Monday, 9 June 2025
NewsFeed

'ธนาธร' ชิ่งทัพนักข่าว!! หลังรู้ผลศาลรัฐธรรมนูญ กรณี ‘พิธา-ก้าวไกล’ แก้ ม.112 ล้มล้างการปกครอง

(31 ม.ค. 67) ความคืบหน้าศาลรัฐธรรมนูญมติเอกฉันท์วินิจฉัยว่าการกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกลเป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ และสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความโดยวิธีอื่นเพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกทั้งไม่ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น 

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่รัฐสภา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินทางเข้ารับฟังการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีใช้นโยบายแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 หาเสียงของพรรคก้าวไกล ร่วมกับ สส.ของพรรคก้าวไกล ที่ห้องวอร์รูมของพรรคก้าวไกล ชั้น 6 ห้อง 607 

โดยนายธนาธร กล่าวสั้นๆ ก่อนเข้าห้องวอร์รูมว่า “ผมยังไม่รู้ ขอไปหาเพื่อนนิดนึง ผมยังไม่ได้ฟังคำวินิจฉัย เพิ่งประชุมเสร็จ จึงยังไม่สามารถให้ความเห็นใดๆ ได้”

เมื่อถามถึงแนวโน้มอาจจะไม่ดีเหมือนที่ประเมินไว้ใช่หรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ยังไม่รู้เหมือนกัน ยังไม่ได้รับรายงานความคืบหน้า

ต่อมาในช่วงที่นายธนาธรกำลังเดินเข้าห้องวอร์รูมของพรรคก้าวไกล ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยออกมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนายธนาธรได้หลบหน้าผู้สื่อข่าว พร้อมเดินออกจากห้องประชุมผ่านไปทางทางหนีไฟ

‘กฤษฎา-รมช.คลัง’ แนะ!! รัฐวิสาหกิจเร่งการลงทุน  คาดมีเม็ดเงินสะพัด 2 แสนล้าน กระตุ้น ศก.ได้มาก

(31 ม.ค.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการดำเนินเศรษฐกิจของประเทศ ที่มีสัดส่วนการลงทุนมาก โดยงบประมาณปี 2567 มีความล่าช้า แต่ได้มีนโยบายให้รัฐวิสาหกิจช่วยเร่งในเรื่องของงบลงทุนและการใช้จ่าย เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขณะที่ภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจ ให้ลงพื้นที่ไปดูแลช่วยเหลือลูกค้าในพื้นที่ต่าง ๆ อาทิ เรื่องกีฬา ให้ทุกรัฐวิสาหกิจเข้าไปช่วยเรื่องการเงินหรือการบริหารจัดการในแต่ละสมาคมกีฬา ถือเป็นซอฟต์พาวเวอร์ 

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเร่งดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือสนับสนุนอย่างไรบ้าง? นายกฤษฎากล่าวว่า “งบลงทุนให้เร่งลงทุนตั้งแต่เริ่มปีงบประมาณ ซึ่งบางรัฐวิสาหกิจจะเป็นปีงบประมาณแบบรัฐบาล บางรัฐวิสาหกิจเป็นปีปฏิทิน จะช่วยได้ในช่วงเวลาที่เงินลงทุนของรัฐยังไม่ได้ลงไป จะช่วยได้ในช่วงไตรมาสแรกปีงบประมาณ ซึ่งหลังจากไตรมาสที่ 2 เงินงบลงทุนปี 2567 ก็เริ่มลงทุนได้แล้ว วันนี้กรมบัญชีกลาง ได้ผ่อนปรนเรื่องกฎระเบียบการใช้จ่ายเงินงบลงทุน เพื่อให้สามารถดำเนินการได้เร็วขึ้น และมีขั้นตอนต่าง ๆ ให้สั้นลง คาดการณ์ว่า ในไตรมาสแรกและไตรมาสที่ 2 อาจมีเม็ดเงินงบลงทุนรวมกว่า 2 แสนล้านบาท และไตรมาสหลังจะมีเพิ่มมากขึ้น”

เมื่อถามถึงความคืบหน้าโครงการพักหนี้นอกระบบ หลังเริ่มลงทะเบียน? นายกฤษฎา กล่าวว่า “กระทรวงมหาดไทย รายงานผลอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ธนาคารก็พร้อมช่วยเหลือ ถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี จึงอยากเชิญชวนคนที่มีหนี้นอกระบบเข้ามาลงทะเบียน เพื่อรับการช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างจริงจัง ย้ำว่า โครงการพักหนี้ เป็นการเสริมสภาพคล่องให้กับเกษตรกรหรือเอสเอ็มอี หลังจากผ่านพ้นช่วงโควิด และเริ่มทำธุรกิจ ถือเป็นโครงการที่ดีในการช่วยเหลือประชาชนและเอสเอ็มอี”

