Monday, 20 May 2024
NewsFeed

‘กรุงเทพ’ ยืนหนึ่ง!! เมืองดีที่สุดในเอเชีย 2024

‘ประเทศไทย’ ยังคงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก หลังนิตยสารท่องเที่ยวชื่อดัง DestinAsian ประกาศให้กรุงเทพฯ คว้าอันดับ 1 เมืองที่ดีที่สุด (Best Cities 2024) ในประเภทเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว (Destination) ในเอเชียแปซิฟิก ตามมาด้วยกรุงโตเกียว สิงคโปร์ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ฮ่องกง กรุงโซล นครซิดนีย์ นครเซี่ยงไฮ้ ไทเป และนครโฮจิมินห์ (https://destinasian.com/readers-choice-awards/2024-winners/best-cities)

การจัดอันดับครั้งนี้ เป็นผลมาจากการคัดเลือกของผู้อ่าน ของนิตยสาร DestinAsian ซึ่งได้ประกาศพร้อมจัดอันดับหมวดหมู่ต่าง ๆ ทั้งจุดหมายปลายทางประเภทเมือง เกาะ โรงแรมและรีสอร์ต สายการบิน สนามบิน และการเดินเรือ ที่ได้รับความนิยมจากผู้อ่านเป็นประจำทุกปี ซึ่งในประเภทเกาะที่ดีที่สุด เกาะของไทยก็ได้รับความนิยมในอันดับ 3 คือ ภูเก็ต ตามมาด้วย เกาะสมุย ในอันดับที่ 4 รองจากที่ 1 เกาะบาหลี และที่ 2 เกาะมัลดีฟส์

นอกจากนี้ ในประเภทสนามบิน สนามบินสุวรรณภูมิ ได้อันดับที่ 2 สนามบินที่ดีที่สุด รองจากสนามบินชางงีของสิงคโปร์ ที่ได้อันดับที่ 1 ส่วน อันดับ 3 คือ สนามบินนานาชาติฮ่องกง 

ทางด้านการจัดอันดับประเภทสายการบินที่ดีที่สุด ‘การบินไทย’ ได้อันดับที่ 3 รองจาก สิงคโปร์ แอร์ไลน์ และเอมิเรตส์ ในอันดับ 1 และ 2 ตามลำดับ 

ส่วนประเภทสายการบิน Low-cost ที่ดีที่สุด สายการบิน บางกอก แอร์เวย์ส ได้อันดับที่ 2 รองจาก แอร์เอเชีย

‘ครม.’ ไฟเขียว!! อนุมัติงบ 2,739 ลบ. จ้าง ‘ภารโรง’ เข้าเวรแทนครู หวังแบ่งเบาภาระ ให้ครูได้โฟกัสการเรียนการสอนอย่างเต็มที่

(26 มี.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณวงเงิน 2,739.96 ล้านบาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ เพื่อจ้างภารโรงเพิ่มขึ้นในปีงบประมาณปี 2568 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระครู ซึ่งไม่ใช่ทำหน้าที่เฉพาะการอยู่เวรยาม แต่ต้องทำหน้าที่ดูแลโรงเรียนในส่วนอื่น ๆ ด้วย เพื่อที่ครูจะได้โฟกัสการทำหน้าที่การเรียนการสอนเท่านั้น

ทั้งนี้ การเสนอของบประมาณดังกล่าวของกระทรวงศึกษาการ สืบเนื่องจากกรณีครูสาวถูกบุกทำร้ายในโรงเรียนขณะอยู่เวร ทำให้เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ครม.มีมติยกเลิกครูเวร ซึ่งการประชุมครม.ในวันนี้ (26 มี.ค.) กระทรวงศึกษาธิการได้ขออนุมัติงบประมาณในการจ้างภารโรง เป็นเวลา 3 ปี คือ ปี 2568 - 2570 แต่ ครม.อนุมัติเฉพาะปี 2568 ก่อน ส่วนปี 2569 และ 2570 ครม.มอบหมายให้กระทรวงศึกษา ไปหาวิธีการทางเทคโนโลยีทดแทนเพื่อลดการจ้างภารโรงและเพื่อประหยัดงบประมาณ

‘ปกรณ์วุฒิ’ ป้อง!! ‘ธิษะณา-รักชนก’ อ่านเลขผิด-อภิปรายผิดมาตรา ชี้!! ทั้งคู่เพิ่งเป็น สส.หน้าใหม่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ก็ไม่ควรผิด

(26 มี.ค. 67) ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการประชุมวิปฯ ในวันนี้ว่า ในวาระการประชุมวันนี้เป็นการเตรียมประชุมกฎหมายสำคัญที่เข้าสู่สภา โดยพรุ่งนี้ (27 มี.ค.67) ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สมรสเท่าเทียมจะเข้าสู่สภาพิจารณารายมาตรา วาระ 2 และ 3 คาดว่าจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ส่วนอีกฉบับหนึ่งเป็นร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาดว่าจะผ่านสภาได้ทั้ง 4 ร่าง ซึ่งอยากให้ประชาชนจับตามอง เนื่องจากร่างของคณะรัฐมนตรี (ครม.) พรรคก้าวไกลยังมองว่ามีปัญหาอยู่บ้าง เนื้อหาในบางประเด็นเข้มงวดเกินธิษะณาพอดี

นอกจากนี้ วิปฝ่ายค้านยังประชุมถึงกรอบระยะเวลาการอภิปรายทั่วไปรัฐบาลแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ซึ่งกำลังพิจารณาว่าจะให้งดประชุมสัปดาห์หน้า เพื่อให้ทุกพรรคฝ่ายค้านเตรียมตัวอภิปรายอย่างเต็มที่

