ง ปัจจุบัน มวยไทย เป็นกีฬาประจำชาติ เป็นกีฬาอาชีพ มีการจัดการเรียนการสอนมวยไทยในสถาบันการศึกษาหลายแห่ง มวยไทยจึงถือเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ที่มีการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน

ด้าน นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) เปิดเผยว่า มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมทั้งรายการ ชุดไทย และ มวยไทย นี้ เป็นการนำเสนอยูเนสโก เพื่อขอขึ้นทะเบียนในประเภทบัญชีรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (The Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity)

ซึ่งมีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์การพิจารณาของยูเนสโก 5 เกณฑ์ ประกอบด้วย 

1.รายการที่นำเสนอนี้สอดคล้องกับลักษณะของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ตามที่นิยามไว้ในมาตรา 2 ของอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ค.ศ. 2003

2.การขึ้นทะเบียนรายการที่นำเสนอนี้จะส่งเสริมความประจักษ์ และตระหนักรู้ถึงความสำคัญของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ อีกทั้งกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อนำไปสู่การสะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมในระดับโลก และแสดงถึงความสร้างสรรค์ของมนุษยชาติ 

3.มาตรการสงวนรักษาที่เสนอมานั้น ผ่านการพิจารณามาอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อให้มีการป้องกันและส่งเสริม และมีการกำหนดมาตรการสงวนรักษาวัฒนธรรม

4.รายการที่นำเสนอนี้เกิดจากชุมชน กลุ่มบุคคล หรือปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง มีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และ 5.เป็นรายการที่ปรากฏและดำรงอยู่ในดินแดนของรัฐภาคีสมาชิกที่นำเสนอ โดยบรรจุอยู่แล้วในบัญชีมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของรัฐภาคีสมาชิกตามที่นิยามไว้ในอนุสัญญา มาตรา 11 และ 12

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดองค์รู้มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ทั้งระดับจังหวัด ระดับชาติ และมนุษยชาติ ได้ในเว็บไซต์ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม www.culture.go.th หัวข้อ องค์ความรู้ด้านวัฒนธรรม มรดกภูมิปัญญาฯ ICH และติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ทางเฟซบุ๊กกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และ Line @วัฒนธรรม

‘แม็กชา’ เจ้าของผลงานดัง เศร้า!! เจอเด็กวิ่งชนผลงานล้มจนเสียหาย วอนผู้ปกครองดูแลลูกหลานอย่างใกล้ชิด ป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น

(26 มี.ค. 67) กลายเป็นที่พูดถึงในแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง X (ทวิตเตอร์) กันเป็นอย่างมากเมื่อศิลปินหญิงไทยเจ้าของผลงานคาแรกเตอร์เด็กผู้หญิงชาล็อต (Chalotte) อย่าง 'Mackcha' หรือ คุณแม็กกี้ ชรารัตติ์ สาระอาภรณ์ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความร่ายยาวผ่านทาง X โดยเธอได้จัดผลงานนิทรรศการ Chalotte's Castle หลังจากนั้นผลงานศิลปะของเธอถูกเด็กที่เข้ามาชมงานวิ่งชนจนล้ม ผลงานได้รับความเสียหาย 

โดย X ของศิลปินเจ้าของผลงาน ‘@mackchaaa’ ข้อความระบุว่า “แม็กขอรบกวนเวลาทุกคนที่ผ่านมาเห็นโพสต์นี้ ช่วยสละเวลาอ่านข้อความต่อไปนี้ซักครู่นะคะแม็กได้รับภาพนี้จาก staff ในงานเมื่อคืนนี้ จริง ๆ แม็กเองก็เคยเห็นเหตุการณ์ที่ผลงานศิลปะเสียหายจากการจัดแสดงมาบ้าง แต่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองเลยค่ะ เหตุการณ์ในภาพเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2567 staff ในงานเล่าว่า มีเด็กคนนึงวิ่งชนผลงานล้ม ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ นอกจากสคับเจอร์ชาล็อตที่เสียหาย ทั้งฝั่งแม็กและทาง Trendy Gallery ผู้จัดงาน เข้าใจเป็นอย่างดีว่าไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ไม่มีใครตั้งใจให้ผลงานศิลปะเกิดความเสียหาย”

