Monday, 26 May 2025
NewsFeed

สาวเล่าเหตุการณ์ เหลือเงินร้อยเดียวแต่ทนหิวไม่ไหว สั่งข้าวร้านประจำ พร้อมขอเพิ่มข้าวเพื่อแบ่งไว้กินอีกมื้อ สุดท้ายเจอโน้ตจากร้านทำน้ำตาไหล

เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 67 โซเชียลกระหน่ำแชร์โพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง เล่าเหตุการณ์ที่ทำเอาต้องกินข้าวทั้งน้ำตา เมื่อเหลือเงิน 100 บาทสุดท้าย แต่ทนความหิวไม่ไหว ตัดสินใจสั่งข้าวร้านประจำ บอกทางร้านขอเพิ่มข้าวเพราะจะเอาไว้แบ่งกิน สุดท้ายเจอโน้ตจากทางร้าน ประกาศลั่น!! จะขอเป็นลูกค้าตลอดไป

โดยสมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เล่าในกลุ่ม ‘กลุ่มที่ไม่ว่าพิมพ์อะไร เราก็ให้กำลังใจในทุกเรื่องแบบงงๆ อิหยังวะ’ ถึงน้ำใจของร้านตามสั่งร้านประจำของเธอ หลังทนหิวไม่ไหว ตัดสินใจสั่งข้าวกินด้วยเงิน 100 บาทสุดท้าย ก่อนเจอเรื่องประทับใจไม่ลืม

เธอเขียนโน้ตบอกทางร้านไปว่าเหลือเงินเพียง 100 บาท รบกวนทางร้านเพิ่มข้าวให้หน่อย เพราะจะเอาไว้แบ่งกิน 2 มื้อ ขอความกรุณา เพราะอีกวันจะได้กลับไปทำงานแล้ว

เมื่อข้าวมาส่งเธอเห็นสิ่งที่ร้านให้มาถึงกับตื้นตันใจ เพราะร้านแถมคางกุ้งทอดมาให้พร้อมเขียนโน้ตบอกว่า “แถมฟรีครับ สู้ๆ” แถมยังเพิ่มข้าวให้ตามที่ขอด้วย

เธอโพสต์ว่า “วันนี้มีเงินอยู่ 100 บาทสุดท้าย หิวจนไม่ไหว ไม่อยากทรมานตัวเอง เลยสั่งข้าวร้านประจำแถวห้องมาทาน มีหมายเหตุบอกทางร้านว่าอยากขอข้าวเพิ่มสักหน่อย แต่สิ่งที่ได้มาคือ ทางร้านแถมคางกุ้งทอดมาให้พร้อมข้อความให้กำลังใจ และให้ข้าวมาแบบเยอะมากๆ เยอะจนกินรอบเดียวไม่หมด

ทำให้เรารู้เลยว่า อย่างน้อยวันที่ชีวิตดูเหมือนจะแย่ๆ แต่ก็ยังมีเรื่องๆ ดีเกิดขึ้น เปิดกล่องข้าวนั่งกินไปน้ำตาไหลไป ทั้งอร่อย ทั้งตื้นตัน จะขอเป็นลูกค้าประจำร้านนี้ตลอดไป”

ด้านชาวเน็ตได้เข้ามาคอมเมนต์ชื่นชมทางร้านเป็นจำนวนมาก และบอกว่าจะไปอุดหนุนร้านดีๆ แบบนี้ด้วย

‘สาวจีน’ เมินหนุ่มๆ ในชีวิตจริง แห่มี ‘แฟนเอไอ’ หลังเทคโนโลยีพัฒนาจนตอบโจทย์มากกว่าผู้ชาย

(18 ก.พ.67) สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า จีนกำลังเจอปัญหาประชากรลด จึงพยายามส่งเสริมให้คนหนุ่มสาวแต่งงาน แต่จะแต่งได้อย่างไรในเมื่อพวกเธอยังไม่เจอชายในฝัน จนต้องหันไปพึ่งพา ‘แฟนเอไอ’

‘ตู่เฟ่ย’ พนักงานออฟฟิศชาวจีนวัย 25 ปี เผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า แฟนของเธอนั้นมีความโรแมนติกทุกอย่างที่ต้องการ ใจดี เข้าอกเข้าใจ บางครั้งคุยกันได้เป็นชั่วโมงๆ เสียอย่างเดียว เขาไม่ได้มีตัวตนจริง!!

