Sunday, 25 May 2025
NewsFeed

‘ธนาคาร TTB’ ไม่นิ่งนอนใจ!! หลังพบธุรกรรมผิดปกติ ลูกค้าถูกหักเงิน 33.28 บาท ทุกนาที เร่งคืนภายใน 5 วัน

(19 ก.พ.67) จากกรณีผู้ใช้บริการธนาคารได้โพสต์ข้อความผ่านเพจว่า “ลูกเพจแจ้งมาหลายคนว่า วันนี้คนใช้แอปออนไลน์ของธนาคารแห่งหนึ่ง มีการหักยอด 33 บาท แบบรัวยิก ทุก 1 นาที บางคนโดนหลายสิบยอด ใครเจอมั่ง”

โดยปรากฏว่ามีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก และแสดงความเดือดร้อนไม่น้อย โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กบางราย ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ถูกตัดเงิน ไม่ได้กดติดตามอะไร บัญชีที่โดนเป็นบัญชีผ่อนบ้านอย่างเดียวด้วยนั้น

​จากการสอบถามไปยัง ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) ทราบว่า ธนาคารได้รับทราบเรื่องผู้เสียหายที่โดนหักเงินจากบัญชีทีละ 33.28 บาท และตัดยอดอย่างสม่ำเสมอ 1 นาทีครั้ง โดยบางคนโดนไป 60 ยอด

ทั้งนี้ธนาคารไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้มีการตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง แต่เบื้องต้นพบว่าเป็นธุรกรรมที่เกิดจากบุคคลภายนอก โดยที่ผู้ถือบัตรไม่ได้ใช้บัตรเดบิตรูดซื้อจริง อย่างไรก็ดีทางธนาคารจะทำการปรับปรุงรายการและคืนให้ภายใน 5 วันทำการ

รู้จัก ‘กิจการไฟฟ้ากองทัพเรือ’ คุณค่าที่ถูกนักการเมืองหยิบมาโจมตี ทั้งที่ ‘เงินขายไฟ’ ช่วยต่อลมหายใจทางการศึกษามากว่า 50 ปี

เรียกว่าเป็นอีกด้านที่น้อยคนจะได้รู้!! กับ ‘กิจการไฟฟ้ากองทัพเรือ’ ที่โดนนักการเมืองโจมตีอย่างหนัก แต่น้อยคนนักที่รู้ ‘เงินขายไฟ’ คือ ลมหายใจ ช่วยเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้บุตรหลานข้าราชการและประชาชน ผ่าน ‘โรงเรียนสัตหีบ’ ทั้ง 2 แห่ง มากว่า 50 ปี

จากกรณีที่มีนักการเมืองได้หยิบยก ประเด็นกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ซื้อกระแสไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มาจ่ายให้แก่หน่วยราชการและประชาชนในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่า การดำเนินกิจการดังกล่าว ไม่ใช่ภารกิจของกองทัพเรือ เพราะเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคง และไม่ควรจะมีกิจกรรมทางธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง

แต่ทว่า นอกจากมิติด้านความมั่นคงแล้ว การรายได้ที่เกิดขึ้นจากกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือนั้น ทางกองทัพเรือ ได้นำกำไรส่วนหนึ่งไปเป็นสวัสดิการให้กับข้าราชการและทหารชั้นผู้น้อย โดยเฉพาะในด้านการศึกษาของบุตรหลานข้าราชการทหารเรือและประชาชนทั่วไปในพื้นที่สัตหีบ

ทั้งนี้ คนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่ทราบว่า กองทัพเรือ ได้บริหารกิจการโรงเรียนที่ชื่อว่า ‘โรงเรียนสัตหีบ’ ซึ่งได้ก่อตั้งอย่างไม่เป็นทางการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2479 เพื่อให้การศึกษาแก่บุตรหลานของข้าราชการ ลูกจ้าง และคนงาน ในสังกัดกองทัพเรือที่ย้ายมารับราชการที่สัตหีบ จากนั้นในปี พ.ศ. 2480 จึงได้จดทะเบียนเป็นโรงเรียนราษฎร์ชื่อ ‘โรงเรียนสถานีทหารเรือสัตหีบ’ 

และได้ เปลี่ยนชื่อโรงเรียนใหม่ตามมติของสภากองทัพเรือเป็น ‘โรงเรียนสัตหีบ’ เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2502 ในช่วงแรกจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาจัดการศึกษาระดับอนุบาล ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มี 2 แห่ง ได้แก่...