ส่วนการจัดกำลังพลในการอภิปราย นายปกรณ์วุฒิ ระบุว่า ของพรรคอื่นตนยังทราบไม่มาก แต่ในส่วนของพรรคก้าวไกล จำนวนผู้อภิปรายอยู่ที่ประมาณ 30 คน ซึ่งจะแบ่งหมวดหมู่ในเรื่องประเด็นเศรษฐกิจ การทุจริตคอร์รัปชัน ซีรีส์การเมือง การศึกษา สิ่งแวดล้อม สังคม ส่วนการเรียงลำดับอภิปราย ขอไปพูดคุยกันอีกครั้งก่อน

เมื่อถามว่าเห็นวุฒิสภา (ส.ว.) อภิปรายแล้ว จะต้องนำมาปรับเกมฝั่ง สส.อย่างไร นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ติดตามอยู่ มีบางส่วนที่หยิบยกมาใช้ได้ สส. แต่ละคนที่มีประเด็นของตัวเองอยู่แล้ว ก็ได้ติดตาม ส.ว. อภิปราย รวมถึงฟังคำตอบที่รัฐมนตรีแต่ละคนชี้แจงด้วย ซึ่งก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนหรือมีคำถามเพิ่มเติม

“ฟังรัฐมนตรีบางท่านตอบแล้ว อาจจะต้องหยิบยกมาถามอีกรอบในสภาผู้แทนราษฎร” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

เมื่อถามว่าแม้จะไม่มีการลงมติ แต่จะสามารถเขย่าคณะรัฐมนตรีจนปรับ ครม. ได้หรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ในบางประเด็นเราก็คาดหวัง เพราะรัฐมนตรีอาจทำหน้าที่บกพร่อง ซึ่งคาดหวังว่ารัฐบาลคงจะหยิบไป อย่างน้อย ๆ นายกรัฐมนตรีก็คงจะมีการกำชับรัฐมนตรีบางท่านให้ปรับปรุงการทำงาน โดยการปรับ ครม. ก็จะเป็นวิธีการที่ดีก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับรัฐบาล

“บางกระทรวงอาจจะมีผลงานที่ไม่ดี มีข้อครหาใด ๆ การปรับ ครม. ก็เป็นทางออก” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

เมื่อถามว่าฝ่ายค้านเองก็ถูกจับตามอง อย่างนางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ และนางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคก้าวไกล ที่อภิปรายผิดมาตรา และมีการอ่านเลขงบผิดด้วย จะต้องมีการกำชับหรือตักเตือนหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนไปพูดคุยแล้ว มองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถามว่าควรผิดหรือไม่ ตนก็ยอมรับว่าไม่ควรผิด

“ผมคิดว่าใช้คำว่าตักเตือนแรงไปเลยนะ มันก็ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น แต่เราก็ให้คำแนะนำแล้วกันว่าควรจะทำอย่างไร ผมรู้นะว่าตัวเลขหลายหลัก ถ้าเราไม่มีอยู่ในสคริปต์ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องดูทีละตัว ผมก็แนะนำไปว่าทำอย่างไร แต่ความผิดพลาดก็เกิดขึ้นได้ ผมก็คิดว่าสามารถปรับปรุงตัวเองได้ ทั้งคู่ก็เป็น สส. สมัยแรก ปีแรกด้วยซ้ำ ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวอีกเยอะ ผมคิดว่าประเด็นที่มันเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ ถ้าเรามองย้อนกลับไป 10 กว่าปีที่แล้ว ประเด็นการพูดผิดแล้วตะกุกตะกัก แล้วนำมาโจมตีกันว่าไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่ง ผมว่ามันพอได้แล้ว มันคงไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น” นายปกรณ์วุฒิกล่าว

เมื่อถามว่ามีเรื่องนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่เต้นออกนอกห้องประชุมด้วย นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า “ก็ประท้วงกันไปครับ” ตนคิดว่าถ้าพรุ่งนี้ฝั่งรัฐบาลหารือในสภา แล้วนายวิโรจน์ลุกขึ้นชี้แจง ก็เป็นสิทธิ์ของนายวิโรจน์

เมื่อถามย้ำว่าไม่ได้ห้ามใช่หรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ไม่ได้มีอะไร ส่วนจะกระทบภาพลักษณ์หรือไม่ ตนคิดว่าก็วิพากษ์วิจารณ์กันได้

ส่วนที่วิจารณ์ว่าการเมืองใหม่แต่ยังทำเหมือนเดิมอยู่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ตนยังไม่เคยเห็นว่า 10 ปีที่แล้ว เขาเต้นกันในสภาเลย อาจจะใหม่ก็ได้ อย่างไรก็ตาม ตนจะไปพูดคุยกับนายวิโรจน์อีกครั้ง

ส่วนการอภิปรายงบประมาณ 2567 ที่ผ่านมา ตัวเลขคนที่ไม่ได้มาโหวต จะสะท้อนอะไรหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า จากที่สอบถามไปหลายคนก็มีความผิดพลาดจริง ๆ บางคนกำลังเตรียมอภิปราย ม.152 อยู่ แต่ไม่ได้ยินเสียงออด ส่วนที่เหลือก็สามารถชี้แจงได้

บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด มอบ platform สื่อการสอน ระบบไฟฟ้าและค่าพลังงานไฟฟ้าด้วยกราฟ แบบ Online และ Real Time เป็นสื่อการเรียนการสอนทันสมัยที่สุดในอาเซียน

เมื่อวันศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2567  นายประสิทธิ์  ทองรัศมี  ผอ. เทคนิค ชัยภูมิ ขอขอบคุณ                    บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด มอบ platform สื่อการสอน ระบบไฟฟ้าและค่าพลังงานไฟฟ้าด้วยกราฟ แบบ Online และ Real Time เป็นสื่อการเรียนการสอนทันสมัยที่สุดในอาเซียน จาก นาย ประจักษ์ กิตติรัตนวิวัฒน์ ตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด ณ หอประชุมวิทยาลัยเทคนิคชัยภูมิ