‘กบน.’ เห็นชอบใช้กองทุนน้ำมันฯ อุดหนุนราคาเบนซิน 1 บาท/ลิตร

(31 ม.ค.67) นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กบน. มีมติเห็นชอบให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสนับสนุนผู้ใช้น้ำมันในกลุ่มเบนซิน 1 บาท/ลิตร เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชนหลังสิ้นสุดมาตรการลดการจัดเก็บภาษีกรมสรรพสามิตน้ำมันกลุ่มเบนซิน 1 บาท เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังมีความผันผวน โดยราคาน้ำมันเบนซินวันที่ 1-30 มกราคม 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 95.72 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

สำหรับการดำเนินการดังกล่าวเป็นการปฏิบัติภารกิจให้เป็นไปตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 ในการรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนในสถานการณ์ที่ราคาพลังงานยังมีความผันผวน

ประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิ ณ วันที่ 28 มกราคม 2567 ติดลบ 84,349 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 37,875 ล้านบาท ส่วนก๊าซ LPG ติดลบ 46,474 ล้านบาท 

“ครูบาธรรมชัย” องค์บุญแห่งเมืองล้านนา พระครูสุชัยธรรมนันท์เจ้าอาวาสวัดศรีพันต้น จ.น่าน และเจ้าสำนักสถานธรรม ธรรมชัย แผ่นดินทอง อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี

 พระครูสุชัยธรรมนันท์(ครูบาธรรมชัย )เจ้าอาวาสวัดศรีพันต้น จ.น่าน และเจ้าสำนักสถานธรรม ธรรมชัย แผ่นดินทอง อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่าชีวิตท่านวัยเด็กก่อนเข้าศึกษาธรรมะ 
ครูบาธรรมชัยเจ้าสำนักสงฆ์ธรรมชัย ตำบลไชยสถาน อำเภอเมือง จังหวัดน่าน เจ้าอาวาส ตั้งแต่วัยเด็กเป็นเด็กต่างจังหวัด ครั้งก่อนจะบวช บิดามารดา ได้ล้มป่วยลง โยมพ่อทำงานเกี่ยวกัสาธารณประโยชน์ช่วยสังคม และประสบอุบัติเหตุ ทำให้ล้มป่วยขาหัก อยู่ในโรงพยาบาลน่าน หลายปี มาอยู่บ้านก็ไม่ดีขึ้น ทางผู้ใหญ่บ้าน หรือญาติโยม ก็พาโยมพ่อไปรักษาตัว  บังเอิญ หลวงปู่ขันธ์ วัดศรีพันต้น ตอนนั้นท่านก็ไปรักษาญาติโยมที่โรงพยาบาล ท่านได้รักษาโยมพ่อของครูบาธรรมชัย ที่โรงพยาบาล รักษาอยู่ 3 ครั้ง รักษาตัวอยู่หลายเดือน แข้งขาเดินไม่ได้ หนอนก็กิน เกือบต้องตัดขา หลวงปู่ขันธ์บอกว่าอยากหายไหม โยมแม่ท่านก็ได้บอกหลวงปู่ว่า ไม่มีเงิน ซึ่งหลวงปู่ขันธ์ท่านได้กล่าวว่า  “เราไม่ได้เอาเงินเอาทอง อยู่ที่โยมว่าจะไปรักษาหรือไม่  วัดศรีพันต้น”

ช่วงบวชเรียนธรรมะ ซึ่งเมื่อโยมแม่ของครูบาธรรมชัยท่านได้ฟัง ก็ได้เดินทางจากบ้าน ไปกราบหลวงปู่ขันธ์ และก็นำโยมพ่อไปรักษาสมัยนั้น ซึ่งโรงพยาบาลน่าน มีความอัตคัดอยู่ พยาบาลไม่อยากให้ออก คุณหมอไม่อยากให้ออกเพราะใกล้ตัดขาแล้ว  แต่โยมพ่อของท่านมีบุญเก่าอยู่ รักษาอยู่ที่วัดศรีพันต้นได้ 2-3 เดือน โยมพ่อก็เดินได้ หายดีแบบปกติ โยมแม่อยากให้ลูกชายบวช  เผอิญโยมแม่อยากพี่ชายบวชแทนก่อน แต่พี่ชายเป็นคนไม่ชอบวัดเท่าไรนัก 

ในขณะนั้นครูบาธรรมชัยท่าน ยังไม่จบ ป.4 หลวงปู่ก็ชี้มาที่ท่านว่าให้เด็กคนนี้บวชเณรทดแทนคุณ ท่านก็เลยตัดสินใจบวชอยู่กับหลวงปู่ ซึ่งชีวิตในการบวช หลวงปู่ให้ท่านนอนใต้เตียงทุกวัน ตื่นมาเรียนเวทมนต์กับหลวงปู่ขันธ์ ตอนตี 5 และก็ต้องนึ่งข้าวให้หลวงปู่ขันธ์ เพราะหลวงปู่ไม่ยอมฉันท์ข้าวใคร   
ท่านก็ได้เล่าเรียนกับหลวงปู่ตลอด ตั้งแต่ 1 ทุ่มตรงหลวงปู่เคาะระฆัง จนถึง 3 ทุ่มถึงเลิกทุกวัน เรียนกับหลวงปู่อย่างน้อย 20 กว่าปี จนถึง ปี พ.ศ. 2518 และได้ออกจากวัดศรีพันต้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2539 ไปสร้างที่วัดปางค่า ตำบลไชยสถาน อ.เมือง จังหวัดน่าน 