Mackcha ยังระบุว่า “แต่จากเหตุการณ์นี้ แม็กคิดว่าแม็กต้องทำอะไรซักอย่าง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง จึงเกิดเป็นโพสต์นี้ขึ้นค่ะ มันเป็นเพราะเราไม่ได้กั้นขอบเขตรึเปล่า เราไม่ได้มีป้ายคอยติดเตือนในทุกจุดที่จัดแสดงงานศิลปะใช่มั้ย หลาย ๆ คนถึงไม่ทราบว่าผลงานศิลปะไม่ควรไปสัมผัส หลาย ๆ คนถึงไม่ได้ระมัดระวังในการเข้าใกล้ชิ้นงานศิลปะ ทางเรามี staff ที่คอยช่วยสอดส่อง แต่การสัมผัสผลงานศิลปะ ก็ยังเกิดขึ้นทุกวัน รูปในงานยังคงเบี้ยวเสมอ แม้จะจัดใหม่กี่ครั้งก็ตาม มาตรการด้านบนทั้งหมดนี้ เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุทั้งสิ้น มันจะดีกว่ามั้ยคะ ถ้าเราสามารถช่วยกันแก้ที่ต้นเหตุได้ โดยการรณรงค์ให้ทุกคนชมผลงานศิลปะอย่างระมัดระวังและไม่สัมผัสผลงาน”

"แม็กเชื่อว่าทุกคนเองก็คงไม่อยากเห็นงานนิทรรศการที่เต็มไปด้วยไม้กั้น หรือเต็มไปด้วยป้ายแปะเตือน เพราะบรรยากาศที่เกิดขึ้นในงาน จะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงจากภาพบรรยากาศที่แม็กและทีมงานต้องการนำเสนอ ซึ่งบรรยากาศทั้งหมดจะถูกลดทอนลงไปด้วยอุปกรณ์ที่ช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับผลงานศิลปะ อีกเหตุผลที่ทางเราไม่มีการกั้นขอบเขต ไม่มีป้ายคอยแปะเตือน เพราะแม็กและแกลอรี่มีความตั้งใจอยากให้ทุกคนรู้สึกว่าผลงานศิลปะเป็นสิ่งที่ไม่ไกลตัว รวมไปถึงทางแกลอรี่เองก็ไม่ได้มีการเก็บค่าเข้าชมงาน เพราะต้องการให้ทุกคนสามารถเข้าถึงผลงานศิลปะได้ ซึ่งแม็กไม่อยากให้ความตั้งใจทั้งหมดนี้ต้องหายไป เพราะความประมาทของใครบางคนเลยจริง ๆ ค่ะ" 

Mackcha ยังระบุอีกว่า “ความเสียหายของผลงานศิลปะสร้างความเสียหายทางจิตใจให้กับใครบางคนเสมอ เพราะงานศิลปะเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจอย่างน้อยก็กับผู้สร้างสรรค์ผลงานเอง หรือผู้ที่ครอบครอง หรือจะเป็นผู้ชมที่ชื่นชอบก็ตาม การชมงานศิลปะอย่างระมัดระวังจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะบางอย่างถ้าเสียหายไปแล้ว อาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกไม่ได้แล้วนะคะ และถ้าหากปัญหานี้ไม่สามารถแก้ไขได้ การจัดงานนิทรรศการที่เข้าถึงได้ง่ายแบบนี้ ในอนาคตอาจเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้น การชมงานศิลปะในประเทศเราอาจจะเป็นสิ่งใหม่สำหรับใครหลาย ๆ คน เราอาจจะต้องค่อย ๆ ปรับค่อย ๆ แก้ปัญหากันไป ทุกคนมีส่วนช่วยที่จะทำให้เรื่องนี้ดีขึ้นได้นะคะ มาช่วยกันรณรงค์ให้การไม่สัมผัสงานศิลปะเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนทราบ มาช่วยกันสอดส่อง บอกกล่าว เผยแพร่สิ่งนี้ให้กระจายออกไป”

"รวมถึงผู้ใหญ่ทุกท่านที่มาชมผลงานกับเด็ก ๆ แม็กดีใจมากนะคะ ที่งานของแม็กได้เข้าไปอยู่ในความทรงจำของเด็ก ๆ แต่แม็กอยากให้คุณพ่อ คุณแม่หรือผู้ปกครองที่มาด้วยกัน ช่วยกันบอกกล่าวและช่วยดูแลน้อง ๆ กันอย่างใกล้ชิด ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวน้อง ๆ เองได้ด้วยนะคะ หน้าที่ของศิลปินในการสร้างสรรค์ผลงานถือว่าสำคัญในการขับเคลื่อนวงการศิลปะ แต่หน้าที่ของผู้ชมผลงานก็สำคัญไม่แพ้กันเลยนะคะ แม็กอยากให้เรามาช่วยกันผลักดันวงการศิลปะในประเทศไทยให้พัฒนาไปด้วยกัน"