นายอนันต์ นาคนิยม ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กล่าว รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ท่านได้มีส่วนสนับสนุน การดำเนินการจัดการเรียนการสอน เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา ตามยุทธศาสตร์ชาติที่ให้ความสำคัญด้านพลังงาน โดยจังหวัดชัยภูมิ มีการลงทุนด้านพลังงานและพลังงานทดแทน อยู่หลายบริษัท และเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความยั่งยืนด้านพลังงาน ในโอกาสนี้ ข้าพเจ้าขอขอบคุณบริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด ที่ได้มอบสื่อการเรียนการสอนแบบเฝ้าระวัง ติดตาม วิเคราะห์พลังงาน และ ความมั่นคงระบบไฟฟ้า ของจังหวัดชัยภูมิแบบ Smart City Monitoring Energy Efficiency Systems Grid ( Real Time IoT) ติดตามการใช้พลังงานและความปลอดภัยอัจฉริยะ ซึ่งมีประโยชน์ต่อการพัฒนากำลังคน และพัฒนาการศึกษาในจังหวัดชัยภูมิ สร้างความทัดเทียมทางด้านการศึกษามากยิ่งขึ้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนในการจัดการเรียนการสอนเช่นนี้ต่อไป
นายประสิทธิ์  ทองรัศมี  ผอ. เทคนิค ชัยภูมิ กล่าว สาขาวิชาเทคนิคพลังงาน เป็นการเรียนระบบทวิภาคี นักศึกษาได้ไปฝึกงาน และมีรายได้ระหว่างฝึกงาน ในสถานประกอบการชั้นแนวหน้า กิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือระหว่างสถานประกอบการภาคเอกชน สถานศึกษา และหน่วยงานต่างๆ ในการสนับสนุน ส่งเสริมให้มีสื่อการเรียนการสอนที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ สร้างโอกาสการมีงานทำและส่งเสริมการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีอย่างจริงจัง เพื่อพัฒนาผู้เรียนใหมีคุณภาพและสมรรถนะตรงตามความต้องการของสถานประกอบการ นำไปสู่การมีรายได้ระหว่างเรียน และจบแล้วมีงานทำ ที่สำคัญทำให้นักศึกษาอาชีวะ มีความพร้อมเข้าสู่โลกอาชีพ ได้ทันตามความต้องการกำลังคนของประเทศ สามารถประกอบอาชีพหรือเป็นผู้ประกอบการได้ระบบดังกล่าวช่วยตรวจเช็ค วิเคราะห์พลังงาน บำรุงรักษา ด้านความปลอดภัย อัคคีภัย แบบ IoT ในการให้ความรู้ด้านการจัดการพลังงานแบบเรียลไทม์ (IoT) ส่งเสริมหลักสูตร สื่อการเรียนการสอนทันสมัยสุดในอาเซียนเรื่องบำรุงรักษาและมาตรฐานความปลอดภัย อัคคีภัยของหม้อแปลงไฟฟ้า เพื่อเป็นประโยชน์และ ตรงต่อความต้องการของ  ภาคประกอบการ เป็นกำลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูงเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรม เศรษฐกิจของประเทศต่อไป

'นิโคลัส แข้งช้างศึก - อี คังอิน แข้งเกาหลีใต้' ได้เลือด!! หลังแขนครูดตะแกรงท่อสนาม กลายเป็นเรื่องถกใหญ่หลังเกม

เมื่อวานนี้ (26 มี.ค.67) ‘ช้างศึก’ ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดใหญ่ลงสนามในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่มซี นัดที่ 4 พบกับ ‘โสมขาว’ เกาหลีใต้ ที่ราชมังคลากีฬาสถาน

หลังจบเกมด้วยสกอร์ 0-3 ไทยแพ้เกาหลีใต้คาบ้าน เกมจบแต่กระแสยังร้อนแรง กลายเป็นที่พูดคุยของแฟนบอล หลังจากที่แฟนบอลได้เห็นอาการบาดเจ็บของนักเตะ เนื่องจากล้มลงก่อนผิวหนังครูดกับตะแกรงของท่อระบายน้ำด้านข้างสนามจนได้เลือด

ในจังหวะช่วงครึ่งแรก นาทีที่ 41 เป็นจังหวะที่ นิโคลัส มิคเกลสัน แบ๊กขวาทีมชาติไทย ปะทะกับ คิม มิน-แจ แข้งของเกาหลีใต้ จนกระเด็นและล้มลงไปข้าง ๆ สนาม ก่อนที่เจ้าตัวจะร้องด้วยความเจ็บปวด ซึ่งจากภาพจากกล้องถ่ายทอดสดจะเห็นได้ว่านักเตะวัย 24 ปี ได้แผลและมีเลือดไหลจำนวนมาก

นอกจากนี้ในช่วงครึ่งแรกเช่นกัน ในนาทีที่ 35 อี คัง-อิน แข้งเกาหลีใต้ ก็ได้แผลถลอกจากกรณีคล้าย ๆ ของ มิคเกลสัน ในจังหวะที่นักเตะเปแอสเช ปะทะกับ แบ๊กลูกครึ่งไทย-นอร์เวย์เช่นกัน

‘GAC AION’ ขนทัพรถยนต์ไฟฟ้าหลากรุ่น ร่วมงาน ‘Motor Show 2024’ พร้อมเปิดตัว Hyper HT เอสยูวีไฟฟ้าลักชัวรี่ระดับไฮเอนด์อย่างเป็นทางการ