จากนั้นท่านมีแนวคิดในการที่อยากไปเล่าเรียนที่เมืองนอก แต่ยังไม่ได้ไป ท่านก็มีโอกาสได้ไปกราบพระหลายองค์ อาทิหลวงพ่อครูบาดวงดี หลวงพ่อครูบาอินทา หลวงพ่อครูบาวงศ์  ซึ่งอาจารย์แต่ละท่านก็ได้บอกว่าเราสามารถสร้างเองวัดได้แล้ว แต่ท่านยังมีความเชื่อในใจว่ายังไม่มีความสามารถดีพอ จึงได้เข้าไปกราบหลวงพ่ออุดตมะ ที่สังขละบุรี , จากนั้นไปกราบหลวงพ่อสุทธา กราบพระสงฆ์หลายองค์ วัดถ้ำตะเคียน จังหวัดพะเยา ,หลวงพ่อปัญญา ทุกอาจารย์ท่านก็ให้แนวคิดและคำสอนแก่ครูบาธรรมชัย 

ท่านเลยก็คิดว่าลองสร้างบุญดู โดยคิดว่า “ถ้าเสร็จก็เสร็จ ไม่เสร็จก็ไม่เป็นไร” ท่านมีแต่คนเข้าหา ท่านไม่ต้องการสร้างวัด  แต่ไม่ได้แข่งขันกับใคร ท่านอยากสร้างพระพุทธศาสนา   เนื่องจากท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ขันธ์ ที่เคยดูแลรักษาคนป่วยในโรงพยาบาลมาก่อน หลวงปู่ท่านก็ให้คำสอน ถ้ามีเงินอย่าลืมโรงพยาบาล อย่าลืมคิดสร้างบุญด้วยการสร้างโรงพยาบาล   
  
แนวคิดช่วยเหลือโครงการที่เกี่ยวข้องญาติโยมกับประชาชน ท่านครูบาธรรมชัย เป็นพระนักพัฒนา พระนักพัฒนาจะเป็น “พุทธบวร” คือการช่วยเหลือทุกสถาบัน การสร้างโรงพยาบาลเราไม่ได้สร้างเอง การสร้างด้วยใจมีแต่คนมาขอให้ท่านช่วย ท่านก็ช่วย ซึ่งถือเป็นการช่วยชาติจะเป็นเงินมากหรือเงินน้อย ถ้าไม่ออกจากใจก็ไม่สำเร็จอจะมีเงินถัง จะมีกี่ร้อยกี่ล้าน ก็ไม่สำคัญ ต้องทำออกจากใจถึงจะมีบารมีธรรม 
ปี 2547 ตอนนั้นท่านป่วยหนัก บังเอิญหลวงปู่ขันธ์ซี่งเป็นอาจารย์ท่านเคยช่วยเหลือโรงพยาลาล น่าน ท่านได้มรณภาพในปี 2539 อยากช่วยโรงพยาบาล คุณหมอวิวัฒน์ชัย ทำหนังสือให้ท่านไปช่วยเหลือผู้ป่วย พ.ศ 2548-2562 ท่านก็ไปทุกวัน คุณหมอได้มากระซิบว่าเครื่องมือของโรงพยาบาลไม่ค่อยพร้อม  ซึ่งท่านก็มองว่าคนไทยต้องช่วยเหลือกันให้เป็นกุศลนำทาง โดยเริ่มจากชุดแรก ตามด้วยชุดที่ 2 และชุดที่3 ไปจนเพิ่มมากขึ้น ท่านมีแนวคิดอยากช่วยสร้างตึกพิเศษ 39 ห้อง ซึ่งเป็นการรวบรวมปัจจัยจากลูกศิษย์ช่วยกันสร้าง  เนื่องจากแถวนั้น ทุรกันดานมาก 

ท่านมีแนวคิดในการสร้างโรงพยาบาลที่บนดอยของในจังหวัดน่าน คือ สำนักสงฆ์ธรรมชัย ตำบลไชยสถาน อำเภอเมือง จังหวัดน่าน นอกจากนี้ท่านยังช่วยเหลือ บอกต่อญาติโยมในการช่วย โรงพยาบาลใน ตำบลนาน้อย จังหวัดน่าน , อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย , หน่วยงานอนามัยหลายที่หลายจุด จนไปถึงบ้านไร้ที่พี่ง เห็นผู้ป่วยอยู่ รพ.เยอะ ,นอกจากนี้ยังทำบุญร่วมบุญกัน ซื้อรถส่งศพไร้ญาติ อีกด้วย