1. โรงเรียนสัตหีบ เขตฐานทัพเรือสัตหีบ
- เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น อนุบาล 1 - มัธยมศึกษาปีที่ 3
- ผู้บริหาร ครู และบุคลากร จำนวน 127 คน
- นักเรียนจำนวน 1,498 คน

2. โรงเรียนสัตหีบ เขตกองเรือยุทธการ
- เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น อนุบาล 1 - ประถมศึกษาปีที่ 6
- ผู้บริหาร ครู และบุคลากร จำนวน 96 คน
- นักเรียนจำนวน 963 คน
รวมนักเรียนทั้ง 2 เขต เป็นจำนวน 2,461 คน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโรงเรียนทั้ง 2 แห่งนี้ จะบริหารงานจดทะเบียนเป็นโรงเรียนราษฎร์ และมีการบริหารงานแบบเอกชน แต่การเก็บค่าเล่าเรียนจากผู้ปกครองนั้นถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับโรงเรียนเอกชนทั่วไป นั่นเพราะนักเรียนส่วนใหญ่ เป็นบุตรหลานของข้าราชการในสังกัดกองทัพเรือ 

ทั้งนี้ อดีตครูที่เคยสอนในโรงเรียนสัตหีบ ได้ให้ข้อมูลว่า ค่าใช้จ่ายที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพเรือในแต่ละปีนั้น ทราบมาว่า ส่วนหนึ่งเป็นเงินที่ได้จากกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ทำให้โรงเรียนทั้ง 2 แห่ง ได้รับการพัฒนาทั้งทางด้านการเรียนการสอน และอาคารสถานที่ ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี ที่กิจการไฟฟ้าฯ ได้ดำเนินงานมา

แน่นอนว่า งบประมาณที่ได้รับการสนับสนุนในส่วนนี้ ได้ก่อเกิดประโยชน์และเพิ่มโอกาสทางด้านการศึกษาให้กับคนในพื้นที่สัตหีบ นับตั้งแต่อดีตจวบถึงปัจจุบัน มีนักเรียนที่จบการศึกษาไปแล้วหลายหมื่นคน ทั้งที่เป็นบุตรหลานข้าราชการและบุตรหลานของคนทั่วไป ซึ่งหลายคนเติบใหญ่เป็นคนคุณภาพและเป็นกำลังหลักในการพัฒนาประเทศ ซึ่งเป็นผลประโยชน์ที่ได้จาก ‘เงินขายไฟ’ ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้

นราธิวาส - ผู้แทน UN ถก ผอ.สำนักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ประเด็นข้อกฎหมาย ยืนยันเข้าใจดีต่อกรณีการดำเนินคดีกลุ่มภาคประชาสังคม จัดกิจกรรมอ้างแสดงอัตลักษณ์การแต่งกายชุดมลายู

พันเอก เฉลิมชัย สุทธินวล ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ร่วมให้การต้อนรับ Mr. Dip Magar Human Rights Officer and Thailand Team Leader OHCHR. คณะผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ในโอกาสเข้าพบหารือเกี่ยวกับการสนับสนุนการเสริมสร้างศักยภาพของเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พุทธศักราช 2565 การบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการจับกุมผู้กระทำผิดภายใต้พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ณ ห้องรับรอง อาคาร 3 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี โดยมี พันตำรวจเอกจารุวิทย์ วงศ์กิตติพร รองผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและสิทธิมนุษยชนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า คณะเจ้าหน้าที่ ร่วมให้การต้อนรับ Mr. Dip Magar เจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนและหัวหน้าทีมประเทศไทย สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมกล่าวว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชน แห่งสหประชาชาติ(OHCHR) มีความสนใจต่อ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พุทธศักราช 2565 นับเป็นความสำเร็จของประเทศไทยต่อการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ พร้อมทั้งเสนอความร่วมมือระหว่าง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ด้านปัญหา เทคนิคต่างๆ รวมทั้งการฝึกอบรม ผลิตหลักสูตร ตลอดจนการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ด้านสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ให้ความสนใจต่อกรณีการร้องเรียน จากกลุ่มองค์กรภาคสังคมต่างไปยื่นเรื่องต่อ UN เพื่อตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ขั้นพื้นฐานในการแสดงออก เช่น ด้านการแต่งกายชุดมลายู ซึ่งในประเด็นนี้ทางยูเอ็นยืนยันเข้าใจดีต่อประเด็นดังกล่าว 