GAC AION ขนทัพรถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus และ AION ES เข้าร่วมงาน Motor Show 2024 พร้อมเปิดตัว Hyper HT เอสยูวีไฟฟ้าลักชัวรี่ระดับไฮเอนด์อย่างเป็นทางการ นำเสนอทางเลือกที่เหนือกว่าสำหรับผู้บริโภคชาวไทย ด้วยความหรูหราระดับพรีเมียม ดีไซน์ล้ำสมัย พร้อมเทคโนโลยีและนวัตกรรมอัจฉริยะ

(27 มี.ค.67) นายโอเชี่ยน หม่า (Ocean Ma) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า GAC AION ถือเป็นหนึ่งในบริษัทรถยนต์รายแรก ๆ ในโลกที่ประสบความสำเร็จในการวิจัยเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าและระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะ ทั้งยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และยานยนต์เชื่อมต่ออัจฉริยะ (Intelligent Connected Vehicles: ICV) อย่างเต็มรูปแบบ ขณะเดียวกันเป็นที่ทราบกันดีว่า GAC AION สามารถคิดค้น วิจัยและผลิตชิ้นส่วนที่เป็นหัวใจหลักของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ทั้ง 3 อย่าง ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่, มอเตอร์, แผงควบคุมระบบไฟฟ้า หรือ ECU ทำให้ GAC AION กลายเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ของโลก

สำหรับประเทศไทย GAC AION ได้นำ AION Y Plus เข้ามาทำตลาดเมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีของชาวไทยมาโดยตลอด สะท้อนจากยอดจองรถยนต์เป็นจำนวนทั้งสิ้น 4,568 คัน และมียอดจองรถยนต์เป็นอันดับ 4 จากแบรนด์รถยนต์ที่เข้าร่วมงานทั้งหมด และยังมียอดจองเป็นอันดับที่ 2 ในแบรนด์รถไฟฟ้าภายในงาน Motor Expo 2023 ที่ผ่านมา ถือเป็นก้าวแรกของความสำเร็จในการทำตลาดในประเทศไทยของ GAC AION

ในปี 2023 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่ GAC AION เติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 480,000 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 77% ครองตำแหน่งแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 2 ของประเทศจีน และ อันดับที่ 3 ของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของโลก และในวันที่ 28 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา GAC AION สร้างสถิติผลิตและขายรถยนต์ได้ครบ 1 ล้านคันเร็วที่สุดในโลกเป็นประวัติการณ์ โดยใช้เวลาเพียง 4 ปี 8 เดือน การันตีถึงความสามารถและความเหนือชั้นของ GAC AION ทั้งในแง่ของกระบวนการผลิต คุณภาพของผลิตภัณฑ์ และการตลาดอันแข็งแกร่ง ปัจจุบัน GAC AION มีแบรนด์รถยนต์ภายในเครือทั้งหมด 2 แบรนด์ ได้แก่ AION แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมกับความคุ้มค่า ดีไซน์ภายนอกและภายในที่ทันสมัย พร้อมด้วยเทคโนโลยีและฟีเจอร์อัจฉริยะ และ Hyper แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ (Hi-End) ที่มาพร้อมกับความหรูหรา และเทคโนโลยีขั้นสูงสุด

ในปี 2024 นี้ GAC AION กำลังสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในช่วงเดือนสิงหาคมของปีนี้ ในขณะเดียวกันยังมีการสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) ในประเทศไทยอีกด้วย คาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนปีนี้เช่นกัน

เพื่อสานต่อความสำเร็จ และนำเสนอทางเลือกใหม่ที่เหนือกว่า ให้กับผู้บริโภคชาวไทย ล่าสุด GAC AION ได้เข้าร่วมงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 หรือ Motor Show 2024 ที่จัดขึ้นในวันพุธที่ 27 มี.ค. - วันอาทิตย์ที่ 7 เม.ย. 2567 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี โดยความพิเศษภายในงาน ได้มีการแนะนำแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ Hyper อย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดตัว Hyper HT รถยนต์เอสยูวีไฟฟ้าลักชัวรี่ระดับไฮเอนด์ที่หลายคนรอคอย

Hyper (ไฮเปอร์) เป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ (Hi-End) ของ GAC AION ที่ตอบสนองความต้องการในกลุ่มลูกค้าผู้หลงใหลความเป็นที่สุด ทั้งความหรูหรา เทคโนโลยี และสมรรถนะขั้นสูง สะท้อนภาพลักษณ์ และรสนิยมอย่างเหนือชั้น โดยได้คิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ดีที่สุด เพื่อนำมาใช้ในรถยนต์หลากหลายรุ่นของ Hyper โลโก้ของแบรนด์สื่อถึงธนู AI ARROW เพื่อแสดงถึงศักยภาพในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยแนวคิดในการพัฒนาหลัก 4 ประการ คือ ‘ก้าวล้ำ (ADVANCE) ทันสมัย (TRENDY) สนุกสนาน (FUN) และ คุณภาพสูง (HIGH-GRADE)’ ซึ่งสร้างความสมบูรณ์แบบ ทั้งนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์ทางศิลปะ ผสมผสานในการผลิตรถยนต์เข้าด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้าผู้ใช้งานได้รับ ‘ประสิทธิภาพสูงสุดที่มาพร้อมประสบการณ์ความหรูหรา และการบริการในระดับท็อปคลาส’

ในปัจจุบันแบรนด์ Hyper ของ GAC AION มีรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ทั้งหมด 3 รุ่นดังนี้