ท่านคิดว่า การช่วยเหลือสังคมไม่ได้ผิด การช่วยเหลือโรงพยาบาล การช่วยเหลือของญาติโยมทุกคน ขอเพียงแต่ให้ทุกท่านช่วยเหลือมาจากใจ ถ้าญาติโยมเงินทองไม่ใช่สิ่งจำเป็นเท่ากับ ใจที่อยากเป็นกุศลร่วมบุญ และช่วยเหลือผู้อื่น ก็เป็นกุศลมากมายนัก

การตรวจชะตาเสริมบารมีการตรวจดวงชะตาของครูบาธรรมชัยนั้น วิธีของท่าน ท่านไม่ต้องการให้เอาปัญหามาบอกท่านก่อน ท่านไม่ชอบในแนวทางนี้ การตรวจดวงชะตาของท่าน  ญาติโยมจะถวายผ้าไตรก่อนแล้วท่านจะชี้ไปที่คนคนนั้นก่อนเลย ท่านอยากชี้ทางเองมากกว่า และท่านจะทัก มองจากกรอบหน้ามองจากพื้นดวง ท่านก็สามารถทักได้แบบตาเห็น

ในส่วนการขีดเส้นวาสนา เพื่อพลิกชะตา พลิกชีวิตนั้น ครูบาธรรมชัย ได้เรียนรู้วิชามากจาก หลวงพ่อครูบาวงศ์ ลี้ลำพูน การขีด 10 วัน 20 วัน เป็นเดือน อาจจะไม่เกิด หากเราไม่เคยเคารพบิดามารดา ขีดยังไงก็ไม่ขึ้น อยู่ที่ความเชื่อ ขีดแล้วดวงปิดก็มี  ท่านได้จัดทำตะกรุด เมื่อ ปี พ.ศ. 2551 สร้างรุ่นพลิกชีวิต และรุ่นเหนือดวง บางคนก็มีเฮง อยู่ที่ความเชื่อแต่ละคน ตะกรุดมีทุกวัด แต่วัดไหนก็อยู่ที่ความเชื่อของญาติโยม ความศรัทธา การคิดดี และทำดี   ซึ่งตะกรุดรุ่นพลิกชีวิต ตอนนี้เหลือแค่ 30,000 ดอกเท่านั้น  รุ่นเหนือดวง 10,000 กว่าดอกเท่านั้น นำปัจจัยที่ได้ ไปช่วยสังคมต่อไป

“ขอญาติโยมมีเงินมีทอง กราบอาตมาภาพ ขอให้ 9 ดี 10 ดี ขอญาติโยมทุกท่านเป็นเศรษฐีคนใหม่เทอญ” 

"โชคชะตา" ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน มีทั้ง ดี และ ร้าย 
"โชคชะตา" เป็นสิ่งที่เรากำหนดและควบคุมไม่ได้ 
แต่สามารถดูเพื่อการ "แก้ไข" ได้ 

ตรวจเช็คดวงชะตากับองค์บุญแห่งเมืองล้านนา 
- ครูบาธรรมชัย - 
เจ้าอาวาสวัดศรีพันต้น อ.เมือง จ.น่าน และสถานธรรมชัยแผ่นดินทอง อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี 
เปิดรับบัตรคิวเวลา 06.00 น. - 17.00 น. 
จำนวน 200 คิวต่อวัน  
1 คิว = 1 คน 
❌งดการจองคิว รับบัตรวันต่อวันเท่านั้น 
สอบถามรายละเอียดได้เลยทักแชท 
Facebook ครูบาธรรมชัย – จ. น่าน หรือ แอดไลน์Open Chat (id line : สายกลุ่มสายบุญหลวงพ่อครูบาธรรมชัย(ซานต้า)

เปิดโฉมหน้า 44 สส.ก้าวไกล เสนอแก้ ม.112 ส่อโดนฟันจริยธรรมร้ายแรง ตัดสิทธิตลอดชีวิต

(31 ม.ค. 67) ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ พรรคก้าวไกล โดยส.ส.จำนวน 44 คน ที่เสนอร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ..เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง

ผลกระทบกรณีหนึ่งที่จะตามมาคือ อาจมีผู้นำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิดจริยธรรมร้ายแรง นายพิธา และ ส.ส.พรรคก้าวไกล จำนวน 44 คน ที่ยื่นร่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าว

โดยโทษตามความผิดจริยธรรมร้ายแรงคือ ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปี และ ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อ ส.ส. ที่ลงชื่อเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ...) เกี่ยวกับการแก้ไขมาตรา 112 เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2564 เป็น ส.ส.พรรคก้าวไกลทั้งหมด จำนวน 44 คน ประกอบด้วย

1. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล 
2. นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
3. นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
4. น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน ส.ส.จันทบุรี
5. น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ
6. นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี ส.ส.บัญชีรายชื่อ
7. น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
8. พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
9. นายนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
10. นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม.

11. นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.
12. นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ
13. นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก
14. นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ
15. นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
16. นายปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
17. นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ
18. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กทม.
19. น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
20. น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม

21. นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
22. นายคำพอง เทพาคำ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
23. นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ ส.ส.กทม.
24. นายทองแดง เบ็ญจะปัก ส.ส.สมุทรสาคร
25. นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา
26. นายจรัส คุ้มไข่น้ำ ส.ส.ชลบุรี
27. นายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ
28. นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
29. นายอภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ
30. นายองค์การ ชัยบุตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ

31. พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
32. นายณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
33. นายศักดินัย นุ่มหนู ส.ส.ตราด
34. นายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ
35. นายวาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ
36. น.ส.วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.บัญชีรายชื่อ
37. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ
38. นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
39. นายทวีศักดิ์ ทักษิณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
40. นายสมชาย ฝั่งชลจิตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ

41. นายสมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ
42. นายวุฒินันท์ บุญชู ส.ส.สมุทรปราการ
43. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ
44. นายสุรวาท ทองบุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

กทท.จัดสัมมนาโครงการการศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม ศูนย์กระจายสินค้า อาคารสำนักงาน


วันที่ 31 มกราคม 2567 ที่ห้องประชุมชั้น 9 โรงแรมคาร์ลตัน กรุงเทพ ถ.สุขุมวิท การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) จัดงานสัมมนาโครงการการศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการศูนย์กระจายสินค้า อาคารสำนักงาน และพื้นที่สนับสนุนท่าเรือกรุงเทพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ยกระดับสู่การเป็นศูนย์กระจายสินค้าหลักของประเทศ โดยได้เกียรติจาก นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นางมนพร เจริญศรี) นายสุทธิพจน์ ถาวรพิศาลเกษม ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมฯ เข้าร่วมงานสัมมนา “โครงการการศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการศูนย์กระจายสินค้า อาคารสำนักงาน และพื้นที่สนับสนุนท่าเรือกรุงเทพ” และร่วมรับฟังการเสวนาในหัวข้อ “การพัฒนาศูนย์กระจายสินค้า (DC) และธุรกิจใหม่ในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ กับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของท่าเรือกรุงเทพฯ สู่การเป็น Smart  & Green Port” โดยมี นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. เป็นประธานในพิธีฯ พร้อมด้วย เรือโท ภูมิ แสงคำ ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ นายอภิเสต พงษ์สุวรรณ รองผู้อำนวยการ กทท. สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ นายแถมสิน ศรีบางพลีน้อย รองผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ  คณะผู้บริหารและพนักงาน กทท. ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผู้ประกอบการ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และสื่อมวลชน เข้าร่วมงานฯ

สำหรับการศึกษาความเหมาะสมของโครงการฯ ดังกล่าว เป็นความร่วมมือดำเนินการระหว่าง กทท และมหาวิทยาลัยบูรพา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจและการตลาด ที่จะส่งเสริมให้ท่าเรือกรุงเทพเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ รวมทั้งการวิเคราะห์รูปแบบธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ ให้สอดรับกับแผนพัฒนาพื้นที่ของ กทท. เพื่อให้ท่าเรือกรุงเทพสามารถรองรับการเติบโตด้านเศรษฐกิจในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล พร้อมทั้งการแก้ไขปัญหาการจราจร ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างมูลค่าเพิ่มและส่งเสริมการค้า-การลงทุนของประเทศ เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนต่อไป โดยการเสวนาฯ ในวันนี้ ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากภาคการขนส่งและโลจิสติกส์ ประกอบด้วยคุณภาวิณา อัศวมณี รักษาการที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน สำนักสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ) ดร. ปิยะนุช สัมฤทธิ์ นายกสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย (ผู้แทนจากผู้ใช้บริการด้านสินค้า) คุณคงฤทธิ์ จันทริก ผู้อำนวยการบริหารสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (ผู้แทนจากผู้ใช้บริการด้านเรือ) และกัปตัน ดร.เฉลิมวุฒิ แท่นสุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันการศึกษาพาณิชยนาวี (ผู้แทนจากภาควิชาการ)

"การพัฒนาท่าเรือกรุงเทพให้เป็นท่าเรือแห่งอนาคตเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ของการท่าเรือในการทำให้ กทท. เป็นประตูหลักของการค้าและการขนส่งในภูมิภาคด้วยมาตรฐานการให้บริการในระดับโลกหรือ World Class Port โดยมีนโยบายการนำแนวคิด 3T (Transshipment, Transit, Traffic) และ 2D (Digitization, Decarbonization) เข้ามาเป็นแนวทางในการบริหารจัดการ 

โดยโครงการพัฒนาศูนย์กระจายสินค้า หรือ DC (Distribution Center) เป็น 1 ใน 3 โครงการพัฒนาหลักของท่าเรือกรุงเทพ ที่เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและยกระดับความสามารถในการแข่งขันให้กับท่าเรือกรุงเทพ อีกทั้งจะเป็นการช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ต่อ GDP ของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม คือ 