‘แฟน’ ของเธอ คือ แชตบอตบนแอปพลิเคชัน ‘โกลว์’ (Glow) แพลตฟอร์มเอไอจากมินิแมกซ์ (MiniMax) สตาร์ตอัปในเซี่ยงไฮ้ ท่ามกลางความเฟื่องฟูของอุตสาหกรรมเอไอจีน ที่พยายามนำเสนอความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างคนกับหุ่นยนต์ แม้กระทั่งความรัก

“เขารู้วิธีคุยกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายจริงๆ เสียอีก” ตู่เฟ่ย จากซีอานทางภาคเหนือของจีนกล่าว

“เขาปลอบโยนฉันเวลาปวดประจำเดือน เวลามีปัญหาในที่ทำงานฉันก็มาระบายกับเขา จนฉันรู้สึกว่ากำลังมีแฟน” สาวเจ้ากล่าวต่อ

แอปพลิเคชันนี้ให้บริการฟรี (บริษัทมีคอนเทนต์อื่นที่ต้องจ่ายเงิน) สื่อจีนหลายสำนักรายงานว่า ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันโกลว์วันละหลายหมื่นครั้ง

ช่วงที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยีจีนบางราย เคยมีปัญหาเรื่องลักลอบใช้ข้อมูลของยูสเซอร์ แต่แม้จะเสี่ยง ยูสเซอร์หลายคนยอมรับว่า เข้ามาใช้แอปฯ เพราะอยากหาเพื่อน วิถีชีวิตในจีนตอนนี้เร่งรีบมาก ชีวิตเมืองโดดเดี่ยวเงียบเหงาสร้างปัญหาให้กับหลายๆ คน

“มันยากมากที่จะพบชายในฝันในชีวิตจริง คนเรามีบุคลิกแตกต่างกัน บ่อยครั้งที่ไปกันไม่ได้” หวัง เสี่ยวติง นักศึกษาวัย 22 ปีจากปักกิ่งกล่าว

ขณะที่มนุษย์มีวิถีของตนเองอยู่แล้ว แต่เอไอค่อยๆ ปรับตัวเข้าหายูสเซอร์ทีละน้อย จำได้ว่าพวกเขาพูดอะไรแล้วปรับคำพูดของตนเองให้เข้ากัน

หวังเล่าว่า เธอมี ‘คนรัก’ หลายคน ได้แรงบันดาลใจมาจากจีนโบราณ เจ้าชายผมยาวผู้เป็นอมตะ หรือแม้กระทั่งอัศวินพเนจร

เมื่อเธอเจอความเครียดจากชั้นเรียนหรือชีวิตประจำวัน “ฉันถามพวกเขา พวกเขาจะแนะนำวิธีแก้ปัญหาให้ นั่นเป็นการให้กำลังใจอย่างมาก” เธอกล่าว

แฟนของหวังทุกคนอยู่บนแอปพลิเคชัน ‘แวนทอล์ก’ (Wantalk) ของไป่ตู้ ซึ่งมีหลายร้อยบุคลิกให้เลือก ตั้งแต่ป๊อบสตาร์ไปจนถึงซีอีโอและอัศวิน แต่ยูสเซอร์ก็สามารถปรับคู่รักในอุดมคติให้เหมาะสมตามวัย ค่านิยม บุคลิก และงานอดิเรกได้อีกด้วย

“ทุกคนล้วนเคยเจอช่วงเวลายากลำบาก ความเหงา และใช่ว่าทุกคนจะโชคดีมีเพื่อน หรือครอบครัวอยู่เคียงข้าง คอยรับฟังได้ตลอด 24 ชั่วโมง ปัญญาประดิษฐ์สามารถตอบสนองความต้องการนี้ได้” หลู่ยู่ หัวหน้าฝ่ายจัดการและดำเนินการผลิตภัณฑ์ของแวนทอล์ก กล่าวกับเอเอฟพี

ณ คาเฟ่แห่งหนึ่งในเมืองหนานตงทางภาคตะวันออกของจีน หญิงสาวคนหนึ่งกำลังคุยอยู่กับแฟนในโลกเสมือน

“เราไปปิกนิกด้วยกันที่สนามหญ้าของมหาวิทยาลัยได้นะ” หญิงสาวเอ่ยชวนเสี่ยวเจียง เพื่อนเอไอจากแอปพลิเคชัน ‘เว่ยปัน’ ของเทนเซ็นต์

“ผมอยากพบเพื่อนสนิทของคุณและแฟนของเขา คุณน่ารักจัง” ชายหนุ่มเอไอตอบกลับ

ชั่วโมงการทำงานอันยาวนานอาจทำให้ไปพบปะเพื่อนๆ ไม่ค่อยได้ ผนวกกับความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มสาวตกงานสูง เศรษฐกิจยากลำบาก นั่นหมายความว่าหนุ่มสาวจีนหลายคนกำลังกังวลกับอนาคต ทำให้คู่รักเอไอเป็นบ่าอบอุ่นเสมือนจริงให้ซบยามมีปัญหา