- Hyper HT รถเอสยูวีไฟฟ้าระดับพรีเมียม มอบความสะดวกสบายสูงสุดให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ตัวรถมีขนาดใหญ่นั่งสบาย พร้อมฟังก์ชันและฟีเจอร์ระดับไฮเอนด์ โดดเด่นด้วยประตูแบบปีกนก หรือ Gullwing Doors เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
- Hyper GT รถสปอร์ตซีดานไฟฟ้า มาพร้อมดีไซน์ที่ดูโฉบเฉี่ยว พร้อมการตกแต่งภายในที่ดูหรูหรา โดดเด่นด้วยประตูแบบปีกผีเสื้อ (Butterfly Doors) และออปชันระดับไฮเอนด์
-  Hyper SSR ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประเทศไทย มาพร้อมตัวถังแบบคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว (หน้า 1 หลัง 2) ให้พละกำลังรวมสูงสุด 1,224 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เร็วสูงสุดภายใน 1.9 วินาที และมีแรงกระชากในระดับ 1.7G

โลโก้ของแบรนด์ Hyper เป็นสัญลักษณ์ ลูกศร AI สื่อถึงภูมิปัญญาและความรัก ที่สุดแห่งเทคโนโลยีและความโรแมนติก มุ่งเน้นอัจฉริยภาพ ความหรูหรา ศิลปะ และรสนิยม รังสรรค์ศิลปกรรมทางเทคโนโลยี ปัจจุบัน บริษัทได้พัฒนาขีดความสามารถก้าวสู่ความเป็นผู้นำระดับโลกใน 6 มิติ ได้แก่ การวิจัยและพัฒนา การผลิตอัจฉริยะ ห่วงโซ่อุตสาหกรรม การบริการด้านการตลาด วัฒนธรรมองค์กร และความเป็นสากล โดยวันนี้ เราได้นำรถรุ่นใหม่ล่าสุดภายใต้แบรนด์ Hyper ที่พร้อมผลิตเพื่อส่งมอบสู่ตลาด ‘Hyper HT’ นายโอเชี่ยน หม่า (Ocean Ma) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า Hyper HT ถือเป็นรถเอสยูวีไฟฟ้าที่มาพร้อมกับความหรูหราและเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก เหนือระดับด้วยดีไซน์ภายนอกแบบโค้งมนที่เป็นเอกลักษณ์ (Liquid curved body) โดดเด่นด้วยประตูคู่หลังแบบปีกนก (Gullwing Doors) พร้อมเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ สะกดทุกสายตาที่ได้พบเห็น ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุระดับพรีเมียมที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน เพิ่มความหรูหราระดับพรีเมียม รวมถึงฟังก์ชันอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น เบาะนวดไฟฟ้า ปรับระดับการนวดได้หลายรูปแบบ, เบาะหนังคุณภาพสูงให้สัมผัสการนั่งที่ดีเยี่ยมพร้อมฟังก์ชันระบายอากาศและอุ่นเบาะ เพิ่มความผ่อนคลายตลอดการเดินทาง เบาะที่นั่งด้านหลังสามารถปรับเอนได้ถึง 143 องศา มากที่สุดในรถเอสยูวีระดับเดียวกัน, ระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูง และฟีเจอร์อื่นๆมากมาย

จุดเด่นอันเหนือระดับของ Hyper HT มาพร้อมกับที่พักเท้าด้านหลังแบบพับได้ เพิ่มพื้นที่ยืดขาโอ่อ่าขั้นสูงสุด และ โต๊ะวางของอเนกประสงค์ สำหรับวางสิ่งของต่าง ๆ ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย เพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยกระจกกันเสียงแบบลามิเนต 2 ชั้น และพื้นที่สัมภาระขนาดใหญ่พิเศษ ความจุขนาด 670 ลิตรและเมื่อพับเบาะสามารถใช้พื้นที่ได้ถึง 1,802 ลิตร สามารถเก็บถุงกอล์ฟใบใหญ่ 2 ใบได้สบาย ๆ

ทั้งนี้ Hyper HT ถูกพัฒนาด้วยแนวคิดหลัก 4 ประการได้แก่

1. Hyper Design - ที่สุดแห่งการออกแบบเหนือระดับ เปรียบเสมือนงานศิลปะแห่งโลกยานยนต์ สะกดทุกสายตาด้วยประตูแบบปีกนก (Gullwing Doors), ไฟหน้าแบบ Diamond Cut และไฟท้ายแบบ Horizon

2. Hyper Space - มอบความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารที่มากกว่า ด้วยพื้นที่ภายในสุดหรูหรา ตกแต่งด้วยวัสดุระดับพรีเมียม มอบประสบการณ์ในการขับขี่และการโดยสารระดับ ‘เฟิร์สคลาส’ ด้วยฟังก์ชันเบาะนวด 10 จุด และเบาะโดยสารด้านหลังที่สามารถปรับเอนได้ถึง 143 องศา

3. Hyper Energy - ไปได้ไกลและรวดเร็วยิ่งกว่า ด้วยเทคโนโลยี Magazine Battery เจเนอเรชั่นที่ 2 พร้อมระบบ Fast Charge ชาร์จเพียง 15 นาที ก็สามารถวิ่งได้ไกล 400 กิโลเมตร และหากชาร์จเต็มจะสามารถวิ่งได้ไกลกว่า 600 กิโลเมตร

4. Hyper Network - โครงข่ายสถานีชาร์จ Hyper Premium Charging Network เอกสิทธิ์เฉพาะลูกค้า Hyper โดยในปี 2024 จะมีการสร้างสถานีชาร์จจำนวน 15 แห่ง ครอบคลุมรัศมี 15 กิโลเมตรในกรุงเทพมหานคร และในปี 2028 จะมีการขยายโครงข่ายสถานีชาร์จเป็น 100 แห่งทั่วประเทศ

ขอเชิญชวนทุกท่านเข้ามาสัมผัส Hyper HT ยนตรกรรมแห่งความเหนือระดับ ที่จะเปิดประสบการณ์การเดินทางไปสู่โลกอนาคตครั้งใหม่ ที่บูท GAC AION (A20) ในงาน Motor Show 2024 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม - 7 เมษายน 2567