1) โครงการพัฒนาท่าเทียบเรือแบบ Smart Port ที่นำเอาระบบ Automation มาใช้ในการบริหารจัดการ 
2) โครงการเชื่อมต่อทางพิเศษ S1 (อาจณรงค์-บางนา) ในการแก้ไขปัญหาการจราจร 

3) โครงการศูนย์กระจายสินค้าท่าเรือกรุงเทพหรือ Bangkok Port Distribution Center 
ซึ่งภายใต้โครงการฯ นี้ จะประกอบด้วยแนวคิดการพัฒนาพื้นที่ภายในเขตรั้วศุลกากร 138 ไร่ (220,800 ตร.ม.) เป็นอาคารทรงสูง (Multilevel Warehouse) เพื่อรองรับปริมาณสินค้า/ตู้สินค้า LCL/CFS และกิจกรรมของท่าเรือกรุงเทพที่เพิ่มมากขึ้น เช่น Free Zone, Cold Chain Warehouse, E-Commerce Fulfillment Center, Last-Mile Delivery, Value Added Services, Cross-Border E-Commerce เป็นต้น และพัฒนากิจกรรมท่าเรือสมัยใหม่ (New Business Venture) เพื่อรองรับพลวัตการเติบโตและขยายตัวของเมือง โดยในโครงการฯ จะประกอบไปด้วยกิจกรรมการให้บริการต่าง ๆ เช่น คลังสินค้าทรงสูง ศูนย์เปลี่ยนถ่ายและขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ พื้นที่บริหารจัดการรถบรรทุก (Truck Terminal) และอาคาร One Stop Services (OSS) เป็นต้น เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้บริการของท่าเรือกรุงเทพในอนาคต" ผู้อำนวยการ กทท. กล่าว

'การบินไทย' รับสมัครนักบิน 'ไม่ระบุเพศผู้สมัคร' ครั้งแรก หลังจากที่ผ่านมา ระบุรับสมัครแต่ 'เพศชาย' เท่านั้น

(1 ก.พ.67) จากเพจ 'Wingtips' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ประกาศรับสมัครนักบิน (รูปแบบ QP-Qualified Pilot) ผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสายการบิน โดยเป็นการรับสมัครครั้งแรกในรอบ 7 ปี และที่สำคัญคือไม่มีการระบุเพศผู้สมัคร เปรียบเทียบกับที่ผ่านมาที่จะระบุว่ารับสมัครเพศชายเท่านั้น

สำหรับคุณสมบัติของผู้สมัครเบื้องต้นมีดังนี้...

- สัญชาติไทย 
- การศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี ไม่จำกัดสาขา (กรณีจบการศึกษาจากต่างประเทศ ต้องมีเอกสารเทียบวุฒิการศึกษามาแสดงให้เรียบร้อย)
- หากผู้สมัครเป็นเพศชายต้องพ้นพันธะทางทหาร (มี ส.ด. 8 หรือ ส.ด. 43)
- อายุไม่เกิน 54 ปีบริบูรณ์ นับถึงวันที่ 1 มกราคม 2568 คือ ไม่เกิดก่อนวันที่ 1 มกราคม 2514 เป็นต้นไป
- มีผลคะแนนภาษาอังกฤษดังนี้ ICAO English Language Proficiency ตั้งแต่ Level 4 ขึ้นไป และผลการสอบ THAI TEP มากกว่า 63 คะแนน หรือผลการสอบ TOEIC มากกว่า 650 คะแนน (ผลการสอบต้องมีอายุไม่เกิน 2 ปีนับถึงวันที่สมัคร โดยเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)
- มีใบอนุญาตนักบินพาณิชย์เอก หรือ CPL/MPL พร้อมผลสอบ ATPL Knowledge ผ่านครบทุกวิชา และใบอนุญาตต้องออกโดยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และยังมีผลใช้บังคับ (ในกรณีผลสอบ ATPL ไม่ครบทุกวิชา ในช่วงเวลาเปิดรับสมัคร ต้องนำผลสอบผ่านครบทุกวิชา มาแสดงภายในวันทำสัญญาจ้าง)
- มีใบสำคัญแพทย์ ชั้น 1 (Medical Certificate Class 1) ที่ออกโดยสถาบันเวชศาสตร์การบินกองทัพอากาศ ที่มีผลใช้บังคับ
- ไม่มีประวัติอาชญากรที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ผู้ที่สนใจสมัครสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครได้ที่ https://career.thaiairways.com/

เหยื่ออาคารชุด “แดนลิฟวิ่ง” เฮ!!! กมธ.ปปง. ไกล่เกลี่ยสำเร็จ หลัง “ปปง.” ตกลงเปิดโอกาสผู้เสียหายแจ้งสิทธิ์ใหม่ 30 วัน ก่อนเสนอศาลผ่านอัยการขอใช้เงินที่ถูกยึด-อายัดกว่า 600 ล้านบาทเยี่ยวยา

เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 ห้องประชุมกรรมาธิการ N 407 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา(เกียกกาย) นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ง.) พร้อม กมธ. ที่ปรึกษา เลขานุการ ได้ประชุมพิจารณาปัญหาร้องเรียนจากผู้ได้รับความเดือดร้อนกรณีสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินอาคารชุด Than Living ถนนประชาอุทิศ กรุงเทพมหานคร ของบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด มีผู้ได้รับความเดือร้อนประกอบด้วย ผู้รับเหมาก่อสร้าง ผู้อยู่อาศัยในอาคารชุด และบุคคลผู้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ โดยมีผู้แทนจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมธนารักษ์ กรมที่ดิน ผู้จัดการ และกรรมการนิติบุคคลอาคารชุด รวมไปถึงผู้เสียหาย เข้าเจรจาเพื่อหาทางช่วยเหลือ

การพิจารณาเพื่อหาช่องทางในการช่วยเหลือผู้เสียหายที่มีอยู่กว่า 900 ราย ที่ตกเป็นเหยื่อในคดี ซึ่ง กมธ.ปปง.ยังคงพิจารณา เพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรม ต่อการเข้ายึดและอายัดทรัพย์ของ “ปปง.” เพราะผู้เสียหายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีของบริษัทกีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด ที่ถูกยึดและอายัดทรัพย์สินในเหตุผลทางคดีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งผู้เสียหายได้พยามต่อสู้มากว่า 10 ปี (ตั้งแต่ปี 2557)และมีความเสียหายเบื้องต้นกว่า 400 ล้านบาท ที่ต้องการเรียกเงินดาวน์คืนจากโครงการนี้ จนมาถึงมือ กมธ.ปปง. ที่ยังคงทำการพิจารณาต่อเนื่อง

นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ประธาน กมธ.ปปง. กล่าวว่า เป็นการประชุม ครั้งที่ 13 ปัญหาร้องเรียนจากผู้ได้รับความเดือดร้อนกรณีสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินอาคารชุดโครงการ Than Living ถนนประชาอุทิศ กรุงเทพมหานคร ของ บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากเจ้าของโครงการอาคารชุดถูกยึดและอายัดทรัพย์สินในคดีโครงการรับจำนำข้าว จึงได้นำมาพิจารณาต่อเนื่องจากการประชุมครั้งที่แล้ว ผลการพิจารณาร่วมกันเพื่อหาทางช่วยเหลือให้กับผู้ร้องเป็นขั้นตอนในการช่วยเหลือตามกฏหมายให้ประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อได้รับการช่วยเหลือ 

“กมธ.ปปง. จึงมีมติร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเปิดโอกาสให้ ผู้เสียหายที่เป็นผู้รับเหมารวมถึงผู้เสียหายจากเงินดาวน์อาคารชุดหรือที่ยังโอนไม่ได้ให้ไปยื่นแจ้งสิทธิ์ว่าเป็นผู้เสียหายยัง สำนักงาน ปปง. เพื่อให้มีรายชื่อในการช่วยเหลือ ซึ่ง สำนักงาน ปปง. จะเปิดให้ยื่นยันสิทธิ์ใหม่อีกครั้ง และจะมีการออกประกาศให้แจ้งสิทธิ์ภายใน 1 เดือน หลังจากนั้น สำนักงาน ปปง. จะรวบรวมรายชื่อผู้เสียหายทั้งหมดยื่นต่อศาลผ่านอัยการ เพื่อขอให้มีการเยี่ยวยาผู้เสียหาย เพื่อขอใช้เงินจำนวน กว่า 600 ล้านบาท ที่ สำนักงานปปง. ยึดและอายัด เอาไว้นำมาช่วยเหลือ ดังนั้นจึงขอให้ผู้เสียหายติดตามข่าวจากสำนักงาน ปปง. เพื่อแสดงตัวตามสิทธิ์ที่มี ส่วน กรณีการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดต่อกระทรวงการคลังโดยธนารักษ์ ก่อนจะไปทำการขายทอดตลาด จะทำกันภายหลังจากที่มีการเยี่ยวยาผู้เสียหายตามระยะเวลาที่ได้มีมติในที่ประชุมต่อไป“ นายเลิศศักดิ์ กล่าวในที่สุด

'สว.สมชาย' ชี้!! อนาคต 'พิธา-ก้าวไกล' มีแค่ 'ยุบพรรค-ตัดสิทธิการเมือง'

(1 ก.พ.67) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ‘สถานีต่อไปของพิธาและก้าวไกล ยื่น กกต.ยุบพรรค ยื่น ป.ป.ช.เอาผิดจริยธรรม ตัดสิทธิการเมือง’ ระบุว่า

หลังจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเมื่อ 31 ม.ค.2567 วินิจฉัยชี้ชัดเจนว่า นายพิธาและพรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์และเจตนายกเลิกมาตรา 112 และอื่นๆ ถือเป็นกระทำการในการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สั่งการให้ยกเลิกการกระทำทันทีและทั้งหมดในอนาคตต่อไปด้วยแล้ว

คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร ดังนั้นผู้ร้องและผู้เกี่ยวข้องต้องดำเนินคดีความทางกฎหมายต่อไปทันที อย่างน้อยทั้ง 2 ช่องทาง ดังนี้

ช่องทางที่ 1.ผู้ร้องดำเนินการยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต.เพื่อให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคต่อไป ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 92 หรือนายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นความปรากฏเองแล้ว ตามมาตรา 93 เสนอต่อ กกต.เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคได้ทันที

ช่องทางที่ 2.ผู้ร้องดำเนินการยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.กล่าวหา 44 สส.ที่ลงชื่อเสนอร่างแก้ไข มาตรา112 ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง เพื่อขอให้ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด ส่งศาลฎีกานักการเมือง เพื่อพิพากษาว่า ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจริยธรรมอย่างร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. มาตรา 87 ประกอบ มาตรา 81 ที่ระบุว่า เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนและมีความเห็นว่า ผู้ดํารงตําแหน่ง ทางการเมือง…ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ ตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย…

มาตรา 81 ในกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองประทับฟ้อง ตามมาตรา 77 ให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคําพิพากษา เว้นแต่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองจะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่น

ในกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองมีคําพิพากษาว่าผู้ถูกกล่าวหากระทําความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ให้ผู้ต้องคําพิพากษานั้น พ้นจากตําแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น และจะเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกินสิบปีด้วยหรือไม่ก็ได้

ผู้ใดถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไม่ว่าในกรณีใด ผู้นั้นไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือ สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตลอดไป และไม่มีสิทธิดํารงตําแหน่งทางการเมืองใด ๆ

‘หมอมนูญ’ ห่วง!! ‘เด็ก-ผู้ใหญ่’ เสี่ยงป่วยไข้เลือดออก แนะฉีดวัคซีนป้องกัน ช่วยลดป่วยรุนแรงได้

(1 ก.พ. 67) นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า โรคไข้เลือดออกเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ ไวรัสไข้เลือดออกมี 4 สายพันธุ์ คนจึงอาจเป็นแล้วเป็นอีกได้ถึง 4 ครั้ง โรคนี้เป็นได้ตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นครั้งที่ 2 จะหนักกว่าครั้งอื่น ๆ กลุ่มเสี่ยงที่ป่วยหนักคือ ผู้ใหญ่วัยทำงานถึงวัยกลางคนอายุ 25-54 ปี เพราะมีโอกาสติดเชื้อครั้งที่ 2 สูงกว่ากลุ่มอื่น แม้คนติดเชื้อครั้งที่ 2 จะสุขภาพดีก็ยังสามารถป่วยเป็นไข้เลือดออกรุนแรงได้ ปัจจุบันยังไม่มียารักษาเฉพาะเจาะจง

ในปี 2566 ไข้เลือดออกระบาดหนักที่สุดในรอบ 5 ปี และในปี 2567 ไข้เลือดออกเป็นอีกโรคหนึ่งที่คาดว่าจะระบาดหนักร่วมกับโควิดและไข้หวัดใหญ่

โชคดีว่าโรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน โดยมีวัคซีนตัวที่ 2 เพิ่งเข้าประเทศไทย ชื่อวัคซีน Qdenga เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ มีประสิทธิภาพดี สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกได้ทั้ง 4 สายพันธุ์สูงถึง 80.2% และลดการนอนโรงพยาบาลด้วยไข้เลือดออกได้สูงถึง 90.4% มีการศึกษาติดตามระยะยาวถึง 4.5 ปี พบว่ายังคงประสิทธิภาพในการป้องกันการนอนโรงพยาบาลจากไข้เลือดออกได้ถึง 84.1%

โดยแนะนำให้ฉีดเข้าต้นแขนใต้ผิวหนัง (subcutaneous) ในคนอายุ 4-60 ปี จำนวน 2 เข็ม โดยห่างกัน 3 เดือน เป็นวัคซีนที่ไม่จำเป็นต้องตรวจเลือดก่อนฉีดวัคซีน เนื่องจากสามารถฉีดได้ทั้งผู้ที่เคยและไม่เคยป่วยเป็นไข้เลือดออก แตกต่างจากวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกตัวแรก Dengvaxia ที่ต้องตรวจเลือดก่อนฉีด เพราะฉีดได้เฉพาะผู้ที่เคยป่วยเป็นไข้เลือดออกเท่านั้น

ข้อห้าม: ห้ามฉีดผู้หญิงตั้งครรภ์ และกำลังให้นมบุตร คนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ กินยากดภูมิ ได้ยาเคมีบำบัด เคยปลูกถ่ายอวัยวะ และคนติดเชื้อไวรัสเอชไอวี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top