“ท้ายนี้แม็กต้องขอโทษผู้ชมทุกท่าน เพราะต่อจากนี้อาจมีช่วงเวลาที่น้องชาล็อตขี่ปลาทองต้องหายตัวไปซ่อมแซมตัวเอง อาจทำให้บางคนที่ตั้งใจไปเจอน้องในช่วงนี้ต้องผิดหวัง ทางเราจะรีบซ่อมแซมโดยด่วน และจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งเมื่อน้องกลับมาประจำการค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่านข้อความทั้งหมดนี้นะคะ”

เปิดประสบการณ์ 'ผู้ป่วยซึมเศร้า' กับการทำงานที่ไม่บกพร่อง แต่ใครทำพลาดแล้วอ้างโรค เท่ากับ 'ด้อยค่า' ไม่ควร!!

(26 มี.ค.67) จากเฟซบุ๊ก 'ดำรง นาวิกไพบูลย์' ได้โพสต์ข้อความแชร์อีกมุมมองของผู้ป่วยซึมเศร้ากับบทบาทหน้าที่ในสังคม ที่ไม่ได้ดูด้อยอย่างที่ใครจะหยิบไปอ้างได้ ระบุว่า...

พอดี ไปได้ยินสาว ๆ ในออฟฟิศ เจน Z เขาชิตแชตกันมาเกี่ยวกับการอ่านเลขแบบใหม่ของคุณ ธิษะณา ชุณหะวัณ - แก้วตา - Tisana Choonhavan มาหน่ะ

เพราะนางอ้างว่าอ่านผิดเพราะนอนไม่พอ นอนไม่หลับเพราะซึมเศร้า

ในกลุ่มสาว ๆ ถามความเห็นของ 'สุดสวย' ซึ่งเป็นหัวโจกของกลุ่ม และก็เป็นพนักงานที่มี Performance ที่ดีมากคนนึงในออฟฟิศเลย

ถือได้ว่าเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง สู้งาน สามารถมอบความไว้วางใจให้ได้

แต่...

จุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวของนางคือ 'นางเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้า' ที่ต้องกินยาจิตเวชเป็นประจำ

เป็นที่รู้กันในระดับบริหารว่า อาการเหวี่ยงของนางนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ว่าจะเหวี่ยงแค่ไหน 'งานก็จบ ครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่สั่ง'

บางครั้ง นางก็มาทำงานพร้อมน้ำตา เพราะมีปัญหาส่วนตัวมา เช่น ทะเลาะกับแฟนอย่างหนัก จนหัวหน้างานนางถามว่า "ไหวมั้ย?"

"ไหวค่ะ" นางตอบ แล้วก็ทำงานไป ซับน้ำตาไป จนงานจบ สมบูรณ์แบบ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ความเหวี่ยง - ซึมเศร้า แทบไม่มีผลกระทบอะไรกับผลงาน ช้าบาง แต่สมบูรณ์ตลอด ให้แก้ก็ทำ

มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ที่มีการใช้อำนาจบริหารสั่งนาง คือ สั่งให้นางหอบงานไปทำข้าง ๆ เตียงของพ่อนางที่โรงพยาบาล ทำให้พ่อได้อยู่กับลูกสาวในวาระสุดท้ายของชีวิต เปิดโอกาสให้นางได้แสดงความกตัญญูอย่างเต็มที่

แน่นอน งานของนาง ไม่มีขาดตกบกพร่อง ทั้งในหน้าที่ของลูก และพนักงาน

สวยสุดนั้น ส่วนตัวนางเชียร์พรรคก้าวไกลนะ เพราะนางเห็นว่านี่คือพรรคที่จะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลง

แต่นางไม่สนใจการเมืองมากหรอก นางแค่อยากมีชีวิตของนาง และมีความสุขกับงาน

ส่วนกรณีการอ่านเลขแบบใหม่นั้น โดยสรุปแล้ว แก๊งสาว ๆ เห็นว่า

นี่เป็นการด้อยค่าผู้ป่วยโรคซึมเศร้าทางอ้อมรึเปล่า ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าไม่ใช่คนไร้ความสามารถ

อย่าพลาดแล้วมาอ้างโรคซึมเศร้าดิ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top