‘สเตฟาน’ แปลกใจ!! เจอคนไทยไม่เชียร์ ‘ช้างศึก’ ลั่น!! “ทีมชาติเราเตะ เราต้องเชียร์”

ควันหลงหลังจากที่ ‘ช้างศึก​’ ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย พ่ายให้กับ ‘โสมขาว’ เกาหลีใต้ 0-3 ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่มซี นัดที่ 4 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา

โดยจากผลที่เกิดขึ้นทำให้ ‘เกาหลีใต้’ เก็บเพิ่มเป็น 10 คะแนนจาก 4 นัด รั้งจ่าฝูงของกลุ่ม ส่วน ‘ทีมชาติไทย’ มี 4 คะแนนจาก 3 นัดอยู่อันดับ 3 ตามหลัง ทีมชาติจีน รองจ่าฝูง 4 คะแนนในจำนวนเกมเท่ากัน

ทั้งนี้ อดีตพระเอกดังอย่าง ‘สเตฟาน ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์’ ที่ห่างหายจากวงการบันเทิงไปพักใหญ่ ปัจจุบันกลายเป็นยูทูบเบอร์สายฟุตบอล และเป็นเจ้าของช่อง ‘Antihero Thailand’ ที่ล่าสุดได้ประกาศให้พนักงานหยุดงาน 7 วัน รวมทั้งยังจ่ายค่าจ้างเหมือนเดิม หากทีมชาติไทยเตะชนะทีมชาติเกาหลีใต้

อย่างไรก็ตาม ควันหลงของศึกฟุตบอลเมื่อคืนนี้ ทำให้สเตฟานออกมาพูดเปิดใจผ่านชองดังกล่าว ถึงการเล่นของทีมชาติไทย และทีมเกาหลีใต้ ซึ่งในตอนหนึ่งสเตฟานกล่าวว่า 

“ผมชมเกาหลีใต้อย่างหนึ่ง ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเล่นดี คือเกาหลีใต้ไม่ว่าจะเจอยุโรป หรืออเมริกาก็ตาม มันไม่กลัว สู้เต็มที่ มันเป็นคีย์สำคัญที่ทำให้กีฬาชาติเขาเติบโตได้ จริง ๆ คนไทยมันเก่ง เชื่อผมเหอะ นักบอลก็เก่ง นักมวยก็เก่ง หลายอาชีพเก่งมาก…

“แต่บางทีคนชอบมีความรู้สึกว่า เรายังไม่ถึงเขาหรือเปล่า เราตัวเล็กกว่าเขา เรายังสู้เขายาก ผมว่าเราต้องเลิกคิดแบบนี้ แล้วเราต้องมีความมั่นใจในตัวเรามากขึ้น ควรช่วยกันส่งเสริม”

สเตฟาน กล่าวต่อว่า “เชื่อไหมผมแปลกใจมาก คือ เจอคนไทยใส่เสื้อเกาหลีใต้ ผมกล้าพูดเลยนะ คนเกาหลีใต้ทุกคนในประเทศเขาเชียร์เกาหลีใต้ แต่คนไทยบางคนดันเชียร์เกาหลีด้วย เห็นบ้างไหม ขี่มอเตอร์ไซต์เห็นใส่เสื้อเกาหลี 2 คน คนไทยอะ นี่ถ้าไปอยู่บราซิลโดนกระทืบตายนะ ไม่ได้”

“แล้วเห็นในคอมเมนต์อีกหลายอันที่บอกว่า ผมอยากให้เกาหลีชนะ เพราะไทยยังนู้นอย่างนี้ ไทยเข้ารอบก็ไม่ได้เข้าบอลโลกอยู่ดี ผมเชียร์ทีมเอเชีย เกาหลีใต้เหมือนกันดีกว่า บ้าปะ กรีดเลือดออกมาเป็นส้มตำ ไม่ใช่กิมจิ เราต้องเชียร์ไทยดิ แต่ทีมชาติคุณเตะ คุณต้องเชียร์ทีมชาติตัวเองดิวะ”

'เพจดัง' เผย!! สถาบันการศึกษาไทย พาเหรดออกงานในย่างกุ้ง สะท้อนหนุ่มสาวเมียนมา เตรียมลุยตลาดแรงงานระดับสูงในไทย

(27 มี.ค.67) จากเพจ 'สานต่อเจตนารมณ์ อาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า..

ความต้องการเรียนในสถาบันการศึกษาไทยในระดับที่มหาลัยไทยต้องไปออกงานแบบนี้ แสดงให้เห็นถึงความต้องการเตรียมตัวเข้าตลาดแรงงานไทยในหมู่คนหนุ่มสาวเมียนมาในระดับสูงสุด

อันนี้น่าสนใจมาก

อย่างที่พูดกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเด็กไทยไม่ขยัน ไม่ยกระดับตัวเองให้เข้ากับความต้องการของนายจ้าง 

ต่อไปนายจ้างไทยและนายจ้างบริษัทข้ามชาติที่มีกิจการทั่วภูมิภาคอาเซียน จะมีตัวเลือกเป็นเด็กเวียดนาม เด็กจีน เด็กเมียนมา ชั้นหัวกะทิที่เก่ง ฉลาด สื่อสารได้หลายภาษารวมทั้งภาษาไทย และพร้อมจะกลายเป็นคนไทยเมื่อเวลาผ่านไป

ประเทศไทยจะไม่ขาดคนมีฝีมือ แต่คนเหล่านั้นอาจจะไม่ใช่เด็กไทยปัจจุบัน

'ม.ล.ชโยทิต' ผู้อยู่เบื้องหลังดีลบริษัทระดับโลกลงทุนไทย คีย์แมนดึงนักลงทุน 'ยุคลุงตู่' ที่ 'ลุงนิด' เลือกมาช่วยถูกเวลา