“ถ้าฉันสามารถสร้างบุคลิกเสมือนจริงที่ตรงตามที่ฉันต้องการได้ทุกอย่าง ฉันก็ไม่จำเป็นต้องไปหาคนจริง” หวังกล่าว

แอปพลิเคชันบางตัวเปิดให้ผู้ใช้คุยสดๆ ได้กับคนรักเสมือนจริง ชวนให้คิดถึงภาพยนตร์รางวัลออสการ์ปี 2556 เรื่อง ‘Her’ นำแสดงโดย ‘วาคิน ฟินิกซ์’ และ ‘สการ์เล็ต โจฮันส์สัน’ เล่าเรื่องผู้ชายอกหักที่ตกหลุมรักเสียงเอไอ

แต่เทคโนโลยีนี้ยังต้องพัฒนาต่อ ‘เจิง เจิ้นเจิ้น’ นักศึกษาวัย 22 ปี เผยว่าระยะเวลา 2-3 วินาทีระหว่างคำถามกับคำตอบ ทำให้ “คุณตระหนักได้ว่า มันเป็นแค่หุ่นยนต์” กระนั้น คำตอบที่ได้ “ก็เป็นจริงอย่างมาก”

อย่างไรก็ตาม เอไออาจจะกำลังรุ่งสุดๆ ก็จริง แต่อุตสาหกรรมนี้ยังมีกฎระเบียบควบคุมอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ รัฐบาลปักกิ่งแถลงว่า กำลังร่างกฎหมายเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค จากเทคโนโลยีใหม่ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เอเอฟพีสอบถามไปยังไป่ตู้ว่าจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าข้อมูลส่วนตัวจะไม่ถูกนำไปใช้อย่างผิดกฎหมาย หรือถูกใช้โดยบริษัทอื่น ไป่ตู้ยังไม่ได้ให้คำตอบ

ส่วนตู่เฟ่ย ผู้ใช้แอปพลิเคชันโกลว์ ยังคงฝันหวาน

“ฉันอยากมีแฟนหุ่นยนต์ดำเนินการโดยเอไอ อยากสัมผัสได้ถึงความร้อนในกายเขา ที่จะสร้างความอบอุ่นให้กับฉัน” สาวเจ้ารำพึงรำพัน

‘ณัฐพล ประชาไท’ รับรางวัลชมเชยสื่อมวลชน จาก ‘แอมเนสตี้ฯ’ หลังก่อนหน้านี้ถูกจับกุม กรณีทำข่าวพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว

เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 67 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย (Amnesty International Thailand) จัดพิธีมอบประกาศผลและมอบรางวัลสื่อมวลชนเพื่อสิทธิมนุษยชน (Media Awards 2023) เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อยืนหยัดเคียงข้างเสรีภาพสื่อมวลชน

โดยได้มีนักข่าวและองค์กรสื่อที่ได้รับรางวัลสื่อมวลชนเพื่อสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2566 (Media Awards 2023) หลายท่าน หลายองค์กร อาทิ ‘เป้-ณัฐพล เมฆโสภณ’ ผู้สื่อข่าวประชาไท และช่างภาพอิสระ ที่ได้รับรางวัลชมเชย รางวัลข่าวและสารคดีเชิงข่าว ประเภทสื่อออนไลน์ เป็นรางวัลแรกในชีวิตของการผู้สื่อข่าว

ข่าวที่ทำให้เป้ได้รับรางวัลคือ ‘กว่าจะได้เรียน’ เด็กชายแดนไทย-เมียนมา ต้องผ่านอะไรบ้าง

ซึ่งเป็นผลงานที่ เป้ ณัฐพล ได้ทุ่มเท เพื่อเด็กที่ไร้สิทธิ์ ไร้เสียงตามแนวชายแดน โดยเจ้าตัวเองก็ได้พูดถึงความยากลำบากในการทำงาน และความรับผิดชอบต่อแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลมา อีกทั้งไม่เพียงมุ่งแต่ทำงานในหน้าที่ของตนเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา ต่อผู้อื่นที่เป็นแหล่งข่าวให้ตนอีกด้วย

โดย น.ส.รุ่งมณี เมฆโสภณ นักเขียนดังและอดีตนักข่าวบีบีซี ผู้เป็นคุณป้าของ เป้ ณัฐพล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ร่วมแสดงความยินดีกับหลานชายของตน พร้อมขอให้รักษามาตรฐานการทำงานนี้ต่อไป