ด้าน พันเอก เฉลิมชัย สุทธินวล ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้ให้ความสำคัญกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.๒๕๖๕ ดำเนินการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล ในการส่งเสริมและมีการบรรยายให้ความรู้ต่อเจ้าหน้าที่ ในการบังคับใช้กฎหมายด้วยความระมัดระวังต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีเรื่องการแต่งกายชุดมลายู นักจัดกิจกรรม ณ หาดวาสุกรี นั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และแนะนำว่า เรามี พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ.๒๕๕๙ ในการส่งเสริมฯด้วยซ้ำ

ทั้งนี้ ผู้แทนUN ได้ฝากขอบคุณทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าที่ชี้แจงสร้างความเข้าใจ และสร้างความมั่นใจว่าจะปฏิบัติภายใต้กรอบกฎหมายโดยเคร่งครัด ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนผู้บริสุทธิ์ และกล่าวทิ้งท้ายว่า การพบปะหารือครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าจะสร้างความใกล้ชิดในการประสานการปฏิบัติงานร่วมกัน ในโอกาสต่อไป
ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร/อัสมา บินมะนุ จ.นราธิวาส

ผลวิจัยล่าสุดระบุ!! ฉีดวัคซีน mRNA 'ไฟเซอร์-โมเดอร์นา' เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

(20 ก.พ.67) ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Warat Gap' ระบุว่า...

การวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับผลของวัคซีนโควิด ซึ่งใช้กลุ่มตัวอย่างถึง 99 ล้านคน มากที่สุดเท่าที่เคยทำมา ยืนยันว่า คนที่ฉีดวัคซีน mRNA (ไฟเซอร์-โมเดอร์นา) เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และคนฉีดวัคซีน Viral Vector (Astra Zeneca) เพิ่มความเสี่ยงการเกิดเส้นเลือดสมองตีบ

โดยกลุ่มผู้รับวัคซีนที่เกิดอาการมากที่สุด คือกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนโมเดิร์นน่า 2 เข็ม รองลงมาคือคนฉีดวัคซีนโมเดิร์นน่า 1 เข็ม และ 4 เข็ม 

...วัคซีนเทพอ่ะนะ คนที่เรียกร้อง ด่าทอรัฐบาลตอนนั้น ไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นอะไรหน่อยเหรอครับ 

https://www.msn.com/en-us/money/other/largest-covid-vaccine-study-yet-finds-links-to-health-conditions/ar-BB1iuvvi 

'หมอธีระวัฒน์' เผย!! พบแท่งย้วยสีขาว คล้ายหนวดปลาหมึกในคนที่ฉีด mRNA ชี้!! ปรากฏการณ์นี้ไม่พบมาก่อนที่จะมีวัคซีนโควิดและคนที่ตายจากโควิด

(20 ก.พ.67) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊ก 'ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha' ระบุว่า...

คนที่ยังไม่ตายหรือตายแล้ว จากวัคซีนโควิด mRNA พบ : แท่งย้วยสีขาว (white clot) คล้ายหนวดปลาหมึก ไม่เคยพบมาก่อน

รายละเอียด ยูทูบ John Campbell white clots USA Part 1 และ 2
(Part 1 https://youtu.be/nLl69c46JK0?si=NzXljM-mE9WY0Y2Z)
(Part 2 https://youtu.be/-o20mtbsL7Q?si=VZZgMR2d34MlI5Sc)

จากรูปจะพบของเหลวที่ดูดจากช่องท้อง บริเวณใกล้ตับอ่อน คนป่วย ที่ยังมีชีวิต และรูปจากคนป่วยที่กำลังจะเสียชีวิต รักษาด้วยการผ่าตัดไม่ทัน และตาย รวมทั้งรายอื่นที่เสียชีวิตไปแล้วและลากสิ่งที่อยู่ในหลอดเลือดแดง carotid ที่ไปเลี้ยงสมอง

ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้พบมาก่อนที่จะมีวัคซีนโควิดและไม่ได้เจอในคนที่ตายจากโควิด หรือโรคอื่น

และยังมีรายงานก่อนหน้านี้ จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางพยาธิวิทยาในเยอรมนี ที่มีชื่อเสียง ที่ทำการผ่าศพชันสูตร พบลักษณะลักษณะเดียวกัน กับในที่เห็นในสหรัฐอเมริกา

โรงเรียนเอกชนชื่อดังในโคราช ปิดถนน 10 นาทีให้เด็กเต้น สนุกบนความเดือดร้อนของชาวบ้าน รถติดยาวนานเป็นชั่วโมง

เมื่อวานนี้ (19 ก.พ. 67) บนโซเชียลฯ แชร์คลิปเหตุการณ์ที่โรงเรียนมารีย์วิทยา ถนนมุขมนตรี ตรงข้ามสถานีรถไฟนครราชสีมา ก่อนถึงห้าแยกหัวรถไฟ หรือห้าแยกนิ้งหน่อง เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อมีการปิดถนนให้นักเรียนเต้นกลางถนนยาวนานกว่า 10 นาที สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนจำนวนมาก โดยในเฟซบุ๊ก ‘กลุ่มข่าวคนโคราชบ้านเอ็ง’ โพสต์ข้อความว่า "ปิดถนนหน้าโรงเรียนเพื่อให้เด็กเต้น รถติดบานเดือดร้อนกันทั้งเมืองเลย คนจัดเอาอะไรคิดก่อน? โรงเรียนเอกชนชื่อดัง ย่านหัวรถไฟ จังหวัดโคราช (นครราชสีมา) ผู้บริหาร คณะครู หรือตำรวจในท้องที่อนุญาตได้อย่างไร สนุกบนความเดือดร้อนของชาวบ้าน รถติดยาวนานเป็นชั่วโมง ถนนก็ถนนสายหลักทั้งนั้น เจริญละท่าน ต้องมีคนออกมาขอโทษหรือรับผิดชอบ"

ด้านเพจที่ชื่อว่า ‘กูประชด’ ดูดคลิปไลฟ์สดกิจกรรมดังกล่าว พร้อมระบุว่า "ปิดถนนหน้าโรงเรียนเพื่อให้เด็กเต้น รถติดบานเลย คนจัดเอาอะไรคิดก่อน?" ปรากฏว่ามีชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น

- "คณะครูโรงเรียนเอาสมองส่วนไหนคิด จัดกิจกรรมที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อสังคมและบุคคลที่ใช้ถนน ถนนหลวงไม่มีสิทธิ์ปิดกั้นขนาดนี้ ถ้ามีกิจกรรมก็อาจจะสัก 1 ช่องจราจรพอได้ เป็นกิจกรรมที่ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเดือดร้อนอย่างมาก"

- "ไม่ขอพื้นที่ในโรงเรียนวะ"

- "ระวังตะวันไปบีบแตรนะคะ" (หมายถึง น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ผู้ต้องหาคดีคุกคามขบวนเสด็จฯ)

- "สภาพ...รถไม่ติดยาวถึงตลาด 100 ปี เลยเหรอเนี่ย"

- "เสรีภาพแต่คนอื่นเดือดร้อน"

- "อยากโชว์ว่ามีกิจกรรมดีๆ แต่ลืมคำนึงว่าคนอื่นจะเดือดร้อนไหม"

- "รอคำอธิบายจากคณะผู้บริหารโรงเรียนและผู้ที่อำนวยความสะดวก (ตำรวจเมืองนครราชสีมา)​"

- "การเต้นอะดี แต่ไม่ควรจัดที่ถนน เพราะเวลาเลิกเรียนหรือตอนเช้า เส้น ท.2 กับมารีย์คือรถติดมากๆ พื้นที่ใน รร.ก็มี จัดใน รร.ก็ได้ ถ้าคนอื่นอยากเข้าไปดู ก็เปิดให้เข้าไปดู"