(27 มี.ค.67) 6 เดือนของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน หลังเข้ารับตำแหน่ง ‘หัวหน้ารัฐบาล’ ประกาศตัวเป็น ‘เซลส์แมน’ เดินสายโรดโชว์ไปทั่วโลกหลังจากหลับใหลมา 9 ปีเต็ม 

ตัวเลขส่งเสริมการลงทุนปี 66 มีคำขอ 8.5 แสนล้านบาท 2,300 โครงการ สูงที่สุดในรอบ 9 ปี โดยช่วงไตรมาสสี่ (ตุลาคม-ธันวาคม) ปี 2566 เทียบกับตัวเลขไตรมาสสี่ของปี 2565 มูลค่าขอรับการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) เพิ่มขึ้น 145 %   

ด้าน ‘ม.ล.โชทิต กฤดากร’ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี-ประธานผู้แทนการค้าไทย 1 ใน 2 คีย์แมน ที่ติดตามภารกิจนายกรัฐมนตรีพบปะผู้นำมหาอำนาจ 14 ประเทศ นักธุรกิจระดับโลก 60 บริษัท ซึ่ง ม.ล.ชโยทิต ได้คุยนอกรอบและบอกถึง ‘จุดเด่น’ ที่ทำให้นักลงทุนหันกลับมามองไทยเป็นประเทศน่าลงทุน

โดยข้อดีของประเทศไทยมี 2 เรื่อง 1.การเกิด Trade war ทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิต และ 2.พลังงานสะอาด    

“ข้อได้เปรียบประเทศไทย คือ พลังงานสะอาด ไม่มีใครสู้ได้”

“ถ้าตั้งใจทำดี ๆ เราไม่แพ้ชาติไหนในโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคนี้ เราเคยเป็นแชมป์ จะไปเสียแชมป์ง่ายๆ ได้อย่างไร เพียงแต่เราไม่ได้ชก หลับไปแปบหนึ่ง”

“ไม่ถึงกับหลับไป 9 ปีหรอก เผอิญเรามายุ่งกับเรื่องในประเทศ ตัวเลขเศรษฐกิจพอไปได้ ท่องเที่ยวยัง Ok แต่ไม่ก้าวกระโดด”

>> Land of no conflict

ม.ล.ชโยทิต ไม่ปฏิเสธว่า ไทยได้รับอานิสงส์จาก ‘สงครามการค้า’ ทำให้วันนี้หลายบริษัทที่ไปตั้งอยู่ในจีน ถ้าเป็นค่ายตะวันตกต้องย้ายฐาน

“เราเป็น Land of no conflict ไม่มีความขัดแย้ง ชายแดนเราไม่ติดกับมหาอำนาจ เราสนิททั้งจีน ทั้งอเมริกา คุณไปสู้ที่อื่นไม่เป็นไร แต่ที่นี่ ค้าขาย ไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร”

ทว่า ม.ล.ชโยทิต ก็ได้ชี้ ‘จุดอ่อน’ ของประเทศไทยว่า “เรากันเองไม่รักชาติ เราชอบด้อยค่าประเทศของเราเอง”

สำหรับ ‘ทำเลทอง’ ที่ ‘นักลงทุน’ สนใจลงทุนอยู่ในพื้นที่ใดเป็นพิเศษ ม.ล.ชโยทิต ได้เล่าคอนเซ็ปต์ให้ฟังว่า ต้องการกระจายให้ไปทั่วทุกภูมิภาค ไม่กระจุกตัวอยู่แต่ในพื้นที่อีอีซี

โดยให้กระจายไปหลาย ๆ ภูมิภาค เช่น อิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูงอยากให้ไปอยู่ในภาคเหนือ ที่จังหวัดลำพูนมีความเสถียรของชั้นหิน และโครงสร้างพื้นฐานรองรับ เช่น สนามบิน หรืออุตสาหกรรมฮาลาลในภาคใต้ พยายามจะไปเหนือ ตะวันออก ตะวันตก ใต้ 

“พื้นที่ใดที่มีแหล่งพลังงานสะอาดใช้ได้หมด จะเป็นการกระจายอุตสาหกรรม กระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคต่าง ๆ”

>> เบื้องลึกปิดดีลบริษัทยักษ์ระดับโลก

การปิดดีลบริษัทยักษ์ใหญ่หลายบริษัท ส่วนหนึ่งเป็นการ ‘ต่อยอด’ จากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ แต่ความแตกต่าง คือ การที่ ‘ผู้นำรัฐบาล’ เดินทางไปต่างประเทศด้วยตัวเอง ทำให้ได้พบกับ เบอร์ 1 ของบริษัทระดับโลก

อดีตผู้แทนการค้าไทย - หัวหน้าทีมปฏิบัติการเชิงรุกในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอา ชี้ ‘จุดเด่น’ ของการที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปต่างประเทศด้วยตัวเอง ว่า “ความมั่นใจต่างกัน” 

“ธรรมดาเวลาผมไปในฐานะหัวหน้าทีมปฏิบัติการเชิงรุกสมัยนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้เจอแต่รองประธาน เบอร์ 3 เบอร์ 4 ไม่ได้พบกับเบอร์ 1 เหมือนนายกรัฐมนตรีไปเอง”  

“ท่านนายกฯ นั่งอยู่ด้วย ท่านชัดเจน ท่านเป็นนักธุรกิจมาก่อน เวลาเขาขออะไรมา อะไรได้ อะไรไม่ได้ ไม่มี อารัมภบท ไม่มีรำ นี่คือสิ่งที่เขาติดใจ ความเด็ดขาด ความรวดเร็ว ไม่ต้องรอละเลียด เดินได้เดิน”