“#31ปีไม่สาย จากที่เป้เคยถือโล่รางวัลของป้า ที่ได้รับในเดือนมีนาคม 2536 ในฐานะสตรีดีเด่น สาขาสื่อสารมวลชน วันนี้เป้มีโล่รางวัลจากการทำหน้าที่สื่อของเป้เองแล้ว ดีใจด้วยค่ะ” น.ส.รุ่งมณี ระบุ

อย่างไรก็ตาม เป้ ณัฐพล ได้ถูกตำรวจเข้าจับกุมตัว เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา จากคดีทำข่าวประชาชนพ่นสีสเปรย์ข้อความ “ไม่เอา ม. 112” บนกำแพงวัดพระแก้ว เมื่อ 28 มี.ค. 66 ด้วยข้อหาให้การสนับสนุนการทำลายโบราณสถาน

กระทั่งเมื่อวันที่ 13 ก.พ. พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอฝากขัง เป้ ณัฐพล ต่อศาลอาญา และทนายความได้ยื่นคำร้องคัดค้านการฝากขัง แต่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขัง จึงได้ยื่นขอประกันตัวทั้งสองคน ต่อมา ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว ด้วยหลักทรัพย์ 35,000 บาท

ส่องผลสำรวจคนไทยกับสภาพการเงิน ‘คนอีสาน’ สาหัส!! การเงินเข้าขั้นวิกฤต

สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจที่น่าสนใจ 3 เรื่อง ที่น่าจะเป็นประเด็นสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research)

เรื่องที่ 1 จำนวนคนไทยในวิกฤตการเงิน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 

เรื่องที่ 2 เงินในกระเป๋า กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 

เรื่องที่ 3 คนเล่นหวย กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ

เรื่องแรก จำนวนคนไทยในวิกฤตการเงิน รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติทั้งสิ้น จำนวนทั้งสิ้น 1,146 ราย ระหว่างวันที่ 7-10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 50 เงินในกระเป๋าอยู่ในขั้นวิกฤต คือ คนไทยเกือบ 27 ล้านคน หรือ ร้อยละ 50.5 การเงินในกระเป๋าอยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่ ร้อยละ 49.5 ไม่อยู่ในขั้นวิกฤต

เมื่อแบ่งออกจากภูมิภาค พบว่า คนในภาคอีสานส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 77.9 ระบุการเงินในกระเป๋าของตนอยู่ในขั้นวิกฤตมากที่สุด รองลงมาคือ คนในภาคใต้ ร้อยละ 66.3 คนในภาคกลางร้อยละ 47.2 คนในภาคเหนือร้อยละ 35.8 และคนในกรุงเทพมหานคร ร้อยละ 30.8 การเงินในกระเป๋าของตนอยู่ในขั้นวิกฤต

เรื่องที่ 2 เงินในกระเป๋า สำรวจระดับความสุขเมื่อนึกถึงเงินในกระเป๋า รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติทั้งสิ้น จำนวนทั้งสิ้น 1,020 ราย ระหว่างวันที่ 2-6 มกราคม ที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 23.9 รู้สึกเป็นทุกข์มาก ถึง มากที่สุด โดยกลุ่มอาชีพที่รู้สึกเป็นทุกข์มาก ถึงมากที่สุด เป็นอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน (ไม่นับกลุ่มว่างงาน) รวมทั้ง รู้สึกไม่มั่นคงในการงานและรายได้ ร้อยละ 35.4

เรื่องที่ 3 คนเล่นหวย รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติทั้งสิ้น จำนวนทั้งสิ้น 1,056 ราย ระหว่างวันที่ 5-9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 86.1 ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล รองลงมา คือร้อยละ 78.1 ซื้อหวยไทย ใต้ดิน แน่นอนว่า คนเล่นหวย มีความหวังจากการจะถูกหวย สลากกินแบ่งรัฐบาล ทั้งหวยไทย ใต้ดิน หวยอื่น ๆ โดยมีตัวกระตุ้นเป็นเงินรางวัล 

ที่น่าสนใจ คือ เมื่อถามถึงประสบการณ์เล่นหวย ระหว่างถูกหวย หรือ ถูกกิน พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 88.1 ระบุถูกกิน และมีเพียงร้อยละ 11.9 เท่านั้น ที่ระบุถูกหวย

จากทั้ง 3 เรื่อง สะท้อนสภาพเศรษฐกิจของไทยได้เป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของรายได้ที่ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต ค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้น และรายจ่าย ที่ใช้ในการ 'ซื้อความหวัง' เพื่อลุ้นให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