อย่างไรก็ตาม สำหรับการเต้นดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่ชื่อว่า ซาวเด้อ โคราช มิวสิก เฟสต์ 2024 โคราชเมืองดนตรี ซาวเด้อ เอ็กซ์ เค-แบทเทิล รวมพลังชาวคัฟเวอร์ร่วมกิจกรรมแรนดอมแดนซ์ เพื่อประชาสัมพันธ์เทศกาลดนตรีซาวเด้อ โดยกำหนดจัดกิจกรรมวันที่ 19 ก.พ. เวลา 17.00-17.20 น. หน้าโรงเรียนมารีย์วิทยา โดยงานดังกล่าวจัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา และภาคส่วนต่างๆ เช่น สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เทศบาลนครนครราชสีมา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา วิทยาลัยนาฏศิลปนครราชสีมา โรงเรียนสุรนารีวิทยา บริษัท พาวเวอร์ มูฟ จำกัด และกลุ่ม เค แบทเทิล ไทยแลนด์

ภายหลังเฟซบุ๊กเพจ ‘Sounder Korat Music Fest’ โพสต์ข้อความระบุว่า "การทำประชาสัมพันธ์งาน Random Dance เป็นการตัดสินใจของทีมผู้จัด ไม่เกี่ยวข้องกับทางโรงเรียน หรือหน่วยงานใดๆ ด้วยเจตนาที่อยากสร้างสีสันให้กับเมือง ทางทีมผู้จัดคิดไม่รอบคอบ ต้องกราบขออภัยอย่างสูงในความไม่สะดวก มา ณ ที่นี้ ด้วยครับ ทางทีมผู้จัดขอน้อมรับทุกความคิดเห็น และจะปรับปรุงแก้ไขไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก ขอขอบพระคุณทุกคำเสนอแนะ ครับผม" แต่ก็มีชาวจังหวัดนครราชสีมาตำหนิพฤติกรรมดังกล่าวอยู่ดี

'อดีตทูตนริศโรจน์' เห็นใจ!! เจ้าบ่าวเจอญาติพี่น้องเจ้าสาวกั้น 13 ประตู ย้ำ!! พิธีแต่งงานควรหยอกเล่นแค่พองาม ช่วยคงประเพณีให้ดูขลัง

(20 ก.พ.67) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก 'Fuangrabil Narisroj' ถึงประเด็นเจ้าบ่าวถอดใจไม่แต่งงาน หลังเจอญาติพี่น้องเจ้าสาวกั้น 13 ประตู ว่า...

ขอเขียนอีกที เรื่องเจ้าบ่าวเจอญาติพี่น้องเจ้าสาวกั้น 13 ประตู สุดท้ายเจ้าบ่าวถอดใจไม่แต่ง นั้นผมย้ำอีกทีว่าผมเห็นใจเจ้าบ่าวครับ 

ไปร่วมพิธีแต่งงานแบบนี้มาหลายครั้ง อะไรที่มากเกินไปมันไม่น่ารักเลย จริง ๆ แล้วตามประเพณีไทยจริง ๆ เขามีแค่ประตู เงิน ทอง นาค 3 ประตูเท่านั้น 

ตอนหลังเจอเล่นกันมากมายเหมือนหวังเอาเงิน และถ้าฝ่ายเจ้าบ่าวไม่ได้เตรียมเงินไปพอ ก็จะเกิดการอึดอัดเสียหน้า

ครั้งหนึ่งเคยไปงานแต่งงานแบบนี้ที่ต่างจังหวัด เจ้าสาวเป็นคนไทย เจ้าบ่าวเป็นฝรั่ง เจ้าบ่าวมีพ่อแม่และญาติจากต่างประเทศมาร่วมงานด้วยมีกั้นประตูขันหมากเยอะแบบนี้

แต่ละด่านก็เล่นมากไปจนรู้สึกน่าเบื่อและเริ่มน่ารำคาญ!!