“วันนี้ตัวเลขกลับขึ้นมามากกว่า 9 ปีที่แล้ว Q1 มากกว่า Q 1 ปีที่แล้ว 1 เท่า ปีนี้จะเอาให้ถึงล้านล้านคำขอ ลงทุนจริงก็ต้องมา ถ้าไม่มีคำขอลงทุนก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริง”

ส่วนปัจจัยอะไรที่ทำให้คำขอไม่เป็นไปตามแผนลงทุน-ไม่มาตามนัด ม.ล.ชโยทิต บอกว่า คือ “ความเชื่อมั่นคนไทยในประเทศตัวเอง”

>> แย้มเทสล่าลงทุนในไทย 

กระแสข่าวบริษัทเทสล่า (Tesla) ไม่มาลงทุนในไทย เนื่องจากกฎระเบียบ-กติกาไม่เอื้อ เช่น การจัดหาเนื้อที่ 2,000 ไร่ ในการตั้งโรงงาน จึงเกิดคำถามว่า ‘ยักษ์ใหญ่อีวี’ สัญชาติสหรัฐฯ จะมาลงทุนในไทยหรือไม่

ม.ล.ชโยทิต จึงเดิมพันด้วยเลี้ยงข้าว-ก๋วยเตี๋ยวชามเดียว พร้อมกับระบุว่า พูดไม่ได้ ไปพูดก่อนจะมาไหม ต้องรอให้เขาประกาศก่อน เหมือนกับ บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (AWS) เป็นคนประกาศเองว่ามีแผนลงทุนในไทย 200,000 ล้านบาท  

“คนจะมาลงทุนจะมาเที่ยวป่าวประกาศ ไม่ใช่ ไม่ใช่การทำงานสไตล์พวกเรา พวกเราทำงานจนให้เขาประกาศเอง เป็นมารยาทสำคัญ”

“ของพวกนี้ต้องใช้เวลา ไม่ได้เปิดปุ๊บติดปั๊บ”

ม.ล.ชโยทิต เฉลยเหตุผลที่ ‘เศรษฐา’ เรียกใช้งาน แม้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง-สวมหมวกอดีตรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ไฮปาร์คเข้าใส่กันดุเดือด ยืนอยู่คนละขั้ว-คนละข้างกับพรรคเพื่อไทย 

“นั่นมันตอนหาเสียง การเมืองก็คือการเมือง หาเสียงก็คือการหาเสียง ตอนนั้นเราสวมหัวโขนคนละแบบกัน”

“ผมกับท่านนายกฯ รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่และปู่ย่าเป็นเพื่อนกัน ผมรู้จักท่านนายกฯ ดี เกิดมาผมก็รู้จักท่านนายกฯ แล้ว และท่านนายกฯ ก็เป็นเพื่อนของพี่สาวผมด้วย”

ทั้งนี้ ‘เศรษฐา’ เป็นบุตรของ ‘ร.ท.อำนวย ทวีสิน’ กับ ‘ชดช้อย ทวีสิน’ สกุลเดิมคือ ‘จูตระกูล’ ขณะที่ ‘ม.ล.ชโยทิต’ เป็นบุตรของ ‘ม.ร.ว.ยงสวาสดิ์ กฤดากร’ กับ ‘ท่านผู้หญิงวิยะฎา กฤดากร ณ อยุธยา’ โดยมี ‘ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี’ เป็นพี่สาว  

การเรียกใช้บริการเสริม ‘ม.ล.ชโยทิต’ ผู้บุกเบิก-กรุยทางดึงดูดนักลงทุนตั้งแต่ยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จึงถูกฝา-ถูกตัว ไม่ผิดคน 

‘จนท.สหรัฐฯ’ ประกาศยุติการค้นหา 6 ผู้สูญหาย เหตุเรือชนสะพานถล่ม หลังปฏิบัติภารกิจไป 18 ชั่วโมง คาด!! ทั้งหมดเสียชีวิตแล้ว

(27 มี.ค.67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จากกรณีที่เรือสินค้าขนาดใหญ่พุ่งชนตอม่อสะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ (The Francis Scott Key Bridge) ในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมรีแลนด์ ของสหรัฐฯ ทำให้ส่วนหนึ่งของสะพานพังยับและร่วงลงสู่แม่น้ำปาแทปสโก โดยพบว่าเป็นเรือขนส่งสินค้ายาวประมาณ 300 เมตร 'ต้าลี่' ที่ติดธงชาติสิงคโปร์ กำลังเดินทางมุ่งหน้าไปยังกรุงโคลอมโบในศรีลังกา ต่อมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยรายงานว่าสามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตได้ 2 ราย โดย 1 ใน 2 ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล และยังคงค้นหาผู้สูญหายอีก 6 ราย ซึ่งคาดว่าทั้ 6 รายนั้นซึ่งเป็นคนงานก่อสร้างกะดึก ทุกฝ่ายจึงสันนิษฐานว่าผู้สูญหายกลุ่มนี้น่าจะเสียชีวิตแล้ว และนับจากนี้จะเน้นไปที่ภารกิจการเก็บกู้ร่างพวกเขาแทน

ต่อมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยของสหรัฐยุติปฏิบัติการค้นหาคนงาน 6 คนที่สูญหายจากเหตุการณ์สะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์พังถล่มแล้ว หลังจากการค้นหาผ่านไปแล้ว 18 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ระบุว่า โอกาสที่จะพบผู้รอดชีวิตทั้ง 6 คนนั้นไม่มีแล้ว เนื่องจากเวลาผ่านพ้นไปนานแล้วและน้ำมีอุณหภูมิเย็นจัด อย่างไรก็ตาม ในวันนี้นักประดาน้ำจะลงไปค้นหาอีกครั้งเพื่อนำร่างของผู้เสียชีวิตขึ้นมา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top