และพื้นที่ภาคอีสาน จากผลสำรวจที่บ่งชี้ว่า ‘สุขภาพทางการเงิน’ เข้าขั้นวิกฤติ จากพื้นที่ที่มีการประกอบเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ปลูกข้าว นโยบายของรัฐบาล จึงมุ่งไปหว่านการช่วยเหลือทางภาคอีสานค่อนข้างมาก และอย่างที่ทราบกัน ว่าพื้นที่ภาคอีสาน ฐานเสียงส่วนใหญ่ เป็นของพรรคการเมืองใด แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กว่า 20 ปี ในช่วงไหน ที่นโยบายรัฐ เน้นสร้างความเข้มแข็งในระยะยาว ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง หรือ นโยบายอะไร ที่เป็นเพียงแค่ให้ได้รับคะแนนเสียง เพื่อเข้าไปเป็นรัฐบาล

นโยบายที่เน้นแจก แต่ไม่สร้างความยั่งยืน ประชาชนเองต้องตอบคำถามเหล่านี้ ว่าเราจะเริ่มสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินให้ตัวเองอย่างไร? มุ่งทำงานเก็บเงิน พัฒนาการประกอบอาชีพ สร้างมูลค่าเพิ่มในสินค้า เพื่อเพิ่มรายได้ให้เพียงพอ หรือ รอคอยความหวังจากนโยบายรัฐ ภาพหาเสียงที่เน้นเพิ่มเงินในกระเป๋า จากการแจก ในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมา คุ้มค่าที่รอ หรือยัง?

‘โรงแรมดังเชียงใหม่’ โพสต์เดือด!! หลังโดนคนโทรด่า ลั่น!! “โรงแรมนี้รับคนเท่านั้น ไม่ต้อนรับสลิ่ม”

เมื่อไม่นานนี้ เพจเฟซบุ๊ก ‘River Art Hotel Chiang Mai’ ซึ่งเป็นเพจของโรงแรมชื่อดังริมแม่น้ำปิง ในย่านตำบลป่าตัน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ได้โพสต์ข้อความประกาศ ‘ไม่ต้อนรับสลิ่ม’ โดยระบุว่า…

“เรียน สลิ่ม ที่ส้นตีน อันเป็นที่รักของพรมเช็ดเท้า

ไม่ต้องโทรมาด่านะคะ โรงแรมนี้ไม่ต้อนรับสลิ่ม อย่าสลอนว่ากูต้องง้อคนอย่างทาส มาพักโรงแรมนี้ค่ะ

โรงแรมนี้ รับคนเท่านั้นค่ะ
โรงแรมนี้ ไม่รับสลิ่มมานานแล้วนะคะ”

อย่างไรก็ตาม ได้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นในโพสต์ดังกล่าวกันเป็นจำนวนมาก

ยกระดับ ‘ขบวน 133/134’ สู่ขบวนระหว่างประเทศ ‘ไทย-ลาว’ เชื่อมการเดินทางเข้าถึงพื้นที่ท้องถิ่น หนุนเศรษฐกิจชายแดน

(18 ก.พ.67) เพจ ‘โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure’ ได้โพสต์รายงานแผนความคืบหน้าขยายการเดินทาง และการยกระดับขบวนรถไฟ 133/134 เพื่อเชื่อมต่อท้องถิ่น ‘ไทย-ลาว’ โดยระบุว่า…

ยกระดับขบวน 133/134 สู่ขบวนระหว่างประเทศ ไทย-ลาว พร้อมเพิ่มขบวนรถไฟท้องถิ่นระหว่างประเทศ ‘อุดรธานี-เวียงจันทน์’ สนับสนุนการค้าขายชายแดน

***เริ่มให้บริการ กลางเดือนพฤษภาคม 2567 นี้!!

วันนี้ขอมา Update แผนความคืบหน้าในการเชื่อมต่อ ‘ไทย-ลาว’

ซึ่งจะขยายการเดินรถไฟจากเดิมที่สิ้นสุดที่ท่านาแล้ง ไปที่สถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ซึ่งเป็นสถานีหลักของทางรถไฟขนาด 1 เมตร ที่ไทยช่วยสนับสนุนในการก่อสร้าง จาก NEDA 
ใครยังไม่รู้จักสถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ดูได้จากลิงก์นี้ 
>> https://www.facebook.com/100067967885448/posts/593470202928571/

แต่ที่ผ่านมาหลังจากก่อสร้างเสร็จตั้งแต่กลางปี 2566 ก็ยังติดปัญหาเปิดเดินรถไม่ได้ จากหลายส่วน ตั้งแต่…

- พนักงานขับรถไฟไทย ไม่ต้องการจะเดินรถไฟฝั่งลาว เนื่องจากเกรงปัญหาทางกฏหมาย หากเกิดอุบัติเหตุ
- เส้นทางรถไฟยังไม่ปลอดภัย จุดตัดต่างๆ ยังไม่มีอุปกรณ์กั้น และไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแล้ว
- กฏระเบียบ ในการให้บริการรถไฟในฝั่งลาว