แต่อะไรก็ไม่น่าเกลียดเท่ากับ ตลกแบบเลยเถิด เช่น คนกั้นประตูจะให้เจ้าบ่าวพูดคำสองแง่สองง่าม ลามกจกเปรต หรือ ให้พูดภาษาไทยยาก ๆ หรือพูดชื่อผลไม้พวก ฟักแฟง ซึ่งเจ้าบ่าวก็พูดไม่ได้ ขบวนก็เลยชะงักไม่ไปไหนซักที  

ญาติเจ้าบ่าวก็งงว่าทำไมถึงมีคำหยาบคายของฝรั่งว่า ฟัก ๆ ๆ ตะโกนกันลั่น ๆ  

คือ คนไทยสนุกกันเอง หัวเราะกันเอง แต่บรรยากาศเริ่มไม่ตลก ผมมองเห็นสีหน้าญาติเจ้าบ่าวรู้เลยว่าพวกเขาไม่อินไปด้วย

พวกเขาเริ่มไม่ยิ้ม 

บางทีก็มีการขโมยรองเท้าเจ้าบ่าวเอาไป ถ้าอยากได้คืนต้องเสียค่าไถ่!!!! 

อันนี้ยิ่งไม่เห็นด้วยเลย เหมือนกับส่งเสริมการลักเล็กขโมยน้อย หรือการแลกหรือติดสินบน ถึงจะผ่านไปได้ ยิ่งลูกเด็กเล็กแดงได้เห็นโตไปอาจนึกว่าสิ่งเหล่านี้ถูกต้อง

ขอเขียนอีกที เพราะพิธีแต่งงานอย่าเล่นเลยเถิดมากเกินไป ควรเล่นแต่พองาม ขำ ๆ หยอก ๆ ควรรักษาประเพณีให้ดูขลังไว้ก่อน และอย่าทำอะไรให้ต่างชาติดูถูกเอาได้

‘โจอี้ ภูวศิษฐ์’ ยินดี!! ให้แฟนคลับหน้าเวทีถ่ายรูป ‘ฟรี’ ย้ำ!! ไม่ต้องแนบเงิน เพราะทุกคนเสียค่าบัตรค่าโต๊ะมาดูแล้ว

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ ‘Joey Pws’ ของ โจอี้ ภูวศิษฐ์ อนันต์พรสิริ นักร้องหนุ่มชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์ถึงแฟนคลับหน้าเวที โดยเจ้าตัวยินดีให้ถ่ายรูปได้ฟรีโดยไม่ต้องให้เงิน

‘โจอี้’ ระบุข้อความว่า "ฝากแฟนๆ นะครับ ถ้าจะถ่ายรูปหน้าเวทีกับผมถ้าไม่ได้เล่นกีตาร์หรือพิณ ให้เปิดกล้องไว้แล้วยื่นมาได้เลยครับ ไม่ต้องให้เงินแลกถ่ายรูปเลยนะครับ ผมเต็มใจถ่ายให้ทุกคนแบบไม่รับตังค์ แค่ทุกคนเสียค่าบัตรค่าโต๊ะมาดูผม ผมก็ดีใจและเป็นเกียรติมากๆ แล้วครับ รักทุกคนนะครับ"

อย่างไรก็ตาม มีแฟนคลับแห่คอมเมนต์ชื่นชมศิลปินกันเป็นจำนวนมาก เช่น ศิลปินน่ารักที่สุด, นี่แหละที่ผมเป็นส่วนหนึ่งของแฟนคลับ รักและจะเป็นแฟนคลับตลอดไปครับ, ศิลปินที่ไม่คิดว่าเป็นศิลปินต้องแบบนี้ครับ, น่ารักกับแฟนเพลงที่สุด, คือน่ารักแท้ อยากไปดูคอนเสิร์ตโจอี้ เป็นต้น

ความปรารถนาดีและกำลังใจดีๆ จาก ‘โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ ถึงเยาวชนไทย

ความปรารถนาดีและกำลังใจดีๆ จาก ‘โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ ถึงเยาวชนไทย

ภาพจำที่ชัดเจน ‘โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ ผู้ใหญ่ใจดีที่มอบสิ่งดีๆ ให้แก่สังคมไทย ล่าสุดได้สนับสนุนการศึกษาเด็กไทยทั่วประเทศ ภายใต้ชื่อโครงการ ‘Aerosoft Give Scholarships มอบทุน 100 ล้าน สานฝันให้เด็กไทย’ พร้อมทั้งฝากความปรารถนาดี ความหวังดี และส่งกำลังใจถึงลูกหลาน เยาวชนไทย ไว้ว่า…