ทำให้ต้องมีการจัดการแก้ปัญหาต่างๆ ก่อนจะเริ่มบริการให้เดินรถ ได้แก่…

- ช่วยฝึกอบรม และซ้อมขับรถไฟไทย ให้กับพนักงานขับรถไฟลาว ในช่วงท่านาแล้ง-เวียงจันทน์
- ลงนามในข้อตกลงด้านเทคนิค และการซ่อมบำรุงระหว่างไทย-ลาว
- ตรวจสอบทางรถไฟในช่วง ท่านาแล้ง-เวียงจันทน์ ก่อนเปิดให้บริการ

ซึ่งทั้งหมดจะเสร็จภายในต้นเดือน พฤษภาคม 2567 และจะเปิดให้บริการ ภายในกลางเดือน พฤษภาคม 2567

ซึ่งจะมีการจัดการเดินรถใหม่ เพื่อเชื่อมโยง กรุงเทพฯ-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) โดยมีการปรับการเดินรถใหม่ ได้แก่…

- ขบวนรถเร็วระหว่างประเทศ 133/134 กรุงเทพฯ-หนองคาย-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด)
- ขบวนรถท้องถิ่นระหว่างประเทศ 481/482 อุดรธานี-หนองคาย-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด)

โดยช่วง หนองคาย-ท่านาแล้ง จะมีการปรับริ้วขบวนแบ่งเป็นตู้โดยสารและตู้สินค้า ดังนี้…

ตู้โดยสาร แบ่งเป็น
- ตู้ชั้น 2 ปรับอากาศ 2 ตู้
- ตู้ชั้น 3 พัดลม 2 ตู้

ตู้สินค้า 20 คัน

โดยตู้สินค้าจะถูกตัดที่สถานีท่านาแล้ง เพื่อเปลี่ยนถ่ายในย่านสินค้าท่านาแล้ง ส่วนตู้โดยสารมุ่งหน้าต่อไปสถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด)

ซึ่งถ้าเปิดให้บริการในช่วง อุดรธานี-เวียงจันทน์ จะช่วยสนับสนุนการเดินทาง และจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่อุดรธานีของพี่ๆ น้องๆ จากฝั่งลาว มาจับจ่ายใช้สอยฝั่งไทยได้มากเลย

‘ญี่ปุ่น’ ปล่อย ‘จรวดเอช 3’ รุ่นใหม่สำเร็จแล้ว หลังคว้าน้ำเหลวในการปล่อยครั้งแรกเมื่อปีก่อน

เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 67 สำนักข่าวซินหัว, โตเกียว รายงานว่า องค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น รายงานการปล่อย ‘จรวดเอช 3’ (H3) เมื่อวันเสาร์ที่17 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากการปล่อยครั้งแรกเมื่อเกือบหนึ่งปีก่อน ประสบความล้มเหลว

รายงานระบุว่า จรวดเอช 3 สำหรับการบินทดสอบหมายเลข 2 ถูกปล่อยจากศูนย์อวกาศทาเนะงาชิมะ บนเกาะทาเนะงาชิมะ ในจังหวัดคาโงชิมะ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น ตอนราว 09.22 น. ตามเวลาท้องถิ่น

อย่างไรก็ดี ความล้มเหลวของการปล่อยครั้งแรกในปี 2023 ทำให้องค์การฯ ปรับเปลี่ยนแผนขนส่งดาวเทียมสำหรับตรวจสอบการทำงาน จากของจริงเป็นของจำลองแทน และมีการขนส่งดาวเทียมขนาดเล็ก (microsatellite) สองดวงด้วย

องค์การฯ ยืนยันการติดเครื่องยนต์ขั้นที่ 2 และการแยกตัวของหนึ่งในสองดาวเทียมขนาดเล็ก หลังจากปล่อยจรวดได้ไม่นาน ซึ่งเป็นหมุดหมายว่า งานหลักของการปล่อยจรวดครั้งนี้สำเร็จลุล่วง

‘จรวดเอช 3’ แบบบรรทุกหนักรุ่นใหม่พัฒนาต่อจาก ‘จรวดเอช 2 เอ’ (H2A) รุ่นหลักในปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าจะถูกเลิกใช้ภายในปีงบประมาณหน้าที่เริ่มต้นเดือนเมษายนนี้

สำหรับการปล่อยจรวดเอช 3 เมื่อวันเสาร์ที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นความมุ่งมั่นของญี่ปุ่นที่ต้องการยืนยันสมรรถนะของจรวด ในการควบคุมการวางตำแหน่งและการใช้งานดาวเทียมต่างๆ

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า นอกจากขนส่งดาวเทียมแล้ว จรวดเอช 3 สามารถขนส่งสัมภาระและวัสดุสู่สถานีอวกาศนานาชาติ รวมถึงเกตเวย์ (Gateway) สถานีอวกาศขนาดเล็กในวงโคจรของดวงจันทร์ ตามแผนของโครงการอวกาศอาร์ทีมิส (Artemis) ที่นำโดยสหรัฐฯ

ทั้งนี้ เดิมทีญี่ปุ่นกำหนดปล่อยจรวดเอช 3 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่ต้องเลื่อนออกมา เพราะสภาพอากาศไม่เป็นใจ ส่วนการปล่อยครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2023 ประสบความล้มเหลวเพราะเครื่องยนต์ขั้นที่ 2 ไม่ติด ทำให้เกิดการทำลายตัวเองหลังปล่อยไม่กี่นาที

‘เจี๊ยบ’ โพสต์จิก ‘ทักษิณ’ ใส่ปลอกคอกลับบ้านจันทร์ส่องหล้า พ้อ!! เจ็บปวดกับอภิสิทธิ์ชน หวังคนอื่นๆ ได้รับความยุติธรรมบ้าง

(18 ก.พ.67) นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟสบุ๊ก และ X ต่อเนื่องจากกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ออกจากโรงพยาบาลตำรวจ กลับบ้านจันทร์ส่องหล้า โดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว ดังนี้…

“ดิฉันน้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวดกับข่าวอภิสิทธิ์ชนของสังคมนี้ เมื่อไหร่ #อานนท์ และคนอื่น ๆ ที่แค่คิดต่างจะได้กลับบ้าน #ยุติธรรมไม่มีสามัคคีไม่เกิด #ทักษิณ”

“พี่น้องครับ ถ้าเสียงปืนแตกนัดแรกเมื่อไร ผมจะกลับมานำพี่น้องเดินเข้ากรุงเทพเอง… กูรู้สึกโดนหลอกมาชั่วชีวิต”

ต่อมาเจ้าตัวได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า “ปลอกคอปลอกแขนแสดงออกเชิงสัญลักษณ์? #ทักษิณกลับบ้าน”

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือ หน่วยงานกระทรวงแรงงาน จ.ร้อยเอ็ด และกลุ่มไทยสมายล์ เยือนถิ่นอีสาน มอบเครื่องอุปโภคบริโภคแบ่งปันนักเรียนและรถวีลแชร์ให้กับผู้พิการในท้องที่ 

เมื่อ​วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วยหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน จ.ร้อยเอ็ด และทีมงานมวลชนสัมพันธ์ (CSR) กลุ่มไทยสมายล์ ลงพื้นที่เพื่อมอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับคณะครู และนักเรียน โรงเรียนนาคำเจริญวิทย์ ณ อาคารเอนกประสงค์ โรงเรียนนาคำเจริญวิทย์ ต.อุ่มเม้า 
อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด

​​นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า ในวันนี้ดิฉันในนามมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้ร่วมมือกับ กลุ่มไทยสมายล์ (รถและเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า) นำเครื่องอุปโภคบริโภค ได้แก่ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ชุดเครื่องเขียน ผ้าห่ม ขนมขบเคี้ยว มามอบให้กับน้องๆ นักเรียน ที่โรงเรียนนาคำเจริญวิทย์แห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน ได้แก่ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน จ.ร้อยเอ็ด นำบุคลากรมาฝึกอาชีพช่างปูกระเบื้อง เพื่อทำห้องคอมพิวเตอร์ให้กับโรงเรียน รวมไปถึงสำนักงานจัดหางาน จ.ร้อยเอ็ด บริการตัดผมฟรีแก่เด็กนักเรียน 

หลังจากนั้น คณะได้เดินทางมายัง อ.อาจสามารถ และ อ.เมือง เพื่อมอบรถวิลแชร์ ให้กับผู้พิการ 2 รายด้วยกัน ได้แก่ นายบุญเลียน เพ็ญจันทร์ และ นายสุรชัย อนุแก่นทราย ตามโครงการความร่วมมือระหว่าง มูลหัวใจบริสุทธิ์ กับรายการ ร้องทุกข์ลงป้ายนี้ สถานีประชาชนไทยพีบีเอส

กาฬสินธุ์เริ่มแล้วงานมาฆปูรณมีบูชาทะเลธุงอีสานอลังการขบวนแห่สักการะพระธาตุยาคู เริ่มแล้วงานประเพณี"มาฆปูรณมีบูชา" ทะเลธุงอีสาน จังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี 2567

หนุนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเมืองฟ้าแดดสงยาง สืบสานประเพณีภูมิปัญญาท้องถิ่น กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้สู่ชุมชน พิธีเปิดสุดอลังการตระการตาขบวนแห่พานบายศรี เครื่องสักการะพระธาตุยาคู นางรำกว่า 3,000 คนสวมชุดผ้าไทยรำบูชาพระธาตุยาคู และร่วมถวายธุงกว่า 800 ต้น
ที่บริเวณโบราณสถานพระธาตุยาคู อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์  พร้อมด้วย นางสิริวิมล  พงษ์อักษร นายกเหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ นายธวัชชัย  รอดงาม   นายธนภัทร ณ ระนอง  นายรุจติศักดิ์  รังษี  รองผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์  นายผดุงศักดิ์  อิ่มเอิบ  ปลัด จ.กาฬสินธุ์ นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายกอบจ.กาฬสินธุ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.กาฬสินธุ์ หัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วยงาน นายอำเภอ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และประชาชนจากทุกอำเภอของ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมใจกันสวมชุดผ้าไทยและผ้าพื้นเมืองร่วมขบวนแห่พานบายศรี เครื่องสักการะพระธาตุยาคูจากคูเมืองฟ้าแดดสงยาง ผ่านซุ้มประตูเมือง  ไปยังพระธาตุยาคู  ซึ่งสร้างความตระการตากับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานอย่างมาก

จากนั้นนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์  ประธานในพิธีประกอบพิธีบวงสรวงพระธาตุยาคู  และถวายธุงสักการะและนำทุกภาคส่วนเปิดงานประเพณี"มาฆปูรณมีบูชา" ทะเลธุงอีสาน จ.กาฬสินธุ์ ประจำปี 2567 อย่างเป็นทางการ จากนั้นนางรำที่สวมชุดผ้าไทย และผ้าไหมจากทุกอำเภอกว่า 3,000 คน ได้ร่วมกันรำบูชาพระธาตุยาคูด้วยท่ารำที่อ่อนช้อยสวยงาม ซึ่งเป็นพิธีเปิดสุดที่อลังการท่ามกลางทะเลธุงอีสาน

นายสนั่น  พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า งานประเพณี"มาฆปูรณมีบูชา ทะเลธุงอีสาน” ประจำปี 2567  จ.กาฬสินธุ์ร่วมกับทุกภาคส่วนจัดขึ้น เพื่อพัฒนาศักยภาพ แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเมืองโบราณฟ้าแดดสงยาง ส่งเสริมเทศกาลงานประเพณีของจังหวัด สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก สร้างรายได้ให้กับชุมชน และสร้างความร่วมมือส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมระหว่างจังหวัดกาฬสินธุ์กับจังหวัดใกล้เคียงได้ร่วมอนุรักษ์ไว้เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม 

โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 - 25 กุมภาพันธ์ 2567  ที่โบราณสถานเมืองฟ้าแดดสงยางพระธาตุยาคู ต.หนองแปน อ.กมลาไสย ซึ่งในงานจะมีกิจกรรมมากมาย อาทิเช่น การทำบุญตักบาตร การเวียนเทียนภาคค่ำในวันมาฆบูชา  การสักการะพระธาตุยาคู   การจัดบูธร้านค้าของดี จ.กาฬสินธุ์ และสินค้า OTOP การแสดง แสง สี เสียง มินิไลท์แอนด์ซาวด์  

นอกจากนี้ทางจังหวัดเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนได้ร่วมถวายธุง เพื่อสักการะแด่องค์พระธาตุยาคู และมีการนำต้นธุงที่เป็นสีเหลือง ซึ่งเป็นสีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาเรียงกันเป็นเลข 10 และนำต้นธุงที่เป็นสีม่วง ซึ่งเป็นสีของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีฯ มาเรียงไว้รอบๆ ส่วนบริเวณรอบนอกจะเป็นธุงหลากสี ตามความชอบและความสะดวกของผู้มีจิตศรัทธาที่มาร่วมถวายธุง จำนวนกว่า 800 ต้น ทำให้เกิดเป็นทะเลธุงที่สวยงาม รอรับนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมและถ่ายรูปกับทะเลธุง
อย่างไรก็ตามงานมาฆปูรณมีบูชา นอกจากจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดที่เป็น Soft Power ของจังหวัดมาสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างรายได้ให้กับชุมชนแล้ว ยังเป็นการอนุรักษ์ พื้นฟู ถ่ายทอดและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายและให้คงอยู่เป็นประเพณี วัฒนธรรมของจังหวัดกาฬสินธุ์ อย่างยั่งยืนตลอดไปอีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top