“คุณตาโกมลคนนี้ ขอเป็นกำลังใจให้กับหลาน ๆ ทุกคนที่ได้รับทุนการศึกษาในครั้งนี้ และขอให้ทุกคนอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด พวกเหล้ายาของไม่ดีอย่าลองอย่างเด็ดขาด รวมถึงการพนัน ซึ่งตอนนี้การพนันออนไลน์มีเยอะมากและเข้าถึงได้ง่าย ขอฝากไว้ว่าอย่าได้เข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะถ้าหากหลงเข้าไปในบ่วงการพนันแล้วจะทำให้ชีวิตมีแต่ความเดือดร้อน ขอให้มุ่งพัฒนาตัวเองและตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ด้วยความมานะอดทน เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ซึ่งเป็นพื้นฐานสร้างโอกาสในชีวิตและมีรายได้ที่สูงขึ้น สามารถเลี้ยงดูตอบแทนพ่อแม่และมีชีวิตที่ดีในอนาคต”

ไทยขาดดุลจีนมหาศาล ไม่ใช่เรื่องใหม่!! ต้องแก้ด้วย ‘ยกระดับ-ปรับคุณภาพสินค้า’

(20 ก.พ. 67) รองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจจีน จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กต่อกรณีไทยขาดดุลการค้าจีน 1.3 ล้านล้านบาท ไทยขาดดุลจีนมาโดยตลอดมากกว่า 2 ทศวรรษ และมีมูลค่าขาดดุลที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยระบุว่า…

“ข้อมูลไทยขาดดุลจีนมหาศาล ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มันคือ Wake-Up Call !! #ไฟลนก้น ไทยต้องยกระดับสินค้า/ปรับคุณภาพ #ไม่ง่ายแต่ต้องทำ”

ทั้งนี้ สินค้าส่งออกไทยไปจีน ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัตถุดิบ /กึ่งวัตถุดิบ /สินค้าเกษตร ผลไม้ ฯลฯ ล้วนมีมูลค่าเพิ่มต่ำ (เราส่งออกสินค้าขั้นสุดท้าย Final Product /Consumer Product ไปจีนน้อยมาก)

ในขณะที่ ไทยนำเข้าสินค้าทุน /เครื่องมือ/เครื่องจักรจากจีน จึงขาดดุลจีนมูลค่ามหาศาลมาโดยตลอด

ในหลายทศวรรษที่ผ่านมา จีนเป็นแหล่งนำเข้าหลักของสินค้าไทยมาโดยตลอด โดยตัวเลขล่าสุด ปี 2566 จีนเป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 1 ของไทย สัดส่วนสูงถึง 24.4% ทิ้งห่างแหล่งนำเข้าอันดับ 2 ญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก (10.8%)

สำหรับในปี 2566 ไทยและจีนมีมูลค่าการค้าร่วมกัน 3,608,662 ล้านบาท  ไทยส่งออกไปจีน 1,174,558 ล้านบาท และไทยนำเข้าจากจีน 2,434,104 ล้านบาท ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า 1,259,546 ล้านบาท หรือเกือบ 1.3 ล้านล้านบาท

ดังนั้น สินค้าจีนที่ทะลักเข้ามาไทยมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ผลิตสินค้าภายในประเทศไทยต้องปรับตัวอย่างหนัก เพื่อความอยู่รอด และจำเป็นยกระดับอัพเกรดสินค้า ปรับคุณภาพ และพัฒนาสินค้านวัตกรรม เพื่อให้สินค้าไทยอยู่ในระดับกลาง/ระดับบนในสายตาของผู้บริโภค ผู้ผลิตไทยควรเน้นภาพลักษณ์ของสินค้าไทยที่มีคุณภาพดีกว่า ในการแข่งขันกับสินค้าจีน  

อย่างไรก็ตาม ประเทศคู่ค้าจีน ส่วนใหญ่ก็ขาดดุลจีนถ้วนหน้า อย่างเช่น  เวียดนาม ก็ขาดดุลจีนมหาศาล (แถมเวียดนามขาดดุลจีนมากกว่าที่ไทยขาดดุลจีนเป็นเท่าตัว)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top